คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : Chapter 06 :: Your Voice
Chapter 6
Your Voice
ภาพตรงหน้าคือสระว่ายน้ำตอนกลางคืนที่เปิดไฟอยู่แค่ไม่กี่จุด เซฮุนยืนนิ่งอยู่ข้างขอบสระ มองใครอีกคนที่กำลังว่ายท่าฟรีสไตล์อย่างตั้งใจไปจนถึงสุดฝั่ง ก่อนจะว่ายกลับมา
หวงจื่อเทาว่ายน้ำเร็วเป็นบ้า...
“มาแล้วเหรอ?”
เซฮุนมองคนที่เพิ่งขึ้นมาจากสระแล้วคว้าผ้าขนหนูผืนเล็กขึ้นมาเช็ดผม เด็กหนุ่มตัวผอมตอบคำถามนี้โดยการยักไหล่ ก่อนที่อีกฝ่ายจะหยุดยืนอยู่ข้าง ๆ เขา ซึ่งห่างประมาณหนึ่งช่วงแขน
จื่อเทาดูพอใจที่ตามเขามาถึงที่นี่ได้ เซฮุนไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้ไปเอาเบอร์เขามาจากไหน และมันคืออีกข้อสงสัยหนึ่งที่โอเซฮุนอยากรู้
“นายเอาเบอร์ฉันมาจากไหน”
“ยืนดักรอฮันซอนฮวาอยู่หน้าห้องน้ำหญิง ทำหน้าดุ ๆ หน่อย หลังจากได้เบอร์นายมาแล้วก็โดนตุ๊ยท้องไปทีนึง” พอได้ยินคำตอบคนตัวผอมก็ลอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ เขารู้ว่าผู้หญิงคนนั้นนิสัยดี แถมมีน้ำใจชวนไปนั่งกินข้าวอยู่หลายครั้ง แต่การมีน้ำใจโดยการเอาเบอร์เขาให้หมอนี่มันก็...
ให้ตายสิ...
“นายไม่โอเคเหรอ”
“ถ้าตอบว่าไม่ ฉันจะกลับห้องซ้อมได้เลยหรือเปล่า?”
“ปฏิเสธ มาถึงที่นี่แล้วอยู่ด้วยกันก่อนจะเป็นไรไป” จื่อเทากวนประสาทด้วยการแปะผ้าขนหนูที่ชื้นน้ำคลอรีนไว้บนหัวเขา
“สองวันแล้วนะหวงจื่อเทา” เมื่อวานก่อนหมอนี่ก็ไปลากเขาถึงห้องซ้อมแล้วบอกให้มานั่งกินข้าวเย็นเป็นเพื่อน แถมยังชวนคุยเรื่องบ้าบอคอแตกอีก
“พรุ่งนี้ก็จะเป็นวันที่สาม” คนตัวสูงยิ้มอย่างพอใจ เขาชอบเวลาเซฮุนขมวดคิ้ว อีกทั้งสายตาคู่นั้นที่กำลังบอกว่าหวงจื่อเทาน่ะโคตรน่ารำคาญ แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้รังเกียจหรอก เขารู้
เซฮุนคิดว่าคนอย่างหวงจื่อเทาเป็นคนสติไม่ดี เห็นทุกอย่างเป็นเรื่องตลกไปหมด แต่เขาหลุดขำออกมาแค่สองมุกเท่านั้นแหละ มุกแรกก็คือตอนที่หมอนี่บอกว่าเคยไปซื้อยาคุมให้เพื่อนผู้หญิงเพราะเธอไม่กล้าไปซื้อเอง พอคนขายยามองหน้า หวงจื่อเทาเลยโพล่งไปว่า ‘หนูอยากลองกินเพราะเพื่อนบอกว่ามันทำให้นมใหญ่ได้ค่ะ’ แค่นั้นแหละ... โอเซฮุนก็ระเบิดหัวเราะออกมาอย่างห้ามไม่ได้
ส่วนเรื่องที่สองคือเรื่องเต้น ไม่รู้ว่าอะไรเป็นยังไง ทำไมบทสนทนาของเราถึงวกเข้ามาเรื่องนี้ได้ และถึงหวงจื่อเทาจะบ้าบอแต่ก็ฉลาดเอาเรื่อง ที่สามารถหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาคุยอย่างออกรส พอรู้ตัวอีกที เซฮุนก็เอาแต่หัวเราะ ตอนที่เห็นจื่อเทาลุกขึ้นเต้นคัฟเวอร์ให้ดู ซึ่งใด ๆ ล้วนเกิร์ลกรุ๊ปทั้งนั้น
แนวเพลงของเขาไปในทางเดียวกัน แบรนด์เสื้อผ้ากับรองเท้าก็ด้วย แต่พูดก็พูดเถอะ เซฮุนไม่กล้าที่จะชินกับการที่มีหวงจื่อเทาเข้ามาในชีวิตเลย
“พรุ่งนี้ฉันไม่ว่าง”
“เหรอ ถามได้ไหมว่าไปไหน?” จื่อเทาวางนาฬิกาจับเวลาไว้บนมืออีกคนก่อนจะสวมหมวกว่ายน้ำอีกครั้ง
“มีธุระ” คำตอบนี้เป็นเหมือนเส้นสีแดงที่ขีดให้เด็กหนุ่มตัวสูงรู้ว่าอีกฝ่ายตั้งใจจะเว้นระยะห่างระหว่างเขาทั้งคู่ ซึ่งจื่อเทาก็ไม่ได้เป็นกังวลนัก
“พูดตรง ๆ นะเซฮุน”
คนตัวผอมมองอีกคนที่หันหน้าเข้าหาเขา ผิวสีกร้านแดดตอนที่มีหยดน้ำเกาะอยู่ตามมัดกล้ามนั่นน่ะ ถ้าพวกสาว ๆ เห็นคงกรี๊ดกันให้สลบ
“ยิ่งนายทำเหมือนไม่อยากคุยกับฉันเท่าไหร่ ฉันก็ยิ่งอยากเข้าหานายมากเท่านั้น”
“หา?” เซฮุนขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ หมอนี่ยังสติดีอยู่ไหมถึงได้พูดออกมาได้หน้าตาเฉยแบบนี้
ไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเอง แต่โอเซฮุนก็ไม่ได้ซื่อบื้อขนาดที่จะคิดว่าอีกฝ่ายเข้าหาแบบเพื่อนอย่างบริสุทธิ์ใจ แต่ถึงอย่างนั้นเด็กหนุ่มก็ยังชั่งน้ำหนักให้มันอยู่ตรงกลาง ระหว่างเรื่องที่หวงจื่อเทาเป็นคนแบบนี้อยู่แล้ว และนี่คือวิธีเข้าหาเพื่อนในแบบของหมอนี่ และ...เขากำลังโดนจีบ
แต่ก็ไม่อยากคิดไปในทางอย่างหลัง จากที่ได้ยินมา หวงจื่อเทาก็คุยเล่นกับผู้หญิงเยอะแยะ อยู่ ๆ คงไม่นึกครึ้มหันมาเล่นผู้ชายด้วยกันหรอกมั้ง
“อยู่คนเดียวไม่เหงาหรือไง ให้ฉันเข้าไปในโลกของนายไม่ได้เหรอ?” เซฮุนเบี่ยงตัวหลบมือที่เอื้อมมายีหัวเขาอย่างกับเพื่อนเล่น
“ต่อให้ฉันบอกว่าไม่ นายก็จะเข้ามาอยู่ดีไม่ใช่เหรอ?”
“อ่า นั่นสินะ” จื่อเทาหัวเราะ
นี่เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เขาสนใจเซฮุนมากยิ่งขึ้น ก็เพราะว่าเจ้าตัวแสดงออกว่าเฉย ๆ แต่พอถูกกระตุ้นหน่อย กำแพงที่อีกฝ่ายเคยสร้างขึ้นมา หวงจื่อเทาก็ปีนข้ามมันไปได้ทุกครั้ง แม้ว่าหลังจากนั้นเซฮุนจะไล่เขาให้ปีนกลับไปทุกทีก็ตาม
“เรื่องขี้ปากคนอื่นทำหูทวนลมไปบ้างก็ได้” จื่อเทาสวมแว่นว่ายน้ำ ก่อนจะเดินไปขึ้นบนแท่น “แคร์คนที่อยู่กับนาย ไม่ใช่คนที่คิดไม่ดีกับนาย” คนตัวสูงส่งยิ้มมาอีกครั้ง แน่นอนว่าเซฮุนมักจะเห็นรอยยิ้มเปื้อนบนใบหน้าผู้ชายคนนั้นอยู่เสมอ
จื่อเทาพูดถูก แต่ถ้ามันทำง่ายอย่างที่ว่าก็ดีสิ
เซฮุนกดจับเวลาเมื่ออีกคนกระโดดลงไปในน้ำ นัยน์ตากลอกมองไปตามการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วจนน่าทึ่ง หวงจื่อเทากลายเป็นใครอีกคนที่เขาไม่รู้จัก ผู้ชายคนนั้นเวลาว่ายน้ำดูจริงจังจนไม่อยากเชื่อว่าเป็นคน ๆ เดียวกันกับผู้ชายขี้เล่นที่ชอบทำให้เขาปวดหัว
ทันทีที่มือแกร่งแตะขอบสระ เซฮุนก็กดปุ่มหยุดเวลา จื่อเทาโกยอากาศเข้าปอดทางริมฝีปากก่อนจะถอดแว่นและหมวกว่ายน้ำไว้กับแท่นกระโดด มือแกร่งสางผมที่เปียกลู่ไปข้างหลังแล้วตรงมาทางนี้ เซฮุนได้กลิ่นคลอรีนตามตัวอีกฝ่ายเมื่อร่างกายของเขายืนชิดกัน
“โว้ว เร็วกว่าเมื่อวานนี้ตั้งสามวิ นายไม่ได้กดก่อนฉันกระโดดลงน้ำหรอกใช่ไหม?” จื่อเทามองนาฬิกาจับเวลาสลับกับใบหน้าคนข้าง ๆ
“ไม่นะ ฉันกดตอนที่มือนายโดนผิวน้ำเลย”
“แน่?”
“ใช่ ฉันจะโกหกนายทำไมล่ะ” ทั้งคู่สบตากันอย่างหยั่งเชิง ก่อนที่จื่อเทาจะหลุดหัวเราะออกมาเบา ๆ ตอนนั้นแหละเซฮุนถึงได้รู้ตัวว่าถูกแกล้งอีกแล้ว
“ฉันชอบสีหน้านายเวลาพยายามแก้ตัวจัง”
“ฉันไม่ได้แก้ตัว ก็แค่พูดความจริง”
“ก็เหมือนกันนั่นแหละ ขออีกรอบนะ” จื่อเทาขยิบตาแล้วเดินกลับไปที่แท่นกระโดดอีกครั้ง เซฮุนเบ้หน้าเมื่ออีกฝ่ายเอาแต่ยิ้มให้เขาอยู่ได้
“แค่สามวินาที ดีใจจนยิ้มไม่หุบเลยหรือไง”
“ถ้านายพูดว่า ‘แค่’ งั้นฉันจะทำให้เร็วกว่ารอบเมื่อกี้ แต่มีข้อแม้ว่าถ้าฉันทำได้ วันอาทิตย์นี้ไปดูหนังกันนะ”
“ขอโทษนะ ฉันมีส่วนได้ส่วนเสียอะไรกับการที่นายทำเวลาได้ดีงั้นเหรอหวงจื่อเทา?”
อันที่จริงก็ไม่ได้รังเกียจหมอนี่หรอกนะ ถ้าหวงจื่อเทาหัดพูดจาเหมือนคนปกติทั่วไป เขาก็คงไม่ตอบแบบขวานผ่าซากแบบนี้ทุกประโยคหรอก ทุกอย่างเป็นเพราะอีกฝ่ายทำตัวแปลก ๆ ทั้งนั้น
“ไม่มีหรอก ฉันแค่อยากชวนนายไปดูหนัง”
“เหตุผลล่ะ”
“อยากดูกับนาย”
“เหตุผล?” เซฮุนยังคงย้ำคำเดิม
จื่อเทานิ่งไปครู่หนึ่ง เขารู้ว่าเซฮุนฉลาดและเข้าใจสถานการณ์เป็นอย่างดี แต่เจ้าของใบหน้าเรียบเฉยแค่แกล้งทำเป็นไม่รู้เท่านั้น มันเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ โอเซฮุนควรโทษตัวเองที่ดันมีเสน่ห์กับเพศเดียวกัน
“รู้อยู่แก่ใจแล้วยังจะถามอีก เดี๋ยวก็ทำให้เขินซะเลย”
.
.
วันนี้วันเสาร์ ถ้าเป็นปกติเขาคงเลือกนอนฝังตัวอยู่กับฟูกนุ่ม ๆ ไปจนถึงเที่ยงมากกว่าการมายืนเครียดอยู่หน้าตู้เสื้อผ้าว่าจะใส่ชุดไหนไปบ้านจงอินดี
มันเป็นเรื่องที่ควรกังวลเหรอ เซฮุนได้แต่ถามตัวเองแบบนี้ เขากำลังจะสติแตกเพียงแค่หาเหตุผลให้ตัวเองไม่ได้ว่าเพราะอะไร แค่คิดว่าไปเรียนเปียโนเฉย ๆ ไม่ได้หรือไง นี่เครียดอย่างกับว่าจะไปบ้านแฟน ซึ่งมันไม่ใช่อย่างนั้นสักนิด
เสื้อผ้าในตู้ก็หลากสีหลากโทน หลังจากเสียเวลากับการฟุ้งซ่านไปราว ๆ สิบห้านาที เซฮุนก็ได้เสื้อยืดแขนยาวคอกลมลายทางมาหนึ่งตัว กับกางเกงยีนส์ขาดเข่าสีซีด เด็กหนุ่มยืนมองตัวเองในกระจก เซฮุนไม่เคยรู้ตัวเลยว่าเวลาจดจ่ออยู่กับอะไรบางอย่าง คิ้วของเขาทั้งสองข้างจะขมวดเข้าหากัน
ขายาววิ่งลงบันไดลงมาข้างล่าง เขาเห็นว่าตอนนี้แม่กำลังนั่งอ่านนิตยสารในห้องนั่งเล่น ส่วนพ่อง่วนอยู่แท็บเล็ต ซึ่งคงไม่พ้นเรื่องตลาดหุ้น
“แม่ครับ วันนี้ผมแต่งตัวเป็นยังไงบ้าง?”
“ก็หล่อดีนี่ลูก?”
“ไม่ใช่ครับ ผมหมายถึงว่าแบบนี้มันเวอร์ไปหรือเปล่า?”
“ตั้งแต่ขึ้นม.ปลายมา นี่เป็นครั้งแรกที่พ่อรู้สึกว่าลูกไม่ได้แต่งตัวเหมือนคนจะไปเล่นคอนเสิร์ต” คำพูดของพ่อเรียกเสียงหัวเราะจากแม่ได้ แต่สำหรับเซฮุนแล้ว เขารู้สึกเฟลอยู่นิด ๆ ที่ได้ยินอย่างนั้น ทั้ง ๆ ที่ก็เข้าใจดีว่าเสื้อผ้าในตู้ของเขาเน้นไปทางแฟชั่นเสียส่วนใหญ่
“ในสายตาผู้ใหญ่ มันโอเคแล้วใช่ไหมครับ?”
“จ้ะ ทำไมวันนี้ดูเครียด ๆ ล่ะ ปกติเราก็มั่นใจกับการแต่งตัวอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?”
“ครับ แต่ผมไม่รู้ว่าวันนี้พ่อกับแม่จงอินอยู่บ้านหรือเปล่า ผมกลัวท่านจะมองว่าจงอินมีเพื่อนไม่ดีครับ”
“อะไรกัน ลูกของแม่ออกจะเหมือนไอดอล ไม่มีใครคิดแบบนั้นหรอก” แม่ยิ้มพลางส่ายหน้าหน่าย ๆ ที่เห็นลูกชายคิดมากแบบนั้น
“แต่การแต่งตัวเรียบร้อยมันก็ทำให้คนเป็นพ่อแม่วางใจนะคุณ เหมือนที่เราเห็นจงอินวันนั้น การแต่งตัวธรรมดาแต่ก็ดูสะอาด เห็นแล้วก็รู้ว่าไม่ใช่เด็กเกเรที่ไหน” ดูเหมือนว่าคราวนี้พ่อจะเข้าข้างเขา เซฮุนรู้สึกใจชื้นขึ้นมาบ้าง แน่นอนว่าเขาคิดเหมือนกันกับพ่อ
“คุณพูดถูกค่ะ ในสายตาฉัน เด็กคนนั้นนิสัยดีพอที่จะไว้ใจได้”
“มันดีแล้วล่ะ ตั้งใจเรียนนะ” พ่อยิ้มแล้วหันไปสนใจกับแท็บเล็ตต่อ
.
.
วันนี้ท้องฟ้าเป็นใจ นับว่าเป็นการเริ่มต้นวันที่ดีเลยทีเดียว เซฮุนยิ้มให้กำลังใจตัวเอง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาจะได้ไปบ้านจงอิน แม้ว่าจะประหม่า แต่เขาจะพยายามทำตัวให้ชินกับผู้ชายคนนั้นให้ได้
ระหว่างยืนรอแท็กซี่สายตาก็พลันหันไปเห็นป้ายบิลบอร์ดโฆษณา นายแบบหนุ่มหุ่นดีสวมกางเกงในสีขาวตัวเดียวทำให้เขานึกถึงผู้ชายบ้า ๆ อย่างหวงจื่อเทา เซฮุนหลุดขำออกมาเพียงแค่ภาพสีหน้าเหวอ ๆ ของหมอนั่นลอยเข้ามาในหัว หลังจากที่เขาบอกว่าการว่ายน้ำจับเวลารอบสุดท้ายแย่กว่ารอบก่อนหน้านั้นไปถึงสองวินาที
จื่อเทาดูไม่เชื่อ แต่พอเขาทำหน้าจริงจังเข้าหน่อยหมอนั่นก็ไม่กล้าเถียง ยอมรับก็ได้ว่าเล่นตุกติกกดเวลาช้าไปสามวิ
จากที่เจอกันตั้งแต่วันแรกจนถึงเมื่อวานนี้ เซฮุนสามารถฟันธงว่าหวงจื่อเทาเป็นคนดีได้ใช่ไหม เขารู้สึกว่ามันค่อนข้างจะเป็นอย่างนั้น แม้ว่าหมอนั่นจะชอบกวนประสาท ชอบพูดเองเออเอง แต่ส่วนหนึ่งเป็นเพราะจื่อเทาเป็นเพื่อนสนิทจงอินและชานยอล มันทำให้เขาคิดว่าจงอินต้องคบเพื่อนที่ดีอยู่แล้ว
แต่ชักจะเริ่มเขวก็ตอนที่นึกถึงหน้าปาร์คชานยอลนี่แหละ...
แท็กซี่จอดลงหน้าปากซอย เด็กหนุ่มจ่ายค่าโดยสารเสร็จเรียบร้อยก็ทอดสายตามองไปตามเนินถนนเบื้องหน้า ตามโลเคชั่นที่จงอินส่งมาทางข้อความแล้ว คิดว่าเดินเข้าไปอีกไม่ถึงร้อยเมตรก็คงถึง
เราไม่มีไลน์กัน ไม่มีคาทก ไม่มีอะไรทั้งนั้นนอกจากเบอร์โทรศัพท์และข้อความ ในขณะที่เมื่อวานหวงจื่อเทาเอามือถือเขาไปแอด SNS ทุกอย่างเรียบร้อยเสร็จสรรพ
ขายาวหยุดยืนอยู่หน้าบ้านสองชั้นที่ไม่หรูแต่ดูมีสไตล์ บ้านเลขที่ตรง รูปถ่ายหน้าบ้านที่เคยส่งให้ทางข้อความก็ใช่ ปลายนิ้วเรียวยาวกดออดพลางกระแอมไอ เชื่อว่าตอนนี้คนที่อยู่ข้างในคงเห็นหน้าเขาผ่านกล้องแล้วว่าใครมา
ประตูด้านในเปิดออก เซฮุนกระพริบตาปริบ ๆ เมื่อเห็นว่าจงอินอยู่ในชุดลำลองพร้อมผ้ากันเปื้อนสีน้ำตาลที่สวมทับข้างนอก ไหนจะมือข้างขวาที่ถือตะหลิวไว้อีก
พ่อบ้านจัง...
“หัวเราะอะไร”
“อ่า...ขอโทษนะถ้าฉันไม่มีคำตอบให้”
เจ้าของบ้านพยายามทำหน้านิ่งในขณะที่ผู้มาใหม่เอาแต่หัวเราะยิ้มตาหยีอยู่ข้างนอก จงอินก้มลงมองสารร่างตัวเองแล้วก็นึกอายอยู่ในใจ เขาลืมไปเลยว่าตอนนี้อยู่ในสภาพที่ไม่ควรมีใครเห็น
เซฮุนเม้มปากพลางกลอกตาไปมา จากสายตาดุ ๆ แต่ไม่ได้ดูใจร้ายของผู้ชายคนนั้นเป็นสัญญาณเตือนให้เขาหยุดหัวเราะ จงอินถอนหายใจหน่าย ๆ เมื่ออีกฝ่ายกวนประสาทเขาโดยการโค้งหัว
“อรุณสวัสดิ์ครับซอนแซงนิม” เซฮุนอมยิ้ม มีไม่กี่ครั้งหรอกที่เขารู้สึกว่าเอาชนะจงอินได้ และสีหน้าเรียบเฉยที่กำลังดุเขาผ่านทางสายตานั่นแหละที่เป็นคำตอบ
“เชิญข้างในครับคุณนักเรียน”
.
.
ไม่ใช่แค่ในห้องครัวที่ถูกตกแต่งอย่างมีสไตล์ ทุกส่วนของบ้านที่เซฮุนมองเห็น ทำให้รู้ว่าพ่อของจงอินใส่ใจกับการตกแต่งมากแค่ไหน
เด็กหนุ่มตัวผอมกวาดสายตาไปรอบ ๆ ขณะที่อีกคนกำลังตั้งใจเขย่ากระทะอย่างชำนาญ มองจากมุมนี้แล้วก็ยิ่งมีเสน่ห์ เซฮุนไม่แน่ใจว่าเขาชอบคนทำกับข้าวเก่งอยู่แล้ว หรือเป็นเพราะว่าจงอินทำอะไรก็ดูดีในสายตาเขาไปหมดกันแน่
“มีอะไรที่นายทำไม่เป็นบ้างไหม?”
“มี”
“ยกตัวอย่างมาหน่อยสิ” เซฮุนมองอีกคนที่แตะปลายนิ้วนางลงกับทัพพีเพื่อชิมรสชาติมื้อเช้าที่ตั้งใจเตรียมเอาไว้
“เล่นเกมไง” ทั้งคู่หันมาสบตากัน และเซฮุนรู้สึกพอใจกับคำตอบ นี่เป็นอีกเรื่องที่เขารู้สึกว่าชนะจงอิน “มันเป็นเรื่องที่ฉันไม่ถนัด ถามว่าเล่นได้ไหมมันก็ได้ คือฉันเป็นพวกเล่นยังไงก็แพ้น่ะ”
“นายเล่นเกมอะไรล่ะ”
“CS:GO” (Counter Strike : Global Offensive)
“โดนยิงหัวแตกประจำเลยล่ะสิ”
“ฉันไม่แน่ใจว่าตัวละครของฉันมันหัวโตจนตกเป็นเป้าง่าย หรือเป็นเพราะฝั่งตรงข้ามใช้ไรเฟิลเก่งกันแน่ แต่เอาเป็นว่าเรื่องนี้ฉันขอบาย” จงอินส่ายหน้าหน่าย ๆ
พอได้รู้ว่าผู้ชายคนนี้ก็มีมุมที่ทำไม่ได้ มันก็กลายเป็นเรื่องน่ารักขึ้นมาเสียอย่างนั้น
“ทำไมวันนี้แต่งตัวเหมือนคนอยู่บ้าน”
“เห?” เซฮุนเลิกคิ้วพลางก้มลงมองเสื้อผ้าตัวเอง “มันแปลกเหรอ?”
“เปล่า จากรูปในอินสตาแกรม ฉันไม่ค่อยเห็นนายแต่งตัวแบบนี้”
“อ๋อคือ” เซฮุนรู้สึกเหมือนมีก้อนอะไรสักอย่างจุกอยู่ที่คอ จากที่เคยคุยเรื่องเกมได้ลื่นปรื้ดหัวแตก ตอนนี้เด็กหนุ่มกำลังพยายามคิดหาคำตอบที่ฟังแล้วไม่ทำให้บรรยากาศแย่ลงอยู่
“มันไม่แย่หรอก ทำไมถึงทำหน้าเหมือนหมดความมั่นใจขนาดนั้น”
“ยังไงดีล่ะ” เซฮุนยิ้มเจื่อน ก่อนจะกัดริมฝีปากบนขณะใช้ความคิด “ฉันคิดว่าชุดนี้มันธรรมดาที่สุดแล้ว ไม่อยากแต่งตัวเวอร์ ๆ มา เดี๋ยวนายจะหาว่าฉันเตรียมตัวจะไปเล่นคอนเสิร์ต”
“คิดมากขนาดนั้นเลยหรือไง” จงอินไม่ได้หันมามองเขา ตอนนี้สายตาคู่นั้นกำลังจับจ้องอยู่กับอาหารในกระทะ
“ก็นิดนึง มันเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้นายเคยมองว่าฉันเป็นพวกวัลลาบีไม่ใช่เหรอ”
“ใช่ แต่พอความคิดเปลี่ยนไปแล้ว มันคงยากที่จะกลับไปคิดแบบนั้นอีก” จงอินเทอาหารลงบนจานเซรามิกส์สีขาว ก่อนจะหันมาสบตากันด้วยสายตาเรียบเฉย “เป็นตัวของตัวเองก็ดีอยู่แล้ว ถ้าไม่ใช่เรื่องนิสัยแย่ ๆ ที่ควรแก้ไข ก็อย่าเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อใคร”
“...”
“กินข้าวกันเถอะ”
เวลาอยู่ด้วยกัน จงอินไม่ใช่คนที่จะยิ้มกว้างหรือระเบิดหัวเราะออกมาอย่างสะใจ ผู้ชายคนนี้เพียงแค่ยิ้มน้อย ๆ แต่ก็ให้ความรู้สึกใส่ใจ และตอนนี้ก็เช่นกัน ราวกับจงอินรู้ว่าตอนนี้เขากำลังไม่มั่นใจในตัวเอง ถึงได้ดึงตัวเขากลับมายืนในจุด ๆ เดิมได้
ว่าแต่...จงอินเคยเข้าไปดูอินสตาแกรมของเขาด้วยเหรอ?
.
.
เราเลือกที่จะกินมื้อเช้ากันในห้องนั่งเล่น แทนที่จะเป็นโต๊ะอาหารสำหรับหกที่นั่ง เซฮุนยังคงใช้วิธีกวาดสายตาไปรอบ ๆ เพื่อยึดสายตา มากกว่าการก้มหน้ากินอย่างจริงจังเพราะยังเคอะเขินอยู่
บนโซฟาตัวนุ่ม เราสองคนนั่งข้าง ๆ กันและปล่อยให้ความเงียบโรยตัว มันทำให้เกิดคำถามในหัวว่าผู้ชายคนนี้ชอบนั่งกินข้าวเงียบ ๆ หรือเป็นเพราะไม่รู้ว่าจะคุยอะไรกับเขากันแน่
“ที่บ้านนายซีเรียสเรื่องคุยบนโต๊ะอาหารหรือเปล่า”
“ไม่ ขอแค่ข้าวไม่กระเด็นออกมาจนน่าเกลียดก็พอแล้ว”
“งั้นฉันถามอะไรอย่างนึงได้ไหม?” ถามจบคนตัวผอมก็อมช้อนไว้ในปาก ขณะที่สายตากำลังชำเลืองมองคนข้าง ๆ
“ฉันมั่นใจว่ามันมีมากกว่าหนึ่ง”
“แล้วจะตอบหรือเปล่าล่ะ”
“อยู่ที่ว่าฉันพอใจคำถามของนายมากแค่ไหน” เซฮุนได้แต่หรี่ตามองคาดโทษผู้ชายเข้าใจยากที่พูดเล่นลิ้นกับเขาอยู่ได้
“ทำไมเราไม่แลกไลน์กันล่ะ” เป็นอีกครั้งที่เซฮุนคิดว่าถ้าอยากรู้ก็ควรถาม แทนที่จะมานั่งคิดเอาเองว่าเพราะอะไร
“ก่อนตอบคำถามนี้ฉันขอถามนายก่อนว่า ระหว่างได้ยินเสียงกับการเดาความรู้สึกคู่สนทนาผ่านตัวหนังสือ อะไรดีกว่ากัน”
จบ...เซฮุนคิดว่าเขาพอจะได้คำตอบแล้ว
“ก็...”
“สมมติฉันพิมพ์ถามนายไปว่า ‘ดูสนิทกับไอ้เทาดีนะ?’ นายอาจจะเข้าใจผิดว่าฉันกำลังไม่พอใจก็ได้ ซึ่งบางทีถ้าเป็นการออกเสียง มันอาจจะจบอยู่แค่ความอยากรู้อยากเห็น” จงอินพูดถูก แต่ทำไมต้องยกเรื่องหวงจื่อเทาขึ้นมาพูดด้วยล่ะ
“ถ้าฉันตอบไปว่า ‘ก็สนิท’ มันก็คงดูห้วนไปสินะ”
“ใช่ และฉันไม่ชอบคนพูดห้วน ๆ การได้ยินเสียงทำให้รู้ว่าคนที่อยู่ปลายสายกำลังรู้สึกยังไง เต็มใจตอบคำถามนั้นไหม เบื่อที่จะคุยแล้วหรือเปล่า อย่างน้อยถ้าผ่านการออกเสียง ฉันก็ยังได้รู้ว่าอีกฝ่ายตอบแบบขอไปที หรือตั้งใจตอบให้หายสงสัย”
“ไม่ยักรู้ว่านายเป็นคนคิดมากขนาดนี้”
“ถ้าคิดว่าเป็นคนเรื่องมากมันก็ได้ แต่ถ้าคิดว่าอยากได้ยินเสียงมากกว่าคุยกันผ่านตัวหนังสือ นั่นคือคำตอบ”
“...”
เอาอีกแล้ว... เหมือนกับทุกทีที่อีกฝ่ายรู้ว่าจังหวะไหนควรหันหน้ามาสบตากันราวกับเจตนาให้ใจสั่น เซฮุนใจเต้นแรงเพราะสายตาของจงอินครั้งแล้วครั้งเล่า ในเมื่อพูดมาถึงขนาดนี้ เขาจะขอคิดเข้าข้างตัวเองแล้วนะ ว่าจงอินอยากได้ยินเสียงเขามากกว่าการคุยกันผ่านตัวหนังสือ
“ส่วนข้อความมันเก็บไว้ได้” จงอินไม่ได้เอาแต่สนใจมื้อเช้าเหมือนก่อนหน้านี้อีกต่อไปแล้ว เซฮุนค้างอยู่ในท่าถือช้อน โดยที่ไม่รู้เลยว่าเผลอตักมะเขือเทศที่เกลียดสุดชีวิตขึ้นมา “ข้อความทำให้คนเราคิดก่อนกดส่ง มันบ่งบอกถึงความใส่ใจ”
“...”
จงอินก้มลงมางับมะเขือเทศในช้อนของเขาก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาสบตากันอีกครั้ง เซฮุนได้แต่คิดว่าวันนี้เขาอาจจะพูดมากเกินไป คิมจงอินถึงได้งัดวิธีนี้ออกมาเพื่อทำให้ปากของเขาสงบลง และมันก็ได้ผลเหมือนกับทุกครั้ง
“สำหรับฉัน...หวงจื่อเทาคือเพื่อนใหม่”
เซฮุนคิดว่าอาการประหม่าจะหายไปแล้วหลังจากเริ่มหัวเราะในบทสนทนาของเราสองคนได้ แต่เขาคิดผิด พอเป็นเรื่องที่มีผลกับความรู้สึกที่มีต่อจงอิน อาการแบบนี้ก็กลับมาทุกที
“เขาเป็นคนบ้าบอ...แต่ก็นิสัยดี” เซฮุนเลียริมฝีปากก่อนจะหันไปสบตากับคนข้าง ๆ อีกครั้ง
ไม่รู้ว่าจงอินอยากได้คำตอบไปทำไม แค่ถามเฉย ๆ หรือว่าที่จริงแล้วไม่ชอบให้เขาไปยุ่งกับใคร ถึงได้มีคำถามแบบนี้เกิดขึ้น
“ฉัน...จะได้ห้าคะแนนจากนายไหม” เซฮุนพยายามไม่หลบสายตา แม้ว่าหัวใจของเขากำลังเต้นแรงเพราะแววตาคู่นั้นที่ไม่ยอมละห่างไปไหน
“คำตอบแย่กว่าที่คิด ฉันให้ได้แค่สามคะแนน ส่วนจิตพิสัยอด” จงอินยิ้มก่อนจะลุกขึ้นเดินไปพร้อมจานเซรามิกส์
ขายาวหยุดยืนอยู่ตรงมุมทางเดิน ก่อนจะหันกลับไปหาคนตัวผอมที่ยังคงมองมายังเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม ใช่... สายตาของโอเซฮุนเป็นอย่างนั้นเสมอ และเขาก็ชอบที่จะเป็นคำตอบนั้น
เขาอยากให้เซฮุนตอบว่า ‘ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรกับหวงจื่อเทา’ แต่ดูเหมือนคิมจงอินจะคิดเยอะเกินไปหน่อย เพราะบางทีไอ้เทากับเซฮุนอาจจะเป็นแค่เพื่อนกันจริง ๆ ก็ได้
“ตามมาสิ ฉันจะพานายไปทำความรู้จักกับโลกของฉัน”
เซฮุนยิ้มก่อนจะพยักหน้ารับ เด็กหนุ่มตัวผอมเดินตามหลังอีกคนไปจนถึงห้องครัว จงอินรับจานไปกวาดเศษขยะลงถังแล้วล้างจานในทันที เขาเพียงแค่ยืนมองแผ่นหลังกว้างของคนตรงหน้า อยากรู้จังว่าโลกของจงอินจะเป็นยังไง
และโลกใบนั้นพร้อมที่จะเปิดรับเขาเข้าไปหรือเปล่านะ?
TBC
ทีมใครครับ ตอนนี้ทีมใคร อยากให้ทีมพี่เทาสู้ เพราะทีมซอนแซงนิมชักจะเอาใหญ่แล้ว!
#เป็นเซฮุนนี่มันดีเหลือเกิน #ความรักก็เช่นกัล
ความคิดเห็น