คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : #SFเซมที่รัก | ตอนที่ 06
(6)
“ไม่ได้นะเว้ยหนู ลุกขึ้นมาคุยกับเซมก่อน”
“ผมง่วง ไว้คุยคืนพรุ่งนี้แล้วกัน”
“ไม่ได้ หนูเบี้ยวเซมมาตั้งหลายวันแล้วนะ บอกว่าจะเล่าก็ไม่เล่ามัวแต่ --”
“แต่อะไรจ๊ะ” ไอ้เด็กแสบดีดตัวลุกขึ้นนั่งบนเตียง ช้อนตามองตาใสพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ชนิดว่าหัวแก่หัวหงอกยังต้องยอม
“หนูรู้เรื่องที่ไอ้จงอินจะตายห่าในอีกสามปีข้างหน้าได้ยังไง”
“เซมอย่าซื่อบื้อสิ พูดไปตั้งขนาดนั้นแล้วผมดูดวงมามั้ง” คนตัวเล็กถอนหายใจเสียงดังเพื่อตอกย้ำว่าชายหนุ่มวัยเหยียบสามสิบคงได้วุฒิปริญญาตรีมาเพราะสอยดาวเอาตามงานวัด แต่ความรู้ความอ่านดักดานจนเดาเรื่องนี้ไม่ออก เหมือนพระเอกในละครหลังข่าวที่จบจากอ๊อกฟอร์ดแต่เสือกรู้ไม่เท่าทันตัวโกงที่เรียนจบอนุบาลสาม
ชานยอลมองตามขาขาวที่พอมองขึ้นไปอีกนิดก็จะเห็นแก้มก้นอวบ ๆ ที่พ้นออกมาจากขอบกางเกงใน ให้ตายเถอะโรบิ้น แม่งอิกนอร์กูด้วยสิ่งนั้น
แบคฮยอนทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้ล้อหมุน ก่อนจะสไลด์มาหยุดอยู่ตรงหน้าคนตัวสูงแล้วใช้เท้าทาบกับท้องแกร่งพร้อมดันให้นั่งลงกับขอบเตียง ชานยอลไม่ได้เต็มใจ แต่กูขัดได้ที่ไหนขอถามสักนิด
“ถามก่อนว่าเซมไม่มีความสุขเวลาผมอยู่ด้วยเหรอ”
“ไม่ใช่แบบนั้น ที่ถามก็เพราะอยากรู้ปะวะ”
“รู้แล้วจะทำไงต่อ หาทางไล่ผมไปที่ ๆ จากมาสินะ” เห็นไอ้ตัวแสบย่นจมูกแล้วก็อยากด่า แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันน่ารักน่าบีบดากเหลือเกิน
“หนูเห็นเซมเป็นคนยังไง”
“หื่นกาม โอตาคุ เหลาะแหละ ดูไร้อนาคต สเปกผมเลยอะ” ถ้าจะขนาดนี้ก็เคี้ยวขี้แล้วพ่นใส่หน้ากูเถอะแบคฮยอน
“หมายถึงเรื่องทั่วไปได้ปะบางที”
“เซ็กส์เหรอ”
“...” กูหมดคำจะพูดกับมึงแล้วแบคฮยอน ใจคอนี่จะตรั่บ ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ท่าเดียวเลยใช่ไหม (หรืออาจจะหลายท่าก็ได้)
“ก็ผมอยู่กับเซมได้แค่ช่วงนี้นี่ เฮ้อ เสียดายจัง พรุ่งนี้วันเสาร์ทั้งที อยากออกไปเดทตอนกลางวันบ้างจังอะ”
“กับหนูตอนแปดขวบน่ะเหรอค้า” ชานยอลแค่นหัวเราะ แค่นึกถึงเสียงใส ๆ กับดวงตาไร้เดียงสาของไอ้ก้อนตัวน้อยแล้วก็รู้สึกผิด
“ใช่ แต่ผมตอนแปดขวบคงชอบนั่งม้าหมุน” พูดจบก็ปีนขึ้นไปนั่งบนตักแกร่ง สองมือวางลงบนไหล่กว้างก่อนจะลูบขึ้นมาจนหยุดอยู่ที่ซอกคอ “...มากกว่านั่งม้าของเซม”
คนถูกยั่วรู้ตัวดีว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขานั่งทำหน้าพ่ายแพ้ต่อโลกก่อนจะผ่อนลมหายใจออกช้า ๆ เมื่อสองมือเล็กนวดคลึงต้นคอให้ หลังจากที่เขานั่งบั่นวาดคาแรกเตอร์ตัวละครในการ์ตูนเรื่องใหม่มาทั้งวันแต่ก็ไม่ได้รากถั่วงอกอะไรเลย
“เซมไม่ได้อยากให้หนูไปไหนสักหน่อย คนคบกันก็ต้องรู้บ้างปะวะว่าเกิดอะไรขึ้นกับแฟน”
“ไหนลองมองหน้าผมแล้วเรียกว่าแฟนอีกครั้งซิ” คนตัวเล็กผละตัวออกมาเล็กน้อย พร้อมจ้องมองเขาด้วยแววตาแบบว่าตกใจอ่อน
“แฟนจ๋าพี่มาแล้วจ้ะ อยู่นี่แล้วน่ะ เขยิบมาใกล้ ๆ อะต๊ะละล๊า...”
“เขินจังอะ” ขนาดกูเสี่ยวแดกใส่ยังจะเขินอีก ไม่แบ่งให้ต่อมหน้าด้านหน้าทนของมึงมั่ง เผื่อจะได้เสมอกัน
“ตั้งแต่เกิดมาเคยรู้จักคำนั้นด้ว --”
เพี๊ยะ!!!
ยังพูดไม่จบหน้ากูก็หันไปอีกทางเลยคนับ ชานยอลหันกลับมาสบตากับดวงหน้าขาวที่กำลังสื่อทางสายตาว่า ‘เซมจะพูดกวนส้นตีนตอนกำลังสวีทแบบนี้ไม่ได้นะ’
“ไม่เชื่อหรอกว่าเซมชอบผมจริง ๆ”
“อะไรของหนูวะ ที่เอาอยู่ทุกวันนี้คิดว่าเพราะเอ็นดูเฉย ๆ หรา”
“หื่นกับชอบมันห่างกันอยู่หลายขุม ส่วนเรื่องอะไรเป็นอะไรเดี๋ยวผมจะเล่าเองถ้าพอใจ เซมเลิกเซ้าซี้ได้ละ มันเสียผู้ใหญ่” อ้าวสึด กูผิดเหรอสรุป
“เช่นตอนไหน ชาติหน้าเหรอคร๊” กูไม่แคร์แร้วว่าเสียงจะเหมือนตุ๊ดเหมือนกะเทยสักเท่าไหร่ กวนตีนมากนักก็ต้องเจอตาต่อตา ฟันต่อฟันแบบนี้แหละ!!!
“เช่นตอน --”
ป๊อง!!!
“...”
สัส อารมณ์เหมือนนั่งดึงดาวอยู่ดี ๆ แล้วมีคนดีดนิ้วจนกูต้องตื่น ชานยอลหลุบสายตามองใครอีกคนที่นอนหลับซบหน้าลงกับแผงอกเขา หลังจากกลายร่างเป็นเด็กแปดขวบที่ไม่เคยรู้เลยว่าเมื่อไม่กี่วินาทีก่อนหน้านี้เคยแก่แดดแก่ลมสักแค่ไหน
ชายหนุ่มถอนหายใจพลางมองไปยังนาฬิกาแขวนผนัง ก่อนจะพบเข็มสั้นที่กำลังจะชี้เลขห้า ซึ่งเป็นเวลาเกือบรุ่งสาง
ชานยอลถอดเสื้อตัวโคร่งออกจากตัวเด็กน้อย ก่อนจะใส่ชุดตัวเดิมที่มีขนาดพอเหมาะกับเด็กแปดขวบ วันนี้พี่ยุนจีไม่อยู่ จึงฝากแบคฮยอนไว้กับเขาทั้งวัน พร้อมย้ำปิดท้ายว่าจะจ่ายค่าเลี้ยงดูลูกบวกค่าสอนเลขให้ ซึ่งก็ไม่เข้าใจว่าจะเรียนไปทำไม ในเมื่อไอ้เด็กนี่มันทำได้อยู่แล้ว แถมยังท่องสูตรคูณกลับหลังได้ด้วย
“ถ้าเป็นแบบนี้ไปตลอดชีวิตจะเป็นไงวะ”
ชายหนุ่มมองมือเล็ก ๆ ที่กำเสื้อเขาเอาไว้ พร้อมถอนหายใจขณะมองความไร้เดียงสาของเด็กน้อยแปดขวบที่ตกอยู่ในห้วงของความฝัน ที่ตอนนี้คงกำลังวิ่งเล่นอยู่ในบ้านลูกบอลอย่างมีความสุข ไม่ได้รู้มะเขืออะไรเล้ยว่าเกิดอะไรขึ้น
เสียงออดหน้าบ้านทำคนที่เพิ่งนอนไปไม่กี่ชั่วโมงต้องแหกตาตื่นอย่างไม่เต็มใจนัก ชานยอลเกาหัวเดินตาปรือออกไปเปิดประตู ก่อนจะขมวดคิ้วอย่างสงสัยว่าพายุผีอะไรที่พัดพาไอ้เด็กนี่มาบ้านเขาได้
“โย่ว ว้อทซับพี่”
“ซับพ่อมึงอะ มีไรแต่เช้า”
“โห นาน ๆ เจอกันทีทักทายน้องแบบนี้เหรอวะพี่”
“มึงมีไร” ชานยอลมองเด็กหนุ่มตัวผอมตั้งแต่หัวจรดตีน การแต่งตัวมันก็ไม่ได้เวิ่นเว้อไรมาก ถ้าไม่ติดตรงสร้อยสีทองอันใหญ่ ๆ ที่ดูคล้ายโซ่ไว้ล่ามคอหมา
“อ้าว ก็พี่จงอินบอกว่าพี่ถามหาผม”
“แล้ว”
“ผมก็เลยมาหาพี่งาย” มันไม่พูดอย่างเดียว มือไม้นี่ยื่นออกมาโจ๊ะ ๆ อย่างกับแรปเอก
“กูแค่ถามถึงเฉย ๆ ไหม มึงเข้าใจอารมณ์เวลาคุยกันแล้วถามถึงคนที่ไม่ได้เจอนานหรือเปล่า” กูเพิ่งได้นอนตอนตีห้าครึ่ง แล้วไอ้เชี่ยเซฮุนก็โผล่หนังหน้ามาตอนเก้าโมง กูต้องการพักผ่อนนนนนนนนนนนน ไอ้ฉิบหายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
“ไหน ๆ ผมก็มาแล้ว พี่จะเชิญผมเข้าไปกินรามยอนซักซองก็ได้นะ”
“คือกูต้องทำแบบนั้นเหรอ?” ชานยอลถลึงตามอง พลางชี้หน้าตัวเอง
“Turn Up!!!” เทิร์นพ่อมึง
เซฮุนเอนตัวไปข้างหลัง พร้อมยื่นมือออกมาตั้งท่าเหมือนแรปเปอร์ ก่อนจะถือวิสาสะเดินเข้ามาในบ้านเขาโดยไม่ต้องรอให้ผายมือ
ชานยอลยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นเพื่อสงบสติอารมณ์ ก่อนจะยกมือขึ้นกุมขมับกับหายนะที่อาจต้องพบเจอทั้งวันจนไม่เป็นอันทำการทำงาน ไอ้ฉิบหายเอ๊ย บก.ก็โทรจิกกูยิก ๆ ให้รีบปั่นการ์ตูนเรื่องใหม่ นี่กะจะนอนสักตื่นแล้วค่อยมานั่งร่างคาแรกเตอร์ต่อ แต่ก็เสื๊อกมีมารมาผจญ
“ชานยอล!”
ความวัวไม่ทันหายความควายเข้ามาเพิ่ม ชายหนุ่มตัวสูงเบิกตากว้างทันทีที่เห็นว่าไอ้เชี่ยสองตัวที่เพิ่งเดินลงมาจากรถที่จอดอยู่หน้าบ้านเขาคือเพื่อนผู้เป็นตำหนวดและบาทหลวงเส็งเคร็งที่ไม่รู้ว่าแม่งไปเป็นคู่หูดูโอ้กันตั้งแต่เมื่อไหร่
“กูไม่ได้มาหามึง เพราะงั้นอย่าเสือกบ่น” จงอินยกมือขึ้นปิดปากเพื่อนสนิทแล้วถอดรองเท้า ก่อนจะถือวิสาสะเดินเข้าไปในบ้านอีกคน
“แต่ --”
“หรือจะเอา?” จงอินหันกลับมาพร้อมชูป้ายตราตำรวจออกมาขู่ อีฉิบหาย กับเพื่อนกับฝูงมึงยังวางอำนาจ
“แล้วมึงล่ะหลวงพ่อ”
“ลึก ๆ รู้สึกเหมือนว่าต้องมา พ่อก็เลยบอกจงอินว่างานนี้ต้องมีพ่อ” บาทหลวงจุนมยอนยิ้มอย่างคนมีศีลธรรมก่อนจะเดินเข้าไปในบ้านโดยไม่ถอดรองเท้า แต่พอนึกได้จึงหันมายิ้มอ่อน แล้วก้มลงถอดรองเกิบออกอย่างมีมารยาท
“อ้าวเซฮุน”
“Yo! Bros” คนที่กำลังง่วนอยู่กับชามรามยอนลุกขึ้นยืนเอนหลังสี่สิบห้าองศา แล้วตรงเข้าไปทักทายรุ่นพี่ด้วยการแท็กมือเอาก่อนจะเอาไหล่ชนกัน แม้จงอินจะดูงง ๆ แต่ก็ทำตามเพราะไม่อยากหักหน้าแรปเปอร์คนดังในตอนนี้
“ไม่ยักรู้ว่ามึงอยู่นี่ มานานแล้วเหรอวะ”
“ก็นานพอที่จะต้มรามยอนซดได้อะนะ ตามสบายพี่ คิดซะว่าเป็นบ้านตัวเอง” เซฮุนดึงเก้าอี้ออกพร้อมตบเบาะซะดิบดี ท่ามกลางสายตาอันว่างเปล่าของเจ้าของบ้านที่มองภาพทุกอย่างพร้อมชี้หน้าตนเอง คือบ้านกูน่ะพวกมึง
“ไงเซฮุน”
“อ้าวหลวงพ่อ! วันนี้ไม่ไปบิณฑบาตเหรอ?”
“อันนั้นพุทธไหมล่ะลูก มาถึงก็กวนอวัยวะเบื้องล่างเลย เดินแถวบ้านพ่อไม่ได้นะเนี่ย”
“ไมอะ โดนสาวรุมจีบช่ะ?”
“โดนวินมอไซค์ยำตีนค่ะอีดอก” ชานยอลตอบแทน คนเป็นบาทหลวงจึงหันไปยิ้มพร้อมชูนิ้วหัวแม่มือชื่นชม ไม่เสียแรงที่เป็นเพื่อนกันมาหลายปี ตบมุกเก่งแบบนี้สมควรเข้าคณะตลก
“อาเมน!” เซฮุนทุบอกปั้ก ๆ จุ๊บหลังมือตนเองแล้วชูขึ้นฟ้าอย่างวิถีแรปเปอร์
“ว่าแต่พวกมึงมาทำส้นตีนไรที่บ้านกู วันเสาร์ทั้งทีทำไมไม่นอนอมเหรียญอยู่บ้านอยู่ช่องตัวเองวะ”
“กูมาหาแบคฮยอน มึงเดือดร้อนไร” จงอินมองด้วยสายตาเหยียด
“อ้าวสัด นี่บ้านกูไหม หรือไง”
“หวงมากพี่ก็ฉี่ใส่เสาให้ทั่วบ้านเลยดิ พวกผมจะได้รู้ว่าที่นี่มีเจ้าของแล้ว” เซฮุนเสริม
“เอ้า ไอ้ฉิบหายนี่ แท็กทีมกันมาแบบนี้พวกมึงไม่รู้จักมวยเข่าใช่ไหม” ชานยอลถลึงตามอง พลางยกมือขึ้นตั้งการ์ดสับเข่าโชว์
“จงอินเครียดเรื่องที่เขาจะตายห่าในอีกสามปีข้างหน้าน่ะ ชานยอลพอจะช่วยดับทุกข์ให้เพื่อนได้ไหม อย่างเช่นตะล่อมแบคฮยอนยังไงก็ได้ให้เผยวิธีแก้กรรม” จงอินคิดไม่ผิดเลยที่ยอมให้พี่จุนมาด้วย นี่สิคนของศาสนาที่แท้จริง มีสติ เลือกคำพูดได้ชัดและตรงประเด็น
“แก้ยังไงวะ”
“แบไงพี่”
“แบบิดาลูกเถอะเซฮุน ชัทเดอะฟักอัพ”
“เอ้าแดก!!!” จงอินยกถ้วยรามยอนขึ้นแล้วทิ้งลงอย่างเสียงดังจนน้ำซุปกือบกระฉอก คนกำลังซีเรียสมึงก็จะตบมุกอยู่ได้ซั้ซ
“Respect” เด็กหนุ่มหรี่ตาพร้อมพยักหน้าอย่างวิถีชาวแรป
“ตอนนี้ไม่ได้หรอก” ชานยอลยืนกอดอกพิงกับวงกบประตู ท่ามกลางสายตาแห่งความสงสัยของผองเพื่อนที่กำลังต้องการคำตอบจากเขา
“ทำไมวะ”
“ก็บอกแล้วว่าตอนกลางวันแบคฮยอนมันเป็นเด็กแปดขวบ”
“ซีเรียสหรี๊?” <- จงอิน
“แปดขวบ ใครวะพี่?” <- เซฮุน
“มึงคิดว่าที่พูดไปวันนั้นกูโกหกเหรอ” ชานยอลเลิกคิ้วมอง
“ใครอะพี่”
“อย่าเพิ่งเสือก แดกต่อไป” จงอินหันไปค้อนรุ่นน้องที่นั่งทำหน้าเด๋ออยู่ ก่อนจะหันกลับมาให้ความสนใจเพื่อนตัวสูงอีกครั้ง
“ถ้าอยากรู้ก็ขึ้นไปดูให้เห็นกับตาเลยมา”
เสียงการ์ตูนดังลอดออกมาข้างนอกจนคิมจงอินต้องตั้งคำถามให้ตัวเองว่าเขาไม่ได้ยินเสียงแบบนี้มานานเท่าไหร่แล้ว ชายหนุ่มทั้งสี่คนเดินเข้าไปในห้องนอนที่ไม่กว้างและไม่แคบจนเกินไป เขามองไปยังที่ ๆ เคยเป็นแหล่งสุมหัวเมาเหล้ากันตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมยันมหาลัย ก่อนจะกลายเป็นเนิร์สเซอร์รี่เมื่อเห็นเด็กตัวน้อยนั่งแหงนหน้าดูจอทีวี
“นั่นไง” ชานยอลชี้ไปทางเด็กแปดขวบที่นั่งกอดตุ๊กตาหมูเอาไว้แนบอก แบคฮยอนทำตาปริบ ๆ ขณะมองผู้มาใหม่ที่ไม่คุ้นหน้าคุ้นตา ก่อนที่ชานยอล เซฮุน จุนมยอนจะผงะถอยหลังเมื่ออยู่ ๆ จงอินมันก็โพล่งขึ้นมาลั่นห้อง
“แบคฮยอน!!!!!!!!!!!”
“คับ” เจ้าของชื่อวางน้องหมูไว้แล้ววิ่งตรงเข้ามาหา เงยหน้ามองพี่ชายตัวโตด้วยฟามสงสัย
“พี่ไม่ได้เรียกหนู ออกไปก่อนไป” จงอินเอามือดันหัวก้อนตัวน้อยออก พร้อมกวาดสายตาไปรอบ ๆ ห้อง เด็กนั่นต้องซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่งสิ เซนส์การเป็นตำรวจของเขามันได้กลิ่นตุ ๆ ว่าที่นี่มันมีอะไรบางอย่าง
“แบคฮยอน!”
“คับ!”
“...” จงอินจิ๊ปาก ขมวดคิ้วมองก้อนตัวน้อยที่ยังคงเข้ามาวือกับเขาโดยไม่รู้จักกาลเทศะ
“คับทำไม พี่ไม่ได้เรียกเรา”
“แต่เค้าชื่อแบคฮยอนนี่นา”
“แต่พี่ไม่ได้หมายถึงเรา โอเค๊?!” กูไม่ใช่นางสาวไทยนะบอกไว้ก่อน โนรักเด็ก โนใจดี โนสน โนแคร์
“ทำไมต้องดุด้วย” เด็กแปดขวบเบะปาก ก่อนจะถูกชานยอลอุ้มขึ้น จงอินเหล่มองก้อนตัวน้อยที่กำลังออดอ้อนด้วยการเอาหัวแนบกับแก้มไอ้เพื่อนสนิทตัวดีที่เขาปรานีไม่เอามันเข้าคุก
“นี่แหละแบคฮยอน”
“...”
“นี่” ชานยอลหันไปสบตากับเด็กตัวน้อย “เอานิ้วอุดหูไว้”
“คับ” เด็กแปดขวบทำตามอย่างว่าง่าย โดยไม่ถามว่าเพราะอะไร
“ถ้ามึงอยากรู้ว่าอะไรเป็นอะไรก็รอหกโมงเย็น”
จงอินขมวดคิ้ว เขาไม่ได้มีเวลาว่างมานั่งเสียเวลาตลอดทั้งวัน แต่พอคิดว่าอาจจะต้องตายห่าในอีกสามปีข้างหน้า การหายใจทิ้งไปอย่างเปล่า ๆ ปี้ ๆ ที่บ้านนักวาดไส้แห้งก็คงไม่เสียหายเท่าไหร่
“อ๋อ ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง”
“กูยังไม่ได้เล่า” ชานยอลมองค้อนรุ่นน้องที่อยู่ดี ๆ ก็เสร่อพูดขึ้นมาท่ามกลางความเครียดของทุกคนที่นี่
“ซ้อมไว้ไงพี่ซ้อมไว้”
“ถ้าใช่จริง ๆ ลูกจะเอายังไงล่ะจงอิน” จุนมยอนวางมือลงบนบ่าผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ด้วยความเป็นห่วง เพราะถ้าจงอินตายจริง ๆ เขาจะได้ไปฝึกท่องบทสวดไว้อาลัยหน้าหลุมไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ รับรองว่าสามปีข้างหน้าเขาสามารถท่องปรื๋อได้โดยไม่กลัวพลาดเลย
“ไว้ให้มันใช่ก่อนเถอะ แต่ถ้าไม่ใช่ มึงตายแน่ชานยอล” ชายหนุ่มผิวแทนสบตากับเพื่อนสนิทอย่างจริงจัง ก่อนจะวางกุญแจมือลงบนโต๊ะเป็นการขู่ว่าเขาเอาจริง
“พี่จงอินมาโซคิสเหรอวะ พกกุญแจด้วย”
“พ่อมึงสิเซฮุน กูเป็นตำรวจไหม”
“หยอก ๆๆ” เวลาหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้มึงยังจะเล่นมุก สงสัยไม่อยากแก่ตาย
ทั้งสี่คนมองไปยังเด็กน้อยที่กำลังง่วนอยู่กับการระบายสีสมุดภาพ ฮัมเพลงหมีสามตัวงึมงำอย่างน่ารักถ้าไม่ติดว่าในใจมันแอบเขว ถ้าเกิดเด็กนั่นกลายร่างได้จริง ๆ จะเป็นยังไง ถ้าวิวัฒนาการทางเทคโนโลยีจะล้ำหน้าขนาดนั้นแล้วก็ช่วยพัฒนาเน็ตที่บ้านกูด้วย
“ว่าแต่มึงเถอะเซฮุน ไปแข่งแรปมาเป็นไงบ้าง” ระหว่างนั่งรอก็ควรสร้างประโยชน์อะไรให้สมองสักหน่อย ทุกสายตามองไปยังรุ่นน้องคนเล็กผู้ซึ่งเป็นน้องรหัสไอ้จงอิน ก่อนที่มันจะยิ้มกริ่มเมื่อตนเองตกเป็นประเด็นในวงสนทนา
“อย่างที่เห็นในทีวีแหละพี่”
“กูไม่ได้ดู” ชานยอลกับจงอินตอบพร้อมกันด้วยเสียงเรียบนิ่ง ทำเอาคนฟังรู้สึกเหมือนถูกลากไปตบหน้ากลางอิมแพคอารีน่าเมืองทองธานี เซฮุนหันไปขอความเห็นใจจากรุ่นพี่ผู้เป็นบาทหลวง ก่อนจุนมยอนจะยิ้มอย่างอ่อนโยนและตอบอย่างรักษาน้ำใจที่สุดว่า
“ที่โบสถ์ไม่มีทีวีน่ะ”
“แต่มึงก็ไม่ได้อยู่โบสถ์ตลอดเวลาไม่ใช่เหรอวะพี่จุน” เด็กหนุ่มตัวผอมขมวดคิ้ว
“แต่ตอนนั้นพ่ออยู่”
“มันออกฉายตอนกลางคืน”
“แต่พ่ออยู่” จุนมยอนตอบหน้านิ่งตาแข็ง แกล้งตายหน้าด้าน ๆ ก่อนเซฮุนจะถอนหายใจออกมาอย่างเซ็ง ๆ
“พวกพี่พลาดแล้วนะรู้ปะ ผมเป็นตัวเต็งในรายการเลยนะเว้ย”
“เหรอ กูเห็นว่าต้องเอาหมาไปออกด้วย สรุปมึงตกรอบยัง” ชานยอลไม่เข้าใจ รายการโชว์มีเดอะปั๊บปี้จะโชว์หมาแล้วแรปไปด้วยเพื่ออะไร สังคมต้องการคำตอบ
“เพิ่งตกไปเมื่อวาน แต่สมศักดิ์ศรีนะ เดี๋ยวออกอากาศตอนต่อไปพี่ก็จะเห็นว่าผมโคตรเท่แค่ไหน” เซฮุนยิ้มมุมปากพลางเสยผมขึ้น
“ยังไงวะ”
“ก็ตอนแรปผมก็โชว์ให้โปรดิวเซอร์ดูช่ะ อีวี่ก็เห่าประสานเสียงแหละ พอเป็นงั้นผมก็ลืมเนื้อดิ ทีนี้โปรดิวเซอร์เลยบอกว่า ‘แรปแบบนี้มึงไปขอทานเหอะ’ ตอนนั้นผมนี่กำหมัดแน่นเลยไอ้ฉิบหาย ผมตรงเข้าไปหาโปรดิวเซอร์อีกทีมที่อยู่ข้าง ๆ”
“มึงแรปใส่หน้ามัน?”
“เปล่า ผมบอกว่า ‘พี่ ๆ แปลให้หน่อยครับ’ เขาเลยถามว่า ‘แปลส้นตีนไร’ ผมเลยบอกว่า ‘ก็พี่ต้อกกี้บอกให้ผมมาขอทรานส์อะคับ’”
“ถุ้ย!!!”
“น่าแปลกจังนะที่หน้าลูกไม่มีรอยตีนเลยตอนเดินออกมาจากรายการ” จุนมยอนยิ้มอย่างอ่อนโยนขณะมองหน้ารุ่นน้อง
“Respect” เซฮุนหรี่ตาพร้อมทำมืออย่างแรปเปอร์เป็นท่าประกอบ เอาเถอะ อย่างน้อยเขาก็ได้รางวัลปลอบใจเป็นอาหารหมาสามถุงใหญ่ให้อีวี่กินได้อีกเป็นเดือน ๆ เลย
“...”
“...”
“...”
“...”
“...”
ทั้งสี่คนนั่งโง่ ๆ อยู่ในห้องนอนของนักวาดการ์ตูนไส้แห้ง สายตาจดจ้องอยู่กับเด็กแปดขวบที่กำลังสงสัยว่าทำไมเซมถึงบอกให้นั่งอยู่เฉย ๆ หลังจากเดินไปบอกแม่ที่บ้านว่าคืนนี้เซมจะสอนวาดรูปให้
จงอินจำไม่ได้แล้วว่าเขามองนาฬิกาข้อมือเป็นครั้งที่เท่าไหร่ ทำไมเข็มยาวมันเดินเชื่องช้าเหมือนเต่าเป็นอัมพาตขนาดนี้ เขาใช้เวลาหายใจทิ้งไปอย่างเปล่าประโยชน์มาตั้งครึ่งค่อนวัน และอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าฟ้าก็จะมืดเสียที แต่ก็ยังไม่ได้กำขี้กำตดสักอย่างเดียว
“ถ้าไม่ใช่นะ กูลากคอมึงเข้าคุกแน่...” จงอินหันไปกระซิบเพื่อนสนิท ซึ่งชานยอลหวาดหวั่นในใจเหลือเกิน เพราะตามพล็อตการ์ตูนแนวนี้แม่งชอบหักหน้า แบบว่าอยู่ดี ๆ กูก็ไม่กลายร่างอะ มึงจะทำไม
“กวาดห้องบ้างนะชานยอล” จุนมยอนพูดทำลายความเงียบ
“มีแต่คนห้องสกปรกเท่านั้นแหละที่จะทำความสะอาด”
“อืม ทำเถอะ อีกนิดเดียวพ่อว่าที่นี่คงเป็นโรงบดขยะได้แล้ว”
“ผมเห็นด้วยกับพี่จุนนะ ไม่งั้นก็หาเมียสักคน” ตอนนี้ทั้งสี่คนยังคงสนทนากันโดยไม่ยอมละสายตาจากเด็กแปดขวบ
“หึ เซฮุน ไม่รู้เหรอว่าพี่มึงมีเมียแล้ว แถมเป็นเด็กยังไม่บรรลุนิติภาวะด้วย” จงอินแค่นหัวเราะ พูดแล้วเลือดผู้พิทักษ์สันติราษฎร์มันเข้าตา มือมันสั่นอยากลากคอเพื่อนเข้าคุกเข้าตารางให้รู้แล้วรู้รอด
“จี๊ซั้ซฟักกิ้งไคร๊ส์ นี่พี่กูล่อเด็กเลยเหรอ แล้วนมใหญ่ปะวะ?” เซฮุนขมวดคิ้วก้มหน้าถามรุ่นพี่ด้วยความใคร่รู้
“ใหญ่ไม่ใหญ่เดี๋ยวมึงได้รู้” ชานยอลไม่อยากสาธยายให้มากความ ได้โปรดเถอะแบคฮยอน ได้โปรดโผล่ออกมาสักที
“เซมฮะ เค้าหิว”
“อีกนิดเดียวนะแบคฮยอน อีกนิดเดียวเดี๋ยวเซมพาไปกินของอร่อย ๆ”
“อะไรล่ะที่ว่าอร่อย ไส้กรอกอีสานของมึงน่ะเหรอ?” จงอินยังคงกัดไม่ปล่อย เขาชำเลืองมองเสี้ยวหน้าไอ้ชั่วก่อนจะแกล้งขยับตัวเพื่อให้ได้ยินเสียงกุญแจมือ
เชี่ยนี่ก็ขู่กูตลอดเลยซั้ซ
“หกโมงแล้วพี่”
“เหอะ ไหนล่ะเด็กสิบแปดของมึง”
“รอก่อนสิวะ ไม่ใช่ว่าหกโมงปุ๊บจะมาปั๊บ ไอ้สัส นี่ไม่ใช่ตอกกะออกเวร” ชานยอลหลุบตามองเพื่อนสนิทที่กำลังหยิบกุญแจมือออกมา ทำท่าว่าเอาจริง เด็กแปดขวบขมวดคิ้วกับบทสนทนาที่ทำยังไงก็ไม่เข้าใจ
“ลูกทุกคนใจเย็น ๆ ก่อนนะ นึกถึงพระแม่มารี แคธี่เพอร์รี่ เทเลอร์สวิฟท์ก่อน” จุนมยอนพยายามปราม แต่ดูเหมือนว่าจงอินจะหัวร้อนและไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้น
แน่ล่ะ... พวกเขาเสียเวลามาตั้งครึ่งค่อนวันเพื่อที่จะพบว่าทั้งหมดมันเป็นเพียงเรื่องโกหกที่ไอ้เพื่อนชั่วมันสร้างขึ้นเพราะไม่อยากติดคุกข้อหาพรากผู้เยาว์ ตายในปี 2019 งั้นเหรอ? เหอะ! ตอนนั้นกูคงเย้ว ๆ คนน่ารักมากกว่าไปกระโดดรับกระสุนของใคร!
“เดี๋ยวจงอิน ใจเย็นก่อนเพื่อน!!!”
“ไปเย็นในคุกเถอะมึง!!!” จงอินดัดแขนเพื่อนไพล่หลัง แล้วกดหน้ามันแนบลงกับพื้นโดยได้เซฮุนเป็นลูกมือ เยี่ยมมากไอ้น้องรัก ไม่เสียแรงที่กูพามึงไปเลี้ยงข้าวอยู่บ่อย ๆ สมัยเรียน
“จ๊ะเอ๋”
“...”
“...”
“...”
“...”
“รอผมมาทั้งวันคงเบื่อแย่เลยเนอะ”
ทั้งสี่คนมองไปยังร่างขาวเปลือยเปล่าที่นอนราบอยู่กับพื้น และปอยผมสีน้ำตาลที่ปรกหน้าผากกับแก้มน่าหยิก ดวงตาคู่นั้นกวาดมองชายหนุ่มทั้งสี่คนก่อนจะยิ้มและกระดิกนิ้วทักทาย เซฮุนอ้าปากค้างกับความขาวก่อนจะหยุดสายตาที่ก้นงอน ๆ น่าบีบ จุนมยอนเอานิ้วแตะอกซ้ายขวาและปิดท้ายที่หน้าผากก่อนจะสบถ ‘อาเมน’ ด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
จงอินเซล้มหงายหลังอย่างเสียหลักทั้งที่ยังไม่ละสายตาจากเด็กหนุ่มตัวเล็ก ชานยอลรีบคลานไปขวางร่างเปลือยเปล่าอย่างทุลักทุเลโดยที่มือทั้งสองข้างยังคงมีกุญแจเย็น ๆ ล็อกเอาไว้ เขาไม่แน่ใจว่ากำลังปกป้องเด็กต่อสายตาพวกหื่นกามหรือเพราะกำลังหวงกันแน่
“เอ... ใครช่างทำแบบนี้กับเซมของผมกันนะ”
คนมองกลืนน้ำลาย เมื่อคนตัวเล็กลุกขึ้นโอบกอดรอบคอชานยอลจากข้างหลัง ก่อนจะอ้าปากงับติ่งหูกาง ๆ ขณะมองชายหนุ่มทั้งสามที่อยู่เบื้องหน้า เซฮุนยิ้มตาลอย เลียปากกวาดเอาน้ำลายที่ไหลออกมา ขณะที่จุนมยอนกำลังก้มหน้าก้มตากำไม้กางเขน สวดมนต์ขอให้พระเจ้าช่วยชีวิตเขาทั้งสี่
ชานยอลทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ พวกมึงรู้แล้วใช่ไหมไหมว่าตลอดเวลาที่ผ่านมากูต้องต่อสู้กับอะไรบ้าง...
“เชื่อกูยั๊ง!”
ไม่มีใครโต้แย้งอะไรอีก ทุกสายตายังคงไม่ละออกห่างจากร่างขาวสะอาดที่กอดชานยอลจากด้านหลัง และดูเหมือนว่าจะอีโรติกเข้าไปทุกทีเพราะมือเล็ก ๆ นั่นที่กำลังลูบไปตามแผงอกแกร่งของคนตัวสูง
“หิวใช่ไหมแบคฮยอน อยากกินอะไรบอกมา เดี๋ยวพี่โทรสั่งให้!!!!”
คนตัวเล็กหลุบสายตามองโทรศัพท์ที่จงอินกำลังกำมันไว้แน่น ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างผู้เหนือกว่า ดูเหมือนว่าค่ำคืนนี้คงยังอีกยาวไกล แบคฮยอนจะโทรสั่งอะไรมากินดีน้า...
“เซมจ๋าของผมอยากกินอะไรนะ...”
เสียงกระซิบข้างหูของเด็กคนนี้ยังทำให้เขาขนลุกซู่ได้ทุกเมื่อ ชานยอลหลับตาแน่นเพื่อสงบสติอารมณ์ ก่อนจะส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปยังเพื่อนสนิทที่มีสายแดกอยู่หนึ่งคน
TBC
อยากกินอะไรก็สั่งเรยนร๊
ความคิดเห็น