คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Chapter 05 :: His Lie
Chapter 5
His Lie
คาบเลขที่อาจารย์ผู้สอนชอบออกไปยืนฝอยกับอาจารย์ประวัติศาสตร์ห้องข้าง ๆ ทิ้งไว้แค่ตัวหนังสือไม่กี่ตัวบนกระดานว่าให้นักเรียนฝึกหัดอ่านบทความในหน้านั้น หน้านี้แต่ถามว่าแต่ละคนสนใจหนังสือไหม ตอนนี้มีเพียงแค่พวกลิงค่างที่กำลังขยำกระดาษปาข้ามหัวเพื่อนไม่ก็หันหน้าคุยกันเท่านั้น
จื่อเทามองเพื่อนที่นั่งทำหน้าหงิกอยู่ข้าง ๆ ที่ดูไม่สบอารมณ์สักเท่าไหร่ ชานยอลมันนั่งทำหน้าหิวไก่สดมาตั้งแต่หลังออกจากห้องปกครองจนถึงตอนนี้มันก็ยังคงงิดอยู่เพราะถูกตัดสินว่าเป็นคนผิดที่เริ่มบวกก่อน
“เฮ้ย~”
“เงียบไปเลยมึง”
“อะไรว้า ก็กูบอกแล้วว่าให้ใจเย็น ๆ อย่าไปมีเรื่อง~”
“มึงบอกตอนไหน” หันไปแยกเขี้ยวใส่เพื่อนที่นอนทับแขนตัวเองขณะมองเขาอยู่
“บอกในใจ”
“กูคงตรัสรู้ได้หรอกนะครับ ไม่รู้จะพูดอะไรก็หุบปาก” พาลโว้ย นอกจากจะปล่อยให้กูโดนรุมประชุมตีนที่หลากหลายแล้วยังกล้ามาปลอบด้วยคำพูดโง่ ๆ อีก ไอ้เชี่ยนี่มันน่าเอาปากไปฝากตีนจริง ๆ
“ก็เป็นห่วงอ่ะ”
“หุบปาก”
“มึงจะบอกน้ามึงไหม” ประโยคนี้ของเพื่อนสนิทให้ความรู้สึกเหมือนมีใครสักคนเอาค้อนปอนด์มาทุบหัว ชานยอลสตั้นไปหลายวิแล้วภาพความโหดต่าง ๆ ของคนเป็นน้าก็ฉายเข้ามาในหัว
“เรื่องอะไรกูจะบอก...”
“ได้ยินแว่ว ๆ มาว่าจารย์’จะโทรเรียกน้ามึงด้วยแหละ”
“เรียกห่าไร ตอนกรอกประวัติเข้าเรียนกูใส่เบอร์โทรปลอมเข้าไป”
“จริงดิ! งั้นก็รอดแล้ว!” เทายิ้มกว้าง มึงฟินอะไรแทนกูหอกเทา เดี๋ยวกูตบด้วยไม้บรรทัดเหล็ก “แต่ก็นะ กูจินตนาการตอนน้ามึงรู้เรื่องนี้ไม่ออกเลย” เด็กหนุ่มทำหน้าคิด
“ง่าย ๆ ร่ายคาถาด่ากูยันโคตรไงล่ะสึด”
“ผู้ใหญ่ก็งี้แหละ”
“กูเบื่อคำนี้ละ เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นได้ไหม”
“น้ามึงก็งี้แหละ”
เออ รู้สึกดีขึ้นเยอะ...ถุ้ยยยยยยยยยย
“มันใช่ความผิดของกูเหรอวะ กูอยู่เฉย ๆ ไอ้พวกห่านั่นก็กวนส้นตีนจั๊ง ว่างไม่ได้หาเรื่องกูตลอดชีวิตมันไม่มีอะไรทำแล้วเหรอ กูอุตส่าห์ทำเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ตอนที่เห็นมันแซะลอย ๆ แล้วนะ เรื่องกูกับแม่งยาวกว่าแฮรี่พอตเตอร์ทุกภาคมารวมกันอีก” นึกแล้วก็โมโห ทั้งที่พวกไอ้ห่ายองโดเป็นฝ่ายหาเรื่องก่อนแท้ ๆ แต่คนถูกตราหน้าว่าเป็นคนผิดเสือกเป็นกู ความยุติธรรมอยู่ไหน “มึงฟังกูอยู่ป่ะ” หรี่ตามองเพื่อนที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาอ่านการ์ตูนอยู่ เทากระพริบตาปริบ ๆ แล้วมองหนังสือในมือ
“ฟังอยู่ เล่าต่อดิ”
“มึงไม่ตั้งใจฟังกู หนังสือการ์ตูนมันสำคัญกว่าเรื่องคอขาดบาดตายของเพื่อนเหรอ เอามานี่” กระชากหนังสือการ์ตูนมาจากมือแม่งเลยครับกูโหดMAX อยากรู้นักว่าเรื่องไหนที่ทำให้ไอ้ขี้เสือกนี่สนใจมากกว่าเรื่องของเขา ถ้าเป็นวันพีซจะให้อภัย แต่พอเห็นหน้าปกก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อสัมผัสได้ถึงความแปลกประหลาด
“เอาคืนมาเร็ว ถึงฉากไคลแม็กซ์แล้วนะมึง” เทาเอื้อมมือมาหวังจะแย่งการ์ตูนคืน ชานยอลชูมือขึ้นสุดแขนแล้วขมวดคิ้วมองหน้าเพื่อน
“มึงอ่านการ์ตูนเกย์เหรอห่าเทา”
“ไม่ใช่การ์ตูนเกย์นะเว้ย มันคือการ์ตูนวาย” เทาพูดหน้าตาเฉย ห่าจิกแล้ววายกับเกย์มันต่างกันยังไงวะ
“เออ แล้วมึงอ่าน?” คนตัวสูงกว่ายังคงจ้องหน้าเพื่อนเพื่อคาดคั้นคำตอบ เทานิ่งไปครู่หนึ่งแล้วพยักหน้าหงึก
“ก็มันหนุกอ่ะ”
ก็มันหนุกพ่อง...
“มึงเป็นเกย์เหรอ”
“เฮ้ย~ ทำไมพูดแบบนี้วะ~”
“ก็มึงอ่านการ์ตูนเกย์ โหสัดค้างฉากตอกเสาเข็มด้วย อื้อหือ...” ชานยอลเบิกตากว้างขณะมองลายเส้นหมึกดำฉาก NC ในอ่างน้ำที่เคะกำลังขย่มอย่างบ้าคลั่งแถมมีเอฟเฟคน้ำกระเซ็นออกมาข้างนอกอ่างด้วย
“เขินเนอะ”
“...”
“สนุกนะมึง ฉากก่อนหน้านั้นก็ได้กันแล้วรอบนึงบนเตียง”
“กูไม่ได้ถาม” มันจะเอากันโลเคชั่นไหนใช่ประเด็นไหม “มึงซื้อมาแล้วกี่เล่ม”
“แรก ๆ กูหยิบผิดเล่มเว้ย แต่พออ่านแล้วก็ฟินดีเลยไปซื้อเล่มต่อ ทั้งหมดก็เจ็ดเล่มแล้วกูว่าจะไปซื้อเรื่องอื่นอ่านดู ลายเส้นโคตรสวยอ่ะ” เทาพูดด้วยความภาคภูมิใจ
“ขนาดนี้กูว่าใช่ละ” นอกจากสาววายแล้วคงไม่มีชายแท้ที่ไหนมาอ่านหรอก ปาร์คชานยอลคิดอย่างนั้น
“หมายความว่ากูเป็นเกย์เหรอ” เทาถามด้วยสีหน้าจริงจัง เป็นอีกครั้งที่เขาสับสนว่าไอ้ห่าเทามันโง่จริงหรือแกล้งโง่กันแน่
“มึงต้องการคำตอบแบบไหนล่ะเพื่อน”
“เฮ้ย~” เทาหน้าขึ้นสีแล้วกำกลุ่มผมตัวเองเหมือนคนกำลังจะเป็นบ้า “ทำไงดีอ่ะ ถ้าหม่อมรู้กูโดนฟาดแน่เลย มึงงงง ช่วยกูด้วย” เทาเขย่าแขนเพื่อนตัวสูง
สรัส กูจะช่วยอะไรมึงได้ล่ะนาทีนี้
“ก็ไม่จำเป็นต้องบอกทุกเรื่องป่ะ...”
“ถ้าไม่บอกแม่ก็หาว่ากูเป็นเด็กขี้โกหกอ่ะ กูไม่อยากให้เขาเสียใจ”
“โทษทีว่ะ มึงทำแล้ว มึงเป็นเกย์ มึงชอบผู้ชาย”
“ไม่ กูยังไม่ได้รู้สึกแบบนั้นกับใครเลยนะเว้ย ก็แค่เห็นผู้ชายตัวเล็ก ๆ แล้วมองตามจนคอแทบหันมันก็เท่านั้นเองอ่ะ”
“ครับ มึงไม่เกย์เลยจริง ๆ”
“เนอะ”
“เนอะพ่อง”
“อะไรวะ ผู้หญิงกูก็มองเหมือนกันนะ”
“ประเด็นมันไม่ได้เกี่ยวกับผู้หญิง แต่มันอยู่ที่มึงอ่านการ์ตูนเกย์”
“วาย!”
“วายที่หน้ามึงเถอะ” พูดจบก็โยนหนังสือคืนไปแล้วมันก็รีบตะกุยคว้าไว้ได้ก่อนตกพื้น
“มึงผิดหวังในตัวกูเหรอชานยอล”
“อะไรที่ทำให้มึงสำคัญตัวขนาดนั้น” เด็กตัวสูงหรี่ตามองคนข้าง ๆ ที่กำลังกรีดปกหนังสืออย่างทะนุถนอม มึงไม่เหน็บเข้าใต้วงแขนแล้วกรีดให้เรียบเลยล่ะครับ
“ก็มึงดูโมโหอ่ะ”
“กูเปล่า”
“โกรธคนอื่นแล้วอย่ามาลงกับเพื่อนดิ ใช้ไม่ได้เลยนะมึงเนี่ย”
“ขอตบปากทีนึงได้ไหม มือกูมันเรียกร้องมาก” ชานยอลชูมือขึ้นมาทำท่ามือสั่นประกอบ เทามองหน้าเพื่อนสลับกับมือใหญ่ไปมาแล้วเบ้ปาก
“ไม่ให้ตบ”
สรัส...สำเนียงมึงนี่น่าโบกให้กะโหลกร้าวจริง ๆ
“มึงห่วงตัวเองก่อนเถอะ ถ้าน้าแบครู้ขึ้นมาจริง ๆ มึงโดนหลายกระทงแน่”
“แน่นอนอยู่แล้ว ฆาตกรใจโหดแบบนั้นคงไม่มีทางปลอบใจกูหรือถามว่า ‘ทำไมถึงมีเรื่องกันล่ะ น้ารอฟังจากปากแกอยู่นะ’ หรอก”
“เพราะมึงเลวเองด้วยแหละ”
มึงต่อยกับกูไหมหวงจื่อเทา...
“ถ้ามึงไม่เกเรเขาก็ไม่ว่ามึงหรอก”
“เกเรตรงไหน? กูก็ใช้ชีวิตเหมือนเด็กผู้ชายทั่วไปป่ะ ไปโรงเรียน เล่นกีฬา เล่นดนตรี เล่นเกม มีเซ็กส์ในวัยเรียน ชกต่อยกับพวกปากหมา”
“แต่โดยรวมแล้วมันเหี้ยนะมึง กูยังไม่เด้าใครเลย”
“มึงมันกระจอกไง สาว ๆ กรี๊ดเยอะแยะเสือกทำได้แค่ยิ้มเขินเป็นไก่อ่อน เขาให้ท่าแล้วต้องงาบดิวะไม่ใช่บอกให้เขากลับบ้านดี ๆ ชีวิตคือการเรียนรู้ครับเพื่อน” เทาชั่งใจไปเกือบครึ่งนาทีกับคำพูดของเพื่อนที่กำลังโน้มน้าวให้เขาเป็นเด็กเลว
“กูควรทำแบบนั้นเหรอ”
“เออดิ แล้วถ้าใครกวนตีนก็ต่อยแม่งให้เลือดกบปาก สั่งสอนให้มันรู้ซะบ้างว่าไม่ควรเล่นกับใคร” พูดจบก็ซี๊ดปากพลางลูบรอยช้ำบนใบหน้าที่ผลลัพธ์ออกมาไม่ได้ดูดีเหมือนในละครเลยสักนิด แม่งตากูเขียวจนเริ่มแปรสภาพเป็นสีม่วงแล้ว อับอายไปอีก
“แต่ถ้าต่อยแล้วคลานหนีออกมาเหมือนมึงมันก็ไม่เท่ป่ะวะ”
“กูไม่ได้คลานหนี นั่นเรียกสไลด์ตัวออกมาตั้งหลัก” ชานยอลพูดเสียงเย็น ไอ้ห่านี่ก็จ้องจะหักหน้ากูตลอด
“แต่ยังไงมันก็ไม่ดีหรอก แม่กูบอกว่าถ้าโกรธใครให้หยิกแขนตัวเอง” พูดจบแล้วก็ทำท่าประกอบ ชานยอลกุมขมับอย่างเหนื่อยใจ ภาพลักษณ์ผู้ชายแบดบอยที่กูสั่งสมมานานทำไมเบื้องหลังมันช่างหดหู่อย่างนี้ ถ้าพวกสาว ๆ ที่กรี๊ดไอ้ห่าเทารู้ว่านิสัยโดยเนื้อแท้มันงุ้งงิ้งแบบนี้จะยังฟินกันอยู่ไหม
“มึงทำตัวดี ๆ กับน้ามึงได้แล้วเว้ย” เทาวางมือลงบนบ่าเพื่อนแต่ก็ถูกสะบัดออกอย่างไร้เยื่อใย
“กูจะดีก็ต่อเมื่อน้ากูเข้าใจวัยรุ่นยุคนี้”
“แต่มึงก็ไม่ยอมเข้าใจวัยรุ่นยุคนั้นเหมือนกันอ่ะ”
“กูเข้าใจวัยรุ่นยุคนั้นทุกคนยกเว้นน้ากู เช่นพี่เซฮุนเป็นต้น”
“มึงสองมาตรฐานเพราะพี่เซฮุนสุดหล่อเป็นดาราอ่ะดิ”
“ไม่เกี่ยว”
“สักนิด”
“ไม่เว้ย น้ากูแม่งไม่เคยพอใจอะไรในตัวกูสักอย่าง ครั้งนึงเคยถามกูว่า ‘ปีนี้แกอายุเท่าไหร่แล้วนะ?’ พอกูบอกว่าสิบเจ็ดแม่งก็สวนกลับมาว่า ‘แต่ฉันอายุสิบแปดตอนอายุเท่าแกว่ะ’ คือกูจะหาเหตุผลอะไรกับมนุษย์น้าอย่างนั้นได้บ้าง? ห่า ชนะไปซะทุกอย่าง” ชานยอลแค่นหัวเราะ
“ปาร์คชานยอล! เชิญที่ห้องพักครูด้วยมีญาติมาพบ”
ผ...ผ่าง....
เด็กหนุ่มทั้งสองหันหน้ามามองกันอย่างไม่ได้นัดหมาย จู่ ๆ ก็รู้สึกหนาวขึ้นมาทั้งที่เหงื่อกำลังแตกพลั่ก ๆ เทาปั้นหน้านิ่งแล้วค่อย ๆ ยกมือขึ้นมาโบกลาเพื่อนด้วยความเวทนาแต่ชานยอลกลับเบ้หน้าสื่อว่า ‘ไม่นะ มึงอย่าทิ้งกู’
“ขอให้พระเจ้าอยู่กับมึงนะเพื่อน”
เสียงฮือฮาของเพื่อนร่วมห้องที่ตามหลังเด็กหนุ่มตัวสูงออกมาติด ๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็นหรือเรียกง่าย ๆ ว่าเสือกนั่นแหละ ชานยอลพยายามปั้นหน้านิ่งให้ดูเป็นปกติที่สุดเพราะไม่อยากอับอายขายขี้หน้าถ้าเกิดว่าแบคฮยอนแสดงพฤติกรรมอันหยาบโลนกับเขา เสียงซุบซิบบ่งบอกถึงความตายซึ่งอยู่ภายในประตูห้องพักครูสุดทางเดิน รู้สึกปวดขี้ขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ ทำไมรู้สึกว่าคราวนี้พลังงานมันแรงขึ้นกว่าเดิม
เคาะประตูห้องสองทีแล้วเปิดประตูเข้าไป สิ่งแรกที่เห็นคือหลังอันคุ้นเคยของคนอาศัยอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน พอได้ยินเสียงเรียกชื่อจากปากครูที่ปรึกษาคนเป็นน้าก็หันมามองเขาด้วยรอยยิ้มปีศาจ
“ว่าไงหลานรัก...”
ว่าไงหลานรัก = มาแล้วเหรอสัด
“นั่งลงก่อนสิปาร์คชานยอล” เด็กหนุ่มตัวสูงโค้งหัวน้อย ๆ แล้วเดินไปลากเก้าอี้จากมุมห้องเพื่อเอาไปนั่งข้างครูที่ปรึกษาแต่ก็ต้องหยุดแค่นั้นเมื่อแบคฮยอนลากเก้าอี้มาไว้ข้างตัวก่อนพร้อมตบเบาะเน้น ๆ สองทีเป็นเชิงบอกว่า ‘มึงจะหนีไปไหน กูจองวัดให้มึงแล้ว’
“...”
“เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา งั้นฉันขอเข้าเรื่องพฤติกรรมบุตรหลานของคุณเลยแล้วกันนะคะคุณบยอน” ครูสาววัยสามสิบต้น ๆ กล่าวแล้วแบคฮยอนก็พยักหน้าพร้อมรอยยิ้มก่อนจะหันไปยิ้มโหดใส่หลานที่นั่งอยู่ข้าง ๆ
“ว่ามาเลยครับครูผมฟังอยู่”
“ผมบอกครูไปแล้วไงครับว่าไอ้ยองโดมันหาเรื่องก่อน” ชานยอลพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาพูดประโยคนี้กับครูที่ปรึกษาแต่เธอก็เอาแต่บอกว่ามันเป็นความผิดของเขาอยู่ดีที่ไม่ยอมสงบสติอารมณ์แล้วคุยกันด้วยเหตุผล แบคฮยอนขมวดคิ้วไม่เข้าใจกับคำพูดของหลานชาย
“หาเรื่องอะไรเหรอครับ?” น้าชายตัวเล็กถามครูสาว เธอยิ้มแห้ง ๆ ขณะมองน้าหลานสลับกันไปมาก่อนจะวางมือลงบนโต๊ะ
“อ้าว?” สุดหล่องงครับ ทำไมน้าของเขาถึงทำหน้าเหมือนไม่รู้เรื่องไม่รู้ราวอะไรขนาดนั้น “ครูยังไม่ได้เล่าให้น้าผมฟังเหรอครับ?”
“เรื่องอะไร?”
“เอ่อ...ครูเชิญผู้ปกครองมาคุยเรื่องที่เธอทำผิดกฎน่ะ ครูก็ยังไม่ได้เล่าเรื่องชกต่อยให้เขาฟังเลยจ้ะ”
“...”
“ชก”
ไม่ – นะ
“ต่อย”
ชานยอลค่อย ๆ หันไปมองคนข้าง ๆ ที่กำลังก้มหน้ายิ้มอยู่คนเดียวก่อนจะเงยหน้าขึ้นหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อสงบสติอารมณ์ งานหยาบแล้วครับท่านผู้ชมทีแรกก็นึกว่าแบคฮยอนถ่อหน้ามาถึงนี่เพราะเรื่องชกต่อยแต่ที่ไหนได้...
“สรุปคือหลานผมมีเรื่องชกต่อยเพิ่มขึ้นมาอีกเหรอครับ...”
“เอ่อ...ค่ะ”
“ว้าว” แบคฮยอนหัวเราะแล้วเคาะนิ้วลงบนโต๊ะก่อนจะหันไปมองหน้าหลานชาย “ใครเริ่มก่อนครับครู” ถามอีกคนแต่มองหน้าอีกคน ชานยอลเอนหลังไปทีละนิดพลางกลืนน้ำลายลงคอ ตอนนี้หน้าห้องพักครูเต็มไปด้วยนักเรียนเป็นสิบยืนที่เบียดกันเพื่อรอดูเหตุการณ์หลังจากที่หวงจื่อเทาประกาศให้เพื่อนร่วมห้องได้รับรู้ถึงศักยภาพของมนุษย์น้าแบคฮยอน “ใครเป็นคนเริ่มก่อน...”
“...”
“ชาน...”
“มึงไปหาเรื่องคนอื่นเหรอไอ้หลานนรก!!!!!!!!!!”
เสียงแผดลั่นดังไปทั่วห้องพักครูจนอาจารย์ที่แอบหลับในคาบว่างสะดุ้งตื่นอย่างตกใจ ครูสาวเบิกตากว้างค้างอยู่ท่านั้นเมื่อเห็นน้าชายกำลังรัวมือตบหัวนักเรียนของเธอไม่ยั้งมือพร้อมกับก่นด่าสาธยายถึงความชั่วช้าจนเธอรู้สึกเห็นใจ ชานยอลยกมือขึ้นบังฝ่ามือนั้นแล้วแหกปากลั่นกับความเจ็บปวดที่ได้รับ ส่วนนักเรียนที่อยู่ข้างนอกห้องต่างทนดูไม่ได้กับภาพตรงหน้า บางคนเบือนหน้าหลบบ้าง ยกมือปิดตาบ้างอย่างเวทนา...
“...”
“...”
จุด...แทนความรู้สึก...
ในร้านอาหารใจกลางเมืองเวลายามเย็นหลังจากแบคฮยอนนั่งหลังขดหลังแข็งรอหลานนรกเลิกเรียนอยู่นานจะได้กลับบ้านพร้อมกัน เด็กหนุ่มที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามมีรอยฟกช้ำตามใบหน้าแต่ที่ทำให้เขาหงุดหงิดคือแววตาของมันต่างหาก มึงโหดมาจากไหนปาร์คชานยอล นอกจากไอ้เซฮุนแล้วมึงยังมีบัวขาวเป็นไอดอลด้วยหรือ
“ไม่หิว”
“ก็ตามใจ” ไม่แดกก็ไม่ต้องแดกครับกระเพาะมึง แบคฮยอนยักไหล่อย่างไม่ยี่หระแล้วเปิดเมนูดู วูบหนึ่งก็แอบมองหลานนรกที่กำลังทอดสายตามองออกไปนอกร้านด้วยสีหน้านอยด์สุดขีด เขาล่ะเกลียดจริง ๆ อีพวกเด็กที่ทำผิดแล้วไม่ยอมรับเนี่ย ไม่เคยจะสำนึกหรอก ถ้าโอ๋ ถ้าพูดดี ๆ มันก็ได้ใจอีก
“กลับบ้านแล้วจะย้อมผมดำให้” มองหัวหลานที่เป็นสีน้ำตาลเข้มแล้วก็งิด ก่อนหน้านี้แม่งบอกว่าครูอนุญาตให้ทำสีผมได้ด้วยเหตุผลเพราะเป็นเนตไอดอล ตอนแรกก็งง ๆ ว่ามีเหตุผลควาย ๆ แบบนี้อยู่ในโลกด้วยเหรอ นอกจากไอ้เซฮุนแล้วยังมีคนกล้าคิดอะไรได้แบบนี้อีก เลยคิดว่าในเมื่อครูไม่ด่ามันก็คงไม่มีปัญหาอะไร ไม่อยากบังคับหลานมากมายเลยปล่อยให้มันทำสีไป นี่คือพยายามเข้าใจแล้วนะ
“ไม่ต้องย้อมหรอก”
“อะไร”
“น้าแค่ยื่นเรื่องขอให้ผมทำสีผมได้ก็พอแล้ว พี่เซฮุนยังเคยทำเลยไม่ใช่เหรอ?” ชานยอลลดสีหน้าลง ตอนนี้เขากำลังพยายามอย่างหนักที่ต้องฝืนใจอ้อนวอนน้าชาย
“ไอ้เซฮุนมันมีพ่อเป็นคนใหญ่คนโต ขนาดว่าสั่งให้ควายขี้เป็นเพชรก็ยังได้ แต่ก่อนจะอ้อนวอนขออะไรช่วยเช็คเบ้าหน้าน้าแกนิดนึง” แบคฮยอนทำหน้าเนือยแล้วชี้หน้าตัวเอง
“ไม่ลองไม่รู้อ่ะ นะแบคฮยอน ยื่นเรื่องให้ผมนะ”
“ไว้เรียนจบแกจะทำหัวสีรุ้งตามไอ้เซฮุนก็ยังได้ อดทนอีกสักปีจะตายเหรอเดี๋ยวก็เข้ามหาลัยแล้ว”
“...”
“จะสั่งไหมอาหารน่ะ” สไลด์เมนูอาหารไปแต่หลานอันเป็นที่รักกลับเบือนหน้าหนีแล้วเอนหลังกระแทกเบาะประชดประชัน โมโหกูมากไหม โทรไปฟ้องแม่เลยดิซ๊าส “แล้วจะบอกได้ยังว่าไปทำอะไรถึงได้มีเรื่องชกต่อย”
“บอกไปก็เท่านั้น คุณไม่เชื่อผมอยู่แล้ว” <- ครับ โกรธเมื่อไหร่ตัดญาติกูเมื่อนั้น
“ก็บอกมาดิ”
“จะอยากรู้ทำไม ตอนแรกคุณไม่คิดจะถามผมด้วยซ้ำ” <- ตัดพ้อขั้นสุด
“ก็ถามแล้วนี่ไง”
“ไม่สายไปหน่อยเหรอ” <- มึงจะลีลาทำเห็ดเผาะอะไร แค่เล่าให้กูฟังก็จบหม้ายยย
“จะเล่าไม่เล่า”
“...”
“...”
“งั้นผมถามน้าข้อนึง”
ข้อนึงของมึงต้องมากกว่าสองข้อกูมั่นใจ
“ถ้าเกิดมีคนที่ไม่ชอบน้า แอบตามไปถ่ายรูปน้ากับผมแล้วเที่ยวประกาศให้คนอื่นรู้ว่าเป็นแฟนกัน น้าจะรู้สึกยังไง” แบคฮยอนใช้เวลาประมวลผลอยู่ครู่หนึ่งถึงจะจับใจความได้
“ก็คงสงสัยว่ามันเป็นอะไรมากไหม แกจะสื่อว่ามีคนคิดว่าฉันกับแกเป็นแฟนกันงั้นเรอะ?” แบคฮยอนหรี่ตามองก่อนที่เด็กหนุ่มจะแค่นยิ้มออกมา
“ผมผิดเองแหละที่ปกป้องน้าจากปากคนอื่น”
“...”
“มันบอกว่าน้าเป็นผู้ชายขายตัว แล้วเรากำลังจะมีเซ็กส์กันตรงนั้น” ชานยอลพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยแต่ก็บ่งบอกว่าเสียใจกับสิ่งที่เขาได้รับจากน้าชาย แบคฮยอนพูดอะไรไม่ออกกับคำบอกเล่าของหลาน “ผมผิดเองที่ควบคุมอารมณ์ไม่ได้เลยเข้าไปชกหน้ามันก่อน” เด็กหนุ่มกำหมัดแล้วป้องปากทำท่าเหมือนเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไปอย่างสุดขีด
“...”
“ขอโทษแล้วกันที่ทำให้ต้องมาถึงโรงเรียน ถูกต่อยจนสภาพหน้าเป็นแบบนี้ก็คงไม่พอหรอก”
“เฮ้ย...” แบคฮยอนเอื้อมมือมาแตะหัวหลานที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามด้วยความรู้สึกผิด พอได้ยินแบบนี้แล้วคนขวานผ่าซากอย่างเขาก็แทบพูดไม่ออกเลย “ทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก”
“จะให้บอกยังไง ก็แบคฮยอนไม่ฟังเลย”
“ขอโทษได้ไหมล่ะ ก็ฉันกำลังโกรธเรื่องไอ้จดหมายงี่เง่านี่อยู่อ่ะ” แบคฮยอนเลื่อนจดหมายให้อีกคนดูแล้วชานยอลก็ขยำมันจนเละคามือ
“ที่มันทำให้ผมทนไม่ไหวก็ตอนที่มันบอกว่าผมมีปัญญาหาแฟนเป็นผู้ชายหน้าตาได้แค่นี้เองเหรอ มันบอกว่าแบคฮยอนหน้าปลวก อุบาทว์ ตาก็ตี่ ยิ้มทีปากก็เป็นสี่เหลี่ยม เตี้ยหมาตืด ตูดก็ไม่มีให้ขยำ”
“โหไอ้เด็กเปรต! ปากแบบนั้นก็สมควรโดนกระทืบแล้ว!” แบคฮยอนถลึงตาพร้อมพูดลอดไรฟัน สองมือกำหมัดแน่นอย่างเห็นได้ชัด
“ใช่ไหมล่ะ! พูดแล้วแม่งโมโหอยากกลับไปยำตีนมันอีกรอบ!”
“เออดีละ วันหลังถ้ามันปากดีอีกเอาให้มันหนัก ๆ แล้วโทรเรียกน้าด้วย”
“เวลาเรียนใครจะไปโทรได้ บอกให้สมัครไลน์ทำไมไม่ทำ”
“ก็เล่นไม่เป็นอ่ะ” แบคฮยอนพูดเบา ๆ ก่อนที่หลานชายจะถอนหายใจหน่าย ๆ แล้วลุกขึ้นเดินมานั่งเก้าอี้ยาวตัวเดียวกัน
“เอามือถือมานี่ จะสมัครให้” คนเป็นน้าชายไม่ได้ขัดขืน ชานยอลมองคนตัวเล็กที่กำลังล้วงกระเป๋าหาสมาร์ทโฟนที่ใช้ไม่ค่อยเป็นขึ้นมาแล้วก็ยิ้มมุมปาก น้ากูนี่แม่งเชื่อคนง่ายเจง ๆ
“ไอ้เซฮุนมันก็ด่าว่าทำไมไม่หัดเล่นไลน์บ้าง ล้าสมัยเหมือนพวกอาจุมม่าวัยห้าสิบ แค่มีเฟซบุ้คไว้อัพสเตตัสโง่ ๆ กับตามข่าวในทวิตเตอร์มันไม่พอหรือไงวะ” แบคฮยอนบ่นอุบอิบขณะมองหลานชายที่กำลังดาวน์โหลดแอพไลน์ให้
การเข้าออกโปรแกรมด้วยปลายนิ้วยาวอย่างชำนาญจนแทบมองตามไม่ทันทำให้น้าชายต้องขมวดคิ้วมุ่น จริงอยู่ที่ทั้งคู่อายุห่างกันไม่มากและแบคฮยอนก็อายุเกือบจะยี่สิบห้า ก็ยังไม่แก่แต่ด้วยความที่ไม่ค่อยสนใจเรื่องโซเชียลเลยทำให้ตามโลกไม่ค่อยทัน
“ใช้ไอดีอะไร”
“04baekhyun”
“ง่ายไปเปล่า เอาเหมือนตอนนั้นดิ BaekKungZa” ชานยอลกลั้นหัวเราะแล้วก็ต้องเบี่ยงตัวหลบฝ่ามือเล็กที่เหวี่ยงมา
“ไม่เอา ลงทะเบียนชื่อนี้ไป”
“เออ” หลานชายไม่ได้เถียงอะไรต่อ เขาลงทะเบียนไลน์ให้แล้วนั่งสอนคนเป็นน้าเล่นแบบคร่าว ๆ แบคฮยอนก็นั่งฟังอย่างตั้งใจ เพื่อนคนแรกในลิตส์ก็ไม่ใช่ใครนอกจากหลานชายที่รักปาร์คชานยอล
“ใส่เข้าไปใน Favorite ด้วยสิฉันจะได้หาชื่อแกง่าย ๆ” เด็กตัวสูงเหล่มองคนข้าง ๆ ที่ยังคงจ้องจอมือถือไม่ละสายตา
“ใส่พี่เซฮุนกับพี่จงอินเข้าไปใน Fav แล้วนะ”
“โอเค นอกนั้นไม่ต้องแล้ว รูปนี้ไปถ่ายที่ไหนอ่ะ” แบคฮยอนชี้รูปดิสเพล์ไลน์ของหลานชายที่ไม่คุ้นตา
“แถวบ้านเพื่อน สวยอ่ะดิ”
“เปล่า จะถามว่าไปวันไหนกับใคร”
ครับคุณน้า
“ไปกับไอ้เทาไง นี่เสร็จแล้วนะ วันหลังมีอะไรก็ไลน์คุยกันโอเคป่ะ”
“ได้ แต่ไม่จำเป็นแกก็ไม่ต้องเล่นนะรู้เปล่า เวลาเรียนคือเรียน” เก็บมือถือใส่กระเป๋าแล้วมองหน้าหลานขณะสั่งสอน ชานยอลพยักหน้ายิ้ม ๆ พลางมองน้าชายที่กำลังหยิบเมนูอาหารมาเปิด
“สั่งเร็ว จะกินอะไร”
“กินอันนี้ได้ไหม?”
“โห ราคาอย่างกับโดนปล้น” ขายแพงงี้กะส่งลูกเรียนออคฟอร์ดป่ะครับ
“ไม่ได้เหรอ” แบคฮยอนชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งแล้วมองหน้าหลานที่เต็มไปด้วยรอยฟกช้ำซึ่งเกิดขึ้นเพราะอยากปกป้องน้าชายอย่างเขาแล้วก็ใจอ่อน
“เออสั่งเหอะ อยากกินอะไรก็เอาเลยวันนี้เต็มที่”
“จัดไป” ชานยอลยิ้มกว้างแล้วกวักมือเรียกเด็กเสิร์ฟมารับออเดอร์
เวลาแห่งการว่างงานผ่านไปนานพอสมควรจนกระทั่งแบคฮยอนทนไม่ไหวเลยไปสอบบรรจุเป็นครูรัฐบาลแม่งเลยครับ พวกครูเอกชนชอบใช้เส้นกันนักความยุติธรรมอยู่ที่ไหน สุดท้ายก็ได้บรรจุเป็นครูสอนโรงเรียนมัธยมและมีข่าวแว่ว ๆ มาว่าบยอนแบคฮยอนอายุน้อยมากที่สุดในบรรดาครูที่นั่น
แบคฮยอนตื่นตั้งแต่ตีสี่เพื่อมาเตรียมตัวไปทำงานในวันแรก จะหาว่าตื่นเต้นก็คงใช่มันไม่เหมือนอารมณ์ตอนฝึกงานเพราะนี่คือของจริงไม่ต้องใช้ตัวแสดงแทน บนเตียงเต็มไปด้วยเน็กไทหลากสีกว่าจะเลือกได้ คนตัวเล็กยืนมองตัวเองอยู่หน้ากระจกแล้วหายใจเข้าลึก ๆ
เมื่อคืนก็นอนไม่หลับมัวแต่กังวลว่าถ้าไปสอนที่นั่นไม่เวิร์คแล้วจะทำยังไง ถ้านักเรียนกวนส้นตีนเหมือนปาร์คชานยอลจนเขาปรี๊ดแตกจะข่มอารมณ์ด้วยวิธีไหน แต่สุดท้ายก็ปลอบใจตัวเองว่ายังไงก็ขอลองเก็บเกี่ยวประสบการณ์ก่อนแล้วหลังจากนี้จะเป็นยังไงค่อยว่ากัน
ทิ้งแซนวิสกับเงินอาทิตย์ไว้ให้หลานบนโต๊ะหน้าโซฟาแล้วออกไปขึ้นรถ ใช้เวลาไม่นานนักก็ขับมาถึงโรงเรียน ตอนนี้สนามโล่งกว้าง บนตึกก็โล่งแทบนับได้ว่ามีนักเรียนกี่คนที่มาถึงแล้ว จอดรถเรียบร้อยก็กวาดสายตามองไปรอบ ๆ ที่นี่บรรยากาศน่าอยู่เหมือนกันนะเนี่ย แบคฮยอนกระชับสูทตัวนอกแล้วเดินเข้าไปในตึกเพื่อตามหาห้องพักครูแต่เดินอยู่หลายรอบก็ไม่เห็นเลยต้องถามนักเรียนที่อยู่ละแวกนั้น
“ขอโทษนะ พอจะรู้ไหมว่าห้องพักครูม.ต้นอยู่ตึกไหน”
“ตึกข้างหลังนี้ชั้นสามเลยพี่” เด็กหนุ่มในชุดนักฟุตบอลโชกไปด้วยเหงื่อบอกทางพร้อมยักคิ้วให้ แบคฮยอนยิ้มขอบคุณก่อนจะหุบยิ้มทันทีที่หันหลังกลับ เป็นเด็กเป็นเล็กพูดกับผู้ใหญ่แบบนี้เหรอวะ มันน่าตีปากจริง ๆ
สองขาพามาถึงที่หมายตามที่นักเรียนคนนั้นบอก ยืนมองบรรยากาศโดยรอบแล้วก็ยิ้มออกมาอีกครั้งกับการตกแต่งสวนหน้าตึกและม้านั่งไม้มันวาว ดูหรูหราแบบธรรมชาติไม่หยอก แบคฮยอนขึ้นไปบนตึกชั้นสามแล้วก้าวไปตามทางเดินยาว สายตาก็มองไปยังป้ายบอกห้องสลับกับกระดาษในมือที่จดมาว่าถ้าถึงแล้วให้ไปหาอาจารย์คนนี้ก่อน จากได้ฟังรุ่นน้องที่จบมาจากโรงเรียนนี้มันบอกว่าอาจารย์คนเนี้ยดูนิ่ง ๆ สังเกตได้ง่ายเห็นปุ๊ปจะรู้ทันที
“โว้ว~” แบคฮยอนเดินมาหยุดอยู่หน้าห้องพักครูพลางยิ้มกว้างก่อนจะหมุนลูกบิดประตูเข้าไปแล้วก็พบว่ามีเพียงแค่ป้าคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างหลังตู้วางของ ตอนนี้เพิ่งหกโมงเศษ ๆ คาดว่าครูคนอื่นคงยังไม่มาในขณะที่อาจารย์ป้าคนนี้มาก่อนใครอื่น โคตรจิตวิญญาณของการเป็นครู สีหน้านิ่ง ๆ ที่มองมามันโคตรชัดเจนตามที่รุ่นน้องพูดจริง ๆ หน้านิ่ง...นิ่งสุด ๆ
“สวัสดีครับครูอี้ฟาน ผมบยอนแบคฮยอนเป็นครูสอนสังคมเพิ่งมาใหม่ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ” แบคฮยอนโค้งจนหัวเกือบติดเข่า ถ้าเรียนยิมนาสติกมาจะโค้งถึงตาตุ่มให้ดูเลยนี่พูดจริง
“...”
นั่น...ยังนิ่งอีกยังนิ่ง
“อาจารย์อี้ฟานดูสุขุม น่าเกรงขามเหมือนอย่างที่ใคร ๆ เขาพูดกันจริง ๆ ด้วยนะครับเนี่ย” ประจบเลยครับ ชนิดว่าได้ยินประโยคนี้แล้วอีป้าต้องยิ้มอ่ะ
แต่ผิดคาด...อีป้ายังนิ่งเหมือนเดิม
“มาแต่เช้าแบบนี้...” แบคฮยอนเริ่มเหงือกแห้งเพราะยิ้มเก้อ อย่างมากป้าก็น่าจะเชิญให้กูนั่งป่ะครับ จะยืนนิ่งเป็นเทพีเสรีภาพไปไหน “ครูอี้ฟานกินมื้อเช้ามาหรือยังเอ่ย”
“ผมดื่มกาแฟแทนมื้อเช้าน่ะครับ”
เสียงที่ดังมาจากข้างหลังทำให้คนตัวเล็กหันควับ สิ่งแรกที่เห็นคือแก้วกาแฟแบบเทคอเวย์สีขาวพร้อมฝาปิดอยู่ในมือแกร่ง แบคฮยอนต้องเงยหน้าขึ้นเมื่อพบว่าระดับสายตาเขาตอนนี้มันอยู่ตรงช่วงอกจนต้องแหงนมองอีกฝ่ายเพราะความสูง ใบหน้าหล่อได้รูปประหนึ่งหลุดออกมาจากการ์ตูนบงกชกำลังยิ้มให้เขาอยู่
“อรุณสวัสดิ์ค่ะครูอี้ฟาน” แบคฮยอนหันควับกับเสียงของอีป้าหน้านิ่งแล้วก็ต้องอ้าปากหวอเมื่อเห็นป้าร่างท้วมเดินออกมาจากตรงนั้นพร้อมกับไม้ถูพื้น...
เดี๋ยวนะ...นั่นแม่บ้านเรอะ!!
“อรุณสวัสดิ์ครับคุณชอง”
“ฉันยกกล่องนี้ออกไปได้เลยใช่ไหมคะ?”
“ครับ รบกวนคุณด้วยนะ” ร่างสูงยิ้มบาง ๆ ก่อนจะหันกลับมามองหน้าอีกคนที่กำลังช็อกสุดขีด “สวัสดีครับ คุณคงเป็นครูที่มาใหม่วันนี้”
“...”
ตอนนี้บยอนแบคฮยอนแยกแยะไม่ถูกว่ากำลังรู้สึกยังไงอยู่ ทั้งอับอายเรื่องที่ยัดเยียดการเป็นครูให้แม่บ้าน กับการที่ถูกตอกหน้าด้วยความหล่อของครูคนนี้ ไอ้เชี่ย! รุ่นน้องนรกทำไมไม่บอกว่าครูอี้ฟานที่ว่าเป็นผู้ชายวะ! ชื่อก็ชื่อจีนกูจะรู้ไหมว่าเพศไหน ไม่ใช่สมศักดิ์ สมหญิงที่จะแยกแยะระบุเพศได้ง่าย ๆ น่ะสึด
แล้วอะไรคือการที่ยืนจ้องกูแบบนี้ทั้งที่ยิ้มนิดเดียวแต่เสือกหล่อทำลายล้าง คิดว่าหล่อแล้วจะทำยังไงก็ได้งั้นเหรอ หรือว่าครูคนนี้ดูออกว่าบยอนแบคฮยอนเป็นเก้ง เวรกรรม TT_TT
“ผมอู๋อี้ฟานเป็นครูสอนชีวะ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ...ครูแบคฮยอน”
TBC
ตัวละครใหม่มาแล้ววววววววววววววววววววว
แบคฮยอนถึงกับสตั้นพอเจอครูสอนชีวะเข้าไป!
จะพูดถึงฟิคเรื่องนี้ในทวิตต้องแท็ก #มนุษย์ชานยอล เล้ย!
ความคิดเห็น