คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Scene 4 :: พี่เขาทอแร (100%)
Scene 4
พี่เขาทอแร (ตอแหล)
“...”
เสียงถอนหายใจหนัก ๆ เป็นสิ่งเดียวที่แบคฮยอนได้ยิน เด็กน้อยอายุสิบเจ็ดปลาย ๆ ในชุดนักเรียนเหล่มองคนตัวสูงที่กำลังสวมสูทนอกสีดำทับกับเสื้อคอเต่าสีเทา หลายครั้งที่เจ้าของร่างสง่านั้นบิดคอไปมา ก่อนจะหันมามองคาดโทษจนต้องสะดุ้ง
เอ้าเฮ้ย... จะมองกันแบบนั้นมันก็ไม่ถูกต้องป่ะวะ พี่พระเอกแกเลือกที่จะนอนอยู่บนโซฟาด้วยกันแทนที่จะพาสารร่างตัวเองไปนอนบนเตียงอะ แล้วเวลาคนหลับนี่มีใครรู้ตัวบ้างเหรอ ตอนนอนก็ดิ้น ๆ ขยับพลิกตัวมันเป็นเรื่องปกติ เมื่อเช้าตื่นเพราะโดนฝ่าตีนพิฆาตรักลั่นจนร่วงจากโซฟาเลย แล้วบยอนแบคฮยอนเคยด่ากลับไปบ้างไหม...? ก็ไม่! นี่เจ็บกระหม่อมดากแค่ไหนใครจะเข้าใจ
“เสร็จยังอะ”
“ภายในเวลาห้านาที คุณถามแบบนี้เป็นครั้งที่สามแล้ว”
“ก็พี่มัวแต่ชักช้า” ชาติที่แล้วเกิดเป็นหอยทากพันธุ์เต่าเอวยาวเหรอ ถึงได้อืดอาดขนาดนี้
“ผมสามารถไปส่งคุณถึงหน้าโรงเรียนได้โดยที่ไม่ต้องมีใครต้องถูกทำโทษ ผมรู้ลิมิตของเวลาดี เพราะฉะนั้นคุณไม่ควรพูดประโยคเดิมซ้ำ ๆ มันทำให้ผมรู้สึกเหมือนคุณเป็นยุงที่เอาแต่ส่งเสียงหวี่ ๆ ไม่หยุด”
ช่างเปรียบเปรยเหลือล้น...
ยุงที่ไหนจะคิ้วท์แบบนี้ครับถามหน่อย ก็เวอร์ตลอด ขอให้ได้ด่าแหละห่าแดกดาก
“ขนาดแม่ยังไม่เคยให้ผมมานั่งรอแต่งตัวงี้เลย ผู้ชายอะไรสำอางเกิ๊น” แบคฮยอนหันหน้าหนีแอบขยับปากบ่นอุบอิบ พอหันกลับมาอีกทีก็เห็นว่าพี่พระเอกกำลังย่างสามขุมตรงมาทางนี้แล้ว...
ซวยละมึง หยอกหน่อยก็ไม่ได้ พี่เขาจะมามุกไหนวะ
“หยุดเลยหยุด!”
แบคฮยอนลุกขึ้นยืนเต็มความสูงอันน้อยนิด พร้อมกำหมัดทั้งสองข้างขึ้นตั้งการ์ด ชานยอลหลุบตาลงมองหน้ามึน ๆ ของอีกฝ่ายแล้วก็อยากจะแค่นหัวเราะ เด็กตัวแค่นี้เขาใช้นิ้วชี้เขี่ยก็กระเด็นไปขั้วโลกใต้แล้ว
“คุณรู้หรือเปล่าครับ ว่าพอสำอางแล้วจะเป็นยังไง?”
แบคฮยอนเบิกตาอย่างตกใจ เมื่อคางของเขาถูกมือใหญ่บีบเอาไว้จนต้องทำปากจู๋ ใบหน้าคมที่เคยบ่นว่าจะสำอางไปทำกระรอกแทะอะไร บัดนี้รังสีความหล่อนั้นกำลังเลื่อนเข้ามาใกล้ ๆ จนรู้สึกได้ถึงกลิ่นหอมอ่อน ๆ จากตัวพี่พระเอก
“อะไอ” (อะไร)
“พอสำอางแล้วหน้าผมก็จะออกมาดูดีแบบนี้ยังไงล่ะ” ร่างสูงยิ้มกริ่ม ก่อนจะใช้มืออีกข้างรวบข้อมือเด็กน้อยที่กำลังฟาดแขนเขาจนรู้สึกปวดชาไปหมด ตัวก็แค่นี้ไม่รู้ไปเอาแรงมาจากไหน ตั้งแต่เข้าวงการมายังไม่มีใครกล้าเล่นแรงกับเขาแบบนี้เลยนะ จะมากเกินไปแล้ว
แต่ก็ดีเหมือนกัน ปาร์คชานยอลชอบนักล่ะม้าพยศเนี่ย จะปราบให้อยู่หมัดเลย
“อ่ออายแอ่ะ!!!” (หล่อตายแหละ)
“ขอบคุณที่ชมนะครับ คำพูดในแง่บวกที่มาจากคุณนี่มันดีเหลือล้นจริง ๆ” แบคฮยอนยังคงพยายามสะบัดมือออก เขาล่ะอยากจะเอาเล็บอันสั้นกุดนี้ไปข่วนหน้าหล่อ ๆ ที่กำลังยิ้มกวนตีนอยู่เหลือเกิน
“ไอ้ไอ้อมเอ๊ย!” (ไม่ได้ชมเว้ย!)
“หืม? คุณจะอมอะไรนะครับ?” เด็กน้อยเบิกตากว้างหลังจากได้ยินคำพูดติดเรทที่ออกมาจากปากพี่พระเอก ไหนจะใบหน้ากวนส้นตีนที่กำลังพยายามทำเลียนแบบเขาอีก
“ไอ้ไอ้อม!!!” (ไม่ได้อม!!!)
“โอเคครับ ไม่อมก็ไม่อม”
ชานยอลมองปากจู๋เหมือนเป็ดของคนตรงหน้าแล้วก็หัวเราะพอใจ เขาไม่ใช่พวกชอบแกล้งเด็กหรอกนะ แต่สำหรับบยอนแบคฮยอนแล้ว เขาจะยกให้เด็กคนนี้เป็นกรณียกเว้นก็แล้วกัน
“วัยของคุณกำลังใส ยังไม่ต้องบำรุงอะไรมาก ถือว่าดีแล้วนะครับ” ชานยอลปล่อยมือออกจากคางอีกคน เขาเห็นว่าร่างเล็กสะบัดออกอย่างแรงแล้วขยับปากบริหารกรามรัว
“ไม่ต้องห่วงหรอก ต่อให้อายุเท่าพี่ผมก็จะยังใสกิ๊กแบบนี้” แบคฮยอนตะโกนไล่หลังคนตัวสูงที่เดินไปหยุดอยู่หน้าตู้รองเท้าสุดอลังการ แล้วยืนพินิจตัดสินใจว่าจะเลือกใส่คู่ไหนดีก่อนที่ปาร์คชานยอลจะหันมายิ้มพอใจ และตบหน้าเขาด้วยคำว่า...
“ที่พูดไปผมหมายถึงไสยศาสตร์นะครับ แต่รวบสั้นไปหน่อย กลัวคุณเข้าใจผิดจัง”
พี่พระเอก... มึง!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
แบคฮยอนเดินออกมาจากห้องอย่างไม่สบอารมณ์นัก บอกเลยว่าวันนี้เป็นวันศุกร์ที่ไม่มีความสุขสักนิด ทำไมเหรอ ทำไมพระเจ้าต้องสร้างมนุษย์ที่มีความกวนตีนไร้ขีดจำกัดอันลิมิเตดแบบพี่พระเอกมาให้บยอนแบคฮยอนด้วย?
ผู้ชายที่ตั้งหน้าตั้งตาดูหนังจนหลับไปกลางอากาศเมื่อคืนนี้คือใคร หรือพี่เขาจะเป็นไบโพล่าร์ ถึงได้เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายให้สับสนอยู่เรื่อย
ทั้งสองคนเดินขนาบคู่กันมาตามทางเดินยาวเพื่อตรงไปยังลิฟต์ที่อยู่ไม่ไกลจากตรงนี้มากนัก แต่สำหรับคนจนที่ไม่เคยเห็นคอนโดหรูหราแบบนี้ ก็เล่นเอาเสียเวลาชีวิตไปหลายวินาทีอยู่กว่าจะไปถึง
“โอ๊ะ!”
“...”
แบคฮยอนหันไปมองคาดโทษไอ้พระเอกขี้เก๊กที่เดินล้วงกระเป๋ากางเกงข้างเดียวอย่างมาดนักธุรกิจที่อยู่เฉย ๆ ก็มีเงินใช้โดยไม่ต้องเข้าบริษัทไปทำงานทำการ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นว่ะคุณ ประเด็นหลักมันอยู่ที่ว่าอีพี่พระเอกเดินชนกูทำไมหร๊า
“อะไรของพี่วะ ทางก็ตั้งกว้าง”
“ครับ คอนโดราคาแพงแบบนี้ถ้าทำทางเดินแคบก็คงเสียหน้าแย่”
“คนละเรื่องแล้วเว้ย ทำไมพี่ต้องกวนตีนผมแต่เช้าด้วยเนี่ย เป็นไรมากไหมถามหน่อย เดินชนทำไม โลกเอียงเหรอ” แบคฮยอนเชิดหน้าด่าคนตัวสูงก่อนจะหลับตาแน่นพร้อมห่อไหล่ เมื่อมือใหญ่วางลงบนหัวเขาอย่างหนักแทนคำตอบ
“พี่!!!”
“เก็บเสียงไว้ซ้อมบทกับผมคืนนี้ดีกว่านะครับ”
สัส มาอีกแล้วประโยคชวนอีโรติก ทีตอนแรกล่ะกดหัวกูจังเลยจะให้อายุสิบเจ็ดอยู่นั่น แต่ปากก็ปลดปล่อยเอฟรี่ติงสิ่งสิบแปดบวกออกมาตลอด เดี๋ยวก่อนเดี๋ยว... พอสิบแปดเมื่อไหร่กูจะจังไรกลับชนิดที่พี่แกต้องเงียบปากอมขี้ฟัน
เด็กน้อยชะลอฝีเท้าเมื่ออยู่ ๆ คนที่เดินมาด้วยกันหยุดยืนอยู่กับที่ แบคฮยอนเลิกคิ้วสงสัยก่อนจะหันตามสายตาของพี่พระเอกที่ทอดมองไปยังเบื้องหน้า แล้วก็พบว่ามีผู้ชายชุดขาวล้วนยืนอยู่ฝั่งนั้นพร้อมยิ้มรอยยิ้มแบบที่ตัวโกงเขาชอบทำกัน
เหยด นั่นมันคิมจงอิน นักแสดงระดับพระกาฬที่ชอบรับบทแย่งเมียพระเอกนี่หว่า
“บราโว่... วันนี้โชคดีจังเลยนะ ได้เจอหน้านายแต่เช้าเลย”
ประโยคทักทายของหนุ่มชุดขาวตัดกับสีผิวนั้นไม่ได้เรียกรอยยิ้มจากใบหน้าพี่พระเอกเลย แบคฮยอนมองทั้งสองคนสลับกันไปมา จากจุดที่ยืนอยู่ก็ห่างกันหลายเมตรอยู่นะ บรรยากาศตอนนี้เหมือนได้กลิ่นทะเลทรายร้อน ๆ กับบาร์ไม้ที่เป็นแบล็กกราวด์ประกอบ ส่วนพี่สองคนนี้เป็นคาวบอยที่กำลังจะยิงหน้ากันเพื่อตัดสินแพ้ – ชนะ
“...”
พี่พระเอกไม่ได้ตอบกลับ แบคฮยอนได้แต่เดินโง่ตามหลังคนตัวสูงไปและอีกฝ่ายที่อยู่ฝั่งนั้นก็เช่นกัน นี่ถ้าชักปืนกันออกมายิงเหมือนหนังมาเฟียจะไม่แปลกใจเลย สีหน้าท่าทางของแต่ละคนนี่เหมือนเมื่อเช้าไม่ได้ขี้
วูบหนึ่งรู้สึกว่าพี่ตัวโกงแอบงิดเพราะพี่พระเอกไม่ตอบ นี่อยากจะเดินไปตบบ่าแล้วปลอบว่าเออช่วยเข้าใจหน่อย พี่พระเอกเขาหล่อ เขาฮิต พี่เขาหยิ่ง จะให้ตอบแต่ละครั้งก็ต้องเสี่ยงดวง เผลอ ๆ โดนกวนตีนกลับมาด้วย
ทั้งสามคนหยุดอยู่หน้าลิฟต์ แต่เสือกไม่มีใครเอื้อมมือไปกดปุ่มลง แบคฮยอนได้แต่ถามตัวเองว่าถ้าเป็นฝ่ายกดเองจะโดนอีพี่พระเอกด่าว่าสะแหร๋นไหม นี่ยืนอยู่ตรงกลางแล้วก็รู้สึกเป็นหลุม ถ้าอายุยี่สิบแล้วจะสูงได้ถึงหูพี่เขาทั้งสองคนไหมนะ อิจฉาจุง
เด็กน้อยประสานมือไว้ตรงเป้ากางเกงแล้วหันไปยิ้มให้พี่ตัวโกง เออ รายนี้ดีหน่อยที่ยิ้มตอบกลับ ท่าทางจะอัธยาศัยดีกว่าบอมพ์ ธนวยเบอร์สองที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ว่าแต่...
ทำไมเอ็งสองคนไม่กดลิฟต์วะ...
“แบคฮยอน”
“หา?” เจ้าของชื่อหันไปมองร่างสูงที่เอาแต่จ้องประตูลิฟต์ที่ปิดสนิท ไม่แม้แต่จะหันมาสบตากันระหว่างพูด นี่ถ้าไม่บอกจะคิดว่าพี่เขากำลังสร้างสัมพันธไมตรีกับลิฟ
“กดลิฟต์ครับ”
โอ๊ย!!! อีห่าาาาาาาาาาาาาาาา!!!!!
ก็นึกว่าอะไร แบคฮยอนขมวดคิ้วมองคนข้าง ๆ อย่างไม่เข้าใจชีวิตพระเอกสุดฟอร์มจัดที่ไม่มีปัญญาเอื้อมมือไปกดลิฟต์เอง พอหันไปทางพี่ตัวโกงนี่ก็ใช่ย่อยที่ไหน ตอนแรกก็ชมอยู่หรอกว่ามีมนุษย์สัมพันธ์ดีนะ แต่คำถามคือ ทำไมพี่แกถึงไม่กดลิฟต์
“จะไม่แนะนำให้รู้จักหน่อยหรือไง?”
“ไม่จำเป็น”
“หน่อยน่า ได้เจอกันนอกกองถ่ายทั้งที เราน่าจะทักทายกันบ้าง ตามประสาเพื่อนซี้” จงอินมองเสี้ยวหน้าร่างสูงแล้วยกยิ้มพอใจ คำถามอีกข้อคือทำไมถึงทำเหมือนคนไม่ค่อยเจอกัน ถ้าบอกว่าเล่นละครเรื่องเดียวกัน แถมยังอยู่คอนโดชั้นเดียวกันด้วย
“ก็แค่ในบท” ชานยอลหันหน้าเข้าหาอีกฝ่ายแล้วยิ้มบาง ๆ “ถ้ามันทำให้นายมีความสุขฉันก็ดีใจนะจงอิน”
แบคฮยอนมองดาราชื่อดังทั้งสองที่กำลังต่อปากต่อคำกันอย่างไม่มีใครยอมใคร รอยยิ้มบนใบหน้าพี่ตัวโกงโดนดูดไปแล้วครับ ตอนนี้ดูเหมือนว่าคะแนนจะตีคู่กันมา 1-1 เราจะมาดูกันว่าใครจะทำแต้มได้เป็นคนต่อไป
“ชื่ออะไรนะครับ เมื่อกี้ได้ยินไม่ชัดเลย”
ร่างเล็กแอบตกใจอยู่หน่อย ๆ ที่ถูกพี่ตัวโกงหน้าหล่อถามในระยะใกล้แบบนี้ คือพี่เขาหล่อด้วยไง แถมยังก้มหน้าเข้ามาให้ดมใกล้ขนาดนี้อีก กลิ่นคือดีอะ ออกแนวเจ้าชู้นิดนึง
“ชื่อแบค...”
“ยุ่งจัง”
“...”
มึงอะยุ่งพี่พระเอก มึงอะยุ่งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
เสือก เสือก เสือก
“หัดมีมารยาทหน่อยสิชานยอล ฉันกำลังคุยกับน้องอยู่นะ” อุ่ฟส์ มีเรียกน้องด้วยเอ่าะ
“เขามากับฉัน และฉันก็มีสิทธิ์ที่บอกให้เขาเงียบ หรือพูดไม่หยุดก็ได้” งานฮิตเลอร์นี่ที่หนึ่ง กูเป็นทาสหรือคนทำงานด้วยกันเหรอครับ โชว์พาวต่อหน้าคนอื่นนี่แข็งมากเลยดิ
“ทำไมล่ะ หรือว่า...” นัยน์ตาคมมองมาอย่างมีความหมาย แบคฮยอนรู้สึกได้ว่าถูกพี่ตัวโกงแอบเต๊าะทางสายตา นี่ไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองด้วย บางทีผีอาจจะเจอกัน
“โอ๊ะ!”
ร่างเล็กเซถอยหลังไปตามแรง เมื่อถูกพี่พระเอกลากคอเขาเข้าไปในลิฟต์ตัวใหญ่ ก่อนจะปล่อยมือออกแล้วเปลี่ยนเป็นโอบไหล่แทน
แบคฮยอนรู้สึกเหมือนอยู่ในฉากละครพล็อตยอดฮิต เมื่อตอนนี้คนที่ยืนขนาบข้างอย่างใกล้ชิดคือพี่พระเอก ส่วนคนที่ยืนมองหน้านิ่งอยู่ข้างนอกลิฟต์คือพี่ตัวโกงหน้าหล่อ นี่กลัวใจพี่เขาเหลือเกินว่าจะแอบบีบจนกระดูกแตก เห็นหน้าตาหล่อแบบนี้จิตใจนี่ยิ่งกว่าเสือในอังกอร์
“เดี๋ยวเราจะได้รู้กัน... ปาร์คชานยอล”
“แล้วจะรอดู”
พี่พระเอกตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ราวกับว่าต่อให้พี่ตัวโกงทำห่าอะไรกูก็ไม่รู้สึกใด ๆ ทั้งนั้น แบคฮยอนมองคนตัวสูงที่หยิบแว่นขึ้นมาสวมพร้อมส่งรอยยิ้มไปยังคนตรงหน้า ก่อนจะใช้นิ้วกลางค่อย ๆ ดันแว่นขึ้นราวกับจงใจด่าพี่ตัวโกงที่ยืนอยู่ข้างนอกตัวลิฟต์
อื้อหือพี่พระเอก...
มึง...
ถ้าหลอกด่าแบบนี้ เดินผ่านปากซอยกูทีนี่โดนวินมอไซค์รุมยำตีนแน่ไม่ต้องสืบ...
50%
ตัวเลขบ่งบอกชั้นของลิฟต์นับถอยหลังไม่ช้าและไม่เร็วจนเกินไป แบคฮยอนรู้สึกว่านั่นเป็นเหมือนตัวเลขที่กำลังบอกว่าความอดทนของเขาที่มีต่อพี่พระเอกมันกำลังเหลือมากน้อยแค่ไหน
แบคฮยอนชำเลืองมองคนตัวสูงที่ยืนเต๊ะอยู่ข้าง ๆ ถ้าจะเข้มขนาดนี้พี่ไม่เกิดเป็นกาแฟให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยล่ะครับ เมื่อกี้ถ้าถามว่าใครผิดใครถูก เขาก็จะตอบอย่างไม่ต้องเสียเวลาคิดเลยว่าพี่ตัวโกงเป็นฝ่ายถูกรังแก (เหมือนกูเนี่ยซั้ซ)
“หลอกด่าผมในใจอยู่เหรอครับ”
นั่น... ชาร์ล ญาณดริ๊ฟท์...
“อะไรวะ พี่เห็นผมเป็นคนยังไง” แบคฮยอนเชิดหน้าหาเรื่อง นี่ปวดคอแล้วนะ จะคุยด้วยแต่ละทีก็ต้องเหลือกตามองถ้าไม่อยากเงยหน้าเพื่อตอกย้ำความเตี้ยตัวเอง แต่พอเวลาเถียงแล้วคอมันจะเชิดขึ้นเอง ไม่งั้นมันไม่อิน
“คุณอยากให้ผมพูดจริง ๆ เหรอ”
“อยากให้พูดเล่น ๆ มั้งเนี่ย” คนอายุน้อยกว่าขยับปากบ่นขณะมองเสี้ยวหน้าหล่อ ๆ ของร่างสูง “เมื่อกี้พี่ทำให้ผมอายรู้ป่ะ”
“ขอโทษครับ ผมไม่รู้ว่าคุณยังหลงเหลืออะไรแบบนั้นอยู่” นั่น... ทั้งวาจาและสีหน้านี่สามัคคีกันกวนตีนกูเกินไปแล้ว แบคฮยอนเอาลิ้นดันกระพุ้งแก้มแล้วหันหน้าเข้าหาอีกฝ่าย จะเอาใช่ไหม!!!
“หักหน้าผมต่อหน้าพี่จงอินได้ไง พี่เขาอุตส่าห์ชวนผมคุยอะ”
“ถูกครับ หมอนั่นคง ‘อุตส่าห์’ ชวนเด็กกะโปโลอย่างคุณคุยจริง ๆ นั่นแหละ เรื่องนี้ผมคงไม่เถียง” ชานยอลมองเด็กหนุ่มตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะถอนหายใจออกมา
“พี่เขาอัธยาศัยดีกว่าพี่ล้านเท่าอะ”
“เหรอครับ”
“หล่อกว่าด้วย”
“เหรอครับ”
พี่พระเอกกวนส้นตีนจังเลยว่ะคุณ เหรอครับ ๆ ที่หน้าพี่ดิ แบคฮยอนเอาลิ้นดันกระพุ้งแก้มอีกครั้ง สายตาก็มองไปยังคนตัวสูงที่ยังคงจับจ้องอยู่กับประตูลิฟต์ อย่างกับว่าการหยุดสายตาอยู่ตรงนั้นมันดีกว่ามองหน้าเขายังไงอย่างนั้น
“พี่เขากลิ่นหอมกว่าด้วย”
“คิดว่าเป็นเก้งเด็กแล้วจะดมกลิ่นตัวใครก็ได้เหรอครับคุณนักเขียน?” ชานยอลปรายตามองเด็กน้อยที่ยืนทำตาเหลือกหลังจากได้ยินสรรพนามระบุเพศที่เขาเพิ่งตั้งให้สด ๆ ร้อน ๆ
“ผมไม่ได้อยากดมกลิ่นพี่แล้วกัน”
แบคฮยอนหรี่ตาพร้อมกระตุกมุมปากโชว์แล้วเดินออกมาจากลิฟต์ จ้ำอ้าวไปข้างหน้าเหมือนตอนแข่งเดินเร็วในวันงานกีฬาสี แต่เดินไปได้เกือบสิบเมตรก็ต้องหยุดชะงักก่อนจะหันกลับไป แล้วก็พบว่าพี่พระเอกยืนทำตัวหล่ออยู่กลางลานจอดรถ พร้อมชี้นิ้วหัวแม่มือไปข้างหลัง เป็นการบอกว่า ‘รถกูจอดอยู่นี่ครับ คุณนักเขียน’
เด็กน้อยทำหน้าเซ็ง ทั้งคู่สบตากันจากระยะไกลอยู่แค่ครู่เดียวเท่านั้น ปาร์คชานยอลก็เอี้ยวตัวหันหลังเดินไปขึ้นรถก่อน
“ขอโทษนะครับ ผมจะไปวันนี้”
“เออ!!!” แบคฮยอนตะโกนตอบกลับไป หลังจากพี่พระเอกลดกระจกลงมาเพื่อกวนตีนต่อแบบคอมโบ นี่ถ้าไม่ติดว่าค่าแท็กซี่แพงกับรถเมล์ขับช้าเป็นเต่านะ ป่านนี้ไปโรงเรียนเองแล้ว
ร่างเล็กแทรกตัวเข้าไปในที่นั่งข้างคนขับด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์นัก เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเด็กอนุบาลที่ถูกพี่ป.สามแกล้งโดยที่หาทางเอาคืนไม่ได้ ที่เงียบนี่ไม่ใช่ไรนะ กำลังคิดหาวิธีล้างแค้นอยู่
“ผมไม่ได้ตั้งใจดม กลิ่นน้ำหอมพี่เขาแรงเอง” อันดับแรกต้องแก้ตัวก่อน ถึงแบคฮยอนจะชอบเพศเดียวกันแต่ก็ใช่ว่าจะน้ำลายไหลเป็นไซบีเรียนตอนเห็นผู้ชายหล่อ ๆ ปะวะ นี่ก็เลือกอยู่ แล้วพี่ตัวโกงก็น่าเลือกด้วย -.-
“บอกผมทำไมครับ”
พอได้ยินประโยคที่หลุดออกมาจากปากพี่เขานี่ผมก็อึ้งไปเลยครับ เด็กน้อยมองเสี้ยวหน้าดาราหนุ่มที่กำลังบังคับพวงมาลัยไปตามทิศทาง โดยไม่สนใจเลยว่าคำพูดที่กลั่นกรองออกมามันจะทำให้ตีนของนักเขียนเยาวชนคันจนเรียกร้องหาซีม่าโลชั่น
“เปล๊า แค่ประโยคบอกเล่าเสือกเข้าหูหมา...” คนตัวเล็กพูดลอย ๆ พลางชำเลืองมองพี่พระเอกที่ทำเหมือนไม่ได้ยิน แต่แบคฮยอนมั่นใจว่าการกวนตีนกลับในครั้งนี้มันได้ผล หลังจากพี่พระเอกแค่นหัวเราะในลำคอเหมือนคนกำลังหงิดแดกเพราะถูกเด็กอายุห่างกันตั้งสิบปีด่าเข้าให้ เอาซี้! ถ้าพี่เขาโมโหจนหันมาต่อยหน้านี่จะฟ้องปวีณาจริง ๆ ด้วย!
“ครับ ประโยคไม่ปรารถนาแต่หมาดันมาเล่าให้ฟัง”
พาย – มึง – ต้อ
แบคฮยอนรู้สึกหน้าสั่นไม่น้อยกับประโยคหลอกด่าครั้งที่ล้านของพี่พระเอก วูบหนึ่งเขารู้สึกเหมือนเป็นเด็กกะโปกที่ริอาจจะไปสู้กับบอสใหญ่เลเวลเก้าเก้าในดันเจี้ยนยังไงอย่างนั้น ให้ตายเถอะแฟรงค์ กูจะเอาอะไรไปชนะเขา
“ถามจริง พี่เคยยอมแพ้ใครบ้างไหม แบบนั่งอยู่เฉย ๆ เหมือนฟันข้างบนโดยที่ไม่ต้องด่าใครกลับอะ” แบคฮยอนสุดจะทน เขาเห็นว่าพี่พระเอกหันมาเพียงแค่เสี้ยววินาทีก่อนจะหันไปมองถนนต่อ
“เคยครับ บ่อยด้วย”
“ล่าสุดเมื่อไหร่” เด็กน้อยเชิดหน้ามองหาเรื่อง ถ้าไม่เล่าต่อนี่จะคิดว่าตอแหลหลอกเด็กด้วย
“นานแล้ว” คำตอบสั้น ๆ แต่ทำให้ค้างคา ทำไมไม่อธิบายด้วยล่ะว่าเมื่อไหร่ รู้ไหมว่ามันเดือดร้อนจนต้องคิดประโยคคำถามที่ถามยังไงให้ไม่ดูอยากรู้จนเหมือนเสือกเกินไปอะ
“ก็คิดว่างั้น คงนานจนจำไม่ได้เลยดิ”
“เปล่าครับ กลับกันแล้วผมจำมันได้ดีเลยต่างหาก” แบคฮยอนขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ เมื่อเห็นสีหน้าเรียบเฉยของอีกฝ่ายซึ่งดูต่างไปจากทุกครั้ง พี่พระเอกเงียบไปเกือบนาทีเลยล่ะ ก่อนที่พี่เขาหันมาแล้วยิ้มเล็ก ๆ ให้ “คืนนี้คุณพักผ่อนอยู่ที่บ้านแล้วกันนะครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะให้พี่อี้ฝานไปรับ”
“ทำไมอะ”
“เดี๋ยวคุณปั่นนิยายไม่ทัน แล้วจะพาลว่าเป็นความผิดผมอีก ผมไม่อยากถูกตราหน้าว่าเป็นผู้ใหญ่รังแกเด็ก”
“โห พูดมาได้เนอะ แล้วที่อยู่ด้วยกันทั้งคืนนี่ไม่รังแกเลยดิ”
“ก็ถ้าคุณทำตัวน่าเอ็นดูสักหน่อย” ร่างสูงพูดแค่นั้นแล้วสวมแว่นกันแดดก่อนจะเท้าแขนลงกับพวงมาลัยเมื่อขับรถมาถึงหน้าโรงเรียนคนตัวเล็กแล้ว “คุณก็คงรู้ว่าจะได้รับอะไรจากผม”
“โธ่ ผมต้องการมากเลยมั้งเนี่ย” ถามกูก่อนก็ได้บางทีอะ
“ตอนนี้อาจจะยัง แต่วันข้างหน้าก็ไม่แน่ไม่ใช่เหรอครับ?” ชานยอลขยับแว่นลงเล็กน้อยแล้วสบตากับอีกคน ร่างเล็กเบะปากกำมือแล้วชี้นิ้วหัวแม่มือลง แสดงออกอย่างชัดเจนไปเลยว่าต่อให้ผ่านไปอีกกี่เดือน บยอนแบคฮยอนก็คงไม่คิดอย่างนั้น
เด็กน้อยเลิกคิ้วขึ้นเมื่ออยู่ ๆ พี่พระเอกกลับจับมือเขาให้หงายขึ้นพร้อมยกยิ้มพอใจ แถมยังยื่นหน้าหล่อ ๆ เข้ามาใกล้อีกด้วย!!!
“Thumbs up.”
“ทั้มบ์บ้าไร! จะไปเรียนแล้ว!” แบคฮยอนชักมือกลับแล้วทำตาเหลือกใส่ฮิตเลอร์ในร่างพระเอก ก่อนจะรีบเปิดประตูรถลงไปจนสะดุดกับขอบฟุตปาธแทบหน้าคะมำ
“Yeah!!! I’m fine thank you!!!”
“เป็นไงมั่ง”
“หยุด”
“หยุดห่าไรล่ะ มึงก็รู้ว่ากูอยากเสือกมากแค่ไหน” คยองซูผลักหัวเพื่อนสนิทอย่างหัวเสีย นี่เขารอลุ้นอยู่ตลอดว่าไอ้เพื่อนตัวดีจะหัดอัพเดทเหตุการณ์อะไรบ้างไหม อย่างเช่นการตอบไลน์ หรือแม้แต่การอัพทวิตฟิน ๆ ให้ได้ลุ้นว่าเมื่อคืนพี่ชานยอลใส่กางเกงนอนสีอะไร แต่ก็เงียบกริบ
“คยองซู อะไรเข้าฝันให้มึงเป็นติ่งผู้ชายพรรค์นั้นวะ แม่งไม่ได้มีอะไรดีเลย ก็แค่หล่อ หุ่นดี ถ่ายแบบขึ้น ตัวหอม มันก็แค่นั้นอะ” แบคฮยอนขมวดคิ้วบ่น พอหันไปหาเพื่อนก็แทบชะงักเมื่อเห็นว่ามันกำลังทำหน้าเหมือนคนพร้อมถ่ายบัตรประชาชน
“มึงดมตัวพี่เขามาเหรอ”
“กูเปล่า... ที่พูดอะกูหมายถึงเวลาเดินเฉียดงี้มันจะได้กลิ่น แบบกลิ่นประจำตัวไรงี้” แบคฮยอนพยายามอธิบาย เผื่อว่าสายตาอาฆาตของเพื่อนคนนี้จะลดลงบ้าง
“แล้วไป” เด็กหนุ่มไซส์มินิชี้หน้าเพื่อนสนิทเป็นเชิงบอกว่าอย่าให้กูจับได้นะว่ามึงกั๊กความลับอะไรเอาไว้ “ถึงพี่ชานยอลจะมีดีแค่นั้น แต่กูมั่นใจว่าเขามีดีกว่าพี่จื่อเทาของมึงอะ”
“อ้าวส้นตีนละ เอายอดขมองอิ่มกูไปเปรียบเทียบกับบอมพ์ ธนวยเบอร์สองได้ไง หวีรองก็คนละเบอร์ละ” แบคฮยอนหรี่ตามอง คราวนี้ขึ้นเลย ตลอดเวลาที่เป็นเพื่อนกันมา บยอนแบคฮยอนยอมหักยอมงอให้โดคยองซูตลอด แต่งานนี้มีไฟว์ท ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ห้ามแซะพี่เทาเด็ดขาด
“มึงก็ต้องเข้าใจนิดนึง ดีกรีพระเอกจะมาสู้อะไรเจ๊กขี้อ่อย”
“ก็กูชอบของกูอะ มึงไม่เสือกดิ”
“จะหาว่าเสือกก็ไม่ได้ เขาเรียกว่าห่วงใยใส่ใจอย่างใกล้ชิด” คยองซูวางมือลงบนบ่าเพื่อนสนิทแล้วบีบเบา ๆ “ที่มึงปกป้องพี่เทาสุดติ่งแบบนี้ ก็เพราะมายา”
“ไรอีก”
“คนบ้าที่ไหนบอกว่าไม่อยากมีใครแต่ก็ยังให้ความหวังไปเรื่อย”
“พี่เทาบอกว่าตอนนี้เขาอยากใช้เวลาอยู่กับตัวเองให้เต็มที่ก่อนอะ ถ้าเขาจะมีใคร กูจะเป็นคนแรกที่พี่เขานึกถึงนะ” พูดแล้วก็เขินปนเศร้า หลังจากสารภาพรักไปวันนั้นแล้วโดนปฏิเสธกลับมาด้วยเหตุผลที่ว่า ‘พี่ยังไม่พร้อมจะมีใครน่ะ’ จุดนั้นถึงกับหน้าโยก แต่พอพี่เขาบอกว่า ‘แต่ถ้าพี่จะชอบใครสักคน แบคฮยอนจะเป็นคนแรกที่พี่นึกถึงนะ’ แค่นั้นล่ะ กูขายวิญญาณเลย
“อยากอยู่กับตัวเองให้ไปนั่งขี้ในส้วม บอกมัน”
“โธ่มึง อย่าว่าพี่เขาได้ไหมวะ มึงอคติอะ” แบคฮยอนมองเพื่อนสนิทอย่างอ่อนใจ
“จะไม่อยากมีแฟนได้ไงอ่อยไปเรื่อยขนาดนั้น ที่เขาพูดก็เพราะจะกั๊กมึงไว้ให้มึงชอบเขาไปเรื่อย ๆ เพราะถ้าเขามีแฟนเมื่อไหร่คนที่ชอบก็จะหายไป อย่าโง่”
“...”
รู้สึกเหมือนถูกเคี้ยวขี้แล้วพ่นใส่หน้า แบคฮยอนรู้สึกได้ถึงความจริงที่แกล้งโง่มานาน เพราะแอบหวังว่าสักวันหนึ่งพี่เทาคงเหลียวแลเด็กกะโปกอย่างเขาบ้าง ตอนแรกนี่ไม่ได้คุยด้วยเลย แต่พอเป็นนักเขียนแล้วถึงมีโอกาสคุยกันบ้าง แต่ก็นั่นแหละ แดกแห้วอยู่ดี
“เพราะงั้นพี่ชานยอลชนะเลิศอยู่แล้ว”
“เออ ช่างมึงเหอะงั้น” ไม่อยากจะเถียงให้เสียเวลา เพราะยังไงในสายตาบยอนแบคฮยอน พี่เทาก็ดีที่สุดเสมอ นี่ถ้าถามว่ารองจากนั้นคือใคร ก็จะมอบตำแหน่งนั้นให้พี่ตัวโกงได้อย่างไม่อิดออดเลย
“ช่างไม่ได้ เออ วันไหนมึงจะได้เจอพี่ชานยอลอีกวะ?”
“พรุ่งนี้ ถามทำไม” แบคฮยอนเหล่มองคนข้าง ๆ ที่กำลังอมยิ้ม ก่อนจะลุกขึ้นอ้อมมาหยุดยืนอยู่ข้างหลังแล้วนวดไหล่ให้เขา ชิบหาย กระดูกกูจะหักไหม
“ถ่ายรูปพี่เขามาให้กูหน่อยดิ...”
“ตีนเถอะบาย” แบคฮยอนทำท่าจะลุกขึ้นแต่ก็ถูกเพื่อนสนิทกดไหล่ให้นั่งลงอย่างแรง
“แค่นี้มึงทำเพื่อเพื่อนไม่ได้เหรอแบคฮยอน”
“โหมึง แค่กูหายใจเขายังจับผิด นี่ไม่ต้องพูดถึงเรื่องขอถ่ายรูปเลย โดนด่ายันโคตรเหง้าศักราชแน่” นี่จินตนาการภาพออกเป็นฉาก ๆ ว่าพี่พระเอกจะส่งสายตาและวาจาแบบไหนมาให้ ทันทีที่เห็นเขายกมือถือขึ้นมาแล้วบอกว่า ‘พี่ ขอถ่ายรูปหน่อย’
ตุ่บ!
รู้สึกได้ถึงมือเล็กที่ตบบ่าเขาแบบเน้น ๆ ก่อนที่คนเป็นเพื่อนสนิทจะโน้มใบหน้าลงมาใกล้หู พร้อมกระซิบด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกเหมือนคนถูกศาสตร์มืดครอบงำว่า...
“ไม่รู้ล่ะ ต่อให้ถูกพี่เขาด่า มึงก็ต้องแอบถ่ายมาให้ได้ ไม่งั้นกูจะไม่คิดพล็อตช่วยมึงอีก ไม่มีการตรวจคำผิดให้ใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นมึงต้องเอารูปพี่ชานยอลมาให้ได้ นี่คือข้อบังคับ”
TBC
แค่อยู่เฉย ๆ ยังโดนด่า ถ้าให้ถ่ายรูปพี่เขาจะเป็นยังไงนะ...งานงอกอีกละแบคฮยอน
เห็นโมเม้นคยองซูรำคาญชานยอลบ่อย ๆ เลยจับให้เขามาเป็นติ่งพี่ชานยอลดูบ้างค่ะ #ขรรม 5555555555555555555555
[FANART] ทำไมพวกเอ็งสองคนไม่กดลิฟต์... By @IKOOP 5555555555555555555
ความคิดเห็น