คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Chapter 04 :: His Honor
Chapter 4
His Honor
นั่งทำหน้าเนือยท่ามกลางเสียงโหวกเหวกยามเช้าซึ่งปกติปาร์คชานยอลจะเป็นหนึ่งในการสร้างความก่อกวนแต่วันนี้เขาไม่มีกระใจจะทำอะไรทั้งนั้น ถ้าถามถึงสาเหตุที่ทำให้เป็นแบบนี้ก็ไม่อยากเล่าซ้ำสองเลย อะไรนะ? ใช่...เขาเล่ารอบแรกไปแล้ว
“แล้วมึงก็ยืนให้เขาบีบไข่เหรอ”
นี่แหละหนังรอบปฐมทัศน์...
“...”
“เฮ้ย~ เล่าต่อดิกูฟังอยู่” จื่อเทาตู้ด(ลาก)เก้าอี้เข้ามาใกล้ ๆ พร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยความขี้เสือก “ไหนตอนแรกมึงบอกว่าน้าแบคไม่กล้าจับจิ๊มิ๊มึงไง”
“จิ๊มิ๊พ่อง” โบกกะโหลกแม่งไปทีนึง ใช่ว่าปาร์คชานยอลจะเป็นคนชอบใช้กำลังอะไรเลยนะครับ แต่ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะถูกผู้ใหญ่ที่อายุมากกว่า ‘แค่’ เจ็ดปีปลูกฝังมาต่างหาก
“เฮ้ย~ อย่าตบดิ เดี๋ยวกูเยี่ยวแตกใส่ที่นอน” ลูบหัวป้อย ๆ แล้วเท้าแขนลงบนโต๊ะ “เล่า ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ”
จะเร้าทำบิดามารดาฟ้าเธ่อมาเธ่อมึงฤา
“ก็ตามนั้นแหละ ไอ้ห่าใครจะไปคิดว่าแม่งจะกล้าจับวะ” อย่างช็อกอ่ะครับบอกเลย หน้าสั่นกี่ริกเตอร์นี่วัดไม่ได้
“ก็มึงจับมือเขาเองไม่ใช่เหรอ”
“กูก็แค่แกล้งไปงั้นป่ะ? รับมุขกูหน่อยสิ อย่างในละครนางเอกเขายังกระดากอาย แล้วน้ากูคือไร? ยังมีความเป็นคนอยู่ไหมถึงได้ขยำหรรมกูอย่างบ้าคลั่งแบบนั้น” คลึงเป้ากางเกงประกอบด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์นัก เทาระเบิดหัวเราะลั่นแล้วทุบโต๊ะปั่ก ๆ อย่างสะใจ
นี่มึงเข้าข้างใครครับหวงจื่อเทา ทำไมดูท่ามึงจะมีความสุขมากกับการที่กูโดนทำร้าย
“บอกแล้วว่าน้ามึงไม่ธรรมดา”
“อยู่บ้านก็ไม่มีห่าไรเลย วัน ๆ เอาแต่ด่ากู ไอ้เหี้ยคือกูทำอะไรผิดครับ? เด็กทั้งโลกเขาก็เล่นคอมพ์กันทั้งนั้น ไม่เห็นบ้านไหนเขาจะมีปัญหาเหมือนบ้านนี้ หาเรื่องด่ากูอยู่นั่นแม้กระทั่งสีรองเท้ากู จากสีขาวกลายเป็นสีน้ำตาลครีมแล้วมันทำให้จุดหักเหของจักวาลเปลี่ยนไปเหรอ เหงาปากมากไหม เพื่อนฝูงก็มีทำไมไม่รู้จักออกไปสังสรรค์ ถ้าไม่บอกกูคงเข้าใจว่าน้ากูหลุดออกมาจากยุค 70 เป็นพวกหัวโบราณจนฟรอซซิลกำลังหาทางแดกแม่ง”
“เฮ้ย~ อย่าพูดงั้นดิยังไงเขาก็เป็นน้ามึงนะ~”
“ก็น้าไม่แท้ป่ะวะ? ถ้ามีสายเลือดเดียวกันกูจะไม่พูดเลยห่า”
“แต่เขาก็เลี้ยงดูมึงตั้งนานแล้วนี่นา”
“มึงอย่ามาแบ๊ว” ผลักหัวเพื่อนชาวจีนอีกที เป็นเพื่อนกูแทนที่จะเห็นด้วยแต่เสือกขัดใจไปทุกเรื่อง นี่มันไม่ใช่โลกสวยแล้วครับมันเรียกว่ากบฏ นี่เหรอหวงจื่อเทาที่สาว ๆ กรี๊ดนักกรี๊ดหนา พี่เทาแบดอย่างนั้น น้องเทาหล่อโคตรอย่างนี้ หล่อเข้ม ฮิต ระเบิด ทั้งที่จริงแล้วมันก็เป็นแค่ผีบ้าที่ชอบทำตัวมุ้งมิ้งเท่านั้นแหละ
ครืด...
เทาล้วงมือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วเข้าแอพลิเคชั่นไลน์เมื่อเห็นการแจ้งเตือน หลังจากนั้นไม่ถึงสามวินาทีคนที่นั่งข้าง ๆ ก็เริ่มเอามือถือขึ้นมาดูทีละคนอย่างไม่ได้นัดหมาย แต่ที่น่าแปลกกว่านั้นคือมีเพียงแค่เขาคนเดียวที่ไม่รู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนของสมาร์ทโฟนในกระเป๋ากางเกงเลยสักนิด หรือเป็นเพราะอาการข้างเคียงจากการโดนบีบหรรมเมื่อวานวะ
“...”
เสียงซุบซิบที่มาพร้อมกับแววตาแปลก ๆ ของเพื่อนร่วมห้องทั้งชายและหญิง ชานยอลขมวดคิ้วน้อย ๆ แต่ก็กลอกตามองไปทางอื่นอย่างไม่ใส่ใจนักจนกระทั่ง...
“เฮ้ย~ นี่รูปมึงป่ะ~”
“...”
“เนี่ย ๆ กูจำได้ เสื้อตัวนี้มึงใส่เมื่อวาน” เทาชี้สมาร์ทโฟนให้เพื่อนรักดูแล้วก็ต้องเหลือกตาทันทีที่เห็นว่ารูปนั้นมันคุ้นอย่างน่าประหลาด “ไม่คิดว่าจะมีภาพประกอบให้ดูด้วยนะเนี่ย อ๋อ...ท่าตอนโดนบีบจิ๊มิ๊กลางห้างเป็นงี้นี่เอง โคตรเฉร๋ง” เทายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นเมื่อจู่ ๆ ชานยอลก็แย่งมือถือเขาไปกดซูมดูใกล้ ๆ
เดี๋ยวนะครับ...
มัน...
คือ...
ไอ้สรัสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส
นี่มันรูปกูตอนกำลังโดนแบคฮยอนเค้นหรรมอย่างเลือดเย็นชัด ๆ !!!!!!!!!!!!!!
ปัง!!!!!
“ใครเป็นคนส่งรูปนี้มาวะ!” เด็กตัวสูงทุบโต๊ะอย่างแรงแล้วกวาดสายตาเกรี้ยวกราดไปรอบห้องเรียน ทุกคนส่ายหน้าปฏิเสธพร้อมกันแล้วก้มหน้าก้มตาทำเรื่องส่วนตัวต่อไป ชานยอลกัดฟันกรอดส่วนเพื่อนชาวจีนกำลังพยายามแกะนิ้วแกร่งออกจากสมาร์ทโฟนของเขาทีละนิ้วทีละนิ้วอย่างใจเย็น “อย่าให้กูรู้นะว่าใคร”
“กู ๆ กูรู้ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ” เทาชูขึ้นสุดแขนพร้อมสีหน้าอยากมีส่วนร่วมสุดฤทธิ์ ชานยอลถอนหายใจหนัก ๆ แล้วหันไปมองคาดคั้นเอาคำตอบจากเพื่อน
“มันเป็นใคร?”
“ยองโด! ชเวยองโด!”
“...”
“เพื่อนรักมึง...โอ๊ะ!!” หน้าหันทันทีที่คำว่าเพื่อนรักหลุดออกมาจากปาก ชานยอลแค่นหัวเราะแล้วขยับสูทนักเรียนตัวนอกก่อนจะลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องเรียนท่ามกลางเสียงฮือฮาของเหล่าเพื่อน ๆ
ไอ้เชี่ยยองโด...หน้าอย่างกับหมาแดกแฟ้บ อีกทั้งยังเป็นคู่อริกันมาตั้งแต่เริ่มเข้าเรียนที่นี่ อยากรู้จริง ๆ ว่าพ่อแม่มึงได้กันท่าไหนถึงได้สร้างลูกชายนิสัยล่อส้นตีนได้ขนาดนี้ ยิ่งช่วงที่ The Heir ดัง ๆ นะ แม่งก็กร่างจั๊งบอกว่าชื่อเหมือนพระรองแต่ก็ได้แค่ชื่อป่ะวะ หนังหน้ามึงไปโน่นแล้วกูนึกว่าโซเวียตยิงขีปณาวุธใส่เบ้าหน้า
ไอ้ HA ลากยองโด...ถ้าวันนี้มึงไม่ได้แดกหมัดอาชูร่าธาตุไฟอย่าเรียกกูว่าปาร์คชานยอลเลย
“มันมาแล้ว!”
ห้อง 3C มีหมาเฝ้าห้องที่คอยบอกการมาของเขาทุกครั้ง ชเวยองโดกับเพื่อนมันอีกสามชีวิตลุกขึ้นทำท่าหักนิ้วพร้อมยกยิ้มมุมปาก ปาร์คชานยอลไม่รอช้า ถอดสูทตัวนอกออกทั้งที่ขายังก้าวตรงเข้าหาเป้าหมายแล้วโยนให้ไอ้เทาถือไว้ และท่าทางที่เป็นอยู่มันเรียกเสียงกรี๊ดจากสาว ๆ ได้เป็นอย่างดีชนิดที่ว่ากรี๊ดจนตายคืน
“เฮ้ย~ มึงจะต่อยกันจริง ๆ เหรอ”
บางทีกูก็หงุดหงิดกับการที่มีมึงเป็นเพื่อนจริง ๆ หวงจื่อเทา
“มึงเป็นเหี้ยไร”
“อะไรวะ มาถึงก็ทักทายกันแบบนี้เลยเหรอ แผล่บ ๆ ” ไม่พูดอย่างเดียว เด็กที่มีส่วนสูงเท่า ๆ กันกำลังแลบลิ้นเข้าออกเลียนแบบสัตว์เลื้อยคลานที่เขากล่าวถึง
“ไม่ต้องทำแบบนั้นหน้ามึงก็เหมือนอยู่แล้ว กูขอถามอะไรหน่อย...อยู่เฉย ๆ อมเหรียญบาทไทยดี ๆ ไม่ชอบใช่ไหมถึงได้กวนตีนไม่เลิกหรือว่าอยากแดกตีนกูอีกรอบ”
“เดินเข้ามาถิ่นกูแค่สองคนแต่ยังกล้าถามแบบนี้ ไม่เปรี้ยวจริงพูดไม่ได้นะครับ” เด็กหนุ่มหัวเราะ
“ไม่เปรี้ยวนะ อาบน้ำมา” <- เทา
“ไอ้ห่าเทาเงียบปากไป” ร่างสูงกดเสียงลงต่ำทั้งที่สายตายังคงไม่ละจากใบหน้าคู่อริหมายเลขหนึ่ง
“โทษทีมึง พอดีเมื่อคืนกูหิว ๆ เลยออกไปซื้อขนมแต่ไม่คิดว่าจะไปเจอมึงกับแฟนหนุ่ม...ที่กำลังอิ๊อ๊ะกันอยู่”
“อิ๊อ๊ะ?”
“เยด...มันคบผู้ชายเหรอวะ?”
“อะไรนะ เขาเป็นเกย์เหรอ...”
“ไม่จริงน่า...”
เสียงซุบซิบกรอกเข้าหูมาอย่างต่อเนื่องสร้างความกดดันให้กูผู้นี้เป็นอย่างมาก ก็ไม่เถียงหรอกครับว่าเคยอึ้บผู้ชายแต่ก็ไม่ได้บ่อยขนาดจะผันตัวไปเป็นเกย์แบบเต็มสูบอย่างที่ถูกกล่าวหาป่ะวะก็มีบ้างที่คุยกับผู้ชายด้วยกันแต่ก็ไม่ถึงกับคบเป็นแฟน แล้วดูครับ? แม่งยัดเยียดใครให้กู นั่นน้าไหม น้า...
“โหมึงช่วยดูหน้ากูด้วยครับ เห็นงี้ก็เลือกอยู่”
“หมายถึงคนหรือสถานที่อนาจารวะ 555555555555”
“หน้าแบบนั้นต่อให้ยืนแก้ผ้าโก่งตูดให้ไอ้นี่กูก็ไม่ผงาดขึ้นมาท้าโลกหรอก” พูดพร้อมกับกุมเป้ากางเกงแล้วเขย่าสองที
“เยด...แต่จับกระจู๋กันกลางห้างท่ามกลางสายตาคนเป็นสิบนี่มันยังไง จากสภาพแล้วกูว่าน่าจะไปต่อที่รถ...เอื้อออ!” พูดยังไม่ทันจบประโยคก็หน้าหันไปอีกทางเพราะถูกหมัดลุ่น ๆ ซัดเข้าเต็ม ๆ นักเรียนในห้องต่างแตกตื่นถอยหลังกรูเมื่อเด็กสี่คนกำลังเข้าไปรุมเด็กหนุ่มผู้กล้าหาญจากเขตห้องบีที่เปรี้ยวตีนก้าวขาเข้ามาหาเรื่องชาวบ้านถึงถิ่นเขา
“แย๊บมันเลยเพื่อน เฮ้ยลุก! อย่างนั้นแหละ! เฮ้ยซ้าย ๆ เอ้อ! โอ๊ะ! เฮ้ยชานยอลมึงอย่าหมอบดิวะ! เอ้ย! เอ้ย!” เทายืนกำหมัดลุ้นแล้วทำท่าชกประกอบประหนึ่งเชียร์มวยเวทีสยามอ้อมน้อยในขณะที่เพื่อนรักกำลังโดนรุมประชุมตีนที่หลากหลายอยู่จนกระทั่ง...
“พวกเธอทำอะไรกันน่ะ!!!”
‘สวัสดีค่ะแอดมิน KAI
แจ้งโอนรหัส OHYES35x ตามไฟล์แนบนะคะ เราอ่านรายละเอียดเรียบร้อยแล้วและเชื่อใจแอดมินว่างานต้องออกมาดีเหมือนเดิมแน่นอน แต่รบกวนสอบถามอีกนิดนึงอย่าเพิ่งรำคาญนะคะ ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองแล้วที่เราสั่งโฟโต้บุ้คกับบ้านนี้ แอดมินถ่ายรูปสวยมากเลยค่ะ เราเลยอยากรู้จักแอดมินเป็นการส่วนตัวจะได้ไหมคะ บอกแค่ชื่อก็ได้ค่ะเราจะได้เรียกถูก จะให้เรียกคุณ KAI แบบนี้ก็ยังไง ๆ อยู่’
อ่านอีเมลที่ร่ายยาวเป็นหางว่าวแล้วก็หาวหวอด ๆ ก่อนจะกดเซฟไฟล์รูปแล้วกรอกข้อมูลลงใน Excel วันนี้อยู่คนเดียวเพราะเซฮุนออกไปถ่ายแบบแต่เช้าเลยตื่นสายสักหน่อย ลูบหน้าเพื่อเรียกสติแล้ววางมือลงบนคีย์บอร์ด โอเค...ต่อไปนี้คิมจงอินจะสวมบทเป็นแอดมินเพจ ‘Oh Yes Sehun’ ณ บัดนี้
‘ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณที่อุดหนุนโฟโต้บุ้คเซท ‘ซัมเมอร์ร้อนกับคนขี้อ้อนโอเซฮุน’ นะคะ และขอประชาสัมพันธ์อีกนิดนึงว่าอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ทางบ้านของเราจะมีโปรเจควันเกิดเซฮุนโอป้าชื่อโปรเจคว่า ‘เซฮุนนี่พี่มันเทวดาชัด ๆ’ ซึ่งรูปถ่ายในเล่มทางแอดมินไม่เคยอัพลงที่ไหนมาก่อนรับรองว่าคุ้มค่าแน่ ๆ แล้วก็มี DVD ความยาวสี่สิบห้านาทีที่ไม่เคยอัพโหลดลง YouNoob แถมให้อีกด้วย รายได้ส่วนต่างจะเอาไปบริจาคสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าและบ้านพักคนชราในนามเซฮุนโอป้าค่ะ เป็นยังไงคะคุ้มสุด ๆ เลยใช่ไหม? เก็บเงินรอเพื่อโอป้าอันเป็นที่รักของเรากันเถอะ อาจา! อาจา! ^w^’
เคาะแป้นลงมาสองบรรทัดแล้วกดคร็อปลากยาวเอามาแปะไว้อีกหน้าเวิร์ดนึงเพื่อที่จะได้ก็อปส่งต่อเมลถัดไป นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่คิมจงอินทอแรได้โล่ขนาดนี้ ครั้งนึงแบคฮยอนเคยถามว่าเขารู้สึกกระดากอายบ้างไหมกับสิ่งที่ทำอยู่ ซึ่งคิมจงอินก็อยากบอกให้ทุกคนได้รับรู้ว่าอายอยู่เหมือนกันนะครับ แต่ก็แค่สามนาทีหลังจากนั้นก็เลิกอายแล้วมันเสียเวลา
‘ส่วนเรื่องชื่อ KAI อ่านว่าคาอิค่ะ ^w^ คาอิเป็นลูกครึ่งญี่ปุ่น-เกาหลี จะเรียกว่าคาอิจังก็ได้นะคะ ส่วนอายุไม่บอกดีกว่า เอาเป็นว่าเค้าเป็นน้องเล็กในโอ้เยสเกิร์ลแล้วกันนะคะออนนี่ <3’
บอกรายละเอียดแค่นั้นแล้วกด Send ไม่มีเหตุผลอะไรที่คิมจงอินต้องแบ๊วใส่ลูกบ้านในแฟนไซต์มากไปกว่านี้ อีคาอิจังนี่ทำตัวเป็นบุคคลลึกลับไว้จะดีที่สุด อย่าให้ใครรู้ว่าตัวจริงเป็นใครไม่งั้นล่ะมึงเอ๋ย...สบายแฮ ความน่าเบื่อหน่ายอย่างหนึ่งคือการปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยที่ยังไม่ได้ตีดอทสักเกม จงอินคาบบุหรี่ไว้แล้วจุดสูบหน้าคอม ให้ควันสีหม่นอัดเข้าปอดเพิ่มความติสท์ให้ชีวิตแล้วก็หยิบมือถือขึ้นมากดถ่ายมวนบุหรี่ที่ไม่ยอมกะเทาะขี้มันลงใส่ที่เขี่ยบุหรี่ กดถ่ายเสร็จปรับสีแล้วอัพโหลดลงทวิตเตอร์ที่มีคนฟอลโลว์เพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้น เอาเถอะครับ แอคหลักฟอลสิบคนแต่แอคอีคาอิจังนี่ฟอลเป็นหมื่น
‘วันหนึ่งบุหรี่ยังหมอดไหม้ได้ งั้นกายหยาบก็คงไม่ต่าง’
พิมพ์ข้อความประกอบแล้วอัพโหลดลงทวิตเตอร์ก่อนจะกดดูรูปที่เต็มไปด้วยอารมณ์ศิลปะอันงดงาม ร่างหนาถอนหายใจแล้วอัดควันเข้าปอด ทำไมรูปมันถึงลึกซึ้งได้ขนาดนี้ คิมจงอินแม่งคือยอดคน เกิดมาเพื่อเป็นศิลปินโดยเนื้อแท้
ใช้เวลาตอบอีเมลล์อยู่เกือบชั่วโมงก็เสร็จ บุหรี่ตัวเดียวสามารถทำให้ผู้ชายขี้ก้างคนหนึ่งลืมความหิวไปได้ชั่วขณะ หันไปมองสมาร์ทโฟนสีดำอยู่หน้าจอคอมที่กำลังสั่นครืดแล้วหยิบมาสไลด์ดู
OHSEHUN !
ตื่นยังเห้ย 12:03
J0ng-iN’
12:04 ตื่นแยะ
12:04 หิวมาก ถ่ายแบบเสร็จยัง
OHSEHUN !
เสร็จละ ป่ะไปหาข้าวกินกานนนนน 12:05
J0ng-iN’
12:06 เอาดิ กินร้านไหนอ่ะ
OHSEHUN !
ร้านข้าง ๆ บริษัทก็ได้ขี้เกียจไปไกล หิวมาก
โทรชวนบักเตี้ยด้วยนะ 12:06
J0ng-iN’
12:07 ได้ งั้นอาบน้ำแปป
ไม่จำเป็นต้องสวีทกันพร่ำเพรื่อเพราะทั้งคู่ยึดคติว่าตัวหนังสือหรือจะฟินเท่าได้ฟัดตัวเป็น ๆ การเป็นดาราของเซฮุนมันดีอย่างนึงตรงที่ไม่ถูกจับตามองตลอดเวลาเหมือนพวกบอยแบนด์เกิร์ลกรุ๊ปในเกาหลี ดูอย่างวง XOXO ที่ตอนนี้กำลังจะพากย์หนังวายสิจะทำอะไรแต่ละอย่างก็ต้องระวังไปหมดแถมยังถูกจิ้นให้โอป้าอัดถั่วกันอีกต่างหาก
“ฮัลโหลแบคฮยอน มึงว่างเปล่าวะ”
( ถ้าเทียบกับคนที่เพิ่งเรียนจบและยังไม่มีงานการทำเป็นหลักเป็นแหล่งก็คงเรียกว่าว่าง )
“ป่ะกินข้าว ร้านข้าง ๆ บริษัทเซฮุนที่เราไปกันบ่อย ๆ อ่ะอีกชั่วโมงนึงเจอกันแค่นี้นะ”
กดวางสายโดยไม่เปิดโอกาสให้แบคฮยอนเลือกว่าจะตกลงหรือปฏิเสธ ซึ่งมันก็ไม่จำเป็นเลยสักนิดเดียว ทำไมคิมจงอินต้องเสียเวลาเกือบสิบวินาทีเพื่อให้มันเถียงกลับมาทั้งที่ยังไงซะมันก็ต้องถ่อหนังหน้าไปด้วยกันอยู่ดี
เบ้ปากใส่สมาร์ทโฟนสีขาวแล้วสบถด่ารูปประกอบเบอร์โทรเข้า ไอ้ห่านี่ไม่เคยคุยกันให้รู้เรื่องก่อนวางสายหรอก มึงจะกะทัดรัดได้ใจความไปไหน เข้าใจอยู่ฝ่ายเดียวให้โอกาสกูได้สนทนาตอบโต้บ้าง ถ้ามีโปรโทรออกห้าวิไม่เสียเงินเหมือนตอนสิบปีที่แล้วก็ว่าไปอย่าง นี่ถ้าหลับอยู่คงไม่รู้เรื่องว่ามันพูดอะไรแต่โชคดีที่บยอนแบคฮยอนเป็นคนมีไหวพริบไม่งั้นล่ะมึงเอ๊ย
เข้าไปอาบน้ำแต่งตัวเตรียมออกไปกินข้าวกับเพื่อนสักหน่อย อยู่บ้านเฉย ๆ ก็เบื่อเหมือนกัน พอเรียนจบแล้วชีวิตก็ดูเคว้งคว้างว่างเปล่าอย่างน่าหดหู่ แค่คิดก็สลดละครับ เมื่อไหร่กูจะได้งานทำกับเขาสักที ไม่มีโรงเรียนไหนเห็นแววความเป็นแม่พิมพ์ของชาติของกูเลยหรือ
ใส่เสื้อลายสก็อตทับเสื้อยืดสีขาวแล้วเดินออกมาข้างนอก ล็อกประตูเสร็จแล้วอ้อมไปข้างบ้านเพื่อเช็คดูความเรียบร้อยของหน้าต่างทุกบ้านไม่งั้นจะไสตัวเองออกจากบ้านไม่ได้ เดินมาหยุดอยู่ตรงตู้จดหมายหน้าบ้านแล้วก็ขมวดคิ้วน้อย ๆ เมื่อเห็นซองกระดาษสีขาวคาอยู่ หยิบออกมาดูแล้วก็สตั้นไปเกือบห้าวิเมื่อเห็นตราโรงเรียนที่อยู่ทางด้านซ้ายมือ...
หื้ม? เพิ่งส่งมาเมื่อวานเองไม่ใช่หรือ
ฉีกซองจดหมายออกแล้วก็ได้แต่คิดว่าข้างในอาจจะเป็นใบเกรดหน้าตาเดิม ๆ แบบเมื่อวานที่เขาเพิ่งเฟี้ยงใส่หน้าปาร์คชานยอลไป ทางโรงเรียนอาจจะส่งซ้ำแต่ถ้าใช่จริง ๆ คือมึงจะกล้าแกร่งตอกย้ำอารมณ์กูเกินไปแล้ว ไม่อยากเดือดรอบสองเลยครับ แบบว่าหลานที่เคารพก็ไปโรงเรียนแล้วด้วยถ้าคันไม้คันมือแล้วจะไปลงกับใคร
ทันทีที่ดึงกระดาษเอสี่ออกมาก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อเห็นตัวหนังสือภาษาเกาหลียาวครึ่งย่อหน้าประหนึ่งอินโทรแวมไพร์ทไวไลท์ อ่านบรรทัดแรกก็เริ่มขมวดคิ้ว...บรรทัดที่สอง...สาม...สี่...เดี๋ยวครับ ตอนนี้คิ้วกูจะผูกกันเป็นเงื่อนตะกรุดเบ็ดอยู่แล้วสัด อ่านพอคร่าว ๆ ก็พอจับใจความได้ว่า...
ปาร์คชานยอล...เวลาเรียนไม่ครบ
ปาร์คชานยอล...ปีนรั้วออกนอกโรงเรียน
ปาร์คชานยอล...ถูกจับได้ว่าแอบสูบบุหรี่ในห้องน้ำ
ปาร์คชานยอล...มีเรื่องชกต่อยกับคนอื่น
ปาร์คชานยอล...ทำสีผมโดยไม่ได้รับอนุญาต
ปาร์คชานยอล...
พอ!!!!!!!!
แบคฮยอนขยำกระดาษใบนั้นจนยับคามือ ประโยคสุดท้ายแอบเห็นแว๊บ ๆ ว่าทางโรงเรียนเคยเรียนเชิญผู้ปกครองให้ไปคุยกับครูที่ปรึกษาหลายครั้งแล้วแต่ก็ถูกปฏิเสธตลอด หากไม่เป็นการรบกวนจนเกินไปทางโรงเรียนขอความกรุณาให้คุณผู้ปกครองสละเวลาอันมีค่าเพื่อมาพูดคุยกับครูที่ปรึกษาสักครั้งหนึ่งหอกหักอะไรสักอย่างนี่แหละ แล้วกูไปปฏิเสธเมื่อไหร่วะ จดหมายก็ไม่เห็นมีส่งมาสักฉบับจะมีก็แค่อีใบเกรดง่อย ๆ ฉบับเมื่อวานนั่นแหละ แล้วไอ้หลานนรกก็ไม่เห็นจะบอกอะไรสักคำด้วย...
เออ...มันไม่ได้บอกอะไรสักคำจริง ๆ นั่นแหละ...
“ปาร์คชานยอลลลลลลลลลลลลลลลลลลล!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
นั่งเอื่อยอยู่ในร้านอาหารมาเกือบสิบห้านาทีชนิดว่าเด็กเสิร์ฟเดินมาออเดอร์สามรอบเห็นจะได้ โต๊ะติดหน้าต่างเป็นมุมประจำที่เขาชอบมานั่ง ได้ยินเสียงซุบซิบชัดเจนเต็มสองหูและแน่นอนว่ามันคือคำชมถึงรูปร่างหน้าตาของเขา ตามประสาคนบ้ายอนะครับ โดนชมหน่อยก็เก็กหล่อไป ตอนนี้เสียงกดชัตเตอร์กล้องถ่ายรูปมือถือชัดกว่าเสียงบทสนทนาภายในร้าน
รอยยิ้มสุดเฟคแต่งแต้มบนใบหน้าเมื่อเห็นเพื่อนเดินดุ่ม ๆ เข้ามาในร้าน มันเป็นเรื่องปกติไปแล้วที่บยอนแบคฮยอนจะเห็นเซฮุนยิ้มทักทายโดยไร้ประโยคหยาบคายเมื่ออยู่ในที่สาธารณะ
“เป็นอะไรครับเพื่อน ทำหน้าเหมือนเมื่อเช้าไม่ได้ขี้”
“มึงน่าจะรู้ว่าเรื่องอะไร” แบคฮยอนแค่นหัวเราะแล้วเซฮุนก็พยักหน้าเข้าใจ “ทางโรงเรียนส่งจดหมายเชิญกูไปคุยเรื่องวีรกรรมที่แม่งสร้างไว้ ถ้ามึงใส่แว่น 3D ตอนนี้อาจจะเห็นควันกำลังพ่นออกจากหูกูอยู่ก็ได้” เซฮุนได้แต่ยิ้มขำกับเรื่องที่เพื่อนเล่าให้ฟัง ถ้าเป็นปกติคงระเบิดหัวเราะใส่หน้าแล้วบอกว่า ‘สมน้ำหน้ามึงจริง ๆ ’ แต่ติดที่ว่าตอนนี้โอเซฮุนทำแบบนั้นไม่ได้เพราะกำลังถูกจับตามองอยู่ “ไอ้จงอินล่ะ”
“ถ่ายรูปกูอยู่ฝั่งนั้น”
“หาแดกกับเมียอีกละ ชีวิตแมงดานี่สุขีมากไหม” หรี่ตามองเพื่อนหน้าหล่อที่กำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ มึงมีความสุขกับคำด่ากูประโยคไหนเหรอโอเซฮุน
“มึงอย่าเสียงดังสิเดี๋ยวเขารู้ความลับกูหมด แล้วที่รักกูก็ไม่ใช่แมงดาด้วย มันขยันหาเงินจะตายมึงไม่เห็นเหรอ โฟโต้บุ้คตั้งกี่เล่มทั้งจัดส่งในเกาหลีและนอกประเทศโดยเฉพาะไทยแฟนที่แห่กันพรีออเดอร์กันไม่หวาดไม่ไหว” เซฮุนยื่นหน้าเข้ามาแล้วป้องปากกระซิบ
“ทุกวันนี้มึงไม่ทำให้คนอื่นรู้เลยงั้นสิ? ไอ้ที่อัพลงทวิตเตอร์ทุกวันว่าแดกข้าวคนเดียวสองจาน แดกน้ำสองแก้วเนี่ย เห็นไอ้ชานยอลมันบ่นให้ฟังว่ามึงสองคนจะอินเลิฟอะไรนักหนา ได้กันมากี่ปีแล้วเห่ออยู่ได้เมื่อไหร่จะเบื่อ พี่จงอินโคตรน่ารำคาญ FUCK YOU BRO.”
“ก็กูรักของกูอ่ะหลานมึงอย่าเสือกดิ”
“มึงไปบอกมันเอง”
“ไม่อ่ะ ขี้เกียจคุยกับมัน ล่าสุดก็มาขอบัตรงานมีทกูไปใบนึง ได้ข่าวว่าเจอกันบ่อยกว่าแม่กูอีก”
“ก็ยังดีกว่าให้มันไปติ่งคนอื่นไกลหูไกลตากูนะ จริง ๆ แล้วมึงควร Connect กับมันให้มากกว่านี้เพื่อที่จะได้กล่อมเกลาหลานกูให้เป็นเด็กว่านอนสอนง่าย”
“มันสายไปแล้วแฟรงค์”
“...”
“หลานมึงสู่ความเวิ้งว้างอันไกลโพ้นไปไกลจนยากที่จะดึงกลับมาให้เป็นเด็กชายปาร์คชานยอลผู้น่ารักที่เขินตอนเผลอตดแล้วจริง ๆ ” ห่า พูดแล้วน้ำตาจะไหล นี่มันงานตอกย้ำชีวิตกูชัด ๆ
“แล้วเมื่อไหร่ไอ้จงอินจะถ่อหน้าเข้ามาวะ”
“อีกแปปนึง เดี๋ยวนะกูขอเปลี่ยนท่าแปป” พูดแล้วก็เสยผมยิ้มตาหยีทั้งที่ไม่มีเรื่องตลก นี่ไม่ใช่ครั้งแรกครับอย่าตกใจไป มันเป็นอริยบทของคนที่กำลังโพสท่าให้อีตากล้องข้างนอกถ่ายรูปเท่านั้นแหละ
“กูต้องเอนหลังหลบกล้องไหม” พูดพร้อมกับเอนไปข้างหลังด้วยสีหน้าเซ็งสุดขีด
“ไม่ต้องหรอก ต่อให้ถ่ายติดก็เบลอหน้ามึงทิ้งอยู่ดีนั่นแหละ”
...แต้งกิ้วทรีไทม์
“กูไม่ไหวแล้วว่ะ”
“หิวเหรอ”
“เปล่า กูรู้สึกว่าที่ ๆ กูควรอยู่ตอนนี้คือหน้าห้องเรียนของไอ้หลานทรพี”
“อ่า~” เซฮุนอ้าปากเล็กน้อยแล้วมองมาด้วยแววตากวนตีน วินาทีนี้อยากกระทืบดาราต้องจ่ายกี่ร้อยครับ
“กูไม่รอละ ถ้าไอ้จงอินมาฝากตบหัวมันด้วยทีนึง” แบคฮยอนลุกพรวดแล้วเดินดุ่ม ๆ ออกไปข้างนอกร้านโดยที่ไม่ปล่อยให้เพื่อนไอดอลสุดหล่อได้พล่ามอะไรต่ออีก
แค่นึกถึงวีรกรรมของมันมือของคนเป็นน้าก็สั่นพั่บ ๆ แล้ว...
รอแปปนึงนะชานยอล...น้าจะไปหามึงเดี๋ยวนี้แหละ...
ไอ้ซั้ซ!!!!!!!!!!!
TBC
โชคดีนะมิสเตอร์ชาร์ล
ความคิดเห็น