คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ตำแซ่บครกที่ 03 :: ฮอร์โมนแห่งความแค้น
t
h
e
m
y
b
u
t
t
e
r
ตำแซ่บครกที่ 03
ฮอร์โมนแห่งความแค้น
“เจ็กฮุน”
เจ้าของชื่อหลุดออกจากความคิด ทันทีที่ได้ยินเสียงของหลานชายหัวฝีหัวหนองเข้ามาในโสตประสาท ชายหนุ่มเอี้ยวหน้าหันไปข้างหลัง ไม่มีอีกแล้วเด็กน้อยขี้เกมที่เอาแต่ใส่อารมณ์กับเกมกะโปก ๆ ที่วัยรุ่นชอบเล่น เมื่อตอนนี้เหลือเพียงมนุษย์เด็กมอสี่หัวเกรียนเรียน รด. ในสภาพชุดนอนยืนหรี่ตายิ้มกริ่มราวกับว่ามีอะไรในใจ
“อะไร”
“เมื่อกี้ผมเห็นนะ”
“What?”
“สายตาเจ็กตอนมองกรรมกรท้ายซอยคนนั้น”
วูบหนึ่งฮุนนึกย้อนไปถึงเจ็ด-แปดปีก่อน ที่เขาล้อไอ้เด็กหัวหลิมนี่ว่ามันเป็นเด็กถูกเก็บมาเลี้ยงจากถังขยะ ตอนนั้นไอ้เคี้ยงร้องไห้เหมือนญาติฝ่ายไหนตายห่าไปจากโลกนี้ แต่พอเวลาผ่านคนเราก็เปลี่ยน เมื่อตอนนี้เขารู้สึกได้ถึงรอยยิ้มของผู้คุมวิญญาณที่มองมาราวกับอยากบอกว่า
‘เจ็กฮ๊าฟ กูรู้หมดแล้ว’
ฮุนยืนนิ่ง เขาไม่คิดว่าสิ่งที่ไอ้หลานนรกพูดจะเป็นเรื่องจริง จนกระทั่งรู้สึกแปลก ๆ เมื่อนึกถึงหน้าชายฉกรรจ์ผิวคล้ำกร้านแดดที่ทำงานอยู่ท้ายซอย ว่าไงนะ หมอนั่นเป็นกรรมกรงั้นเหรอ ทีแรกนึกว่าปะยางอยู่ร้านพี่ซ่งซะอีก
“แววตาของเจ็กตอนมองมันอะ วาววับเหมือนมีอีโมหัวใจพุ่งออกมา”
“ตีนเถอะ กูหันหลังอยู่ มึงรู้ได้ไงว่าตอนนั้นกูทำหน้าทำตาแบบไหน”
“โหยเจ็ก ผมนั่งอยู่ตรงเนี้ย ได้ยินทุกอย่างแหละ ไม่เคยได้ยินเหรอ น้ำเสียงสื่อทุกความรู้สึก”
“เลอะเทอะแล้วมึง กูไม่ได้รู้สึกอะไรเลยสักนิด แบบนั้นไม่ใช่ Style กูหรอกนะ” ฮุนแค่นยิ้ม ส่ายหน้าหน่าย ๆ กับคำพูดคำจาอีกฝ่ายที่เริ่มจะไร้สาระเข้าไปทุกที
“ปกติเจ็กให้ชานมฟรีแค่ผู้หญิงไม่ใช่เหรอ สารภาพมาเถอะน่า”
ฮุนทำหูทวนลม หันเข้าซิงค์ล้างแก้วกาแฟที่เพิ่งชงไปเมื่อครู่ ขณะที่เสียงนกเสียงกาของหลานทรพียังคงเข้าหูอยู่ไม่ได้ขาด
“โกวก็ชอบผู้ชายไปคนนึงละ”
“อะไรนะ”
“เอ้า! นี่เจ็กไม่รู้เหรอ เมื่อคืนผมเห็นโกวบู้ซ้อนมอร์ไซค์ลูกชายบ้านข้าง ๆ เราอะ กว่าจะกลับก็ตีหนึ่ง ผมรู้ ผมตีดอทอยู่”
“หมายถึงลูกน้าโสรยาที่ขายส้มตำอยู่เกือบปากซอยน่ะนะ?”
“เออ นี่เจ็กฮุนก็จะชอบผู้ชายไปอีกคนสินะ” เคี้ยงแค่นยิ้ม ซึ่งบอกเลยว่าคำพูดเหล่านั้นมันสร้างความปั่นป่วนทางความคิดให้กับฮุนเป็นอย่างมาก
ไม่จริงน่า! เขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับกรรมกรหาเช้ากินค่ำอย่างนั้นเลยสักนิด ฮุนเป็นถึงว่าที่แม่พิมพ์ของชาติ ที่จะสอนให้เด็กเก่งคณิตศาสตร์จนเติบโตเป็นผู้ใหญ่มีคุณภาพ ไม่มีทางเลยที่เขาจะลดระดับตัวเองลงไปใกล้คนพรรค์นั้น Low มาก มันไม่ใช่
แต่... ทำไมหัวใจถึงสั่นไหว ราวกับมีใครเข้ามานั่งเขย่ามันอยู่ในนั้ล...
“ไอ้เคี้ยง มึงห้ามเอาเรื่องนี้ไปพูดให้คนอื่นฟังนะ” ฮุนชี้หน้าอีกฝ่าย
“หมายถึงเรื่องเจ็กหรือเรื่องโกวบู้อะ”
“ทุกอย่างนั่นแหละ เป็นเด็กเป็นเล็กอย่าหัดปากเปราะ เดี๋ยวคนในซอยได้นินทาบ้านเราหมด มึงต้องเห็นแก่หน้าอากงกับป๊าม๊ามึงด้วย”
“หึ”
ไอ้เคี้ยงยิ้มกริ่ม เราสบตากันอยู่อย่างนั้นเกือบครึ่งนาที ก่อนที่สิ่งไม่คาดฝันจะเกิดขึ้น เมื่ออยู่ ๆ ไอ้เตี้ยมะขามป้อมก็วิ่งออกไปนอกร้านพร้อมแหกปากลั่นว่า
“ป๊า!!! ม๊า!!! โกวบู้กับเจ็กฮุนเป็นตุ๊ดดดดดดดดดดดดดด!!!!”
ไอ้เหี้ยเคี้ยงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
เสียงตะโกนดังลั่นบ้านและคาดว่าคงได้ยินไปจนถึงท้ายซอย บู้คิ้วกระตุกเล็ก ๆ กับเสียงน่ารำคาญของหลานชายที่กำลังวิ่งออกมาจากร้านชานมซึ่งอยู่ติดกัน แน่นอนว่าหูทั้งสองข้างได้ยินทุกเม็ดไม่มีผิดเพี้ยน ซึ่งปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันเป็นความจริง
ไอ้เคี้ยงหลานทรพี มึงกล้าดียังไงถึงประจานดับเบิ้ลเจ็กตอนกลางวันแสก ๆ อย่างนี้
มือที่กำลังโกยถั่วงอกลงถังยังคงทำอย่างต่อเนื่อง บู้ยืนนิ่งเหมือนไม่คิดอะไรก่อนจะยื่นขาออกไป จนกระทั่งหลานชายผู้เป็นที่รักสะดุดล้มลง ตัวไถลไปกับพื้นและจอดลงในที่สุด
“เฮื้อออออออออ!!!”
“โอ้ะ! โกวขอโทษว่ะเคี้ยง” บู้หันกลับไปมองหลานชายที่นอนจูบพื้นร้านที่ถูกลูกค้าเดินเหยียบย่ำมาแล้วไม่ต่ำกว่าห้าสิบตีน
เคี้ยงนอนกระตุกเป็นพัก ๆ ก่อนจะพยายามหยัดตัวลุกขึ้น พร้อมสองมือที่กำหมัดเข้าหากันแน่นเหมือนโงกุนที่กำลังโมโหอย่างถึงขีดสุดจนพร้อมกลายร่างเป็นซุปเปอร์ไซย่าได้ทุกเมื่อ โกวบู้อยากจะลองของกับเทพเคี้ยง N’Square ใช่ไหม...
เด็กมอสี่หัวหลิมหยัดตัวลุกขึ้นเต็มความสูงอันน้อยนิด เขาหันไปมองคาดโทษคนเป็นอาก่อนจะเบิกตากว้างอย่างตกใจเมื่อเพิ่งรู้ตัวว่าเผลอเหยียบปลายขากางเกงจนมันหลุดลงไปกองกับหัวเข่า
เคี้ยงเบิกตาค้าง ไม่ถึงวินาทีเลยด้วยซ้ำที่เขาใช้เวลารวบรวมสติเพื่อที่จะก้มลงดึงกางเกงขึ้นมา แต่บางอย่างมันไวกว่านั้น เมื่อเขาได้ยินเสียงชัตเตอร์โทรศัพท์ดังขึ้น... จากกล้องของเจ็กฮุนที่ยืนอยู่หน้าร้าน
แช่ะ!!!
“Nice Shot”
“โพสลงเฟสเลยมึง เดี๋ยวกูตามไปกดไลค์”
“เจ็กฮุน!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
เคี้ยงรู้สึกเหมือนโลกหยุดหมุน เมื่ออยู่ดี ๆ ลูกค้าที่นั่งแดกผัดไทยก็หันมาสนใจหนอนน้อยของเขาที่ห้อยต่องแต่งกับการจำศีล แววตาของคนเหล่านั้นล้วนต่างออกไป บางคนมองยิ้มอย่างเอ็นดู แต่บางคนก็ทำเหมือนว่าผิดหวังกับขนาดของมัน
อะไรวะ!!! กูเพิ่งอยู่มอสี่!!! จะให้ใหญ่เท่าเสาหลักกิโลเลยหรือไง!!!
เจ็กฮุนก้มหน้ายิ้มกับโทรศัพท์ ก่อนที่โกวบู้จะเข้าไปสมทบ ตอนนี้เคี้ยงรู้สึกเวียนหัวไปหมด คล้ายว่าเกียรติที่สะสมมาตลอดหลายปีได้ถูกย่ำยีไม่มีเหลือเพราะคนสายเลือดเดียวกันไปแล้ว ทำไมวะ! ทำไมโกวกับเจ็กถึงทำกับหลานชายผู้เป็นที่รักได้อย่างนี้
“ม๊า!!!!!!!!!!!!!!!!!! ช่วยเคี้ยงด้วยยยยยยยยยยย!!!!!!!!!!!”
.
.
คืนวันนั้นเคี้ยงนึกอยากประท้วงโดยการอดข้าว แต่กระเพาะอาหารก็ทำงานได้อย่างตรงต่อเวลา บวกกับกลิ่นกับข้าวของโปรดที่ม๊าทำมันหอมหวน จึงทำให้เด็กน้อยต้องกัดฟันทนนั่งร่วมโต๊ะอาหารกับอาทั้งสองคนทั้งที่แค้นสุดใจ
“อาการลื้อดีขึ้นยังวะอาเคี้ยง” อากงที่นั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะถามด้วยความเป็นห่วง
“อือ”
“พูดกับกงงี้เหรอ?” บอกเลยว่านาทีนี้ใครในโลกจะตักเตือนเคี้ยงยังไงก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่โกวบู้!!!
“ยุ่งไรด้วย”
“อ้าว ต่อให้มึงจะเรียกกูว่าโกว แต่กูก็เป็นเจ็กมึงนะ” บู้เอาตะเกียบชี้หน้าเด็กน้อยที่นั่งทำหน้าบึ้งอยู่ฝั่งตรงข้าม “ซ้อดูไว้ ลูกชายของซ้อชักจะเหิมเกริมใหญ่แล้วเนี่ย อายุสิบหกคิดว่าปีกกล้าขาแข็งแล้วสิ” ซ่งเฉียนก็ได้แต่ยิ้มแห้ง ก้มหน้าก้มตากระซิบกระซาบเตือนลูกและโอ๋ไปด้วย
“โธ่เฮียบู้ อย่าไปด่ามันเลย ไอ้เคี้ยงมันป่วยอยู่นะ ดูดิ หน้าซีดเชียว ใกล้ตายแล้วมั้งน่ะ” นี่ก็เหมือนกัน เสียงเจ็กฮุนตอนช่วยโกวบู้เหยียบย่ำเขานี่น่ารำคาญสุด ๆ
“เออ จริงด้วย เอาดี ๆ นะเฮียเล่ย ถ้าอาการมันหนักต้องรีบพาไปหาหมอ” บู้หันไปคุยกับพี่ชายคนโตที่เพิ่งกลับมาถึงบ้าน หลังจากไปทำงานต่างจังหวัดถึงสามวัน
“ดูน้องชายป๊าดิ ชอบรังแกหลานอะ!”
“ไม่เอาน่า อย่าทะเลาะกังเลย พวกลื้อต้องรักกังเข้าไว้ซี่” ถือว่าคำพูดของอากงช่วยชีวิตอาทั้งสองคนเอาไว้ ไม่อย่างนั้นความเคียดแค้นของเคี้ยงคงปะทุไปมากกว่านี้ เด็กน้อยส่งสายตาซึ่งเต็มไปด้วยกองเพลิงไปยังคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ซึ่งโกวบู้กับเจ็กฮุนก็ส่งยิ้มมาอย่างไม่ได้นัดหมาย
เพียงครู่เดียวสงครามบนโต๊ะอาหารก็หยุดลง ต่างคนต่างสนใจกับข้าวตรงหน้า และหนึ่งในนั้นก็คือเคี้ยง เขาอยากรีบลุกไปจากตรงนี้โดยเร็วที่สุด ก่อนความอดทนจะสิ้นสุดลง บอกเลยนะว่าถ้าสองคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามไม่ใช่ญาติล่ะก็... หมัดลุ่น ๆ ของเทพเคี้ยงคงประทับโหนกหน้าได้อย่างง่าย ๆ เลยนี่ไม่ได้คุย
“พรุ่งนี้ไปโรงเรียนด้วยนะมึง คืนนี้ห้ามเล่นเกม” อีกละ โกวบู้ยุ่งเรื่องคนอื่นตลอดเลยอะ ทำไมน่ารำคาญแบบนี้เนี่ย!
“ยุ่งไรอะ พ่อก็ไม่ใช่”
“เออ พ่อมึงนั่งอยู่ตรงนี้ แล้วกูก็คลานออกมาจากรูเดียวกับพ่อมึงด้วย” อาคนรองถลึงตามองอย่างผู้ชนะ ซึ่งเจ็กฮุนก็ยิ้มพอใจ
“ฟัง ๆ ไว้บ้างเถอะเคี้ยง อย่าทำให้โกวกับเจ็กเหนื่อยสิ” ป๊าก็อีกคน ต่อให้โกวบู้จะเป็นน้องชาย แต่เคี้ยงก็เป็นลูกชายแท้ ๆ นะ!
“โกวกับเจ็กไม่เหนื่อยหรอก วิ่งตามผู้ชายเหนื่อยกว่านี้อีก หึ” เด็กน้อยแค่นยิ้มอย่างผู้ชนะ คราวนี้ล่ะ เวลาของการเอาคืนได้มาถึงแล้วโว้ย!
“หือ... ผู้ชาย?” อากงเลิกคิ้วขึ้นพลางมองไปยังลูกชายคนกลางกับลูกชายคนเล็ก เอาซี้! ถ้าอากงพีคขึ้นมาคนเดียวบ้านก็แตกละ ไม่ต้องถึงป๊าเลย
“ป๊าจะไปสนใจอะไรกับคำพูดเด็กมอสี่ที่อ้างว่าเป็นไข้เพราะไม่อยากไปโรงเรียนอะ อั๊วะกับเฮียบู้ก็ขายของตามปกติ ไอ้เคี้ยงมันเพ้อเจ้อไปเอง” ฮุนปั้นหน้าเฉย การตอแหลให้แนบเนียนคืออย่าตื่นตูม แต่เดี๋ยว... ทำไมกูต้องตอแหลด้วยในเมื่อมันก็ไม่ใช่เรื่องจริงอยู่แล้ว
“จริง ๆ นะกง! เออ ต่อให้เจ็กฮุนจะปฏิเสธ แต่ของโกวบู้อะชัดเจนมาก คนเขาเห็นกันทั้งซอยว่าโกวไปกับลูกชายร้านส้มตำที่เพิ่งย้ายมาอยู่ข้างบ้านเราอะ!”
ทุกสายตาหยุดอยู่ที่ขี้ข้าร้านผัดไทย บู้ค้างอยู่ในท่าคาบผัดผักบุ้ง ก่อนจะถอนหายใจเซ็ง ๆ กับการถูกแฉกลางโต๊ะอาหาร
“แล้วไง กูไปกับผู้ชายด้วยกันไม่ได้เลยเหรอ ไฟมันจะไหม้ก้นมึงใช่ไหม”
“ไปได้ เพราะโกวเป็นตุ๊ด”
“ดูมันพูดดิตั่วเฮีย นี่อาแท้ ๆ ของมันนะ” นาทีนี้ฮุนต้องช่วยเฮียบู้กู้ชาติ เพราะถ้าไอ้เคี้ยงชนะในศึกครั้งนี้ คาดว่าเรื่องที่เขาสั่นไหวเพราะกรรมกรท้ายซอยคงกลายเป็น Gossip เรื่องถัดไปอย่างเป็นแน่แท้
*ตั่วเฮีย = พี่ชายคนโต
“ไอ้ชาญอะป๊า คือเก็บร้านแล้วก็อยากเตะบอลไง เลยไปด้วยกัน” บู้ขมวดคิ้ว พูดออกมาเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาที่สามารถเกิดขึ้นได้
“แต่โกวไม่ได้เตะบอล” <- กูต้องชนะ
“อ๋อ ลูกชายอาโสรยาใช่ไหม”
“โกวเป็นตุ๊ดจริง ๆ นะกง!” <- ไม่มีใครสนใจ
“ใช่ป๊า ลูกชายคนเล็กน่ะ” บู้มองหน้าผู้ให้กำเนิด ซึ่งดูเหมือนว่าป๊าจะทิ้งน้ำหนักความเชื่อมาฝั่งเขามากกว่าไอ้หลานกะโหลกที่เอาแต่แหกปากโวยวาย
“ก็ดีแล้ว ดูแลเพื่องบ้างที่เพิ่งย้ายมาอยู่ ต่อไปเวลาใครลังบากจะได้ช่วยเหลือกาง”
“แต่กง!!!”
“ลื้อหยุกเลอะเทอะได้เลี้ยวอาเคี้ยง เป็งเด็กเป็งเล็กอย่าขึ้งเสียงใส่ผู้หย่าย เข้าใจหม้าย”
เคี้ยงขมวดคิ้วกำหมัดแน่น พลางมองไปยังอาทั้งสองคนที่มองมาพร้อมรอยยิ้มที่พร้อมจะเปิดศึกว่า ‘สงครามได้เกิดขึ้นแล้ว’
.
.
เจ็ดโมงเช้าเป็นเวลาตื่นของใครหลายคน แต่หนึ่งในนั้นไม่ใช่หาญ ชายหนุ่มหน้าตาดีที่ต้องตื่นมาเข้าวินแต่เช้าเพื่อทำงานหาเงินอย่างสุจริต เขาหวังว่าสักวันจะใช้เงินเก็บทั้งหมดไปสู่ขอน้องหมวยหมินเมื่อน้องเรียนจบมหาลัย
ชายหนุ่มเท้าแขนลงกับประตูรถกระป้อเมื่อขับมาหยุดอยู่หน้าบ้านที่เขาฝากหัวใจเอาไว้ หาญเอาเจลที่อยู่ในเก๊ะออกมาละเลงลงบนมือ ใช้เวลาในการเซ็ทเผ้าผมให้เข้าทรงอยู่ไม่ถึงนาทีก่อนจะยิ้มให้กำลังใจตนเองในกระจกบานเล็ก
เปิดเพลงโปรดดังลั่นเรียกความสนใจจากผู้คนที่เดินผ่านไปมาได้เป็นอย่างดี แต่ก็เท่านั้นแหละ หาญไม่เคยชายตามองผู้หญิงคนไหนอีกนอกจากน้องหมวยหมินผู้เป็นที่รัก
เพียงครู่เดียวเด็กสาวในชุดนักเรียนมอปลายก็เดินออกมาพร้อมกระเป๋าถือสีดำ หมวยหมินขมวดคิ้วมองคนขับรถกระป้อที่มองมาพร้อมรอยยิ้มซึ่งเจ้าตัวคงคิดว่าหล่อที่สุดแล้ว เธอถอนหายใจก่อนจะหันไปยกมือไหว้แม่ ความบาปในวันนี้คือหมวยหมินต้องไปโรงเรียนกับพี่หาญ
‘ได้เกิดมาเจอเธอทั้งที ไม่ว่ายังไงจะลองดีสักวัน อยากรักก็ต้องเสี่ยง ไม่อยากให้เธอเป็นเพียงภาพในความฝัน’
“ปิดเพลงสักที”
“หมวยหมินไม่ชอบบิ๊กแอสเหรอจ๊ะ”
“หนูไม่ชอบเพลงที่พี่ - ฟัง - ซัก - เพลง”
“ไม่ชอบเพลงไทย งั้นแสดงว่าชอบเกาหลีใช่ไหม ซอรี ซอรี เนกาเนกาจั้มปึดจัมปั้ด พี่ก็มีนะ”
หมวยหมินขมวดคิ้วจิ๊ปากกับสำเนียงเพี้ยน ๆ ที่อีกฝ่ายพยายามเอาใจเธอ “นั่งหน้าไหมจ๊ะ”
“หนูอยากนั่งหลัง”
“ทำไมล่ะ นั่งตรงนี้สบายดีออก ให้อารมณ์เหมือนรถเปิดประทุน” หาญมองดวงหน้าขาวที่เข้ากับผมหางม้าซึ่งมัดรวบไว้ข้างหลัง น้องหมวยหมินน่ารักอยากจะฟัดแก้มสักทีตังเงย
“หนูเป็นเมนส์ นั่งที่แคบแล้วเจ็บน้องสาว”
“อุ่ย” รอยยิ้มบนใบหน้าหนุ่มขับกระป้อหายไป เมื่อได้ฟังเหตุผลที่เขาก็คงหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้เหมือนกันว่ามันมีเรื่องแบบนั้นบทโลกสตรีเพศด้วยเหรอ แต่ในเมื่อน้องหมวยหมินบอกว่าเจ็บ พี่ก็เจ็บด้วย
“พี่หาญ! รอด้วย ๆ”
เสียงคุ้นหูดังมาจากข้างหลัง ซึ่งก็ไม่ใช่ใครไหนไกลนอกจากไอ้เจิ้นและน้องชายของมันที่วิ่งมาพร้อมกัน ก่อนจะขึ้นไปบนท้ายรถกระป้อ คือกูไม่ได้ตั้งใจมารับพวกเมิ๊งงงงงงงง กูจะพาน้องหมวยหมินนั่งกินลมชมวิวก่อนไปส่งโรงเรียน เข้าใจหม้ายยยยยยยยยยยยยยยยยย
“ถ่าแหน่ ๆ”
ฉิบหาย!!! นอกจากจะมีสองพี่น้องเชื้อสายปลาร้าแล้วยังพ่วงไอ้กรังนั่นมาด้วยอีกเรอะ!!!
“น้องหมวยหมินรีบขึ้นมาเร็ว! เดี๋ยวไอ้บ้านนอกมันถึงก่อน!” หาญถลึงตามองเด็กสาวที่ยังยืนอยู่ข้างรถ เธอมองชายหนุ่มผิวแทนคนนั้นก่อนจะหันมายิ้มให้
“รอพี่อินทร์ด้วยสิ”
“ห้ะ!”
“พี่อินทร์เร็ว ๆ” น้องหมวยหมินส่งยิ้มหวานให้ไอ้บ้านนอกนั่น พร้อมโบกมือเรียกอย่างเต็มใจ หาญหันหลับไปมองด้านหลัง เพียงครู่เดียวไอ้นั่นก็ขึ้นไปอยู่ท้ายรถกระป้อพร้อมสองพี่น้องร้านส้มตำแล้ว
“น้องหมวยหมินอะ!”
“เดี๋ยวหนูนั่งข้างหน้ากับพี่ก็ได้” เด็กสาวอมยิ้ม พลางหันไปสบตากับชายหนุ่มผิวแทนเป็นครั้งสุดท้าย แล้วไหนเมื่อกี้บอกเมนส์มา เจ็บน้องสาวนั่งไม่ได้ไง
ให้ตายเถอะโรบิ้น... เขาต้องขับรถไปส่งไอ้กรังนั่นจริง ๆ น่ะเหรอ?
.
.
“ไปไสมื้อหนิ ไปตลาดหาซื้อแนวเฮดกินตี้”
“ใช่ วันนี้หยุดอะ ว่าจะทำก๋วยเตี๋ยวกินที่บ้าน พี่อินทร์มากินด้วยกันดิ สักเที่ยง ๆ คงทำเสร็จพอดี” เจิ้นยิ้มให้กับชายหนุ่มผิวแทนที่นั่งอยู่ด้านซ้ายสุด พี่อินทร์คือลูกค้าวีไอพีที่อุดหนุนส้มตำร้านของเขาบ่อยมาก เรียกได้ว่าแทบจะกินทุกวัน
แน่นอนว่าส้มตำเป็นอาหารที่เหมาะกับการกินหลาย ๆ คน ซึ่งคนงานก่อสร้างมักจะเอาอาหารของตนเองออกมาวางแล้วแชร์กินกับคนอื่น ๆ อย่างเป็นเรื่องปกติ และจะมีส้มตำเป็นอาหารหลักอยู่ตรงกลาง พี่อินทร์บอกว่าปลาร้าร้านของเขาแซ่บนัวมาก ซึ่งเจิ้นก็ไม่เถียง เพราะสูตรนี้พ่อได้ทิ้งไว้ให้ก่อนตาย
“เป็นจั่งได๋ซาญ มื้อนี้ทรงเมื่อย ๆ แท้”
“เมื่อคืนนอนดึกอะพี่ พอตื่นเช้าแล้วมันเพลีย ๆ”
“บ่แม่นหาแนวเฮดเบิ่ดคืนจนบ่ได้นอนบ๊อ” อินทร์ยิ้มล้อ
“ยังไม่ถึงขั้นนั้นหรอกพี่... ก็ดู ๆ ใจกันอยู่” ชาญเกาท้ายทอยแก้เขิน ถึงห้องนอนเขากับบู้จะอยู่ติดกัน แต่อย่างเก่งก็แค่เคาะผนังไม้แล้วเปิดเพลงจีบเท่านั้นแหละ เรายังไม่ถึงขั้นนั้นกันเลย...
“เออ แม่งเล่นดูกันตั้งแต่วันแรกเลยว่ะพี่อินทร์” เจิ้นเสริม นึกแล้วก็หมั่นไส้ตอนเห็นมันหยอดกัน
“กั๊บไผล่ะ”
“ลูกชายร้านผัดไทยอะ โกวบู้” ชาญเกาแก้มแก้เขิน อะไรกัน แค่ได้ยินชื่อหมูบู้เขาก็เขินแล้วเหรอ ความน่ารักนี้ชักจะอันตรายเกินไปแล้ว
“ตกใจเบิด นึกว่าบักฮุน”
“อ้าว พี่รู้จักลูกชายคนเล็กบ้านนั้นด้วยเหรอ?” เจิ้นถามอย่างใคร่รู้ ไม่อยากเชื่อเลยว่าพี่อินทร์จะสนใจอย่างอื่นนอกจากของแดกอีก
“ฮู้ล่ะเนาะ เพิ่นให้ซานมไข่มุกอ้ายกินฟรี ใจดีแฮงลูกซายบ้านเหนี่ย”
“โห... ให้กินฟรีด้วย ไปทำอีท่าไหนวะ” ชาญเลิกคิ้วขึ้น แต่ก็ไม่น่าแปลกใจสักเท่าไหร่ เพราะเขาเคยได้ยินคนในซอยพูดกันอยู่บ่อย ๆ ว่าฮุนแจกชานมฟรีเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว นี่ก็สงสัยว่าจะขายทำไม
“เพิ่นบอกว่าเฮาเป็นตาฮักพะนะ”
“อย่างพี่นี่โดนสิบล้อเหยียบสองรอบก็ไม่น่าเรียกว่าน่ารักได้ปะวะ” เจิ้นขอพูดด้วยความสัตย์จริง กูไม่รู้จะเอียงซ้าย เอนขวา ตีลังกาดูท่าไหนถึงจะมองพี่อินทร์น่ารักได้
“ส่างเถาะ มื้อหน้าอาจสิได้กินผัดไทยฟรี บัดนี้ล่ะมึงเอ้ย กูซำบายยาว ๆ เลย”
“เฮ้ย! จะลงไหนวะ!” เสียงคนขับตะโกนออกมา ทำลายบทสนทนาของชายหนุ่มทั้งสาม ตามด้วยน้องหมวยหมินคนน่ารักที่ลงมาจากเบาะข้างคนขับ พร้อมโบกมือลาพี่อินทร์
“ตั้งใจเรียนเด้ออีหล่าคำแพง”
“ค่ะ เจอกันตอนเย็นนะพี่อินทร์”
หาญกัดฟันกรอด ไอ้กรรมกรนั่นมันอยากทำสงครามใจกลางหมู่บ้านใช่ไหม ถึงได้กล้าเล่นหูเล่นตากับน้องหมวยหมินทั้ง ๆ ที่นั่งอยู่บนซุปเปอร์คาของเขาเนี่ย!!!
“เราจะลงตลาดน่ะหาญ” เจิ้นโผล่หน้าออกไป แม้ว่าคนขับจะถอนหายใจฟึดฟัด แต่เขาก็ยอมกลับเข้าไปขับรถในวินาทีถัดมาอยู่ดี
ชาญขมวดคิ้วแล้วส่งมือถือให้พี่ชายแท้ ๆ ดู หลังจากเขาได้รับรูปที่บู้ส่งมาให้ เพียงครู่เดียวเจิ้นก็ขมวดคิ้วกับภาพถ่ายบนหน้าจอ
“อะไรวะ”
“บู้ถามว่าน่ารักไหม”
“ไอ้ฉิบหาย” เจิ้นคืนมือถือให้น้องชายที่ทำหน้าเครียดประหนึ่งเจอคำถามสุดท้ายในเกมเศรษฐี “แฟนมึงอยากแดกลาบหมาแล้วล่ะกูว่า”
“ใส ๆ ผู้ได๋สิโหย๋ยหมา” อินทร์โผล่หน้าเข้ามากับหัวข้อสนทนาน่าสนใจในเช้านี้ เขาชอบมาก สมัยไปก่อสร้างอยู่สกลนี่เคยเอาคุถังไปแลกบ่อย อร่อยจานโต
“คือ... หมายความว่าผมต้องไปหาหมามาทำลาบให้บู้เหรอวะพี่” ชาญกำลังเจอปัญหาหนัก เขาสบตากับพี่ชายแท้ ๆ ที่กำลังเป็นกังวลกับเมนูหยาบในวันนี้ ไม่ยักรู้เลยว่าบู้จะชอบกินอะไรที่มันลึกซึ้งจนยากหยั่งถึง
“มึงลองถามดี ๆ จะได้ไม่สื่อสารกันผิด ถ้าอยากแดกจริงมานี่มึงต้องเล็งเลยนะ ในซอยมีหมาเยอะ แต่กูไม่แน่ใจว่ามึงหรือหมาที่จะโดนแดกก่อนกัน” เจิ้นวางมือลงบนไหล่ เป็นกำลังใจให้น้องชายที่กำลังงมกับมือถือ
“ลองเอากะคุไปแลกเบิ่ง ท้ายซอยนี่หมาหลายแฮง แต่เห็บทรงสิหลายอยู่ เบิ่งดี ๆ ฮ่าเจ้าของเพิ่นสิแลกนำกะคุ” พี่อินทร์เสนอให้เขาเอาถังพลาสติกไปแลกกับหมาท้ายซอย ถ้าหากว่าเจ้าของไม่อยากเลี้ยงแล้ว แต่นั่นก็ไม่ใช่วิธีที่เข้าท่าสักเท่าไหร่ ชาญเป็นคนเซนซิทีฟเรื่องสัตว์เลี้ยง เพราะฉะนั้นเขาคงโหย๋ยหมาไม่ลง
“เดี๋ยวลองถามบู้ในแชทเฟสก่อน” ชาญถอนหายใจ ก้มหน้าก้มตาจิ้มมือถืออย่างจริงจัง รออยู่ไม่ถึงสองนาทีก็ได้ข้อความตอบกลับมาว่า
“โอเค ผมว่าเราคงไม่ต้องซื้อถังพลาสติกแล้วล่ะ”
TBC
โหย๋ยหมา = ทำเนื้อหมา
ส่วนนี่คือ โสรยา แม่เจิ้นกับชาญ
ความคิดเห็น