คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : CHAPTER 03 :: BADASS
CHAPTER 03
BADASS
“Actions speak louder than words.”
“ทำความเคารพ!”
เสียงรองเท้าคอมแบทชนกันจนเกิดเสียงมาพร้อมเรียวนิ้วที่จรดอยู่กับปลายคิ้ว กระสอบทรายผ้าแกว่งไปมาหลังจากนายทหารหยุดให้ความสนใจกับชายหนุ่มร่างสูงซึ่งกำลังเดินเข้ามาพร้อมหัวหน้าหน่วยสายไอที
ชานยอลตะเบ๊ะตอบรับชายฉกรรจ์เหล่านั้น ก่อนจะมุ่งตรงไปยังห้องโถงกว้างซึ่งมีไว้สำหรับนั่งพักผ่อนหย่อนใจหลังจากสูญเสียเหงื่อไคลไปกับการซ้อมอย่างหนักในแต่ละวัน โซฟาสีดำยาวถูกวางเรียงเป็นตัวยู พร้อมทีวีแอลซีดีขนาดใหญ่ที่ทำได้ทั้งรับข่าวสาร เครื่องเล่นเกม และเป็นวิทยุสื่อสารกับหน่วยอื่น
ทางด้านขวาเป็นห้องกระจกที่มองเห็นอุปกรณ์ต่าง ๆ สำหรับการฝึกซ้อม มันถูกจัดไว้เป็นโซน ตั้งแต่นวมชกมวย ปืนหนัก ปืนเบา มีดพก สนับมือ ทุกอย่างล้วนมีไว้สำหรับฝึกซ้อมเท่านั้น ไปจนถึงอุปกรณ์ปฐมพยาบาล เอาไว้ทำแผลให้พลทหารที่ได้รับบาดเจ็บหลังจากการฝึก
ในนั้นมีชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งเอนตัวพิงกับเก้าอี้ล้อหมุนพลางเหยียดขาไขว้กันบนชั้นบิวท์อิน ทั้งคู่เดินตรงเข้าไปก่อนที่ประตูกระจกจะเลื่อนออกด้วยระบบเซนเซอร์อัตโนมัติหลังจากกรอกรหัสผ่านซึ่งมีเพียงแค่กัปตันปาร์คและคนที่อยู่ด้านในเท่านั้นที่รู้
ชานยอลมองไปยังคนตรงหน้า ผู้ชายหน้าหล่อหุ่นล่ำยังคงง่วนอยู่กับสิ่งของในมือโดยไม่คิดจะให้ความสนใจกับผู้มาใหม่
“หมวด”
“เดี๋ยว”
ชายหนุ่มขยับแว่นซึ่งสรรพคุณไม่ต่างจากกล้องจุลทรรศน์มากนัก ประโยชน์ของมันมีหลายอย่างและไม่ใช่ทุกคนที่จะหาซื้อได้ในเมืองนี้ ดวงตาคู่นั้นยังไม่ละสายออกจากลูกกลม ๆ สีเงินที่อยู่ระหว่างนิ้วชี้และหัวแม่มือ หากมองเผิน ๆ มันดูคล้ายไทเทเนียมแต่ก็ไม่ใช่เสียทีเดียว เขาเป่าลมใส่มันเบา ๆ ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างพอใจ
“สวัสดีครับหมวด” จงแดทำความเคารพอีกคนที่กำลังถอดแว่นออกออกหลังจากเก็บอุปกรณ์เหล่านั้นใส่กล่องใสก่อนจะลุกขึ้นยืน
“ได้ของเล่นใหม่อีกแล้วหรือไง” ชานยอลถามคนตรงหน้าด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ผู้ชายคนนี้ยังคงชอบทำอะไรให้เขาประหลาดใจอยู่เสมอ
“ใช่ คราวนี้ฉันว่ามันต้องเยี่ยมมากแน่ ๆ” อีทงเฮ ผู้ซึ่งเป็นครูฝึกและผู้ควบคุมทุกอย่างในสถานฝึกแห่งนี้ ดีดนิ้วพร้อมรอยยิ้ม
ชายหนุ่มประจำการอยู่ที่นี่มานานโขและได้รับค่าตอบแทนเป็นรายปีอย่างมหาศาล ทงเฮเคยเป็นมือดีในสนามรบเมื่อเจ็ดปีก่อน และเพราะเป็นแนวหน้าเขาจึงได้รับข้อเสนอให้ทำหน้าที่นี้ แต่คนทั่วไปต่างลือกันว่าที่หมวดทงเฮยอมถอยออกมาทั้งที่เป็นพวกบ้าสงครามก็เพราะคนในทีมตายหมดจนไม่มีใจอยากสู้อีก
รุ่นพี่คือคนที่คอยแนะนำชานยอลอยู่เสมอแม้ว่าจะจบมาจากคนละหน่วย จนตอนนี้ยศของเขาแซงหน้าไปแล้วแต่เราก็ยังเหมือนเดิม คนที่สร้างเกียรติให้หน่วย Agility จนเป็นแรงบันดาลใจให้เหล่าเด็กใหม่อยากเดินสายตามนั่นน่ะ อีทงเฮไม่ใช่คนที่จะทิ้งอะไรไปง่าย ๆ ด้วยเหตุผลเหล่านั้น เพราะเจ้าตัวบอกกับเขาเองว่า
‘อยากเอาฝีมือและประสบการณ์ที่มีอยู่แบ่งให้กับพวกเด็กใหม่บ้าง ลำพังแค่หลักสูตรพวกนั้นมันช่วยไม่ได้เสียทีเดียวหรอก’
ใช่ หน้าที่ของหมวดทงเฮคือเทรนด์ฝีมือในด้านต่าง ๆ เป็นหลักสูตรแยกที่ไม่เคยสอนในหน่วยหลักทั้งสาม ซึ่งทหารจะไม่เข้าฝึกส่วนนี้ก็ได้ แต่การฝึกเริ่มเป็นที่นิยมเมื่อมีการพนันเริ่มขึ้น และมันไม่ใช่เรื่องผิดกฎหมาย เมื่อมันสามารถช่วยบำบัดจิตใจพลทหารที่เพิ่งผ่านสนามรบมาได้
“อะไร”
“ของฝากจากกัปตันชางมินน่ะ เขาเพิ่งกลับจากสงครามปาปัวนิวกินี เป็นแร่ธาตุแปลก ๆ ไม่มีชื่อ คาดว่าคงเกิดในยุคที่ปู่ย่าของเรากำลังหอบเป้วิ่งหนีพวกผีดิบทั้งที่ยังมีซากขนมปังขึ้นราอยู่ในปาก อ่า ฉันว่ามันน่าจะเอาไปทำส่วนผสมดินปืนได้ เปรี้ยงปร้างทีมีหัวแบะ”
ท่าทางขี้เล่นมาพร้อมคิ้วที่ยักขึ้นอย่างนึกสนุก ชานยอลกับจงแดไม่ได้แย้งหรือเห็นดีเห็นงาม เมื่อคราวที่แล้วห้องทดลองดินปืนก็ระเบิดเละเทะจนต้องปิดปรับปรุงกันยกใหญ่ไปเป็นเดือน ๆ เพราะฝีมือหมวดทงเฮ
“ผมมาหาเด็กใหม่”
“อ้อ ใช่!” หมวดดีดนิ้วพลางก้มลงหยิบแฟ้มสีดำขึ้นมาแล้วเคาะเบา ๆ “เขารอนายอยู่ในห้องเชือดแล้ว”
“...” ชายหนุ่มหลุบสายตาลงมองแฟ้มในมืออีกคน
“ยังไม่ได้เปิดดูหรอก นายก็รู้ว่าฉันชอบตัดสินคนหลังจบจากสนามมากกว่าให้นั่งอ่านข้อมูลงั่ง ๆ พวกนี้ แต่จากที่เห็นเด็กนั่นกับตา เจ้าเด็กนั่นก็ดูหน้าซื่อ ๆ ตัวก็แค่นี้” ทงเฮยกมือขึ้นวัดกับส่วนสูงตนเอง
เสื้อที่เคยพาดอยู่กับท่อนแขนถูกวางลงบนมือคนข้าง ๆ ชานยอลที่ไม่ได้พูดอะไรอีกหลังจากรู้พิกัด เขาตรงไปเปิดตู้ปืนพกพร้อมเช็กแมกกาซีนก่อนจะสอดลงกับสนับขา ในส่วนปืนในสนามฝึกไม่รุนแรงจนเลือดตกยางออกเท่ากระสุนจริง แต่มันก็ทำให้จุกได้เหมือนกัน
จงแดเพียงแค่มองตามแผ่นหลังกว้างของชายหนุ่มในชุดเสื้อยืดเข้ารูปสีดำกับกางเกงลายพรางพร้อมคอมแบท
“งานนี้จะรอดหรือร่วงนะ...”
“ฉันควรเตรียมอุปกรณ์ทำแผลรอ”
สองหนุ่มยิ้มขำก่อนที่ประตู ‘ห้องเชือด’ จะแยกออกจากกันทันทีที่ชายหนุ่มกรอกรหัสผ่านเรียบร้อย
เสียงรองเท้าบูทกึกก้องไปทั่วห้องสลัว ซึ่งมีเพียงแค่แสงสว่างจากหลอดไฟสีส้มตรงกลางเท่านั้นที่ทำให้มองเห็นกระสอบทรายตั้งพื้น แป้นพันชิ่งบอล แป้นบาสเกตบอลซึ่งอยู่สุดสายตา และกองเชือกที่ห้อยลงมาจากเพดาน มันยังผูกค้างไว้หลังจากช่างขึ้นไปทำสีเมื่อวันที่แล้ว
ห้องนี้เคยเป็นสนามบาสก่อนจะกลายเป็นสถานที่รับน้องใหม่ และตรงนี้ก็ไม่ต่างจากด้านนอกมากนัก สำหรับอุปกรณ์ที่มีไว้ให้เด็กใหม่ใช้สู้กับว่าที่หัวหน้าทีม ซึ่งส่วนใหญ่ใช้มันไว้ช่วยเอาตัวรอดเสียมากกว่า
คิ้วทั้งสองข้างขมวดมุ่นเมื่อไม่เห็นใครอีกคนที่ควรรออยู่ในนี้ ทุกอย่างโดยรอบเงียบสงบไม่มีแม้แต่เสียงรองเท้าคู่อื่น ชายหนุ่มกวาดสายตาไปโดยรอบ หากว่าเด็กใหม่แอบงีบอยู่ที่ไหนสักแห่งระหว่างรอเขาก็อาจจะไม่หักคะแนนความพึงพอใจก็ได้ แต่จะว่าอย่างนั้นก็ไม่ใช่ ในเมื่อปาร์คชานยอลค่อนข้างมั่นใจว่ามาตรงต่อเวลา และเด็กนั่นก็ไม่ควรหายไปไหนระหว่างรอเขามาที่นี่
“...”
ไม่มี... บนโต๊ะเหล็กยาวหรือบนแสตนด์ด้านข้างก็ไม่มี ปาร์คชานยอลไม่ใช่คนชอบเสียเวลาไปกับการรอหากอีกฝ่ายไม่ใช่ศัตรู ถ้านับหนึ่งคือหนึ่ง สองคือสอง เพราะฉะนั้นในนาทีที่สูญเสียไปมันไม่ใช่เรื่องสบอารมณ์สำหรับเขานัก
“วิ่งหนีหางจุกตูดกลับหน่วยไปแล้วหรือไง” จริงอยู่ที่ใคร ๆ ต่างก็รู้ดีว่าทีมมิเนอร์วาวันค่อนข้างโหดเรื่องการรับเด็กใหม่ ถ้าเทียบกับทีมอื่น ๆ ที่เพียงแค่โชว์ทักษะฝีมือให้ดูก็รับเข้าได้ง่าย ๆ เพราะจากข้อมูลที่ทางหน่วยให้มามันก็เป็นสิ่งที่น่าเชื่อถือได้ว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะสอบผ่านในระดับนั้น ๆ
แต่เพียงชั่วครู่เดียวที่กัปตันหนุ่มนึกถอดใจจนเกือบหันหลังให้กับการรับเด็กใหม่แล้วออกไปปฏิเสธรุ่นพี่ทงเฮว่าจะไม่รับเด็กไม่ตรงต่อเวลาอย่างนี้ ลูกบาสสีดำก็ตกลงมาจากที่สูงตามด้วยร่างของใครคนหนึ่งซึ่งกระโดดมาจากแท่นด้านบนเหนือศีรษะเขาก่อนจะม้วนตัวไปกับพื้นและลุกขึ้นยืนได้ราวกับว่ามันเป็นเรื่องปกติ
เด็กส่วนสูงต่ำกว่ามาตรฐานทหารในชุดลายพรางวิ่งไปเก็บลูกบาสก่อนจะหยุดชะงักทันทีที่หันหลังกลับมา ทั้งคู่สบตากันนิ่งท่ามกลางความเงียบในห้องเชือด เด็กหนุ่มคิดว่าแววตาคู่นั้นคงไม่สบอารมณ์นัก เขาจึงวางลูกบาสลงแล้วดึงหูฟังสีแดงดำออกก่อนจะตะเบ๊ะทำความเคารพ
“ผม บยอนแบคฮยอน จากหน่วย Agility ครับ!” น้ำเสียงหนักแน่นแต่ก็ยังดูเหลาะแหละอยู่ดี ชานยอลก้าวเข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้าอีกคนพร้อมกอดอกพินิจตั้งแต่หัวจรดเท้า เขาเห็นว่าดวงตาคู่นั้นล่อกแล่กเพราะความกลัว
“ขึ้นไปห้อยโหนอะไรอยู่บนนั้น?”
“ผมเล่นบาสระหว่างรอ แต่ชู้ตพลาดเลยขึ้นไปเก็บมันลงมาครับ!” ร่างสูงถอนหายใจกับคำตอบที่ตะเบ็งเสียงเสียหนักแน่นอย่างมั่นใจ จากสิ่งที่เด็กคนนี้เป็นมันทำให้หน้าลูกทีมอีกคนลอยเข้ามาในหัวเขาอย่างห้ามไม่ได้ พวกเด็กจาก Agility นี่เป็นลิงเป็นค่างกันทุกคนเลยหรือไงกัน?
“เข้าฝึกตั้งแต่อายุเท่าไหร่”
“เจ็ดขวบครับ!”
“แล้วตอนนี้?”
“ยี่สิบเอ็ดครับ!”
“สายตาสั้นหรือเปล่า?”
“วัดครั้งล่าสุดปกติดีครับ!”
“ยิงเป้านิ่งได้กี่คะแนน?”
“เต็มร้อยครับ!”
“ภาคสนามล่ะ?”
“เก้าสิบห้าครับ!”
“รู้ใช่ไหมว่าทำได้แย่มาก?”
“ผมจะเข้าฝึกภาคสนามทุกวันตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปครับ!”
“มีเพื่อนสนิทหรือเปล่า?” ชานยอลยังคงยิงคำถามใส่อีกฝ่ายไม่หยุด
“มีครับ!”
“กี่คน?”
“คนเดียวครับ!”
“ทำไมมีแค่นั้น ตอนอยู่ในหน่วยคุณทำตัวมีปัญหาหรือไง?”
“ผมคิดว่าเราทุกคนล้วนแต่มีปัญหาในแบบของตัวเองครับ!”
“อย่างเช่น?”
“ปัญหาแรกของผมคือ ผมเอาชนะรุ่นพี่บนเวทีประลองครับ!”
“อะไรที่ทำให้คุณคิดว่านั่นคือปัญหาของคุณตอนอยู่หน่วย Agility?”
“ผมใช้ Krav Maga ครับ!”
“...”
เป็นคำตอบแรกที่ทำให้กัปตันหนุ่มหยุดกราดยิงคำถาม ชานยอลสบตากับอีกคนที่ยังคงยืนตรงด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไม่หลงเหลือท่าทีล่อกแล่กอย่างเช่นก่อนหน้านี้
กับหลักสูตรป้องกันตัวที่เรียกว่าคราฟมากา ซึ่งเขาได้มีโอกาสฝึกมันตอนจบจากหน่วย Strength ใหม่ ๆ และน้อยคนที่จะสนใจกับทักษะเหล่านี้ เพราะคนส่วนใหญ่มักจะเชื่อว่าคาราเต้กับมวยสากลมักเห็นผลได้ดีกว่า
แต่คราฟมากาเป็นการต่อสู้ที่เน้นความเร็ว ซึ่งต้องดูจังหวะให้ดี อาทิการจิ้มตา ล็อกตัวทุ่มลงพื้น รวมไปถึงการทำให้ศัตรูเสียหลักแล้วอัดซ้ำ ๆ จนกว่าอีกฝ่ายจะหมดสภาวะการต่อสู้
“ไม่ยักรู้ว่ามีหลักสูตรนั้นระหว่างอยู่ในหน่วยด้วย”
“มันไม่มีสอนครับ!”
“ถ้าไม่ แล้วคุณเรียนมันมาจากไหน?”
“ผมจำมาครับ!”
“...?”
“ตอนนั้นผมอายุสิบห้า ช่วงเวลาที่ครูฝึกปล่อยเด็กไปพักผ่อนหนึ่งชั่วโมง ผมจะไปยืนเกาะหน้ากระจกเพื่อดูพวกเขาดูถ่ายทอดสดการต่อสู้ของนายทหารจากที่นี่” แบคฮยอนชี้นิ้วลงบนพื้น “ครั้งแรกดูเพราะสนุก แต่ครั้งต่อไปผมก็เริ่มจำไปฝึกเอง”
“...”
“ผมจำไม่ได้ทั้งหมด แต่การเอาชนะรุ่นพี่ได้ในครั้งนั้นทำให้ผมถูกขังอยู่ในห้องมืดสามวัน โทษฐานเรียนเกินหลักสูตรด้วยตัวเองครับ!”
คำตอบและเหตุผลนั่นทำให้กัปตันหนุ่มเกือบหลุดหัวเราะออกมา แต่เชื่อเถอะว่าตอนนี้เขายังคงส่งสายตาจริงจังไปยังอีกฝ่ายเพื่อข่มให้เกรงกลัว ตอนนี้สิ่งที่ปาร์คชานยอลได้รู้เป็นข้อที่สองรองจากการเป็นลิงเป็นค่างของอีกฝ่ายก็คือ...
เจ้าเด็กนี่ค่อนข้างใฝ่รู้พอสมควรเลยทีเดียว
“รู้จักทีมมิเนอร์วาแล้วใช่ไหม?”
“ผมทราบครับ!”
“ไม่ว่าจะในสนามจริงหรือสนามซ้อม ผมจริงจังเสมอ”
“ครับ!”
“ถ้าพลาดคือตายสถานเดียว ผมไม่ใช่พี่เลี้ยงที่ต้องวิ่งตามเด็กในสนามรบได้”
“เรื่องนั้นผมทราบดีครับกัปตัน!”
“ถึงประวัติของคุณจะออกมาดีกว่าเด็กฝึกคนอื่น ๆ แต่ก็ใช่ว่าผมจะรับเข้าเพราะเหตุผลนั้น”
“ครับผม!” เด็กหนุ่มตะเบ๊ะ
“ถ้าคุณผ่าน ผมจะให้คุณสังกัดมิเนอร์วาทรี” กัปตันหนุ่มชูสามนิ้วขึ้นมา “แต่ก่อนอื่น คุณต้องแสดงความสามารถให้ผมเห็นเสียก่อน”
ทั้งคู่สบตากันอย่างหยั่งเชิง ก่อนที่คนตัวสูงจะเป็นฝ่ายเปิดสนามด้วยการใช้สองมือผลักอกอีกคนออกอย่างแรงด้วยทักษะคราฟมากา ซึ่งมันเป็นท่าที่จะทำให้ศัตรูตกใจและเสียการทรงตัว ซึ่งมันก็เป็นอย่างนั้นแต่ไม่ใช่ทั้งหมด เมื่ออีกฝ่ายตีลังกากลับหลังสองตลบและยืนตั้งหลังพร้อมกำสองมือแน่น
“ใช้ได้นี่”
“เอางี้เลย...” คนตัวเล็กพึมพำ พลางขยับฝีเท้าไปทางขวาเมื่ออีกฝ่ายตั้งการ์ดเตรียมพร้อมที่จะเล่นงานเขาแล้วเหมือนกัน
แบคฮยอนรู้ดีว่าฝีมือของกัปตันปาร์คเก่งกาจแค่ไหน ทั้งจากคำร่ำลือและได้เห็นกับตาผ่านการถ่ายทอดสดเมื่ออีกฝ่ายลงสนาม ตอนนั้นคู่ต่อสู้สะบักสะบอมจนทหารสองนายต้องเข้าไปหิ้วปีกลงมาจากเวที โดยที่กัปตันปาร์คเพียงแค่ปากแตกนิดหน่อยเท่านั้น
คราวนี้มันถึงตาของเขาแล้วสินะ
เด็กหนุ่มเลือกที่จะเปิดก่อนด้วยหมัดในจังหวะที่คิดว่าเหมาะสมแล้ว แต่สิ่งเดียวที่เขารับรู้ได้ก็คือลมซึ่งวืดผ่านไป เมื่ออีกฝ่ายเบี่ยงตัวหลบพร้อมใช้มือซ้ายปัดท่อนแขนของเขา ก่อนจะรัวซัดหมัดสวนกลับมาอย่างแรง
แบคฮยอนเสียหลักเซถอยหลังไปหลายก้าว เขาส่ายหน้าไล่ความมึนงงก่อนจะเห็นว่าอีกฝ่ายได้ทิ้งช่วงปล่อยให้เขาได้ตั้งสติโดยที่ไม่เข้ามาซ้ำเอาให้หมอบทั้งที่มีจังหวะ รอยยิ้มที่แต่งแต้มบนใบหน้าคนประสบการณ์มากกว่านั้นน่าหัวเสียเป็นบ้า
กัปตันปาร์คเลือกใช้คราฟมากากับเขา
นาทีนี้แบคฮยอนรู้แล้วว่าเขาเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างเป็นทางการ หลังจากลองเชิงอีกฝ่ายด้วยหมัดแรกซึ่งจั่วลมไปอย่างสวยงาม เด็กหนุ่มถูปลายจมูกแล้วกลับมากำหมัดตั้งการ์ด ขณะที่สายตายังคงไม่ละออกห่างจากคนตัวสูง
ผ่านไปหลายวินาที ชานยอลเห็นว่าอีกฝ่ายเลือกที่จะเป็นฝ่ายตั้งรับเขาจึงตรงเข้าไปเตรียมสั่งสอนให้เด็กคนนี้รู้ว่าคราฟมากาของแท้ที่ไม่ปะปนกับมวยสากลเป็นยังไง แต่พอปล่อยหมัดออกไปคนตัวเล็กก็เอี้ยวหลบด้วยท่าเดียวกับเขาเมื่อครู่ หากแต่เจ้าตัวเลือกที่จะไม่สวนกลับ
ชายหนุ่มหยุดยืนอยู่กับที่พลางถอนหายใจกลั้วหัวเราะ ที่ยิ่งกว่านั้นก็คือ บยอนแบคฮยอนไม่คิดจะหาจังหวะเอาคืนแม้ว่าเขาจะยืนหันหลังให้อย่างนี้
เจ้าเด็กนี่กำลังกวนประสาทเขาอยู่งั้นเหรอ?
“กัปตันตัวใหญ่จังเลยครับ”
“ถ้าออกไปเจอโลกภายนอก คุณจะรู้เองว่าไม่ใช่คนอื่นที่ตัวใหญ่” ชานยอลพลิกตัวกลับเข้าหาอีกฝ่าย สบตากันเป็นการประกาศศึก
แบคฮยอนคิดว่าอีกฝ่ายคงไม่ตลกแล้ว เมื่อแววตาคู่นั้นเหมือนกำลังจะบอกว่า ‘ระวังตัวไว้ให้ดีเถอะไอ้หนู’ เด็กหนุ่มย่ำเท้า โยกตัวหลบหมัดที่อีกคนแกล้งลองเชิงชกมาเบา ๆ ก่อนจะหน้าหงายเมื่ออีกฝ่ายใช้ท้องมือเสยปลายคางเขา แล้วจับทุ่มลงพื้นในวินาทีถัดมา
“แต่เป็นเพราะคุณตัวเท่าพริกขี้หนูเองต่างหาก”
ทั้งคู่สบตากันในระยะใกล้ แบคฮยอนปัดท่อนแขนแกร่งออกก่อนจะม้วนตัวออกมายืนตั้งหลักอีกครั้ง การต่อสู้เพื่อวัดฝีมือเริ่มต้นในอีกไม่กี่วินาทีถัดมา พลาดบ้าง เอาคืนได้บ้าง แต่โดยรวมแล้วบยอนแบคฮยอนยังอ่อนหัดนักเมื่อเทียบกับคนที่มีประสบการณ์มากกว่า
ชานยอลมองตามคนตัวเล็กที่ปีนป้ายขึ้นไปบนแป้นบาสได้อย่างง่ายดาย เด็กนั่นใช้นิ้วมือปาดคราบเลือดออกตามมุมปากแล้วซี๊ดเบา ๆ ซึ่งกัปตันหนุ่มไม่ได้ใจร้ายเร่งเร้าเรียกให้ลูกลิงลงมา มันคงไม่แย่สักเท่าไหร่ถ้าให้เด็กใหม่มีโอกาสได้ตั้งหลัก
“วิธีนั้นอาจจะทำให้คุณวิ่งหนีคู่ต่อสู้ได้ แต่มันวิ่งหนีไอ้นี่ไม่ได้” ชายหนุ่มชักปืนพกออกมาแล้วเล็งไปยังเด็กหนุ่มที่อยู่ด้านบน
แบคฮยอนเบิกตากว้างอย่างตกใจ ขยับปากยกมือขึ้นเตรียมจะห้ามอีกฝ่ายแต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว เด็กหนุ่มกระโดดข้ามไปเกาะสันผนังที่อยู่ด้านข้าง ก่อนจะใช้สองมือดันร่างตนเองขึ้นไปบนนั้น
“Run boy run.”
กระสุนเฉียดร่างเขาไปเพียงแค่นิดเดียวเท่านั้น แบคฮยอนไม่รู้ว่าสกิลตนเองดีหรืออีกฝ่ายแค่ตั้งใจยิงพลาดกันแน่เขาจึงได้มีโอกาสวิ่งปีนป่ายไปจนเกือบครึ่งรอบห้องนี้
เหมือนว่าอีกฝ่ายรู้เด็กหนุ่มกำลังคิดอะไรอยู่ กระสุนที่ถูกเหนี่ยวไกออกมาถึงได้ปักลงกับต้นขาเขาจนตกลงจากที่สูงแล้วกลิ้งไปตามพื้นเย็นในที่สุด แบคฮยอนอ้าปากค้างงอตัวเป็นกุ้ง จับต้นขาที่รู้สึกชาวาบไปหมด
เด็กหนุ่มพยายามยืดตัวขึ้นมองสิ่งที่สร้างความเจ็บปวดให้กับเขา เคยได้ยินมาว่าไอ้กระสุนคล้ายเข็มฉีดยาซึ่งมีแสงไฟสีฟ้ากระพริบเป็นจังหวะนี่สร้างความเจ็บปวดให้เหมือนกับถูกยิงจริง ๆ แต่จะหายเร็วกว่า
“อ๊า!” กัดฟันดึงมันออกแล้วเขวี้ยงทิ้งไปให้พ้นทางก่อนจะเห็นคอมแบทสีดำที่ก้าวมาหยุดอยู่ตรงระดับสายตาของเขา
“แค่นี้ปาร์กัวร์ที่คุณเรียนมาตลอดหลายปีก็ไร้ค่าแล้ว”
เด็กหนุ่มกัดฟันกรอด ดีดตัวลุกขึ้นยืนแล้วเตะตัดขาอีกฝ่ายโดยไม่ปล่อยให้ได้ตั้งตัว คนยศสูงกว่าหงายหลังกระแทกพื้นอย่างแรง นิ่วหน้าเจ็บกับสิ่งที่เด็กใหม่มอบให้ ก่อนที่เขาจะดีดตัวลุกขึ้นยืนโดยไม่ใช้มือ
“ผมไม่ได้เรียนมาแค่ปากัวร์”
“So?”
“คนจริงเขาไม่พูดกันหรอกกัปตัน”
การต่อสู้เริ่มต้นอีกครั้ง แม้ว่าอีกฝ่ายจะเจ็บขาซ้ายแต่เจ้าตัวก็ยังมีความพยายามเพื่อเอาชนะ กระทั่งฤทธิ์ของกระสุนไฟฟ้าจางหายไป
ไม่คิดว่าบยอนแบคฮยอนจะใช้มุกจิ้มตาแล้วรัวหมัดใส่เขาไม่ยั้ง ไหนจะวิ่งไต่กำแพงแล้วตีลังกากลับมาอยู่ข้างหลังก่อนจะจัดการเขาด้วยวิธีอื่นที่ไม่ใช่คราฟมากา เด็กนี่แสบใช่เล่น เห็นทีว่าควรจะเอาจริงสักที
คนตัวเล็กกระโดดลงมาด้านล่างอีกครั้งพร้อมโรลหมุนตัวไปกับพื้นเพื่อลดแรงเสียดทาน เขาได้เปรียบกัปตันทีมตรงที่มีทักษะปาร์กัวร์ แต่มันก็ใช้ได้ไม่ดีนักในช่วงเวลาที่จำเป็นต้องสู้ และอีกฝ่ายก็แสดงให้เห็นแล้ว
การต่อสู้ยังไม่หยุดเพียงเท่านี้ ทั้งคู่ยังคงแลกหมัดกันอย่างต่อเนื่อง พลาดบ้าง โดนบ้าง จนกระทั่งแบคฮยอนเสียหลักถูกล็อกคอจากข้างหลัง เขารู้สึกได้ถึงแรงบีบจากท่อนแขนแกร่ง ขาทั้งสองข้างแทบลอยขึ้นจากพื้นแต่ก็ยังพยายามดิ้นให้หลุดออก
“...อั่ก!”
“พริกขี้หนู”
เขาไม่คิดว่ามันคือคำสบประมาท แต่ถ้าหากกัปตันปาร์คคิดอย่างนั้นล่ะก็... บยอนแบคฮยอนจะทำให้เห็นเองว่าเล็กพริกขี้หนูเป็นยังไง
“...!!!”
ชายหนุ่มเซถอยหลังไปหลายก้าวทันทีที่ถูกเด็กใหม่ตัวแสบเฮดบัดเข้าอย่างจัง ชานยอลส่ายหัวไล่ความมึนงง ก่อนจะเห็นอีกฝ่ายยืนหอบหายใจหนักอยู่ห่างจากตรงนี้ประมาณสามช่วงแขน
“กัปตันครับ”
“...”
“รู้หรือยังว่าพริกมันเผ็ด”
ทั้งคู่สบตากันอย่างหยั่งเชิง ชานยอลค่อย ๆ หลุบสายตาลงก่อนจะรู้สึกได้ถึงเลือดที่ไหลออกมาทางจมูก ร่างสูงถอนหายใจแล้วปล่อยให้ตนเองและอีกฝ่ายได้พักหายใจสักหน่อย จากสภาพตอนนี้ บยอนแบคฮยอนก็สะบักสะบอมเอาเรื่องเหมือนกัน แต่เลือดที่ไหลออกมาทางจมูกเขานั้น...
ไม่เคยมีเด็กใหม่คนไหนทำได้มาก่อน
“งั้นขึ้นไปเผ็ดข้างบนก่อนแล้วกัน”
เด็กหนุ่มเบิกตากว้างอย่างตกใจเมื่อร่างของเขาลอยขึ้นไปทันทีที่กัปตันหนุ่มกระตุกเชือก แบคฮยอนห้อยหัวต่องแต่งอยู่บนกลางอากาศ มองร่างกลับหัวของอีกคนที่ยืนปาดคราบเลือดออกราวกับโลกคู่ขนาน บ้าเอ๊ย! ไม่รู้ตัวเลยว่าข้อเท้าถูกพันไว้ด้วยเชือกตั้งแต่เมื่อไหร่
“กัปตันจะไปไหนครับ?!”
“ถ้าลงมาได้ ผมจะรับคุณเข้าทีม”
“ดะ-- เดี๋ยวสิกัปตัน!”
ชายหนุ่มมองคราบเลือดบนหลังมือขณะเดินออกไปด้านนอก ทงเฮกับจงแดเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ เมื่อเห็นริ้วรอยบนใบหน้ากัปตันหนุ่มอีกทั้งเลือดที่ไหลออกมาจากจมูกนั่นอีก
“โว้ว!”
“นี่สำลีครับกัปตัน” จงแดรีบยื่นอุปกรณ์ปฐมพยาบาลให้คนตัวสูงที่หยัดตัวนั่งลงบนชั้นบิวท์อิน
“เด็กนั่นแสบชะมัด”
“ก็คิดงั้นเหมือนกัน เห็นเข้าไปตั้งนานสองนานไม่ยอมออกมาสักที นี่เกือบโทรจองหลุมศพในสุสานให้แล้ว” ทงเฮพูดกลั้วหัวเราะ
“เป็นไงบ้างครับ เด็กคนนั้นพอเข้าตาบ้างไหม?” คนถูกถามนิ่งไปครู่หนึ่ง ทั้งคู่เห็นว่ากัปตันปาร์คกำลังใช้ความคิดหลังจากจบการทดสอบมา
“Badass”
“ฮ่า ๆ” ทงเฮหัวเราะร่า
“แบบนี้แสดงว่ารับแล้ว” จงแดถอนหายใจ “แล้วเขาไม่ออกมาพร้อมกัปตันเหรอครับ?”
“นั่นสิ หรือว่านายเล่นเขาจนหมอบ” คนเป็นรุ่นพี่ถามพลางชะเง้อหน้ามองไปยังประตูที่เปิดค้างไว้ ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นเมื่ออยู่ ๆ ชานยอลก็จากห้องกระจกแล้วตรงไปยังห้องเชือดอีกครั้ง
ปาร์คชานยอลไม่ใช่คนใจดีนัก แต่เขาก็ไม่อยากให้เด็กใหม่อาการสาหัสตั้งแต่วันแรก เพราะจากสภาพที่เห็น เขาไม่ควรปล่อยให้บยอนแบคฮยอนห้อยหัวอยู่ตรงนั้นนานเกินไป อย่างน้อยก็ควรปล่อยลงมาให้ไปทำแผลเอง
แต่ขายาวก็ลดจังหวะลงก่อนจะหยุดอยู่กับที่ นัยน์ตาคมมองไปยังเบื้องหน้าก่อนจะพบว่าเชือกเส้นนั้นไม่มีใครห้อยอยู่แล้ว เขากวาดสายตาไปโดยรอบ ก่อนจะหันไปด้านหลังเพื่อดูว่าเจ้าเด็กนั่นขึ้นไปห้อยโหนข้างบนอีกหรือเปล่า ร่างสูงหลุดหัวเราะออกมาพลางส่ายหน้ากับความแสบของเด็กใหม่ในวันนี้
ให้ตายสิ... เจ้าเด็กพริกขี้หนูนั่นหาทางหนีไปจนได้
ชายหนุ่มจอดรถและไม่ลืมที่จะกดรีโมทล็อก เขาตรงไปยังตึกสูงสีเงินที่อยู่เบื้องหน้า กำกับไว้ด้านบนของประตูทางเข้าว่า AGILITY TRAINING ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เขามีธุระกับที่นี่มากกว่าการมาชวนครูฝึกออกไปดื่มกาแฟในเมือง
จนถึงตอนนี้ปาร์คชานยอลก็ยังบอกกับตัวเองว่าเขาเป็นคนมีความอดทนน้อย โดยเฉพาะเรื่องหน้าที่และการลำดับความสำคัญในแต่ละอย่าง แต่สิ่งหนึ่งที่เขาไม่รู้ก็คือ เจ้าเด็กพริกขี้หนูหายไปไหน?
“เฮ้ มิสเตอร์คลินท์!” เจ้าของชื่อลดจังหวะฝีเท้าพลางหรี่ตามองไปยังชายร่างสูงซึ่งกำลังตรงมาทางนี้
“ชานยอล หน้าคุณ?”
“ฝีมือเด็กของคุณไงล่ะ แสบใช่เล่นเลยนะ”
“อ้อ นั่นสินะ ใช่ เด็กของผม” ชายต่างชาติวัยกลางคนหัวเราะพลางกลอกตาล่อกแล่กจนผิดสังเกต แต่ถึงอย่างนั้นชานยอลก็ไม่ได้ยิงคำถามออกไป
“ว่าแต่คุณจะออกไปไหน?”
“อ๋อ ผมน่ะเหรอ?” ชายหนุ่มหันไปมองรถครอบครัวด้านหลังแล้วหันกลับมายิ้มเจื่อน
“คุณคงรู้ใช่ไหมว่าผมมาที่นี่ด้วยสภาพแบบนี้เพราะอะไร?” กัปตันหนุ่มชี้ปลายจมูกตนเอง ซึ่งชาวต่างชาติก็แค่ยิ้มโง่ ๆ เป็นคำตอบ “เขาอยู่ไหน?”
“อ่า-- เรื่องนั้น”
“เขากำลังจะเข้าทีมมิเนอร์วา สิ่งที่เขาควรทำหลังจากเทรนด์เสร็จคือรอฟังผลจากปากผมผู้ซึ่งเป็นกัปตันทีม มิสเตอร์คลินท์ คุณพอจะจินตนาการออกไหมว่าผมจะรู้สึกยังไงตอนที่เห็นว่าเด็กคนนั้นหายตัวไปในขณะที่เลือดกำเดาไหลอยู่หลายนาที?”
“คือ”
“ผมไม่ได้มาหาเรื่อง แต่ผมแค่สงสัยว่าเขาหายตัวไปไหน?”
ชายวัยกลางคนรู้สึกเหมือนน้ำลายกำลังท่วมปาก เขาลำบากใจเหลือเกินกับการที่ต้องพูดมันในขณะที่อีกฝ่ายกำลังยืนมองด้วยสายตากดดันอย่างนี้
“...?”
“แบคฮยอนเขา...”
โรงพยาบาลใหญ่ใจกลางเมืองถูกแบ่งออกเป็นสามส่วน ซึ่งคนใหญ่คนโตในประเทศจะได้รับการบริการเป็นอย่างดีในโซนด้านบนสุดของตัวตึกสูง ส่วนทหาร ดารา บุคคลสำคัญจะอยู่ส่วนกลาง และด้านล่างเป็นของพลเรือนทั่วไป
ประตูอัตโมติเปิดออกหลังจากที่ชายหนุ่มก้าวเข้ามา นัยน์ตากวาดมองไปโดยรอบเพื่อหาต้นเหตุของความวุ่นวายในวันนี้ เขามาที่นี่ด้วยชุดลำลองมากกว่าจะใส่ชุดเต็มยศเพื่อให้พลเรือนมองตาม
หลังได้ฟังเรื่องราวจากปากมิสเตอร์คลินท์ ครูสอนปาร์กัวร์ที่รู้จักเด็กคนนั้นเป็นอย่างดี ชานยอลก็ได้แต่คิดว่าความจริงแล้วบยอนแบคฮยอนเป็นเด็กแบบไหนกัน?
โทสะเล็ก ๆ ยังคุกรุ่นอยู่ในหัวกัปตันหนุ่มผู้รำคาญความยุ่งยาก เขามักจะทำให้ทุกอย่างลงล็อกเสมอแต่บยอนแบคฮยอนกำลังทำในสิ่งที่เขาไม่ชอบ แม้ว่าเจ้าเด็กนั่นจะมีเซนส์เรื่องการต่อสู้ตั้งแต่อายุยังน้อยก็ตาม
ทั้งคนปกติและคนเจ็บต่างเดินผ่านไป ชายหนุ่มหยุดฝีเท้าเมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มในชุดทหารนั่งก้มหน้าอยู่บนเก้าอี้เยื้องห้องฉุกเฉิน โดยมีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งคุกเข่าอยู่บนพื้น ซบหน้าลงกับต้นขาพร้อมกุมมือเด็กคนนั้นเอาไว้
“อย่าทำแบบนี้อีกนะแบคฮยอน แม่ขอร้อง อย่าทำ...”
‘ตอนนี้แบคฮยอนอยู่ที่โงพยาบาล แม่เขาโทรมาบอกว่าพ่อเลี้ยงเมายาแล้วทำร้ายเธอ เจ้าเด็กนั่นก็เลยรีบกลับไปที่บ้าน...’
“ลูกเพิ่งจบจากการฝึก มันจะพังอนาคตลูกนะ”
เสียงของผู้หญิงคนนั้นสั่นเครือ เธอเงยหน้าขึ้นโอบแก้มเด็กหนุ่มอย่างอ่อนโยน พร้อมเกลี่ยปอยผมออกจากดวงหน้าที่มีรอยแผลอยู่เล็กน้อย
พอลดระดับสายตาลงไปก็พบกับมือขวาที่ถูกพันรอบด้วยผ้าก๊อซ ทั้งคู่ค่อย ๆ หันมาทางนี้ก่อนที่คนเป็นแม่จะรีบหยัดตัวลุกขึ้นโค้งหัวเคารพเขา
“ค-- คุณกัปตัน”
“...”
“แบคฮยอน ลุกขึ้นมาทำความเคารพเจ้านายสิลูก” คนเป็นแม่คว้าแขนลูกชายที่ดูเหมือนว่าจะเจ็บหนักเอาเรื่อง ซึ่งคาดว่าคงไม่ได้เกิดเพราะการต่อสู้กับพ่อเลี้ยงตามที่มิสเตอร์คลินท์เล่าให้ฟัง แต่มันคงมาจากตอนที่เขาทั้งคู่ทดสอบฝีมือกันในห้องเชือด
“ไม่เป็นไร นั่งลงเถอะ”
“คุณกัปตันจะมาจับลูกฉันเข้าคุกทหารเหรอคะ?”
ชานยอลสบตากับเธออยู่ชั่วอึดใจ ก่อนจะชำเลืองมองไปยังใครอีกคนที่ไม่สนใจจะเงยหน้าขึ้นมามองเขาเลยสักนิด
[ จางซูอึน ติดต่อชำระค่ารักษาที่หน้าเคาน์เตอร์ด้วยค่ะ ]
เสียงออกมาจากอุปกรณ์ในกระเป๋าเสื้อของหญิงวัยกลางคน แสงสีเขียวกระพริบเป็นสัญญาณบอกให้รีบไปจัดการก่อนที่คิวถัดไปจะเริ่มถ้าเธอยังไม่ไปยังจุดชำระค่ารักษาตอนนี้ หญิงวัยกลางคนหันมาส่งสายตาขอความเห็นใจ ซึ่งชานยอลก็พยักหน้าส่ง ๆ เป็นเชิงบอกให้เธอไปจัดการทุกอย่างก่อน คนเป็นแม่ก้มลงพูดกับลูกชายเบา ๆ พอให้ได้ยินกันแค่สองคน แบคฮยอนเพียงแค่พยักหน้าช้า ๆ เป็นคำตอบ ซึ่งเขาก็ไม่รู้ว่าสองแม่ลูกคุยอะไรกัน
เธอละมือออกแล้วหันมาโค้งหัวลาชายหนุ่มผู้ซึ่งเป็นที่รู้จักดีในประเทศนี้
“มาเพื่อบอกว่าผมทดสอบไม่ผ่านเหรอ”
“...”
“หรือว่ามาจับขึ้นศาลทหาร ผมต้องรีบไปขึ้นรถหรือเปล่า”
ชายหนุ่มมองศีรษะทุยที่เอาแต่ก้มหน้าพูดกับเขา ชานยอลล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อแจ็คเก็ตพลางหันไปมองทางเดินยาวสีขาวสว่างของโรงพยาบาล ทิ้งจังหวะให้เสียงรองเท้าทำลายความเงียบ ก่อนจะหยัดตัวนั่งลงข้าง ๆ เด็กใหม่
“คุณรู้ว่าถ้าทำแบบนี้แล้วจะตัดอนาคตตัวเอง แต่ทำไมถึงยังทำ?”
“เพราะที่ฝึกมาจนถึงวันนี้ ผมไม่ได้ฝึกเพื่อเอาไปใช้กับพวกข้างนอกอย่างเดียว” ชายหนุ่มมองเสี้ยวหน้าของอีกฝ่ายที่เงียบไปครู่หนึ่ง “ที่ผู้ชายคนนั้นเจอมันยังน้อยไป”
บยอนแบคฮยอนทำให้เขานึกถึงตอนกลางวันและตอนกลางคืน เมื่อตอนที่อยู่ในห้องเชือด เด็กคนนี้เปรียบเหมือนแสงแดด ดูไม่มีเล่ห์เหลี่ยม มีความขวนขวาย ใฝ่รู้ ซึ่งมันจะทำให้ไปได้ไกลถ้าเจ้าตัวพยายามอย่างนี้
แต่นาทีนี้บยอนแบคฮยอนเปรียบเหมือนตอนกลางคืน มืดมิด หม่นมอง ราวกับถูกสีดำกลืนกิน แน่นอนว่าเขาไม่สามารถรับรู้เบื้องหลัง ความเป็นมาของเด็กคนนี้ได้ด้วยเวลาไม่ถึงห้านาทีที่มิสเตอร์คลินท์เล่าให้ฟัง แต่สิ่งหนึ่งที่เขารู้ก็คือ บยอนแบคฮยอนเป็นเด็กที่น่าสนใจจนน่าเสียดายถ้าหากต้องถูกส่งเข้าศาลทหารเพื่อรับโทษจองจำทั้งที่ฝีมือดีขนาดนี้
“ผมไม่เคยมีความคิดอยากเป็นทหารมาก่อน ตอนนั้นเด็กอายุเจ็ดขวบคิดแค่ว่าจะทำยังไงแม่ถึงจะไม่ถูกผู้ชายคนนั้นซ้อม ต้องทำยังไงแม่ถึงจะมีความสุข”
“...”
“สิ่งที่ผมได้ยินทุกวันคือเสียงสะอื้นของแม่ เธอกอดผมเอาไว้ ตอนที่ผู้ชายคนนั้นเมายาแล้วหันมาลงไม้ลงมือกับเรา ผมเผลอตะคอกใส่เขาว่า ‘อย่าทำแม่ผมนะ!’ และนั่นเป็นประโยคสุดท้ายที่ผมมีโอกาสได้พูด”
“...”
“ผมถูกต่อยจนสลบ เหตุการณ์นั้นทำให้แม่รู้ว่าปล่อยให้ผมอยู่บ้านต่อไปไม่ได้แล้ว” เสียงของเด็กหนุ่มไม่ได้เบาหรือดังจนเกินไป น้ำเสียงของบยอนแบคฮยอนนั้นเรียบเฉย ไม่ได้สั่นไหวอย่างที่เด็กมีปัญหาครอบครัวคนหนึ่งพึงจะเป็น “เธอส่งผมเข้าฝึกเป็นทหาร เซ็นชื่อทุกอย่างเสร็จสรรพแล้วบอกกับผมว่า ‘ดูแลตัวเองดี ๆ ตั้งใจฝึกแล้วออกมาปกป้องคนอื่นนะแบคฮยอน’ ตอนนั้นผมเอาแต่ร้องไห้ ผมเป็นห่วงแม่แล้วก็กลัวมากด้วย”
“...”
“สำหรับเด็กอายุเจ็ดขวบ เขาไม่มีทางเลือก” เด็กหนุ่มหันมาสบตากับคนอายุมากกว่า คนที่เขาไม่รู้ว่าจะเข้าใจในสิ่งที่พล่ามไปทั้งหมดหรือเปล่า “แต่สำหรับทหารอายุยี่สิบเอ็ด ผมได้เลือกทางนี้แล้ว”
ไม่มีความกลัวในแววตาคู่นั้น ชานยอลรู้ว่าทุกคนย่อมมีปมในใจที่ทุกคนบนในโลกไม่สามารถเข้าใจได้ ซึ่งตัวเขาเองก็เช่นกัน ทุกคนล้วนมีปม แต่ขึ้นอยู่กับว่าจะแสดงออกให้ใครเห็นหรือเลือกซ่อนมันเอาไว้ในใจ
แบคฮยอนยังเด็กเกินไป แต่ก็ใช่ว่าจะสั่งสอนไม่ได้ เขาคิดอย่างนั้น
“เกิดอะไรขึ้นกับมือของคุณ”
“หักครับ”
“เพราะ?”
“ผมต่อยหน้าผู้ชายคนนั้น กัปตันคงไม่ถามใช่ไหมว่ากี่ครั้ง เพราะผมจำไม่ได้” เด็กหนุ่มพลิกมือให้ดู
“เขาอยู่ในนั้นเหรอ?” ชานยอลชี้ไปยังห้องฉุกเฉินที่ยังขึ้นไฟสีแดง ซึ่งแบคฮยอนพยักหน้าเป็นคำตอบ
และแล้วความเงียบก็เกิดขึ้นระหว่างทั้งคู่อีกครั้ง หลายนาทีที่ทั้งคู่เลือกนั่งอยู่เฉย ๆ มากกว่าการยิงคำถามเพื่อเอาคำตอบจากอีกฝ่าย ชานยอลไม่ใช่คนชอบพูด หรือซอกแซกเรื่องคนอื่นนอกเสียจากว่าเขาจำเป็นต้องรู้
“ผมให้โอกาสคุณทำผิดแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว แต่ถ้ายังมีคราวหน้าอีก ศาลทหารจะได้เป็นบ้านหลังที่สามของคุณแน่”
“...ครับ?” แบคฮยอนเลิกคิ้วขึ้นอย่างไม่เข้าใจในสิ่งที่อีกฝ่ายพูด เขาไม่อยากคิดไปเองกับความผิดใหญ่หลวงที่ก่อขึ้นในวันแรกที่คลานออกมาจากตึก Agility อีกทั้งกัปตันปาร์คยังแสดงท่าทีออกมาให้เห็นว่าหงุดหงิดเขาอยู่ตลอดเวลาอย่างนี้
“คืนนี้คุณคงนอนที่บ้านได้โดยที่ไม่ต้องออกไปซ้อมใคร เพราะฉะนั้นพรุ่งนี้ตอนแปดโมงผมต้องเจอคุณที่ลานน้ำพุกลางเมือง อย่าช้า อย่าลีลา อย่าปีนขึ้นไปห้อยโหนบนทำเนียบประธานาธิบดี อยู่ทีมมิเนอร์วาต้องจริงจังให้มากกว่านี้ เข้าใจแล้วขานตอบด้วย”
แบคฮยอนมองปลายนิ้วที่ชี้หน้าเขา แทบลืมความเจ็บไปหมดหลังจากได้ยินคำสั่งแรกในการเข้าร่วมทีมมิเนอร์วา เด็กหนุ่มลุกขึ้นยืนตัวตรงแล้วตะเบ๊ะ มองกัปตันหนุ่มที่ยังคงทำหน้านิ่งเหมือนในทีแรก
“รับทราบครับกัปตัน!”
TBC
ได้เด็กใหม่เข้าทีมแล้ว ตอนหน้าจะเป็นยังไง ใครจะออกมาอีก มาลุ้นกัน!
สำหรับคนที่จินตนาการ Krav Maga (คราฟมากา) ไม่ออก https://www.youtube.com/watch?v=N-ss_OfxsgA
แต่พี่ชานไม่ได้โหดกับเด็กใหม่ขนาดนี้นะ 55555555555
ความคิดเห็น