คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 03 :: A cat and dog life
Chapter 3
A cat and dog life
อยู่ให้เพื่อนปลอบจนถึงสามทุ่มก็ตัดสินใจว่าควรกลับบ้านได้แล้ว จะว่าไปไอ้สองตัวนั้นมันก็ไม่ได้ปลอบอะไรเขาเลยสักนิดเดียว หนำซ้ำแต่ละสิ่งที่มันพูดก็ช่างรื่นหูเหลือเกิน ตั้งแต่ ‘ปล่อยมันเหอะน่า เด็กกำลังห้าว’ , ‘มึงนี่ชอบทำตัวเหมือนพ่อแม่กูสมัยเด็ก’ ดูเอาครับ...มีเพื่อนดีก็เป็นอย่างนี้แหละ บยอนแบคฮยอนเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าคิดถูกหรือคิดผิดที่มาหามันสองคน นอกจากจะไม่ได้สาระแล้วยังเหนื่อยแพ็คของฟรีอีก กูอยากให้ ICT แบนแฟนไซต์ภารเมียมึงจริง ๆ ไอ้ HA จงอิน
จอดรถหน้าบ้านแล้วก็ขมวดคิ้วเมื่อแม่กุญแจที่เคยคล้องอยู่กับประตูหายไป แต่ก็แค่ครู่เดียวเท่านั้นแหละแบคฮยอนก็กระตุกยิ้มมุมปาก ไอ้หลานนรกคงซมซานกลับมาบ้านแล้วสินะ โด่...นึกว่าจะเก่ง
ดึงกุญแจรถก่อนจะเปิดประตูออกมาและไม่ลืมที่จะกดรีโมทล็อก เดินล้วงกระเป๋ากางเกงชิล ๆ เข้าไปในบ้านแล้วก็ต้องหยุดชะงักตรงประตูทางเข้าด้านในเมื่อพบว่ามีรองเท้าส้นสูงสีชัมพูหวานแหววคู่หนึ่งจอดอยู่ข้าง ๆ สนีกเกอร์ไอ้หัวหลิม พยายามหายใจเข้าลึก ๆ และคิดว่าบางทีเพื่อนผู้หญิงอาจมาส่งมันที่บ้านพอเจอหน้าเขาแล้วก็โค้งหัวตามมารยาทแล้วกลับไรงี้ (เดี๋ยว นั่นมันหน้าที่ผู้ชายป่ะวะ) บยอนแบคฮยอนขอสาบานต่อหน้ากระถางดอกสแตติชเลยว่าว่าจะไม่ปริปากด่าสักคำถ้าเกิดมันกับเจ้าของรองเท้าส้นสูงคู่นี้นั่งสงบเสงี่ยมอยู่ในห้องนั่งเล่นโดยที่ไม่มีการสกินชิพเอาขาดพาดคอกัน
เปิดประตูเข้ามาข้างในเป็นจังหวะเดียวกับตอนที่เด็กตัวสูงเปิดประตูข้างบ้านเข้ามาพอดี โอเค...เสื้อผ้ามันยังอยู่ครบ แน่นอนว่าการเห็นปาร์คชานยอลเดินออกมาจากรูนั้นน่ะดีกว่าการเห็นมันเดินออกมาจากห้องนอนมันด้วยสภาพเปลือยท่อนบนหรือท่อนล่างเป็นไหน ๆ หวังว่าเจ้าของรองเท้าคู่นั้นคงไม่ใช่กระเทยหัวโปกกะโหลกไขว้สันใหญ่ไหล่กว้างหรอกนะ ถ้าใช่บยอนแบคฮยอนวัยยี่สิบสี่ปลาย ๆ จะกัดลิ้นตายให้ดูเดี๋ยวนี้ อย่าว่างู้นงี้เลยนะครับ...เรื่องที่ไอ้เซฮุนเล่าให้ฟังว่าชานยอลมันไปเยิ้บผู้ชายมายังคงก้องอยู่ในหัว เดี๋ยวก่อนเดี๋ยว...ได้จังหวะเมื่อไหร่จะลากคอมันมาไต่สวนเรื่องนี้ให้ได้ความ
เรียกสติตัวเองกลับมาเผชิญหน้ากับหลานหัวฝีหัวหนองที่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น อยากกระชากแขนพวกคุณเข้ามาดูสีหน้าและสายตาของมันตอนนี้จริง ๆ ให้ตายเถอะ นั่นคือแววตาของเด็กที่มองผู้ใหญ่เหรอครับ? เออ...ถึงจะแค่เจ็ดปีแล้วไง ถ้านับถามศักดิ์เขาก็เป็นน้ามันอยู่ดีป่ะวะ ตอนมันเกิดบยอนแบคฮยอนขึ้นป.หนึ่งแล้วนะครับไม่อยากจะข่มให้ดูเป็นคนขี้อวด ยิ่งตอนอายุสิบเจ็ดนะ...ไม่เคยหรอกมาทำตัวเรื้อนแบบไอ้เด็กนี่ อ่อนหัด
“ไหนบอกไปนอนบ้านเพื่อนไง?” เปิดศาลลลลลลลลลลลลลลล (ใส่ซาวด์เปาบุ้นจิ้น)
ชานยอลมองหน้าเจ้าของคำถามด้วยหางตาก่อนจะเดินไปเปิดตู้เย็นแล้วก้มลงมองหาอะไรซักอย่าง ไม่ยัดหัวเข้าไปในช่องฟรีซเลยล่ะเผื่ออะไร ๆ ในชีวิตมึงจะดีขึ้น ไอ้เด็กนี่มีความสามารถพิเศษอยู่อย่างนึงครับท่านผู้ชม คือแค่ยืนเฉย ๆ ก็ทำให้ชาวบ้านชาวช่อง (กูเอง) หงุดหงิดได้แล้ว
ยืนจับผิดมันอยู่ไม่กี่วินาทีไอ้เด็กตัวสูงก็แซะตัวออกมาจากตรงนั้นพร้อมกับถอนหายใจอย่างเซ็ง ๆ มึงคาดหวังว่าจะเจออะไรในนั้นเหรอปาร์คชานยอล โล่กัปตันอเมริกาหรือไอโฟนห้าจากฝาอิชิตัน นั่นตู้เย็นครับตู้เย็น มึงจะกระฟึดกระฟาดทำเขื่อนเหรอ
ลดระดับสายตาลงมองโค้กสองกระป๋องที่ถือด้วยมือเดียว คาดว่ามันคงเอาไปให้เจ้าของรองเท้าส้นสูงคู่นั้นแน่ ๆ เพราะหนังหน้าอย่างมันคงไม่มีทางเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขาแล้วพูดว่า ‘น้าแบคฮยอน ผมขอโทษเรื่องเกรดจริง ๆ นะ...เราดีกันเถอะนะครับ เทอมหน้าผมจะเอา A มาอวดให้ได้เลย รัก ๆ ๆ ๆ ’
“พาใครมาบ้าน” ในเมื่อมันไม่สานฝันให้ บยอนแบคฮยอนก็ย่างสามขุมไปหยุดอยู่ตรงหน้ามันเลยครับ กะ...ก...แกร่ง
“...” อ้าวหยิ่ง เสือกเกิดเป็นใบ้แบบฉับพลันอะไรขึ้นมาตอนนี้ล่ะ
“ถาม – ว่า – พา – ใคร – มา – บ้าน”
“ไม่เกี่ยวกับน้า” อ้าวซั้ซ จะไม่เกี่ยวได้ไงนี่บ้านกูไหม หรือสวนสาธารณะ อะไร ยังไง งงไปหมด อยู่ดี ๆ ไอ้เด็กนี่ก็ทำให้เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นผู้อาศัยขึ้นมาซะอย่างนั้น ขนาดสวนสาธารณะยังมีเวลาปิดมึงไม่เกรงใจกูบ้างหรือปาร์คชานยอล
แต่เดี๋ยวนะ?
แบคฮยอนยื่นหน้าหน้าเข้าไปใกล้ ๆ แล้วทำจมูกฟุตฟิต ได้กลิ่นเหม็นหืนแปลก ๆ แน่นอนว่ากลิ่นนี้เคยผ่านจมูกเขามาแล้วแต่ว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นที่บ้านหลังนี้แน่นอน
“นี่แกสูบบุหรี่เหรอ?” เงยหน้าขึ้นมองเด็กตัวสูงที่กำลังกลอกตาไปมา ท่าทางเลิกลั่กแบบนี้กูว่าใช่ “ปาร์คชานยอล”
“ก็นิดหน่อย”
“นิดหน่อยพ่อมึง!” ไวกว่าเสียง ชานยอลงอตัวเป็นไส้เดือนโดนน้ำร้อนพร้อมกับยกมือบังฝ่ามือของน้าชายที่กำลังรัวตบหัวเขาไม่หยุด ไม่ได้อยากหยาบคายกับหลานที่เคารพหรอกนะครับแต่จะให้สั่งสอนเด็กใจแตกอย่างมันด้วยการลูบหัวแล้วพูดว่า ‘โอ๋...ชานยอลหลานรัก อย่าสูบบุหรี่สิ น้าเสียใจนะ บู้’ แบบนี้เหรอ มันไม่ใช่สไตล์! เป็นน้าคนทั้งทีชีวิตต้องร็อค \m/
“โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!”
“ใครสั่งใครสอนให้แกทำแบบนี้ อายุแค่สิบเจ็ดปีริ – อาจ – สูบ – บุ – หรี่ – งั้น – เหรอ” น้าชายตัวเตี้ยยังคงรัวมือไม่ยั้ง ถ้าบยอนแบคฮยอนเอาดีด้านการเล่นปิงปองคาดว่าน่าจะติดทีมชาติอยู่ โชคดีที่ตอนนี้ชานยอลมันผมยาวไม่งั้นคงได้ยินเสียงเกรียนแตกแป๊ะ ๆ แว่วเข้าหูแน่
“พ่อแม่ส่งเสียให้มาเรียนถึงโซลแต่แกดันเอาเงินไปซื้อบุหรี่งั้นเหรอห๊ะ”
“เรียนก็ส่วนเรียนดิ ไม่เห็นเกี่ยวอะไรกับซื้อบุหรี่เลยนี่” ชานยอลปัดมือน้าชายออกแล้วมองอีกฝ่ายด้วยแววตาแข็งกร้าว
อะไร ทำไม โมโหกูสินะ เอาซี๊ คาบกูวิ่งผ่าบ้านเลย
“บุหรี่ซองนึงเท่าไหร่”
“พันวอน”
“ตอแหล”
“สองพัน”
“ยังอีก?” แบคฮยอนพูดลอดไรฟันทั้งที่ยังมองคาดโทษไอ้หลานนรกอยู่ ชานยอลหายใจฮึดฮัดแล้วมองหน้าอีกฝ่ายอย่างเหลืออด
“สามพันสองร้อยวอน พอใจยัง?”
“โอ้โห้...............”
“...” หลานตัวสูงยืนจ้องหน้าน้าชายที่กำลังแค่นยิ้ม ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าภายใต้สีหน้าแบบนั้นกำลังคิดอะไรอยู่ จะเป็นอะไรไปไม่ได้เลยนอกจากกำลังให้สมองประมวลผลคิดสารพัดคำด่า
“สารภาพมาว่าแกสูบวันละกี่ตัว”
“...”
“พูด” แบคฮยอนหรี่ตามองพร้อมกับกำโอบใบหน้าหลานชายให้โน้มลงมาสบตากัน แบบนี้ล่ะมึงโกหกกูไม่ได้แน่ ทั้งคู่สบตากันอยู่อย่างนั้นอย่างไม่มีใครยอมใคร ถ้าเป็นรายการในทีวีคงมีเอ็ฟเฟ็คสายฟ้าที่กำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือดแน่นอน “กี่ตัว?”
“...”
“กี่ซอง?”
“ซองเดียว”
“ว่าไงนะ?!!!!!!!!!!” ชานยอลหลับตาแน่นเมื่อเสียงแหกปากของน้าชายสาดเข้าแก้วหูในระยะประชิด “นี่กะเป็นมะเร็งตายตั้งแต่ยี่สิบเลยไงวะ ฉันขอสั่งให้แกเลิกสูบตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป” ไม่พูดอย่างเดียว แบคฮยอนผละมือข้างนึงออกมาชี้หน้าคาดโทษหลานตัวแสบด้วยแววตาจริงจัง “รู้ไหมว่าเดือนนึงแกจะมีเงินเก็บเท่าไหร่ถ้าเอาเงินค่าบุหรี่ไปหยอดกระปุก”
“เดี๋ยวนี้ใครจะไปบ้าหยอดกระปุกออมสิน ไม่ใช่เด็กประถมแล้วนะครับ?” ชานยอลแค่นยิ้มแต่ก็แค่ครู่เดียวเท่านั้นแหละเจ้าตัวก็ต้องเอียงตัวไปตามมือที่กำลังดึงหูเขาจนแทบหลุด นี่ไม่ได้เว่อด้วย “โอ๊ยยยยยยยยยย”
“แกไง? เด็กชายปาร์คชานยอลผู้มากไปด้วยความสามารถเรื่องการหยอดกระปุกออมสิน ทุกวันที่สามสิบคุณย่าจะพาไปธนาคารแล้วก็โทรมาบอกฉันว่า ‘แบคฮยอน ๆ ผมมีเงินเก็บในสมุดบัญชีตั้งแสนวอนแล้วนะ’ พอฉันถามกลับว่าจะเอาไปทำอะไร ไอ้เด็กอ้วนนั่นก็ตอบว่า ‘ผมจะพาแบคฮยอนไปเที่ยวทะเลสวย ๆ ’ ”
แบคฮยอนขยับปากล้อเลียนแถมยังดัดเสียงน่าเกลียดใส่เขาอีก ชานยอลรีบเอามือปิดปากคนเป็นน้าเอาไว้ก่อนที่จะอายกับความทรงจำในวัยเด็กมากไปกว่านี้ ใช่ว่าเขาจะรังเกียจเรื่องราวเก่า ๆ หรอกนะ แต่พอนึกย้อนไปถึงตอนนั้นแล้วมันก็นอยด์ทุกทีเพราะน้าชายคนนั้นกับคนปัจจุบันมันช่างต่างกันอย่างกับฟ้าและเหว
“ก็แล้วไง? ไม่มีกระปุกออมสินอะไรทั้งนั้นแหละ จบ”
“ไม่จบ ฉันขอสั่งให้แกเลิกสูบบุหรี่ ไม่งั้นฉันจะกริ๊งกร๊างไปหาแม่แกแล้วสาธยายถึงความเส็งเคร็งแต่ละสิ่งในชีวิตแกให้เขาฟัง ยกตัวอย่างเช่นสาเหตุของเกรดเทอมนี้อย่างคอมพิวเตอร์สุดที่รักเครื่องนั้น”
“ถ้าทำแบบนั้นนะ...ผมจะตามจองล้างจองผลาญน้าไปตลอดชีวิต เอาให้หาแฟนไม่ได้เลยคอยดูดิ” ไม่พูดอย่างเดียว คนเป็นหลานชายเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ ๆ พร้อมกับชี้นิ้วลงตรงปลายจมูกของคนตัวเล็กกว่า
“เอาซี๊ จะได้รู้ไปเลยว่าใครแน่กว่ากัน” พูดจบก็บ้องหูมันไปทีนึงครับข้อหาหมั่นไส้ ชานยอลถอนหายใจหนัก ๆ ดูเหมือนว่าตอนนี้ไอ้เด็กตัวสูงมันกำลังพยายามสงบสติอารมณ์อยู่ “ทำไม โมโหมากเลยสิ หืม หืม หืม”
“เงียบสักทีเถอะ”
“ถ้าไม่เงียบแล้วจะทำไมเหรอมิสเตอร์ชาร์ลลล”
“บอกว่าอย่าเรียกชื่อนี้อีกไงแบคฮยอน?”
“มึงลืมคำว่าน้าไหม”
“ผมจะเรียกก็ต่อเมื่อคุณทำตัวน่าเคารพมากกว่านี้”
“โอ้โห...เรียกคุณด้วย ช่างห่างเหินจนรู้สึกใจหวิว” แบคฮยอนปั้นหน้าปั้นตาพร้อมกับเกาคางคนเป็นหลาน ชานยอลเบี่ยงหน้าหลบแล้วจิ๊ปากอย่างรำคาญจนกระทั่ง...
“มีอะไรหรือเปล่าชานยอล ฉันได้ยินเสียง...อ้าว...” ถามยังไม่ทันจบประโยคก็หันไปเห็นผู้ชายตัวเล็กที่ยืนอยู่ตรงหน้าเจ้าของชื่อ
สองน้าหลานหันควับไปป๊ะหน้ากับเด็กสาวคนหนึ่งที่อยู่ในสภาพ...ผ้าขนหนูผืนเดียว...
คุณพระ.....................
“...”
“...”
ทั้งคู่หันมามองหน้ากันซึ่งตอนนี้ปาร์คชานยอลก็เริ่มจะรู้ชะตาชีวิตอยู่รำไร จะอธิบายยังไงดีในเมื่อน้าชายเขากำลังเดือดเป็นฟืนเป็นไฟแม้ว่าจะไม่ปริปากพูดอะไรสักคำ แต่สายตาคนตัวเล็กกับริมฝีปากที่ยกยิ้มข้างเดียวแบบนี้น่ะ...
“เข้าไปใส่เสื้อผ้าเถอะ เดี๋ยวพี่จะไปส่งที่บ้านนะ” แบคฮยอนหันไปยิ้มให้กับเด็กสาวคนนั้นซึ่งเธอก็พยักหน้ารัว ๆ แล้วรีบกลับเข้าไปในห้อง ชานยอลถอยหลังไปก้าวนึงเมื่อคนตัวเล็กหันกลับมาพร้อมกับหักนิ้วเสียงดังกร๊อบ
บนรถยนต์ที่ยังมีกลิ่นใหม่อยู่เพราะเพิ่งถอยมาได้ไม่นาน มันคือของขวัญชิ้นแรกที่พ่อซื้อให้เขาในวันเรียนจบ บรรยากาศน่าอึดอัดจนแทบกระอักเลือดดำแต่คงมีแค่บยอนแบคฮยอนคนเดียวที่ฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี ชานยอลเหล่มองคนเป็นน้าแล้วก็หงุดหงิดเลยควานหากล่องซีดีขึ้นมาเปิดเพลงทำลายความเงียบ พอเพลงแรกเริ่มร่างสูงก็มองเด็กสาวที่นั่งตัวเกร็งอยู่ตรงเบาะหลัง
“น้องชื่ออะไรเหรอ?” เด็กตัวสูงหันควับเมื่อน้าของเขายิงประโยคปลายเปิดขึ้นมาแล้วและแน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องดีสำหรับปาร์คชานยอลแน่
“จองซูจองค่ะ...”
“ซูจอง? ชื่อน่ารักจังเลย~” เสียงระริกแบบนี้แหละสร้างงานสร้างอาชีพให้กูมานักต่อนักแล้ว ชานยอลหันหลังกลับไปแล้วแตะนิ้วชี้ที่ริมฝีปากตัวเองเป็นเชิงบอกให้เธอเงียบไว้แทนที่จะตอบคำถาม แต่เด็กตัวสูงก็ต้องเลิกคิ้วขึ้นเมื่อมือของน้าชายเสือกเอื้อมมาดึงมือของเขาลงก่อนจะหันมายิ้มกวนตีน ใช่ครับ...ยิ้มกวนตีน...มากด้วย
“อ้อ...พี่ชื่อแบคฮยอนนะ เป็นน้าไอ้หูกางนี่เอง”
“ค่ะ...”
“เรียนห้องเดียวกับชานยอลเหรอ”
“...” ทั้งคู่หันมาสบตากัน เห็นจองซูจองขยับปากถามแบบไม่ออกเสียงว่าจะให้ตอบยังไงแต่ปาร์คชานยอลก็ทำได้แค่ตบหน้าผากตัวเอง
“หืม?” นั่น เร่งกูอีก
“เปล่าค่ะ...”
“แล้วรู้จักกันจากไหนเหรอ บอกได้ไหมเอ่ย?”
“...”
“ชานยอล...” เสียงเย็น ๆ ที่มาก่อนใบหน้าพญามารของน้าชายเขา เด็กหนุ่มนั่งยืดหลังตรงแล้วก็ต้องหันควับเมื่อถูกแบคฮยอนคว้าข้อมือเอาไว้ “ได้ยินที่น้าถามไหมหลานรัก”
“...”
“ในอินเตอร์เน็ตค่ะ...” ถึงเสียงจะแผ่วเบามากแต่เชื่อเถอะว่าบยอนแบคฮยอนได้ยินชัดเจนดี เด็กทั้งสองคนแทบหน้าทิ่มเมื่อจู่ ๆ คนขับก็เบรกกะทันหัน
“อะไรของน้าวะเนี่ย?!”
“โทษที เพิ่งเห็นว่าไฟแดง” ถึงกลับกลืนคำพูดลงคอไปหมดเมื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของน้าชายแต่ตาทั้งสองข้างนั้นกลับไม่ได้ยิ้มตามปาก ตาของแบคฮยอนตอนนี้ถลึงขึ้นเหมือนคนที่พร้อมจะเชือดคอเขาให้ตายกับเรื่องที่ได้ฟังเมื่อครู่
“รู้จักในอินเตอร์เน็ตมากี่เดือนแล้วเหรอ”
“จ...”
“หุบปาก” ชานยอลเชิดหน้าขึ้นเมื่อถูกมือเล็กตะปบปากก่อนที่จะได้พูดอะไรออกมา เด็กสาวนั่งเหงื่อแตกพลั่ก ๆ มองหน้าน้าชายตัวเล็กสลับกับแฟนหนุ่มพาร์ทไทม์ไปมา
“ส...สองอาทิตย์ค่ะ”
“สองอาทิตย์?”
“ค่ะ...”
“เคยเจอกันกี่ครั้งแล้วเหรอ”
“นี่...ครั้งแรกค่ะ...”
“...” แบคฮยอนยิ้มให้กับเธอก่อนจะเอี้ยวตัวหันกลับมาขับรถเมื่อสัญญาณขึ้นไฟเขียว ว่าไงนะ...มึงคุยกันสองอาทิตย์แล้วนัดกันมาเก็บเห็ดกันถึงบ้านแล้วงั้นหรือ...
มือข้างที่ว่างอยู่ยกขึ้นมาพัดหน้าเบา ๆ พร้อมกับพ่นลมไล่ปรอยผมข้างหน้า ชานยอลรู้ดีว่าท่าทางแบบนี้คืออะไร ใช่แล้ว...แบคฮยอนกำลังสงบสติอารมณ์อยู่
“ซูจอง~”
“ค่ะ...”
“หนูชอบชานยอลจริง ๆ เหรอ”
“ค...คะ?” เด็กสาวยิ้มเจื่อน ๆ ขณะสบตากับอีกคนผ่านกระจกมองหลัง
“หนูมั่นใจแล้วเหรอว่าผู้ชายคนนี้จะตอบโจทย์ให้หนูได้ทุกอย่างน่ะหื้ม” ชานยอลเหล่มองน้าชายที่ยังคงตั้งหน้าตั้งตาขับรถต่อไป “จะคบกับมันน่ะ ต้องซักผ้าปูที่นอนบ่อย ๆ นะ”
“เอ๋?”
“แบคฮยอน”
“ไอ้หมอนี่ชอบฉี่รดที่นอนน่ะ อย่าไปบอกใครล่ะ จุ๊ ๆ นะ” แบคฮยอนหันมากระซิบก่อนจะเซไปติดประตูรถเมื่อถูกหลานชายผลักอย่างแรงหากแต่เจ้าตัวกลับไม่รู้สึกโกรธเคืองเลยสักนิด หนำซ้ำแบคฮยอนยังหัวเราะพอใจอีกต่างหาก
“หยุดพูดได้แล้วนะ!”
“จริงเหรอชานยอล...”
“มันไม่...”
“ปฏิเสธไปเลยสิ ต่อหน้าน้าแกเนี่ยแหละ” แบคฮยอนยังคงหัวเราะแม้ว่าคนข้าง ๆ จะหน้าแดงจนแทบแทรกแผ่นดินหนีก็ตาม
“มันก็แค่ตอนเป็นเด็กอ่ะ” ชานยอลพยายามกู้หน้ากลับมาแต่ดูเหมือนว่าจะสายไปแล้ว สังเกตได้จากสายตาของจองซูจอง
“ชีวิตหนูมีค่ามากกว่าจะเอามาเสี่ยงกับผู้ชายคนนี้นะรู้ไหม”
“แบคฮยอน!”
“คนอะไรเรียนก็งั้น ๆ ห้องก็สกปรกโสโครกไอ้ที่หนูเห็นน่ะมันคงทำความสะอาดหลอกตาเท่านั้นแหละ ตื่นมาหน้าก็ไม่ล้างฟันก็ไม่แปรง เดินสะลึมสะลือมากินข้าวหน้าตาเฉย ไม่ต้องมโนไปไหนไกลเลย แค่คิดว่าย้ายมาอยู่กินด้วยกันตื่นมาแล้วต้องจูบมอนิ่งคิสทั้งที่ยังไม่ได้แปรงฟันก็ขนลุกแล้ว” แบคฮยอนหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะหันไปยักคิ้วให้หลานตัวสูงที่กำลังพยายามสงบสติอยู่ พอมองกระจกมองหลังก็เห็นสีหน้าเจื่อน ๆ ของเด็กสาวคนนั้น จากสภาพไอ้หลานรักของเขาคงถูกเธอปล่อยเซอร์เร็ว ๆ นี้แน่ บายนะ
“ผมต้องขอโทษจริง ๆ ที่เป็นคนไม่สมบูรณ์แบบเหมือนน้า” แบคฮยอนพยักหน้ายิ้มพอหันไปหาหลานชายก็เห็นมันกำลังยิ้มอยู่เหมือนกัน แต่เป็นรอยยิ้มที่... “ที่ได้แต่แอบชอบคนอื่นไปเรื่อย จีบใครก็ไม่ติด อกหักมาตลอดชีวิตยี่สิบสี่ปี”
“แกรู้ได้ไง?” แบคฮยอนแยกเขี้ยวใส่หลานที่กำลังทำหน้าเหรอหราอยู่ข้าง ๆ เรื่องส่วนตัวเขาจะมีสักกี่คนที่รู้นอกจาก... “ไอ้เหี้ยเซฮุนสินะ”
“พอจะมีแฟนทั้งทีก็ถูกหลอกแดกเรื่องโคตรจะเศร้า”
“หลอกแดกไรวะ วันนั้นจ่ายค่าข้าวให้แค่มื้อเดียวแล้วกลับบ้านเลยเหอะ”
“จ่ายให้ผู้ชายอ่ะนะ”
“...”
“แบค – ฮยอน – ชอบ – ผู้ – ชาย” ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ๆ แล้วพูดช้า ๆ เน้น ๆ ตอนนี้ปรอทความโกรธของคนเป็นน้ากำลังพุ่งพรวดโชติช่วงชัชวาลมาก นี่มึงขายเรื่องนี้ต่อหน้าผู้หญิงเลยเรอะ ด้ายยยยยยยยยย...มึงเจอกู
“ก็ไม่ได้ต่างกันเล้ย...ได้ข่าวว่าเพิ่งไปบวชนาผืนน้อยผู้ชายมาไม่ใช่เหรอ เป็นไงล่ะ เป็นรุกหรือรับหื้ม?”
“...” สตั้นไหมล่ะมึง ดาเมจดอกนี้คูณให้สี่ล้านเลยแบคฮยอนคอนเฟิร์ม
“รับสินะ”
“จอดข้างหน้าทีค่ะ”
“อ้าว ยังไม่ถึงเลยไม่ใช่เหรอ?” ถึงจะงง ๆ แต่แบคฮยอนก็เปิดไฟเลี้ยวแล้วหักหลบจอดลงข้างฟุตปาธ
“ไม่เป็นไรค่ะ หนูว่าจะแวะซื้อของแถวนี้หน่อย ไปก่อนนะชานยอล” เด็กสาวยิ้มแห้ง ๆ แล้วเปิดประตูออกไปและไม่ลืมที่จะโค้งหัวแบบส่ง ๆ ให้กับน้าชายแฟนหนุ่มพาร์ทไทม์ที่กำลังโบกมือให้พร้อมรอยยิ้ม ได้ยินเสียงแว่ว ๆ มาว่า ‘แม่งบ้าทั้งน้าทั้งหลาน ก็เห็นว่าหล่อดีแต่ไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้ กูไม่น่าหลวมตัวมาเลย’
“เป็นรับสินะ”
“ดูหน้าหลานชายตัวเองบ้างนะครับ ระดับนี้แล้วจะให้คนอื่นเสียบได้ไง?” ชานยอลชี้หน้าตัวเองพร้อมถลึงตามองคนที่กำลังขับรถอยู่
“ลับหลังฉันแกทำอะไรบ้างใครจะไปรู้~”
“จะเกินไปแล้วนะแบคฮยอน”
“ใครกันแน่ที่เกินไป โตเป็นควายแล้วยังต้องให้บอกไหมว่าฉันเป็นน้าแก” รอยยิ้มหุบลงแล้วหันไปฉะกับหลานตัวแสบที่กำลังแสดงสีหน้าไม่พอใจขั้น est
“ต้องให้บอกหรือเปล่าว่าน้าที่ดีเขาไม่ควรเอาเรื่องน่าอายของหลานมาขายให้คนอื่นฟัง?”
“น่าอายตรงไหนนั่นก็เรื่องจริงทั้งนั้น ตอนเป็นเด็กแกออกจะน่ารักไม่เหมือนตอนนี้หรอก” เบ้หน้าแล้วมองอีกคนหัวจรด...เออ จรดห่าอะไรก็ตรงนั้นแหละ
“แล้วยังไง จะให้ผมนั่งไทม์แมชชีนย้อนเวลากลับไปตอนนั้นไหมล่ะ?”
“เอาดิ ย้อนกลับไปวันที่แกเต้นเป็นชะนีเผือกตอนวันงานโรงเรียนช่วงสิบขวบนะ” นึกแล้วก็ขำ วันนั้นเขาไม่น่าติดเรียนเลยให้ตายเถอะ ถ้าว่างนะจะนั่งรถไปปูซานบ้านเกิดมันจริง ๆ สาบานได้ แค่เห็นรูปยังขำจนชักดิ้นชักงอถ้าเห็นเป็นภาพเคลื่อนไหวจะขนาดไหน
“เพราะเป็นแบบนี้ไงผมถึงไม่อยากอยู่บ้าน”
“ก็ไปบอกแม่แกเช่าหอให้อยู่ดิ” เชิดหน้าท้าแม่งเลยครับ ที่กล้าพูดแบบนี้เพราะบยอนแบคฮยอนรู้ดีว่าต่อให้ตายยังไงแม่มันก็ไม่อนุญาตแน่ ชานยอลถอนหายใจแรง ๆ แล้วหันมามองคาดโทษคนเป็นน้า ซึ่งแววตาแบบนี้เขาชินแล้วโว้ย
“ต่างคนต่างอยู่ไม่ได้หรือไง?”
“ได้ ขนของออกไปจากบ้านฉันเลย” พูดจบก็ปัดมือไล่ก่อนจะเลี้ยวรถเข้าซุปเปอร์แล้วเปิดประตูลงไป ชานยอลจิ๊ปากแล้วรีบวิ่งตามน้าชายที่กำลังเดินไปเอารถเข็น
“ตั้งแต่คราวนั้นแล้วนะ”
“คราวไหนอีก” แบคฮยอนถามเสียงเอื่อยขณะเข็นรถไปตามล็อกต่าง ๆ โดยที่มีเด็กตัวสูงเดินประกบข้าง
“ที่ผมจะไปแข่งดนตรีแล้วน้าก็ไม่ให้ผมไป”
“แข่งบ้าอะไรในผับ ถ้าเป็นเวทีประกวดทั่วไปจะไม่ว่าเลยป่ะ” แบคฮยอนหันไปแค่นหัวเราะใส่คนที่กำลังแสดงอาการเอาแต่ใจอย่างหนัก ทุกครั้งที่หันหน้าคุยกันก็เป็นแบบนี้ทุกทีนั่นแหละ
“ผมคิดว่าเราจะอยู่ด้วยกันได้เหมือนตอนนั้น”
“ตอนไหน ตอนที่แกอายุเจ็ดขวบน่ะเหรอ? นั่นก็แค่สองวัน”
“ผมหมายถึงตอนสิบขวบ”
“เวลาทั้งหมดที่เราเคยอยู่ด้วยกันรวมแล้วยังไม่ถึงเดือนเลย อย่ามาทำเหมือนว่าฉันเปลี่ยนไปซะให้ยาก ไอ้เด็กไม่เข้าใจโลก” ละมือออกจากที่จับรถเข็นแล้วผลักหัวหลานตัวสูงไปทีนึง
“พี่เซฮุนยังเข้าใจผมมากกว่าเลย นี่อะไร? ชอบทำตัวบ้าอำนาจ ชาติที่แล้วเป็นฮิตเลอร์เหรอ”
“เอ้า ก็ไอ้เซฮุนไม่ใช่ญาติพี่น้องแกนี่ มันก็ให้คำปรึกษาไปอย่างนั้นแหละ ไว้ให้มันลองมาวิ่งตามล้างตามเช็ดเรื่องของแกเหมือนฉันบ้างสิ” แบคฮยอนหยิบแกนลอนนมใส่รถเข็นแต่คนเป็นหลานดันหยิบออกไปเก็บที่เดิม
“ผมไม่ชอบดื่มแล้ว”
“เสริมสร้างกระดูก แกอยู่ในวัยกำลังโตดื่ม ๆ ไปเถอะน่าอย่าเถียงได้ไหม” แม่งทีตอนนั้นยังดิ้นเร่า ๆ จะแดกนม ๆ จะได้ตัวสูงเหมือนพี่เซฮุนอยู่เลยสึด
“...”
“อย่าดื้อกับน้าให้มาก โอเคเปล่ามิสเตอร์ชาร์ล...” ประโยคหลังที่เน้นเสียงล.ลิงตามฉบับเจ้าของภาษาทำให้เจ้าของชื่อหันควับ
“บอกกี่ทีแล้วว่าห้ามเรียกชื่อนี้”
“อะไรกัน? ตอนแรกก็เห็นแกชอบชื่อนี้ไม่ใช่เหรอ พูดแบบนี้ฉันเสียใจนะ” ปากพูดไปอย่างนั้นแต่เจ้าตัวก็ยังหัวเราะอยู่
“มันก็แค่เรื่องตอนเป็นเด็ก”
“ใช่สิ ตอนนี้แกปีกกล้าขาแข็งแล้วนี่” ทั้งสองคนยังคงเข็นรถไปเรื่อย ๆ คนเป็นหลานเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์นัก “ถ้าฉันบอกแม่แกว่าแกพาผู้หญิงมาอึ้บที่บ้านนะ วันนั้นล่ะแกเอ๊ย...” แบคฮยอนแค่นหัวเราะ
“มันก็เรื่องปกติของวัยรุ่นทั่วไปป่ะ?”
“มันจะไม่ปกติก็ตอนที่แกต้องลาออกจากโรงเรียนแล้วไปทำงานก่อสร้างทันทีที่รู้ว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นท้องป่องไงล่ะ ห้องเช่ารูหนูคือที่เดียวที่แกจะมีปัญญาหาเงินมาจ่ายได้ รามยอนสำเร็จรูปวันละซองจะเป็นอาหารชั้นยอดที่สุด เมียแกจะนั่งกินนอนกิน ชี้นิ้วด่าแกวันละร้อยหนกับความลำบากในชีวิตคู่ที่เกิดขึ้นแบบไม่เต็มใจเท่าไหร่ ตกดึกแกจะเอาตีนก่ายหน้าผากทุกวันเพราะคิดไม่ตกว่าพรุ่งนี้จะเอาอะไรให้เมียกินดี พอถึงตอนนั้นแกจะถูกตัดออกจากกองมรดก แม่แกจะถูกรุมถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูกชายของเธอน่ะ ทำไมอยู่ดี ๆ ไปทำผู้หญิงท้องล่ะ เรียนยังไม่จบเลยไม่ใช่เหรอ? แล้วญาติของญาติของญาติจะรุมนินทาแกจนปากเปื่อยปากแฉะจนแม่แกแทบแทรกแผ่นดินหนีเลยล่ะ” น้าชายสาธยายมาเป็นฉาก ๆ จนคนได้ฟังเริ่มหลอน
“ผมใส่ถุงยาง” แบคฮยอนหันไปยิ้มให้คนข้าง ๆ ก่อนจะหลุบสายตาลงมองเป้าหลานชาย พอถูกมองแบบนั้นเด็กตัวสูงก็เอามือปิดเป้าตัวเองไว้แล้วมองคาดโทษคนเป็นน้า “มองอะไรวะ”
“มินิมิสเตอร์ชาร์ลทำอะไรใครได้ด้วยเหรอ...สงสารเด็กผู้หญิงคนนั้นจริง ๆ”
“ทำเป็นดูถูกไปนะครับ มินิมิสเตอร์ชาร์ลนี่แหละที่ทำสาวครางมานักต่อนักแล้ว” ชานยอลยักคิ้ว คนได้ฟังทนไม่ไหวต้องจอดรถเข็นไว้แล้วกุมท้องขำ คนเป็นหลานเสียเซลฟ์เป็นอย่างมาก เขาได้แต่มองน้าชายที่ลงไปนั่งยอง ๆ จนคนรอบข้างหันมามอง “ขำมากไหม”
“มากอ่ะ แต่ฉันเข้าใจนะ ผู้หญิงพวกนั้นคงไม่อยากทำให้แกเสียหน้าเลยครางให้ตามมารยาท” คนตัวเล็กหยุดขำแล้วลุกขึ้นมาหยิบของใส่รถเข็นก่อนจะยักไหล่
“สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น สิบตาเห็นไม่เท่ามือคลำ เคยได้ยินไหมแบคฮยอน?” รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เด็กตัวสูงยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ๆ สองน้าหลานยืนสบตากันในท่าแปลก ๆ โดยที่ไม่รู้เลยว่าตอนนี้กำลังตกเป็นเป้าสายตาของใครหลายคนอยู่
“จะสื่ออะไรวะ เฮ้ย!” น้าชายเบิกตาโพลงเมื่อไอ้หลานนรกจับข้อมือเขาเอาไว้แล้วเลื่อนลงต่ำจนเกือบไปทาบกับมินิมิสเตอร์ชาร์ล!!!!!
“เป็นอะไรไปเหรอแบคฮยอน?” รอยยิ้มบนใบหน้าปาร์คชานยอลในตอนนี้ไม่ใช่เรื่องตลก แบคฮยอนพยายามยื้อมือกลับแล้วเหวี่ยงมืออีกข้างเตรียมจะบ้องหูแต่เด็กตัวสูงคว้าข้อมือเขาไว้ได้ทัน ผู้ชายฆ่าได้แต่หยามไม่ได้...ด่าโคตรเหง้าล้อชื่อพ่อชื่อแม่ไม่เคยโกรธแต่ด่าลูกชายกูเล็กนี่ยอมไม่ได้
“ลองจับดูสิ จะได้รู้ว่ามันมินิจริงไหม?”
TBC
จริง ๆ เรื่องนี้ควรให้ชื่อแท็กว่า #มนุษย์แบคฮยอน นะ นางโคตรมนุษย์ป้า 5555555555555555555555555
ชานยอลก็แสบ จังไรแม้กระทั่งกับน้าตัวเอง จะอยู่กันยังไงเนี่ย ฝากฟิคเรื่องนี้ด้วยนะคะ <3
สครีมฟิคในทวิตเตอร์ต้องแท็กนี้เลย #มนุษย์ชานยอล
ความคิดเห็น