คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : CHAPTER 02 :: ซวยจริง ๆ
CHAPTER 02
ซวยจริง ๆ
แผนการเริ่มต้นตั้งแต่วันนี้ ป๋ายเซียนโทรไปบอกชานยอลเรื่องนัดกับเซฮุนไว้ก่อนแล้ว ซึ่งเจ้าตัวก็พอรู้อยู่หลังจากจวกไส้กับคนทำงานคู่ร่วมไปเป็นที่เรียบร้อย และก็พบว่าผู้ชนะเป็นโอเซฮุนที่ได้เจอป๋ายเซียนในร่างแบคฮยอนก่อน
บ่ายสองสิบนาทีคือเวลาที่คนตัวเล็กไปถึงตึกหรูใจกลางมหาลัย ซึ่งใคร ๆ ต่างก็รู้ดีว่าเหนือความรวยของทันตะยังมีแฟชั่นดีไซน์ บันไดทางขึ้นให้อารมณ์ยิ่งกว่าซินเดอเรลล่าใส่ปีกวิกตอเรียซีเคร็ท คาดว่ากว่าจะไปถึงทางเข้าคงใช้เวลาครึ่งค่อนชีวิตถ้าบันไดจะสูงขนาดนี้
แอร์เย็น ๆ ตีเข้าหน้าทันทีที่ประตูกระจกระบบอัตโนมัติเลื่อนออก ด้านในมีโต๊ะสไตล์โมเดิร์นตั้งอยู่เป็นจุดไว้ให้นักศึกษานั่งง่วนอยู่กับงานดีไซน์โดยไม่ต้องแย่งกัน ซึ่งคาดว่าคงหมดงบไปหลายอยู่
คนที่เดินผ่านพร้อมใจกันมองหัวจรดตีนด้วยแววตาเหยียดเล็ก ๆ ทำมาย ห๊า ทำมาย เด็กวิดวะมาเดินเบิ้ลแถวนี้มันแปลกตามากนักเหรอ เดี๋ยวฟาดด้วยไม้ที
แบคฮยอนยืดอกปั้นหน้านิ่งอย่างภาคภูมิใจกับเสื้อช่อปที่สวมใส่ แต่ไหนแต่ไรผู้หญิงก็ไม่ใช่สเปกอยู่แล้ว แต่ถ้าจะให้เล็งผู้ชายก็สาบานได้เลยว่าเด็กแฟชั่นมันไม่ใช่ทาง อย่าคนพวกนี้ทำได้แค่ออกแบบชุด กูนี่สร้างตึก สร้างถนนเลยนะจ๊ะ ใช่ย่อยที่ไหน
แต่ยังข่มคนอื่นด้วยเสื้อช่อปได้ไม่ทันไรก็ต้องผงะถอยหลังไปครึ่งก้าวเมื่อสายตามันเห็นว่าตอนนี้โอเซฮุนกำลังนั่งจ้องมาทางนี้อยู่ที่สิบเอ็ดนาฬิกา
ระดับความอันตราย : 70%
โหดแท้... สายตามันเหมือนจะบอกว่าถ้าบยอนแบคฮยอนยังไม่ย้ายก้นไปตรงนั้นล่ะก็เจอดีแน่ วูบหนึ่งแอบชั่งน้ำหนักว่าไอ้หล่อหน้าเดฟนั่นมันเป็นใคร ถึงได้กล้าอวดดีใส่เขาถึงขนาดนี้ พ่อ แม่ ไอ้ป๋าย ยังไม่กล้าหือ แล้วโอเซฮุนมันเป็นใครวะ ห้ะ ห้ะ ห้ะ
แต่พอเห็นหนึ่งแสนห้าหมื่นวอนคาดอยู่บนหน้าผากอีกฝ่าย น้ำหนักทุกอย่างมันก็เทไปจนหมดรวดเดียว
คนใส่เสื้อช่อปเพียงหนึ่งเดียวในตึกแฟชั่นดีไซน์เดินตรงเข้าไปหาคนตัวผอม เซฮุนไม่แม้แต่จะยิ้มทักทายแล้วถามว่าข้างนอกแดดร้อนไหม เดินข้ามฟากจากตึกวิศวะมาตั้งไกลเอาน้ำสักกระป๋องหรือเปล่า เดี๋ยวจะลุกไปซื้อให้ไรงี้... ไม่มี... เซฮุนมันเอาแต่มอง มอง และมอง
“นาฬิกาก็ใส่ จำไม่ได้หรือไงว่าวันนี้มีนัดกี่โมง”
“เลทสิบนาทีเองน่า หยวน ๆ” แบคฮยอนยิ้มพลางทำมือปัด ๆ จุดนี้กูตลกแดกไว้ก่อนเดี๋ยวมันฉุนขึ้นมาแล้วจะชวดแสนห้า
“สิบห้า”
“เอ้อ สิบห้าก็สิบห้า กูมันชั่วช้าสามานย์ ฆาตกรเลือดเย็น กล้าดียังไงถึงมาสายตั้งสิบห้านาที” แบคฮยอนมองอีกคนด้วยหางตา ก่อนจะก้าวคาบเก้าอี้ตัวฝั่งตรงข้าม ประสานมือลงบนโต๊ะพร้อมเลื่อนหน้าเข้าไป “ใจคอจะตึงใส่กันจริง ๆ ดิ หรือว่ายังงอนเรื่องเมื่อคืนอยู่”
“ทำไมถึงกล้าใช้คำแบบนั้น หน้ากูเหมือนปาร์คชานยอลหรือไง? ก็ไม่” อะนั่นแน่ มีตัดพ้อ “ตามมา”
แบคฮยอนเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยพร้อมทำปากเหมือนลิง มองตามแผ่นหลังชายหนุ่มหุ่นนายแบบที่เดินล้วงมือข้างเดียวเข้าไปในกระเป๋ากางเกงแล้วตรงไปในตึก เห็นอย่างนั้นก็อดไม่ได้เลยเดินเลียนแบบจนอีกฝ่ายหันมานั่นแหละ เขาถึงทำเป็นแกล้งเสยผมขึ้น
“ก็ไม่อยากโทษใครหรอกนะ แต่ว่าวันนี้อาจารย์ปล่อยช้า กูนี่รีบวิ่งมาจนเสื้อช่อปเปียกเหงื่อไปหมดเลยเนี่ย ดูดิ” เปล่าหรอก ที่จริงแวะซดน้ำปั่นข้างตึกมา “ว่าแต่ชานยอลไม่มาด้วยเหรอ เห็นว่าได้งานคู่กัน”
จะได้เงินทั้งทีต้องเดินแผนด้วย วันนี้แบคฮยอนจะสานต่อความสำเร็จที่ป๋ายเซียนมันสร้างไว้ เขาจะพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส ถือว่าเป็นโชคแล้วกันที่เซฮุนมันได้งานคู่กับชานยอล
“ไม่โทรหาเองล่ะ ดูเหมือนว่ามึงสองคนจะมีเบอร์กันอยู่แล้ว”
“ถามจริงงง” แบคฮยอนลากเสียง ใจคอจะขบเรื่องนี้ไม่เลิกเลยช้ะ “ที่ไปยืนรอหน้าติดวิดวะนี่อยากได้นายแบบหรือว่าอยากจีบกูกันแน่ เอาแบบไม่ซึนนะ กูชอบคนใจ ๆ พูดชุดเดียวรู้เรื่องเลยงี้”
ทั้งคู่หยุดอยู่หน้าลิฟต์ แบคฮยอนยืดตัวขึ้นเล็กน้อย กระซิบเบา ๆ พร้อมหรี่ตามองอย่างคนรู้มาก แต่เซฮุนมันก็ยังนิ่ง ถ้าไม่เก็บอาการเก่งก็คงหึงควันออกหูอะ แต่ให้ทำไงได้วะ จะบอกว่านั่นคือไอ้ป๋ายเซียนก็ไม่ได้ มันไม่ควรหึงตั้งแต่ยังไม่เริ่มจีบเขาอย่างเป็นทางการ
“คิดว่าตัวเองน่ารักใช่ไหมถึงได้มั่นใจขนาดนี้?” เซฮุนก้มหน้าเล็กน้อย มองตากลม ๆ ซึ่งมีจุดเด่นเป็นหางตา และริมฝีปากสีอ่อน ๆ ที่เอาแต่พูดไม่หยุด
“นี่ใช่คำตอบเหรอ ห้ะ? บ่ายเบี่ยงนี่หว่า ชอบก็บอกว่าชอบ จะได้วางตัวถูก”
“ไม่ได้ชอบ ย้ำ” เซฮุนชูนิ้วชี้ขึ้นมาตรงระดับปลายจมูกของเขา “กู – ไม่ได้ – ชอบ – มึง”
“ปวดร้าวว่ะ” แบคฮยอนทำท่ากุมหัวใจ พลางมองตามแผ่นหลังคนตัวโตกว่าที่กำลังเดินเข้าไปในลิฟต์ เขาจึงรีบวิ่งตามไปยืนประกบข้าง “อันนี้จริงจังนะ ไม่ถูกกับปาร์คชานยอลเหรอวะ”
“...”
“หน่อยน่า ไหน ๆ เราก็ต้องทำงานด้วยกัน กูจะได้รู้ไงว่าควรพูดหรือไม่ควรพูดอะไรเวลามึงสองคนอยู่ด้วยกันอะ”
เซฮุนชำเลืองมองคนตัวเล็กที่ยังคงพูดจ้อเจื้อยไม่หยุด แม้จะรำคาญที่ได้ยินชื่อปาร์คชานยอล แต่สิ่งที่อีกฝ่ายพูดมันก็มีเหตุผลให้ต้องชั่งใจ แน่นอนว่าเขาไม่ต้องการหัวเสียหากอยู่ท่ามกลางสองคนนี้
ถ้าบยอนแบคฮยอนรับปากคนอื่นก็ว่าไปอย่าง เขาจะไม่หงุดหงิดเลยสักนิดถ้าคนนั้นไม่ใช่ปาร์คชานยอล เมื่อคืนกว่าจะเถียงกันจบก็ล่อซะปวดนิ้ว ทำไมเขาต้องทะเลาะกับมันในไลน์เรื่องใครเจอนายแบบก่อน จนกระทั่งปาร์คชานยอลทนไม่ไหว ต้องเฟซไทม์มาทำหน้ากวนส้นตีนใส่อยู่หลายนาที
“ใช่ ถ้ารู้แล้วก็อย่าสร้างปัญหาเพิ่มให้กู โอเคไหม?”
“ถึงเด็กวิศวะจะสร้างเก่ง แต่ต้องไม่ใช่ปัญหาแน่นอน ไว้ใจกูสิเซฮุน” คนตัวเล็กทุบอกตัวเอง เท่มากมั้ง ตัวก็เล็กแค่นี้ “วันนี้เราจะทำอะไรกันบ้างวะ”
“วัดตัว เพื่อเอาไปทำตามแพทเทิร์น”
“ได้”
เซฮุนขมวดคิ้วมุ่นพลางมองอีกคนที่แบมือออกมา แบคฮยอนทำตาปริบ ๆ พร้อมกระดิกนิ้ว คนตัวผอมหันหน้าเข้าหาและยืนกอดอก ก็ลองดูว่าจะมาไม้ไหน
“ค่าแรงก่อนครึ่งนึง”
“งานก็ยังไม่ทันเริ่มสักอย่าง มาก็สาย แต่ก็กล้าแบมือขอเบิกค่าแรงก่อน?”
“ขนาดกองทัพยังเดินด้วยท้องเลย เรียกมันว่าสัญญาใจดิวะเซฮุน มองตากูนี่ แล้วมึงจะเห็นความตั้งใจเป็นนายแบบที่แฝงอยู่” แบคฮยอนยื่นหน้าเข้าไป ทั้งคู่สบตากันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่คนตัวผอมจะยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย
“กูเห็นแต่เงินอยู่ในนั้น” เซฮุนเอากระเป๋าเงินออกมาควักธนบัตรจำนวนหนึ่งใส่มือเล็ก ก่อนจะดันใบหน้าซน ๆ ออกไป แต่เจ้าของเสื้อช่อปวิศวะกลับคว้ามือเขาไว้แล้วเอาหัวไถเหมือนลูกหมากำลังเล่นกับเจ้านาย
“จ่ายเต็มเลยเหรอ ป๋าที่สุด รวยขนาดนี้ทำไมจ้างแค่แสนห้าล่ะ”
“ออกไปห่าง ๆ”
“เซฮุนน่า มึงต้องชอบกูแน่ ๆ เลย กูรู้สึกได้ ไอ้เงินนี่ก็แรงพิศวาส”
คนตัวผอมถูกเบียดไปจนชิดกับผนังลิฟต์ เซฮุนยืนห่อไหล่พร้อมมองอีกฝ่ายที่ยังเอาหัวถู ๆ แขนของเขา ก่อนที่ทุกอย่างจะหยุดนิ่งราวกับโลกหยุดหมุนทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดออก พร้อมใครคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างนอก
ฉิบ – หาย – แล้ว
“อ้าว... ป๋ายเซียน?” ปากของชานยอลมันยิ้มแต่ตาและคิ้วกลับแสดงออกถึงความสงสัย คนตัวสูงก้าวเข้ามาด้านในพร้อมยืนขนาบข้างแบคฮยอนที่เอาแต่ยิ้มโง่ ขณะกำลังเรียบเรียงระบบแปลงร่างเป็นน้องชายฝาแฝด
“ป๋ายเซียน? ...ฮะ” เซฮุนแค่นหัวเราะในลำคอกับคนสองชื่อ พลางหลุบตามองคนตัวเล็กที่เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ อยู่กับเขาก็เป็นลิงเป็นค่าง พออยู่กับไอ้ขี้เก๊กหน่อยก็เปลี่ยนเป็นคนเรียบร้อยทันควันเลยนะ
“ไม่เห็นตอบไลน์ เราก็นึกว่าจะไม่มาซะแล้ว”
แบคฮยอนล้วงสมาร์ทโฟนออกมาจากกระเป๋ากางเกง ก่อนจะเงยหน้าสบตากับเจ้าของรอยยิ้มหล่อ ๆ ที่แฝงไปด้วยความตอแหลทั้งหมดทั้งมวล เออจริงอย่างที่ไอ้ป๋ายว่า ปาร์คชานยอลแม่งหล่อทุกองศาแบบวัตถุไวไฟมาก หล่อเผาไหม้ หล่อจนไม่เกรงใจสีผมควันบุหรี่
“เราปิดเสียงไว้เลยไม่รู้อะ ขอโทษนะ” คนตัวเล็กยิ้มแห้ง พร้อมเก็บสมาร์ทโฟนใส่กระเป๋ากางเกงหลังจากแสดงละครฉากแรกเรียบร้อยแล้ว กูจะตอบไลน์ยังไงในเมื่อมันคุยกับไอ้ป๋ายเซียน
“แต่คุยแบบได้มองหน้ากันไปด้วยอย่างนี้ก็คงดีกว่า... ป๋ายเซียนว่าไหม?”
STATUS : โดนฮุคแรก
“ดีไหมนะ?” แบคฮยอนอมยิ้ม แกล้งเอาไหล่เฉียดแขนคนตัวสูงและไม่ลืมที่จะส่งสายตาแบบที่ไอ้ป๋ายแสดงให้ดูเมื่อวาน นึกแล้วก็อยากจะฆ่ามันให้ตาย
ไอ้คนเจ้าชู้มองมาอย่างมีความหมาย ถ้าท้องได้คาดว่าตอนนี้คงทำการปฏิสนธิไปแล้วเรียบร้อย แบคฮยอนอยากทำอะไรมากกว่านี้ถ้าไม่ได้ยินเสียงถอนหายใจแรง ๆ ของเซฮุน ซึ่งมันขัดจังหวะการทำภารกิจของเขา
“บอกให้ถอยไปห่าง ๆ ไง อึดอัด” เซฮุนผลักหัวคนตัวเล็กจนเซไปข้างหน้า แบคฮยอนขมวดคิ้วพร้อมขยับปากบ่นอุบอิบก่อนจะหันกลับมามองอีกฝ่ายอย่างเอาเรื่อง
“ไรวะ ที่ก็ตั้งกว้างเป็นเอเคอร์ แม่ง หัวเกือบชนประตูแล้วไหมล่ะ”
เป็นอีกครั้งที่ชานยอลยิ้มพร้อมขมวดคิ้วไปด้วย ชายหนุ่มทั้งสองหันไปมองหน้ากัน หากแต่คนหนึ่งเต็มไปด้วยความสงสัย แต่อีกคนกลับอมยิ้มอย่างมีนัยยะ ซึ่งแบคฮยอนกำลังรู้สึกถึงหายนะที่กำลังจะมาเยือนหลังจากหลุดปากหมาใส่เซฮุนให้ชานยอลได้เห็น
“ซี้กัน ฮะ ๆ นี่ตบหัวยังไม่โกรธเลย ใช่ปะ?” แบคฮยอนหัวเราะกลบเกลื่อนพร้อมชี้ไปทางเซฮุน
และเป็นจังหวะเดียวที่ประตูลิฟต์เปิดออก คนตัวเล็กเบิกตากว้างเมื่อร่างของเขาถูกเซฮุนลากออกมาจากลิฟต์ต่อหน้าปาร์คชานยอล จะมาหัวเสียตอนนี้ไม่ได้นะโว้ย! มึงจะกวนส้นตีน จะหาเรื่องด่าตอนไหนก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่--
“มึงมีสายวัดหรือไง?”
บอกเลยว่าสภาพตอนนี้มันไม่ค่อยน่ามองเท่าไหร่... กับการที่คอถูกล็อกด้วยท่อนแขนของเซฮุน แต่มือข้างซ้ายถูกชานยอลคว้าเอาไว้ คนตัวสูงทั้งสองหันมาสบตากันจนรู้สึกได้ถึงสงครามย่อย ๆ ที่มีบยอนแบคฮยอนยืนอยู่ตรงกลาง
“ดูเหมือนว่ากระเป๋ากะโหลกของมึงอยู่กับไอ้ลู่หานนะ เมื่อกี้กูเห็นมันวนเวียนอยู่ในห้องตัดเย็บ” ไม่พูดอย่างเดียว ชานยอลออกแรงกระตุกข้อมือจนวงแขนของเซฮุนยอมคลายออกจากช่วงคอคนตัวเล็ก แบคฮยอนเบิกตากว้าง ทันทีที่ร่างของเขาถูกรองรับด้วยแผงอกแกร่งของคนตัวสูง มากกว่าการพุ่งไปข้างหน้า
สาบานเลยว่าแฟนเก่าสมัยมอปลายก็ไม่เคยมีหุ่นที่ดูดีแบบนี้ อีกทั้งกลิ่นหอมที่ทำให้นึกถึงไอ้ป๋ายว่าไม่ได้เวอร์ไปกว่าที่มันพูดไว้เลย อีกทั้งมือใหญ่ที่วางอยู่บนซอกคอ มันชวนขนลุกแปลก ๆ
แบคฮยอนไม่เห็นว่าตอนนี้เซฮุนกำลังทำหน้าแบบไหน จนกระทั่งชานยอลจับหัวไหล่ทั้งสองข้างของเขาหลังจากผละตัวออกมานั่นแหละ ถึงได้รู้ว่าผู้ชายขี้หงุดหงิดหายไปแล้ว
“ไปสนิทกับไอ้เซฮุนตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“ไม่สนิทหรอก อย่าไปคิดงั้น” ตอนแรกใส่อินเนอร์รำคาญ แต่พูดจบก็ต้องยิ้มกว้างทำตาใส แบคฮยอนพยายามย้ำกับตัวเองตลอดเวลาว่าไอ้หล่อนี่แหละที่เที่ยวหักอกใคร ๆ โดยเฉพาะเพื่อนสนิทของเขา อีอูฐพญามาร
ชานยอลเอาแต่มองตา ราวกับว่าคาดคั้นให้พูดความจริงอยู่ลึก ๆ แต่ก็แค่ครู่เดียว เจ้าของขายาว ๆ ก็คว้าแขนเขาให้เดินไปด้วยกัน เออดีเนอะ เมื่อวานไอ้ป๋ายคงสร้างงานสร้างอาชีพไว้เยอะ วันนี้มันถึงกล้าเนื้อถึงตัวได้แบบไม่เกรงใจกันเลย
“ถึงจะเชื่อที่ป๋ายเซียนพูด แต่เราก็อดน้อยใจไม่ได้อยู่ดี”
“น้อยใจ?” แบคฮยอนเลิกคิ้ว ก่อนที่อีกคนจะวางกระเป๋าลงบนโต๊ะห้องเรียนดีไซน์ ซึ่งมีจอโปรเจคเตอร์อยู่ด้านล่างสุดในห้องกว้าง
“ที่เห็นป๋ายเซียนสนิทกับเซฮุนมากกว่าเรา” คนตัวสูงพูดพร้อมดึงสายวัดตัวออกมา ขณะที่สบตากับเขา
ให้ตายสิวะ บยอนแบคฮยอนต้องย้ำตัวเองแทบทุกวินาทีเลยว่า ‘ปาร์คชานยอลมันเจ้าชู้ ทั้งสายตา ทั้งคำพูดทั้งหมดนั่นน่ะ ก็แค่การแสดง’
คนตัวเล็กมองไปยังประตูทางเข้าด้านหลังห้อง จนถึงตอนนี้เซฮุนก็ยังไม่มา และแน่นอนว่ามันเป็นจังหวะดีที่เขาจะได้ตีบทแตกใส่ปาร์คชานยอลแบบไม่ต้องแคร์สายตาใคร
คนตัวเล็กขยับเข้าหาอีกฝ่ายหนึ่งก้าว ก่อนจะจับมือใหญ่ทั้งสองข้างขึ้นเพื่อที่จะแทรกตัวเข้าไปตรงกลาง ชานยอลหลุบตามองพร้อมเลื่อนระดับมือลง จนตอนนี้สายวัดตัวมันคาดอยู่บนไหล่บางของคนตรงหน้า
“ใครเขาพูดกูมึงกับคนสำคัญล่ะชานยอล...”
เสียงแผ่วเบาคล้ายกระซิบมาพร้อมแววตาซึ่งเต็มไปด้วยความหมาย เจ้าของชื่ออมยิ้มอย่างพอใจกับคำตอบก่อนจะรั้งสายวัดเข้าหาตัวจนร่างเล็กแนบกับแผงอกกว้าง แม้ตอนแรกจะตกใจที่เห็นป๋ายเซียนใส่เสื้อช่อปวิศวะ แต่พออยู่สองต่อสองในโพซิชั่นแบบนี้ มันก็น่าตื่นเต้นไปอีกแบบ
“จะบอกว่าฉันสำคัญกับป๋ายเซียนเหรอ ...อ๊าวช์!” ชานยอลสะดุ้งสุดตัวทันทีที่ถูกฟาดก้นเข้าเต็มรัก เบิกตากว้างมองอีกฝ่ายที่กำลังขยำก้นเขาอย่างมันส์มือ ก่อนจะหลุดหัวเราะออกมาอย่างไม่อยากเชื่อเล็ก ๆ
“อย่าถามอะไรที่รู้คำตอบอยู่แล้วได้ไหม...” เสียงพูดลอดไรฟันอย่างมันเขี้ยวนั้นทำให้ชานยอลรู้สึกตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมาก ให้ตายสิโรบิ้น ป๋ายเซียนที่ว่าน่ารักน่าชังเมื่อวานกำลังจะแปลงร่างเป็นเสือหรือนี่
“ก็อยากได้ยินนี่ พูดให้เราชื่นใจไม่ได้เหรอ...”
“เราทำให้ชานยอลชื่นใจได้มากกว่าคำพูดอีก...”
“อา... จะชื่นใจได้มากกว่านี้ไหมนะ” ชานยอลพรูลมหายใจออกมา เมื่อตอนนี้มือเล็กเลื่อนมาข้างหน้า ลูบวนอยู่เหนือเข็มขัดแอร์เมสเล่นเอาหวาดเสียวยิ่งกว่าเล่นไวกิ้งในคืนเดือนเพ็ญอีก
ปาร์คชานยอลไม่ได้มีรสนิยมตายตัวหรอกนะ แต่การมีเซ็กส์ในห้องเรียนดีไซน์ก็ท้าทายใช่ย่อย นึกสภาพตอนป๋ายเซียนครางทั้งที่ใส่เสื้อช่อปก็สยิวกิ๊วเหลือทน
แต่บอกเลยว่าคน ๆ นึงน่ารักได้และแซ่บได้ในเวลาเดียวกันมันก็น่าลองไม่หยอก
“ทำไงดี โทรไล่เซฮุนกลับไปได้ไหม...”
“คนอย่างมันคงไม่ยอมกลับไปหรอก...” คนตัวสูงซี๊ดปาก อีกนิดเดียวก็จะถึงเป้ากางเกงอยู่แล้วแต่คนตัวเล็กก็เฉียดนิ้วผ่านไปอย่างน่าหวาดเสียว
นึกถึงโอเซฮุนแล้วก็หงุดหงิด ไอ้เวรนั่นคงตั้งใจเป็นมารผจญเขาไปจนถึงปีสุดท้ายเลยสินะ มันน่าจะรู้ได้แล้วว่าเสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ และแน่นอนว่าเจ้าป่าที่แท้จริงคือปาร์คชานยอลคนนี้
“เห็นมีคนบอกว่าห้องน้ำตึกแฟชั่นสวย เราอยากลองไปดูสักครั้งจัง...” ไม่พูดอย่างเดียว แบคฮยอนเอาลิ้นดันกระพุ้งแก้มเข้าออกจนสื่อไปในทางลามก เรียกรอยยิ้มจากคนตัวสูงได้เป็นอย่างดี
“บ้านเราก็สวยนะ ถ้าป๋ายเซียนอยากไป...” ชานยอลแลบลิ้นออกมา โอเค นี่มันผีเจอผีชัด ๆ
“เราอยากไปจะแย่...”
“อะแฮ่ม!”
จากที่เคยยืนนัวจนแทบสิงกันเป็นหนึ่งเดียว แบคฮยอนก็ยืนตัวตรงให้ชานยอลช่วยวัดความกว้างของไหล่ให้ ราวกับว่าก่อนหน้านี้ไม่เคยมีความอีโรติกเกิดขึ้น คนตัวเล็กชะโงกหน้ามอง แล้วก็ได้เห็นสีหน้ามึนตึงของโอเซฮุนที่มาพร้อมกระเป๋าหนัง แถมยังวางซะเสียงดัง
“วัดเสร็จแล้วก็กรุณามาคุยงานทางนี้ด้วย”
เซฮุนเพ่งมองคนตัวเล็กที่กำลังทำหน้าอ้อร้อแถมส่งจูบมาอย่างกวนประสาท ทั้งคู่ต่อสู้กันทางสายตาอยู่แค่ครู่เดียว คนขี้หงุดหงิดจึงเป็นฝ่ายจบสงครามนี้ด้วยการให้ความสนใจสมาร์ทโฟนในมือ
“ไว้ไปบ้านเรานะ...” ชานยอลก้มลงกระซิบพร้อมวัดเอวไปด้วย แบคฮยอนหันไปสบตากับอีกฝ่ายในระยะใกล้ กระซิบตอบและปิดท้ายด้วยการหายใจรดซอกคอเบา ๆ
“อยากรู้แล้วสิว่าห้องน้ำบ้านชานยอลจะสวยกว่าห้องน้ำตึกแฟชั่นแค่ไหน...”
TBC

ความคิดเห็น