คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Scene 2 :: พี่เขากวนตีน
Scene 2
พี่เขากวนตีน
“ไงครับ เมื่อคืนหลับสบายดีเนอะ”
“เออ”
“ผมก็รอว่าเพื่อนจะส่งไฟล์นิยายมาให้เมื่อไหร่ โทรไปก็ไม่รับสาย ไลน์ไปก็ไม่ตอบ ถ้าไม่เจอเช้านี้คงคิดว่าตายห่าไปแล้ว”
เด็กหนุ่มตาโตมองเพื่อนสนิทที่วางกระเป๋าลงบนโต๊ะ ก่อนหน้าหมา ๆ ของมันจะซบลงตาม ตาตี่ ๆ นั้นทอดมองออกไปนอกหน้าต่างเหมือนคนไร้วิญญาณ ซึ่งโดคยองซูคิดว่าคงมีไม่กี่อย่างในโลกนี้ที่ทำให้แบคฮยอนหงอยได้
ข้อแรก...อาจจะมีคนเมนท์ด่าว่านิยายที่มันเขียนแม่งกาก กระจอกงอกง่อย เขียนงี้ให้ฟรียังเอากระดาษไปรองถาดข้าวหมาไม่ได้ ข้อสองคือตีดอทแพ้ ซึ่งอันนี้เข้าใจว่าวัยรุ่นหัวโปกอย่างเรา ๆ ก็งิดกันได้ทั้งนั้นเมื่อได้รับความพ่ายแพ้ แต่แบคฮยอนมันควรชินสักที เพราะฝีมือการเล่นของมันก็ช่างสมเต่าถุย หรือที่เรา ๆ ชาวเกมเมอร์เรียกว่านูป ส่วนข้อสุดท้ายคงโดนแม่ด่า ซึ่งน่าจะเป็นอย่างหลังมากกว่า
“เป็นไรเปล่า”
“เป็น”
“อยากระบายไหม”
“ตอนนี้ยังอะ”
“ย่อมได้ ถ้ายังไม่อยากเล่าตอนนี้ก็ไม่เป็นไร แต่ขอให้รู้ไว้ว่ายังมีเพื่อนคนนี้ที่รอเสือกอยู่” แบคฮยอนเหล่มองเพื่อนไซส์มินิที่มองมาอย่างจริงจัง แน่นอนว่าโดคยองซูไม่เคยพูดเล่นถ้าเป็นเรื่องของชาวบ้าน ถึงแม้จะไม่ได้บังคับให้พูด แต่ตาโต ๆ ของมันก็กำลังกดดันอยู่นัย ๆ
“ตอนแรกกูคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันเป็นความฝัน แต่มันเป็นเรื่องจริงว่ะ”
“มึงไม่ต้องพรรณนาให้ยืดยาว ตัดอินโทรแล้วเข้าฉากไคลแม็กซ์เลย เริ่มได้” คยองซูเพ่งมองคนข้าง ๆ อย่างจริงจัง วินาทีนี้การบ้านที่ยังไม่เสร็จคืออะไรกูไม่รู้จัก เรื่องเสือกต้องมาก่อนเสมอ ยิ่งเป็นเรื่องของเพื่อน โดคยองซูยิ่งต้องใส่ใจ
“ไอเด้ามึงอะ ปาร์คชานยอล”
“ไอดอลพอ” เด็กหนุ่มตาโตโบกหัวเพื่อนจนหน้าแทบจมไปกับโต๊ะ ซึ่งแบคฮยอนก็ได้แต่ซี๊ดปากพลางลูบหัวป้อย ๆ
“เออนั่นแหละ”
“ทำไมวะ เขาขับรถจอดไฟแดงแล้วมึงหันไปเห็นพอดีงี้เหรอ”
“ไม่ใช่เว้ย ยิ่งกว่านั้นอีก”
“ว๊ะ! แล้วมันอะไรยังไงก็เล่ามาสักทีดิ ให้กูเดาเองอยู่ได้ เสียเวลาชีวิตกูไปตั้งกี่นาทีมึงลองคำนวณดู ถ้ากูวิ่งไปขอลอกการบ้านไอ้จองกุกป่านนี้ได้หลายโจทย์ละ” คยองซูเริ่มมีน้ำโห เขาล่ะเกลียดเพื่อนคนนี้เหลือเกินที่ชอบลีลายึกยักอยู่นั่น
“พี่เขามาขอให้กูไปทำงานด้วย”
“...” คยองซูไม่ได้สวนกลับไปเหมือนทุกครั้ง ตอนนี้เขาเพียงแค่ทำหน้าอึนกับเรื่องที่เพื่อนเพิ่งพ่นออกมา
“จริง ๆ นี่มึงไม่เชื่อเหรอ” แบคฮยอนดีดตัวลุกขึ้นนั่ง เมื่อเห็นว่าเพื่อนซี้แสดงออกทางสีหน้าอย่างชัดเจนว่า ‘พูดเยี่ยไรของมึง’
“นี่มึงตื่นดียัง เมื่อเช้าแม่ไม่ให้แดกข้าวเหรอ” คยองซูวางมือลงบนหัวคนข้าง ๆ ก่อนจะตบแปะ ๆ เพื่อช่วยเขย่าสมองเพื่อน
แบคฮยอนปัดมือเล็กออกอย่างแรงแล้วถอนหายใจอย่างหัวเสีย เมื่อเช้าเขาถูกแม่ปลุกตั้งแต่ตีห้าให้ไปช่วยนั่งหมักกิมจิทั้งที่ง่วงจะตายห่า ปากก็เสี้ยมสอนลูกให้รู้จักวางตัวเวลาอยู่กับดารา แม่บอกว่ามีพระเจ้าทิ้งบันไดลงมาจากสวรรค์ให้ทั้งที ถ้ามึงไม่ปีนขึ้นไปคือโง่ยิ่งกว่าควายพิการอีกนะ นี่มันเป็นช่วงกอบโกย เพราะงั้นบยอนแบคฮยอนควรตีสนิทปาร์คชานยอลเข้าไว้ ถ้าพี่เขาถลกขากางเกงเมื่อไหร่ ให้รีบถลาเข้าไปเลียขาทันที (เลียคนละความหมายแล้วป่ะวะมึง)
ไหนจะเมื่อคืนนอนน้อยอีก นี่จะโทษว่าเป็นความผิดพี่พระเอกคนเดียวเลยที่ทำให้คิดมากจนนอนไม่หลับ ไม่ใช่ห่วงเรื่องงานไรหรอกนะ เครียดอะ อยากรู้จนตัวสั่นแล้วเนี่ยว่าเพราะเหตุผลอะไรปาร์คชานยอลถึงได้ต้องการตัวเขานัก
ถ้ามาพล็อตละครไทยว่าพี่เขาแอบตกหลุมรักนี่จะได้เล่นตัวรอไง แต่จากสายตาที่มองมาเหมือนหลอกด่าอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งคำพูดอ้อมโลกที่ไม่ค่อยมาในแง่บวกสักเท่าไหร่นั่นน่ะ อืม...มึงตัดข้อนี้ไปเถอะแบคฮยอน
“ไม่เชื่อช่ะ”
“ตอแหลตอนเช้ามันไม่ดีต่อสุขภาพ โอเคนะเพื่อน” คยองซูลูบหัวเพื่อนสนิทที่กำลังง่วนอยู่กับโทรศัพท์มือถือ ก่อนจะเบิกตาโพลงอย่างตกใจ ทันทีที่เห็นรูปคุณแม่ยังสาวนมโตเซลฟี่กับดาราในดวงใจของเขา!
“เจ็ท!”
“ไง? นี่กูไม่ได้อัพลงทวิตเลยนะ เดี๋ยวเขาหาว่าแม่กูเป็นนังกากีมีผัวแล้วยังเต๊าะเด็ก แถมเป็นดาราดังด้วย” แบคฮยอนเก็บมือถือใส่กระเป๋ากางเกง ก่อนจะป้องปากกระซิบเพราะกลัวเพื่อนร่วมห้องมาได้ยินเข้า แหม่...ใคร ๆ เขาก็รู้ว่าปาร์คชานยอลน่ะดังโลกแตก “สุดยิดเลยใช่ไหมล่ะเพื่อน...”
“ไม่ได้ตัดต่อใช่ไหม มึงเอามาดูใหม่!” คยองซูไม่พูดอย่างเดียว เขาแบมือที่กำลังสั่นระริกออกมาบ่งบอกเจตนารมณ์ว่าต้องการสัมผัสด้วยตาอีกครั้ง ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่การดักควาย
ปกติแบคฮยอนไม่ชอบทำอะไรซ้ำ ๆ ซาก ๆ แต่ถ้าความจริงมันจะตอกหน้าไอ้เตี้ยหมาตืดนี่ได้ล่ะก็ เขาจะยอมล้วงมือถือออกมาบั้นหน้ามันอีกครั้ง
“เอาไป” คยองซูรับมือถือมากดดู พร้อมใช้สองนิ้วป้อม ๆ ขยายรูปออกเพื่อจับผิด แบคฮยอนมันตัดต่อรูปเก่ง เรื่องนี้เขารู้กันทั้งบอร์ดเกมออนไลน์
“เข้...จริงเหรอวะ”
“โกหกไปก็ไม่ได้อะไร ทีนี้เชื่อได้ยัง?” คยองซูไม่ได้ตอบคำถามในทันที ซึ่งแบคฮยอนก็ได้แต่หรี่ตามองไอ้เตี้ยตาโตที่เอามือถือตัวเองออกมา เพื่อกดส่งรูปนี้เข้าเครื่องตัวเอง “อย่าอัพลงทวิตนะมึง”
“อัพดิ เดี๋ยวกูเซนเซอร์หน้าแม่มึงไว้ให้เหลือแค่นม” สัส นี่ก็จะขายแม่กูจัง
“ไม่ได้ พี่เขาสั่งไว้ ถ้ารูปนี้หลุดออกไปเมื่อไหร่กูเละเป็นโจ๊กแน่” แบคฮยอนทำหน้าเนือย ก็ไม่อยากมโนไปเองหรอกนะครับ คนมันเพิ่งเห็นหน้าค่าตากันวันเดียวอะเนอะ ใคร๊ใครจะไปรู้จักนิสัยใจคอขนาดที่คาดเดานิสัยกันได้
แต่ถ้ารูปหลุดออกไป = พี่พระเอกด่ากูแน่ มั่นใจ 1000000%
“เขาไม่ด่าหรอก มึงก็เวอร์ว่ะ”
“เชื่อเถอะ ด่าแน่นอน ไม่พลาดด้วย” แบคฮยอนพยักหน้าช้า ๆ ก่อนจะเอาสมาร์ทโฟนของเพื่อนมากดลบรูปเซลฟี่คู่ทิ้ง คยองซูขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ พี่ชานยอลของกูออกจะจิตใจ 4G ดีกรีพระเอกช่อง SBS จะมาด่าเด็กกะโหลกอย่างมึงได้ยังไง พี่แกคงไม่ว่างขนาดนั้น
“โอเค ไหนเล่ามาซิว่าอะไรเป็นยังไง”
เด็กหนุ่มตาโตเท้าแขนลงกับโต๊ะเรียนพร้อมทำหน้าจริงจัง วินาทีนี้เขาจะไม่พูดแทรกอะไรอีกเด็ดขาด โดคยองซูปฏิญาณกับตัวเองแล้วว่าจะนั่งเสือกอย่างตั้งใจ เพื่อข้อมูลที่แน่นอนและไม่ผิดพลาด
แบคฮยอนถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะกลอกตามองไปรอบห้อง มันคงดีกว่าถ้าเรื่องนี้เข้าหูไอ้เตี้ยตาโตนี่แค่คนเดียว ถ้าหากว่าเขาอยากเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ
“เรื่องมันมีอยู่ว่า...”
วันนี้ก็เหมือนกับทุกวัน เรียน...กินข้าว...เล่น...หลับในห้องเรียน มันคือสิ่งที่บยอนแบคฮยอนทำเป็นกิจวัตร เด็กหนุ่มเหวี่ยงกระเป๋าเป้ไปข้างหลัง เสียงหัวเราะของเขาและเพื่อนสนิทดังอย่างไม่อายใคร หลังจากพูดเรื่องลามกที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นในนิยายเกี่ยวกับสงครามได้
ก็หยวน ๆ หน่อยน่า เวลาคุยพล็อตกันงี้มันก็มีจริงจังบ้าง เล่น ๆ บ้าง แต่เวลาเขียนแบคฮยอนก็ตั้งใจเสมอนะเว้ย
“เชื่อกู เขียนให้ชานเลี่ยอาสาออกไปไกล่เกลี่ยแลกตัวประกัน หลังจากนั้นก็ให้โดนยิงสักสองสามนัด แล้วก็ดักควายคนอ่านว่าตายแล้ว”
“โดนขนาดนั้นก็สมควรตายป่ะวะมึง กูว่ามันแป๊กอะถ้าจะให้มันโผล่มาอีกทีแบบซุปเปอร์แมน”
“เหย... ก็แค่นิยายเองจะเอาไรมากวะ อยากได้สมจริงมากบอกคนอ่านไปรบกับเกาหลีเหนือเอง” คยองซูส่ายหน้าหน่าย ๆ เขาอุตส่าห์ช่วยคิดพล็อตเจ๋ง ๆ ให้ ทำไมไอ้เพื่อนคนนี้ชอบแย้งนัก
“แล้วถ้าให้ชานเลี่ยไป...” ยังพูดไม่จบประโยคเด็กหนุ่มก็ต้องหยุดฝีเท้าเมื่อเห็นรถคันคุ้นตาจอดผงาดอยู่หน้าโรงเรียน เด็กหนุ่มสาวที่เดินผ่านไปมาต่างก็มองเป็นตาเดียวกัน กับความอลังการงานสร้างที่มาพร้อมกับความหล่อ
แน่ล่ะ... ไม่บ่อยนักหรอกที่จะมีผู้ชายหน้าตาดีในชุดสูทมายืนพิงรถเบนซ์สีดำคันหรูอย่างกับพระเอกนิยายแฉ่มไฝเลิฟซีรี่ส์ แถมยังมองมายังหนังหน้านางเอกบ้าน ๆ อย่างกูอีก เอาสิ... ขายาว ๆ นั่นก็ก้าวอาด ๆ มาทางนี้อย่างไม่เร่งรีบด้วย สวัสดีจ้าประชาชี
“สวัสดีครับแบคฮยอน”
“พี่อี้ฝานมาไง...” เด็กหนุ่มยิ้มเจื่อน ก่อนจะโค้งหัวทักทายผู้จัดการส่วนตัวของดาราหนุ่มจอมบงการ
แบคฮยอนใช้จังหวะทีเผลอกลอกตามองไปข้างหลังคนตัวสูงเพื่อเช็กดูว่ามีวิญญาณยังตามติดของใครมาด้วยหรือเปล่า และเขาก็ได้โล่งอก เมื่อไม่พบสารร่างของดาราหนุ่มอย่างปาร์คชานยอล ซึ่งถ้าพี่เขามาคงได้สะพรึงวงการติ่งหูทั้งโรงเรียนแน่
“กูรู้จักพี่เขา ๆๆๆๆ” คยองซูรัวกระซิบพร้อมรอยยิ้มปากเป็นรูปหัวใจของมัน ตอนแรกก็อยากสงสัยหรอกนะว่ามันรู้จักได้ไง แต่พอนึกขึ้นได้ว่ามันเป็นติ่งพี่พระเอก ความอยากรู้อยากเห็นเลยจบลงแค่นั้น
“นี่เพื่อนผม โดคยองซูครับ”
“สวัสดีครับคยองซู”
“เหมือนกันครับพี่อี้ฝาน...” เด็กน้อยไม่ยอมละสายตาจากชายหนุ่มร่างสูงสักวินาทีเดียว บอกตรงว่าแค่เห็นหน้าผู้จัดการส่วนตัวยังฟินขนาดนี้ ถ้าได้เจอพี่ชานยอลตัวจริงคยองซูจะฟินขนาดไหน “แบคฮยอน สลับร่างกับกูไหม...”
“สลับพ่อง”
“ง่อว”
อยากจะบ้องหูมันถ้าไม่ติดว่าอยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่ แบคฮยอนเพียงแค่มองคาดโทษเพื่อนสนิทที่ยืนยิ้มอยู่นั่น ซึ่งมันทำให้อดคิดไม่ได้เลยว่าถ้าเกิดคนที่ถูกทาบทามเป็นมัน ทุกอย่างอาจจะราบรื่นก็ได้ พี่พระเอกท่าจะไม่ชอบคนเรื่องมากว่ะ แต่โทษที บยอนแบคฮยอนไม่รู้สึกผิดเลยสักนิด ก็เรื่องมากพอกันล่ะวะ
“พี่มีอะไรเปล่าครับ มาถึงนี่เลย”
“ใช่ ๆ มีอะไรครับ” คยองซูเสนอหน้าออกมา
“อ๋อ เรื่องนั้น...” ร่างสูงยิ้มบาง ๆ ก่อนจะเว้นจังหวะไปครู่หนึ่งราวกับใช้ความคิด แล้วมองหน้าเด็กหนุ่มทั้งสองคน “อย่างที่ชานยอลเคยบอกไปว่านัดคุณพรุ่งนี้ ถูกไหมครับ?”
“อ่าใช่ พี่เขานัดพรุ่งนี้” ...แต่ก็ไม่ได้อยากไปเท่าไหร่หรอกนะ
“แล้วถ้าจะเลื่อนนัดมาเป็นตอนนี้...คุณพอจะสะดวกไหมครับแบคฮยอน?” คำถามนี้ทำเอาเด็กหนุ่มถึงกับตาเหลือก แบคฮยอนชำเลืองมองเพื่อนสนิทที่กำลังทำท่าเดียวกัน ก่อนที่คยองซูจะพยักหน้าเป็นเชิงบอกให้เขารีบตกลงซะ
“เอ่อ...”
“พอดีว่าคุณฮโยลินเองก็ได้อนุญาตแล้ว เธอบอกว่าถ้าคุณจะค้างที่คอนโดชานยอลเลยก็ได้ ส่วนเสื้อผ้าที่ต้องใส่ เธอได้จัดเตรียมพร้อมใส่กระเป๋าให้เรียบร้อยแล้ว ของใช้จำเป็นทุกอย่างอยู่ท้ายรถครับ”
ว้อท ดา ฟ้าค
“แม่มึงนี่แน่นอนจริง ๆ” คยองซูกระซิบ แล้วหันไปยิ้มกริ่มใส่พี่ผู้จัดการหน้าหล่ออีกครั้ง เขาได้แต่คิดในใจว่าชาติที่แล้วเพื่อนร่างแคระคนนี้ทำบุญมาด้วยอะไร ถึงได้มีสิทธิ์ได้มีทแอนด์กรี๊ดพี่ชานยอลถึงคอนโดแบบนี้ ถ้าเป็นกูนะมึงเอ๊ย...
“เล่นจัดแจงกันเองทุกอย่างแบบนี้แล้วผมจะพูดอะไรได้อีกล่ะเนอะ...” แบคฮยอนทำหน้าเนือย ทั้งแม่ ทั้งพี่อี้ฝาน ทุกคนเผด็จการหมด นิสัยเหมือนกันมากก็น่าจะไปอยู่กับพี่พระเอกซะ
“อย่าตัดพ้อเลยนะครับ มันเป็นงานของผมที่จำเป็นต้องทำ” อยากจะนึกเห็นใจเหลือเกิน ที่พี่อี้ฝานต้องมาทำอะไรแบบนี้ก็เพราะถูกสั่งการมาสินะ หึ ร้ายนัก
“ไม่ได้ตัดพ้อ อันนี้เรียกเซ็ง”
“งั้นเดี๋ยวผมจะพาคุณไปซื้อขนมก่อนแวะเข้าคอนโดชานยอล เผื่อจะอารมณ์ดีขึ้น อยากทานอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าครับแบคฮยอน?”
“มันชอบพานาคอตต้า”
ซั้ซ หุบปากไปเลยบักเสี่ยว!!!
“พอดีว่าผมรู้จักเจ้าอร่อยอยู่ร้านนึง ถ้าไม่ติดธุระอะไรแล้ว...ผมขอยืมตัวเพื่อนคุณไปเลยแล้วกันนะครับคยองซู” ร่างสูงโค้งหัวเล็กน้อยเป็นเชิงขออนุญาต โดยไม่แคร์ว่าอีกฝ่ายจะอายุน้อยกว่า ซึ่งคยองซูก็โค้งหัวติดไข่กลับไปอย่างไม่คิด
“ยินดีเสมอเลยครับ ฮะ ๆๆ” เด็กหนุ่มตาโตหัวเราะแล้วเอาไหล่ชนกับไหล่เพื่อน หรือที่เจ้าตัวเรียกมันว่าสะกิด “มีอะไรโทรหากูได้ยี่สิบสี่ชั่วโมงนะ... ถ้าพี่เขามาในรูปแบบมิสเตอร์เกรย์ มึงก็สวมบทเป็นอานาสตาเซียไปเลย ถ้าเขาเฆี่ยนให้ทำหน้าเหมือนเจ็บแต่ฟินเข้าไว้ เอาใจหน่อย...”
“แม่มึงดิ กูยังไม่ได้ดู!”
“เหย...อย่ามาตอแหลน่า... ถึงกูกับมึงจะยังอายุไม่ถึง แต่กูรู้ว่ามึงบิทมาดูแล้ว อย่างมึงไม่น่าพลาดเรื่องแบบนี้” คยองซูทำมือปัด ๆ ซึ่งมันก็พูดไม่ผิด...
“งั้นเราไปกันเลยดีไหมครับ ชานยอลรออยู่”
“ชานยอล พี่มาแล้วนะ”
ประโยคเดิมเหมือนกับเมื่อวาน แบคฮยอนยืนนิ่งกลอกตามองไปรอบ ๆ ห้องเดิมที่ไม่มีอะไรคลาดเคลื่อนราวกับเดจาวู ซึ่งถ้ามีดรายไอซ์คลุ้งออกมาตามพื้น นี่จะคิดว่าอยู่ในอีกมิติหนึ่งในหนังเรื่องอินซีเดียสจริง ๆ ด้วย
“ครับ พี่กลับไปได้เลย”
“เอางั้นเหรอ?”
“อืม เดี๋ยวผมจัดการเอง”
เอาอีกแล้ว... โหดสัสต้อนรับตั้งแต่คำพูดคำจา...
“อ่า...”
ผู้จัดการหนุ่มหันมามองเด็กน้อยที่ยืนทำตาใสราวกับจะรั้งไม่ให้เขาไป อี้ฝานเห็นว่าแบคฮยอนเบะปากส่ายหน้าน้อย ๆ แถมยังกระตุกชายเสื้อสูทเขาอีก ร่างสูงหัวเราะแล้ววางมือลงบนแผ่นหลังอีกคนพร้อมลูบเบา ๆ
“ทำใจให้สบายนะครับ ผมจะนั่งดื่มกาแฟอยู่ข้างล่าง ถ้าเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินก็รีบโทรหามานะ”
“พี่จะรีบมาช่วยผมเลยใช่ไหม?” อี้ฝานยิ้มขำกับคำพูดคำจาที่มาพร้อมแววตาหวาดกลัวของคนตรงหน้า นอกจากคนในกองถ่ายละครแล้ว ก็คงเป็นแบคฮยอนนี่แหละที่กลัวการเข้าใกล้ชานยอลถึงขนาดนี้
“ผมจะรีบมาทันที”
“คุยอะไรกัน?”
เจ้าของเสียงทุ้มเดินออกมาในสภาพเสื้อเชิ้ตสีดำกับกางเกงสแล็คสีดำ มีแค่สลิปเปอร์เท่านั้นแหละที่เป็นสีขาว คือยังไง โคฟเป็นยมทูตเหรอ หรือใส่สีดำไว้อาลัยให้กูล่วงหน้า ใด ๆ ล้วนอิสแบล็ค เออ ทุกอย่างเป็นสีดำ รวมถึงจิตใจพี่เขาด้วย (นี่แน่ะ)
“งั้นพี่ไปนะ” อี้ฝานไม่ได้ตอบคำถาม เขาเพียงแค่ยักคิ้วแล้วถอยหลังเดินออกไปจนเสียงประตูปิด ตอนนั้นแหละแบคฮยอนถึงได้รู้ว่าหายนะได้มาเยือนแล้ว
“สวัสดีครับคุณนักเขียน เราได้เจอกันไวกว่าที่คิดนะ” ร่างสูงยิ้มแล้วเดินไปนั่งไขว่ห้างบนโซฟาเดี่ยว ก่อนจะผายมือส่ง ๆ ให้เขานั่งลงบนโซฟาอีกตัว จ้ะ...ท่าเยอะเหลือเกิน
“เจอวันไหนก็เหมือนกันแหละ”
“นั่นสิ งั้นแสดงว่าคุณคงไม่ติดใจอะไรที่ผมเลื่อนนัดมาเป็นวันนี้”
“ติด แต่พูดอะไรไม่ได้”
“มันเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ กับตารางชีวิตคุณที่มันออกมาเป็นแบบนี้” ชานยอลพูดพร้อมเอานิ้วชี้ขีดลงบนอากาศเป็นเส้นตรง “ส่วนตารางชีวิตผมเป็นแบบนี้” พูดจบก็วาดนิ้วลงไปจนดูยุ่งเหยิงไปหมด
มีเหตุมีผลตลอด ยอมหักยอมงอกับเด็กบ้างมันจะตายยยยยยยย นี่อุตส่าห์เก็บปากเก็บคำ เผื่อว่าพี่เขาจะหยุดกวนตีนด้วยประโยควกวนชวนให้ใช้สมองคิดตาม พี่พระเอกชอบพูดจาชวนหาเรื่องทะเลาะว่ะ ใครชนะได้เป็นไจแอนท์ไหม ยังไง ฮัลโหล
“เข้าเรื่องเถอะ” แบคฮยอนเอนหลังพิงพนักโซฟาแล้วเลียนแบบท่านั่งอีกฝ่าย และสายตาของพี่พระเอกที่มองหน้าเขาสลับกับขาที่ไขว่ห้างเลียนแบบนั้นมันทำให้รู้สึกสะใจอย่างบอกไม่ถูก ไงล่ะ นี่ก็กวนตีนกลับเป็นเหมือนกันนะ ไม่ยอม
“ในเมื่อแม่คุณตอบตกลงให้คุณทำงานกับผมแล้ว ผมก็จะได้อธิบายรูปแบบงานอย่างจริงจังสักที” ร่างสูงประสานมือไว้บนตักแล้วยิ้มตามมารยาท “งานของคุณคือเป็นคู่ซ้อมบทให้ผม”
“เออ อันนั้นพี่เคยบอกแล้ว แต่นี่อยากรู้ว่าทำไมถึงต้องเป็นผมวะ”
“ปกติผมจะมีคู่ช่วยซ้อมบทให้ตลอด เพราะก่อนจะลงแสดงจริงกับนางเอกในกองถ่าย ผมจะต้องซ้อมหน้ากระจกกับคู่ซ้อม คุณอาจจะมองว่ามันแปลกใช่ไหมครับ?” แบคฮยอนนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าหงึกอย่างไม่รักษาน้ำใจอีกฝ่าย “ผมเป็นคนรักความเพอร์เฟ็ค ทุกอย่างจะต้องออกมาดี ผมไม่ชอบให้ผู้กำกับสั่งคัทเพราะผม”
“ถ้าคัทเพราะนางเอกล่ะ”
“นั่นก็ความผิดของเธอที่เล่นได้ไม่ดีพอ” เอ้า นี่ก็ไปโทษเค้าอี๊ก
“แล้วคนเก่าไปไหน ผมหมายถึงคนช่วยซ้อมให้พี่อะ” เด็กน้อยถามพลางกวาดสายตาไปรอบ ๆ กูนี่ก็โง่ไหม ใครมันจะไปบ้ายืนแอบอยู่ตามซอกห้องสูทกว้างแบบนี้วะ
“เธอขอลาออกเพราะท้องเริ่มแก่ อันที่จริงผมคิดว่ามันเป็นข้ออ้างที่เธออยากเลิกทำงานกับผม” สีหน้าชานยอลดูไม่สบอารมณ์นัก เมื่อพูดถึงหญิงร่างท้วมที่คอยจ้ำจี้จ้ำไชให้เขาซ้อมบทละครจนได้ดิบได้ดี แต่พอมาถึงตอนนี้กลับลอยแพกันกลางทะเลซะได้
“อ๋อ คือจะให้ผมมาช่วยระหว่างที่เธอไม่อยู่ใช่ไหมอะ พอคลอดเรียบร้อยแล้วเธอก็จะกลับมาช่วยพี่ต่อ”
“เปล่า เธอลาขาดเลย” ชานยอลพูดเสียงเรียบพร้อมทำมือไขว้เป็นรูปกากบาท “‘ฉันจะไม่กลับมาอยู่ในหลุมของนายอีกต่อไปแล้ว’ เธอว่าอย่างนั้น”
“ถือว่าเป็นโชคดีของเธอแล้วอะเนอะ” แบคฮยอนเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย ทำหน้ากึ่งเห็นใจปนสะใจหน่อย ๆ ซึ่งพี่พระเอกก็แค่แค่นยิ้มก่อนจะประสานมือไว้บนตักอีกครั้ง
“ครับ และตอนนี้เธอก็ได้ส่งไม้ผลัดต่อให้คุณแล้ว”
งานงอกแล้วไหมล่ะมึง...
เด็กหนุ่มถึงกับนั่งเย็นหน้า แบคฮยอนกลอกตาไปมาอยู่ในที เขาควรจะคิดคำถามอะไรสักอย่างเพื่อไม่ให้ตัวเองดูโง่และตกเป็นฝ่ายตามเกม ถึงจะเป็นเด็กกะโปก แต่การเป็นนักเขียนมันต้องมีสกิลด้านจิตวิทยาติดตัวบ้าง ซึ่งเขาก็ได้ใส่มันไปในนิยายแล้วด้วย ถึงมันจะน้อยเท่าหอยขมก็ตาม
“พี่ก็เล่นดีออก ไม่เห็นต้องมีคู่ซ้อมเลย แหม่...แอบเป็นคนขี้กังวลนะเนี่ย” แบคฮยอนยิ้มล้อพลางทำมือปัด ๆ ที่จริงก็ไม่ได้ดูละครที่พี่เขาเล่นหร้อก ก็แกล้งชมไปงั้น
“ที่ออกมาดีก็เพราะผมซ้อมบทแล้วไงครับ”
“ก็ซ้อมเองหน้ากระจกไง ดูสีหน้าตัวเองงี้”
“ผมทำไม่ได้”
เสียงเรียบเฉยแต่หนักแน่นมาพร้อมสีหน้าจริงจัง แบคฮยอนนั่งทำหน้าอึนไปหลายวิ พลางมองตามคนตัวสูงที่เดินไปหยิบสมุดเล่มหนาบนโต๊ะราคาแพง ก่อนจะกลับมาหยัดตัวนั่งลงบนโซฟาตัวเดียวกัน จนเขาต้องผงะถอยออกโดยอัตโนมัติ
“สิ่งเดียวที่ฉันจะให้แก ก็คือฝันร้ายที่ไม่มีวันลืม”
กริบ...
ทั้งคู่สบตากันนิ่ง หลังจากพี่พระเอกอ่านบทพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไร้ซึ่งอารมณ์ร่วม วินาทีนี้แบคฮยอนได้แต่บอกกับตัวเองว่ามึงไม่ต้องรู้สึกผิดแล้วนะที่เคยล้อพี่พระเอกว่าเล่นเหมือนบอมพ์ ทนวย ห่ามึง มาแค่บทเดียวยังแข็งทื่อขนาดนี้ หรือความจริงแล้วแบคฮยอนเข้าไม่ถึงบท
“ขออีกที” คนตัวเล็กชูนิ้วชี้ขึ้นมา เขาเห็นว่าพี่พระเอกแอบถอนหายใจแล้วเลียริมฝีปาก ขณะที่สายตาจับจ้องอยู่กับบทละคร ไหนจะคิ้วทั้งสองข้างที่ขมวดเข้าหากันจนแทบจะผูกเป็นเงื่อนตะกรุดเบ็ดนั่นอีก
“เดลต้าสองสี่ นี่บราโว่ซิกซ์ เราต้องการกำลังเสริม ย้ำ เราต้องการกำลังเสริม”
“อะไรของพี่เนี่ย”
“...”
“ท่องบทอาขยานอยู่เหรอ อ่านบทให้ผมฟังหรือนี่แสดงแล้ว”
“ผมแสดงแล้ว”
“WHAT?”
“ห้ามล้อผม” ร่างสูงชี้หน้าคาดโทษเด็กน้อยที่กำลังมองเขาด้วยสายตาผิดหวัง แบคฮยอนขมวดคิ้วพลางเอนไปข้างหลังมองจับผิดว่าเขากำลังอำเล่นอยู่หรือเปล่า
“บอกตามตรงนะ ว่าละครพี่เนี่ยผมไม่เคยดูจริงจังหรอก แต่ถึงจะผ่าน ๆ ตามันก็ไม่แย่แบบนี้ป่ะวะ”
“นี่คือเหตุผลที่ผมจำเป็นต้องซ้อมบทก่อนลงกองถ่าย และคุณมีสิทธิ์ว่าผมได้อีกแค่คำเดียวเท่านั้น” ชานยอลชูนิ้วนางขึ้นมาเป็นท่าประกอบ และมันทำให้แบคฮยอนถึงกับผงะ แหม่...นึกว่าชูนิ้วกลาง
“เพราะพี่กระจอกเลยต้องซ้อมก่อนสินะ โธ่เอ๊ย...ไอ้เราก็นึกว่าเหตุผลอะไร ที่แท้ก็กลัวขายหน้าในกองถ่าย” แบคฮยอนยิ้มอย่างมีชัย ก่อนจะทำตาปริบ ๆ เมื่อร่างสูงปิดปากเขาเอาไว้ ราวกับเป็นการสั่งห้ามไม่ให้พูดอะไรอีก
“ถ้าผมรู้ว่าคุณเอาเรื่องนี้ไปโพนทะนาล่ะก็... ผมจะพูดออกสื่อว่าคุณบุกมาหาผมถึงคอนโดเพราะอยากดัง” ร่างเล็กเบิกตากว้างแล้วปัดมือแกร่งออกอย่างแรงหลังจากได้ยินอีกฝ่ายพูด
“ใครจะไปเชื่อวะ! พี่เป็นคนลากผมมาที่นี่เองแท้ ๆ อะ!!!”
“ผมมีหลักฐานผ่านกล้องวงจรปิดของคอนโด สื่อมักจะเชื่อสิ่งที่เห็นเสมอ และคำพูดของผมมันมีน้ำหนักมากกว่านักเขียนฝึกหัดอย่างคุณอยู่แล้ว” ชานยอลยิ้มมุมปากอย่างผู้ชนะ
“เสียใจจ้า พอดีว่าผมเดินมากับพี่อี้ฝานไง คนอยากดังที่ไหนจะมาพร้อมผู้จัดการส่วนตัวพี่วะ บะบะบ้าไปแล้ว...” แบคฮยอนหรี่ตายิ้ม พี่พระเอกนี่เริ่มกวนตีนละ จะหาเรื่องแบล็กเมล์กันเหรอ ยากหน่อยนะ
“แล้วใครว่าผมจะเอาภาพตอนมาสองคนล่ะครับ” ร่างสูงยิ้ม และปล่อยให้คนตัวเล็กขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ “ผมจะเอาคลิปเมื่อวานที่คุณเดินออกไปยืนรอหน้าลิฟท์ระหว่างที่ผมยืนคุยโทรศัพท์อยู่ต่างหากล่ะ...”
“ว้อท?!!!”
“อย่าดื้อกับผมเลยครับคุณนักเขียน เราน่าจะตกลงกันได้ง่าย ๆ ความอดทนของผมไม่ได้มีมากมายขนาดนั้น” ชานยอลนั่งไขว่ห้างกอดอกพลางเอนหลังพิงพนักโซฟา ขณะที่ยังไม่ละสายตาจากเด็กหนุ่มในชุดนักเรียน
“กลัวคนอื่นรู้ว่าตัวเองกระจอกเลยหาเรื่องแบล็กเมล์เด็กงั้นเหรอ โด่ ไม่เก่งก็บอกว่าไม่เก่งดิ คนพยายามจนเก่งงี้เท่จะตาย”
“คุณไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะบอกผมว่าอะไรดีที่สุด และอะไรแย่ที่สุด เอาล่ะครับคุณนักเขียน เรามาพูดถึงข้อตกลงระหว่างเราสองคนดีกว่า” แบคฮยอนกลอกตามองบน นี่ผิดเองแหละที่เสนอหน้าไปแนะนำผู้ชายชอบเผด็จการคนนี้ พูดหูซ้ายก็ทะลุออกทุกรูในสารร่าง
“เออ เอาที่สบายใจ”
“ข้อแรก ผมไม่ชอบเวลาคุณชักสีหน้า เพราะงั้นเลิกทำซะ” พูดจบก็จับปลายคางร่างเล็กให้หันมาสบตากัน เขาเห็นว่านักเขียนไซส์มินิยังคงทำหน้าไม่พอใจ แต่ก็แค่ครู่เดียวเท่านั้นแหละ ปาร์คชานยอลก็ได้รับรอยยิ้มกวนประสาทกลับมา
“ชีส~~~~~”
“ครับ ส่วนข้อ...”
“เดี๋ยว” แบคฮยอนยกมือขึ้นจนสุดแขนขัดจังหวะคนตัวสูง ชานยอลทำหน้าเซ็งแล้วผายมือส่ง ๆ ให้อีกฝ่ายพูด “ผมมีสิทธิ์ร่างข้อตกลงด้วยไหม”
“ได้ แต่ก็ต้องดูด้วยว่าผมพอใจที่จะตกลงหรือเปล่า”
“โอเค งั้นเราสลับกันคนละข้อ ส่วนข้อนี้เป็นของผม” แบคฮยอนขยับตัวให้นั่งท่าสบาย เขาได้ยินเสียงถอนหายใจเซ็ง ๆ ของผู้ชายบ้าอำนาจ แต่นั่นไม่ใช่เรื่องที่จะต้องใส่ใจ “เวลาคุยกับผมอย่ากอดอก มันดูเผด็จการเกินไป พี่ทำได้ป่ะ”
“ทำไม่ได้ ผมเคยตัวไปแล้ว” ร่างสูงปฏิเสธทันที ปาร์คชานยอลรู้ตัวดีว่าเขาเป็นพวกติดนิสัยชอบยืนกอดอกเวลาคุยกับคนอื่นที่ไม่ใช่สื่อ
“ก็หัดสิ มันไม่ยากหรอก ผมก็จะพยายามไม่ชักสีหน้าใส่พี่ไง แฟร์ ๆ”
“เอาเป็นว่าผมจะพยายามทำให้น้อยลงแล้วกัน”
“เออ ก็ยังดีกว่าไม่ทำเลย” แบคฮยอนไหวไหล่ คนอะไรเอาใจยากเหลือเกิน
“ข้อต่อไป คุณต้องมาที่นี่ทุกครั้งที่ผมโทรตาม ชีวิตเด็กม.ปลายอย่างคุณคงไม่มีธุระให้ทำเยอะแยะพอที่จะหาเรื่องปฏิเสธนัดผมได้ ส่วนเรื่องเขียนนิยาย คุณจะเอาโน๊ตบุ๊คมานั่งเขียนที่นี่ก็ได้” ร่างสูงอธิบายราวกับว่าได้นั่งคิดเรื่องนี้ไว้ก่อนแล้ว
“แล้วผมต้องทำไปจนถึงเมื่อไหร่อะ”
“จนกว่าจะปิดกองถ่ายเรื่องนี้” ทั้งคู่สบตากัน จนถึงตอนนี้แบคฮยอนก็ยังไม่แน่ใจว่าตัวเขาจะช่วยอะไรผู้ชายคนนี้ได้บ้าง ลำพังเด็กนักเรียนอย่างเขา ก็คงมโนออกมาได้เป็นภาพ เพราะที่สุดแล้วคนที่จะบอกว่าแสดงดีที่สุด ก็คงเป็นผู้กำกับในกองถ่ายป่ะวะ
“ผมไม่เคยซ้อมบทให้ใคร ถ้าพี่เล่นแย่งี้จะไม่ต้องนั่งงมโข่งกันทั้งคืนเลยเหรอ”
“ครับ ผมอยากให้คุณอดทนหน่อย ข้างล่างมีร้านกาแฟ คนเก่าดื่มแก้วเดียวดีดถึงชาติหน้า เธอว่าอย่างนั้น” กาแฟหรือยาบ้า... ไหนพูด “คุณเขียนนิยายเกี่ยวกับทหาร ก็น่าจะจินตนาการออกว่าบทพูด สีหน้าท่าทางของตัวละครควรออกมาเป็นแบบไหน ถือว่าพัฒนาฝีมือตัวเองไปด้วย” เอาละ พี่พระเอกเริ่มชักแม่น้ำมาทั้งโลก เพื่ออ้างให้เขาไขว้เขวแล้ว
“ถ้ามันออกมาไม่ดีล่ะ”
“ผมไม่อยากให้คุณกังวลเรื่องนั้น ตอนนี้สิ่งที่คุณควรนึกถึงคือ ชื่อตัวเองที่หลุดออกมาจากปากผมในวันแถลงข่าว พอถึงตอนนั้น... เครดิตดี ๆ ก็จะประดับตัวนักเขียนรุ่นเยาวชนอย่างคุณ ส่งผลไปถึงนิยายที่วางขายตามแผงร้านหนังสือด้วย” รอยยิ้มของร่างสูงนั้นเหมือนพวกนักธุรกิจหัวหมอที่พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ
ซึ่งมันได้ผล เมื่อแบคฮยอนนึกไปถึงอนาคตว่าเขาจะดังเปรี้ยงปร้างแค่ไหน ถ้าเกิดได้รับการสนับสนุนจากพระเอกหนุ่มหน้าหล่ออย่างปาร์คชานยอลคนนี้ หนังสือของเขาก็จะขายดีเป็นเทน้ำเทท่า...
“เอาวะ งั้นมาลองดูสักตั้งก็ได้” แบคฮยอนขมวดคิ้วทำหน้ามุ่งมั่น เรียกรอยยิ้มมุมปากจากพระเอกหนุ่มที่ดูเหมือนว่าจะพอใจอยู่ไม่น้อย หลังจากได้ยินคำสมยอมจากเขา “เออ แต่ผมคาใจอีกอย่างนึง”
“ว่ามาครับ”
“ว่าทำไมพี่ถึงไม่ให้พูดว่าผมมาช่วย แต่ให้เรียกว่าทำงานร่วมกันแทน” ร่างเล็กมองพี่พระเอกอย่างคาดหวังคำตอบ ซึ่งถ้าอีกฝ่ายไม่กวนตีนกลับมาก็จะดีมาก
“ผมคิดว่าการแลกเปลี่ยนด้วยเงิน มันสบายใจกว่าการบอกให้อีกฝ่ายมาช่วยครับ”
“หา”
“เอาเป็นว่าคุณเข้าใจแค่นั้นพอ มีข้อสงสัยอะไรอีกไหม?” แบคฮยอนยังค้างอยู่ในท่าเดิม พร้อมส่งสีหน้าโง่ ๆ ไปยังอีกฝ่าย ปาร์คชานยอลยังคงชอบพูดอ้อมโลก วกวนให้คนอื่นงง เขาไม่น่าถามเลย ให้ตายสิ
“แล้ววันนี้ผมต้องทำอะไรบ้าง”
“ไม่ต้องทำอะไรครับ แค่นั่งคุยกัน ทำความรู้จัก ลองอ่านบทละครเล่น ๆ ผมซีร็อกส์ไว้ให้คุณชุดนึงแล้ว” ร่างเล็กพยักหน้าช้า ๆ ก่อนจะชำเลืองมองพระเอกหน้าหล่อที่ดูดีทุกท่วงท่า ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะมีเบื้องหลังที่น่าขำเช่นนี้
“ทำไมพี่ใส่แหวนเยอะงี้อะ รุงรัง”
“มันคงไม่ได้ไปรัดคอคุณใช่ไหมครับ?”
นั่นไง โดนเลยกู...
พี่พระเอกหันมาตอบด้วยน้ำเสียงในโทนปกติ แต่สายตาที่มองมานั้นเหมือนจะหลอกด่าอยู่นัย ๆ ว่า ‘เสือก’ ยังไงก็ไม่รู้
“แหม่...ก็ถามดูเฉย ๆ...”
แบคฮยอนยิ้มเจื่อน ก่อนจะแอบหันหน้าไปอีกทางแล้วขยับปากด่าคำหยาบสารพัดเพื่อให้หายหมั่นหน้าพ่อพระเอกหน้าเนื้อใจเสือ เห็นงี้แล้วอยากเข้าทวิตเตอร์ไปบ่นระบายความในใจสักสี่ห้าทวิต เอาให้หายหงุดหงิดแล้วค่อยออกมาเผชิญหน้ากับพี่เขา
แต่บ่นได้ไม่ทันไรก็ต้องหลุดออกจากความคิด เมื่ออีกฝ่ายวางบทละครลงบนตักเขาโดยไม่บอกไม่กล่าว แบคฮยอนก้มลงมองหน้ากระดาษสีขาวที่ถูกไฮไลท์ไว้หลายสี ซึ่งเขาไม่อยากคิดเลยว่าปลายปากกาที่ชี้ลงบนบทคำพูดที่ว่า ‘ฉันอยากกอดคุณค่ะ...’ ด้วยน้ำเสียงกระเส่าและตามด้วยมือเรียวที่ลูบไปตามแผงอกแกร่งนั้นจะเป็น...
“เรามาเริ่มซ้อมบทนี้กันก่อนดีไหมครับ คุณนักเขียน?”
TBC
อ่านเสร็จแล้วไปเทรนด์ #callmebaby ให้เด็ก ๆ ด้วยนะคะเด็ก ๆ
อยากสครีมเชิญแท็กในทวิต #โธ่พี่ชาร์ล จ้า
[FANART] ซ้อมบทละครกับพี่พระเอก........ BY : @IKOOP 5555555555555555555
ความคิดเห็น