คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 02 :: Teach me how to breathe.
? cactus
CHAPTER 02
Teach me to breathe
คุณผู้ชายคะ คุณหนูกลับมาแล้วค่ะ”
ชายวัยห้าสิบวางหนังสือพิมพ์ลงพลางเงยหน้าขึ้นมองเด็กสาวในชุดนักเรียนที่เดินเข้ามาในบ้านยามเช้าของวันเสาร์ เรียวขาหยุดยืนอยู่กับที่พร้อมมองไปยังผู้ให้กำเนิดซึ่งไม่รู้ว่าอะไรดลใจถึงทำให้พ่อยอมอยู่บ้านได้
“ไปไหนมาลูก?”
“ค้างบ้านเพื่อนค่ะ พอดีมีสอบชีวะวันจันทร์ เลยอยู่ติวกันจนดึก”
“อ่า งั้นเหรอ” คนเป็นพ่อหลุบสายตาลง ก่อนจะเงยหน้ามองลูกสาวที่รู้สึกห่างเหินกันเข้าไปทุกที “แต่หนูก็น่าจะโทรบอกที่บ้านก่อนว่าจะไม่กลับ คนรอเขาเป็นห่วงนะ”
“คนรอที่ว่าคือใครเหรอคะ?” ประโยคนี้ทำเอาคนฟังถึงกับพูดไม่ออก แม้ดวงตาคู่นั้นจะทอประกายสดใส แต่เขาก็สามารถรับรู้ได้ถึงความว่างเปล่าในใจของเธอ “พ่อก็ไม่ได้อยู่บ้านรอรับสายหนูสักหน่อย”
ชายวัยห้าสิบนิ่งงันกับความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นอย่างนั้นจริง ๆ
“ไม่ใช่ครั้งแรกสักหน่อย อย่าทำเหมือนว่ามันเป็นเรื่องใหญ่เลยค่ะ”
“...”
“รักพ่อนะคะ”
รอยยิ้มไร้เดียงสาของลูกสาวกำลังกรีดแทงหัวใจผู้บกพร่องการเป็นพ่อได้เป็นอย่างดี บยอนยูฮันประกบหนังสือพิมพ์พร้อมพับสองทบ ก่อนจะเท้าศอกบนโต๊ะกุมขมับอย่างคิดไม่ตกกับปัญหาเล็ก ๆ ซึ่งไม่ได้ส่งผลแย่ในเมื่อแบคฮียังเป็นเด็กเรียนดี แต่ถ้าพูดถึงในแง่ของครอบครัว เราทั้งคู่ต่างมีช่องว่างระหว่างกันจนการพูดคุยในแต่ละวันกลายเป็นความจำเป็นไปเสียแล้ว
*
( ไม่ออกไปไหนเหรอวันนี้? )
“เคยไปแล้ว วันนี้กะจะนอนโง่ ๆ อยู่บ้านสักวัน” เด็กสาวพูดกลั้วหัวเราะ พลางมองรอยยิ้มและดวงตาที่หยีลงภายใต้กรอบแว่นสีดำของเด็กหนุ่ม “จงแดทำอะไรอยู่?”
( ปั่นรายงานที่ต้องส่งวันอังคารน่ะ เยอะเท่าภูเขาเลย อยากดูไหม? )
เด็กหนุ่มเลื่อนเก้าอี้ถอยออกข้างพร้อมผายมือไปหนังสือที่กระจายอยู่บนเตียงก่อนจะกลับมานั่งจ้องหน้าจออีกครั้ง วันนี้แบคฮีดูไม่ค่อยร่าเริงนัก อันที่จริงเขาก็พอจะรู้ว่ามันก็นานมากแล้วที่ปีศาจหมียักษ์ขโมยรอยยิ้มของเธอไป มันเป็นเรื่องหลอกเด็กที่ทั้งคู่เคยคิดว่ามันเป็นเรื่องจริงในคราวที่ยังไม่ประสีประสา
( หน้าบึ้งเชียว น้อยใจคุณลุงอีกแล้วเหรอ? )
“เลยจุดที่จะเรียกอย่างนั้นแล้ว” แบคฮีถอนหายใจพลางเท้าคางสบตากับคนในจอ “ถ้าจงแดอยู่ที่นี่ด้วยกันก็คงดี”
( ไม่เอาน่า เราก็อยู่ตรงนี้แล้วไง )
“ก็แค่แป๊บเดียว เดี๋ยวเราก็ต้องปล่อยจงแดไปทำรายงานต่อแล้ว”
( แบคฮีไม่ได้ขังเราไว้สักหน่อย อย่าพูดเหมือนว่าที่เราอยู่ตรงนี้เพราะถูกบังคับสิ )
“จะดุเหรอ ไม่ได้นะ วันนี้เราเซ็งมากเกินกว่าจะฟังเสียงจงแดบ่นแล้ว”
( โอเค ) เด็กหนุ่มไหวไหล่ พลางคว้าปากกาขึ้นมาเขียนรายงานต่อแล้วปล่อยให้เพื่อนสนิทนั่งเบะปากโดยไม่ง้อ ( อยากเล่าก็เล่านะ แต่ถ้าแบคฮีไม่อยากพูดถึงมันก็เปิดกล้องแช่ไว้ก็ได้ )
“จะทำให้รู้สึกผิดสินะ ร้ายจริง ๆ”
( อ่า คิมจงแด นายมันร้ายจริง ๆ ) เด็กหนุ่มขมวดคิ้วทำหน้าจริงจังพร้อมพยักหน้าเห็นด้วย พอเห็นว่าคนในโปรแกรมแชทกำลังมองค้อนพร้อมง้างมือขึ้นจะต่อยจอ เขาจึงหลุดหัวเราะออกมา
“ก็ไม่ใช่เรื่องพ่อซะทีเดียวหรอก อันที่จริงเราหงุดหงิดใจเพราะผู้ชายคนหนึ่ง”
( ไม่ใช่โอเซฮุนอะไรนั่นใช่ไหม? บอกแล้วไงว่าถ้ารำคาญก็ให้ปฏิเสธตรง ๆ ไปเลย )
“ไม่ ลืมหมอนั่นไปเถอะ” แบคฮีเว้นจังหวะไปครู่หนึ่งพลางนึกถึงผู้ชายตัวสูงสองบุคลิกที่ตอนกลางวันเป็นครูพละสวมชุดวอร์มธรรมดา ๆ แต่พอตกดึกก็กลายร่างเป็นหนุ่มฮอตเซ็ทผมเปิดหน้าผาก สวมเชิ้ตสีดำพับแขนเสื้อถึงข้อศอก
ผู้ชายคนนั้นที่อุ้มแบคฮีลอยจากพื้นได้อย่างง่ายดาย เด็กสาวยังจำสีหน้าเรียบเฉยแต่ในดวงตาคู่นั้นก็แฝงไปด้วยความหมาย ตอนอุ้มเธอเข้าไปในลิฟต์ของโรงแรมเราไม่ได้จูบกันเพื่อปลุกเร้าอารมณ์เลยสักนิด ไม่ได้แสดงถึงความพิศวาส ตอนนั้นมีเพียงสายตาหยั่งเชิงที่รอดูว่าใครจะเป็นฝ่ายแพ้ไปเสียก่อน ระหว่างเด็กหรือผู้ใหญ่ พอเข้าไปในห้องแบคฮีก็บอกให้อาจารย์เข้าไปอาบน้ำก่อน แต่พอรู้ตัวอีกทีก็วาร์ปไปตอนเช้าเสียแล้ว
หันไปมองข้างตัวไม่พบคนที่ควรนอนเปลือยเปล่า ผู้ชายคนนั้นทิ้งไว้เพียงกระดาษซึ่งมีดินสอกดเอลโม่สีแดงที่จงแดเคยให้ไว้ก่อนไปเรียนต่อนิวซีแลนด์ทับเอาไว้ เนื้อความสั้น ๆ ที่อาจารย์ทิ้งไว้ทำให้เธอเสียฟอร์มและหัวเสียอย่างบอกไม่ถูก เป็นครั้งแรกที่บยอนแบคฮีรู้สึกพ่ายแพ้อย่างราบคาบทั้งที่ยังไม่ได้พยายามเอาชนะอย่างถึงที่สุด
‘ถ้ารู้ว่าเป็นคนหลับลึกก็ไม่ควรชวนผู้ชายเข้าโรงแรมนะเด็กน้อย’
หงุดหงิด... ใครจะไปรู้ว่าอาจารย์จะอาบน้ำนาน คนรอก็ง่วงไปสิ ถึงจะตื่นแต่เช้าไปโรงเรียนในเวลาไล่เลี่ยกัน แต่คนที่นั่งใช้สมองทั้งวันก็ไม่ใช่ครูที่สอนเพียงไม่กี่คาบก็ได้เงินเดือนหรือเปล่า ยิ่งคิดยิ่งหัวร้อน... ปาร์คชานยอลปล่อยให้เธอหลับทั้งที่เสื้อผ้ายังอยู่ครบโดยไม่ทำอะไรมากกว่านั้นเลยสักนิด
แบคฮีไม่ได้คิดว่าอาจารย์เป็นสุภาพบุรุษ เพราะความจริงแล้วผู้ชายคนนั้นคงเซ็งจนหมดอารมณ์ที่เห็นเธอหลับลึกเสียมากกว่า
“ครูสอนพละที่เพิ่งย้ายมาปีก่อน เทอมนี้เราได้เรียนว่ายน้ำกับเขา แต่นิสัยไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่”
( เป็นตาแก่ลงพุงใส่แว่นชอบมองก้นเด็กตอนลงสระใช่ไหม? )
แบคฮีส่ายหน้าปฏิเสธพลางเบ้ปาก เท่าที่จำได้ตอนเรียนว่ายน้ำด้วยกันมาหนึ่งเดือนอาจารย์ชานยอลก็แทบจะไม่มองเธอเลยด้วยซ้ำ ซึ่งมันเป็นเหตุผลที่ทำให้เด็กสาวคิดว่าการสบตากันตอนอาจารย์สอนเด็กเล่นบาสกลางแจ้งมันเป็นเพราะความบังเอิญ
“เขาเป็นผู้ชายตัวสูงร้อยแปดสิบกว่า ๆ หน้าตางั้น ๆ เด็กผู้หญิงชอบกันตรึมเลย”
( งั้น ๆ คือไม่หล่อเหรอ? )
“ก็... ไม่หล่อ”
( ไม่หนักแน่นเลยน้า )
“เรื่องนั้นน่าสนใจที่ไหนกัน? ปาร์คชานยอลน่าหงุดหงิดต่างหากที่เป็นประเด็นสำคัญของเรื่องนี้”
( ดูเรียกอาจารย์เข้าสิ ไม่น่ารักเลยนะ เขาใจร้ายกับแบคฮีหรือไง? )
“ก็ราว ๆ นั้น” เด็กสาวไม่รู้ว่าจะเล่าให้เพื่อนสนิทฟังอย่างไร ถ้าบอกว่าเมื่อคืนใช้ปากให้อาจารย์จนเมื่อยกรามคงถูกบ่นจนหูชาแน่ ไม่ใช่เพราะแบคฮีทำให้ผู้ชายคนนั้นไม่เสร็จ แต่เป็นเพราะจงแดไม่เคยรู้ว่าเธอออกนอกลู่นอกทางจากที่เคยเห็นไปไกลเท่าไหร่แล้ว
( งั้นก็อดทนหน่อยนะ เรียนแค่สัปดาห์ละครั้งใช่ไหม แบคฮีก็ต้องใจเย็นไว้ถ้าเขาพูดไม่เข้าหูก็ทำหูทวนลมไป ถ้าไม่ได้ทำผิดก็ไม่ต้องกลัวโดนดุแล้ว )
“เราจะพยายาม” สุดท้ายก็ปล่อยให้จงแดเข้าใจอย่างนั้นโดยไม่อธิบายว่าความกลัวไม่ได้อยู่ในหัวของบยอนแบคฮีเลยสักนิด
*
เช้าวันจันทร์ที่ใคร ๆ ต่างก็ง่วงเหงาหาวนอน โอดครวญอย่างทุกข์ทรมานว่าโรงเรียนคือนรกบนดินของเด็ก แต่ก็ยังมีคนที่สนุกกับการมาที่นี่เพราะบ้านไม่ใช่ความสุขของพวกเขา แต่ก็ยังมีบางคนที่รักเสียงโหวกเหวก เสียงออดบอกเวลาหมดคาบ สนามบาสและโรงยิมซ้อมกีฬา
“แบคฮี!”
“...”
เด็กสาวหันไปมองเจ้าของเสียงที่มาพร้อมรอยยิ้มเจ้าเสน่ห์ที่ทำนักเรียนหญิงรอบข้างเขินจนต้องยกมือขึ้นป้องปาก รูปร่างผอมสูงดูดีของโอเซฮุนกำลังวิ่งมาทางนี้ก่อนจะหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ
“อรุณสวัสดิ์”
“ผีตนไหนถีบนายออกจากเตียงได้” เด็กหนุ่มตัวผอมยิ้มขำกับประโยคทักทายของคนตัวเล็ก ก่อนจะโน้มหน้าลงไปสบตากันใกล้ ๆ
“ผีชื่อบยอนแบคฮี... อ๊า!!!” เซฮุนนิ่วหน้ายกมือขึ้นกุมศีรษะหลังจากถูกเด็กสาวตบหัวอย่างแรงโดยไม่เปิดโอกาสให้ตั้งตัว
“ฉันยังไม่ตาย”
“ใครจะยอมให้ตายกันล่ะ?” เด็กหนุ่มยักคิ้ว พอเห็นอีกคนจิ๊ปากก็อารมณ์ดีจนมือไม้อยู่ไม่สุขต้องหาเรื่องกวนใจ
“โอเซฮุน”
“กลัวลืมชื่อเหรอ งั้นเรียกที่รักดีไหม?” ขายาวก้าวถอยหลังไปเรื่อย ๆ พลางยิ้มให้เด็กสาวซึ่งยืนทำหน้าเอาเรื่องอยู่กับที่เมื่อเขาแย่งกระเป๋าเป้มาสะพายให้
“อยากตายสินะ?” เธอพูดเสียงลอดไรฟัน พร้อมตรงเข้าไปหาเด็กหนุ่มที่เร่งฝีเท้าเร็วขึ้น เพียงครู่เดียวแบคฮีก็คว้ากระเป๋าเป้ไว้ได้ แต่มันก็ทำให้เธอพลาดเสียจังหวะจนถูกเซฮุนกอดคอในที่สุด
“รุ่นพี่เซฮุนกับรุ่นพี่แบคฮีเป็นแฟนกันจริง ๆ สินะ สวีทจัง”
“คงงั้นมั้ง ฉันไม่เคยเห็นรุ่นพี่เซฮุนตามตื๊อใครขนาดนี้เลย”
“ถ้าคบกันก็โอเคนะ แต่รุ่นพี่ดาซมสวยกว่าอะ”
“เฮ้อ อิจฉาจัง ฉันก็อยากเป็นแฟนรุ่นพี่เซฮุนบ้าง”
เสียงกระซิบกระซาบของคนรอบข้างทำให้คนตัวเล็กต่อต้านอ้อมกอดเขามากขึ้น เซฮุนอมยิ้มพอใจพลางหันไปยิ้มบริหารเสน่ห์ให้เด็กสาวเหล่านั้นเอาให้หน้าแดงจนลืมไปเลยว่าครู่นี้คุยอะไรกันอยู่
“หงุดหงิดที่คนอื่นบอกว่าดาซมสวยกว่าเหรอ?”
“ที่นายทำให้ฉันตกเป็นเป้านินทาต่างหาก จะปล่อยได้หรือยัง?” แบคฮีเงยหน้าสบตากับคนตัวโตกว่าซึ่งยังคงยิ้มอย่างมีความสุข โอเซฮุนก็เป็นอย่างนี้ เอาแต่ใจจนน่าเตะเป้าให้จุก
“ถ้าบอกว่าไม่อยากปล่อยล่ะ?”
“ฉันจะเมินนายทั้งอาทิตย์”
“แม่มดชัด ๆ ใจร้ายเกินไปแล้ว” เซฮุนเลิกคิ้วบ่น ก่อนจะเงียบไปเพราะถูกอีกฝ่ายบีบปาก แม้จะเป็นวิธีทำร้ายคนอื่นของแบคฮี แต่มันก็น่ารักดีจนอยากถูกทำแบบนี้บ่อย ๆ
“ปล่อยกระเป๋าฉันสักที”
“ตอบมาก่อนว่าคืนวันศุกร์ไปกับใคร”
“...อะไร?” เด็กสาวขมวดคิ้วมองอย่างประหลาดใจว่าทำไมถึงรู้เรื่องนั้น
“ยูจินสารภาพหมดเปลือกแล้วว่าวันนั้นเธอแต่งตัวไปยั่วผู้ชายยังไง เดี๋ยวจะโดนนะ” เด็กหนุ่มใช้มือข้างหนึ่งเปิดผมหน้าม้าคนตัวเล็กขึ้น ก่อนจะดีดหน้าผากแรง ๆ อย่างมันเขี้ยว ถ้าไม่ถามเพื่อนกลุ่มนั้นเขาคงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในช่วงเวลาที่แบคฮีไม่ยอมตอบแชท
“ยัยนั่นเล่าอะไรบ้างล่ะ”
“บอกว่าเธอออกไปกับผู้ชาย เหตุผลแค่นี้พอจะทำให้ฉันหึงจนควันออกหูได้ไหม?”
“แล้วได้บอกหรือเปล่าว่าคนนั้นเป็นคนรู้จักของยูจิน พวกเราเล่นเกมกันตามประสาผู้หญิง ส่วนรุ่นพี่คนนั้นก็แค่ไปส่งฉันหน้าโรงแรม”
“แน่ใจ?” เซฮุนขมวดคิ้วมองจับผิด แต่ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่แบคฮีจะต้องโกหกในเมื่อเรายังไม่ได้ผูกมัดกันถึงขั้นที่จะต้องเอาความจริงให้ได้
“จริงกว่าที่นายได้ยินมาแล้วกัน”
“ค่อยน่ารักขึ้นมาหน่อย” เซฮุนยีผมคนตัวเล็ก ใจอยากฟัดแก้มแรง ๆ สักทีถ้าไม่ติดว่าตรงนี้เป็นข้างถนน แต่ทั้งคู่ก็ต้องชะงักฝีเท้าเมื่อเห็นว่ามีใครคนหนึ่งยืนดักอยู่หน้าประตูทางเข้าโรงเรียน
“...”
แบคฮียืนนิ่งขณะที่เซฮุนกำลังโค้งศีรษะให้อาจารย์ชานยอลซึ่งเป็นเวรประจำประตูวันนี้ ชายหนุ่มชุดวอร์มสีดำยิ้มพร้อมพยักหน้ารับการทำความเคารพของเด็กนักเรียนทุกคนที่กำลังเดินเข้าโรงเรียน ก่อนจะหยุดสายตาที่เด็กสาวซึ่งเลือกเพิกฉายการทำความเคารพเขา
ทั้งคู่สบตากันอีกครั้งในสถานการณ์ที่แตกต่างกัน แม้เวลาจะผ่านไปแล้วถึงสองวันแต่บยอนแบคฮีก็รู้สึกเหมือนผู้ชายเชิ้ตดำเพิ่งเดินจากไปเมื่อห้านาทีก่อน หากเป็นอาจารย์ท่านอื่นคงดุจนหูชาถ้าเห็นว่าเธอกับเซฮุนเดินมาด้วยกันแบบนี้ แต่อาจารย์ชานยอลกลับมอบเพียงรอยยิ้มราวกับว่าที่เด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงเดินกอดคอกันมันเป็นเรื่องปกติ
เรื่องคืนวันศุกร์ย้อนกลับมาให้หงุดหงิดใจอีกครั้ง เด็กสาวถอนหายใจเบา ๆ พลางก้าวเข้าไปในโรงเรียน แต่ยังไม่ทันไปไหนเสียงของอาจารย์หนุ่มก็หยุดฝีเท้าของเธอไว้
“เดี๋ยว”
“...”
“เชือกรองเท้าคุณหลุดน่ะ”
“อ้อ ครับ” เซฮุนก้มลงผูกเชือกรองเท้า เป็นจังหวะเดียวที่เด็กสาวหันไปสบตากับอาจารย์หนุ่มอีกครั้ง
ชานยอลก้าวเข้าหาคนตัวเล็กด้วยท่าทีสบาย ๆ หันซ้ายขวาอยู่ในทีก่อนจะโน้มหน้าลงไปเล็กน้อยเพื่อกระซิบให้เด็กสาวได้ยินเพียงคนเดียว
“อย่าหลับใส่หมอนั่นล่ะ”
“...”
“ไปกันเถอะ” เซฮุนคว้าแขนคนตัวเล็กให้เข้าไปในโรงเรียนด้วยกัน ขณะที่แบคฮีกำลังมองค้อนคนอายุมากกว่าซึ่งปั่นหัวเธอตั้งแต่เช้าด้วยเรื่องน่าอายที่ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรมันถึงจะหายไปจากความคิด
*
ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่การมองออกไปนอกหน้าต่างควรเป็นเรื่องต้องห้าม เด็กสาวหัวเสียจริง ๆ ที่หันไปทีไรก็เกิดความบังเอิญสบตากับผู้ชายคนนั้นจนต้องรีบเบือนหลบไปมองจุดอื่น โอเซฮุนกลายเป็นตัวช่วยเพื่อให้ลืมความน่าอายในคืนนั้น เรามีอะไรกันในห้องเก็บของ บรรยากาศเร่าร้อนจนเหงื่อโชก จูบกันอย่างดูดดื่มจนเด็กหนุ่มประหลาดใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับยัยแม่มดที่จู่ ๆ ก็นึกพิศวาสตนขึ้นมา ตลอดอาทิตย์ที่ต้องสบตากับอาจารย์ตรงประตูทางเข้าโรงเรียน สนามบาส และในคาบว่ายน้ำที่เด็กสาวอ้างว่าเป็นประจำเดือนจึงไม่ขอลงสระ
เวลาวนเวียนมาจนถึงคาบว่ายน้ำอีกครั้ง เรื่องคืนวันนั้นตกตะกอนไปแล้วจนแทบไม่หลงเหลืออยู่ในความคิด อาจเป็นเพราะบยอนแบคฮีไม่ชอบตัวเองเวลารู้สึกพ่ายแพ้หรือตกเป็นทาสของความกังวล เธอจึงเตะเรื่องอาจารย์บ้านั่นทิ้งไปแล้วกลับมาใช้ชีวิตอย่างปกติ
แต่มันก็ไม่เคยปกติ
“การวิ่งจะทำให้ระบบไหลเวียนของเลือดดีขึ้น ไม่ต้องรีบวิ่งครับ ถ้ารู้สึกเหนื่อยก็หยุดยืนกับที่แล้วประสานมือกันเหนือศีรษะ เหยียดแขนขึ้นแล้วหงายฝ่ามืออย่างที่ผมเคยสอน” อาจารย์หนุ่มยืนมองนักเรียนที่กำลังวิ่งรอบสระอย่างเอื่อยเฉื่อย ไม่นานนักทุกคนก็วิ่งวนกลับมาพร้อมเสียงบ่นอุบอิบ
“ผมจุกอะ'จารย์”
“ผมเคยบอกแล้วนี่ครับว่าอย่ากินอะไรก่อนลงสระ” เหมือนจะดุ แต่อาจารย์หนุ่มก็ยังคงยิ้มโดยไม่มีนัยยะแฝงให้เด็กต้องกลัว “คาบนี้ผมจะสอบท่ากรรเชียงที่สอนไปเมื่ออาทิตย์ก่อน อย่าโอยสิครับ ยังไม่ทันลงน้ำเลยนะ”
“สอบเลยเหรอคะ’จารย์ หนูยังไม่พร้อมอะ”
“ถ้าไม่อยากได้คะแนนเก็บก็บ๊ายบายวิชาผมเลยก็ได้นะครับ ไหน ๆ วิชาพละก็ไม่สำคัญสำหรับคุณอยู่แล้ว”
“อะน้อววว มีตัดพ้อน้อยใจ” เด็กนักเรียนชายแซว ก่อนจะหัวเราะลั่นเมื่ออาจารย์หนุ่มแกล้งยกเท้าขึ้นเตรียมถีบ
“ขึ้นแท่นกระโดดตามเลขที่เลยครับ สอบเสร็จก็กลับบ้านได้”
นักเรียนขานตอบอย่างว่าง่าย ตอนนี้มีทั้งคนที่มั่นใจและไม่มั่นใจในการสอบซึ่งอันที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องกดดันถ้าหากอาจารย์จะให้มันเป็นคะแนนเก็บ เลขที่หนึ่งสอบก่อนท่ามกลางสายตาของเพื่อนร่วมห้องซึ่งกำลังมองอย่างลุ้น ๆ รวมถึงบยอนแบคฮี
เด็กสาวยืนจมอยู่กับความกังวลซึ่งคาดว่าคราวนี้เธอคงไม่รอดเหมือนตอนมอต้นที่ผ่านวิชานี้มาได้ทั้งที่ว่ายน้ำไม่เป็นเพราะอาจารย์ไม่สนใจจะสอนจึงให้เกรดสั่ว ๆ
ปาร์คชานยอลเล่นเธอแน่... พนันได้เลย
“เลขที่สิบเก้า บยอนแบคฮี”
“...”
เด็กสาวในชุดว่ายน้ำสีกรมท่าเข้มไม่ได้ก้าวออกไปในทันทีที่ถูกเรียก เพื่อนร่วมชั้นจึงหันมามองพร้อมฉายแววตาสงสัย มีเพียงบางคนเท่านั้นที่รู้ว่าแบคฮีว่ายน้ำไม่เป็นเพราะเคยเห็นว่าเธอชอบเกาะอยู่ข้างขอบสระมากกว่าจะลงไปลึก ๆ
อันยูจินและเพื่อนอีกสองคนลอบยิ้มในความพังพินาศซึ่งกำลังจะเกิดขึ้นกับนังตัวดีที่ทำตัวน่าหมั่นไส้จนต้องกลอกตามองบน เหม็นหน้าอยู่แล้วก็ยิ่งรู้สึกมากขึ้นไปอีกเพราะบยอนแบคฮีบอกให้เธอคลานรอบสนามหญ้าตามข้อตกลงทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเธอจะต้องอาย
ยิ่งอยู่ด้วยก็ยิ่งเกลียด คำว่าเพื่อนคืออะไรอันยูจินไม่เคยมีให้บยอนแบคฮีตั้งแต่แรก ตอนนี้กลุ่มของคิมดาซมที่ขึ้นชื่อว่าทั้งสวยและแรงที่สุดในโรงเรียนกำลังเกลียดขี้หน้าแม่นั่นเพราะเรื่องโอเซฮุน
มันคงดีถ้าหากว่าอันยูจินจะตีสนิทกับกลุ่มนั้นเอาไว้ เพราะพ่อของคิมดาซมก็เป็นคนใหญ่คนโตมากพอที่จะเป็นแบ็คให้ลูกสาวก่อเรื่องโง่ ๆ ได้
“ถึงเลขที่คุณแล้วครับ” อาจารย์หนุ่มผายมือไปยังแท่นกระโดดน้ำ พร้อมมองดวงหน้าหวานของคนตัวเล็กที่ยืนหน้าซีดอยู่ข้างสระ
ชั่วอึดใจเลยทีเดียวที่ทุกคนตกอยู่ในความรำคาญของแบคฮี เซฮุนจึงก้าวออกมาหวังจะช่วยเด็กสาวที่ตนชอบด้วยการบอกอาจารย์ว่าเธอว่ายน้ำไม่เป็น แต่คำพูดของเขาก็ถูกกลืนลงคอไปหมดเมื่อแบคฮีชิงพูดเสียก่อน
“คาบที่แล้วหนูเป็นประจำเดือนเลยไม่ได้ลงสระ หนูไม่รู้หรอกค่ะว่าต้องว่ายท่ากรรเชียงยังไง”
อาจารย์บ้านั่นแกล้งทำเป็นขมวดคิ้วเหมือนจะถามด้วยสายตาว่า ‘อ้อเหรอ...?’ อย่างไรอย่างนั้น ไม่รู้ล่ะ... ถ้าเกิดปล่อยให้โอเซฮุนบอกว่าเธอว่ายน้ำไม่เป็นคงถูกเพื่อนนินทาและถูกปาร์คชานยอลเยาะเย้ยแน่ ๆ
“อ่า นั่นสินะ... ว่าแต่คุณไม่เคยเรียนท่านี้ตอนมอต้นเหรอครับ?” อาจารย์หนุ่มยังไม่ลดละที่จะไล่ต้อนเธอ แต่แล้วยังไง? ในเมื่อปาร์คชานยอลแสร้งทำเป็นครูผู้แสนดีได้ งั้นบยอนแบคฮีก็แสร้งเป็นคนไร้เดียงสาได้เหมือนกัน
แล้วอาจารย์จะได้รู้ว่าเธอไม่เหมือนเด็กผู้หญิงคนอื่น ๆ ที่เคยเจอ
“ไม่เคยเลยค่ะ♥” เด็กสาวเม้มปากส่ายศีรษะกระพริบตาปริบ ๆ ท่ามกลางเสียงแค่นหัวเราะของกลุ่มคิมดาซมและอันยูจินที่มองอยู่จากด้านข้าง เซฮุนอมยิ้มกับท่าทางของยัยแม่มดที่แสร้งเล่นละครตบตาอาจารย์ได้อย่างหน้าตาเฉย แต่นั่นก็สมเป็นแบคฮีดี
“อา แย่เลยนะครับแบบนั้น” อาจารย์หนุ่มที่นั่งอยู่บนเก้าอี้พร้อมแฟ้มรายชื่อบนตักปั้นหน้าแสร้งว่าเสียดาย เขาลูบคางพลางขมวดคิ้วใช้ความคิด ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตากับเด็กสาวอย่างมีความหมาย “งั้นจบคาบนี้แล้วคุณอย่าเพิ่งกลับ ผมจะสอนแล้วสอบให้คุณภายในวันนี้เลย”
“คะ?”
“ต่อไปเลขที่ยี่สิบ คิมมินซอก”
“เดี๋ยวสิ หนู --”
“ผมคุณหลุดออกมาน่ะ”
ไอ้บ้าอาจารย์ชานยอลไม่ยอมสนใจเธอเลยสักนิด! หนำซ้ำยังหันไปหวังดีกับเพื่อนร่วมห้องของเธออีกต่างหาก คิมมินซอกโค้งศีรษะขอบคุณอย่างขลาดอายพลางเก็บปอยผมใส่เข้าไปในหมวกว่ายน้ำ ก่อนอาจารย์จะหันมาพยักหน้าไล่เธอให้ออกไปจากตรงนั้น
“อาจารย์เฮงซวย”
“ใจเย็นน่า” เซฮุนวางมือลงบนศีรษะคนตัวเล็กที่กำลังทำหน้ามุ่ยขัดใจ
“นายก็เห็นว่าเขาแกล้งฉัน”
“อย่างนั้นเหรอ?” มันคงไม่ฉลาดนักที่จะขัดใจแบคฮีในเวลานี้ แต่จากเหตุการณ์เมื่อครู่เด็กหนุ่มก็ไม่เห็นว่าอาจารย์ชานยอลจะแกล้งตรงไหน “ฉันว่าเขาไม่รู้ว่าเธอว่ายน้ำไม่เป็นมากกว่า”
“...” จะบอกยังไงดีว่าเหตุผลมันต้องมากกว่านั้น ถ้าเล่าเรื่องหมอนั่นให้ฟังเซฮุนคงหงุดหงิดเป็นหมาบ้าแน่
“แต่ถ้าไม่อยากสอบก็หาเรื่องชิ่งดีไหมล่ะ?” เด็กหนุ่มในชุดกางเกงในว่ายน้ำตัวเดียวโน้มหน้าลงไปใกล้ ๆ “ปล่อยให้เขานั่งเก้อไป แล้วเราหนีไปเที่ยวกัน”
แผนของเซฮุนนับว่าเข้าท่าในสถานการณ์แบบนี้ แบคฮีช้อนตามองใบหน้าทะเล้นของอีกฝ่าย ก่อนจะอมยิ้มแล้วพยักหน้าตกลง
*
ซะที่ไหนล่ะ...
“จะไปแล้วใช่ไหม งั้นก็กลับดี ๆ นะ”
เจ้าของคำพูดกล่าวพร้อมรอยยิ้มเหมือนจะไล่อยู่เนือง ๆ เซฮุนได้แต่มองเด็กสาวซึ่งถูกอาจารย์ชานยอลคว้าแขนไว้ในจังหวะที่เขาจะพาแบคฮีหนีสอบว่ายน้ำช่วงหลังเลิกเรียน แต่แผนก็พังไม่เป็นท่าเพราะถูกจับได้เสียก่อน
“ผมจะนั่งรอแบคฮี”
“ว่าไง คุณอยากให้เพื่อนรอหรือเปล่า?” เด็กสาวที่ไม่สบอารมณ์อย่างสุดชีวิตเงยหน้ามองอาจารย์หนุ่มซึ่งกำลังเล่นสงครามประสาทกับเธอ
“ห้ามไปไหนนะเซฮุน”
“ไม่ไปหรอก ฉันจะนั่งรออยู่บนอัฒจรรย์” เด็กหนุ่มยิ้มให้กำลังใจ นึกแล้วก็อยากดุแบคฮีจริง ๆ ที่ไม่ยอมให้เขาสอนว่ายน้ำตั้งแต่แรก
เวลาผ่านไปประมาณสิบนาทีเด็กสาวในชุดว่ายน้ำก็เดินออกมายืนขอบสระ เซฮุนมองอาจารย์และลูกศิษย์ที่กำลังยืนคุยกันเพียงครู่เดียวแบคฮีก็ลงไปในสระ เขารู้ว่ายัยนั่นไม่ชอบน้ำอย่างจริงจัง สังเกตได้จากท่าทางลังเลตอนยื่นขาขวาลงไปก่อน แบคฮีจะรอดจากอาจารย์ชานยอลได้อย่างไรในเมื่อว่ายน้ำไม่เป็น
เด็กหนุ่มถอนหายใจอย่างเซ็ง ๆ พลางไถหน้าจอมือถือแก้เบื่อ โอเซฮุนไม่ใช่คนชอบรอเลยสักนิด กลับกันแล้วเขาต่างหากที่เป็นฝ่ายต้องถูกรอมาตลอด แต่บยอนแบคฮีเป็นข้อยกเว้นที่ทำให้เขาเลือกอยู่กับสิ่งที่ไม่ชอบ
“ว่ายน้ำไม่เป็นแล้วผ่านวิชานั้นมาจนถึงตอนนี้ได้ยังไงครับ?” หลังจากสารภาพไปตรง ๆ ปาร์คชานยอลก็จ้องเธออย่างคาดคั้น
“อาจารย์น่าจะรู้คำตอบอยู่แล้วหรือเปล่าคะ?”
“เวลาผมถาม คุณก็แค่ตอบ อย่าทำให้มันเป็นเรื่องยากนักเลยบยอนแบคฮี”
“ที่อาจารย์ทำอยู่ตอนนี้ต่างหากที่เป็นเรื่องยาก ตอนอยู่มอต้นอาจารย์คนนั้นก็แค่ใส่เกรดให้ เท่านั้นก็จบแล้ว” เด็กสาวเถียง ตอนนี้อากาศเริ่มจะเย็นเข้าไปทุกทีเมื่อดวงอาทิตย์ใกล้จะลับขอบฟ้า
“อ้อ ที่แท้ก็เจอพวกกินเงินเดือน”
“อาจารย์อยากได้บ้างไหมล่ะ?”
“...”
“ล้านวอนเป็นไง หนูพร้อมจ่ายถ้าอาจารย์ให้หนูผ่านวิชานี้โดยไม่ต้องสอบ”
จะให้ทำตัวน่าเอ็นดูเพื่อเรียกร้องความสงสารก็คงไม่ใช่บยอนแบคฮี เด็กสาวมองอาจารย์หนุ่มที่อยู่ข้างสระ ชั่วอึดใจเลยทีเดียวที่ปาร์คชานยอลนิ่งไประหว่างใช้ความคิด ก่อนร่างผอมสูงจะหันหลังเดินออกไปจากตรงนี้โดยไม่ยอมให้คำตอบ
“เดี๋ยวสิ ล้านห้าก็ได้ อาจารย์!”
“...” เซฮุนเงยหน้าขึ้นจากสมาร์ทโฟนพร้อมมองไปยังคนที่ตะโกนไล่หลังอาจารย์หนุ่ม แบคฮีตีน้ำอย่างแรงจนกระเซ็นออกนอกสระเพราะถูกขัดใจ เธอยืนอยู่ในน้ำพร้อมคิดวิธีตอบโต้ปาร์คชานยอลในครั้งต่อไป
เพราะผู้ชายคนนั้นคงไม่ยอมให้เกรดเธอง่าย ๆ แน่
“เป็นไงบ้าง?” เซฮุนย่อตัวลงพลางมองเสี้ยวหน้าของเด็กสาวที่ปีนขึ้นมานั่งกับขอบสระ ทั้งคู่สบตากันเพื่อให้เด็กหนุ่มรู้ว่าอาจารย์รู้แล้วว่าบยอนแบคฮีว่ายน้ำไม่เป็น เขาจึงผิวปากหวิว
“กลับดีกว่า”
“เขายอมปล่อยแล้วเหรอ อะไรจะง่ายปานนั้น”
“ไม่ปล่อยก็ต้องปล่อย ฉันไม่อยู่แล้ว” เซฮุนเอาผ้าขนหนูคลุมไหล่ให้คนตัวเล็ก แต่ยังไม่ทันได้เดินออกจากขอบสระไปไกลก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นว่าอาจารย์หนุ่มเดินออกมาด้วยชุดกางเกงในว่ายน้ำตัวเดียว
“...”
แม้จะเป็นผู้ชายด้วยกันแต่ก็ต้องยอมรับว่าหุ่นของอาจารย์ชานยอลค่อนข้างเฟิร์มจนน่าอิจฉา เซฮุนมองคนตัวสูงที่ตรงมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขาและเธอ ก่อนสายตาเรียบเฉยคู่นั้นจะหยุดที่แบคฮี
“ลงไปในสระ”
“หนูจะกลับแล้ว”
“ผมไม่อนุญาตให้คุณกลับจนกว่าจะว่ายน้ำเป็น”
“ถ้าไม่อยากให้หนูฟ้องผอ.ก็เลิกเผด็จการกับนักเรียนสักที อาจารย์ไม่มีสิทธิ์สั่งให้หนูทำแบบนี้”
“ก็เอาสิ ผมจะได้อธิบายให้เขาฟังว่าเพราะอะไร”
“อาจารย์ใจเย็น ๆ ก่อนนะ” เซฮุนพยายามปรามทั้งคู่ที่ยังคงตอบโต้กันอย่างไม่มีใครยอมใคร
“รีบกลับบ้านไปตอนที่ยังมีโอกาสอยู่ โอเซฮุน”
“ครับ?”
“คิดจะพาผู้หญิงหนีกลับบ้านทั้งที่รู้ว่าเธอมีสอบ ผมควรรู้สึกยังไงกับคุณดีนะ?” อาจารย์หนุ่มกล่าวเสียงเรียบ เซฮุนยืนนิ่งพลางหันไปสบตากับคนตัวเล็กที่กำลังส่ายหน้าเพื่อขอให้เขาอยู่ตรงนี้
“อาจารย์ครับ แบคฮี --”
“หนึ่งนาทีสำหรับเวลาของคุณ”
“...”
“เหลือห้าสิบวิแล้ว”
เซฮุนเอาลิ้นดันกระพุ้งแก้มพลางถอนหายใจฮึดฮัด เขาสบตากับอาจารย์หนุ่มอย่างไร้ความเคารพแล้วมองหน้าว่าที่แฟนสาวเป็นครั้งสุดท้าย
“งั้นฉันจะไปรออยู่ข้างนอก ไม่ต้องรีบนะ ฉันนั่งรอเธอได้ทั้งคืน” ประโยคหลังส่งความกระแทกแดกดันไปยังอาจารย์ผู้สอน หากแต่ปาร์คชานยอลกลับนิ่งเฉย สุดท้ายเขาก็ยอมออกไปนั่งรอหน้าสระว่ายน้ำ และปล่อยให้คนตัวเล็กต้องอยู่กับไอ้อาจารย์เอาแต่ใจนั่น
*
“หนูให้สองล้าน”
“เลิกพูดเรื่องเงินสักทีเถอะหนูน้อย ใช่ว่าทุกคนจะอยากได้มัน”
“หนูก็ไม่ได้อยากว่ายน้ำเป็นเหมือนกัน” เด็กสาวนั่งอยู่บนขอบสระกล่าวเสียงแข็งพลางมองอาจารย์หนุ่มที่อยู่ในน้ำ
“อะไรที่ทำให้คุณเกลียดการว่ายน้ำถึงขนาดนี้?”
“หนูไม่คิดว่ามันจำเป็นต่อชีวิต”
“คุณจะรู้ว่ามันจำเป็นแค่ไหนก็คือตอนที่คุณจำเป็นต้องใช้มันครับแบคฮี” อาจารย์หนุ่มยังคงมองความงอแงที่แสดงออกผ่านทางสีหน้า แต่เด็กสาวก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดพยศ “ลงมาได้แล้วครับ”
“ไม่”
“แบคฮี”
“อาจารย์ให้ศูนย์เลยก็ได้ หนูไม่อยากลงไปในนั้นแล้ว” เด็กสาวมองน้ำใสที่แช่ขาเธออยู่ กลิ่นคลอรีนลอยคลุ้งอยู่ใต้จมูก เหม็นจนอยากอาบน้ำเอากลิ่นออกไปพ้น ๆ
“ผมไม่คิดว่านั่นเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับเรา อย่าเสียเวลามากไปกว่านี้ครับ ลงมา”
“หนูจะฟ้องพ่อ”
“คุณเป็นเด็กห้าขวบหรือไง จะลงดี ๆ หรือจะให้ผมเข้าไปอุ้ม”
“ทำเป็นอ้างว่าอยากสอนให้หนูว่ายน้ำเป็น ทั้งที่ความจริงอาจารย์ก็แค่อยากแกล้งให้หนูอายเหมือนคืนนั้น”
“ฮึ” ชานยอลยิ้มขำก่อนจะสบตากับเด็กสาวที่กำลังต่อต้านเขาทางสายตาและคำพูด “จำฝังใจจริงนะเด็กน้อย”
“เรียกว่ารู้ทันดีกว่า”
“ไม่ยักรู้ว่าคุณจะอายกับสิ่งที่ทำลงไป ส่วนผมก็ไม่ได้จำใส่ใจขนาดนั้น”
“ทำเป็นพูดดีไปเถอะ ที่ทำอยู่ตอนนี้มันฟ้อง” แบคฮีแยกเขี้ยว เพียงครู่เดียวเธอก็ต้องมองร่างกำยำของอีกคนที่ตรงมาทางนี้จนต้องยกขาขึ้นจากสระ “อะไร อย่ามาแตะตัวหนูนะ”
เด็กสาวพยายามดิ้นแต่ร่างกายก็หยุดต่อต้านอย่างกะทันหันเมื่อเธอถูกอุ้มลงไปในน้ำ “น่าจับตีก้นจริง ๆ”
ชานยอลมองคนในอ้อมกอดที่เขาปล่อยให้ขาลงไปเหยียบกระเบื้อง แบคฮีหลับตาปี๋พร้อมเอานิ้วชี้กับนิ้วหัวแม่มือบีบจมูกตัวเองไว้ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นโกยอากาศเข้าทางปากทั้งที่ตัวเองไม่ได้จมน้ำ
“เอาเข้าไป” ชายหนุ่มถึงกับกุมขมับ พอเด็กสาวรู้ตัวว่าน้ำมันไม่ถึงคอจึงค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมองเขา “คราวนี้ได้อายของจริง”
“ออกไปห่าง ๆ เลย” เด็กสาวผละตัวออกพร้อมมองค้อนคนอายุมากกว่า
“งั้นก็รีบว่ายน้ำให้เป็นสิ ผมจะได้ไม่ยุ่งกับคุณอีก”
“ให้มันจริงเถอะ”
“ผมไม่ใช่คนชอบพูดจาหลอกเด็ก แต่ถ้าถูกเด็กหลอกก็อีกเรื่อง ยกตัวอย่างเช่นใครบางคนที่อ้างว่าเป็นประจำเดือนเลยไม่ลงสระ แต่วันถัดมาก็แอบไปมีอะไรกับแฟนในห้องเก็บของ”
แบคฮีเบิกตากว้างอย่างตกใจกับสิ่งที่เธอไม่คิดว่าอาจารย์จะรู้ หุ่นเฟิร์มของคนเล่นกีฬาหลายประเภทเดินเข้าหาเด็กสาวตัวเล็ก โน้มหน้าลงไปใกล้ ๆ พร้อมยิ้มอย่างมีความหมาย
“เด็กเลี้ยงแกะ”
“...”
“ทำที่โรงเรียนมันน่าตื่นเต้นดีใช่ไหม ใช่... ผมก็ชอบเหมือนกัน” แผ่นหลังบางติดกับขอบสระเพราะถูกไล่ต้อนจนไร้ทางหนี “ตอนนี้ผมชักจะอยากสานต่อจากคืนนั้นซะแล้วสิ”
ใบหน้าขาวขึ้นสีระเรื่อเมื่อปลายจมูกโด่งเฉียดใบหูไปเพียงนิด น้ำเย็นในสระไม่ทำให้ขนลุกได้เท่ากับสัมผัสจากมือแกร่งที่กำลังลูบตามต้นขาเธอ แบคฮีไม่ได้กลัวการมีอะไรกับอาจารย์ แต่เราสองคนเลยจุดที่รู้สึกว่าอยากกอดจูบและทำเรื่องอย่างว่ากันไปแล้ว คืนนั้นมันก็แค่เหตุสุดวิสัยเท่านั้น
“คุณทำผมมีอารมณ์... แบคฮี”
“...”
“ถ้าไม่ได้สอนว่ายน้ำล่ะก็… คุณอาจจะต้องพึ่งปากเหมือนคืนนั้นนะ” เสียงกระซิบของอาจารย์หนุ่มกำลังสั่งสอนให้บยอนแบคฮีรู้เสียทีว่าควรเลิกต่อต้านกับผู้ชายที่ไม่รู้ว่าจะเอาจริงเมื่อไหร่ อาจารย์จับมือเธอไปสัมผัสกับเป้ากางเกงว่ายน้ำซึ่งพองแน่นคับมือเพื่อให้รู้ว่าไม่ได้พูดเล่น
“หนูลงน้ำแล้วก็เริ่มสอนสักทีสิ!” เด็กสาวรีบตัดบทพร้อมดันแผงอกแกร่งไว้ น่าแปลกเหลือเกินที่อยู่ ๆ ปาร์คชานยอลก็ถอยตัวออกไปง่าย ๆ อีกทั้งยังยิ้มและกระดิกนิ้วเรียกเหมือนบยอนแบคฮีเป็นลูกหมาเชื่อง ๆ ที่ควรทำตามเจ้านาย
“ขยับออกจากขอบสระแล้วมาเริ่มกันครับ”
*
“แบบนี้เหรอ อาจารย์ -- หนูจะจมไหม?”
“ค่อย ๆ เลี้ยงน้ำสิ พายมือของคุณแบบที่ผมสอน” ชายหนุ่มซ้อนอยู่ข้างหลังพร้อมจับเอวคอดไว้เพื่อให้เด็กสาววางใจ
“อย่าปล่อยหนูนะ”
“อาฮะ เอาล่ะ คราวนี้ถีบขาสลับกัน ช้า ๆ”
“หนูรู้สึกเหมือนจะจมจริง ๆ นะ บ้าเอ๊ย... ทำไมต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วย”
“แล้วจมหรือยัง บ่นเป็นหมีกินผึ้งไปได้” แบคฮีหันไปมองค้อนคนที่ซ้อนอยู่ข้างหลัง ก็จะไม่ให้บ่นได้ไง
“หนูบังคับให้อาจารย์มาสอนเหรอ ก็ไม่”
“เป็นความผิดของผมสินะ?”
“โตแล้วก็คิดเอาเองสิ” เด็กสาวทำปากยื่น
“โอเค ผมผิดไปแล้ว ผมเป็นอาจารย์ที่ห่วยแตกจริง ๆ” ชายหนุ่มยกสองมือขึ้นระดับใบหน้า แบคฮีจึงแค่นหัวเราะเมื่อเห็นว่าอย่างน้อยผู้ชายคนนี้ก็ยอมคนอื่นเป็นเหมือนกัน
แต่เดี๋ยว... ถ้ามืออาจารย์อยู่ตรงนั้น... แล้วตอนนี้เธอลอยน้ำได้ไง?!
“อาจารย์! จับหนูไว้! จับหนู! อย่าไปนะ!” แบคฮีพยายามคว้าตัวอีกฝ่ายไว้แต่คนนิสัยไม่ดีกลับถอยหลังออกไป
“ลอยน้ำได้แล้วนี่ หนูแบคฮีเก่งจังเลยนะครับ”
“ไม่ ๆ หนูรู้สึกเหมือนจะจม อย่าไป อาจารย์จับหนูไว้หน่อย!”
“อย่าแพนิกสิ” ชานยอลยิ้มขำ มองท่าทีตื่นตูมของคนตัวเล็กที่หมดคราบเด็กสาวแก่นเซี้ยวจนน่าจับมาตีก้น
“พายมือถีบน้ำ... พายมือถีบน้ำ...”
“ใจเย็นหน่อย ความกลัวมันอยู่ในใจคุณทั้งนั้น”
แบคฮีก้มลงมองขาตัวเองซึ่งยังคงลอยอยู่ในน้ำ เธอตั้งใจทำตามที่อาจารย์บอกเพราะกลัวตัวเองจะจมลงไป ผ่านไปเป็นนาทีตอนนี้บยอนแบคฮีก็ยังคงลอยตัวอยู่ มันเหมือนปาฏิหาริย์ที่เด็กสาวไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นกับคนที่มีเรื่องฝังใจมาตั้งแต่เด็ก
ใบหน้าหวานเงยขึ้นมองอาจารย์หนุ่มที่กำลังยิ้มราวกับว่าภูมิในใจตัวเธอ ทั้ง ๆ ที่ไม่น่าจะเป็นอย่างนั้น สำหรับเด็กผู้หญิงอวดดีที่เก่งแต่ต่อล้อต่อเถียงจนไม่น่ามีอะไรให้ประทับใจ แต่สายตาของอาจารย์ในตอนนี้กลับทำให้รู้สึกอย่างนั้น
“เห็นไหมครับว่าการว่ายน้ำไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย”
*
“วันนี้พอแค่นี้ก่อน เป็นไปได้ผมก็อยากให้คุณใส่ใจการเรียนมากกว่านี้ ไม่ใช่คิดจะเอาแต่เงินยัดอาจารย์แลกเกรด”
“ไม่ใช่ทุกวิชาแล้วกัน”
“วิชาไหนก็ไม่ควร อย่าพูดแบบนี้กับอาจารย์คนไหนอีกนะครับ”
“รู้แล้วน่า บ่นจัง” แบคฮีบ่นอุบอิบพลางก้มลงคว้าเอาผ้าขนหนูขึ้นมาเช็ดผมในเวลาฟ้ามืด ไม่รู้ว่าตอนนี้เซฮุนจะเป็นยังไงบ้าง คงรอจนเบื่อไปทั้งชีวิตแล้วแน่ ๆ
“แบคฮี”
“อะไร?”
“คุณเชื่อใจตัวเองแล้วหรือยัง?”
“...” เด็กสาวมองคนตรงหน้าซึ่งกำลังเอาผ้าขนหนูเช็ดผมตนเองเช่นกัน คำถามนี้อาจารย์อยากสื่ออะไรกันแน่ จะมาไม้ไหน วันนี้เธอเหนื่อยเกินกว่าจะคิดหาทางเถียงกับเขาแล้วนะ
“ว่าคุณลอยตัวในน้ำได้”
“โธ่ ก็นึกว่าเรื่องอะไร” แบคฮีหลุดขำออกมา ทำไมอีกฝ่ายถึงจริงจังกับเรื่องว่ายน้ำขนาดนั้น “หนูก็ทำให้อาจารย์เห็นแล้วนี่”
“ถ้าเกิดคุณตกน้ำในสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด รู้ใช่ไหมว่าต้องเรียกสติกลับมาให้ได้”
“ค่ะ หนูทราบแล้ว” เด็กสาวลากเสียงประชด ก่อนจะรู้สึกใจหวิวทันทีที่ร่างของเธอถูกผลักจนตกลงไปในสระ
น้ำคลอรีนอัดเข้าทั้งทางปากและจมูกให้ความรู้สึกเหมือนจะขาดใจตายเดียวนั้น แขนขาตะเกียกตะกายอยู่ในน้ำจนไม่มีโอกาสตั้งคำถามว่าเมื่อครู่นี้เกิดอะไรขึ้น ภาพเด็กหญิงวัยเก้าขวบผุดเข้ามาในความคิด เด็กผู้หญิงคนนั้นที่ตกจากเรือยางเด็กในสระว่ายน้ำขณะที่พ่อแม่กำลังให้ความสนใจกับสิ่งอื่นมากกว่า
กลิ่นคลอรีน ความเย็นยะเยือกของน้ำที่ก่อนหน้านั้นเคยเป็นความสนุกของเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง บยอนแบคฮีรู้สึกเหมือนความรู้สึกเดิม ๆ กลับมาอีกครั้งและเธอไม่สามารถสู้มันได้ ความกลัวที่เคยฝังอยู่ในใจกลับมาหลอกหลอนเพราะคนที่เพิ่งหยิบยื่นความไว้ใจให้
หลอกลวงทั้งเพ
“แบคฮี... แบคฮี”
“...”
“แบคฮี...”
“อึ่ก!”
ชายหนุ่มถอนหายใจอย่างโล่งอกหลังจากเด็กสาวสำลักน้ำออกมา ร่างที่นอนบนพื้นขอบสระค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมองท้องฟ้าซึ่งเป็นสิ่งบ่งบอกว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ความหวาดกลัวในใจยังคงกัดกินจนร่างกายสั่นเทา น้ำตาอุ่นไหลออกจากหางตาก่อนจะมองหน้าคนใจร้ายที่เกือบฆ่าเธอให้ตาย
“แบคฮี!”
ยังไม่ทันได้พูดอะไร ชายหนุ่มก็ถูกปฏิเสธโดยคนตัวเล็กที่รีบวิ่งหนีออกไปจากตรงนี้ ชานยอลนั่งคุกเข่ากับที่พลางเสยผมขึ้น ท่ามกลางความเงียบยามค่ำคืนที่มีเพียงสระว่ายน้ำเท่านั้นที่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไร
*
“...”
เด็กสาวสะอึกสะอื้นร้องไห้เงียบ ๆ ในห้องอาบน้ำแม้ว่าจะมีเธอเพียงคนเดียวเท่านั้นที่รู้ดีว่าตอนนี้บยอนแบคฮีอ่อนแอมากแค่ไหน แต่ถึงอย่างนั้นคนตัวเล็กก็ไม่อยากให้ร่างกายขับความเสียใจออกมาเป็นน้ำตา
สองมือขัดถูร่างกายเอากลิ่นคลอรีนออกจนขึ้นริ้วแดง สะอึกสะอื้นไม่หยุดโดยไม่รู้ว่าความเสียใจครั้งนี้มันมีเศษส่วนเป็นเรื่องปาร์คชานยอลสักเท่าไหร่กัน ดวงตาคู่สวยมองไปยังประตูห้องอาบน้ำหญิงซึ่งมีใครคนหนึ่งยืนอยู่ อาจารย์ชานยอลยังคงเปียกโชกไปทั้งตัวในชุดว่ายน้ำและเธอไม่ต้องการเห็นหน้าเขา
“ออกไป!” ชายหนุ่มยกมือขึ้นบังขวดแชมพูและของชิ้นอื่น ๆ ที่คนตัวเล็กโยนมาไม่หยุด เขานิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะปิดประตูแล้วตรงเข้าไปหาแบคฮี
“คุณไม่มีสติ”
“ฮะ...” เด็กสาวแค่นหัวเราะ มองหน้าคนใจร้ายที่ยังกล้าดีเข้ามาต่อว่าเธอถึงที่นี่ “แล้วอาจารย์ล่ะ มีสติอยู่บ้างหรือเปล่าถึงได้ผลักหนูตกลงไปในน้ำ”
“มันคือบททดสอบ ถ้าคุณมีสติก็ลอยตัวในน้ำได้ คุณเคยทำให้ผมเห็นแล้วแบคฮี”
“ว่ายน้ำเป็นก็พูดได้สิ อาจารย์ไม่มีทางรู้หรอกว่าหนูกลัวแค่ไหน”
“...”
“ตอนหนูหายใจไม่ออก...” คนตัวเล็กสะอื้นน้ำตาไหลอาบแก้ม “หนูรู้สึกเหมือนจะตายอย่างตอนอายุเก้าขวบ มันตอกย้ำว่าไม่มีใครสนใจจะช่วยหนู”
“...”
“หนูไม่อยากว่ายน้ำ เข้าใจไหม” แบคฮีทุบอกแกร่งอย่างหมดเรี่ยวแรง ก่อนอีกฝ่ายจะคว้าข้อมือเธอเอาไว้ เด็กสาวช้อนตามองคนใจร้ายที่ยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย ซึ่งแบคฮีก็ไม่ได้คาดหวังว่าผู้ชายคนนี้จะสำนึกผิดจนเอ่ยคำว่าขอโทษ
“ผมจะไม่ขอโทษกับสิ่งที่ทำลงไป แต่มีอย่างหนึ่งที่คุณควรรู้”
ชานยอลขยับเข้าใกล้คนตัวเล็กในชุดว่ายน้ำ ผมยาวสีดำขลับเปียกรับใบหน้าเปื้อนน้ำตาจนทำให้เด็กสาวดูบอบบางจนน่าปกป้อง มือแกร่งเกลี่ยปอยผมเปียกชุ่มออกจากแก้มสีระเรื่อก่อนจะเปลี่ยนเป็นโอบใบหน้า
“ว่าผมไม่มีทางปล่อยให้คุณตาย”
“...”
หัวใจที่กำลังอ่อนแอถูกเยียวยาด้วยริมฝีปากของคนที่ทำให้เจ็บปวด ทุกอย่างยังคงมีกลิ่นคลอรีนแต่กลับทำให้อบอุ่นใจขึ้นมาอย่างน่าประหลาด แบคฮีจับท่อนแขนแกร่งไว้เป็นหลักทั้งที่น้ำตายังคงไหลออกมาไม่หยุด กระทั่งจูบของเราแนบแน่นยิ่งขึ้นจนไม่เหลือช่องว่างระหว่างกันและกัน
ความรู้สึกที่เรียกว่า... ปลอดภัย
CUT
(WELCOME TO MALINWORLD)
ทำมาเปงพูดว่าอีกแล้วหลอ ทั้งที่เทอก็รอสิ่งนี้อยู่ ชั้นรู้ ชั้นกินส้มตำมาแร้ว
TBC
ความคิดเห็น