คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : CHAPTER 01 :: ซวย
CHAPTER 01
ซวย
“โว้ยยยยยยยยยยย!!!”
เสียงที่แผดลั่นลานจอดรถหน้าคณะแฟชั่นดีไซน์เรียกความสนใจผู้คนที่เดินผ่านอย่างไม่ตั้งใจ จริงอยู่ที่ปาร์คชานยอลเป็นพวกชอบทำตัวโดดเด่นเพื่อผงาดให้คนทั้งแผ่นดินได้เห็นว่าเขามันโคตรพ่อโคตรแม่คูลแค่ไหน แต่มันต้องไม่ใช่ตอนนี้! ตอนที่เขาเดินออกมาเห็นว่าน้องพอร์ชสีดำลูกรักมันยางแบนจนไม่สามารถขับรถออกไปหาน้องเตนล์ตามนัดได้
มันต้องเกิดการกลั่นแกล้งแน่ ๆ ใช่... เรื่องบ้า ๆ แบบนี้จะเกิดขึ้นได้ไงถ้าไม่เพราะความอิจฉาริษยา เขาผิดหรือไงที่เกิดมาหล่อและมีฐานะ นึกแล้วก็น่าใจหายที่เป็นคนโดดเด่นกว่าใครในสังคม ปาร์คชานยอลต้องถูกปองร้ายอย่างนี้ไปถึงเมื่อไหร่กัน
ชายหนุ่มพยายามตั้งสติ หลับตาลงพร้อมเงยหน้ารับสายลมอ่อน ๆ ก่อนจะล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงเพื่อโทรหาเพื่อนสนิทหวังขอความช่วยเหลือ
“มึงอยู่ไหนวะจงอิน”
( ไม่ว่าง )
ตื้ดดดดดดดดดดดด...
“...”
คนตัวสูงค้างอยู่ในท่าไอโฟนหกพลัสแนบหูแม้เพื่อนรักจะแหกหน้าเขาด้วยการชิงตัดสายไปแล้ว เดี๋ยวนะ... นี่มันวันส้นตีนอะไรกันปาร์คชานยอลถึงได้ถูกพวกนรกชิงมาเกิดตัดสายทิ้งไปถึงสองครั้ง พ่อกูเป็นหุ้นส่วนเครือข่ายโทรศัพท์มือถือนะ ต้องให้พูดอีกสักกี่ครั้ง!
ชักจะเหิมเกริมเกินไปแล้ว... งานนี้ต้องมีคนตาย!
“ไอ้คริส มึงอยู่ไหน”
( กูโดน'จารย์ด่าเรื่องแพทเทิร์นอยู่ ไว้ค่อยคุยกันทีหลัง... )
“บอก'จารย์ว่าขอคุยธุระแป๊บนึงดิ ไอ้ห่า รถกูเสียเนี่ย กรุณาชั่งน้ำหนักความสำคัญด้วย”
( มึงก็โทรตามช่างให้มาลากไปอู่ดิ หรือไม่ก็โทรหาพี่จุน แค่นี้นะ )
“เพื่อนกันทำแบบนี้เหรอวะ!”
( แล้วแต่จะคริส )
ตื้ดดดดดดดดดดดด...
รอบที่สาม... ทำไมวันนี้ปาร์คชานยอลถึงเจอแต่พวกลูกอีช่างตัดสายวะ!
ใครกันที่ว่าเลือดข้นกว่าน้ำ มีเพื่อนก็พึ่งพาไม่ได้สักคน จะยืมรถไปหาน้องเตนล์แค่นี้ไม่รู้ติดธุระร้อยล้านอะไรนักหนา ชานยอลยืนกางขาอยู่ในองศาที่เหมาะสม เงยหน้าขึ้นรับสายลมอีกครั้งเมื่อถูกความหงุดหงิดครอบงำ เขาจะเหวี่ยงเกินวันละเจ็ดครั้งไม่ได้ คนคูล ๆ ต้องไม่โมโหนาน
จะให้โทรหาพี่จุนเขายอมไปนั่งกินกะเพราหญ้าหน้าตึกวิทย์กีฬาให้พวกหน้านกฟลามิงโก้กล้ามโตหมั่นไส้เล่นซะยังจะดีกว่า เมื่อกี้ทนนั่งกินข้าวแล้วฟังมันพล่ามถึงประวัติการซิ่วเมื่อปีก่อนเป็นรอบที่ล้านก็ถือว่าใช้ความอดทนไปมากโข
เอาเถอะ วันนี้จะไปหาน้องเตนล์แบบโลโซคนโก้ไม่มีรถขับแล้วกัน
โทรตามช่างให้มาลากรถไปซ่อมพร้อมล้างอัดฉีดเสียเลย เขายืนรอแท็กซี่อยู่ชาติเศษได้แต่ก็ไม่มีคันไหนจอดรับ ทำไมวะ! ปาร์คชานยอลแต่งตัวโก้ตั้งแต่หัวจรดปลายยอดเล็บตีนขนาดนี้แล้วทำไมถึงกล้าขับผ่านได้อย่างหน้าด้าน ๆ รีบส่งรถมากเหรอ! เดี๋ยวกูไปส่งด้วยซะเลยดีไหม?!
จะสายแล้ว... นัดน้องเตนล์ไว้ตอนห้าโมงถามว่าจะไปถึงโรงหนังชาติไหนถ้ามัวแต่รอแท็กซี่
ชายหนุ่มเพ่งมองรถโดยสารคันใหญ่ที่สามารถจุพวกไม่มีรถยนต์ส่วนตัวเข้าไปได้หลายสิบคน ใช่ว่าจะไม่เคยนั่งหรอกนะ แต่เพราะรู้ว่านั่งแล้วลำบากแค่ไหนเขาถึงได้ยืนหล่อใช้ความคิดอยู่ตรงนี้
ถึงเวลาที่ต้องตัดสินใจ ปาร์คชานยอลเป็นคนมีสมองอันชาญฉลาด แน่นอนว่าเขาจะไม่ยอมขึ้นทีหลังเพื่อยืนโหนราวเบียดกับไอ้อ้วนเด็กท่องเที่ยวแล้วตายไปเพราะกลิ่นเหม็นเปรี้ยวแน่ ๆ สายตาคมกริบมองไปยังประตูที่เพิ่งเปิดออก ก่อนที่ขายาวจะออกตัววิ่งชนิดว่าสี่คูณร้อยต้องได้เหรียญทอง
ปาร์คชานยอลต้องได้นั่ง!!!!! จะไม่มีการยืนโหนราวอะไรทั้งนั้น!!!!
แต่ภาพมันไวมาก... ไวจนมองไม่ทันว่าที่นั่งเยอะแยะเมื่อครู่ถูกแย่งไปตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ยังไม่ทันได้คิดอะไรต่อ ชายหนุ่มก็แทบหลังแอ่นไปข้างหน้าเพราะถูกเบียดเสียดโดยนักศึกษาซึ่งแห่ขึ้นมาทั้งหมู่บ้านโคโนฮะ
แม่!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
คนตัวสูงกัดฟันกรอด พยายามยืนหยัดด้วยขาทั้งสองข้างพร้อมคว้าราวเหนือศีรษะไว้เป็นหลักจนเส้นเลือดขึ้นเด่นตามข้อแขน เขาจะมาตายที่นี่ไม่ได้เด็ดขาด... คนคูล ๆ อย่างปาร์คชานยอลต้องรอดไปถึงวินาทีสุดท้าย!
“โอ๊ะ!”
“อั่ก! ทำบ้าไรวะ! รู้ไหมว่ารองเท้าคู่นี้มัน--”
ยังไม่ทันด่าจบก็ต้องกลืนคำพูดลงคอเมื่อเห็นว่าคนที่เซมาซบแผงอกเขาแถมยังเหยียบยอดเท้าราคาสามล้านวอนคือผู้ชายหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้ม ตัวสูงแค่ปลายคาง ดวงตาที่กระพริบปริบ ๆ พร้อมมือข้างหนึ่งที่กอดม้วนกระดาษไว้แนบอกนั้นสามารถชะล้างความหัวเสียท่ามกลางความน่าอึดอัดบนรถคันนี้ได้เป็นปลิดทิ้ง
“ขอโทษคับ”
อะ... อะไรนะ... ‘ขอโทษคับ’ งั้นเหรอ...
“ไม่เป็นไร เจ็บตรงไหนหรือเปล่าหืม?” เสียงทุ้มต่ำอย่างอ่อนโยนถูกส่งไปยังคนตัวเล็กโดยอัตโนมัติ พร้อมมือซ้ายที่คว้าเอวคอดไว้เพื่อไม่ให้เสียหลักหากว่ารถโดยสารคันนี้มันอัปรีย์หักเลี้ยวเมื่อถึงทางแยก
คนตัวเล็กส่ายหน้า โอ้ซาร่าห์ต้องบอกหรือไม่ว่าท่าทางเมื่อครู่มันปังหัวใจพี่แค่ไหน ชานยอลไม่สามารถละสายตาไปได้ โรงหนังเอย น้องเตนล์เอยคืออะไร วินาทีนี้ลืมไปหมดแล้ว
“เมื่อกี้โดนเบียดอะ เราไม่ได้ตั้งใจ ขอโทษอีกครั้งนะ”
“ไม่เป็นไรน่า แค่นายปลอดภัยเราก็โอเคแล้ว” เขาอมยิ้มขณะสบตากับอีกฝ่าย ก็ลองดูสิ ชายหญิงทั้งแผ่นดินมีใครไหนไม่พ่ายแพ้กับเสน่ห์ของปาร์คชานยอลบ้าง ไม่มี๊
“แหะ งั้นขอจับหน่อยนะ เราจะได้ไม่ล้มไปชนนายอีก” พูดจบก็ยกมือเล็กขึ้นมาจับท่อนแขนของเขาไว้ นั่นแหละมันถูกต้องแล้ว รู้สึกยังไงล่ะตอนคลำโดนกล้ามเนื้อแข็ง ๆ ที่ปาร์คชานยอลใช้เวลาหลายเดือนในการเข้าฟิตเนส “อ่า กล้ามโตจัง”
MISSION 1 : COMPLETE
“นิดหน่อยน่ะ ว่าง ๆ ก็ไปออกกำลังกายบ้าง”
“แน่น” คนตัวเล็กกัดริมฝีปากล่างขณะบีบกล้ามอีกคน ก่อนจะหันมาสบตากัน “...น่างับ”
น๊านนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน
รถเมล์โคลงเคลงส่ายไปมาตามการเคลื่อนตัวบนถนน ทั้งคู่สบตากันในระยะใกล้ท่ามกลางความอึดอัดโดยรอบ หากแต่ความหัวเสียเมื่อก่อนหน้านี้กลับถูกกลบทับด้วยความน่ารักของคนตัวเล็ก
“ชื่ออะไรเหรอ เราปาร์คชานยอลนะ” หรือจะเรียกว่าแฟนในอนาคตก็ได้
“ป๋ายเซียน บยอนป๋ายเซียน”
“ชื่อน่ารักเหมือนหน้าตาเลย เป็นคนจีนเหรอเราอะ” ประโยคนี้ทำเอาคนถูกชมระยะเผาขนหน้าขึ้นสีระเรื่อ คนตัวสูงยิ้มกริ่มอยู่วูบหนึ่งตอนที่อีกฝ่ายงุดหน้าลงอย่างขลาดอาย ก่อนจะปั้นหน้าหล่ออีกครั้งแม้ว่าการหล่อจะเป็นเรื่องปกติของปาร์คชานยอลอยู่แล้ว
“แม่เราเป็นคนจีนแหละ ว่าแต่ชานยอลอยู่ปีไหน”
“ปีหนึ่งแฟชั่นดีไซน์น่ะ รู้จักใช่ไหม ตึกสวย ๆ ที่อยู่กลางมอ”
“โหย จริงเหรอ ได้ข่าวว่าคนเรียนคณะนี้ได้ต้องมีอันจะกินอะ สุดยอดเลย ไม่อยากเชื่อว่าจะได้เจอเด็กแฟชั่นบนรถเมล์อย่างนี้” คิ้วหนากระตุกทันทีที่ถูกกล่าวถึงความผิดปกติ แน่นอนว่าปาร์คชานยอลจะไม่เปิดโอกาสให้ป๋ายเซียนเข้าใจผิดไปต่าง ๆ นานา ว่าเขาอาจจะเป็นเด็กทุน หรือเป็นไอ้คนจนที่เสร่อเข้าคณะนี้ได้โดยไม่พึ่งเงิน
“เราเบื่อขับรถน่ะ อยากเปลี่ยนบรรยากาศบ้างเลยขึ้นรถเมล์ แล้วก็ไม่คิดว่าจะโชคดี” ชานยอลรั้งเอวอีกคนเข้ามาใกล้จนแผงอกชนกัน “...ที่จะได้เจอนาย”
ไม่เขินก็ให้มันรู้ไปสิวะ งานนี้ต้องได้เบอร์อะ ไม่งั้นจะตามหลอกหลอนไปถึงบ้านจริงด้วย
“ทำไมร้อนแบบนี้เนี่ย” ป๋ายเซียนยกมือขึ้นพัดแก้มตนเองกลบเกลื่อนความเขินที่ถูกเขายิงเข้าอย่างจัง มันเป็นเรื่องช่วยไม่ได้น่ะนะ คนที่เกิดมาพร้อมกับความเพอร์เฟ็คอย่างปาร์คชานยอลน่ะ... ทำอะไรก็ลงล็อกไปหมดเลย
“นี่ ป๋ายเซียน”
“ว่าไง”
“สนใจมาเป็นนายแบบให้เราไหม พอดีว่าตอนนี้เราเพิ่งได้โปรเจ็คงานตัดชุด” ชายหนุ่มสบตากับอีกฝ่ายขณะหว่านล้อม “เป็นงานแรกที่เราจะได้ตัดชุดให้ใครสักคนใส่น่ะ”
กฎข้อที่หกสิบสี่ : มนุษย์มักจะใจเต้นแรงเมื่อได้รู้ว่าเป็นครั้งแรกของใครสักคน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องไหน
“เราเนี่ยนะ? ชานยอลแน่ใจเหรอ เราเตี้ยอะ” ป๋ายเซียนทำตาโต ชี้หน้าตนเองอย่างไม่อยากเชื่อ ขณะที่อีกฝ่ายเพียงยิ้มขำเบา ๆ
“งานจะออกมาดีหรือไม่ มันขึ้นอยู่กับว่าคนออกแบบชุดใช้ใจทำให้นายแบบใส่แค่ไหน”
“อาาาา...” คนตัวเล็กทำตาปริบ ๆ ก่อนจะเซมาซบอกแกร่งอีกครั้งเพราะคนขับเหยียบเบรกกะทันหัน ชานยอลกระชับเอวคอดขึ้นเล็กน้อย แอบหายใจรดเหม่งป๋ายเซียนเบา ๆ แล้วสบตากันอีกครั้ง
“นะ ฉันอยากให้ป๋ายเซียนเป็นคนแรกจริง ๆ”
“กูจะอ้วกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก”
“มันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นนะเว้ย ปาร์คชานยอลมันหล่อจริง ๆ อะ ตัวหอมด้วย ออร่าคนมีเงินทิ่มหน้ากูเลย แต่เสียดายไม่น่าเสี่ยวแดก”
สองพี่น้องในชุดนอนลายทางสีเดียวกันนั่งขัดสมาธิคุยตรงกลางห้อง แบคฮยอนขมวดคิ้วมองคนน้องอย่างไม่พอใจ แค่ฟังมันเล่าก็แทบอยากย้อนเวลากลับไปยืนแทนที่ตรงนั้นแล้วจัดการเองจริง ๆ
“มีวิธีเป็นร้อยเป็นพันในการหลอกล่อเหยื่อ แล้วดูมึง อะไรคือการตอแหลไปซบอกเขา”
“ก็อีอูฐบอกว่าปาร์คชานยอลชอบตุ๊ด แล้วจังหวะนั้นมันมันก็เหมาะเหมงมากที่จะสร้างงานสร้างอาชีพ เพราะถ้ารอให้มึงเป็นคนเริ่ม กูก็ต้องทนสวมรอยทำตัวถ่อยเป็นมึงเหมือนตอนมอปลายอีกอะ” ป๋ายเซียนไม่ยอม เขาไม่อยากให้ประวัติมันซ้ำรอยเหมือนตอนนั้นอีกแล้ว
แบคฮยอนถอนหายใจ ถึงไอ้ป๋ายจะพุดถูก แต่ก็ยังขัดใจอยู่ดีนั่นแหละ มึงไปตุ๊ดใส่ขนาดนั้นไม่ได้ห่วงพี่มันเล้ยยยยย
“มึงเขินมันใช่ไหม”
“เขินดิ ก็มันหล่อ”
“ท่องไว้ว่ามันหักอกอีอูฐเพื่อนเรา อย่าหลงเสน่ห์คนที่ภายนอก โอเค๊?” แบคฮยอนชี้หน้าสั่งน้องชายที่นั่งทำหน้าง่วงในเวลาสี่ทุ่ม ป๋ายเซียนพยักหน้าหงึก ดึงกิ้บหนีบผ้าออกจากผมหน้าม้าแล้วทำท่าจะไปงมกับโต๊ะดราฟท์ต่อ แต่ก็ถูกพี่ชายรั้งไว้ก่อน “แล้วได้เบอร์มันมาไหม?”
“ได้สิจ๊ะ” ป๋ายชูสมาร์ทโฟนขึ้นมา ก่อนจะยื่นให้แบคฮยอน “แผนต่อไปก็ไม่ยากแล้ว เพราะมันชวนกูไปเป็นนายแบบให้”
“หือ นายแบบ?”
“เออ จีบกูหนักมากอะ แต่ก็ดี จะได้ไม่--”
RRRRRrrrrr!!!
ทั้งคู่มองหน้ากันก่อนจะหลุบสายตามองสมาร์ทโฟนทั้งสองเครื่องที่อยู่ในมือคนเป็นพี่ หากแต่เครื่องที่กำลังส่งเสียงกลับไม่ใช่ของป๋ายเซียน คนเป็นคนน้องทำตาปริบ ๆ เป็นเชิงบอกพี่ว่า ‘จะทำอะไรก็รีบทำสักทีสิจ๊ะ รอพ่อมึงมาตัดริบบิ้นเหรอ’
แบคฮยอนมีท่าทางแปลก ๆ ตอนเห็นเบอร์โทรเข้า เจ้าตัวใช้เวลาคิดอยู่หลายวินาทีก่อนจะกดรับด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก
( โทษทีนะ ต้องบอกมึงไหมว่าถ้ารับงานถ่ายแบบให้กูแล้วก็อย่าไปรับคนอื่นอีก )
“นั่นไง ไวยิ่งกว่าไนตรัส...” แบคฮยอนพึมพำ ก่อนจะวางสมาร์ทโฟนของน้องชายลงเพื่อกุมขมับ เขาเห็นว่าตอนนี้ป๋ายเซียนกำลังมองมาอย่างใคร่รู้ แต่ตอนนี้ที่ทำได้ก็แค่ยกมือห้ามบอกให้เงียบ
( กูต้องการคำตอบที่น่าชื่นใจกับแสนห้าที่จะเสียไปให้คนมักมากอย่างมึง )
“อย่าเพิ่งฉุนสิเซฮุนเพื่อนรัก ก็กูไม่รู้ว่าต้องรับแค่คนเดียวนี่หว่า โอ๋เอ๋”
( ปาร์คชานยอลจ้างมึงเท่าไหร่ )
มันไม่ตลกว่ะ
“หา?” แบคฮยอนถึงกับตาเหลือก รีบกดเปิดสปีกเกอร์โฟนเพื่อขอความช่วยเหลือจากเพื่อนร่วมทีมที่คลานออกมาจากท้องแม่ช้ากว่าเขาหนึ่งนาที
( กูถามว่าปาร์คชานยอลจ้างมึงเป็นแบบให้เท่าไหร่? )
ป๋ายเซียนเลิกคิ้ว มองหน้าพี่ชายที่กำลังทำท่าทางแปลก ๆ พร้อมพูดแบบไม่ออกเสียง เขาจึงส่ายหน้าพรืด
“ไม่ได้จ้าง” พูดจบก็ตบหน้าผากตนเองไปทีนึง นั่งคุยกับไอ้ป๋ายมาตั้งนานแต่มันเสือกมาบอกเรื่องถ่ายแบบเอาตอนไอ้เซฮุนโทรมาเนี่ย!
ได้ยินเสียงถอนหายใจของคนในสาย แต่ไหนแต่ไรพวกเรียนแฟชั่นก็แลดูจะเรื่องมากเป็นตุ๊ดอยู่แล้ว คาดว่ามันคงไม่พอใจที่รู้ว่านายแบบไปรับงานคนอื่นด้วย แต่นั่นก็ไม่ใช่กูไหมล่ะสังคม ครั้นจะบอกว่าเป็นน้องชายฝาแฝดก็ไม่ได้อีก
“มึงรู้ได้ไงวะ ไอ้ชานยอลบอกเหรอ” พูดกับคนในสาย แต่มองหน้าป๋ายเซียน สองพี่น้องใช้สายตาสื่อสารกัน ซึ่งป๋ายเซียนก็พอจะเริ่มจับต้นชนปลายได้บ้างแล้ว แม้จะยังไม่เข้าใจทั้งหมด
( เออสิ ก็กูทำงานคู่กับมัน )
“หา?”
( มันโป๊ะตอนไหนรู้ไหม ตอนที่พวกกูแลกรูปนายแบบให้กันดูไงล่ะ? )
“อะ อ้าววววว ที่แท้ก็ทำงานคู่ด้วยกันหรอกเหรอ โธ่มึง จะเดือดทำเขื่อนไรเนี่ย” แบคฮยอนแกล้งหัวเราะกลบเกลื่อน ทั้งที่เหงื่อกำลังไหลพลั่ก ๆ เพราะความเฮอเร่อที่กำลังจะมาเยือน ในหัวมีแต่คำว่า ‘ฉิบหายแล้วแบคฮยอน ฉิบหายแล้วแบคฮยอน ฉิบหายแล้วแบคฮยอน’
ไอ้ป๋ายมันทำความรู้จักกับปาร์คชานยอลไปแล้ว คำถามคือ กูต้องแถกับเซฮุนอย่างไร (10 คะแนน)
( สรุปชื่ออะไรกันแน่ บยอนแบคฮยอนหรือบยอนป๋ายเซียน )
“...”
ป๋ายเซียนเริ่มเห็นนรกของพี่ชายอยู่กราย ๆ จากที่ฟังคนในสายเหวี่ยงมาเรื่องถ่ายแบบแล้วคาดว่าพี่ชายของเขาคงบังเอิญไปเกี่ยวพันกับเด็กแฟชั่น ซึ่งดูเหมือนว่าจะได้ทำงานคู่กับปาร์คชานยอล และนั่นคือความฉิบหาย
“มีสองชื่ออะ ทั้งเกาหลีทั้งจีน เรียกแบบไหนกูก็หันหมดแหละ พ่อแม่ตั้งให้ไง ภูมิใจ” ป๋ายเซียนเม้มปาก ชูนิ้วโป้งทั้งสองข้างให้กับสกิลการแถของพี่ชาย
( ดูเหมือนว่ามันจะถูกใจมึงมากนะ คงคุยกันนานล่ะสิ? )
“ทำไม หึงหรา”
( ตลก เจอกันพรุ่งนี้บ่ายสอง อย่าเลท กูไม่อยากหงุดหงิด โอเคนะ? )
แบคฮยอนเบ้ปาก มองหน้าจอสมาร์ทโฟนที่ถูกตัดสายไปแล้ว แหม่... เด็กแฟชั่นนี่ขี้โมโหเอาเรื่องเลยว่ะ
“ใครอะ!”
“เด็กแฟชั่นชื่อเซฮุนอะ มันเพิ่งชวนกูไปเป็นแบบให้เมื่อตอนบ่าย ๆ”
“โห แล้วก็ไม่เล่า”
“กูลืมได้ไหมล่ะ มัวแต่สนใจเรื่องมึงป๊ะกับปาร์คชานยอลอยู่เนี่ย” แบคฮยอนคว้าสมาร์ทโฟนน้องชายขึ้นมากดเมมเบอร์ปาร์คชานยอลเอาไว้ ถึงไม่ได้โทร แต่เก็บอยู่ในเครื่องก็อุ่นใจเหมือนกัน
“งั้นเอาไงดี”
“มึงบอกมันไปยังว่าเรียนคณะไร”
“ไม่ได้บอก”
“เยี่ยม งั้นมึงก็เป็นป๋ายเซียนที่เรียนวิดวะไปซะ เพราะเซฮุนมันเจอกูใส่เสื้อช่อปคาตาแล้วเมื่อตอนกลางวัน ส่วนถ้าชานยอลมันงงห่าไร ก็ให้แถไปว่ามีสองชื่อ”
“ได้ แล้วใครจะเป็นคนถ่ายแบบให้อะ โอ้ย กูตื่นเต้นจนปวดฉี่แล้ว” ป๋ายเซียนตาเป็นประกาย แค่คิดว่าจะได้แกล้งปาร์คชานยอลเร็วขึ้นทุกอย่างมันก็มีสีสันไปหมด
แบคฮยอนมองรูปโปรไฟล์โอเซฮุนในเครื่องตนเอง ก่อนจะชำเลืองมองไปยังรูปโปรไฟล์ปาร์คชานยอลในเครื่องของป๋ายเซียน คนตัวเล็กยิ้มมุมปากกับเรื่องน่าสนุก ก่อนจะสบตาน้องชายที่นั่งทำหน้าง่วง
“เรื่องอื่นไว้ค่อยว่ากันทีหลัง แต่เรื่องของพรุ่งนี้เดี๋ยวพี่จัดการเองไอ้น้อง”
TBC
ความคิดเห็น