คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Scene 1 :: พี่เขาด่า
Scene 1
พี่เขาด่า
“กลับมาแล้ว”
“ไอ้แบคฮยอน!!!”
เจ้าของชื่อสะดุ้งผงะถอยหลังไปก้าวหนึ่งเมื่อเสียงแผดลั่นบ้านมาก่อนร่างคุณแม่ยังสาวซึ่งถืออีโต้ออกมาจากครัว นาทีชีวิตละกู
STATUS : เตรียม CPR ตัวเอง
“ฉันใช้ให้แกไปซื้อของที่ตลาดไม่ใช่อิรัก ทำไมถึงหายหัวไปนานขนาดนี้ ข้าวเขิ้วนี่ไม่ต้องกินกันแล้วหรือไง รู้ไหมว่าแม่แกนั่งหมักกิมจิฆ่าเวลาจนมือเหี่ยวมือเปื่อยไปหมดแล้ว...อ้าว พาใครมาด้วยล่ะนั่น?”
แบคฮยอนเอี้ยวหน้าหันกลับไปข้างหลัง แล้วก็พบชายหนุ่มร่างสูงสวมเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนกับสแล็คขายาวสีน้ำตาล แถมยังล้วงกระเป๋ากางเกงทำหน้านิ่งเหมือนไม่สะทกสะท้านกับเสียงนั่นอีก
“ป...ปาร์คชานยอล!!!!”
“แม่...เดี๋ยวคนได้ยินกันหมดหรอก!” แบคฮยอนกดเสียงลงต่ำ นอกจากเสียงพึมพำกับตัวเองว่า ‘หล่อแท้ หล่อแท้’ ที่หลุดออกมาจากปากแม่ ก็คงเป็นเสียงอีโต้ที่เคยขู่ลูกชายมันร่วงปักลงกับพื้นนั่นแหละที่เขาได้ยิน
“สวัสดีครับคุณผู้หญิง”
“จ้า สวัสดีจ้า” ไหนเหรอวีรสตรีประจำซอยที่ชอบตะโกนด่าลูก ตอนนี้มีเพียงแค่ผู้หญิงวัยสามสิบปลาย ๆ ที่ยืนยิ้มหน้าบานโหนกขยายเมื่อเห็นดาราในดวงใจมายืนอยู่หน้าธรณีประตูบ้าน คิดดูเอาว่านางถอนสายบัวด้วย
“ก่อนอื่นผมต้องขอโทษที่เป็นต้นเหตุทำให้คุณได้ทานมื้อค่ำช้า” ร่างสูงพูดด้วยท่าทีสบาย ๆ ก่อนจะเอาถุงพลาสติกสี่ถุงออกมาจากข้างหลังแล้วยื่นให้แม่บ้านยังสาว “ผมคิดว่ามันคงน่าหงุดหงิดถ้าจะต้องเสียเวลาออกไปซื้อของมาทำมื้อเย็น เพราะงั้นผมเลยแวะร้านข้างทางก่อนมาที่นี่ หวังว่ามันจะทำให้คุณคิมฮโยลินรู้สึกดีขึ้นได้บ้างนะครับ” พี่เขาทำการบ้านมาดี นี่รู้ชื่อแม่กูด้วย
แบคฮยอนแอบเบ้ปาก ร้านข้างทางที่พี่เขาว่าคือภัตตาคารหรูย่านกังนัมว่ะคุณ คือข้างทางจริง ๆ เพราะร้านติดถนน โอย...พี่แกเป็นคนประเภทไหนกันแน่วะ นี่ยังจำเหตุการณ์เมื่อเกือบสองชั่วโมงที่แล้วได้เป็นอย่างดีนะ และเขาก็ไม่โอเคที่ผู้ชายคนนี้จะมาที่บ้านด้วย
“อู๊ย วินาทีนี้อะไรก็ดีทั้งนั้นแหละค่ะ ว่าแต่จะอยู่กินด้วยกันเลยไหมคะ?” คุณแม่ยังสาวยิ้มอ้าปากกว้างก่อนจะหลุดหัวเราะออกมากับคำพูดทีเล่นทีจริง “พี่หมายถึงอยู่กินข้าวด้วยกันน่ะค่ะ ไม่ใช่อยู่กินฉันท์ผัวเมียอะไรแบบนั้น แหม่...อย่าเพิ่งคิดลึก ไว้ผัวพี่ตายก่อนแล้วจะคิดเรื่องหาพ่อใหม่ให้แบคฮยอนมันอีกทีนะ 555555555”
“แม่”
“หยุดเลยหยุด แกอย่าเพิ่งพูด” ลูกไม้ย่อมหล่นไม่ไกลต้น คนเป็นแม่ชี้หน้าห้ามลูกชายทันทีเพราะรู้ว่ามันจะปริปากพูดอะไร ไอ้เด็กนี่ไม่วายจะดับฝันเธอด้วยการแหกหน้าแม่ต่อหน้าแขกแน่ ๆ
“ได้ครับ งั้นเราเริ่มกันเลยดีไหม?”
แบคฮยอนแค่นหัวเราะในลำคอ บอกตามตรงว่ารอยยิ้มของพระเอกพันล้านอย่างปาร์คชานยอลน่ะไม่ได้กินเขาหรอก อย่างมากก็ได้แค่เฟคให้พวกแม่บ้านได้ฟินเล่นเท่านั้นแหละ
ตัดภาพไปเมื่อเกือบสองชั่วโมงที่แล้ว...
‘ผมต้องการคุณ...บยอนแบคฮยอน’
วินาทีนั้นคนตัวเล็กถึงกับเบิกตาโพลงอย่างตกใจ ยิ่งตอนใบหน้าหล่อ ๆ ของพี่เขาขยับเข้ามาใกล้ก็ยิ่งรู้สึกว่าฮอร์โมนเพศชายทำงานต่ำลงเรื่อย ๆ จนแทบจะแปรสภาพเป็นชะนีผี บอกตามตรงว่านอกจากโดคยองซูแล้วไม่มีเพศผู้ที่ไหนจะกล้ามาหายใจใกล้ ๆ แบบนี้ (ซึ่งคงไม่ต้องพูดถึงผู้หญิง)
‘ผมอยากให้คุณมาทำงานด้วยกัน ผมจะจ้างคุณ’
‘เฮ้ยพี่ แต่ผมเป็นนักเรียนอยู่นะ แล้วที่พี่อี้ฝานบอกก็ไม่ใช่แบบนี้ พี่เขาบอกว่าจะให้ผมมาช่วยแนะนำพี่อะ’
‘ลืมเรื่องที่ผู้จัดการผมพูดไปให้หมด แล้วตั้งใจฟังผมให้ดี’
แบคฮยอนตาเหลือกเมื่ออีกฝ่ายคว้าต้นคอเขาเอาไว้ราวกับล็อกเป้าหมายไม่ให้กูคนนี้ได้มีโอกาสหันไปใช้สิทธิ์มองอย่างอื่นอีกต่อไปแล้ว แล้วนี่จะเลียปากทำไมเหรอ ทาลิปหน่อยมะ
‘ผมกำลังจะได้เล่นหนังเรื่องใหม่ คราวนี้ได้รับบทเป็นทหาร ซึ่งผมเห็นว่าคุณกำลังเขียนนิยายเกี่ยวกับสงครามอยู่พอดี’
‘ใช่ ผมเพิ่งเปิดไปสี่ตอนอะ’
‘ผมอยากให้คุณมาทำงานด้วย ซึ่งผมคิดว่ามันเป็นงานที่ง่ายสำหรับคุณเหลือเกิน’
‘จริงเปล่า...’
แบคฮยอนทำตาปริบ ๆ ถ้าพี่เขาบอกมาแบบนี้แสดงว่างานมันคงไม่กระทบกับการเรียน เวลาเขียนนิยาย และเวลาเล่นเกมของเขาแน่ ๆ เพราะงั้นมันก็น่าสนอยู่ถ้าจะได้ทำงานกับดาราสุดฮอต เผลอ ๆ อาจจะดังเปรี้ยงปร้างโดยไม่รู้ตัวอีกด้วย หนังสือก็จะขายได้เยอะขึ้น เกาะกระแสซะ!
‘ถ้ากล้วยยังต้องใช้มือปอกอยู่ ก็คงเรียกว่าง่าย’ ร่างสูงยิ้มมุมปากแล้วผละมือออกจากท้ายทอยเขา ‘ผมจะจ้างให้คุณมาซ้อมบททหารให้ผม’
ดาราหนุ่มวางปึกกระดาษลงบนหน้าขาเขา ตอนนั้นแบคฮยอนงง ๆ มึน ๆ อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเปิดดูแบบคร่าว ๆ ก่อนจะสะดุดช่วงหน้าหลัง เมื่อเห็นข้อมูลเกี่ยวกับทหารอีกมากมายที่ดูก็รู้ว่าถูกปริ๊นท์ออกมาจากอินเทอร์เน็ต
‘คือให้ผมช่วยดูให้งี้เหรอ?’
‘จะเรียกอย่างนั้นก็ใช่ แต่มันก็มากกว่านั้นนิดหน่อย’
ร่างสูงถอนหายใจ คิ้วหนานั้นกำลังขมวดเข้าหากันราวกับว่าเรื่องที่พูดถึงแม่งโคตรน่าเศร้าในชีวิตดาราของพี่แกเลย แต่พูดก็พูดเถอะ บยอนแบคฮยอนเป็นคนเรียนไม่เก่ง เขาเลยยังไม่เข้าใจจุดประสงค์ที่อีกฝ่ายพูดสักเท่าไหร่
‘ก่อนเข้าฉากแต่ละครั้งผมจะต้องซ้อมบทให้ดีก่อน ทั้งสีหน้าและบทที่ต้องพูด ผมอยากให้มันออกมาดีที่สุด’
‘โหพี่ ในกองถ่ายเขาคัทกันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ เวลาเล่นไม่โอเคงี้ผู้กำกับก็สั่งให้ถ่ายใหม่ป่ะ?’
‘ครับ แต่ผมอยากให้มันน้อยที่สุด’
‘พี่ทำได้อยู่แล้วน่า ไม่เห็นต้องพึ่งผมเลย’
แบคฮยอนหรี่ตายิ้ม ๆ แล้วทำมือปัด ๆ เรื่องคะแนนสอบครั้งล่าสุดกูน่าโศกกว่านี้อีก นี่พี่ดาราพันล้านครับ มาเครียดกับเรื่องกะโหลกกะลาแค่นี้เองหรื๊อ
‘ผมทำไม่ได้’
‘...’
‘ที่คุณเห็นในละคร ถึงมันจะเป็นฉากผ่าน ๆ แต่ผมก็ใช้เวลาซ้อมอย่างต่ำฉากละหนึ่งชั่วโมง’
‘...’
‘ตอนนี้ผมยังบอกคุณไม่ได้ว่าเพราะอะไร จนกว่าคุณจะตกลงทำงานกับผม’
‘ไม่เอางี้ดิ บอกมาก่อน’
แบคฮยอนเลิกคิ้วมองคนตัวสูง ถึงเขาจะดูเหมือนเด็กน้อยอมมือ แต่เขาจะไม่ยอมตกลงปลงใจง่าย ๆ เด็ดขาดถ้าเกิดว่าพี่แกยังไม่เลิกกั๊กความลับเอาไว้ ถึงบยอนแบคฮยอนจะโง่แต่ไม่ได้หัวอ่อนนะครับ อย่ามากดดันกันซะให้ยาก
‘คุณไม่ตกลงงั้นเหรอ คุณนักเขียน?’
‘ไม่ จนกว่าผมจะรู้ว่าเพราะอะไร’
ทั้งคู่สบตากันอย่างหยั่งเชิง พี่พระเอกทำหน้าเรียบเฉย แต่สายตาคู่นั้นที่กำลังมองมาราวกับอยากจะพูดว่า ‘มึงจะลองกับกูสินะคุณนักเขียน?’ ยังไงอย่างนั้น
แบคฮยอนกลืนน้ำลายเอื้อก ใจก็อยากได้ค่าขนมเพิ่มนะ เพราะเขียนนิยายไปเท่าไหร่ ๆ แม่ก็เก็บหมดเลย ถ้าได้จากตรงนี้ก็น่าจะเอาเงินไปซื้อจอยเกมเคลือบทองคำได้เลยล่ะ แต่ขอรู้เหตุผลหน่อยไม่ได้เหรอ ใจม้ายส้ายระกำแท้
‘ไม่เป็นไรครับ ถ้าคุณไม่ตกลง ผมจะพาคุณไปส่งที่บ้านเอง’
แบคฮยอนอ้าปากหวอมองตามคนตัวสูงที่ยิ้มให้เขาก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้อง เออ เมื่อกี้คงยิ้มจริง ๆ แหละถ้าไม่คิดว่าพี่แกกำลังบริหารปากด้วยการขยับมันน่ะนะ เดี๋ยวเว้ย...ทำไมมันง่ายดายจังเลยล่ะ ก็เห็น ๆ อยู่ว่าพี่เขาทำท่าเหมือนจะเอาให้ได้...แต่...
ตัดกลับมาปัจจุบัน
“อร่อยไหมครับ?”
“อร่อยมาก...นุ่มลิ้นสุด ๆ ท่าจะแพงอยู่นะเนี่ย”
“เนื้อที่คุณกำลังทานอยู่เป็นเนื้อวากิวที่นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น และถูกปรุงเครื่องด้วยเชฟชื่อดังอย่าง ฮิโรยูกิ ซาไก” ชานยอลพูดอย่างไม่ยี่หระ บอกตามตรงว่าสองแม่ลูกกำลังอ้าปากค้างกับชื่อวัวโง่ ๆ อีกทั้งชื่อเชฟซึ่งดูเหมือนชื่อเซิฟเวอร์เกมออนไลน์ที่เขาคุ้นเคย
“โห นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นเลยเหรอ?!” คุณแม่ยังสาวคว้าสมาร์ทโฟนขึ้นมากดเสิร์ทหาในเน็ต แค่ครู่เดียวเธอก็เบิกตากว้างอย่างตกใจ “แม่เจ้าโว้ย! นี่มันเนื้อราคาแพงเลยนี่!”
“เก็บอาการหน่อยคุณนาย”
“เก็บบ้าอะไรล่ะ แกรีบยัดเข้าไปเลยนะแบคฮยอน โอกาสแบบนี้ไม่ได้มีมาบ่อย ๆ” คิมฮโยลินว่าแล้วคีบเนื้อใส่ถ้วยข้าวลูกชายจนพูน ร่างเล็กเห็นว่าผู้ชายคนนี้เอาแต่กินสลัดอกไก่จานเดียว มากกว่าการคีบเอาอาหารในจานอื่น ๆ มากินบ้าง
“ผมดีใจที่คุณชอบ”
“ยิ่งกว่าชอบอีกจ้ะ ทำไมน้องถึงดีแบบนี้คะ พี่ว่านอกจากหล่อแล้วน้องก็ไม่จำเป็นต้องทำอะไรอีก” อวยจบก็ระเบิดหัวเราะออกมาเสียงดัง ซึ่งปาร์คชานยอลเพียงแค่อมยิ้มเล็กน้อยตามฉบับพระเอกเท่านั้น
แบคฮยอนอายเหลือเกิน ตอนนี้ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว
“จะเป็นไรไหมครับ ถ้าเกิดว่าผมอยากให้แบคฮยอนไปทำงานด้วย?”
ร่างเล็กหันขวับกับประโยคเมื่อครู่ อะไรคือให้ไปทำงานด้วย รู้สึกว่าที่มาส่งเขาที่บ้านก็เพราะตกลงเรื่องนั้นไม่ได้ไม่ใช่เรอะ?
แบคฮยอนอ้าปากพะงาบ ๆ เพราะไม่รู้จะพูดอะไรดีในสถานการณ์แบบนี้ ราวกับว่าคำพูดทุกอย่างมันจุกอยู่ที่คอเพราะร่างสูงเอากำปั้นอุดปากเขาไว้ยังไงอย่างนั้น
“หา?”
“เป็นงานง่าย ๆ คุณฮโยลินวางใจได้เลยว่ามันจะไม่กระทบถึงการเรียนของน้องเด็ดขาด”
นางเรียกกูว่าน้องด้วยจ้า
“คือยังไง จะจ้างมันไปทำความสะอาดบ้านให้งี้เหรอ บอกเลยนะว่าห้องมันยังรกอย่างกับรังหนูคงไม่มีปัญญาไปเก็บห้องให้ใครได้” นี่ก็ขายลูกเหลือเกิน
“ไม่ใช่อย่างนั้นครับ ผมเห็นว่าแบคฮยอนเป็นเด็กมีความสามารถ เป็นนักเขียนในสำนักพิมพ์ชื่อดังได้ตั้งแต่อายุยังเท่านี้ แต่ก่อนจะถามเขา ผมก็อยากจะถามความสมัครใจของคุณแม่ดูก่อน” ไม่พูดอย่างเดียว มือไม้นี่ก็เอื้อมมากอดคอแสดงถึงความสนิทสนมที่ก่อตัวขึ้นตั้งสองชั่วโมงอวดแม่อีก
แบคฮยอนเบ้หน้าหน่าย ๆ แล้วสะบัดออก แต่พี่ดาราหน้าหล่อกลับคว้าหัวไหล่เขาไว้ซะแน่น แน่จริงก็จับหัวกูกดกับจานเนื้อวัวญี่ปุ่นกะโหลก ๆ นี่เลยดิซั้ซ
“พูดก็พูดเถอะ ลูกของพี่มันโง่ค่ะ นิยายที่ได้ตีพิมพ์ก็เหมือนฟลุ๊คมากกว่า” แม่มองหน้าลูกชายอย่างเวทนา เป็นเชิงบอกว่ากูคิดจริงไม่ได้ถ่อมตัวช่วยมึงเลย “อาจเป็นความผิดของพี่เองที่ชงนมข้นผสมน้ำร้อนให้มันกินตอนเป็นเด็ก โตขึ้นถึงได้เป็นแบบนี้...”
“อันนั้นไม่ต้องเล่าก็ได้ไง” แบคฮยอนทำหน้าเซ็ง นี่ไม่เล่าตอนกูเอาผ้าอ้อมมาใส่หัวเล่นเพราะคิดว่าเป็นหมวกกันน็อคของเด็กไปด้วยเลยล่ะ
“อย่าคิดมากเลยนะครับ พ่อแม่ให้สมองลูกมาทุกคน ซึ่งถ้าลูกจะโง่จริง ๆ ก็คงโง่ที่ตัวเขาเอง”
แบคฮยอนหันขวับรอบสองเมื่อรู้สึกเหมือนถูกหลอกด่า มือใหญ่ที่วางอยู่บนศีรษะเขาอย่างเอ็นดูบวกกับรอยยิ้มพระเอกนั่นยิ่งทำให้รู้สึกเหมือนกำลังถูกตบหัวแล้วลูบหลังยังไงก็ไม่รู้ นี่จะเอาให้ได้ช่ะ
สัด...
“แต่ว่า...”
ปึ่ก!
แบงก์ห้าหมื่นวอนปึกใหญ่ถูกวางแสกกลางลงบนโต๊ะอาหาร สร้างความสะพรึงให้สองแม่ลูกเป็นอย่างยิ่ง คุณแม่ยังสาวถลึงตามองธนบัตรใหม่ ๆ ที่ดูเหมือนคนเพิ่งไปปล้นธนาคารมา ก่อนจะประสานมือไว้บนอกทั้งที่ไม่ละสายตาไปไหน
“อุ่ต่ะ”
“ถ้าคุณตกลงให้แบคฮยอนทำงานกับผมล่ะก็...ส่วนที่เหลือจะโอนเข้าบัญชีไปทีหลัง” พี่พระเอกเอานามบัตรออกมาวางไว้บนโต๊ะ ก่อนจะค่อย ๆ เลื่อนเข้าหามารดาผู้หิวเงินของเขา “ถ้าติดต่อผมไม่ได้ ก็ให้ติดต่อเบอร์ผู้จัดการส่วนตัวของผมนะครับ เขาพร้อมจะรับสายคุณตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง”
“...”
“แม่อย่า...” แบคฮยอนพูดเสียงเบาพร้อมไขว้มือเป็นรูปกากบาท แต่คนเป็นแม่กลับปั้นหน้านิ่งส่ายหน้าปฏิเสธลูกชาย
โธ่แม่!! ถึงเงินข้างหน้ามันจะล่อตาล่อใจ แต่ขอเวลาเขานอกไปเคลียร์กับพี่พระเอกก่อนดิแล้วค่อยตอบ อย่าเพิ่งนะ!!
“คุณฮโยลินชอบแบรนด์ชาแนลไหมครับ?”
“อูย นั่นแหละของดีเลย...”
“ถ้าผมไปต่างประเทศคราวหน้าจะได้ซื้อติดมือมาฝาก ผมคิดว่าแบรนด์ดี ๆ ก็ต้องเหมาะกับผู้หญิงสวย ๆ” ร่างสูงยิ้ม
แบคฮยอนหันไปเบ้ปากกับคำพูดที่มีแต่ผู้หญิงโง่ ๆ เท่านั้นแหละที่จะเชื่อ (ยกเว้นแม่ไว้คนนึง ด่าแม่ไม่ได้) ทำไมปาร์คชานยอลถึงทุ่มทุนสร้างขนาดนี้กะอีแค่อยากให้เด็กอย่างเขาไปทำงานด้วย นี่ลองทบทวนดูแล้วนะ ว่าถ้าเกิดมันเป็นงานง่ายที่เด็กอย่างเขาทำได้จริง ๆ คนอื่นมันก็ต้องทำได้ป่ะวะ
“จะว่ายังไงดีล่ะ” ร่างเล็กมองมือของแม่ที่กำลังค่อย ๆ เลื้อยไปเก็บเงินสดที่วางอยู่บนโต๊ะทั้งที่ยังไม่ละสายตาจากดาราหน้าหล่อ “ในเมื่อน้องขอร้องมา พี่จะปฏิเสธได้ยังไงกัน”
“แม่!!!”
“แกน่ะหุบปากไปเลยนะแบคฮยอน นอกจากตอบแทนคุณพ่อแม่แล้วแกก็ควรจะตอบแทนที่พี่ชานยอลมาส่งแกที่บ้านแถมเลี้ยงมื้อเย็นเราด้วยอาหารดี ๆ บ้าง!!!”
“ผมไม่ได้ขอให้พี่เขามาส่งน่ะ โทษ” พูดจบก็ยกมือขึ้นบังเมื่อคนเป็นแม่ทำท่าจะโน้มมาตบกบาลเขา
“ถ้ามันไม่รบกวนการเรียนไอ้เด็กนี่ พี่ก็โอเคเลยค่ะ ฮะ ๆๆ”
เด็กน้อยอ้าปากค้างท่านั้น ก็รู้หรอกนะว่าแม่เป็นผู้หญิงที่เห็นคุณค่าของเงินมากแค่ไหน ขนาดเห็นเหรียญห้าร้อยวอนตกอยู่ข้างถนนแกยังเก็บ แต่นี่ก็น่าจะหันมาถามความสมัครใจลูกชายมั่งดิ
“กลับดี ๆ นะคะ”
“ครับ ขอบคุณสำหรับน้ำใจในวันนี้” ร่างสูงโค้งพร้อมรอยยิ้ม ซึ่งแบคฮยอนได้แต่คิดว่าทำไมประโยคของพี่แกมันดูแปลก ๆ เหมือนจะฟอร์มจัดแต่ก็อยากขอบคุณ
“ลาก่อน” แบคฮยอนว่าแล้วหันหนีก่อนจะเซถอยหลังเมื่อถูกอีกคนเอานิ้วเกี่ยวคอเสื้อเขาเอาไว้
“เดินไปส่งผมที่หน้าทางเข้าด้วยสิ”
“เขาเรียกว่าปากซอย”
“มันก็ไม่ต่างกันหรอกครับ ความหมายเดียวกัน” ร่างสูงว่าแล้วล้วงกระเป๋ากางเกง ก่อนจะถอยออกมาก้าวหนึ่งเพื่อให้เด็กน้อยเดินออกมา
“พี่นี่แผนสูงจริง ๆ เลยว่ะ ยอมใจ พอตกลงกับผมไม่ได้เลยซุยใส่แม่ผมเลยงั้นดิ”
“กับคนที่อายุห่างกันถึงสิบปี ผมคิดว่าการมีคำหยาบหลุดออกมามันเป็นเรื่องที่ไม่สมควร ยิ่งกับคนที่ยังไม่สนิทกันด้วยแล้ว” เอาอีกละ แค่บอกว่าคุยกับผู้ใหญ่ห้ามหยาบก็จบแล้วไหม!!!
“ได้ครับพี่พระเอก”
“ผมชอบคนพูดง่าย ซึ่งผมหวังว่าคุณจะเป็นอย่างนั้น คุณนักเขียน” แบคฮยอนจิ๊ปากแล้วหันหน้าหนีไปบ่นอุบอิบเงียบ ๆ ด่าออกเสียงไม่ได้กูก็ด่ามันในใจนี่แหละ
“ไหน ๆ ก็มัดมือชกกันขนาดนี้แล้ว บอกมาเลยดิว่าอยากให้ทำอะไร”
“พรุ่งนี้ผมมีถ่ายละครทั้งวัน จะว่างก็มะรืน ไว้เดี๋ยวผมติดต่อไป”
“แต่ผมจะไม่รับสาย” แบคฮยอนทำปากเหมือนลิงแล้วค่อย ๆ ชำเลืองมองคนตัวสูงที่กำลังทำสีหน้าแบบว่า ‘จะกวนตีนสินะ?’
“เมื่อไหร่ที่คุณไม่รับสาย ผมจะไปตามคุณถึงที่”
“โว้ว ๆๆ นี่เอาจริงดิ ดาราอย่างพี่มีเวลามาวิ่งตามนักเขียนง่อย ๆ อย่างผมด้วยเหรอ?”
“มันเป็นเรื่องดีที่คุณรู้ฝีมือตัวเองนะครับ”
ฉึ่ก!!!
“พูดงี้หมายความว่าไง” แบคฮยอนหรี่ตามองคนตัวสูงขณะที่ทั้งคู่กำลังเดินลงมาตามตรอกลาดชัน ซึ่งชานยอลเพียงแค่หัวเราะในลำคอระหว่างปล่อยให้เด็กน้อยจมอยู่กับความหงุดหงิดที่เขาแค่แกล้งหยอกเล่น ๆ เพื่อสร้างบรรยากาศ
“ผมลองอ่านนิยายของคุณแล้ว เพ้อเจ้อดี”
“อะไรวะ มาขอให้ช่วยแล้วพูดหักหาญน้ำใจคนอื่นงี้เหรอ ตัวเองเล่นละครดีมากเลยมั้งเนี่ย” ห่า กูนึกว่า บอมพ์ ทนวยมาเอง
“คุณนักเขียนครับ ผมเพิ่งบอกคุณเรื่องคำหยาบไป”
“ก็พี่กวนตี...” แบคฮยอนโพล่งออกมาอย่างเหลืออด ก่อนจะค้างอยู่ท่านั้นเมื่อร่างสูงหันมาสบตาพร้อมเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม “กวน...ประสาท...ผม...”
เสียงลอดไรฟันของคนตัวเล็กนั้นเรียกรอยยิ้มจากดาราหนุ่มได้เป็นอย่างดี ชานยอลกดรีโมทรถสปอร์ตสีแดงเข้มคันคู่ใจก่อนจะแทรกตัวไปข้างใน แล้วเท้าแขนลงกับประตูขณะมองเด็กน้อยที่ยืนทำหน้าหงิกอยู่
“อย่าโกรธผมเลยครับ ผมไม่ได้คิดว่าคุณโง่ แต่คุณแค่ยังฉลาดไม่พอก็เท่านั้น”
“ไปไหนก็ไปเลยไป” แบคฮยอนกำหมัดขึ้นแล้วถลึงตามอง คนตัวสูงยิ้มพอใจกับท่าทางของอีกฝ่ายที่มีต่อเขา ซึ่งมันต่างจากคนอื่น ๆ ที่เคยเจอ
“เตรียมตัวไว้แต่เนิ่น ๆ นะครับ อีกสองวันเจอกัน”
“แต่ผมจะชิ่ง”
“แล้วผมจะตามหาคุณให้เจอ”
ดาราหนุ่มยิ้มมุมปากก่อนจะเลื่อนกระจกรถขึ้น แบคฮยอนมองตามรถคันหรูที่กำลังขับออกไปแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจหนัก ๆ กับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาในวันนี้
ดูเหมือนว่าเรื่องราวระหว่างเขากับพี่พระเอกคนนั้นมันจะไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ แล้วล่ะ
TBC
นี่คือการลั่นครั้งที่สอง
ความคิดเห็น