ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    TEACH ME TO #ฟิคของทีมคุก SEASON 2 : PAINKILLER | CHANBAEK

    ลำดับตอนที่ #18 : Chapter 18 :: Teach me what is the meaning of life.

    • อัปเดตล่าสุด 20 ก.พ. 60



    ? cactus



     

     

     

    Chapter 18

    Teach me what is the meaning of life?

     



     

     

    ( วันนี้ตื่นเช้าจัง ฝนจะตกไหมเนี่ย? )

    เราหิว ก็เลยตื่นมาบอกให้ป้าทำมื้อเช้าให้กินน่ะสิ

    ( ตาบวมเชียว เมื่อคืนนอนดึกเหรอ อ่า ความหิวทำให้แบคฮีของเรานอนไม่พอ )

    เด็กสาวในชุดนักเรียนนั่งอมยิ้มกับจอโทรศัพท์ขณะมองเพื่อนสนิทที่กำลังเดินอยู่ในโรงเรียนกับเพื่อนชาวต่างชาติ บนใบหน้าของคนในจอยังคงเต็มไปด้วยรอยยิ้มแม้ว่าต้องแบ่งเวลามาให้ความสนใจเพื่อนที่อยู่ไกลอย่างเธอ

    เมื่อคืนเราดันเปิดดูหนังดราม่าก่อนนอน ร้องไห้เหมือนจะบ้าเลยตอนพระเอกตาย

    ( เรื่องไหนเนี่ย เราเคยดูไหม? )

    จงแดอ่านแต่หนังสือจะไปเคยได้ไง หนังมันเพิ่งออกไปไม่นานนี้เอง

    ( อะไรกัน เราก็ดูหนังนะไม่ใช่เรียนอย่างเดียว บอกมาเลยว่าเรื่องอะไร จะได้ตามไปดูแล้วเล่าให้แบคฮีฟังว่าเราไม่ได้ร้องสักแอะ )

    ไม่มีทาง จงแดร้องแน่ เธอหัวเราะ

    ( ไหนหันจอไปที่เตียงซิ อยากเห็นหมอนเลอะน้ำมูก )

    ย่าห์ เด็กสาวเบะปากใส่ ทั้งที่เคยร้องไห้ตอนหมาตายในหนังยังจะโม้อีก

    ( อดีตไม่นับสิ ปัจจุบันเรานั่งอกผายไหล่ผึ่งให้แบคฮีซบแมน ๆ จนจบเรื่องได้ง่าย ๆ เลยนะ )

    คนขี้โม้ทำหน้าขึงขังพร้อมทุบอกตัวเองปั๊ก ๆ ก่อนจะหลุดขำกับคำพูดเมื่อครู่เสียเอง ทั้ง ๆ ที่เป็นคนเซนซิทีฟกว่าเธอแท้ ๆ พอเป็นเรื่องสัตว์เลี้ยงหรือคนแก่ก็ร้องไห้น้ำตาไหลจนเสื้อเปียกไปหมด น่าเอ็นดูจนแบคฮีอยากเข้มแข็งเพื่อโอ๋เพื่อนจริง ๆ

    จงแดไม่ใช่คนเล่นกีฬาเก่ง หรือทำอะไรโดดเด่นจนใคร ๆ ต้องให้ความสนใจ แต่เพื่อนของเธอคนนี้มีสิ่งหนึ่งที่น่าภูมิใจคือความพยายามและความมุ่งมั่น ไม่ยอมถอดใจง่าย ๆ แม้แสงสว่างหนทางข้างหน้าจะริบหรี่จนมองไม่เห็นความหวัง

    ( แบคฮี )

    อือ

    ( ถ้าไม่อยากยิ้มก็อย่าฝืนเลยนะ )

    จงแดหยุดฝีเท้าลง สีหน้าของเขายังคงไม่ต่างจากเดิมมากนักเพียงแต่รอยยิ้มตอนนี้เป็นรอยยิ้มของคนที่จับผิดความผิดปกติของเพื่อนได้และพร้อมจะรับมือไปด้วยกันเหมือนที่เคยทำมาตลอด

    จงแดต้องไปกินข้าวแล้ว

    ( ข้าวกินตอนไหนก็ได้ แต่ตอนนี้เพื่อนเรากำลังเศร้า เราไม่อยากทำอะไรมากไปกว่าการอยู่ตรงนี้ )

    เด็กหนุ่มมองดวงตาคู่นั้นที่พอเพ่งชัด ๆ ถึงเห็นว่าแดงก่ำจนน่าเป็นห่วง แบคฮีเงียบและหลบสายตาเขาอย่างตั้งใจ จงแดจึงรอให้เธอพูดโดยไม่บังคับใด ๆ อีก

    เราทำพังหมดแล้ว

    ( ... )

    พัง... ทุกอย่างเลย

     

     

    *

     

     

    เด็กสาวหยุดยืนมองชอล์คสีขาวซึ่งถูกละเลงด้วยคำหยาบคายสารพัด ไม่ว่าจะเป็น ร่าน กระแดะ ตอแหล ไปตายซะ บนโต๊ะ เสียงหัวเราะเบา ๆ ประสานกันโดยกลุ่มคนเดิม ๆ ทำให้แบคฮีหันไปมองคนเหล่านั้นซึ่งกำลังมองมาอย่างรังเกียจ แต่เธอกลับไม่รู้สึกเดือดเนื้อร้อนใจเลยสักนิด

    กลับกันแล้วที่กลุ่มดาซมและจูอึนได้รับจากเธอคือการต่อต้านไม่ว่าจะเป็นทางสายตาหรือสีหน้า กลุ่มเด็กผู้หญิงซึ่งขึ้นชื่อว่าร้ายประจำสายชั้นจึงหน้าเสียเมื่อเห็นรอยยิ้มของเด็กสาวที่พวกเธอมาโรงเรียนแต่เช้าเพื่อหาเรื่องแกล้ง

    แบคฮีห้อยกระเป๋าไว้กับเก้าอี้แล้วเดินหายไปครู่หนึ่งแล้วกลับมาพร้อมผ้าขี้ริ้วชุบน้ำ เธอถูโต๊ะเรียนอย่างไม่เร่งรีบและไม่มีท่าทีว่าจะหงุดหงิดหัวเสียกับสิ่งที่กำลังเผชิญหน้าอยู่ แทมินและเพื่อน ๆ ต่างมองทั้งสองฝั่งสลับกัน มองสงครามเด็กผู้หญิงที่เกิดขึ้นอีกครั้งก่อนจะส่ายศีรษะอย่างหน่าย ๆ

    มินซอกเดินเข้ามาในห้องพร้อมความรู้สึกเดิม ๆ เหมือนกับตอนนั้นที่เธอไม่อยากมาโรงเรียนเพราะไม่อยากเจอเพื่อนร่วมห้องและปัญหาสารพัด เด็กสาวถูกกวักมือเรียกให้ไปนั่งด้วยกัน โดยมีคนในกลุ่มส่งสายตาเพื่อให้เธอรู้ว่าวันนี้แบคฮีมาโรงเรียนแล้ว

    มินซอกมองอีกคนจากด้านหลัง แบคฮีใส่หูฟังเพื่อให้รู้ว่าตอนนี้ได้ปิดกั้นตัวเองจากโลกภายนอกแล้ว ท่ามกลางเสียงโหวกเหวกโวยวายของเด็กผู้ชาย มินซอกยืนชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะรวบรวมความกล้าเดินไปหาแบคฮี

    มินซอก

    ...

    สองขาหยุดชะงักทันทีที่ได้ยินชื่อตนเองซึ่งมันมาพร้อมความกดดันทางน้ำเสียงและสายตาของคิมจูอึน คนในกลุ่มก็เช่นกัน... ทุกคนต่างมองมาทางนี้ราวกับจะบอกให้รู้โดยไม่ต้องพูดว่า

     

    ถ้าหากเธอนั่งกับบยอนแบคฮี... คงรู้ใช่ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้น?

     

    สองมือกำสายสะพายแน่น มองแผ่นหลังเพื่อนที่อยู่ในโลกส่วนตัวของเสียงเพลงในโทรศัพท์โดยที่ยังไม่รู้ถึงการมาของเธอ มินซอกเม้มริมฝีปาก สุดท้ายสองขาก็เปลี่ยนเป้าหมายจากที่ตั้งใจเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง

    จูอึนยิ้มพอใจเมื่อเห็นมินซอกนั่งลงข้างหลังเธอ กลุ่มเด็กสาวขี้เม้าจึงกลับเข้าเรื่องนินทาทุกคนที่เห็นแล้วไม่ชอบใจ ทั้งดารา ไอดอล หรือเพื่อนข้างห้องที่ดูดีกว่า แต่คนเหล่านี้ก็ขุดหาข้อเสียมานินทาสารพัดเพื่อให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้น

    นั่นไง มันมาพอดีเลย เฮ้ยเซฮุน เมื่อคืนมึงได้ดูบอลปะวะ? -- เดี๋ยว มือมึงไปโดนไรมา?

    แทบจะทุกคนที่อยู่ในห้องต่างมองผู้มาใหม่ที่เดินเข้ามาข้างในพร้อมวางกระเป๋าลงบนโต๊ะโดยไม่สนใจเด็กสาวที่นั่งอยู่ข้างหลังอย่างเช่นทุกครั้ง แบคฮีได้ยินประโยคเมื่อครู่ชัดเจนดีแม้จะใส่หูฟัง เพราะเพลงที่อยู่ในเครื่องนั้นไม่ได้ถูกกดเล่นอย่างที่ใครเข้าใจ

    ... แทยงเอาศอกสะกิดแทมินเพื่อให้ดูความผิดปกติระหว่างเซฮุนกับแบคฮี คนหนึ่งนั่งเล่นมือถือโดยไม่สนใจ ส่วนอีกคนแค่นั่งนิ่ง ๆ ผิดวิสัยผู้ชายช่างตื๊อ

    ไปทำอะไรมา? ดาซมหยุดยืนอยู่ข้างโต๊ะเซฮุน เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงติดไม่พอใจพลางหลุบสายตามองมือที่ถูกพันรอบด้วยผ้าก๊อซ แต่เขาก็ยังนิ่งไม่เอ่ยปากพูดกับใครทั้งนั้น

     

     

    *

     

     

    นั่งทำงานเงียบ ๆ นะ ถือว่าขอร้อง ฉันมีประชุมจริง ๆ

    ได้ค้าบ

    พวกแกน่ะตัวเสียงดังเลย ได้ยินจนถึงอาคารสาม กินโทรโข่งเข้าไปหรือไง?

    ด่าเลยค่ะอาจารย์ พวกอีแทยงน่ะน่ารำคาญมาก หนูเป็นพยานได้

    ถ้าวันนี้ยอมทำงานเงียบ ๆ ให้ ฉันจะบวกจิตพิสัยคนละหนึ่งคะแนน แต่ถ้ามีใครรายงานว่าห้องนี้เสียงดังล่ะก็... จะหักให้เรียบเลย

    ดุจัดอ่า -- โอ๊ะ!” แทยงยกมือขึ้นบังชอล์คที่อาจารย์แจซอกเขวี้ยงใส่ ท่ามกลางเสียงหัวเราะสะใจของเพื่อนร่วมห้อง

    พออาจารย์ออกไปหลายคนก็ทำทุกอย่างยกเว้นงานที่ถูกสั่ง บางคนฟุบหลับ บางคนหันไปคุยกับเพื่อนแต่ก็ไม่ได้เสียงดังอย่างที่อาจารย์แจซอกกังวล

    แบคฮีเป็นห่วงเซฮุนแต่เธอไม่ได้ถามไถ่ว่าเกิดอะไรขึ้นกับมือของเขา เธอเลือกนั่งทำงานแล้วปล่อยให้เป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น เพราะการแสดงความเป็นห่วงเป็นใยไม่ใช่วิธีที่ดีเลยสำหรับคนที่มีเป้าหมายว่าอยากให้อีกฝ่ายตัดใจ

    ฝากทำต่อด้วยนะมินซอก ขอบใจมาก

    ของฉันด้วย

    ฉันด้วยสิ

    เด็กสาวละมือออกจากโต๊ะเมื่ออยู่ ๆ ก็มีกระดาษหลายแผ่นวางลงมา เธอมองมันอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตากับจูอึนที่กำลังยิ้มพร้อมคำถามแบบไม่มีเสียงว่ามีอะไรเหรอ?

    มินซอกได้แต่ก้มหน้าทำงานเงียบ ๆ โดยไม่สามารถอ้าปากปฏิเสธอย่างที่ใจต้องการได้ ทุกคนในกลุ่มพร้อมใจกันเทงานมาให้ทำโดยไม่สนว่าเธอจะรู้สึกอย่างไร เด็กสาวกลับมาอยู่ในจุดเดิมที่แตกต่างไปแค่นิดเดียว ตรงที่คิมมินซอกไม่ได้ถูกทำร้ายร่างกาย

    แรงสั่นจากสมาร์ทโฟนทำให้ละสายตาจากกระดาษที่เพิ่งเขียนไปได้ครึ่งหน้า มันคือข้อความในแชทจากเพื่อนที่อยู่นิวซีแลนด์ เมื่อก่อนมินซอกกับจงแดคุยกันทุกวัน ทั้งเรื่องทั่วไปและช่วยติวภาษาอังกฤษให้เธอ แต่พักหลังเราคุยกันน้อยลงแต่ก็ไม่ถึงกับห่างเหิน เป็นเพราะมินซอกติดแฟนด้วย และรู้สึกผิดกับจงแดเรื่องแบคฮี จึงไม่ค่อยสานต่อบทสนทนา

     

    มินซอกยุ่งอยู่หรือเปล่า?

     

    เจ้าของชื่อนั่งจ้องข้อความซึ่งทำให้มือเย็นเฉียบ เธอไม่ได้ตอบกลับทันทีเพราะความกังวลใจมากมายที่มันถาโถมเข้ามาพร้อมกัน คิมมินซอกตอนนี้เหมือนคนเพิ่งถูกจับได้ว่าทำผิดมาทั้งที่จงแดก็ทักทายอย่างปกติ

     

    ว่าไง?

    คอลไปได้ไหม เรามีเรื่องอยากคุยด้วยนิดหน่อย แค่ห้านาทีเท่านั้น ^-^’

     

    เด็กสาวเม้มริมฝีปาก ในหัวมีความกลัวมากมายเรียบเรียงมาล่วงหน้าทั้งที่ไม่รู้ว่าจงแดจะพูดอย่างนั้นหรือไม่ นี่สินะคนที่มีความผิดติดอยู่ในใจ มินซอกถึงได้หวาดระแวงไปหมดว่าสิ่งที่จะคุยกันต้องเป็นเรื่องแย่

    อาจารย์! หน้าไปโดนไรมาอะ?!”

    ...

    มีแค่ไม่กี่คนที่สนใจเสียงของเด็กหนุ่มซึ่งตะโกนถามอาจารย์สอนพละข้างล่างอาคารเรียน หนึ่งในนั้นคือกลุ่มของดาซมที่นั่งติดกับหน้าต่าง มินซอกขมวดคิ้วทั้งที่ยังตอบแชทจงแดค้างไว้ เมื่อเห็นว่ามุมปากอาจารย์ชานยอลบวมช้ำราวกับถูกชกมา

    เมื่อคืนถูกโจรปล้นน่ะ พวกคุณก็ระวังตัวไว้

    เข้ แถวนี้เหรอจารย์? ชายหนุ่มพยักหน้าเป็นคำตอบ เด็กผู้ชายเหล่านั้นจึงโบกมือบ๊ายบายพร้อมส่งสายตาเป็นห่วงเป็นใยให้อาจารย์ที่สนิทกัน

     

    อือ ได้สิ เดี๋ยวคอลไปนะ

     

    มินซอกตอบสั้น ๆ แล้วเงยหน้าขึ้น เธอคิดว่ามันต้องเป็นเรื่องแน่เมื่อตอนนี้สีหน้าจูอึนกำลังแสดงออกให้รู้ว่าโมโหอย่างถึงขีดสุดหลังจากเห็นรอยแผลบนใบหน้าอาจารย์ชานยอล

    ใช่แน่ ๆ ฉันว่ารอยนั่นต้องได้มาจากเซฮุน

    แน่เหรอ อาจารย์ก็บอกอยู่ปะว่าถูกโจรปล้น

    ปล้นบ้าไรล่ะ มีสมองหน่อย ดูผ้าพันแผลที่มือเซฮุนสิ

    นี่ดาซม เล่ามาเลยนะว่าเมื่อวานเธอเป่าหูอะไรหมอนั่นไปบ้าง

    ฉันแค่เล่าแต่เรื่องที่ยูจินแชร์มาเฉย ๆ เอง

    สงสารจูอึนเลยอะ ไม่เป็นไรนะ ที่อาจารย์โดนต่อยก็เพราะความผิดอีนั่นล้วน ๆ เลย

    จริง ฉันว่านางต้องไปพูดอะไรให้สองคนนั้นทะเลาะกันแน่ ๆ

    ขอโทษนะจูอึน ดาซมยิ้มพอใจพร้อมดึงแก้มเพื่อนสนิทที่กำลังโมโหจนกัดฟันกรอดขณะมองไปทางศัตรูหัวใจ

    มินซอกเดินออกไปจากห้องพร้อมโทรศัพท์มือถือ เธอตรงไปหาจุดเงียบ ๆ ไร้ผู้คนเดินผ่าน ตั้งแต่ถูกจับได้ในห้องน้ำเด็กสาวก็หวาดระแวงมาตลอด ทั้ง ๆ ที่การคุยกับจงแดมันไม่เคยส่งผลไปทางแง่ร้าย

    ( เหมือนไม่ได้คุยกันนานเลย สบายดีไหมมินซอก )

    เธอยิ้มเจื่อนพลางพยักหน้าเป็นคำตอบหลังจากเปิดกล้องคุยกับเพื่อนที่อยู่ต่างประเทศ

    จงแดมีอะไรเหรอ?เจ้าของชื่อยิ้มบาง ๆ แต่ไม่ได้ตอบกลับทันที จึงทำให้เด็กสาวกังวลว่าคำถามนี้มันค่อนข้างแปลกเกินไปสำหรับคนที่เป็นเพื่อนกันอยู่แล้วหรือไม่ ความจริงเราไม่ควรถามหาเหตุผลของการคุยกันเลยด้วยซ้ำ

    ( เราคุยกับแบคฮีก็เลยได้เห็นแต่มุมแบคฮี ตอนนี้เราอยากรู้ว่ามินซอกเป็นยังไงบ้าง )

    เค้าเล่าทุกเรื่องเลยใช่ไหม? จะแปลกใจอะไร ในเมื่อจงแดเป็นเพื่อนสนิทของแบคฮี แค่คิดก็รู้สึกน้อยใจขึ้นมาแปลก ๆนายคงเกลียดฉันไปแล้ว

    ( ตั้งแต่เกิดมาเราเคยเกลียดคน ๆ เดียว คนนั้นคือเด็กผู้ชายตัวใหญ่ที่ตุ๊ยท้องเราตอนอยู่อนุบาล แต่ตอนนั้นมันก็นานมากแล้วล่ะ ) เด็กหนุ่มหัวเราะ

    ถ้าฉันพูดอะไรแปลก ๆ นายจะหาว่าเป็นเพราะฉันเปลี่ยนไปหรือเปล่า ความจริงฉันกำลังรู้สึกแย่จนไม่รู้จะอธิบายยังไง

    ( ไม่มีใครเหมือนเดิมได้ตลอดไปหรอกมินซอก ตอนอายุห้าขวบเราก็ไม่ได้เป็นแบบนี้ ตอนสิบห้าก็เหมือนกัน โลกหมุนรอบตัวเอง คนเราก็ด้วย พอเห็นอะไรมากขึ้นความคิดความอ่านก็เปลี่ยนไปตามสภาพแวดล้อม )

    แต่มันเปลี่ยนไปในทางที่แย่ นายคงรู้จากปากแบคฮีแล้วว่าฉันย้ายไปอยู่ในกลุ่มที่รุมหัวแกล้งฉันตั้งแต่เทอมก่อน พยายามลดน้ำหนักเพื่อผู้ชายที่เจอกันในแอปหาคู่ เค้าโกรธฉันเรื่องมีอะไรกันกับผู้ชายคนนั้น

    จงแดเงียบไป และรอยยิ้มที่มีอยู่ตอนนี้ก็เริ่มจางลงไปทุกที

    ( เรื่องย้ายกลุ่มน่ะ เรารู้ แต่แบคฮีไม่เคยเล่าเรื่องแอปหาคู่หรอก เราก็เพิ่งรู้จากมินซอกเมื่อกี้นี้เอง )

    ...

    ( เราสนิทกับแบคฮีมากจนเหมือนคุยกันทุกเรื่องก็จริง แต่มันไม่ใช่อย่างนั้นหรอกนะ อย่างน้อยก็เรื่องนี้ )

    แต่พูดเรื่องย้ายกลุ่ม นั่นสินะ... ไม่แปลกที่จะโกรธหรอก ก็ตอนนั้นแบคฮีพยายามปกป้องฉันจากคนพวกนั้นตั้งเท่าไหร่ ก็คงแค้นเป็นธรรมดา เด็กสาวแค่นหัวเราะ

    ( เราไม่รู้ว่าที่นั่นเป็นยังไงบ้าง แต่จากที่เราอยู่กับแบคฮีมาตั้งแต่เด็ก เค้าไม่ใช่คนที่จะว่าร้ายคนที่เค้ารักหรอกมินซอก )

    ...

    ( กลับกันแล้วแบคฮียังรู้สึกผิดด้วยซ้ำที่พูดแรงเกินไป )

    ...

    ( ที่เราอยากคุยด้วยวันนี้ก็เพราะอยากรู้ความเป็นไปของทั้งสองฝ่ายจริง ๆ เราอยากเห็นว่าตอนมินซอกกับแบคฮีไม่ได้อยู่ด้วยกันเป็นยังไง อยากรู้ว่าทั้งคู่คิดตรงกันไหม ถ้าเป็นไปได้เราก็อยากให้ลองเปิดอกคุยกันสักครั้งนะ มันอาจเป็นความคิดตื้น ๆ ของคนที่ยังไม่รู้จักโลกดี แต่เราคิดว่าถ้าเป็นเพื่อนที่รักกันมาก ต่อให้ทะเลาะกันแรงแค่ไหนก็น่าจะปรับความเข้าใจกันได้ มินซอกคิดอย่างนั้นหรือเปล่า? )

    ...

    ( เมื่อก่อนมินซอกก็สวยอยู่แล้ว แต่ตอนนี้สวยขึ้นกว่าเดิมอีก ไม่ใช่เพราะน้ำหนักที่หายไปหรอกนะ แต่เป็นเพราะจิตใจต่างหาก เพราะงั้นเราถึงเชื่อว่าเพื่อนทุกคนเป็นคนดี )

    โกหกน่ะจงแด... นายไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉันทำอะไรลงไปบ้าง เด็กสาวกล่าวเสียงสั่น นึกโมโหขึ้นมาที่อีกคนยังมองเธอในแง่ดีอยู่ได้ ทั้ง ๆ ที่ผู้หญิงคนนี้ทำเรื่องแย่ลงไปตั้งหลายครั้งฉันถูกหลอกถามเรื่องแบคฮีเพราะคนพวกนั้นอยากเอาไปนินทากันให้สนุก แต่ที่บ้ากว่านั้นคือฉันยอมคล้อยตามด้วย

    ( ... )

    เพราะถ้าไม่ทำฉันก็จะถูกแกล้งอีก ฉันไม่อยากกลับไปรู้สึกแย่แบบนั้นอีกแล้ว นายเข้าใจไหมจงแด?

    ( เราเข้าใจว่ามินซอกกลัว )

    มินซอกพยายามกลั้นน้ำตา แต่สุดท้ายมันก็ไหลออกมาอยู่ดี คำว่าเข้าใจของจงแดนั้นไม่ได้ช่วยเยียวยาอะไรคนที่รู้อยู่แก่ใจดีว่าทำผิดลงไป

    ( แต่การทำร้ายเพื่อนเพื่อปกป้องตัวเอง มันก็คงน่าใจหายมากเลย )

    ...

    ( ขอโทษที่ทำให้ร้องไห้นะ เราจะวางสายแล้วล่ะ ขอโทษที่ทำให้รู้สึกไม่ดีมากกว่าเดิมอีก )

    เลิกเป็นคนดีได้ไหม นายควรด่าฉันด้วยซ้ำ

    ( เราไม่อยากทำแบบนั้นหรอก )

    ด่าสิ

    ( เพราะในใจมินซอกตอนนี้คงต่อว่าตัวเองมามากพอแล้ว )

    ...

    ( มินซอกแค่กำลังหลงทาง ค่อย ๆ เดินหาทางออกนะ อีกไม่นานหรอก เราเชื่อว่ามันคงไม่สายเกินไป )

    ...

    ( นึกถึงวินาทีแรกที่ได้เป็นเพื่อนกัน นึกถึงตอนผ่านเรื่องแย่ ๆ และมีความสุขด้วยกัน นึกถึงช่วงเวลาเหล่านั้นแล้วมินซอกลองทบทวนดูว่าตอนนี้มันดีกว่าหรือเปล่า )

     

     

    *

     

     

    มินซอกเดินกลับมาในห้องพร้อมสภาพจิตใจเหี่ยวเฉา แม้จะไม่มีน้ำตาแล้วแต่จากสีหน้าตอนนี้คงถูกถามได้ง่าย ๆ ว่าไปทำอะไรมา แต่เรื่องที่กังวลก็หายไปเมื่อพบว่าตอนนี้กลุ่มของจูอึนไม่ได้อยู่ในห้องเลยสักคนเดียว

    ...

    เด็กสาวหยุดยืนหน้าห้องด้วยความสงสัยแต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องดีจึงกลับไปนั่งทำงานต่อ แต่เขียนไปได้ไม่ถึงข้อปลายปากกาก็ชะงักลง มินซอกหันไปทางโต๊ะแบคฮีเพราะความกังวลใจที่อยู่ ๆ ก็ผุดขึ้นมาในหัว และทันทีที่พบว่าอีกคนไม่ได้นั่งอยู่ตรงนั้น... ความกังวลที่มีอยู่จึงเพิ่มมากขึ้นในวินาทีถัดมา

     

    ซ่า!!!

     

    ข้อหาร่านจนทำให้ผู้ชายทะเลาะกัน

    คนถูกขังในห้องน้ำด้านในสุดเพียงยืนนิ่งไร้เสียงตอบโต้ เธอปล่อยให้น้ำไหลลงไปตามตัวและเสื้อผ้าจนหยดถึงพื้น แบคฮีเสยผมขึ้นพลางผ่อนลมหายใจ สายตาว่างเปล่าจดจ้องอยู่กับร่องประตูที่เคยมืดสนิทกระทั่งเงานั้นหายไปเมื่อคนที่เคยดึงประตูไว้เดินออกไปแล้ว

    เด็กสาวเดินออกมาข้างนอกในสภาพเปียกโชก หยุดยืนอยู่หน้าซิงค์ล้างมือพร้อมบิดน้ำออกจากเสื้อและผมจนพื้นเต็มไปด้วยน้ำ แบคฮีมองสภาพผู้หญิงในกระจกที่ความบางของเสื้อทำให้มองเห็นชั้นในอย่างชัดเจน เธออยู่ในจุดที่ไม่เหลือใครเหมือนมินซอกในตอนนั้น และบยอนแบคฮีจะไม่ยอมแพ้เด็ดขาด จะไม่มีใครก้มหัวยอมทำตามเพื่อให้โดนแกล้งเรื่อย ๆ อย่างไม่มีจุดจบ คนพวกนั้นควรรู้เสียทีว่าการกร่างแบบหมาหมู่เป็นอย่างไร

    ผ่านไปเป็นนาทีที่เด็กสาวให้เวลาตนเองอยู่กับความคิด สบตากับคนในกระจกแล้วบอกว่าบยอนแบคฮีเป็นคนเข้มแข็งอยู่แล้ว แค่อดทนหน่อยเดี๋ยวทุกปัญหาก็จะทุเลาเอง

     

     

    ถึงเราจะไม่ค่อยชอบฝนนะ แต่คำว่าฟ้าหลังฝนมันสวยเสมอน่ะ เราเชื่อว่ามันเป็นความจริง

     

    แบคฮียิ้มให้ตัวเองหลังจากคำพูดของจงแดฉุกขึ้นมาให้กำลังใจเธออีกครั้ง เด็กสาวก้าวออกไปจากห้องน้ำ มือที่ควรปกปิดความบางของเสื้อสีขาวนั้นแกว่งไปตามจังหวะการเดิน ไม่อับอายสายตาคนที่กำลังให้ความสนใจเธอในเวลานี้

    สองขาเดินไปตามระเบียงยาวและเป้าหมายคือห้องเรียนแทนที่จะเป็นการขอเสื้อตัวใหม่จากห้องพยาบาล แบคฮีคิดว่าไม่มีใครหยุดความกล้าของเธอได้ กระทั่งเห็นใครคนหนึ่งกำลังเดินมาจากมุมสุดของชั้นเรียน คนที่เคยเดินอย่างมั่นใจจึงหยุดยืนอยู่กับที่โดยอัตโนมัติ

    หัวใจที่ยังไม่เคยได้รับการเยียวยาจึงถูกราดด้วยยาล้างแผลอีกครั้งเมื่อได้สบตากับอดีตคนรักอย่างไม่ตั้งใจ

    น้ำจากชายเสื้อและกระโปรงหยดลงพื้นเป็นดวงจนเอ่อเพราะเด็กสาวยังคงยืนอยู่ตรงนั้น พร้อมความเป็นห่วงรอยแผลตรงมุมปากอีกฝ่ายที่ทำให้แบคฮีอยากต่อว่าตัวเอง เด็กสาวเลียริมฝีปาก พอตั้งสติได้จึงหลบสายตาแล้วก้าวตรงไปข้างหน้าโดยไม่สนใจใครอีก

    ...

    เขายังคงเก่งเรื่องทำให้เธอเจ็บจนถึงวินาทีนี้เพราะมือที่เคยทำร้ายกันกำลังคว้าแขนไว้ไม่ให้ไปไหน หัวใจที่ว่าเต้นช้าอยู่แล้วยิ่งแผ่วลงไปจนเหมือนจะหยุดนิ่งกับสัมผัสที่โหยหาและต่อต้านในเวลาเดียวกัน แบคฮีพยายามสะบัดออกแต่ก็ไม่เป็นผล เมื่อคนที่ยืนอยู่ข้างตัวกำลังดึงให้เธอไปด้วยกันท่ามกลางสายตาเพื่อนห้องอื่นที่ต่างให้ความสนใจ

    ทันทีที่ประตูห้องแลปปิดลงแบคฮีก็สะบัดแขนออกอย่างไม่ใยดี ซึ่งชายหนุ่มก็ไม่ได้ยื้อดึงอย่างเช่นก่อนหน้านี้ เด็กสาวตัวเปียกยืนหอบหายใจ ดวงตากลอกมองระหว่างตั้งสติก่อนจะเชิดหน้าสบตากับคนตัวสูง

    มีอะไรคะ? อาจารย์ไม่ตอบคำถาม เขาเพียงถอดเสื้อวอร์มออกแล้วคลุมไหล่ให้เธอเท่านั้นฮะ... แบคฮีแค่นหัวเราะก่อนจะถอนหายใจให้อีกฝ่ายได้ยิน

    ไปขอผ้าขนหนูที่ห้องพยาบาลนะครับ

    ขอโทษนะคะ ไม่ทราบว่าเป็นธุระส่วนไหนของอาจารย์เหรอ? เด็กสาวขมวดคิ้วกวนประสาท จะไม่ยอมเผยให้อีกฝ่ายเห็นเด็ดขาดว่าตอนนี้หัวใจเธอกำลังพังแค่ไหนเพราะสิ่งที่เขากำลังทำอยู่

    คุณจะเป็นหวัด

    นี่ชีวิตหนู

    ผมรู้

    แล้วยังไง?

    แค่ใส่มันเข้าไปครับแบคฮี

    อาจารย์เป็นบ้าอะไร อยู่ดี ๆ ก็มาแสดงความเป็นห่วงเป็นใย วันก่อนทำอะไรไว้ลืมแล้วเหรอ?

    ผมจำได้ครับอาจารย์ไม่มีท่าทีลังเลก่อนตอบเลยสักนิด อีกทั้งยังมองเธอด้วยแววตาน่าโมโหอย่างนั้นอีก

    เราไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว เลิกออกคำสั่งกับหนูสักที

    ผมจะไม่ทำอะไรมากไปกว่าการบอกให้คุณใส่เสื้อแล้วรูดซิป

    หนูไม่ทำ

    ...

    นึกอาลัยอาวรณ์ขึ้นมาแล้วล่ะสิ ก็นั่นแหละนะ... ที่นี่จะมีใครให้อาจารย์ง่าย ๆ แถมถึงใจอย่างหนูอีก เด็กสาวหัวเราะพร้อมเดินเข้าหาอีกฝ่ายหนึ่งก้าว เธอวางมือลงบนแผงอกแกร่งผ่านเสื้อยืดสีขาวก่อนจะเปลี่ยนเป็นกรีดนิ้วชี้เบา ๆ ลงไปจนถึงหน้าท้อง น่าเสียดายนะ ถ้าวันนั้นหนูไม่ตามไปเห็นป่านนี้เราคงแอบไปทำเรื่องสนุกกันในห้องเก็บของแล้ว

    ...

    ถ้าอาจารย์โกหกเก่งกว่านี้ก็คงได้กินของว่างจนถึงตอนเมียคลอดลูก ทำไงดีล่ะคะ อีกตั้งหลายเดือนเลยนะ ผู้ชายเซ็กส์จัดอย่างอาจารย์จะทนไหวเหรอ?

    คำพูดไม่น่ารักถูกพ่นออกมาไม่หยุด แบคฮีไม่ได้กำลังปกป้องตัวเอง แต่เธอกำลังประชดเพื่อให้รู้สึกแย่กว่าที่เป็นอยู่

    อาจารย์คงไม่ได้คิดกลับมากินหนูอีกครั้งเพราะเห็นหนูร้องไห้วันนั้นหรอกใช่ไหม? เด็กสาวยิ้มขำเพราะถ้าใช่ หนูจะได้บอกให้คิดใหม่

    ...

    หนูอาจจะเสียใจแต่ก็ไม่นานหรอกค่ะ หนูไม่ใช่คนชอบกลับไปกินของเก่าด้วย อาจารย์คงเห็นพี่จงอินเป็นตัวอย่างแล้ว

    คำเหล่านั้นไม่ได้ทำให้ดูเข้มแข็งขึ้นในสายตาอาจารย์ เธอรู้... แต่ถ้าหากยืนอยู่เฉย ๆ บยอนแบคฮีมั่นใจว่าน้ำตามันต้องไหลออกมาจนกลายเป็นคนน่าสมเพชแน่ ๆ

    เงียบเลย หนูพูดแทงใจเหรอคะ?คนตัวเล็กเลิกคิ้วมีความสุขมากไหมจะได้เป็นคุณพ่อลูกหนึ่งแล้ว

    ...

    เล่นกับความรู้สึกคนอื่นทั้งที่มีเมียอยู่แล้วน่ะสนุกมากหรือเปล่า?

    จนถึงตอนนี้อาจารย์ก็ยังไม่คิดจะพูดอะไรสักอย่าง ไม่ว่าจะปฏิเสธหรือยอมรับ หรือพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาสักนิดก็ไม่มี เขาเอาแต่เงียบราวกับอยากให้เธอพล่ามความโง่ออกมา และสุดท้ายแบคฮีก็ทนไม่ไหว

    เห็นหนูโง่มากเลยใช่ไหม?

    แบคฮี อย่า ชายหนุ่มจับข้อมือคนที่กำลังตบหน้าตัวเองทั้งที่ยังสบตากับเขาอยู่ เธอจึงใช้มืออีกข้างตบหน้าตัวเอง อย่าทำแบบนี้ ถ้าจะตบก็ตบผม

    หนูไม่ทำหรอก หนูไม่อยากให้อาจารย์สำนึก

    ผมขอร้อง

    ...

    แค่ใส่เสื้อ... แล้วรูดซิป เสียงของอาจารย์สั่น แววตาเฉยชาคู่นั้นเปลี่ยนไปพร้อมจังหวะหายใจที่ได้ยินอย่างชัดเจน แล้วผมจะไม่สร้างความลำบากใจให้คุณอีก

    แบคฮีเก่งเหลือเกินที่ยังกลั้นน้ำตามาจนถึงตอนนี้ได้ เด็กสาวสะบัดข้อมือออกเพื่อให้อีกฝ่ายรู้ว่าเธอไม่ได้เชื่อฟังอย่างที่เขาต้องการ ก่อนจะเดินไปหยุดอยู่หน้าประตูห้องแลปพร้อมถอนหายใจให้ได้ยิน

    น่ารำคาญจริง ๆ

    หัวใจที่เจ็บปวดเดินออกมาข้างนอกโดยไม่หันหลังกลับไปอีก เด็กสาวทอดสายตาไปยังทางเดินว่างเปล่าซึ่งมีเพียงลมเย็นก่อนฤดูหนาวเท่านั้นที่พัดเข้ามาทางหน้าต่างระเบียง แบคฮีถอดเสื้อวอร์มสีดำที่เคยกอดด้วยความรักออก ขยำจนเป็นก้อนโยนทิ้งลงถังขยะพร้อมน้ำตาที่ไหลออกมาเมื่อไม่สามารถกลั้นไว้ได้นานกว่านี้อีกต่อไป

     

     

    *

     

     

    หายไปไหนมา แล้วทำไมเสื้อผ้าของเธอถึงเปียกขนาดนั้นล่ะบยอนแบคฮี? ทุกสายตาในห้องหันไปมองเด็กสาวตัวเล็กพร้อม ๆ กัน รวมถึงอาจารย์ที่เพิ่งเข้าสอนในคาบก่อนพักเที่ยง

    บางคนชอบใจหลังจากเห็นยกทรงของเธอผ่านเสื้อสีขาวที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำ บางคนซุบซิบนินทา และบางกลุ่มกำลังยิ้มอย่างสะใจที่เห็นเธอตกอยู่ในสภาพนี้

    ถามดาซมกับจูอึนสิคะ พวกเค้าเป็นคนสาดน้ำใส่หนู

    ...

    ...

    อะไรนะ? อาจารย์ประจำวิชาเลิกคิ้วก่อนความสนใจจะถูกเทให้เด็กสาวทั้งสองซึ่งกำลังตกใจที่แบคฮีกล้าพูดมันกลางห้อง

    มีหลักฐานอะไรถึงกล้าใส่ร้ายคนอื่น? อาจารย์คะ เธอโกหก!”

    จริงค่ะอาจารย์ หนูไม่ได้ทำอะไรเค้าเลยนะคะ

    ถามเพื่อนในห้องดูสิคะว่าคนกลุ่มนั้นอยู่ในห้องหรือเปล่าตอนหนูไปเข้าห้องน้ำ?บรรยากาศกดดันยิ่งขึ้น สีหน้ามินซอกไม่สู้ดีนัก เธอเป็นห่วงเพื่อนที่ยืนตัวเปียกอยู่ตรงนั้นจึงลุกขึ้นแต่ก็ถูกจูอึนก็คว้าแขนเอาไว้ 

    ถ้าเธอไปล่ะก็... ฉันเอาจริงแน่

    ...

    อยากเห็นชื่อตัวเองอยู่บนกระทู้เว็บบอร์ดโรงเรียนหรือเปล่าล่ะคิมมินซอก?

    จูอึนกดเสียงลงต่ำ ส่งสายตาบอกให้อีกฝ่ายรู้ว่าคนอย่างเธอไม่มีวันพูดเล่นแน่ มินซอกรู้สึกได้ถึงแรงบีบตรงแขนซึ่งมันแรงขึ้นจนเจ็บ เธอตัวสั่นก่อนจะนั่งลงกับที่เงียบ ๆ โดยไม่กล้าหือกับอีกฝ่าย

    ในขณะเดียวกันเซฮุนเอาแต่นั่งมองมือตนเองที่พันรอบไปด้วยผ้าก๊อซ อยู่กับความว่างเปล่าที่ไม่อยากรับรู้อะไรอีกแล้วว่าโลกนี้จะหมุนไปในทิศทางไหน ไม่อยากหันไปปกป้องผู้หญิงคนนั้นที่ดีแต่ทำร้ายหัวใจเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า หัวใจมันเจ็บมากพอแล้วตั้งแต่ตามไปต่อยไอ้ครูบ้านั่นถึงบ้าน

     

    เจ็บเพราะได้ยินคำพูดของปาร์คชานยอลที่มีต่อบยอนแบคฮี

     

    ผมเป็นพยานได้ว่ากลุ่มจูอึนตามหลังแบคฮีออกไปติด ๆ เลย

    ผมด้วย

    แห่ไปทั้งกลุ่มเลยน้า

    พวกนาย!” คนถูกรุมขมวดคิ้วตะโกนใส่เหล่าเด็กผู้ชายที่พร้อมใจกันยกมือขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกัน แทยงกับแทมินหันไปมองกลุ่มเด็กผู้หญิงน่ารำคาญประจำห้องด้วยสายตารังเกียจ

    พอทีเหอะ จะเรียนจบอยู่แล้วยังแกล้งกันเป็นเด็ก ๆ ไปได้

    ไม่ชอบกันก็ต่างคนต่างอยู่ไม่ได้เหรอวะ

    จริง ทนดูมาตั้งแต่เทอมก่อนละนะ เบื่ออะ เมื่อไหร่จะหยุด

    กลุ่มที่กำลังถูกเด็กผู้ชายรุมต่อว่าต่างกวาดตามองอย่างไม่พอใจ รวมถึงอาจารย์ชายที่ยืนอยู่หน้าห้องซึ่งดูเหมือนว่าจะเชื่อคำพูดทุกคนในโลกมากกว่ากลุ่มของเธอ

    เอาล่ะ เงียบกันก่อน อาจารย์วัยห้าสิบถอดแว่นเช็ดเลนส์ ก่อนจะใส่แว่นอีกครั้งพร้อมมองนักเรียนทุกคนต่อให้ฉันจะไม่ใช่อาจารย์ที่ปรึกษาของพวกเธอ แต่ฉันก็อยากฝากอะไรไว้สักหน่อย

    ...

    มัธยมเป็นช่วงเวลาที่คนเราจะนึกถึงมากที่สุดหลังจากโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว เพราะฉะนั้นฉันอยากให้พวกเธอสร้างความทรงจำดี ๆ ด้วยกันมากกว่าจะหาเรื่องแกล้งกันนะ

    ครับ/ค่ะ

    คนที่เคยถูกแกล้งเท่านั้นที่จะเข้าใจคนถูกแกล้งมากที่สุด พวกเธอลองคิดดูให้ดีว่าถ้าเกิดโดนแกล้งบ้างจะรู้สึกยังไง อย่าทำให้โรงเรียนกลายเป็นนรกของใครสักคนเลย อาจารย์เว้นจังหวะไปครู่หนึ่งพลางมองไปยังคนตัวเล็กครั้งนี้จะให้อภัยเพื่อนได้ไหมแบคฮี?

    ทุกคนกำลังมองเจ้าของชื่อซึ่งไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรมากไปกว่าความเย็นชา กับคำขอซึ่งมีแต่แม่พระเท่านั้นที่จะยอมให้มันจบลงง่าย ๆ แบคฮีกำลังสบตากับจูอึนและดาซม ก่อนจะหยุดที่ใครอีกคนซึ่งก้มหน้าก้มตาไหล่สั่นอยู่ข้างหลังจูอึน

    ได้สิคะอาจารย์ เด็กสาวยิ้มกว้างแล้วหันไปทางคนกลุ่มเดิมอีกครั้งแต่ถ้ามีคราวหน้าอีก มันคงไม่เป็นไรใช่ไหมถ้าหากว่าหนูจะพาพ่อมาเยี่ยมโรงเรียนสักหน่อย?

    ...

    ถ้าชอบทำอะไรกันเป็นกลุ่มก็จะได้ถูกไล่ออกพร้อมกันไปเลย อาจารย์คิดว่าไงคะ?

    ทุกคนรู้ว่าแบคฮีเป็นคนใจเด็ด และพ่อของเธอก็มีอิทธิพลมากพอที่จะทำตามอย่างที่พูดได้ คำขู่ของเธอทำให้ใครหลายคนในกลุ่มดาซมหันกลับไปนั่งเงียบ ๆ ไม่หลงเหลือสีหน้าหยิ่งผยองอีกต่อไปอีก มินซอกนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นโดยไม่มีใครรับรู้ เด็กสาวต่อว่าตัวเองในใจที่ไม่กล้าออกไปเผชิญหน้าพร้อมกับเพื่อนเพียงเพราะคำขู่ของจูอึน

     

     

    *

     

     

    ลุกไหวไหมคะ มาค่ะ เดี๋ยวป้าช่วย

    หนาว ป้าแม่บ้านกระชับเสื้อและผ้าพันคอให้คนตัวเล็ก ก่อนจะจัดแจงผ้าห่มสองผืนที่ไม่สามารถให้ความอบอุ่นคนป่วยได้ดีเท่าที่ควร

    ให้ป้าโทรตามคุณหมอมาฉีดยาให้คุณหนูสักหน่อยเถอะนะคะ

    หนูไม่ชอบเข็ม... กินแค่ยาไม่ได้เหรอคะ?

    โถลูก... ทนเจ็บแค่แป๊บเดียวเองค่ะ คุณหนูจะได้หายไว ๆ ไงคะ เธอลูบศีรษะคนที่หน้าซีดเผือดเพราะพิษไข้ ตอนนี้แบคฮีทำท่าเหมือนว่าจะร้องไห้อีกแล้ว แม่บ้านจึงประหลาดใจเพราะไม่เคยเห็นคุณหนูงอแงขนาดนี้ แม้แต่ตอนสองปีก่อนที่เป็นไข้หวัดใหญ่จนต้องนอนซมไปหลายวัน

    หนูลองนอนก่อนได้ไหมคะ ถ้าพรุ่งนี้ยังไม่ดีขึ้นหนูจะยอมให้โทรเรียกหมอก็ได้

    ตกลงค่ะ งั้นกินข้าวกินยาก่อนนะคะ

    แบคฮียอมทำตามอย่างว่าง่ายเพราะไม่อยากฉีดยา เธอตักข้าวเข้าปาก เคี้ยวอย่างฝืนใจและกลืนลงคออย่างลำบาก เธอนิ่วหน้ากับความทรมานที่จุกแน่นอยู่ในคอแต่ก็ฝืนกินจนเกือบหมด เด็กสาวนอนลงบนเตียงอีกครั้ง ลมหายใจร้อนผ่อนเข้าออกเป็นจังหวะพลางพลิกตัวหันเข้าหาประตูระเบียงที่ทำให้มองเห็นท้องฟ้าข้างนอก

     

    และไม่มีใครยืนอยู่ตรงนั้น

     

    เด็กสาวผล็อยหลับไปอีกครั้งเพราะฤทธิ์ยา กว่าจะรู้ตัวอีกทีฟ้าก็มืดลงจนเหลือเพียงโคมไฟดวงเล็ก ๆ เท่านั้นที่ทำให้มองเห็นรอบข้าง อาการหนักอึ้งจากศีรษะยังคงไม่ดีขึ้นแต่ก็ไม่แย่ลง แบคฮีทาบมือลงกับหน้าผากก่อนจะรู้สึกได้ถึงเจลลดไข้ที่ไม่ได้เป็นคนแปะเอง

    ป้าแม่บ้านเป็นแบบนี้เสมอเลย ทั้งที่จะปล่อยให้เธอหลับก็ได้แต่ก็เข้ามาดูแลอยู่เรื่อย ๆ พอสติมาครบหลังจากตื่น ความทรงจำลาง ๆ จึงย้อนกลับมาให้คิด แบคฮีขมวดคิ้วก่อนจะหันไปที่โต๊ะข้างเตียง มองกล่องดนตรีม้าหมุนสีขาวที่มันยังคงวางอยู่จุดเดิม แต่เธอกลับรู้สึกเหมือนว่าได้ยินเสียงมันไขลานตอนที่ยังหลับอยู่

    ...

     

    คิดไปเองล่ะมั้ง...

     

    ตื่นแล้วเหรอคะ?

    หนูหิว ทำของอร่อยให้กินหน่อยคนตัวเล็กกล่าวอย่างออดอ้อน มองผู้หญิงใจดีที่เปิดไฟให้สว่างแล้วเข้ามาพร้อมถุงยา

    ก่อนกินของอร่อยฝีมือป้า คุณหนูต้องกินยาก่อนอาหารก่อน แบคฮีขยับตัวให้อีกฝ่ายนั่งลงบนขอบเตียง ป้าแม่บ้านดูงง ๆ กับยาในถุงซึ่งชุดที่กินก่อนเธอหลับมันไม่ใช่ถุงนี้

    เพิ่งไปซื้อมาเหรอคะ?

    อ่า ใช่ค่ะ... คุณหนูช่วยดูหน่อยได้ไหมคะ ป้ามองไม่ค่อยเห็นเลย ตัวไหนเป็นก่อนอาหารนะ เด็กสาวรับมาดูใกล้ ๆ สลับแผงยาอยู่ครู่เดียวก่อนจะชูให้อีกฝ่ายดู

    ตัวนี้

    กินเลยค่ะ เดี๋ยวป้ารินน้ำให้แบคฮีอมยาไว้ในปากรออีกคนเอาน้ำมาให้ เธอกินมันโดยไม่งอแงสักนิดเพราะไม่อยากตื่นมาเจอหน้าหมอพร้อมเข็มฉีดยาคุณเค้าอุตส่าห์เขียนกำกับซองไว้ซะดิบดี แต่ปีนี้สายตาป้าแย่ลงกว่าปีที่แล้วอีก สงสัยต้องหาแว่นมาใส่

    คุณเค้า?

    ...

    ใครเหรอคะ คนขับรถพ่อเหรอ?คนเสียงแหบเลิกคิ้วพลางสูดน้ำมูก แต่ป้าแม่บ้านกลับชะงักไปครู่หนึ่ง

    อ่า ใช่ค่ะ เธอยิ้มคุณหนูดูทีวีรอก่อนนะคะ เดี๋ยวป้าไปทำกับข้าวให้

    ไม่ต้องรีบนะ เดี๋ยวจะล้ม คนใจดีหัวเราะเบา ๆ ขณะมองรอยยิ้มของคนตัวเล็กที่คิดว่าจะไม่ได้เห็นแล้วในวันนี้ ขอบคุณสำหรับเจลด้วยค่ะ

    หลังจากแม่บ้านออกไปจากห้องแบคฮีก็เปิดเฟสไทม์หาเพื่อนสนิทจากนิวซีแลนด์แล้วยืดแขนออกในระยะพอดี พอเห็นตัวเองตอนนี้แล้วก็อดขำไม่ได้ ผู้หญิงที่เคยแต่งตัวแรง ๆ ไปเที่ยว ฉาบริมฝีปากด้วยลิปสติกสีเข้มกำลังป่วยทั้งกายและใจจนหน้าซีดไม่เหลือสภาพดี ๆ หลงเหลืออยู่เลย

    ( ว่าไงคนป่วย )

    หิว

    ( อ๊า อย่าสูดน้ำมูกตอนพูดว่าหิวได้ไหม? )

    อะไรอะ จงแดรังเกียจเราเหรอ?

    ( นิดนึง... )

    ไม่ได้ จงแดต้องรักเราสิ คนป่วยทำหน้าหมู จงแดจึงระเบิดหัวเราะออกมาอย่างห้ามไม่อยู่

    ( แสดงว่าดีขึ้นแล้วถึงได้ซนขนาดนี้ )

    ก็ป้าดูแลเราดี เอาข้าวเอายามาให้กินไม่ให้ขาดเลย แถมยังแอบจูบหน้าผากตอนเราหลับด้วย นึกถึงแม่เลย คนตัวเล็กทาบมือลงกับหน้าผาก เมื่อนึกไปถึงความรู้สึกตอนกึ่งหลับกึ่งตื่น สัมผัสอบอุ่นนั้นยังติดอยู่แม้ว่าจะมีแผ่นเจลลดไข้ทาบทับลงไปแล้ว

    ( อวดเป็นเด็กอนุบาลเลยนะเด็กหญิงแบคฮี ขาดเรียนไปสองวันแล้วจะตามเพื่อนทันไหมเนี่ย ชักจะเป็นห่วงซะแล้วสิ )

    ไม่ทันก็ตก มีเพื่อนซ้ำชั้นจงแดรับได้หรือเปล่า? เด็กหนุ่มแกล้งลอยหน้าลอยตาไม่รู้ไม่ชี้ แบคฮีจึงทำหน้าหมูอีกครั้ง คนเส้นตื้นทนไม่ได้ระเบิดหัวเราะลั่นเสียงดัง

    คนเป็นแม่บ้านเดินเข้าไปในครัวพลางหยุดยืนอยู่หน้าตู้เย็นพร้อมนึกถึงใครอีกคนที่เพิ่งกลับไปได้ไม่นานนัก เธอไม่เข้าใจว่าทำไมคุณคนนั้นถึงต้องปิดเรื่องซื้อยาชุดใหม่เป็นความลับ ทั้งที่อาจารย์มาเยี่ยมนักเรียนที่บ้านมันไม่ใช่เรื่องแปลก

     

     

    *

     

     

    อร่อยไหมลูก?

    ค่ะ

    พ่อตักให้อีกนะ

    คนตัวเล็กมองจานตนเองสลับกับหน้าของผู้เป็นพ่อที่กำลังมอบความใส่ใจให้เธอในวันหยุดสุดสัปดาห์ด้วยการพามากินข้าวในห้างกันสองคน ท่านจองโต๊ะส่วนตัวไว้ทั้ง ๆ ที่มันไม่เคยเกิดเรื่องแบบนี้มาก่อน แบคฮีไม่แน่ใจว่าป้าแม่บ้านคุยอะไรกับพ่อหรือไม่ เพราะอยู่ ๆ การหันมาเอาใจลูกแบบนี้มันแปลกเกินไป

    พ่อไม่ไปตีกอล์ฟเหรอคะ?

    คนถูกถามยิ้มบาง ๆ พลางส่ายศีรษะวันนี้พ่อจะอยู่กับลูก

    หนูถามได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นกับพ่อ คนรู้สึกผิดวางตะเกียบลงพลางหันหน้าเข้าหาลูกสาวที่นั่งอยู่ข้างตัว

    หนูอยากให้พ่อทำอะไรกับเด็กพวกนั้นไหม? บยอนยูฮันวางมือลงบนศีรษะคนตัวเล็ก อยากให้พ่อเอาพวกเด็กนรกที่รุมแกล้งหนูออกจากโรงเรียนหรือเปล่า?

    นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้เห็นความสดใสของเธอ ตอนนี้แววตาของแบคฮีช่างไร้ชีวิตชีวา และเขารู้ว่าต้นเหตุของมันคืออะไร พ่อรู้ได้ไงคะ?

    มันไม่สำคัญหรอกว่าพ่อรู้ได้ยังไง หนูแค่บอกมาคำเดียว ชายวัยห้าสิบโอบไหล่ลูกสาวพร้อมมองด้วยสายตาจริงจัง

    ถ้าที่โรงเรียนไม่ต่อสายเข้าเบอร์ส่วนตัวบยอนยูฮันก็คงไม่มีวันรู้ ฝั่งนั้นเอาแต่ขอโทษขอโพยกับสิ่งที่เด็กกลุ่มหนึ่งทำกับแบคฮีลงไป เพียงเพราะกลัวทางบริษัทจะถอดการสนับสนุนโรงเรียนออก แต่ผิดคาดไปหน่อยตรงที่ลูกสาวของเขาไม่เคยพูดเรื่องนี้ และมันเป็นเหตุผลที่บยอนยูฮันเลือกพาแบคฮีออกมากินข้าวข้างนอกด้วยกันเพื่อพูดคุยเรื่องที่เขาไม่เคยได้รู้ รวมถึงการปรับความเข้าใจและลดช่องว่างระหว่างเราให้ลดลงด้วย

    การไล่ออกไม่ทำให้คนพวกนั้นสำนึกหรอกค่ะ ต่อให้ออกจากโรงเรียนนี้ก็คงไปแกล้งคนอื่นที่โรงเรียนใหม่อยู่ดี มันอยู่ที่จิตสำนึกแบคฮีตักข้าวเข้าปากหนูแค่ขู่ไปเล่น ๆ ไม่คิดว่าอาจารย์จะเอามาบอกพ่อ

    มันเกิดขึ้นครั้งแรกหรือว่าลูกทนมานานแล้ว?

    หลายครั้งแล้วค่ะ

    ทำไมหนูไม่บอกพ่อล่ะลูก? ชายวัยห้าสิบลูบศีรษะลูกสาว

    หนูไม่อยากเป็นคนน่ารังเกียจในสายตาเพื่อนเพราะพ่อของหนูเป็นคนมีอิทธิพลต่อโรงเรียน แบคฮีหันหน้าเข้าหาอีกฝ่ายมันไม่แย่อย่างที่พ่อคิดหรอกค่ะ โรงเรียนก็อย่างนี้

    แต่พ่อทนไม่ได้ มันเป็นใครที่ไหนถึงกล้าดีมาทำลูกของพ่อแบบนี้

    อย่ามาทำเป็นโหดได้ไหม ทั้งที่ก่อนหน้านี้พ่อสนใจทุกอย่างยกเว้นหนูมาตลอดแท้ ๆ เด็กสาวพูดติดตลก เพราะไม่อยากให้บรรยากาศมันแย่ลงไปกว่านี้ แบคฮีรู้ว่าพ่อรักและเป็นห่วงเธอ แต่การทำเพื่อลูกแบบนั้นมันไม่ใช่การแสดงความรักที่ถูกต้อง

    พ่อขอโทษ พ่อรู้สึกผิดจริง ๆ ต่อไปนี้พ่อจะพยายามปรับปรุงตัวให้ดีขึ้น เชื่อใจพ่อนะ บยอนยูฮันโอบลูกสาวให้ลงมาซบไหล่ตน กอดเพื่อให้รู้ว่าเขาห่างเหินการใกล้ชิดกับแบคฮีมานานแค่ไหนแล้ว

    สิ่งที่หนูต้องการมากที่สุดมันไม่ใช่อำนาจจากพ่อนะคะ

    คนเป็นลูกไม่เคยโกรธพ่อแม่ได้นานเลย ต่อให้ถูกทำร้ายจิตใจทางคำพูดหรือร่างกายมากแค่ไหน แต่ความรู้สึกเหล่านั้นก็หยุดลงได้เพียงคำว่าน้อยใจ แบคฮีลืมไปแล้วว่าตอนถูกตบหน้ามันเจ็บแค่ไหน เพราะตอนนี้เธอรู้สึกได้แต่ไหล่แคบ ๆ ของพ่อกับมือที่กำลังเหี่ยวไปตามวัย

    เพราะสิ่งเดียวที่หนูต้องการจากพ่อคือความใส่ใจ

     

     

    *

     

     

    หนูไปร้านหนังสือแป๊บนึงนะ

    เอาสิ เดี๋ยวพ่อนั่งรอตรงนี้

    ชายวัยห้าสิบยิ้มพร้อมวางแทบเลทลงบนตักตนเอง ในร้านที่มีกลิ่นหอมของเมล็ดกาแฟชวนให้ผ่อนคลาย แบคฮีรู้สึกสบายใจขึ้นมาเป็นเท่าตัวหลังจากได้ใช้เวลาอยู่กับพ่ออย่างที่เคยคาดหวังในใจมาตลอด และวันนี้ไม่มีใครโทรมาแทรกกลางคัน ไม่ว่าจะเป็นทางบริษัทหรือบ้านเล็กที่พ่อมี

    การอกหักครั้งนี้ไม่ได้สาหัสเท่าครั้งแรก มันไม่ใช่เพราะแบคฮีตัดใจจากอาจารย์ได้แล้ว แต่เป็นเพราะเธอพยายามเข้าใจโลกให้มากขึ้น อยู่กับคนรอบตัวที่เป็นห่วงและหวังดีกับเธอ หัวใจที่เคยแหลกไม่เหลือชิ้นดียังคงทรงสภาพละเอียดเช่นเดิม ยังคงคิดถึงผู้ชายคนนั้นได้อย่างไม่รู้จักเหนื่อย

    เมื่อเข้าฤดูหนาวอย่างเต็มตัว เด็กสาวในชุดเสื้อกันหนาวไหมพรมสีน้ำตาลกับยีนส์ขายาวเดินไปตามห้างเพื่อหาร้านหนังสือ เธออยากได้สมุดภาพระบายสีที่จงแดแนะนำว่ามันช่วยทำให้อารมณ์ดีขึ้นได้ พอไปถึงก็เลือกอยู่นานกว่าจะพบลายที่พอใจ แบคฮีเดินไปจ่ายเงินตรงเคาน์เตอร์ พอเดินออกมาก็ขมวดคิ้วเมื่อเห็นใครคนหนึ่งที่คุ้นหน้าคุ้นตาและกำลังถูกกระชากลากดึงออกไปตรงทางออกลานจอดรถ

    คนตัวเล็กตามไปติด ๆ ก่อนจะหลบอยู่หลังเสา ชายหญิงคู่หนึ่งกำลังมีปากเสียงกันดังลั่นไปทั่วลานจอดรถห้างสรรพสินค้า เธอมองให้แน่ใจว่าใช่คน ๆ เดียวในความคิดหรือไม่ และก็ได้คำตอบว่าเป็นผู้หญิงคนเดียวกับคนที่ยืนอยู่หน้าแผนกสูติกับอาจารย์

    ...

    ความน่าสนใจจบลงเพียงเท่านี้ เด็กสาวไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมต้องตามมาดูเพียงเพราะอยากรู้ว่าใช่หรือไม่ ตอกย้ำตัวเองให้เจ็บเล่น ๆ หรือไง แบคฮีส่ายศีรษะแล้วหันหลังเดินกลับไปแต่ยังไม่ทันผลักประตูกระจกเข้าห้างก็ต้องหันกลับไปอีกครั้งเพราะได้ยินเสียงร้องของผู้หญิงคนนั้น

    วุ่นวายไม่จบไม่สิ้นนักใช่ไหม ห๊า!”

    ผู้ชายคนนั้นทั้งตบหัวตบหน้าอีกฝ่ายจนงอตัว แบคฮีช็อกกับภาพที่เห็นก่อนจะหันไปมองรอบข้างว่าแถวนั้นมีใครอยู่ไหมแต่ก็ไม่พบ เสียงกรีดร้องของเธอหนักหน่วงขึ้น ทั้งตอบโต้ทั้งร้องไห้จนเด็กสาวสงสัยว่าผู้ชายคนนั้นไม่รู้หรือไงว่าผู้หญิงคนนั้นกำลังท้อง

    นี่คุณ หยุด!” แบคฮีตรงเข้าไปห้ามแต่ก็ถูกเขาผลักออก คนตัวเล็กขมวดคิ้วถอนหายใจอย่างหัวเสียที่อีกฝ่ายยังคงตบหญิงสาวไม่ยั้งอย่างไร้จิตสำนึก คุณจะบ้าเหรอ ทำร้ายผู้หญิงที่กำลังท้องอยู่เนี่ยเป็นลูกผู้ชายหรือเปล่า?! อ๊ะ!”

    คนตัวเล็กนิ่วหน้าเมื่อเขาหันมากระชากผมเธอจนหน้าแหงน ก่อนจะผลักร่างผู้หญิงคนนั้นจนล้มลงไปกับพื้น แบคฮีจับข้อมือที่จิกผมเธอ พยายามต่อสู้อย่างสุดความสามารถแต่ก็ถูกตบจนหน้าชา

    มึงคือควอนยูบินใช่ไหม! อีสารเลวที่เสี้ยมอีนั่นไม่ให้กินยาแล้วปล่อยท้อง?

    อ๊ะ! ปล่อย!”

    มึงสอนคนนี่สุดยอดไปเลย ดูเพื่อนมึงด้วยสิ มันไม่ได้ท้องกับกู เพื่อนมึงมันร่านแค่ไหนหัดแหกตาดูบ้าง!!!” ชายหนุ่มตะโกนอัดหูเธอราวกับอัดอั้นมานาน

    กรี๊ด!!!” แบคฮีเบิกตากว้างเมื่อเขาก้มลงไปตบผู้หญิงท้องอีกครั้งทั้งที่ยังไม่ปล่อยมือจากผมเธอ ซึงยุน! อย่าทำแบบนี้! ฟังฉันก่อนนะ ขอร้องล่ะ...

    จะให้ฟังอะไรอีก กูฟังมึงมามากพอแล้วกยูริ ฟังจนรำคาญ จะพูดให้มันได้ห่าอะไรอีก?!”

    ต้องให้ฉันตายให้ดูใช่ไหมถึงจะยอมฟังกันบ้าง!!” หญิงสาวตะโกนอย่างสุดกลั้น ร้องไห้จนน้ำตาไหลอาบแก้มไม่หลงเหลือสภาพความสวยอยู่อีก

    คนถูกท้าทายกัดฟันกรอด จิกผมคนท้องขึ้นมาสบตากันใกล้ ๆ แล้วรออะไรอยู่ล่ะ กรีดข้อมือครั้งก่อนพลาด มึงก็กรีดอีกรอบสิอีโง่ คราวนี้ปาดคอเลยจะได้ตายสมใจ!”

    ...

    ถ้ายังไม่เลิกตามไปวอแวหน้าบ้านกูกับแฟนใหม่ มึงได้โดนหนักกว่านี้แน่!”

    คนตัวเล็กถูกผลักให้ล้มจนฝ่ามือถลอกเลือดออก ผมเผ้ายุ่งเหยิงของเธอปกปิดสภาพของใครอีกคนเอาไว้จนมองไม่เห็นหน้า แบคฮีเสยผมพลางมองคนท้องซึ่งฟุบหน้าร้องไห้กับพื้นอย่างหนักขณะที่ผู้ชายคนนั้นเดินไปแล้ว เด็กสาวนั่งนิ่งจมอยู่กับบทสนทนาเหล่านั้นที่ยังกึกก้องอยู่ในหัว ก่อนจะหันไปมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเรียบเฉย

    ...

    ความเงียบในลานจอดรถถูกกลบด้วยเสียงสะอื้นของหญิงสาวที่ถูกทำร้ายโดยความรัก แบคฮีได้แต่ถามตัวเองว่ามาทำอะไรที่นี่ทั้งที่ควรหันหลังให้ผู้หญิงคนนี้ แต่เธอไม่สามารถขยับตัวไปไหนได้ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเสียงร้องไห้ที่เหมือนจะขาดใจ หรือเพราะเธอต้องการรู้บางอย่างจากปากอีกฝ่ายกันแน่

    คนท้องที่เคยฟูมฟายอยู่ ๆ ก็เงยหน้าขึ้น ดวงตาแดงก่ำเหม่อมองขณะสะอึกสะอื้นจนตัวโยน แบคฮีไม่ได้ยื่นมือเข้าไปช่วยหรือไถ่ถามความเป็นไป เธอเพียงมองฝ่ามือของตนเองที่ถลอกจนเลือดออกเท่านั้น

    ช่วยฉันทำไม?

    ...

    ทั้ง ๆ ที่เธอควรสะใจที่ฉันถูกทำร้ายไม่ใช่เหรอ?

    ตอนแรกก็คิดว่าคงสะใจ ผมตรงที่เคยสละสลวยในตอนนี้ช่างยุ่งเหยิงเพราะฝีมือผู้ชายคนนั้น แบคฮียังคงนั่งอยู่บนพื้นและปล่อยให้เสียงรถขับผ่านวนรอบชั้นทำลายความเงียบแต่พอรู้ว่าเธอท้อง ฉันก็ทนทำเป็นมองไม่เห็นไม่ได้

    ...

    แล้วฉันก็ไม่รู้ด้วยว่าต่อให้เธอไม่ได้ท้องและถูกผู้ชายแบบนั้นทำร้าย ฉันจะยังรู้สึกแบบนั้นอยู่หรือเปล่า

    แบคฮีเงยหน้าขึ้นมองคนท้องที่สิ้นหวังกับทุกอย่าง ผู้หญิงคนนั้นกำสร้อยคอแน่นก่อนจะถอดมันออกมาดูใกล้ ๆ เด็กสาวรู้สึกเหมือนมองเห็นสภาพตัวเองที่เป็นแบบนั้นทุกคืน ร้องห่มร้องไห้กับของสำคัญแล้วหลับไปพร้อม ๆ กับมัน

    เลือด

    ...

    ตรงเสื้อเธอ แบคฮีขมวดคิ้วพลางชี้ไปยังคอเสื้อหญิงสาวที่เลอะสีแดงเป็นจุด ซึ่งมันมาจากผ้าพันข้อมือซึ่งคงหลุดรุ่ยในจังหวะยื้อดึงกับผู้ชายคนนั้น

    ไม่เสียใจเหรอที่พี่ชานยอลทำอย่างนั้น?

    เหตุผลอะไรที่ฉันต้องเล่าให้เธอฟัง เด็กสาวกล่าวเสียงเรียบ คนที่เพิ่งหยุดร้องไห้จึงยิ้มบาง ๆ

    ฉันแค่อยากรู้ว่าทำไมเธอเก่งจัง

    ถ้าอ่อนแอแล้วเป็นเหมือนเธอฉันคงไม่เอาด้วยหรอก

    ถ้าฉันเป็นเธอคงใจเย็นไม่ได้แบบนี้ คงเข้าไปตบให้สะใจ หรือไม่ก็ตามจองล้างจองผลาญเอาให้ใช้ชีวิตลำบาก แต่อาจเพราะเธอเป็นอย่างนี้ คนท้องยังคงมองสิ่งแทนใจในมือจากผู้ชายที่ทิ้งเธอไปอย่างไม่ใยดี

    ฉันทำไม?

    ไม่รู้สิ กยูริถอนหายใจเบา ๆ เพราะเธอเข้มแข็งกว่า พี่ชานยอลถึงได้เลือกช่วยชีวิตฉันโดยทำให้เธอพิการหัวใจแทน

     

     

    *

     

     

    ชายหนุ่มวิ่งลงจากรถพร้อมตรงเข้าไปในโรงพยาบาลด้วยความเร็วทั้งหมดที่เขามี หลังจากได้ยินกยูริโทรมาบอกว่าอยู่โรงพยาบาลเพราะถูกทำร้ายและคนที่พาเธอมาคือแบคฮี ชานยอลหยุดฝีเท้าพร้อมมองไปยังคนตัวเล็กที่นั่งอยู่กับกยูริ

    และทันทีที่เห็นการมาของเขา.... เด็กคนนั้นก็ลุกขึ้นยืน

    ...

    รอยฟกช้ำบนใบหน้าทำให้คนปากหนักเป็นกังวลจนอยากเข้าไปดูใกล้ ๆ แต่ชานยอลไม่กล้าทำแบบนั้นอีกถ้ามันต้องแลกมากับความเจ็บปวดของแบคฮีเหมือนวันที่ร่างกายของเธอเปียกโชกไปด้วยน้ำ

    แต่ในวินาทีนี้แววตาคู่นั้นไม่ได้เย็นชาแข็งกร้าวอย่างเช่นในตอนห้องแลป... เด็กสาวไม่ได้หลบสายตาหรือเดินผ่านไปอย่างไร้เยื่อใยอย่างที่กังวลในใจ เธอยังคงยืนอยู่ตรงนั้นและมองเขาราวกับกำลังรออะไรอยู่

     

    รอในสิ่งที่ชานยอลไม่กล้าคิดไปเอง

     

    คนท้องที่มีรอยฟกช้ำบนใบหน้าเดินตรงมาทางพี่ชายเพื่อนสนิท เธอเงยหน้าขึ้นสบตากับอีกฝ่ายพร้อมยิ้มบาง ๆ เพื่อยืนยันว่าผู้หญิงท้องที่เอาแต่ร้องไห้เหมือนจะเป็นจะตายทุกครั้งเวลาอยู่ด้วยกันนั้น... ในตอนนี้เธอโอเคดี

    หมอบอกว่ายังไง?

    ลูกไม่เป็นไรค่ะ

    แล้วเธอล่ะ เจ็บตรงไหนอีกหรือเปล่า? เขาจับไหล่เธอพร้อมสำรวจความผิดปกติ กยูริจึงจับมืออีกคนมากุมไว้ตรงระดับช่วงอก

    ใจของฉันก็เจ็บเหมือนเดิม แต่คิดว่ามันคงไม่เจ็บไปกว่านี้แล้ว

    ทำไมถึงยังไปหาเขาทั้ง ๆ ที่รู้ว่าต้องเจอกับอะไร

    ฉันมันรั้นเอง แต่แลกมากับความเจ็บปวดครั้งสุดท้ายมันก็ถือว่าคุ้ม... ไม่สิ หญิงสาวเว้นจังหวะไปครู่หนึ่ง ฉันคงเจ็บอีกครั้งตอนคลอดลูกเลย

    ...

    ขอโทษที่กดดันพี่ด้วยเรื่องความตาย ทั้งที่ฉันเป็นคนบอกพี่เองแท้ ๆ ว่าจะมีชีวิตอยู่แทนจียอน

    จะโทษว่าเป็นเพราะอารมณ์คนท้องก็คงไม่ใช่ กยูริผิดเองที่อ่อนแอจนต้องหาใครสักคนไว้ยึดเหนี่ยว ซึ่งปาร์คชานยอลก็เป็นคนเดียวที่เธอนึกออกในเวลานั้น คนที่ปาร์คจียอนพร่ำบอกอยู่เสมอว่าพี่ชายของฉันอบอุ่นที่สุด

    ขอโทษที่ทำลายความรักของพี่เพราะความเห็นแก่ตัวของฉันกยูริมองมือผู้ชายตัวโตที่จิตใจบอบบางกว่าสิ่งที่แสดงออก เธอกุมมือเขาไว้หลวม ๆ แล้วเงยหน้าขึ้นสบตากันฉันจะไม่ทำร้ายตัวเองอีก จะไม่สร้างความลำบากใจให้ใคร ฉันจะพยายามสู้อีกสักตั้ง เพราะฉะนั้น...

    ...

    หลังจากคลอดลูกแล้ว... พี่กับแบคฮีจะช่วยเลี้ยงหลานให้ฉันใช่ไหมคะ?กยูริหันกลับไปทางคนตัวเล็กที่พาเธอมาตรวจเพราะกังวลเรื่องเด็กในท้อง เราคุยกันอยู่นานเป็นชั่วโมง มีทั้งอารมณ์โกรธ ผิดหวัง เสียใจ และอะไรอีกมากมายที่ทำให้กยูริรู้สึกผิดหลังจากตัดสินใจแบบนั้นกับพี่ชานยอล เธอเป็นคนน่ารักอย่างที่พี่เคยบอกจริง ๆ

    ...

    ผู้หญิงเด็ดเดี่ยวแบบนั้นคงไม่ได้เจอง่าย ๆ ในชีวิต ฉันลองทบทวนดูแล้วล่ะค่ะ ว่ามันคงน่าเสียดายแย่ถ้าหากพี่จะทิ้งเธอแล้วรับเป็นพ่อให้เด็กคนนี้

    แต่ชีวิตของเธอจะพังถ้าหากว่าเด็กไม่มีพ่อ

    แต่ตอนนี้มันยังไม่พังนี่คะ กยูริหัวเราะ จนถึงตอนนี้เขาก็ยังคงเป็นกังวลถึงความโหดร้ายของครอบครัวเธอที่คงไม่ยอมรับการท้องไม่มีพ่อ และอาจถูกไล่ออกจากบ้านอย่างที่กลัวมาตลอด

    ฉันอาจจะถูกพ่อกับแม่ตี ต้องเลี้ยงลูกเป็นครั้งแรกในชีวิตด้วยความไม่รู้ มันอาจจะเหนื่อยกว่าคนอื่นมาก แต่ว่าฉันไม่อยากให้พี่ต้องแลกความสุขของตัวเองเพื่อมารับผิดชอบความมักง่ายของวัยรุ่นสองคนแล้วล่ะ

    คนที่พยายามเข้มแข็งลูบท้องตนเอง แม้ในใจยังคงแหลกละเอียดเพราะคำด่าทอของคนรัก มันยังคงเสียดแทงเพื่อให้รู้ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นเพียงบทเรียนชิ้นใหญ่ในชีวิตที่เข้ามาสอนให้หญิงสาวรู้ว่าการเพ้อฝันมันมีเพียงในนิยายกับหนังรักทั่วไปเท่านั้น

    ตลอดเวลาที่ผ่านมากยูริรู้ดีตลอดว่าอะไรเป็นอะไร รู้ว่าเขาไม่รัก รู้ว่าเขามีคนใหม่และคงไม่ยอมรับการเป็นพ่อเด็ก กระทั่งถูกตบหน้าเตือนสติด้วยคำพูดของแบคฮี กยูริถึงตาสว่างและคิดว่าควรยอมรับความจริงให้ได้สักทีว่าการตามตอแยผู้ชายอย่างไร้ศักดิ์ศรีอย่างนั้นมันช่างไร้ค่าเหลือเกิน

    กยูริหันไปทางผู้หญิงคนเดิมอีกครั้ง มองคนที่ผิดหวังในความรักแต่ก็ยังมีชีวิตต่อได้โดยไม่ปล่อยให้ตัวเองใกล้ตายเหมือนเธอ หญิงสาวอยากเข้มแข็งได้อย่างนั้นบ้าง มันคงดีถ้าหากว่าเด็กในท้องโตขึ้นและได้พูดอย่างภาคภูมิใจว่า

     

     

    หนูไม่เคยเสียใจที่โตมาได้ด้วยการเลี้ยงดูของแม่คนเดียว

     

     

    ถ้าไม่ได้เด็กคนนั้น ฉันก็ไม่รู้ว่าจะตอนนี้จะคิดอะไรอยู่ อาจจะวางแผนฆ่าตัวตายหรือไปดักรอหน้าบ้านซึงยุน ทุกอย่างดูสิ้นคิดไปหมดเลยพี่ว่าไหม? หญิงสาวหัวเราะ

    เธอ...

    ปลดปล่อยความกังวลของพี่แล้วไปหาเธอเถอะค่ะ

    ...

    อย่าให้ความกลัวและความใจดีทำร้ายความรักของพี่อีกเลย

    ชายหนุ่มสบตากับเด็กผู้หญิงที่ยังคงยืนอยู่จุดเดิม ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนั้นซึ่งไม่ได้วิ่งหนีทั้งที่เคยได้รับความใจร้ายจากผู้ชายคนนี้ ชานยอลวางมือลงบนบ่ากยูริทั้งที่ยังไม่ละสายตาจากความคิดถึงที่ต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อหักดิบทำเป็นไม่สนใจแบคฮีตั้งแต่วันที่กยูรินอนจมกองเลือด ขายาวค่อย ๆ ก้าวไปข้างหน้าก่อนจะเปลี่ยนเป็นวิ่ง

     

     

    เขากำลังวิ่งเข้าหาหัวใจและสวมกอดด้วยความคิดถึง

     

     

    ทำไมเป็นคนแบบนี้... ทำไม...”

    แบคฮีร้องไห้พร้อมทุบหลังคนใจร้ายก่อนจะเปลี่ยนเป็นกอดแน่น เธอปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาตามที่มันต้องการเพราะไหล่กว้าง ๆ ของอาจารย์คงซึมซับมันไหว

    เจ็บไหมครับ... ผมกอดคุณแรงไปหรือเปล่า... เด็กสาวที่สะอื้นในอ้อมกอดส่ายศีรษะ เขาจึงกอดเธอแน่นขึ้นราวกับกลัวคนตรงหน้าจะหายไป กอดเพื่อให้รู้ว่าที่ผ่านมานั้นปาร์คชานยอลคิดถึงบยอนแบคฮีมากแค่ไหนแม้จะใช้ความเย็นชาเป็นฉากหน้า

    ที่พูดทำร้ายจิตใจหนูก็เพราะเหตุผลนี้เหรอ ทำไมถึงเป็นคนใจร้ายแบบนี้...

    ทั้งหมดก็เพราะผมอยากให้คุณเกลียดผม แบคฮีสะอื้นในอ้อมกอดที่โหยหามาตลอด หลังจากได้ฟังความจริงจากปากกยูริ เธอก็แทบบ้าเพราะความสับสนและไม่เข้าใจ นานเลยทีเดียวกว่าจะตั้งสติได้ และมันทำให้เธอคิดถึงอาจารย์จับใจ

     

    พี่ชานยอลคงกลัวฉันได้ไปอยู่บนสวรรค์กับจียอน กลัวเด็กจะเกิดมาเป็นคนมีปม เพราะครอบครัวของฉันเองก็ใช่ว่าจะเปิดใจรับฟังลูก ลำพังฉันลำบากคงไม่เท่าไหร่ แต่เด็กที่กำลังเกิดมาน่ะ...

     

    ขอโทษที่ทำให้คุณผิดหวัง แต่ที่ทำไปทั้งหมดมันไม่ได้หมายความว่าผมแคร์กยูริมากกว่ารักคุณ ตั้งแต่รู้เรื่องนี้ผมก็คิดหนักมาตลอด ผมควรทำยังไงดีระหว่างเพิกเฉยคนที่พร้อมจะฆ่าตัวตายอยู่ตลอดเวลาแล้วคบกับคุณต่อไป หรือตัดใจจากคุณเพื่อดูแลเด็กคนหนึ่งให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่โดยไม่กลายเป็นเด็กมีปัญหา

    ถ้าบอกตรง ๆ หนูก็เข้าใจได้ หนูไม่ใช่คนใจแคบที่จะไม่ฟังเหตุผลของอาจารย์นะ... เราผ่านปัญหาไปด้วยกันได้ไม่ใช่เหรอคะ?

    ผมทนเห็นคุณหลบอยู่ข้างหลังไม่ได้หรอกครับแบคฮีชานยอลลูบศีรษะคนตัวเล็กอย่างใคร่รัก ถ้าผมจดทะเบียนกับกยูริ นั่นหมายความว่าเรื่องของเราต้องกลายเป็นแค่ความลับเท่านั้น

    ...

    ผมจะกอดคุณแบบนี้ในที่สาธารณะไม่ได้ จูบคุณไม่ได้

    ...

    ทั้ง ๆ ที่ผมรอคุณเรียนจบมอปลาย รอเวลาที่เราสามารถคบกันได้อย่างเปิดเผย แต่พอเจอเรื่องนี้ผมต้องล้มความคิดเหล่านั้นทิ้งไป เป็นเพราะผมทำใจเห็นแก่ตัวให้คุณเป็นคนที่อยู่ในความลับแล้วเลี้ยงดูเด็กกับกยูริไม่ได้

    แต่หนูทำได้ ขอแค่อาจารย์รักหนูแค่นั้นก็พอแล้ว

    “ไม่ครับ มันไม่พอ ชานยอลผละออกมาสบตากับคนตัวเล็ก ปัดปอยผมออกจากดวงหน้าขาวที่ซูบผอมลงไปจากเดิมอย่างเห็นได้ชัด ผมไม่อยากให้เรื่องของเราเหมือนก่อนหน้านี้ที่ต้องอยู่อย่างหลบ ๆ ซ่อน ๆ

    ก็เลยเลือกทิ้งหนูเหรอคะเด็กสาวกล่าวอย่างตัดพ้อ ถ้าหนูเสียหลักจนกลับไปเป็นคนไม่ดีเหมือนเมื่อก่อนอาจารย์จะรู้สึกยังไงคะ?

    ...

    ถ้าหนูฆ่าตัวตายเหมือนกยูริบ้าง อาจารย์จะยังเลือกเธอกับลูกอยู่ไหม?เด็กสาวช้อนตามองหวังเอาความจริงจากปากคนตรงหน้า ไม่มีอีกแล้วแววตาเย็นชาหรือคำพูดร้าย ๆ ที่พังหัวใจของเธอในวันนั้น

    ผมเชื่อว่าคุณจะไม่ทำ

    ชานยอลไล้น้ำตาออกจากแก้มคนตัวเล็กด้วยนิ้วหัวแม่มือ มองความเปลี่ยนแปลงของเธอที่ไม่ได้เห็นชัด ๆ ตั้งแต่เขาเลือกหันหลังให้ความรัก ชายหนุ่มกำลังจดจำทุกรายละเอียดแม้ว่าในใจของปาร์คชานยอลจะพร่ำบอกกับตัวเองว่าตอนนี้เขาสามารถแสดงความรู้สึกทุกอย่างที่มีต่อแบคฮีได้แล้ว




    บยอนแบคฮีที่ผมรักเธอไม่ใช่คนแบบนั้น

     

     

     

    TBC

    วาเลนถอกวาเลนไทน์ไรล่ะวันนี้วันอังคาน!!!!

    โอย เปงตอนที่ปวดหัวมาก ตอนนี้ก็ปวดหนึบ ๆ
    ถ้าเจอคำผิดทักเตือนในทวิตทีนาคา ไม่ไหวแล้วคา 

     

     

     

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×