คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : Chapter 17 :: Teach me how to finish what we started.
Chapter 17
Teach me how to finish what we started
“ย้ายไปนั่งที่อื่นไป ตรงนี้มินซอกจะนั่ง”
“จ้า ได้จ้า”
“หลบให้คนสวยนั่งด้วยจ้า”
“ฮ่า ๆ”
เด็กสาวถูกกดไหล่ให้นั่งลงบนเก้าอี้ที่มีกลุ่มจูอึนรายล้อมอยู่รอบด้าน ทุกคนกำลังให้ความสนใจคิมมินซอกในรอบหลายปีจนอยากอาเจียนออกมาเพียงเพราะสายตาและความรู้สึกที่รู้แก่ใจว่ามันไม่ใช่เรื่องดี ตั้งแต่ตอนนาราพาเข้ากลุ่มนี้ เธอก็ได้แต่พยักหน้าและส่ายศีรษะเป็นคำตอบเพราะไม่กล้าพูดถึงแบคฮีอย่างเต็มปาก
มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสักนิด ต่อให้จะโกรธที่เพื่อนเตือนจนรำคาญ แต่การถูกคนเหล่านี้หลอกถามเรื่องส่วนตัวแบคฮีมันก็เกินไปกว่าเหตุที่คิมมินซอกจะเล่าให้ฟังง่าย ๆ แต่ตอนถูกซักไซ้เธอก็ไม่สามารถนั่งอยู่เฉย ๆ จนถูกเข้าใจว่ากำลังกวนประสาท เพราะคำว่า ‘ฉันสัญญาว่าจะไม่พูดเรื่องเสียตัวครั้งแรกเด็ดขาด’ มันค้ำคออยู่
รู้สึกเหมือนขยับตัวไปไหนไม่ได้สักทาง ไม่ว่าจะเดินหน้าหรือถอยกลับไปจุดเดิมก็แย่ทั้งนั้น แม้ตอนนี้จูอึนจะยิ้มให้และกอดคอเธอราวกับเรื่องบาดหมางใจก่อนหน้านี้ไม่เคยเกิดขึ้น แต่ไม่ได้ทำให้มินซอกรู้สึกว่ากำลังได้รับมิตรภาพครั้งใหม่เพราะเธอรู้ดีแก่ใจว่าครั้งนี้มีคนต้องเจ็บหนัก
ถ้าไม่ใช่เธอก็ต้องเป็นแบคฮี ซึ่งมินซอกต้องเลือกว่าจะตายเองหรือปล่อยให้เพื่อนเผชิญหน้ากับมัน
สถานการณ์ที่เป็นอยู่ช่างต่างจากตอนถูกแกล้งเมื่อตอนนั้นราวกับฟ้าเหว ครั้งก่อนเป็นเหยื่อทางอารมณ์เพราะอ้วนและอ่อนแอไม่สู้คน เธอต้องทนมาโรงเรียนทุกวันแล้วกลับไปร้องไห้ทุบหมอนกับความอึดอัดใจที่ไม่สามารถทำให้มันจบไปได้ แต่ตอนนี้กลุ่มจูอึนมีจุดอ่อนของมินซอกอยู่ในมือ... และมันสามารถส่งผลให้เธอกลายเป็นขี้ปากผู้คนจนอยู่ในสังคมไม่ได้
‘อีอ้วน’
กับ
‘คิมมินซอกเป็นอีร่าน นางมีเซ็กส์กับผู้ชายที่เจอกันในอินเทอร์เน็ต’
รู้ได้เลยว่าผู้คนจะให้ค่ากับประเด็นไหนมากกว่ากัน ซึ่งการเป็นคนอ้วนในสังคมอย่างมากก็แค่ถูกเหยียด แต่การเป็นผู้หญิงร่านมันจะกลายเป็นป้ายห้อยคอให้คนที่เดินผ่านรู้ว่าคิมมินซอกน่ารังเกียจแค่ไหน ซึ่งเธอไม่ต้องการอย่างนั้น
เก้าอี้ที่เคยนั่งด้วยกันว่างเปล่าทั้งสองที่ ใกล้ถึงคาบแรกแล้วแต่ก็ไม่มีแววว่าจะเห็นแบคฮีเดินเข้ามาในห้อง มันทำให้เธอเป็นกังวลจนต้องแอบเปิดแชทมือถือเพราะกลัวคนในกลุ่มจูอึนเห็น นิ้วเรียววางอยู่บนแป้นหน้าจอโทรศัพท์ สักพักเลยทีเดียวที่มินซอกทบทวนตัวเองว่าควรทักไปอย่างไรหลังจากแบคฮีได้เห็นกับตาแล้วว่าเพื่อนคนนี้ร้ายกาจแค่ไหน
‘เธออยู่ไหน?’
ความเป็นห่วงที่ไม่มีน้ำหนักถูกลบทิ้งก่อนจะคว่ำหน้าจอโทรศัพท์ไว้ เด็กสาวรู้สึกผิดกับเพื่อนปนสมเพชตัวเองที่ไม่มีความกล้ามากพอที่จะทำอะไรสักอย่าง ตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้คิมมินซอกเปลี่ยนแปลงแค่ภายนอกเท่านั้น แต่ภายในใจของเธอก็ยังขี้ขลาดจนทำได้แค่นั่งเงียบ ๆ
ปล่อยให้คนกลุ่มนั้นพูดเรื่องที่เธอไม่เข้าใจ... ราวกับว่าทุกคนคุยกันคนละภาษา
มินซอกหันหลังอีกครั้ง เธอยังคงเป็นห่วงและหวังว่าแบคฮีจะเข้าสาย แต่ก็พบเพียงเซฮุนนั่งแทนที่ของเธอ และมองมาราวกับอยากให้รู้ว่าผิดหวังในตัวคิมมินซอกมากแค่ไหน เด็กสาวจึงหันกลับมาเพราะทนมองสายตาคู่นั้นไม่ได้ โทรศัพท์มือถือที่ถูกคว่ำไว้ไม่มีวี่แววว่าจะสั่นแจ้งเตือนจากเพื่อนซึ่งคนขี้ขลาดยังกล้าคาดหวังว่าจะได้รับ
เข็มนาฬิกาเดินอย่างช้า ๆ จนวนครบรอบ แต่ความรู้ที่อาจารย์มอบให้กลับไม่เข้าหัวเลยสักนิดเดียว ในห้องโหวกเหวกเสียงดังอีกครั้งเมื่ออาจารย์ประจำวิชาเดินออกไป เป็นช่วงเวลาที่นักเรียนจะได้ออกไปทำธุระส่วนตัวหรือผ่อนคลายกับความเครียดที่ได้รับจากบทเรียน
“บอกตามตรงนะ ฉันยอมใจดาซมจริง ๆ เซฮุนเมินขนาดนั้นยังทนอยู่ได้” เด็กสาวคนหนึ่งกล่าวขึ้นหลังจากเห็นว่าคนมีอำนาจในกลุ่มกำลังเดินไปหาเด็กหนุ่มที่โต๊ะ มินซอกเห็นว่าเซฮุนไม่ค่อยเต็มใจคุยกับอีกฝ่ายนัก แต่สุดท้ายเขาก็ลุกขึ้นเดินออกไปหน้าห้องกับดาซมแต่โดยดี
“แต่คราวนี้ไม่เหมือนทุกครั้งหรอก” จูอึนยิ้มอย่างมีความหมาย เด็กสาวในกลุ่มจึงเลิกคิ้วมองอย่างสนใจ
“ยังไงเหรอ?”
“ก็เพราะวันนี้ดาซมไม่ได้เข้าไปหาเซฮุนเพราะความคิดถึงไงล่ะ” ผู้หญิงชั่วร้ายทำให้มินซอกหวั่นใจขึ้นมาอย่างน่าประหลาด “ดาซมก็แค่บอกในสิ่งที่หมอนั่นควรรู้มาตั้งนานแล้ว”
ความอยากรู้อยากเห็นเกิดขึ้นในกลุ่มเด็กผู้หญิงเสมอ พวกเธอไม่สามารถหยุดสิ่งที่เป็นได้เพราะหลงรักความรู้สึกแบบนี้อย่างสุดใจ
“ฉันควรเล่าให้พวกหล่อนฟังดีไหมนะ?” จูอึนเท้าคางยิ้ม กวาดสายตามองความสาระแนของเพื่อนในกลุ่มก่อนจะหยุดที่เพื่อนใหม่ป้ายแดง “มันเป็นเรื่องที่มินซอกของพวกเราก็น่าจะรู้อยู่แล้ว... ใช่ไหม?”
“...”
“เรื่องผู้ชายของแบคฮีน่ะ”
ความกดดันถูกเทมาอีกครั้งราวกับพายุเข้า เด็กสาวรู้สึกเหมือนกำลังกลั้นหายใจอยู่ตลอดเวลา ทุกคนกำลังมองมาทางนี้และคาดหวังคำตอบจากคิมมินซอกซึ่งเธอไม่อยากพูดถึง
“เรื่องไรอะ เล่าหน่อยดิ”
“เฮ้ยเร็ว ๆ เดี๋ยวอาจารย์เข้าก่อน” มินซอกกำมือแน่นจนเหงื่อชุ่ม เด็กสาวกลอกตาอยู่ในทีก่อนจะสะดุ้งสุดตัวเพราะมือร้อนผ่าวของจูอึนที่ทาบทับลงมา
“อย่ากดดันมินซอกสิ” เจ้าของชื่อเงยหน้าขึ้นสบตากับผู้หญิงชั่วร้ายที่แสร้งทำเป็นหยิบยื่นมิตรภาพจอมปลอมให้เธอ “เดี๋ยวฉันเล่าเอง”
“...”
“เมื่อคืนฉันไปเที่ยวกับอันยูจินแล้วบังเอิญเจอคนรู้จักของนางเข้า เลยได้รู้อะไรดี ๆ บางอย่างน่ะ” จูอึนเว้นจังหวะไปครู่หนึ่ง มินซอกจึงหันไปมองคนในบทสนทนาซึ่งเป็นอดีตเพื่อนในกลุ่มของแบคฮี
“เฮ้ย รวดเดียวจบได้ไหม ตื่นเต้นแล้วเนี่ย”
“เมื่อก่อนยูจินนางไปเที่ยวกลางคืนกับแบคฮีตลอด แล้วมีคืนนึงพวกนางพนันกัน แล้วนังร่านตนนั้นก็หิ้วผู้ชายกลับไปด้วย ประเด็นคือเป็นรุ่นพี่ที่ยูจินรู้จักไง แต่นางก็ไม่เกรงใจนะ คือคันมากต้องเอาให้ได้ ไม่สนว่าใครเป็นใครอะ”
‘โกหก...’
“อี๋ ร้ายเวอร์”
“เท่านั้นยังไม่พอนะ มีเรื่องแซ่บกว่านั้นจ้า” จูอึนสบตากับยูจินจากระยะไกล เพื่อนอีกกลุ่มที่สนิทกันแค่เฉพาะตอนอยากนินทาใครสักคนเท่านั้น “ความร่านของนางไม่หยุดแค่นั้น เพราะหลังจากหิ้วผู้ชายไปข้างนอกแล้ว นางก็เทรุ่นพี่ของยูจินเพราะเจอผู้ชายที่แซ่บกว่า”
“เหย...”
“แหม สวยเลือกได้จ้าอีดอก”
จากสีหน้าที่เคยเต็มไปด้วยรอยยิ้มสะใจแปรเปลี่ยนเป็นดวงตาแข็งกร้าวอัดแน่นไปด้วยโทสะ มินซอกรู้ดีว่าจูอึนไม่ชอบเธอกับเพื่อนมากแค่ไหน แต่ก็ไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งผู้หญิงคนนี้จะเกลียดแบคฮีเพราะเรื่องเดียวกันกับเธอ... ซึ่งก็คือ
“ผู้ชายคนนั้นคืออาจารย์ชานยอลไงล่ะ”
“หะ?!!”
“เดี๋ยว?”
“...”
เหมือนเวลาหยุดนิ่งไปแล้ว จากที่เคยเล่าด้วยความสะใจตอนนี้สายตาของจูอึนเต็มเปี่ยมไปด้วยแรงอาฆาตที่มีต่อแบคฮี เพราะเรื่องอาจารย์ชานยอลที่แอบชอบมานานและคงหมั่นไส้ส่วนตัวด้วย จูอึนหันไปทางคนสองคนที่ยังคงยืนคุยกันอยู่หน้าห้อง และสีหน้าของเซฮุนในตอนนี้ก็เป็นความสะใจอย่างหนึ่งที่เธอคาดหวัง
“จริงอะ คือยังไง โอ๊ย งงไปหมดแล้ว”
“เธอแน่ใจเหรอ คือ -- ก็พอได้ยินข่าวว่าอาจารย์เคยคั่วเด็กจากโรงเรียนเก่า แต่ที่โรงเรียนเราก็ไม่เคยได้ยินว่ามีชะนีนางไหนได้กับอาจารย์เลยนะ?” เพราะมีจูอึนคอยเก็บกวาดมารหัวใจอยู่ตลอด จึงไม่มีใครกล้าเข้าใกล้อาจารย์ชานยอล แล้วจะเป็นไปได้อย่างไร พวกเธอยังคงประหลาดใจอยู่
“รุ่นพี่ของยูจินเล่าให้ฟังเองว่าผู้ชายคนนั้นรูปร่างหน้าตาเป็นยังไง อีกทั้งยังออกตัวชัดเจนด้วยว่าเป็นอาจารย์”
มินซอกเลียริมฝีปาก เธอค่อย ๆ หันไปทางเซฮุนเพื่อดูว่าตอนนี้ผู้ชายที่หลงรักบยอนแบคฮีทั้งใจจะรู้สึกอย่างไรถ้าหากว่าสิ่งที่ดาซมเล่าจะเป็นเรื่องเดียวกับที่จูอึนพูดถึงเมื่อครู่นี้ คนที่เคยยิ้มและหัวเราะง่ายกำลังกัดฟันแน่นจนขึ้นรูป ดวงตาคู่นั้นอัดแน่นไปด้วยความรู้สึกซึ่งมินซอกคิดว่าตอนนี้หัวใจของเซฮุนคงแหลกละเอียดไปแล้วแม้มันจะอยู่ข้างในอกข้างซ้าย
*
“โอเซฮุน”
“...”
“โอเซฮุน มาหรือเปล่า?”
การเช็กชื่อต้นคาบเงียบไปเมื่อไม่มีเสียงขานตอบจากเจ้าของชื่อ ชายหนุ่มในชุดวอร์มจึงกวาดสายตามองนักเรียนที่ยืนเรียงแถวกันอยู่ด้านหน้า พร้อมมองหาใครอีกคนที่ยังไม่ได้เอ่ยเรียก
“เอ๊ ก่อนหน้านี้ก็เห็นมันอยู่นะครับ”
“ไปเข้าห้องน้ำมั้ง”
“เปล่า มันปีนรั้วออกไปตั้งแต่เที่ยงแล้วเหอะ”
“เอ้า”
“โคตรรีบ ผมเรียกก็ไม่หัน”
“ไปหาแบคฮีมั้ง’จารย์ วันนี้เค้าไม่มาเรียนอะ คงอีหรอบเดิมเหมือนเทอมก่อน แม่งติดสาว” แทมินกล่าว เด็กหนุ่มรอบตัวจึงหัวเราะราวกับเป็นเรื่องตลกที่เกิดขึ้นกับคนหล่อแต่โคตรสิ้นหวังอย่างโอเซฮุน ผิดกับกลุ่มผู้หญิงที่มองหน้าอย่างรู้กัน
“อาจารย์เป็นอะไรไปคะ สีหน้าไม่ค่อยดีเลย?” ดาซมกอดอกถาม ปั้นหน้าใสซื่อขณะสบตากับคนอายุมากกว่า
“เช็กขาดทั้งคู่ไปเลยค่ะ สงสัยหนีไปกกอยู่ด้วยกันแล้ว” จูอึนซ้ำ หากแต่คนเป็นอาจารย์กลับให้ความสนใจรายชื่อเด็กในมือมากกว่าคำพูดยั่วโทสะเมื่อครู่
“ไม่รู้แอบไปเปิดโรงแรมนอนหรือเปล่า หนูเคยได้ยินว่าทั้งคู่ชอบเสียเงินแพง ๆ เพราะชอบห้องกว้าง ๆ ค่ะ”
“รู้ดีจังน้า ไปแอบอยู่ใต้เตียงเค้ามาเหรอแม่คุณ”
“หุบปากไปเลยอีแทยง”
“เงียบ”
“...”
“...”
ไม่มีเสียงหลุดออกมาอีกไม่ว่าจะเป็นเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิง ทุกสายตามองไปทางอาจารย์สอนพละซึ่งไม่เคยดุเสียงดังขนาดนั้นเลยสักครั้ง สีหน้าเคร่งเครียดที่เป็นอยู่ทำให้เด็ก ๆ สงสัยว่ามีอะไรในโลกกันที่ทำให้อาจารย์จริงจังขนาดนั้น ทั้ง ๆ ที่คุยเล่นกับเด็กมาตลอด
“หนึ่งถึงห้าเข้าประจำที่ ผมจะสอบจับเวลาวิ่งร้อยเมตร”
“...” ดาซมกับจูอึนมองตามความเคลื่อนไหวของชายหนุ่มเพื่อจับผิด เสียงซุบซิบในกลุ่มขี้นินทาเริ่มดังขึ้นขณะเลขที่หนึ่งถึงห้าเตรียมตัวไปประจำที่
“พอพูดถึงแม่นั่นก็อารมณ์เสียเชียวนะ”
“คำถามคือ ทำไมไม่มีท่าทีร้อนใจอะไรเลย” จูอึนถามยูจินที่ประหลาดใจไม่แพ้กัน กับการคาดหวังว่าจะได้เห็นปฏิกิริยาดี ๆ จากอาจารย์แต่กลับได้รับแค่เสียงที่บ่งบอกว่ารำคาญเหมือนอยากให้หยุดพูดเท่านั้น
“ถ้าไม่ชอบให้ด่านังนั่น ก็น่าจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาทำอะไรบ้างไม่ใช่เหรอ?” ดาซมขมวดคิ้ว จนถึงตอนนี้อาจารย์ก็ยังคงนิ่งพร้อมมองตามเด็กทั้งห้าคนที่เริ่มออกวิ่งหลังจากได้ยินเสียงนกหวีด
“นี่เรื่องจริงปะเนี่ย?”
“จริงนะ รุ่นพี่ฉันเล่าเองกับปาก ไม่เชื่อถามจูอึนได้” ยูจินรีบอธิบายทันทีที่เห็นสายตาคนรอบข้างมองมาราวกับจะกล่าวหาว่าเธอโกหก “ที่อาจารย์ชานยอลหงุดหงิดก็คงเป็นเพราะพวกเราพูดไม่ดีเกี่ยวกับแบคฮีไง จริงไหมมินซอก?” คนถูกดึงเข้าร่วมบทสนทนายืนนิ่ง กวาดมองทุกคนที่มองมาเป็นตาเดียวกัน
“ที่จริง”
“...”
ทุกคนกำลังรอเรื่องเด็ดจากปากเพื่อนสนิทเจ้าของหัวข้อนินทาครั้งนี้ มินซอกเผลอหยิกมือตัวเองจนเป็นรอยเพราะความกดดันที่ถูกส่งมาจากทุกรอบด้าน เธอได้แต่ถามว่าต้องทำอย่างไรถึงจะไม่ส่งผลถึงตัวเองและแบคฮี ต้องทำอย่างไรเรื่องราวถึงจะไม่แย่ไปกว่านี้
“ฉันไม่รู้ว่าเขาเคยคุยกันไหม เพราะตอนที่ฉันเข้าไปขอคำปรึกษากับอาจารย์ เขาก็ให้แค่คำแนะนำ ไม่เคยพูดถึงแบคฮีเลย”
“แล้วนังนั่นล่ะ เคยเล่าอะไรหรือเปล่า?” มินซอกรีบส่ายหน้า
“ไม่เลย ถ้าสองคนนั้นเคยคุยกันจริง ก็อาจเป็นช่วงก่อนหน้าที่ฉันจะสนิทกับแบคฮีก็ได้”
“...”
“พวกเธอก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าแบคฮีไม่ใช่คนที่จะจริงจังกับใคร”
ไม่รู้ว่าคำพูดเหล่านั้นมีน้ำหนักมากน้อยแค่ไหน มินซอกได้แต่หวังว่าจะไม่ส่งผลร้ายถึงแบคฮีกับอาจารย์เพราะมันคงทำให้เรื่องยากขึ้นเพียงเพราะความอยากสนุกปากของเด็กผู้หญิงกลุ่มนี้
“ฉันว่าเป็นไปได้นะ อาจจะกินกันไม่กี่ครั้งก็เลิก” เสียงของนาราดึงความสนใจจากคนรอบข้างได้เป็นอย่างดี “เพราะอยากที่รู้ว่านางง่าย แล้วอาจารย์ก็คงไม่กินผู้หญิงร่าน ๆ นานด้วย”
“...”
“...”
ทุกคนหยุดคิดตาม ซึ่งสิ่งที่นาราว่าก็พอมีเหตุผลเป็นไปได้เพราะท่าทีของอาจารย์ในตอนนี้ คงไม่แปลกอะไรถ้าหากผู้ชายหล่อและมีข่าวฉาวมาก่อนจะกินนักเรียนที่ดูง่าย แต่ก็น่าเสียดายไปหน่อยเพราะพวกเธอคาดหวังดราม่าเรื่องนี้พอสมควร
“ไม่เป็นไร” สายตาของจูอึนยังคงมองตามชายหนุ่มที่แอบชอบมาตั้งแต่แรกพบ “เพราะอย่างน้อยโอเซฮุนก็รู้เรื่องนี้แล้วนี่...”
*
“เมื่อกี้เพื่อนมาหา แต่ป้าบอกไปแล้วว่าคุณหนูหลับอยู่”
“...”
“ป้าวางข้าวไว้ตรงนี้นะ ถ้าหิวก็ลุกขึ้นมากินนะ”
แม่บ้านไม่ได้พูดย้ำในสิ่งที่เธอเคยบอกไปแล้ว เช่นเรื่องขอให้คนตัวเล็กลุกไปถอดชุดนักเรียนตัวเมื่อวานออกเพื่ออาบน้ำ แต่เธอไม่ได้พูดมันอีกครั้งเพียงเพราะอยากให้คุณหนูไม่รู้สึกแย่กับเรื่องอะไรในโลกอีก
ตั้งแต่เมื่อวานแบคฮีก็นอนคว่ำหน้าและทอดสายตามองออกไปประตูตรงระเบียง ไม่ยอมลุกไปกินข้าว อาบน้ำ หรือเปิดกล้องคุยกับจงแดอย่างที่เคยทำ หญิงผู้เป็นแม่บ้านกังวลเหลือเกิน เธอคิดว่าคุณหนูอาจจะป่วยถึงได้ขาดเรียน แต่พอแตะตัวดูอาการก็พบว่าปกติ
เธอรู้จักเด็กคนนี้ดีกว่าใคร ดังนั้นจึงเข้าใจได้อย่างง่าย ๆ ว่าในเวลานี้คุณหนูคงไม่พร้อมเจอใครทั้งนั้น แม้แต่เด็กหนุ่มหน้าตาดีที่ตามมาถึงบ้านซึ่งแสดงความต้องการว่าจะเจอแบคฮีให้ได้ นานเลยทีเดียวกว่าเด็กคนนั้นจะถอดใจ จนเธอบอกให้ทิ้งเบอร์เอาไว้ ถ้าคุณหนูตื่นเมื่อไหร่จะโทรบอกทันทีเขาถึงยอมกลับ
“วันนี้พ่อกลับบ้านไหมคะ?”
“คุณผู้ชายไปต่างประเทศค่ะ กลับมะรืน”
“อ้อ...”
“ป้าเช็ดตัวให้ไหมคะ คุณหนูจะได้สดชื่น” แบคฮีส่ายศีรษะปฏิเสธ พลางสบตากับผู้หญิงที่เปรียบเหมือนแม่คนหนึ่งซึ่งมอบแต่ความหวังดีให้เสมอ แม้ในเวลาที่ไม่มีใครอยู่เคียงข้างเธอเลย
“ดูแลเด็กเอาแต่ใจอย่างหนูมาตั้งนาน ป้าเหนื่อยไหมคะ?” ได้ยินคำถามอย่างนั้น แม่บ้านจึงยิ้มบาง ๆ พลางเกลี่ยปอยผมออกจากดวงหน้าหวาน
“รู้ไหม? ว่าไม่เคยมีความคิดนั้นอยู่ในหัวเลย สำหรับป้า... คุณหนูเป็นเหมือนลูกสาวแท้ ๆ ที่ป้าอยากดูแลไปจนกว่าคุณหนูจะดูแลตัวเองได้”
“...”
“อย่างตอนนี้ที่ป้าอยากเช็ดตัวให้คุณหนูตัวหอม ๆ เวลาขยับเข้าไปใกล้จะได้กลิ่นสบู่ที่คุณหนูชอบไงคะ” เธอขยับตัวลงไปจูบขมับเด็กสาวเหมือนที่เคยทำตอนเธอเป็นเด็กตัวเล็ก ๆ
“หนูตัวเหม็น”
“จริงด้วย งั้นป้าจะไปเอาผ้าขนหนูกับกะละมังมาเช็ดตัวให้นะคะ หนูรอแค่เดี๋ยวเดียว”
“...”
“ทาแป้งให้หอม ๆ แล้วนอนสักงีบ ตื่นมากินของโปรดจนหมดจานให้ป้าชื่นใจ”
แบคฮีลุกขึ้นนั่ง มองตามแผ่นหลังของผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งท่าทางการเดินบ่งบอกถึงอายุที่มากขึ้นกว่าทุกปี เด็กสาวในชุดนักเรียนเดินตามไปจนถึงห้องน้ำ สวมกอดจากข้างหลังรับเอาความอบอุ่นพร้อมซบแก้มลงกับผมดัดเป็นลอนสั้น
“หนูจะอาบน้ำ”
“นอนแช่อ่างดีไหม เดี๋ยวป้าเตรียมให้” เธอหันหลังไปถามความเห็น ซึ่งอีกคนก็พยักหน้าเป็นคำตอบ “ป้าจะได้ขัดผิวให้คุณหนูด้วย”
แม่บ้านหันเข้าหาเด็กสาวที่ยังคงซึมเศร้าไร้ความรู้สึก เธอเกลี่ยผมที่ยุ่งเหยิงให้เข้าทรงพร้อมลูบใบหน้าซีดเซียวด้วยความรัก มองน้ำตาที่คลอหน่วงแต่ไม่ยอมไหลออกมา ...และแม่บ้านอย่างเธอก็ยังคงยิ้มโดยไม่ถามเอาความจริงใด ๆ
*
เสียงเพลงดังสนั่นพร้อมแสงวาววับในที่มืดซึ่งมีวัยรุ่นมากมายยืนเบียดเสียดเต้นกันโดยไม่สนใจคนรอบข้าง นานแค่ไหนแล้วที่บยอนแบคฮีไม่ได้มาที่นี่ มันคงนานมากเสียจนทำให้เธอคิดถึงตัวเองเมื่อก่อนมากเลยทีเดียว
ตอนนั้นที่รักตัวเองมากกว่าคนอื่น
ผมยาวสีดำขลับถูกรวบให้อยู่บนบ่าขวาที่ทำให้ไหปาร้าและเดรสสายเดี่ยวสีดำเข้ารูปดูน่ามองมากยิ่งขึ้น ไม่มีน้ำตาไหลออกมาอย่างเช่นเมื่อวานเมื่อตอนนี้มีเพียงอายชาโดว์และมาสคาร่าเท่านั้นที่แต่งแต้มดวงตาของบยอนแบคฮี
เครื่องดื่มสำหรับผู้หญิงถูกแต่งขอบแก้วด้วยดอกไม้ มันดูมีสีสันกว่าความรู้สึกเธอตอนนี้เสียอีก ดวงตาเหม่อลอยพร้อมเรียวนิ้วที่เขี่ยกลีบดอกไม้เบา ๆ ปล่อยให้เวลาเลยผ่านไปอย่างไร้จุดหมาย
“มาคนเดียวเหรอครับ?”
เด็กสาวหันไปตามเสียง มองสายตาเจ้าชู้ของผู้ชายหน้าตาดีที่ไม่ใช่สเปกของเธอ ก่อนจะหมุนเก้าอี้หันเข้าหาอีกฝ่ายพร้อมเท้าคางมอง
“ไปนั่งด้วยกันไหม แก้วนี้ผมเลี้ยงเอง” ดวงตาคู่สวยมองโต๊ะที่มีผู้ชายประมาณสี่คนที่กำลังมองเธออยู่เช่นกัน คนกลุ่มนั้นหัวเราะและยิ้มอย่างมีความหมาย ซึ่งถ้าให้เดา... ผู้ชายคนนี้คงแพ้พนันหรือไม่ก็อยากโชว์เพื่อนว่าตัวเองเจ๋งแค่ไหน
“ฉันไม่ชอบตรงนั้น ทำไมคุณไม่มานั่งกับฉันล่ะ?” รอยยิ้มบนใบหน้าชายหนุ่มจางลงหลังจากรู้ว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ง่ายอย่างที่คิด
“อ่า ได้สิครับ” เขาพูดกลั้วหัวเราะ ก่อนจะสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อถูกกระชากคอเสื้อจากข้างหลังโดยใครอีกคน
“อย่ายุ่งกับเมียกู”
คนที่ตั้งใจเข้าหาเหยื่อในค่ำคืนนี้เบิกตากว้างก่อนจะถูกผลักจนเซถอยไปข้างหลัง ชายหนุ่มสบถอย่างหัวเสียหลังจากถูกปฏิบัติอย่างหยาบคายแต่ก็ไม่ได้เข้าไปหาเรื่องชกต่อยกับผู้ชายที่มีป้ายคำว่า ‘ผัว’ แปะอยู่กลางหน้าผากเพราะเขาไม่มีความกล้ามากถึงขนาดนั้น
“หยาบคายจริงนะ” แบคฮีส่ายศีรษะเบา ๆ พลางยกแก้วขึ้นดื่มขณะที่ผู้มาใหม่ยังไม่ยอมนั่งลง
“ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้”
“...” เด็กสาวมองข้อมือตนเองที่ถูกอีกคนคว้าไว้พร้อมออกแรงบีบเพื่อให้รู้ว่าตอนนี้เธอกำลังถูกบังคับ
“บอกให้ลุกขึ้นไง หูแตกเหรอ?”
“นายเป็นบ้าอะไร?” เธอเงยหน้าสบตากับอีกฝ่าย โอเซฮุนยังคงไม่ปล่อยมือและคาดว่าคงออกแรงมากกว่านี้ถ้าหากบยอนแบคฮียังคงไม่ยอมทำตาม
“นี่คือคนไม่สบายงั้นเหรอ?”
“โทษทีนะ ฉันพูดอย่างนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่?” เด็กสาวฉายแววตาสงสัย ก่อนจะถูกกระชากให้ออกไปข้างนอกด้วยกันอย่างทุลักทุเล
เซฮุนเหวี่ยงคนตัวเล็กจนเซโดยไม่สนใจว่าเธอจะเจ็บหรือไม่ แค่นี้มันยังน้อยเกินไปด้วยซ้ำสำหรับผู้หญิงใจร้ายที่ปิดบังความลับมานานทั้ง ๆ ที่เขารู้สึกเหมือนอกหักซ้ำ ๆ ทุกวัน พยายามทุกอย่างเพื่อให้เธอเห็นใจ ถนนยังมีรถขับผ่าน บนทางเดินเท้ามีผู้คนอยู่ประปราย เสียงเพลงด้านในสถานเริงรมย์ดังลอดออกมาเบา ๆ พอให้รู้ว่าตอนนี้ดีเจเปลี่ยนจังหวะเพลงเรียกคนให้เข้าไปเต้น แต่ทั้งคู่กลับยืนให้ความอึดอัดเล่นงาน
“มีอะไรก็พูดมา ถ้าไม่มีอะไรแล้วจะได้กลับเข้าไปข้างใน”
“...”
“ไม่พูดใช่ไหม?” เด็กสาวเลิกคิ้ว ชักสีหน้าไม่พอใจก่อนจะเอี้ยวตัวหันหลัง แต่ยังไม่ทันเดินไปไหนก็ถูกเซฮุนคว้าแขนไว้ก่อน
“จะไปนั่งรอไอ้อาจารย์เหี้ยนั่นหรือไง?”
เขาอยากให้แบคฮีหันมาปฏิเสธเพื่อที่เขาจะได้กลับไปด่าดาซมได้อย่างเต็มปากว่ากล้าดีอย่างไรถึงเอาเรื่องบ้าแบบนั้นมาเป่าหูเขาให้เข้าใจผิด เด็กหนุ่มมองด้านหลังของคนตัวเล็กที่ไม่ยอมหันมาให้คำตอบ จึงปล่อยให้เธอได้เรียบเรียงคำพูดกระทั่งเธอหันมา
“จับได้ซะแล้ว”
“...” สีหน้าแบคฮีไม่ได้ตื่นตกใจเลยแม้แต่นิดเดียวหลังจากเห็นว่าเขารู้เรื่องนี้แล้ว กลับกันเธอยังยิ้มราวกับว่าเรากำลังเล่นเกมซ่อนแอบกันอยู่ และกว่าจะจับได้... โอเซฮุนก็ใช้เวลานานเหลือเกิน
“โกรธขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“อย่าถามกับสิ่งที่เธอก็รู้คำตอบอยู่แล้วได้ไหมวะ?” เด็กหนุ่มพูดเสียงลอดไรฟัน สบตากับคนตัวเล็กที่ยังไม่รู้สึกผิดกับเขาจนถึงวินาทีนี้
“แล้วฉันต้องขอโทษไหม แต่เราไม่ได้เป็นอะไรกันไม่ใช่เหรอ?” คำพูดเสียดแทงใจยังคงหลุดออกมาจากริมฝีปากสีสดอย่างต่อเนื่อง แต่เซฮุนหยุดไม่ได้ เขาไม่สามารถพูดว่า
‘ขอโทษ ฉันมันบ้าเองที่ทำแบบนี้ทั้ง ๆ ที่ไม่มีสิทธิ์’
“แล้วเธอกับไอ้เวรนั่นล่ะ เป็นอะไรกัน?”
แต่ปากของเขามันกลับพ่นความเอาแต่ใจออกไป
“จริง ๆ เลยนะ... ก่อนหน้านี้ฉันคงใจดีมากเกินไป นายถึงคิดอยากทำอะไรก็ได้โดยไม่สนใจว่าตอนนี้สถานะของตัวเองเป็นยังไง”
“...”
“ฉันเคยนอนกับเขา พอใจไหม?”
ทั้งที่เคยทำใจมาตลอดว่าไม่มีทางไหนเลยที่บยอนแบคฮีจะมีโอเซฮุนเพียงคนเดียว แต่พอเอาเข้าจริงเรื่องที่ได้ฟังจากปากอีกฝ่ายมันก็ทำให้ชาไปทั้งตัว
“ที่บอกว่าเคย หมายความว่าไง?”
“ก็แค่เคย” เด็กสาวเว้นจังหวะไปครู่หนึ่ง “ฉันแค่อยากเอาชนะคนที่เอาวิชาว่ายน้ำมากดดันฉัน มันก็แค่นั้น”
“...”
“ถ้านายจะเอาเรื่องผู้ชายคนนั้นมาหาเรื่องให้ฉันเสียเวลาเล่น ๆ ก็กลับบ้านไปเถอะ”
แบคฮีจะเดินหนีอีกครั้งเซฮุนจึงกระตุกแขนคนตัวเล็กให้กลับเข้ามาจนใบหน้าห่างกันเพียงคืบ ทั้งคู่สบตากันและเธอรู้ดีว่าตอนนี้อีกฝ่ายกำลังหัวเสียมากแค่ไหนกับคำตอบที่ทำให้บยอนแบคฮีกลายเป็นผู้หญิงใจง่ายที่นอนกับอาจารย์ได้เพียงเพราะต้องการเอาชนะ
“ตอนนอนกับมัน... มีความสุขมากไหม?”
“อืม... ไม่รู้สิ ฉันเองก็จำความรู้สึกนั้นไม่ได้” เด็กสาวเบือนสายตาไปอีกทางพลางขมวดคิ้ว
“ถ้าอย่างนั้นเธอคงลืมความรู้สึกที่เคยมีกับฉันไปแล้วสินะ?” เซฮุนแค่นหัวเราะ โกรธจนมือสั่นแต่ก็ทำได้แค่มองผู้หญิงใจร้ายที่พูดจาทิ่มแทงใจเขาไม่หยุด
“อ่า นายนี่มันช่างตัดพ้อจริง ๆ เลย”
“ก่อนหน้านี้ฉันคิดมากแค่ไหนเธอเคยรับรู้บ้างไหม? ฉันให้เกียรติเธอถึงยอมถอยออกมาอยู่ห่าง ๆ เพราะไม่อยากให้อึดอัด แต่แล้วยังไง? ระหว่างที่ฉันเสียใจแทบตาย เธอกลับไปนอนกับไอ้ห่าหน้าไหนบ้างก็ไม่รู้”
“อย่าทำเหมือนฉันไม่เคยขอให้นายหยุดทำเรื่องบ้า ๆ แบบนี้ได้ไหม ต้องให้นับหรือเปล่ามันกี่ครั้งแล้วที่ฉันแทบโค้งหัวขอร้องนายให้จบเรื่องของเรา”
“...”
“หรืออยากเห็นฉันทำหน้าสำนึกผิดที่ทำให้นายเจ็บ อา... ขอโทษนะเซฮุน ฉันรู้สึกผิดจับใจเลย” แบคฮีตีแผงอกแกร่งเบา ๆ พลางช้อนตามองคนตัวโตกว่า “ให้ฉันทำยังไงดี วิ่งออกไปให้รถชนตายเลยดีไหม?”
“อย่าประชดฉันด้วยเรื่องแบบนั้น”
เรายังคงทำร้ายจิตใจกันอย่างไม่มีจุดสิ้นสุด เซฮุนเกลียดความรู้สึกแบบนี้เหลือเกิน เขาไม่มีสิทธิ์อะไรในตัวแบคฮีสักอย่างแต่กลับแสดงความเห็นแก่ตัวออกมาอย่างไร้เหตุผลแล้วอ้างว่าเพราะเธอก็รู้อยู่แก่ใจว่าโอเซฮุนรักมากแค่ไหน ดังนั้นอีกฝ่ายจึงต้องรับผิดชอบความรู้สึกเขา
“เธอทำให้ความอดทนของฉันหมดลงแล้วแบคฮี”
เซฮุนกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอหลังจากพูดจบ ซึ่งเด็กสาวก็ไม่ได้แสดงท่าทีต่อต้านหรือตบหัวเขาอย่างที่เคย ทั้งคู่ขึ้นแท็กซี่ไปโดยไม่มีใครพ่นหอกแหลมคมทางคำพูดออกมาทิ่มแทงใจกันและกันอีก
กระทั่งถึงโรงแรม
CUT
(WELCOME TO MALINWORLD)
ความคิดเห็น