ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    TEACH ME TO #ฟิคของทีมคุก SEASON 2 : PAINKILLER | CHANBAEK

    ลำดับตอนที่ #16 : Chapter 16 :: Teach me how to hold back the tears.

    • อัปเดตล่าสุด 13 ก.พ. 60



    ? cactus


     

     

    Chapter 16

    Teach me how to hold back the tears

     


     

     

    ตอนแรกคิดว่าคงยากที่จะหลับลงในห้องแคบ ๆ น่าอึดอัดที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์กีฬา แต่พอรู้ตัวอีกทีก็หลับไม่รู้เรื่องและตื่นขึ้นมาหลังจากถูกอาจารย์ปลุกเพราะโซ่ที่คล้องอยู่กับประตูด้านนอกถูกลุงภารโรงไขออกไปแล้ว ในเวลาเช้ามืดอาจารย์และลูกศิษย์ที่มีความสัมพันธ์ลับ ๆ แอบจูงมือกันไปยังลานจอดรถ มันเป็นเรื่องน่าขำที่เราต่างทำอะไรลับ ๆ ล่อ ๆ ในสถานที่แบบนี้

    แบคฮีนอนตรงเบาะหลังเพื่อไม่ให้คนอื่นสังเกตได้ตอนขับออกไปจากโรงเรียน เธอไม่สามารถเอาเสื้อวอร์มของอาจารย์คลุมตัวคลายหนาวยามเช้าได้เพราะมันเต็มไปด้วยคราบของความลามกที่ใช้เช็ดหน้าท้องถึงสองรอบ

    ชายหนุ่มแวะจอดรถซื้อยาคุมฉุกเฉินพร้อมน้ำดื่ม ยาตัวนี้ไม่ค่อยดีนักหากกินบ่อย ๆ เพราะมันส่งผลถึงมดลูก แต่ถ้าปล่อยไปโดยไม่ทำอะไรเลยแล้วแบคฮีเกิดท้องขึ้นมามันคงแย่กว่าหลายเท่า แม้จะไม่ได้ปล่อยข้างในแต่การที่มีอะไรกันหลายรอบโดยปราศจากถุงยางในเวลาไล่เลี่ยกันมันก็เสี่ยงเกินกว่าจะปล่อยผ่านได้

    เด็กขี้ยั่วกินยาอย่างว่าง่ายแล้วพูดจาน่าหยิกกับเขาว่าคราวหลังก็ใส่ถุงยางไว้ตลอดเลยสิคะ จะได้พร้อมใช้งานทันที

    ผ่านไปประมาณหนึ่งอาทิตย์ประจำเดือนก็มาให้ได้โล่งใจ แต่ผลจากการกินยาคุมฉุกเฉินทำให้รอบเดือนมาถึงสองครั้งในเดือนเดียว ซึ่งชานยอลรู้สึกผิดที่ความเห็นแก่ตัวของเขาทำให้ระบบร่างกายของแบคฮีเป็นอย่างนั้น แม้จะแค่เดือนเดียวแต่มันก็บ่งบอกได้ว่าถ้าหากมักง่ายอย่างนี้อีกเดือนถัดไปเธอก็ต้องกิน ซึ่งการกินยาคุมฉุกเฉินนั้นไม่ควรกินเกินสองครั้งในชีวิตผู้หญิง

    เดี๋ยวก็ท้องเสียหรอกครับ ดื่มอะไรเยอะขนาดนั้นหืม? ชายหนุ่มมองคนที่นั่งดื่มนมอยู่ตรงกลางหว่างขาขณะใช้เวลาวันหยุดไปกับหนังแฟนตาซีที่แบคฮีบอกว่าตอนเข้าโรงเธอพลาดไม่ได้ไปดู

    หนูอยากสูงกว่านี้อีกสักห้าเซ็นต์

    จะได้ไม่ต้องเขย่งจูบผมเหรอครับ? ชานยอลยิ้มขำ มองคนตัวเล็กที่เงยหน้าขึ้นมาจนศีรษะชนกับอกแกร่ง เขาจึงโน้มลงไปจุ๊บปากเธอเบา ๆ เห็นไหม ว่าไม่ต้องสูงก็ทำได้

    หลงตัวเองจัง ใครจะทุ่มเทเพื่ออาจารย์ขนาดนั้น แบคฮีเบียดเข้าหาอ้อมกอด เธอเริ่มตื่นเต้นกับฤดูหนาวที่ใกล้จะมาถึงเพราะมันคงทำให้รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นจากผู้ชายคนนี้มากยิ่งขึ้น

    ทั้งที่ก่อนหน้านี้แทบจินตนาการตัวเองตอนมีรักครั้งใหม่ไม่ได้ แต่ตอนนี้บยอนแบคฮีกลับยิ้มออกมาได้ง่าย ๆ เพียงเพราะเห็นถุงเท้าคู่ที่ใส่เหมือนกัน มันน่ารักตรงที่ผู้ใหญ่อย่างอาจารย์ยอมใส่มันทั้ง ๆ ที่เป็นลายการ์ตูนหวาน ๆ

    เดี๋ยวผมมานะครับ

    คนตัวเล็กขยับตัวให้เมื่อมีคนโทรเข้ามือถืออีกคน หนังแฟนตาซีในจอสนุกตั้งแต่เริ่มเหมือนอย่างที่ถูกรีวิวไว้ในอินเทอร์เน็ต แต่ผ่านไปเกือบสิบนาทีอาจารย์ก็ยังไม่กลับมานั่งดูด้วยกัน

    แบคฮีหันไปข้างหลังเพื่อพบความว่างเปล่า ความสงสัยพาขาของเธอเดินไปเปิดผ้าม่านหน้าต่างออกก่อนจะพบว่าอาจารย์ยืนอยู่ข้างนอกพร้อมสีหน้าเคร่งเครียด คนในสายเป็นใคร นั่นคือสิ่งที่อยากรู้ แต่พออีกฝ่ายกลับเข้ามาในบ้าน เขาก็ให้คำตอบกับเธอว่า

    เพื่อนน้องสาว โทรมาปรึกษาปัญหาชีวิตเฉย ๆ น่ะ

     

     

    *

     

     

    มินซอกกำลังหลงมัวเมากับความรักครั้งแรก ทั้งโหมลดน้ำหนักจนผอมลงอย่างเห็นได้ชัด แต่งหน้าบ่อยจนผู้ชายหลายคนเริ่มให้ความสนใจ แบคฮีกังวลเหลือเกินที่จำใจต้องปล่อยให้เพื่อนออกไปหาแฟนหนุ่มที่บินมาหาถึงเกาหลี เธอยังจำสีหน้ามินซอกตอนที่เราคุยกันเรื่องนั้นได้ แววตาที่ต่อต้านอยู่ลึก ๆ แม้ปากจะไม่พูดอะไร วินาทีนั้นคนตัวเล็กรู้แล้วว่าเพื่อนของเธอกำลังไม่พอใจ ซึ่งใครที่ไหนก็คงไม่ชอบให้คนอื่นมาวุ่นวายตัดสินใจชีวิตแทน แต่แบคฮีก็แค่เป็นห่วง

    มินซอกไม่มาโรงเรียนสองวันแล้ว โทรไปก็ไม่รับสาย พอไปหาที่บ้านเพื่อถามคุณยาย แกก็บอกว่ายัยบ้านั่นไปค้างบ้านเพื่อน ซึ่งเพื่อนที่ว่ามันจะมีใครที่ไหนอีกนอกจากบยอนแบคฮี เธอเกือบไปแจ้งตำรวจแล้ว... เพราะเป็นห่วงคิดว่าเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า ทั้งโกรธทั้งไม่เข้าใจว่าทำไมถึงกลายเป็นคนแบบนี้ได้ คิดจะรับสายกันบ้างไหม ทำไมถึงเอาแต่ความสุขตัวเองจนมองข้ามคนอื่น

    แบคฮีส่งข้อความไปต่อว่าสารพัดโดยไม่ไตร่ตรองก่อน แม้จะรู้สึกผิดทีหลังแต่คิดว่ามินซอกควรได้รับมันเผื่อจะคิดได้สักที และเธอก็ได้รับการตอบกลับจากอีกฝ่ายเป็นข้อความสั้น ๆ

    ขอโทษ

    แค่นั้น... ที่เพื่อนคนหนึ่งพึงจะให้เพื่อนอีกคนสบายใจได้

     

     

    *

     

     

    ฤดูหนาวเริ่มใกล้เข้ามา จากกางเกงพละขาสั้นจึงเปลี่ยนเป็นขายาว ความสนิทที่เด็กสาวสองคนเริ่มมีช่องว่างชื่อว่าความลับเกิดขึ้น มินซอกกำลังตกอยู่ในห้วงของความรักและเพิ่งเสียครั้งแรกให้ผู้ชายที่คุยกันในแอปหาคู่ ทั้งสองจึงคุยกันน้อยลงแต่ก็ไม่ถึงกับห่างเหิน เพราะแบคฮีแสดงความเป็นห่วงที่มันคงน่ารำคาญสำหรับคนที่ไม่ต้องการเนื่องจากอีกคนเชื่อความรู้สึกตัวเองมากกว่า

    มินซอกไม่ได้เปลี่ยนไปถึงขนาดนั้นแต่ก็ไม่ใช่คนเดิม จากผู้หญิงขาดความมั่นใจ ขี้อาย ก็กลายเป็นคนส่องกระจกบ่อยขึ้น ฟังเพื่อนพูดน้อยลง ซึ่งเซฮุนให้เหตุผลว่ามินซอกคงกำลังเห่อ เดี๋ยวสักพักก็คงกลับมาเป็นเหมือนเดิมเองแต่แบคฮีไม่คิดอย่างนั้น

    ป้องกันทุกครั้งใช่ไหม?

    อือ เธอคิดว่าฉันจะปล่อยเนื้อปล่อยตัวเหรอ? มินซอกถอนหายใจ เธอเลื่อนเข้าไปส่องกระจกใกล้ ๆ โดยไม่หันไปตอบคนที่ยืนล้างมืออยู่ข้างตัว

    ฉันถามเพราะเป็นห่วง ทำไมถึงทำหน้าแบบนั้นล่ะ?

    ก็ทุกครั้งที่คุยกันเรื่องนี้เธอชอบทำเหมือนว่าฉันทำผิดอยู่ตลอดเวลาเลย การที่ฉันคบกับเขามันทำให้เธอรู้สึกแย่มากเลยใช่ไหม? มินซอกเหนื่อยที่จะพูดถึงเรื่องนี้เต็มที เพราะความกลัวของเพื่อนสนิทมันช่างสวนทางกับความจริงเหลือเกิน ผู้ชายที่เขาคบอยู่ทั้งนิสัยดี เอาใจเก่ง อีกทั้งยังซื้อของให้อย่างที่คู่อื่น ๆ ทำด้วย ไม่เห็นว่าจะน่ากังวลตรงไหน

    มันไม่ใช่อย่างนั้น เธอไม่คิดบ้างเหรอว่าผู้ชายดี ๆ ที่ไหนจะบินมาหาผู้หญิงที่เจอกันครั้งแรกแล้วมีอะไรกันเลย แถมยังงี่เง่าไม่ยอมปล่อยให้มาโรงเรียนด้วย คนที่ผอมลงแล้วชะงักมือที่กำลังแตะลิปสติกบนริมฝีปากตัวเอง เธออยากถอนหายใจอีกครั้งกับคำพูดของอีกฝ่ายที่ดูเหมือนว่าจะย้อนกลับไปเล่นงานตัวเอง แบคฮีกับอาจารย์ก็ทำกันตั้งแต่แรกเลยไม่ใช่หรือไง...

    เขาไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้นหรอก

    โอเค ฉันอาจจะคิดมากเกินไป เธอเพิ่งเคยครั้งแรก ต้องคิดเรื่องนั้นให้มาก ๆ นะรู้ไหม ถ้าเขาเห็นแก่ตัวอยากเสร็จข้างในก็อย่าตามใจเด็ดขาดนะ

    เธอก็เหมือนกัน มินซอกไม่เคยรู้สึกอยากสวนกลับมากขนาดนี้มาก่อน มันไม่ตลกเกินไปหน่อยเหรอที่แบคฮีกำลังสั่งสอนเธอด้วยเรื่องที่ตัวเองยังทำไม่ได้ ถ้าจะห่วงฉัน ก็ห่วงตัวเองด้วย

    เธอหมายความว่ายังไง?

    ถ้าฉันจะพลาดก็พลาดเพราะตัวเอง ฉันอึดอัดแล้วนะที่ต้องทนฟังเรื่องนี้จนต้องถามตัวเองว่าการที่ฉันจะรักใครสักคนมันผิดมากเลยเหรอ เธอถึงได้มองว่ามันแย่นัก?

    ก็เพราะฉันเป็นห่วงเธอไง ถ้าเราไม่ใช่เพื่อนกันฉันก็คงไม่พูด

    แต่มันมากเกินไปแล้ว เธอไม่รู้สึกบ้างเหรอ?

    ...คนตัวเล็กชะงัก รู้สึกชาวาบไปถึงหน้าอกข้างซ้ายอย่างบอกไม่ถูกหลังจากเห็นคนที่อ่อนโยนที่สุดเย็นชาใส่แบบนี้

    ฉันต้องทำตามที่เธอบอกทุกอย่างใช่ไหมถึงจะพอใจ?

    คิดว่าฉันทำเพื่อตัวเองหรือไง อย่าหลงผู้ชายจนโง่ได้ไหม? แบคฮีพูดเสียงลอดไรฟัน สบตากับอีกคนที่เปลี่ยนไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

    พูดแรงเกินไปแล้วนะ

    แล้วมันไม่จริงหรือไง โดดเรียนไปอยู่กับผู้ชาย หันหลังให้ความหวังดีของเพื่อน ปล่อยให้ยายขายของคนเดียวทั้งที่เมื่อก่อนไม่เคยละเลยคนรอบข้างแบบนี้ เธอเคยคิดบ้างหรือเปล่า?

    ก็ถ้าเธอไม่กดดัน ไม่ห้าม ไม่ว่าแฟนฉัน ฉันจะเป็นแบบนี้เหรอ เมื่อก่อนฉันฟังเรื่องของเธอมาตลอด ทั้งที่มันแรงกว่าเรื่องของฉันตั้งหลายเท่า แต่ฉันก็ยังรับฟังและไม่เคยพูดสักครั้งว่าสิ่งที่เธอทำมันน่าเกลียดแค่ไหน

    ...

    เธอใช้ชีวิตอย่างที่อยากเป็นโดยไม่เคยแคร์คนอื่น แต่กลับไม่พอใจเพราะฉันไม่ทำตามที่เธอต้องการงั้นเหรอ?

    คนถูกความจริงตบหน้ายืนนิ่ง เด็กผู้หญิงที่เคยเก่งกับคนทั้งโลกไม่ได้พูดอะไรอีกเพราะรู้สึกชาไปทั้งตัวกับคำพูดเสียดแทงใจซึ่งมาจากเพื่อนสนิทที่รักมากไม่แพ้จงแด แต่สายตาของมินซอกกลับมองมาด้วยความไม่เข้าใจ โกรธ เคือง และคงคิดว่าบยอนแบคฮีกล้ามาจากไหนถึงตักเตือนคนอื่นทั้งที่เธอก็ไม่ได้ดีไปกว่าใคร

    คนตัวเล็กเลียริมฝีปากคลายความอึดอัดก่อนจะเป็นฝ่ายเดินออกไปก่อน มินซอกจึงถอนหายใจพลางเอนหลังพิงกับผนัง รู้สึกแย่ที่แบคฮีเอาแต่พูดถึงเรื่องนั้น แล้วก็รู้สึกผิดที่พูดแรงกับเพื่อนเกินไป แต่เธอทนมามากพอแล้ว ทำไมการที่คิมมินซอกรักใครสักคนถึงยากขนาดนี้ มันเป็นเรื่องของคนสองคนไม่ใช่หรือไง ผู้ชายคนนั้นจะดีหรือร้ายแค่ไหนคนที่เจ็บคือเธอเองไม่ใช่ใคร

    ทะเลาะกันซะเสียงดังเชียว

    เด็กสาวตกใจอยู่ไม่น้อยที่มีคนเปิดประตูออกมาจากห้องน้ำ ผู้หญิงคนนั้นคือจองนาราที่อยู่กลุ่มเดียวกับดาซมแต่ไม่ได้อยู่แนวหน้าเวลาหาเรื่องคนอื่น มินซอกแสร้งทำเป็นล้างมือ เธอไม่ได้หันไปสบตากับอีกคนที่กำลังมองมาราวกับว่าอยากรู้อะไรบางอย่าง

    ฉันเข้าใจเธอนะ บางทีมันก็เยอะไปใช่ไหมล่ะ ถ้าเพื่อนพูดแต่เรื่องเดิม ๆ แบบนั้นฉันก็คงหงุดหงิดเหมือนกัน

    เธอได้ยินหมดเลยเหรอ? มินซอกหันไปถามคนข้างตัวที่ให้คำตอบเป็นเสียงหัวเราะในลำคอพร้อมพยักหน้ารับ

    ท้องเสียน่ะ ความจริงกะจะออกมาตั้งแต่แรก แต่กลัวเธอสองคนคิดว่าฉันแอบฟังแล้วเอาไปเล่าให้พวกดาซมนินทา ก็เลยนั่งอยู่ในนั้นจนกว่าพวกเธอจะออกไป แต่พอเปิดประตูออกมาก็เห็นว่าเธอยืนอยู่ตรงนี้คนเดียวซะนี่

    แล้ว... เธอจะเล่าไหม?

    เรื่องที่เธอมีอะไรกับแฟนที่ได้จากแอปหาคู่น่ะเหรอ? บอกไม่ถูกว่าทำไมถึงรู้สึกกังวลกับสายตาของนาราที่เหมือนจะถามเฉย ๆ แต่ก็แฝงไปด้วยการตอกย้ำให้รู้ว่าอีกฝ่ายรับรู้เรื่องนี้แล้ว และมีความเป็นไปได้ค่อนข้างสูงมากที่อีกฝ่ายจะเอาไปเล่าให้คนอื่นฟังต่อ

    อย่าบอกใครได้ไหมนารา... มินซอกไม่อยากกลายเป็นหัวข้อกระทู้ยอดฮิตในเว็บบอร์ดโรงเรียนอีกแล้ว พนันได้เลยว่าถ้าเรื่องนี้หลุดไปเมื่อไหร่มันคงฉาวจนทำให้เธอยืนอยู่ในสังคมนี้ได้ยากกว่าตอนถูกแกล้งเมื่อตอนนั้นอีก

    ทั้งคู่สบตากันท่ามกลางความกดดันที่คิมมินซอกอยากต่อว่าตัวเองเหลือเกินที่คุยเรื่องนั้นกับแบคฮีในห้องน้ำ เราควรจะคุยกันลับ ๆ หรือไม่ควรขุดมันขึ้นมาพูดอีกเลยจะดีกว่า

    เพราะฉันอยู่ในกลุ่มดาซม เธอเลยคิดว่าฉันจะทำอย่างนั้นใช่ไหม? นาราพูดกลั้วหัวเราะก่อนจะหันหลังยืนพิงกับซิงค์ล้างมือฉันเข้าใจเธอนะ ไม่แปลกหรอกที่เธอจะกลัว ก็ถูกแกล้งซะขนาดนั้น

    ...

    เอาจริง ๆ ในกลุ่มฉันก็มีคนนิสัยแบบแบคฮีอยู่เหมือนกัน

    ยังไงเหรอ? มินซอกถามอย่างใคร่รู้ นาราจึงหันซ้ายขวาแล้วจูงมืออีกคนลงไปชั้นล่างเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีใครได้ยินเรื่องนี้

    ก็เพื่อนที่เหมือนจะดีกับเรา แต่ความจริงก็คิดร้ายในใจไง เด็กสาวชะงักหลังจากได้ยินประโยคเมื่อครู่

    แบคฮีไม่ใช่แบบนั้นหรอก

    เพราะเธอรักเพื่อนก็เลยคิดว่าเพื่อนต้องรักเธอเหมือนที่เธอรู้สึกหรือเปล่า?

    ...พอถึงตอนนี้มินซอกเริ่มตั้งคำถามให้ตัวเองแล้วว่ามันมีเรื่องแบบนั้นจริงหรือไม่ อยู่ ๆ ภาพตอนเธอนั่งฟังแบคฮีเล่าเรื่องอาจารย์กับเซฮุนให้ฟังก็ลอยเข้ามาในความคิด สลับกับตอนเธอเล่าเรื่องแฟนให้อีกฝ่ายฟัง มันต่างกันราวกับฟ้าเหวเพราะคนที่รับฟังจากใจจริง ๆ มีแค่คิมมินซอก

    แบคฮีอาจจะแยกแยะไม่ออกว่าเป็นห่วงเธอจริง ๆ หรือแค่อิจฉาเพราะเห็นเธอสวยขึ้นเกินหน้าเกินตา แถมยังมีแฟนเป็นคนต่างชาติอีก มินซอกหลุบสายตาลงคิดตามอย่างไม่ตั้งใจ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าหลายครั้งเธอก็แอบคิดอย่างนี้ และทุกครั้งที่คิด... เด็กสาวก็ก่นด่าตัวเอง

    แบคฮีมีดีกว่าฉันทุกอย่าง เค้าจะอิจฉาฉันทำไม?

    เพราะตอนนี้เธอสวยกว่าไง นี่ไม่ได้แกล้งยอนะ หันไปส่องกระจกสิ นาราจับอีกคนพลิกหันเข้าหากระจกหน้าห้องพักครูที่เห็นเพียงเงามัว ๆ ของเธอทั้งคู่เท่านั้น คำตอบง่าย ๆ ที่เพื่อนผู้ชายในห้องคงพูดอย่างนี้

    ...

    ฉันเห็นอีแทยงแอบมองเธออยู่บ่อย ๆ ดูเหมือนว่าเขาจะชอบเธอนะนารายิ้มขณะมองความไม่มั่นใจของอีกฝ่ายที่แสดงออกทางสีหน้าอย่างชัดเจน

    ขอบใจนะ แต่ฉันว่าแบคฮีคงไม่พูดเรื่องนี้อีกแล้วล่ะ เพราะวันนี้ทั้งคู่ทะเลาะกันแรงที่สุดตั้งแต่คบกันมา และไม่รู้เลยว่าจะมีอะไรทำให้เรากลับมาคุยกันได้โดยไม่รู้สึกอึดอัดอีก เด็กสาวถอนหายใจพร้อมสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล

    เพื่อนที่ไม่เข้าใจเพื่อนจะเรียกว่าเพื่อนได้ยังไง จริงไหม? นาราคว้าสมาร์ทโฟนขึ้นมากดพิมพ์บางอย่างลงไปในกรุ๊ปแชทเพื่อน เพียงครู่เดียวก็ขึ้นอ่านสามคนพร้อมข้อความตอบกลับความจริงฉันก็รู้สึกแย่นะที่ตอนนั้นพวกจูอึนรุมแกล้งเธอ แต่พอเวลาผ่านไปคนเราก็รู้สึกผิด สำนึกในสิ่งที่ทำไม่ดีลงไป

    ... มินซอกไม่อยากเชื่อว่าจะเป็นเรื่องจริง เพราะจากที่เคยเห็นคนกลุ่มนั้นคงไม่มีคำว่ารู้สึกผิดฝังอยู่ในหัวเลยสักนิด เด็กสาวยังจำความแค้นลึก ๆ ในใจตอนนั้นได้ ที่เธอเคยคิดสาปแช่งให้คนเหล่านั้นตาย ๆ ไปซะ

    จูอึนเคยบอกพวกเราว่าถ้ามีโอกาสก็อยากขอโทษเธอสักครั้ง แต่ตอนนี้ยัยนั่นยังไม่มีความกล้ามากพอที่จะเผชิญหน้ากับเธอตรง ๆ

     

    ช้าจังอีอ้วน

    มองไร อยากโดนตบอีกหรือไง?’

     

    ลองไปนั่งกินข้าวด้วยกันสักมื้อดีไหม ฉันสัญญาว่าจะไม่พูดถึงเรื่องเสียตัวครั้งแรกเด็ดขาด

     

     

    *

     

     

    นั่นมันอะไรกันวะ?เซฮุนขมวดคิ้วมองตามกลุ่มเด็กสาวกลุ่มใหญ่ที่เดินเข้าโรงอาหารด้วยกัน และมินซอกคือหนึ่งในนั้น แบคฮี เธอรู้เรื่องนี้หรือเปล่า?

    ... คนตัวเล็กส่ายหน้าเป็นคำตอบ เธอมองตามเพื่อนสนิทตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้ามาจนไปถึงแถวรับถาดข้าว มองอย่างไม่เข้าใจว่าทำไมมินซอกถึงไปกับกลุ่มดาซมได้ทั้ง ๆ ที่ก็รู้แก่ใจว่าเคยถูกทำอะไรไว้บ้าง

    ทะเลาะกันเหรอ?

    อือ

    อา ให้ตาย เดี๋ยวฉันไปคุยให้

    ไม่ต้อง แบคฮีคว้าแขนอีกคนไว้ เซฮุนถึงได้ยอมนั่งลงแม้ว่าจะไม่เต็มใจนักเดี๋ยวหายโกรธก็คงกลับมา

    เรื่องผู้ชายคนนั้นอีกแล้วล่ะสิ

    อือ ความผิดของฉันเอง เห็นคนหยิ่งจองหองหงอยแล้วก็ดุไม่ลง เซฮุนนั่งจ้องคนตัวเล็กที่นั่งซึมอยู่ฝั่งตรงข้าม เธอหันไปมองกับโต๊ะศัตรูที่มีเพื่อนสนิทเป็นส่วนหนึ่งในนั้นจนเกิดความกังวลขึ้นมาฉันแค่เตือนเรื่องป้องกัน เพราะจากที่รู้ ๆ คือไอ้หมอนั่นมันหื่น กลัวขอปล่อยในแล้วไล่ให้มินซอกไปกินยาคุมเอง

    อย่าโทษตัวเองดิ ก็ผิดทั้งคู่ปะวะ เธอก็ห่วงเพื่อนเกินไป มินซอกก็หลงแฟนจนไม่รับรู้ว่าเพื่อนเป็นห่วง

    เมื่อกี้ฉันพูดแรงด้วย อยากตบปากตัวเอง

    ตบไปเลย เธอมันงูพิษ พอแบคฮีไม่ตอบโต้เป็นการฟาดแรง ๆ เขาถึงรู้สึกผิดขึ้นมาที่เลือกดึงบรรยากาศด้วยคำพูดนั้น แบคฮี

    ถ้ายัยโง่นั่นท้องขึ้นมา นายคิดว่าใครจะรู้สึกเหมือนตายเป็นคนแรก?

    อ่า... ไม่รู้สิ พ่อแม่ที่อยู่ต่างจังหวัดมั้ง ไม่สิ ฉันว่าคุณยาย

    ถ้าผู้ชายคนนั้นไม่รับผิดชอบ มินซอกก็ต้องออกจากโรงเรียน พอคลอดออกมาก็ต้องให้ยายช่วยเลี้ยงใช่ไหม?

    อืม...

    ทำเป็นบอกให้ฉันห่วงตัวเองก่อน มันผิดมากหรือไงที่คนไม่ดีอย่างฉันจะเป็นห่วงเพื่อนพอได้ยินเสียงสั่น ๆ ของคนตรงหน้า เซฮุนจึงวางมือลงบนศีรษะทุยพร้อมยีเบา ๆ เป็นการปลอบใจ

    อย่าร้องตรงนี้ดิ เดี๋ยวกลุ่มนั้นก็เก็บเอาไปหัวเราะหรอก

    ไม่ได้ร้อง

    นี่ แบคฮี

    เซฮุนเชยคางอีกฝ่ายขึ้นมาสบตากันพร้อมพยักหน้าย้ำเพื่อเรียกสติ คนตัวเล็กหายใจเข้าลึก ๆ ขณะมองดวงตาคู่นั้นที่กำลังดึงเธอขึ้นมาจากหลุมที่เรียกว่าความอ่อนแอ แบคฮีหันไปมองกลุ่มดาซมอีกครั้ง สบตากับเพื่อนสนิทที่มองมาทางนี้เช่นกันก่อนจะหลบสายตาไป

     

     

    *

     

     

    ช่วงนี้มีแต่เรื่องแปลก ๆ แบคฮีไม่อยากคิดว่าเป็นเพราะเธอกังวลเรื่องเพื่อนมากเกินไปถึงได้พาลรู้สึกว่าอาจารย์ไม่เหมือนเดิม จากที่เคยปีนเข้าห้องมานอนด้วยบ่อย ๆ ก็ไม่ค่อยมาแล้ว อีกทั้งยังตอบข้อความสั้นเหมือนคนไม่อยากคุย เจอกันทีก็พูดน้อยราวกับคนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

    ไม่อยากคิดมาก... เพราะตอนที่ยังไม่คบกันเธอก็ไม่เคยต้องกังวลว่าอาจารย์จะมาหรือหายไปไหน แต่พอสถานะเปลี่ยนไปความวุ่นวายก็เพิ่มขึ้น แบคฮีรำคาญตัวเองที่ตอนนี้มีแต่เรื่องให้คิดอยู่เต็มไปหมด ทั้งเพื่อน ทั้งแฟน จนสูญเสียความเป็นตัวเอง

    เด็กสาวไปหาอาจารย์ที่บ้านหลายครั้งแต่ก็ต้องนั่งรออยู่นานกว่าอีกฝ่ายจะกลับมา เรากินข้าวกันแล้วนั่งดูทีวีไม่นานเวลาก็หมดลงเพราะอาจารย์บอกว่าจะไปส่งเธอที่บ้านและอ้างว่ามันดึกแล้ว ทั้งที่เมื่อก่อนไม่เคยแคร์เรื่องนี้แท้ ๆ ดึกแค่ไหนก็ยื้อให้อยู่ แบคฮีไม่รู้สึกถึงความเป็นห่วงเลยสักนิด เพราะสิ่งที่อีกฝ่ายแสดงออกมันส่งไปทางรำคาญจนเหมือนอยากใช้เวลาอยู่คนเดียว

     

    เกิดอะไรขึ้น บยอนแบคฮีทำอะไรผิดหรือไงทำไมอยู่ ๆ ก็รู้สึกเหมือนว่ากำลังถูกเบื่ออย่างนี้?

     

    ความรักทำให้คนเราเป็นคนโง่ แบคฮีเกลียดตัวเองที่กำลังนั่งแท็กซี่ตามอาจารย์ไปจนถึงโรงพยาบาลเพราะอยากเห็นกับตาว่าไปไหนกับใคร เซนส์ของผู้หญิงมันแรงเสียจนทนนั่งโลกสวยอยู่เฉย ๆ ไม่ไหว แบคฮีตามไปติด ๆ โดยไม่ให้อีกฝ่ายรู้ตัวกระทั่งฝีเท้าหยุดอยู่หน้าแผนกสูติที่ทำให้เด็กสาวประหลาดใจว่าแฟนของเธอมาที่นี่ทำไม แบคฮียืนนิ่งอยู่ตรงนั้นพร้อมกำมือถือไว้แน่น สักพักหนึ่งเลยทีเดียวที่อาจารย์หายเข้าไปกระทั่งเดินออกมาพร้อมผู้หญิงสวยอีกคน เธอจึงหลบเข้ามุมแล้วแอบชะโงกหน้าออกไปดูเล็กน้อย

    ฉันบอกแล้วว่ามาคนเดียวได้

    ถ้าพี่มาด้วยมันก็ดีกว่าไม่ใช่เหรอ? ชายหนุ่มยิ้มขณะสบตากับหญิงสาวที่มีสีหน้าเศร้าซึม เขาจึงลูบศีรษะทุยเบา ๆ แล้วย่อตัวลงทาบมือกับท้องของเธอสิบแปดสัปดาห์แล้วนะ อีกไม่นานพ่อก็จะได้เจอหนูแล้ว

    หยุดพูดน่าขนลุกเดี๋ยวนี้เลย ชายหนุ่มยิ้มขำ เขาเงยหน้าขึ้นสบตากับผู้หญิงคนนั้นพร้อมรอยยิ้มที่แบคฮีคิดว่าคงมีแค่เธอคนเดียวที่จะได้เห็น

    เธอว่าพี่ไว้หนวดดีไหม จะได้ให้ลุคคุณพ่อหวงลูกสาว พอได้ยินอย่างนั้น คนที่มีสีหน้าเศร้าซึมจึงหลุดหัวเราะออกมาก่อนจะฟาดไหล่กว้างเบา ๆ กับคำพูดทะเล้นที่พยายามเรียกรอยยิ้มจากเธอให้ได้

    พอเถอะ พี่จะมีความสุขเกินไปแล้ว

    ก็ได้ลูกสาวทั้งคน จะให้กลั้นยิ้มไว้เหรอ ใจร้ายเกินไปแล้วคุณแม่

    พี่... หญิงสาวมองคนตรงหน้าอย่างอ่อนใจ

    คิดชื่อไว้หรือยัง เห็นว่าแม่ของเธออยากได้หลานสาวอยู่แล้ว พี่ว่าถ้าเอาชื่อเธอกับท่านมารวมกันให้ลูกคงดีนะ ปาร์คซุนกยูเป็นไง?

    อะไรกัน อยู่ ๆ ก็ตั้งชื่อเอาเองแบบนั้น ถามความเห็นฉันบ้างสิ

    ก็เธอเอาแต่ยืนอยู่เฉย ๆ นี่

    ...

    กยูริ ไม่เป็นไร ชานยอลยืดตัวขึ้นเต็มความสูง กุมมือคนตรงหน้าขึ้นมาพร้อมทาบมืออีกข้างลงไปเพื่อให้เธอสบายใจกับความทุกข์ที่กำลังกัดกินหัวใจอยู่ในตอนนี้ ถ้าเธอพร้อมเมื่อไหร่พี่ก็พร้อมจะไปคุยกับพ่อแม่เธอเรื่องลูก

    อย่าทำเหมือนมันง่ายได้ไหม ฉัน...

    แต่มันเกิดขึ้นแล้ว เข้มแข็งหน่อยสิ หยุดคิดเรื่องที่จะส่งผลถึงลูกได้แล้ว

    ...

    พี่จะดูแลเธอกับลูกเอง พี่สัญญา

    มือทั้งสองข้างเย็นเฉียบจนเหมือนน้ำแข็ง ภาพตรงหน้าพร่ามัวก่อนจะชัดขึ้นเพราะน้ำตามันไหลออกมาแม้ว่าจะไม่ได้บีบ แบคฮีรู้สึกเหมือนขาจะทรุดลงไปหลังจากได้ยินบทสนทนาที่อยากคิดเอาเองว่าผู้หญิงคนนั้นคงเป็นใครสักคนที่รู้จักกันมากกว่าจะมีความสัมพันธ์เกินกว่าเหตุ

    เด็กสาวเสยผมขึ้นพลางหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อตั้งสติ พิงหลังกับผนังเย็นเฉียบของแผนกสูติก่อนจะค่อย ๆ ย่อตัวนั่งลง กุมมือถือแนบไว้กลางอกพร้อมหาทางให้ตัวเองไม่ตายอยู่ตรงนี้เพราะเรื่องที่เพิ่งได้รับรู้ ไม่อยากคิดในแง่ร้าย แต่จากความห่างเหิน เย็นชา ความเปลี่ยนไปมันก็พร้อมทำให้ผู้หญิงที่มองโลกในแง่ร้ายจนเป็นนิสัยสรุปเอาเองได้ว่ามันคงไม่ใช่เรื่องดีแน่

    แบคฮีไม่ใช่คนโง่ที่จะโลกสวยคิดบวกว่าอาจารย์แค่พาผู้หญิงคนนั้นมาตรวจครรภ์ คำพูดเหล่านั้นมันชัดเสียจนคนโง่ที่ไหนยังฟังเข้าใจว่าทั้งคู่มีความสัมพันธ์กันอย่างไร บยอนแบคฮีควรเดินออกไปแสดงตัวตนพร้อมถามอย่างเอาเรื่องหรือโทรไปหยั่งเชิงเอาความจริงก่อนดี ในตอนนี้มีแต่ความสับสนจนมือไม้สั่นไปหมด

    เด็กสาวกำคอเสื้อจนยับ นั่งยอง ๆ ตัวสั่นเพราะแรงสะอื้นโดยไม่สนใจว่าตอนนี้จะมีใครมองอยู่หรือไม่ แบคฮีเช็ดคราบน้ำตาด้วยแขนเสื้ออย่างลวก ๆ แล้วตัดสินใจ ซึ่งทางเลือกสำหรับคนที่รักมากจนไม่กล้าตีโพยตีพายคือการโทรไปหา

    เธอไม่ชอบหลอกตัวเอง แต่ครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกที่แบคฮีทำอย่างนั้น

    คนตัวเล็กชะโงกหน้าออกไปอีกครั้งเพื่อรอดูว่าอีกฝ่ายจะทำอย่างไร อาจารย์ล้วงมือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงพร้อมสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงเมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์ของเธอโทรเข้า เขาปล่อยให้โทรศัพท์สั่นอยู่ครู่หนึ่งพลางหลุบสายตาลงราวกับกำลังเรียบเรียงคำพูดแล้วบอกผู้หญิงคนนั้นให้รออยู่กับที่ก่อนจะเดินไปคุยโทรศัพท์ห่าง ๆ

    ( ครับ )

    อาจารย์อยู่ไหนคะ?

    ( ผมออกมาทำธุระเรื่องอุปกรณ์กีฬาน่ะ มีอะไรหรือเปล่า? )

    คนถูกโกหกไม่ได้ถามอะไรต่อ เธอเงียบไปพร้อมมือเย็นเฉียบที่กำลังสั่นเทา สายตาจดจ้องอยู่กับแผ่นหลังกว้างซึ่งหันหลังคุยโทรศัพท์โดยไม่รู้ว่าตอนนี้มีสีหน้าแบบไหนตอนกำลังหลอกให้เธอเชื่อ คนที่เก่งเรื่องแก้เผ็ดผู้ชายได้แต่ยืนนิ่งเป็นคนโง่ กลืนน้ำลายอย่างฝืดคอพลางปาดน้ำตาที่ไม่ยอมหยุดไหลเสียที

    อ้าวเหรอคะ ตอนนี้หนูอยู่บ้านอาจารย์ กำลังทำกับข้าวอยู่ล่ะ

    ( ... )

    ยังไม่ได้กินข้าวใช่ไหม กลับมากินกับหนูนะ

    แผ่นหลังกว้างที่เคยรู้สึกอบอุ่นทุกครั้งเมื่อซบลงไปในตอนนี้มันช่างว่างเปล่าเหลือเกิน แบคฮีรู้สึกเหมือนโลกกำลังพังเพียงเพราะเสียงถอนหายใจลอดเข้ามาในสายเพื่อให้รู้ว่าอาจารย์กำลังลำบากใจแค่ไหนหลังจากรู้ว่าเธอรออยู่บ้าน

    หนูทำของโปรดอาจารย์ไว้สามอย่างเลย ไม่ต้องรีบนะคะ หนูรอได้

    ( ... )

    อยากทำธุระนานแค่ไหนก็ทำเลย หนูน่ะ --

    เสียงประกาศเรียกชื่อคนไข้ซ้อนเข้ามาในสายทำให้ชายหนุ่มชะงักไป ชานยอลเลียริมฝีปากที่แห้งผากแล้วค่อย ๆ หันหลังไปก่อนจะพบชายกระโปรงที่โผล่พ้นออกมาจากมุมทางเดิน มันปนกับเสียงสะอื้นเบา ๆ ที่คนปลายสายพยายามกลั้นเอาไว้ไม่ให้ได้ยิน

    ...

    น้ำตาหยดเผาะบนพื้นเป็นดวง แบคฮียืนก้มหน้านิ่งเมื่อถูกใครอีกคนคว้ามือไว้ก่อนจะเอาโทรศัพท์ไปกดวางสายให้แล้วยัดมันใส่ในกระเป๋าเป้ของเธอ ไม่มีใครเอ่ยทักทายหรือพูดอะไรให้อีกฝ่ายสบายใจเลยสักนิดเดียว

    แบคฮี

    อุปกรณ์กีฬาอยู่แผนกสูติเหรอคะ?

    ...

    นั่นเพื่อนใช่ไหม ทำไมไม่เคยเห็นมาก่อนเลยล่ะ พาหนูไปแนะนำให้เค้ารู้จักหน่อยสิคะ

    อย่า สองขาหยุดชะงักทั้งที่เดินออกไปได้เพียงสองก้าว หัวใจของเด็กสาวเหมือนจะแหลกละเอียดไปแล้วเพียงเพราะมือที่เคยให้ความอบอุ่นคว้าแขนเธอไว้จนไม่รู้ว่าทำไมมันถึงเจ็บไปกว่าทุกที

    อาจารย์มีอะไรอยากบอกหนูไหม?

    ผู้หญิงสวยคนนั้นกำลังมองมาด้วยแววตาที่ไม่สามารถคาดเดาได้ว่ากำลังรู้สึกอย่างไร รู้สึกผิดเหรอ หรือว่าสะใจ? ไม่... คงไม่ใช่... ผู้หญิงคนนั้นเหมือนรู้ว่าต้องทำอย่างไรในช่วงเวลาที่เด็กมอปลายจะกลายเป็นคนงี่เง่า ใช่... แค่ยืนอุ้มท้องเฉย ๆ ก็ชนะแล้ว

    ไม่ต้องกลัวว่าหนูจะโวยวายเสียงดังที่นี่ หนูไม่ใช่คนแบบนั้น หนูแค่อยากได้คำตอบ

    แบคฮีไม่ได้เงยหน้าขึ้นขอคำตอบที่ทำให้เธอชื่นใจ เธอยังคงมองแต่ผู้หญิงท้องคนนั้นที่ทั้งสวยและหุ่นดีจนดูไม่ออกเลยว่าท้องสิบแปดอาทิตย์จริง ๆ หรือ?

    ว่าเด็กในท้องเป็นลูกใคร?

    คุณรู้ได้ไงว่าผมมาที่นี่ แอบตามมาเหรอ?

    หนูรู้ทุกอย่างยกเว้นความจริงจากปากอาจารย์

    ...

    กล้าดียังไงทำกับหนูแบบนี้  ท้องสี่เดือนกว่า ๆ นั่นมันก่อนที่เราจะคบกันอีกไม่ใช่เหรอ?

    ผมจะไปส่งคุณ เราจะคุยกันบนรถ ชานยอลคว้าแขนคนตัวเล็กให้เดินไปด้วยกัน แต่เธอก็สะบัดมือเขาออกอย่างไม่ใยดี

    หนูจะทำให้มันเคลียร์ที่นี่เด็กสาวกลืนน้ำลาย จนถึงตอนนี้เธอก็ยังไม่เงยหน้าขึ้นมองความใจร้ายของอาจารย์

    ครับ งั้นก็พูดมา นานแค่ไหนแล้วที่แบคฮีไม่ได้ยินน้ำเสียงแบบนี้ ไม่สิ... แม้แต่ตอนแรกที่รู้จักกันอาจารย์ยังมีความใจดีแฝงอยู่ แต่ในวินาทีนี้กลับเยือกเย็นเสียจนไม่อยากเชื่อว่าจะหลุดออกมาจากปากผู้ชายที่เธอรัก

    ที่พักหลังไม่ค่อยสนใจหนูก็เพราะเรื่องนี้ใช่ไหม อยากได้ลูกสาวมากเลยเหรอ?

    ครับ

     

    แบคฮีรู้สึกเหมือนจะอ้วกออกมาเป็นคำว่าเจ็บ

     

    ที่ป้องกันทุกครั้งเวลานอนกับหนูก็เพราะตั้งใจจะมีลูกกับเธออยู่แล้วเหรอ?

    ผมไม่คิดว่าคำถามนี้จะทำให้คุณสบายใจขึ้น

    นาทีนี้ไม่มีอะไรทำให้หนูรู้สึกดีขึ้นได้หรอก อะไรก็เจ็บเหมือนกันทั้งนั้น แบคฮีเธอถอยหลังก้าวหนึ่งพลางเงยหน้าขึ้นสบตากับความเรียบเฉยทางอารมณ์ของคนใจร้ายที่โกหกกันมาได้ตั้งนาน ถ้าไม่ได้จริงจังแล้วขอหนูคบทำไม?

    ...

    ฆ่าเวลาเหรอ ทำไมเป็นแบบนี้ล่ะ หรือเพราะหนูง่าย?

    ผมบอกแล้วไงว่าอย่าด่าตัวเอง

    ก็ปฏิเสธมาสิว่ามันไม่จริง หนูจะได้รู้สึกผิดที่คิดแบบนี้กับตัวเอง เด็กสาวมองเขาด้วยสายตาแข็งกร้าว ความรู้สึกของเราต่างร้าวเหมือนแก้วที่ใกล้จะแตกเต็มที ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร อาจารย์ไปแอบมีอะไรกับเธอตั้งแต่เมื่อไหร่? แบคฮีอยากรู้ ระหว่างที่เธอวางใจคิดว่าว่าอาจารย์คงนอนเหมือนกันหลังจากวางสายจากเธอหรือไง?

    ใจหนึ่งคิดว่าคงไม่ใช่... ไม่มีทางไหนเลยที่อาจารย์จะกลายเป็นคนใจร้ายขนาดนั้น แต่ความจริงมันก็ทิ่มแทงใจให้บยอนแบคฮีแทบตายอยู่รอมร่อ

    เธอคือเพื่อนสนิทน้องสาวผม เป็นคนเดียวกับผู้หญิงที่อยู่ในรถวันนั้น

    แต่อาจารย์บอกว่าเลิกกับเธอแล้ว

    ผมโกหก

    ชานยอลถอนหายใจพลางเสยผมขึ้นกับเรื่องที่ต้องอธิบายอย่างกะทันหัน คิดอยู่ว่าต้องได้พูดสักวันแต่พอเอาเข้าจริงมันก็เป็นเรื่องยาก ไม่เคยมีคำว่าพร้อมสำหรับเรื่องที่ทำให้ใครสักคนต้องเสียใจ รวมถึงตอนนี้ที่ปาร์คชานยอลต้องพูดมันออกไปเพื่อให้อะไร ๆ ง่ายยิ่งขึ้น

    โรงแรมวันนั้นที่บอกว่าโทรมาเรื่องครบรอบวันตายน้องสาว... ก็เรื่องโกหกใช่ไหม? จากสายตาแข็งกร้าวแปรเปลี่ยนเป็นแววตาเว้าวอนขอให้ปรานีเธอบ้าง แบคฮีไม่เคยเก่งกับอาจารย์ได้นานเลยจริง ๆ ไม่เลย...

    ครับ

    ...

    พอเถอะ ตอนนี้คุณเจ็บมากพอแล้ว

    ปฏิเสธสักอย่างได้ไหม...

    ผมจะไปส่งคุณ

    ไม่เอา... อย่าทำแบบนี้นะ แบคฮีกอดแขนคนใจร้ายพร้อมซุกหน้าลงไป น้ำตาที่ไม่เคยกลั้นไว้ได้กำลังไหลออกมาราวกับว่าจะไม่มีเหลือเผื่อสำหรับวันพรุ่งนี้อีกแล้ว เด็กสาวยืนสะอื้นเงียบ ๆ พร้อมกำเสื้อวอร์มแน่นเพื่อขอให้อาจารย์ทบทวนอีกครั้งกับการบอกเลิกที่ไม่ต้องพูดว่า

     

    เราเลิกกันเถอะ

     

    กำลังทดสอบความเข้มแข็งหนูอยู่ใช่ไหม พอเถอะนะคะ หนูยอมแล้ว ให้หนูทำอะไรก็ได้

    ...

    หนูยังไม่ค่อยเข้าใจโลกก็เลยงี่เง่าเอาแต่ใจจนเกินไป แต่หนูขอเวลาหน่อยได้ไหม หนูจะพยายามปรับตัวให้ดีขึ้น จะเชื่อฟังอาจารย์ จะไม่ว่าตัวเองอีกแล้ว

    แบคฮี

    ชานยอลจับหัวไหล่คนตัวเล็กแล้วผละออกมาสบตากัน มองดวงหน้าขาวที่เปื้อนไปด้วยน้ำตาก่อนจะเบือนหน้าหลบไปอีกทางเพื่อตั้งสติ แม้แบคฮีจะไม่ได้ร้องห่มร้องไห้เสียงดัง แต่จากที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็ทำให้ใครหลายคนที่เดินผ่านมองตามด้วยความสงสัย

    หนูเอาไอ้นี่มาด้วย เด็กสาวก้มหน้าก้มตารูดซิปกระเป๋าพร้อมล้วงเอากระดาษยับ ๆ ออกมาคลี่ให้คนตรงหน้าดู ชานยอลมองคูปองเอาแต่ใจที่มาพร้อมแววตาซึ่งเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังลม ๆ แล้ง ๆ และตอนนี้บยอนแบคฮียังคงทำให้เขารู้สึกผิดจับใจ

    หยุดเถอะ ถือว่าผมขอร้อง

    ...

    เรื่องของเรามันจบแล้ว คิดซะว่าผมเป็นแค่คนเลวหนึ่งคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตคุณ

     

    ผมกลัวไม่มีคุณในชีวิตมากกว่า

     

    แบคฮีไม่รู้ว่าหัวใจของเธอยังบอบช้ำได้มากกว่านี้อีกหรือไม่ การโตขึ้นมันมีทั้งผลดีและผลเสียซึ่งเด็กสาวได้เรียนรู้ว่าถ้าหากมีความรักอีกครั้งมันจะทำให้รู้สึกมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นรัก คิดถึง ห่วงหา และตอนนี้แบคฮีได้รู้แล้วว่ามันเจ็บมากกว่าการถูกบอกเลิกครั้งไหน ๆ

     

    กลัวว่าวันหนึ่งคุณจะไม่อยู่ให้ผมรักแล้ว

     

    เอาหัวใจผูกไว้กับอีกคนมากเกินไป... พอถึงเวลาที่ต้องรักตัวเองจึงไม่หลงเหลืออะไรแล้ว

     

    ขอโทษที่เป็นคนพังบ้านเล็ก ๆ หลังนั้นจนไม่เหลือชิ้นดี

     

     

     

    TBC

     

    ชั้นว่าชั้นควนพานางไปแก้ชง

     

     

     

     

     

     

     

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×