คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : Chapter 14 :: Teach me how to use the key.
? cactus
Chapter 14
Teach me how to use the key
ช่วงเวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไปอย่างรวดเร็วเสมอ แบคฮีรู้สึกเหมือนจงแดเพิ่งมาเกาหลีได้แค่วันเดียว แต่พอกระพริบตาอีกทีเพื่อนสนิทของเธอก็ยืนอยู่หน้าเกทเสียแล้ว เจ้าของรอยยิ้มสดใสเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเด็กสาวที่ทำหน้าหงอยอย่างเก็บไม่มิด ราวกับแบคฮีกำลังขอร้องให้เขาอยู่ต่อทั้งที่รู้ว่าเป็นไปไม่ได้
“คราวหน้าต้องอยู่นาน ๆ กว่านี้”
“ปิดเทอมใหญ่เราจะเที่ยวกับแบคฮีทุกวันเอาให้พ่อแม่บ่นจนหูชาไปเลย”
“จงแดติดปูอลาสก้าเราอยู่นะ ห้ามลืมเด็ดขาด”
“จะจดใส่หน้าผากไว้เลย” แบคฮีหลุดยิ้มออกมาทันทีที่เห็นอีกฝ่ายเอานิ้วเขียนหน้าผากตัวเองอย่างที่ว่าจริง ๆ ทั้งคู่สบตากันเพื่อใช้นาทีสุดท้ายให้คุ้มขณะที่พ่อแม่ของจงแดยืนรออยู่ไม่ห่างจากตรงนี้มากนัก แบคฮีไม่อยากเอาแต่ใจมากเพราะคนสำคัญในชีวิตอีกฝ่ายไม่ได้มีเพียงเธอคนเดียว
ภายใต้รอยยิ้มของจงแดยังคงเต็มไปด้วยกังวล เด็กหนุ่มได้แต่หวังว่าทุกอย่างจะไม่เลวร้ายอย่างที่คิด เขาอาจจะรักเพื่อนจนเกินไป ซึ่งบางทีผู้ชายคนนั้นอาจจะเลวร้ายจริง ๆ หรือดีสุดกู่ก็ได้ เรื่องนี้เวลาจะเป็นคำตอบให้ทุกคน และหวังว่าบทเรียนในครั้งนี้จะไม่ทำร้ายแบคฮีมากนัก แม้ทัศนคติของเขาจะสวนทางว่ามนุษย์ทุกคนต้องเรียนรู้ด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะความรัก ความเจ็บปวด แต่พอเป็นเรื่องใกล้ตัว... จงแดก็อยากให้โลกนี้เบามือกับเพื่อนสนิทของเขาสักหน่อย
“มากอดทีนึง” จงแดอ้าแขนออก แบคฮีจึงเข้าไปสวมกอดพร้อมออกแรงรัดจนเพื่อนสนิทร้องเสียงหลง เด็กสาวหัวเราะร่วน เกยคางลงกับไหล่ที่ไม่กว้างมากแต่ก็ทำให้รู้สึกปลอดภัยทุกครั้ง “ดูแลตัวเองดี ๆ นะ”
“เราจะรักตัวเองกว่าเมื่อวานอีก สัญญา”
“มินซอกได้ยินใช่ไหม ถ้าแบคฮีไม่รักตัวเองเมื่อไหร่ต้องหยิกแรง ๆ เลยนะ”
“รุมกันหรือไง?” คนตัวเล็กผละออกมามองเพื่อนทั้งสองคนที่กำลังมองเธอด้วยรอยยิ้ม
แม้จะเศร้าที่จงแดต้องกลับนิวซีแลนด์แล้ว แต่ตอนนี้เป็นครั้งแรกที่แบคฮีไม่รู้สึกโดดเดี่ยวอย่างเช่นทุกครั้งเมื่อต้องมาส่งเพื่อนสนิทที่สนามบิน เพราะตรงนี้มีคิมมินซอกอยู่ข้าง ๆ กุมมือเธอเอาไว้ราวกับอยากบอกให้รู้โดยที่ไม่ต้องพูดว่า ‘ต่อไปนี้แบคฮีไม่ได้มีแค่จงแดแค่คนเดียวอีกต่อไปแล้วนะ’
“เดินทางปลอดภัยนะ”
“อื้ม คราวหน้าเราจะเอาของฝากมาด้วย” จงแดวางมือลงบนบ่ามินซอกพร้อมตบเบา ๆ เพื่อให้คนตรงหน้ารู้สึกว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเธอไม่ได้ห่างเหินหรือคุกคามกันจนเกินไป ทั้งสามคนโบกมือลากันเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนแบคฮีกับมินซอกจะหลุดขำออกมาเพราะจงแดท่าทำมือเป็นรูปหัวใจบนหัว
*
เคยมีใครบอกไว้ว่าฟ้าหลังฝนย่อมดีเสมอ
แม้เด็กผู้หญิงสองคนจะเจอเรื่องราวร้าย ๆ ที่ทำให้นึกโกรธความเป็นมนุษย์ของเพื่อนร่วมห้อง แต่พอคิดอีกแง่มันก็ทำให้ทั้งคู่สนิทกันมากขึ้น ช่องว่างระหว่างกันลดลงไปและแทนที่ด้วยความไว้ใจ กระทั่งวันหนึ่งมินซอกได้รู้ความจริงบางอย่างตอนถ่ายรูปเล่นกับแบคฮีจนเลื่อนไปเจอรูปอื่นในเครื่อง ซึ่งเป็นรูปเซลฟี่ที่อาจารย์ชานยอลหอมแก้มเพื่อนของเธอ
ในทีแรกแบคฮีกังวลและไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไร แต่ก็คิดว่าการโกหกเพื่อนคงไม่ใช่ทางที่ดีสักเท่าไหร่ มินซอกก้าวมาไกลเกินกว่าคำว่าคนอื่นแล้ว ดังนั้นเธอจึงสารภาพไปตรง ๆ ซึ่งสีหน้าเด็กสาวร่างท้วมก็ดูตื่นตาตื่นใจกับความจริงที่เพิ่งได้รู้ มินซอกดูเขินแทนตอนได้ยินแบคฮีเล่าเรื่องอาจารย์ให้ฟัง
‘งั้นฉันก็ไม่สงสัยแล้วว่าทำไมอาจารย์ชานยอลถึงชอบถามถึงเธอนัก’
แบคฮีควรกังวลว่าเพื่อนจะรังเกียจเธอที่แอบมีความสัมพันธ์กับอาจารย์มากกว่าจะมาเขินกับการได้ยินเรื่องอะไรแบบนี้ไม่ใช่หรือไงกัน แต่ก็ต้องยอมรับว่าเด็กสาวโล่งใจอยู่ไม่น้อยที่อีกฝ่ายเข้าใจและไม่เปลี่ยนไปหลังจากรู้เรื่องนี้
ถ้าเป็นเรื่องของความรัก แบคฮีคิดว่ามันยังคงราบรื่นไม่มีเรื่องน่ากังวล เด็กสาวไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะเธอและเขาเป็นคนสบาย ๆ อยู่แล้วหรือเปล่า เราถึงไม่มีเรื่องให้คิดเล็กคิดน้อยเลย เดทสองคืนสามวันที่ปูซานผ่านไปโดยไม่มีการแก้ผ้าฟัดจูบกันบนเตียงเมื่อรอบเดือนดันวนมาตอนเช้าก่อนออกเดินทางพอดี แบคฮีรู้สึกดีที่อาจารย์เพียงแค่อมยิ้มพร้อมลูบหัวเธอและบอกว่า
‘ปวดท้องไหมคะ เดี๋ยวพี่ลงไปซื้อยาให้’
ความโล่งใจแบบนี้มันคืออะไรกัน คำถามธรรมดาแบบนั้นมันทำให้ผู้หญิงอย่างเธอรู้สึกดีได้ขนาดนี้เลยเหรอ อาจเป็นเพราะความเป็นห่วงเป็นใยของอาจารย์มาพร้อมแววตาที่บอกว่าไม่ได้โกหกไปกว่าที่พูดเลยสินะ ที่กังวลว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกแย่ถ้าไม่ได้มีอะไรกันมันกลายเป็นเรื่องโง่ไปเลย
ซึ่งพอคิดดูแล้วคงมีแค่คนที่ไม่ให้ความสำคัญเท่านั้นที่จะมองเห็นแค่คุณค่าทางร่างกาย เมื่อก่อนเราเจอกันด้วยเหตุผลเรื่องเซ็กส์ก็จริง แต่ตอนนี้ความรู้สึกที่มีต่ออีกฝ่ายมันเปลี่ยนไปจนเป็นความชอบแล้ว ดังนั้นเด็กสาวจึงรู้สึกดีเหลือเกินที่ความสัมพันธ์ระหว่างเรามันมีความเป็นห่วง ใส่ใจเพิ่มเข้ามาจนเป็นเรื่องปกติ
การไปเที่ยวไกล ๆ ด้วยกันสองคน จับมือกัน หัวเราะด้วยกัน เพียงเท่านั้นวันหยุดดี ๆ ในช่วงปิดเทอมแรกมันก็คุ้มค่าสำหรับเด็กผู้หญิงกลัวความรักแล้ว แบคฮีชอบอาจารย์ชานยอลจริง ๆ ชอบเสียจนไม่รู้ว่าจะถอยหลังกลับอย่างไร
“สารภาพมาซะดี ๆ ว่าช่วงนี้เธอไดเอ็ทหนักมากแค่ไหน” ในวันแรกของการเปิดเทอมใหม่ แบคฮีชี้หน้าเพื่อนสนิทที่ดูเหมือนน้ำหนักลดลงไปอีก แม้จะไม่ดูผอมเสียทีเดียวแต่ก็ยังดูผิดหูผิดตา อย่างน้อยเสื้อผ้าที่ใส่ก็ลดไซส์ไปตั้งหนึ่งเบอร์
“ตอบไปสิว่ากินแต่ผักกับผลไม้จนหิวแทบจะเป็นบ้าตายอยู่แล้ว” เสียงของเซฮุนเป็นตอกย้ำราวกับแกล้ง มินซอกจึงผลักแขนแกร่งเบา ๆ
“ทำไมมานั่งตรงนี้ล่ะ” มินซอกถามพลางกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ก่อนจะพบว่าตอนนี้กลุ่มจูอึนกำลังมองมาทางนี้ แต่แบคฮีกลับบีบมือเธอเบา ๆ พร้อมส่ายศีรษะเป็นเชิงบอกว่าอย่าไปสนใจ
“ก็จะนั่งตรงนี้ไง ถามได้” เด็กหนุ่มยิ้มร่าก่อนจะถลึงตากวนประสาทใส่คนตัวเล็กที่นั่งอยู่ข้าง ๆ มินซอก
“ตัวก็สูงอย่างกับเสาไฟฟ้า ไปนั่งหลังห้องนู่นไป”
“มันเป็นเทคนิคที่จะตัดขาคู่แข่งอย่างเธอไง รับรองเลยว่าเทอมนี้ฉันชนะแน่ -- อ๊า!!!!” เซฮุนขมวดคิ้วนิ่วหน้าเจ็บเมื่ออยู่ ๆ แบคฮีก็ดึงหูเขาจนต้องก้มศีรษะตามแรง “เจ็บนะยัยบ้านี่!”
“หน้าแดงเลย โกรธสินะ” คนตัวเล็กหัวเราะ มองอีกคนที่กำลังถอนหายใจฮึดฮัดก่อนจะจับมือเธอไปงับนิ้วชี้ทั้งที่ยังสบตากันอยู่ “ย่าห์ เป็นหมาหรือไงโอเซฮุน?”
“ใช่ ฉันจะกัดเธอให้แหลกเลยบยอนแบคฮี”
“...” เด็กสาวชักมือกลับแต่อีกฝ่ายดันยื้อเอาไว้ อยู่ ๆ เซฮุนก็ทำหน้าจริงจังขึ้นมาจนทำให้แบคฮีรู้สึกว่าคิดผิดที่พยายามลดความอึดอัดโดยการเล่นกับหมอนี่
มินซอกมองทั้งคู่สลับกัน การเป็นคนกลางทำให้เธอรู้สึกอึดอัดอยู่ไม่น้อย คนหนึ่งกำลังอินเลิฟกับอาจารย์ชานยอล ส่วนอีกคนก็ตกอยู่ในสภาวะอกหักอย่างแรงและไม่มีทีท่าว่าจะมองผู้หญิงคนอื่น พักหลังเซฮุนค่อนข้างฟุ้งซ่านเพราะไม่สามารถแสดงความเอาแต่ใจได้เหมือนเมื่อก่อน แต่การเว้นช่องว่างให้แบคฮีสบายใจก็ไม่ได้ทำให้เขามีความสุขเช่นกัน มินซอกควรทำอะไรสักอย่างถ้าไม่อยากให้บรรยากาศมันน่าอึดอัดมากไปกว่านี้
“แบคฮี วันนี้ฉันเอาหนังสือเล่มที่เธออยากอ่านมาด้วยนะ”
“งั้นเหรอ เอามาดูหน่อยสิ” เด็กหนุ่มจำต้องคลายมือออกเพราะเกรงใจบุคคลที่สาม เซฮุนหันกลับไปแล้วหยุดสายตาอยู่กับกระดานดำ ปล่อยให้เด็กผู้หญิงสองคนนั่งคุยกันส่วนตัวเขาก็จมอยู่กับความคิดตัวเอง
“ไม่เป็นไรนะ?” มินซอกกระซิบ แบคฮีจึงยิ้มบาง ๆ พร้อมพยักหน้าเป็นคำตอบ
“ไปห้องน้ำกันไหม?”
“เอาสิ” เด็กสาวร่างท้วมพยักหน้า ทั้งคู่จึงเดินออกไปพร้อมกันแต่เป้าหมายกลับไม่ใช่ห้องน้ำอย่างที่จงใจให้เซฮุนได้ยิน
“เมื่อกี้ขอบใจนะ”
“ไม่เป็นไร เรื่องแค่นี้เอง” มินซอกยิ้มพลางเท้าแขนลงกับราวจับดาดฟ้า “ว่าแต่เซฮุนรู้เรื่องอาจารย์ชานยอลหรือยัง?”
“ยังหรอก ไม่รู้คงดีกว่า”
“คิดว่าสักวันนึงเขาจะรู้ไหม?” แบคฮีกังวลกับคำถามนี้ เพราะเธอก็คิดมาตลอดว่าถ้าหากเซฮุนรู้เข้าเรื่องมันจะแย่ลงแค่ไหน
“ยังไงก็ได้ ขอแค่อย่ากระทบถึงอาจารย์ก็พอ” มินซอกชำเลืองมองคนข้าง ๆ ที่กำลังทอดสายตาไปยังเบื้องหน้าอย่างไร้จดหมาย ปล่อยให้สายลมพัดผ่านความรู้สึกไปพร้อมความคิดในหัว ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่าว่าแบคฮีรักอาจารย์เสียจนลืมนึกถึงตัวเอง “เธอคงคิดว่าฉันเป็นยัยโง่ที่หลงผู้ชายจนยอมเจอเรื่องบ้า ๆ ยังไงก็ได้ล่ะสิ”
“ก็เธอควรจะห่วงตัวเองบ้างไม่ใช่เหรอ สัญญาอะไรกับจงแดไว้ลืมแล้วหรือไง?” มินซอกไม่ใช่คนใจกล้าที่จะดุคนอื่น แต่ตอนนี้เธอเป็นห่วงแบคฮีจนต้องงัดคำพูดออกมาจากปากจนได้
“นี่แหละฤทธิ์ของความรัก พอรู้ตัวอีกทีความเห็นแก่ตัวก็จะเห็นแก่ตัวอีกทีนึง อย่างเช่นการยอมเจอเรื่องไม่ดีแทนคนที่เรารัก มันก็คือการเห็นแก่ตัวในรูปแบบปกป้องหัวใจตัวเอง”
“แต่อาจารย์ชานยอลคงไม่ปล่อยให้เธอต้องเจอเรื่องแย่ ๆ คนเดียวหรอก”
“ถ้าเป็นอย่างนั้นคงรักตายเลย...” พูดจบก็นิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะหลุดขำออกมา “มันคงน้ำเน่ามาก ๆ เหมือนหนังรักวัยรุ่นนักเรียนแอบคบกับอาจารย์ทั่วไป เธอคิดว่างั้นไหม?”
“แต่เซฮุนคงไม่ทำอะไรแบบนั้นหรอก” มินซอกกุมมือเด็กสาวอีกคน “เขาเป็นคนดี อย่างมากก็คงโมโหโวยวายบ้าง แต่ฉันเชื่อว่าเขาจะไม่มีวันทำร้ายเธอเด็ดขาด”
“เข้าข้างกันจริงนะ สนิทกันถึงขั้นรู้ไส้รู้พุงแล้วล่ะสิ” แบคฮีส่ายศีรษะ ลึก ๆ เธอก็แอบคิดแบบนั้นอยู่เหมือนกันว่าไอ้หมาบ้าคงไม่กล้าเหมือนที่ทำกับพี่จงอินหรอก “ตั้งแต่เช้าเลยนะ คุยกับใคร ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียว”
คนตัวเล็กชำเลืองมองหน้าจอสมาร์ทโฟนที่มินซอกหยิบขึ้นมากด เด็กสาวร่างท้วมยิ้มอย่างขลาดอาย อ้ำ ๆ อึ้ง ๆ อยู่ในทีเพราะไม่รู้จะอธิบายอย่างไร กระทั่งเธอตัดสินใจหันหน้าจอมือถือให้ดู แบคฮีถึงได้รู้ว่าเพื่อนกำลังแชทคุยกับชาวต่างชาติในแอปหาคู่ที่เธอเคยแนะนำให้มินซอกลองคุยเล่นแก้เซ็ง
“เอาจริงเหรอเนี่ย?”
“ตอนแรกฉันว่าจะลบแอปทิ้งแล้วเพราะมีแต่คนแปลก ๆ เข้ามาคุยด้วย ขอเปิดกล้องใหญ่เลย”
“แล้วเธอเปิดหรือเปล่า?” พอเห็นสีหน้าเป็นกังวลของแบคฮี มินซอกจึงส่ายศีรษะพรืด
“ไม่เคยเลย ก็นะ... ถ่ายรูปด้วยมุมกล้องมันเลยออกมาดูดีกว่าตัวจริง แต่พอใช้รูปเต็ม ๆ ก็ไม่มีใครทักมาคุยเลยสักคนนี่นา” เด็กสาวร่างท้วมยิ้มเจื่อน เธอรู้ตัวดีว่าควรเจียมตัวและไม่ควรคาดหวังกับใครทั้งนั้น
“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ บอกแล้วไงว่าให้คุยแก้เซ็ง ถือว่าคุยกับชาวต่างชาติฝึกภาษา” แบคฮีดึงแก้มเพื่อนเบา ๆ “แล้วที่คุยอยู่เป็นใครจากไหน?”
“เป็นคนจีนอายุมากกว่าฉันสามปี เขาน่ารักดีนะ...” คนตัวเล็กเลิกคิ้วมองอย่างไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองว่าตอนนี้มินซอกกำลังเขินจนหน้าแดง ยิ้มอย่างขลาดอายต่างจากตอนเจอจงแดอย่างสิ้นเชิง
“แล้วคุยกันด้วยภาษาอะไร?”
“เกาหลี เขาเคยเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนเลยพอพูดได้บ้างน่ะ”
“ไหนมาดูซิว่าหล่อไหม?” แบคฮีแย่งมือถือไปกดดูรูปโปรไฟล์ “โห หน้าดีนะเนี่ย ใช้ได้”
“มีรูปล่าสุดด้วยนะ... เขาถ่ายที่สนามฟุตบอล” มินซอกขยับเข้ามาใกล้พร้อมเลื่อนบทสนทนาย้อนขึ้นไปจนเจอรูปถ่ายชายหนุ่มที่คุยด้วย แต่แบคฮีกลับสะดุดตากับประโยคหนึ่งเมื่อเลื่อนขึ้นไปอีกนิด
‘อยากเห็นเธอใส่ทูพีชเล่นน้ำจัง’
“เดี๋ยวนะ หมอนี่เป็นเหตุผลที่ทำให้เธอไดเอ็ทหนักขนาดนี้หรือเปล่า?” คนตัวเล็กคืนมือถือให้ ซึ่งมินซอกก็ไม่ปฏิเสธกับความจริงที่เธอพยายามอย่างหนัก เด็กสาวร่างท้วมกลัวว่าวันหนึ่งผู้ชายคนนั้นจะรับไม่ได้ถ้าหากรู้ว่าเธอเป็นผู้หญิงอ้วน “รู้จักกันนานแค่ไหนทำไมถึงกล้าพูดจาหื่น ๆ ใส่เธอได้เนี่ย”
“ไม่ใช่ ๆ คือฉันบอกว่ากำลังลดน้ำหนัก เขาเลยบอกจะเป็นกำลังใจให้แล้วรอดูฉันใส่ชุดว่ายน้ำตอนผอมสมใจแล้ว เขาไม่ได้หมายความแบบที่เธอเข้าใจหรอก...”
แบคฮีมองหน้าเพื่อนอย่างเป็นกังวล มองด้วยตาเปล่าก็รู้ได้ว่าตอนนี้มินซอกกำลังรู้สึกดีที่ได้คุยกับผู้ชายคนนี้ซึ่งอาจจะเป็นคนแรกในชีวิต เธอจึงไม่อยากพูดขัดใจมากไปกว่านี้เพราะไม่อยากทำให้เพื่อนต้องรู้สึกแย่ ถ้ามินซอกลดน้ำหนักจนผอมสวยได้เธอก็ยินดีด้วย แบคฮีไม่อยากให้เพื่อนต้องพยายามเพื่อคนอื่นมากกว่าตัวเอง แต่เวลามินซอกมีความรักก็ดูสดใสขึ้นกว่าเดิมเป็นไหน ๆ เลย
*
คุณได้รับข้อความจาก...
‘♥’
[ พี่ชานยอลของหนูแอบเอาของบางอย่างไปซ่อนไว้ตรงพุ่มไม้หลังตึกสองล่ะครับ ]
“จะเล่นเกมหรือไง?”
แบคฮีย่นจมูกใส่ข้อความของผู้ชายตัวโตที่ทำตัวน่ารักมากขึ้นทุกวัน เธอหยุดยืนมองข้อความนี้อยู่หน้าอาคารเรียนหลังจากมินซอกกลับบ้านไปแล้วเพราะต้องไปช่วยคุณยายขายไก่ทอดราดซอส เด็กสาวไม่เสียเวลามากไปกว่านี้ เธอเดินไปหลังตึกสองในเวลาท้องฟ้าเป็นสีส้ม ชะเง้อหน้ามองหา ‘ของ’ ที่อาจารย์ว่าอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะเห็นกุญแจหนึ่งดอกถูกผูกไว้ด้วยโบว์สีขาวโดยมีกระดาษข้อความใบเล็ก ๆ ม้วนแทรกอยู่ตรงกลาง
‘ลองเดาดูสิครับว่ามันคือกุญแจอะไร?’
ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคิดจะเล่นอะไร แต่ก็ต้องยอมรับว่าแบคฮีตื่นเต้นกับกุญแจดอกนี้จนอยากลองไขทุกอย่างที่อยู่รอบตัวให้หมด เด็กสาวแอบย่องไปห้องพักครูพร้อมหยุดอยู่ตรงโต๊ะอาจารย์ หรือบางทีผู้ชายคนนั้นจะแอบซ่อนสร้อยน่ารัก ๆ เอาไว้แล้วเซอร์ไพรส์เธอด้วยวิธีนี้?
แต่สุดท้ายแบคฮีก็ต้องผิดหวังเมื่อมันสอดเข้ารูกุญแจไม่ได้ แล้วมันคือกุญแจอะไรล่ะ รถเหรอ? ไม่มีทาง เด็กสาวขมวดคิ้วก่อนจะคลานออกจากห้องพักครู ยืนทำหน้างงอย่างคนไม่รู้จนท้องฟ้าเริ่มมืดลงจึงตัดสินใจกลับไปตั้งหลักที่บ้าน
หลังจากอาบน้ำเสร็จก็ขึ้นมานอนบนเตียงพร้อมชูกุญแจสีเงินขึ้นกลางอากาศในเวลาสองทุ่มเศษ ๆ อาจารย์ไม่ยอมรับสายแถมยังส่งข้อความมาอย่างรู้ทันอีกว่า
‘ผมจะไม่รับจนกว่าคุณจะรู้ว่ากุญแจดอกนั้นเอาไว้ไขอะไร’
“เกินไปแล้ว ไขประตูโดเรม่อนหรือไง?” เด็กสาวบ่นอุบอิบอยู่คนเดียว นอนพลิกตัวอยู่บนเตียงกว้างครุ่นคิดว่ามันมีสิ่งใดในโลกบ้างที่กุญแจดอกนี้พอจะไขได้ “ซื้อบ้านให้หนูเป็นของขวัญเหรอ บ้าบอ”
ทันทีที่พูดจบแบคฮีก็ดีดตัวลุกขึ้นนั่งจ้องกุญแจในมือ เพียงครู่เดียวเท่านั้นที่ให้สมองประมวลผล สองขาก็รีบวิ่งลงไปข้างล่างพร้อมตะโกนบอกป้าแม่บ้านว่าคืนนี้จะกลับดึกไม่ต้องรอเธอ เด็กสาวไม่ได้เผื่อใจไว้ว่าถ้าสิ่งที่คิดมันไม่ใช่... เธอจะผิดหวังมากแค่ไหน เพราะตอนนี้ในหัวมันเอาแต่คิดว่าต้องใช่และบยอนแบคฮีต้องยิ้มกว้างจนเมื่อยแก้มเพราะมันแน่ ๆ
เด็กสาวผมยาวหยุดวิ่งเมื่อมาถึงหน้าบ้านอาจารย์หนุ่ม เธอไม่รู้ว่ากำลังยิ้มกว้างแค่ไหนตอนยืนอยู่หน้าประตูพร้อมกุญแจในมือ แบคฮีเม้มริมฝีปากแน่นแล้วสอดมันเข้าไปอย่างช้า ๆ ออกแรงบิดเพียงนิดเดียวเสียงกลอนที่ล็อกไว้ก็ดังขึ้นเป็นสัญญาณบอกว่ากุญแจดอกนี้มีไว้ใช้สำหรับประตูบานนี้เท่านั้น
ควรรู้สึกอะไรก่อนดีระหว่างดีใจที่ผู้ชายที่ชอบให้กุญแจบ้านหรือตั้งคำถามว่าอาจารย์หายไปไหน ทำไมบ้านถึงมืดเหมือนไม่มีใครอยู่แบบนี้ อ้าว รถก็ไม่อยู่ด้วย ยังไม่กลับหรือออกไปข้างนอกกันนะ?
“อะไรกัน เขาควรอยู่รอเซอร์ไพรส์เราไม่ใช่หรือไง?”
คนตัวเล็กถอดรองเท้าแล้วเปิดไฟจนสว่างทั่วทั้งห้องนั่งเล่น เธอเก็บกุญแจบ้านดอกนั้นใส่เข้าไปในกระเป๋ากางเกงยีนส์ขาสั้นก่อนจะตรงเข้าไปทิ้งตัวลงนอนบนโซฟานุ่ม หยิบมือถือขึ้นมากดโทรออกหาอาจารย์เพียงครั้งเดียวก็นึกขึ้นได้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ยอมกดรับจนกว่าบยอนแบคฮีจะรู้ว่ากุญแจดอกนี้เอาไว้ใช้ทำอะไร เธอจึงเบ้ปากแล้วลุกขึ้นไปหาอะไรทำ
“จะรออีกแค่ครึ่งชั่วโมงนะ ถ้าช้าจะแกล้งไม่รับสายบ้าง” เด็กสาวบ่นอุบอิบ หยิบผ้ากันเปื้อนขึ้นมาใส่แล้วตรงเข้าไปเอาเครื่องดูดฝุ่นมาทำหน้าที่แม่บ้านซึ่งบยอนแบคฮีไม่เคยทำให้ใครมาก่อนในชีวิต
“ว่าแต่ต้องใส่ผ้ากันเปื้อนหรือเปล่า?” คนตัวเล็กมองตัวเองในกระจกหลังจากตั้งคำถาม แต่ก็เขินแปลก ๆ เมื่อจินตนาการว่าในอีกสิบปีข้างหน้าเธอคงได้อยู่ในสภาพนี้ เป็นภรรยาที่อาจจะไม่ได้ดีจนน่าประทับใจ หรือเป็นคุณแม่ที่ไม่รู้ว่าเลี้ยงเด็กยังไง เดี๋ยว... สรุปบยอนแบคฮีมีอะไรดีบ้าง
“ไหนลองดูซิ วิธีเป็นภรรยาที่ดี” ความตั้งใจดูดฝุ่นห้องนั่งเล่นถูกหยุดกลางคันเมื่อเด็กสาวหันไปเสิร์ชหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ตแทน “หนึ่งความรัก สองความซื่อสัตย์ เดี๋ยว -- จะให้เป็นเมียหรือจะเลี้ยงหมากันแน่”
เด็กสาวส่ายศีรษะพลางโยนมือถือลงบนโซฟาแล้วนั่งลงเปิดเครื่องดูดฝุ่นที่ไม่รู้แม้แต่วิธีใช้มัน เธอพยายามอยู่ราว ๆ ห้านาทีจึงเดินไปเอามือถือกลับมาอีกครั้งเพื่อเสิร์ชหาวิธีเปิด งง ๆ อยู่อีกไม่กี่นาทีเครื่องดูดฝุ่นก็ติด เล่นเอาคนตั้งใจจะสร้างผลงานหัวเสียอยู่หลายนาที
ผ่านไปครึ่งชั่วโมงห้องนั่งเล่นก็สะอาด ไม่สิ อันที่จริงต้องบอกว่ามันสะอาดอยู่แล้ว เธอก็แค่ลาก ๆ ไถ ๆ มันไปตามพื้นโดยไม่รู้ว่าดูดอะไรเข้าไปบ้าง แบคฮีเปิดประตูห้องนอนเข้าไป น่าแปลกใจเหลือเกินที่แอร์คอนดิชันเนอร์ยังคงทำงานอยู่ เธอคิดว่าอาจารย์คงลืมปิดก่อนออกไป แต่สุดท้ายก็ได้คำตอบว่าไม่ใช่เมื่ออยู่ ๆ ก็มีใครบางคนเข้ามายืนซ้อนด้านหลังพร้อมเอามือปิดตาเธอ
“ไงครับคุณแม่บ้าน”
เสียงกระซิบแหบพร่านั้นขี้เล่นจนอยากต่อยกล้ามท้องแรง ๆ สักทีเสียจริง แบคฮีแกะมือแกร่งออกพร้อมหันไปเผชิญหน้ากับชายหนุ่มที่แอบอยู่ข้างในนี้โดยไม่ยอมออกไปหาเธอแล้วยังกล้ามายิ้มหล่อใส่แบบนี้อีก
“แกล้งหนูเหรอ”
“นิดนึงครับ อยากรู้ว่าคุณจะอดทนได้นานแค่ไหน” ชานยอลอมยิ้ม เขากอดเอวเด็กสาวเอาไว้พร้อมโน้มหน้าลงไปถูปลายจมูกกับคนตัวเล็ก “ไม่คิดว่าจะได้เห็นคุณมุมนี้”
“ตลกล่ะสิ ปล่อยเลย หนูไม่ทำต่อแล้ว” แบคฮีเบี่ยงตัวหลบ แต่อาจารย์กลับจับตัวเธอพิงกับผนังห้องพร้อมใช้สองมือกักเอาไว้
“ทำไมถึงน่ารักแบบนี้นะ?”
“เพราะหนูทำความสะอาดให้หรือไง”
“ทุกอย่าง” ชายหนุ่มเชยคางมนขึ้นมาพร้อมเอียงคอเล็กน้อยเพื่อปรับองศาที่เหมาะสม “เกินไปแล้วบยอนแบคฮี”
“แอบอยู่ตรงนี้นานแค่ไหนแล้ว”
“ไม่บอกหรอกครับ เสียฟอร์มแย่” แบคฮีอมยิ้ม ถ้าให้เดาเอาเองคาดว่าอาจารย์คงรอตั้งแต่หัวค่ำเพราะคิดว่าเธอคงหาคำตอบได้เร็ว น่าเอ็นดูจัง
“หนูไม่คืนกุญแจนะ ให้แล้วให้เลย” เสียงของเด็กสาวแผ่วลงตามระยะห่างของริมฝีปากที่เลื่อนเข้ามาใกล้ในทุกขณะ ชานยอลยิ้มก่อนจะให้คำตอบความน่ารักตรงหน้าเป็นจูบเบา ๆ
“คุณแม่บ้านแอบเสิร์ชอะไรในโทรศัพท์ครับเมื่อกี้นี้”
“ไม่บอกหรอก”
“เห็นพึมพำอะไรภรรยา ๆ ยังไม่ทันคบกันก็วางแผนแต่งงานแล้วเหรอเด็กน้อย” แบคฮีหรี่ตามองคนขี้แกล้งที่กำลังแซวเรื่องน่าอายของเธอ
“ก็แค่เสิร์ชเล่นฆ่าเวลาเฉย ๆ ใครจะแต่งงานกับผู้ชายที่รู้จักยังไม่ถึงปี บ้าแล้ว” เด็กสาวเบือนสายตาหลบไปอีกทาง แม้จะปฏิเสธไม่ได้ว่าลึก ๆ บยอนแบคฮีก็มีความคิดเตลิดไปไกลถึงขั้นนั้นแล้ว เธอมันเด็กเพ้อฝันที่ต้องเรียกสติตัวเองกลับมาอยู่ตลอด
“งั้นต้องรู้จักนานแค่ไหนถึงจะแต่งได้ครับ?” ชายหนุ่มมองผ้ากันเปื้อนที่กระตุ้นอารมณ์เขาได้เป็นอย่างดี บยอนแบคฮีตอนอยู่ในชุดนี้ทั้งน่ารักและน่าฟัดในเวลาเดียวกัน
“ใครจะรู้ล่ะ” เด็กสาวเอานิ้วจิ้มอกแกร่งก่อนจะโอบรอบคออีกฝ่ายไว้เมื่อถูกอุ้มไปที่เตียง “ทำไมถึงให้กุญแจบ้านคะ?”
“เอาเป็นว่าผมไม่ได้ให้มันกับใครง่าย ๆ” ชานยอลเกลี่ยปอยผมออกจากดวงหน้าหวานอย่างเบามือ เขามองดวงตาคู่สวยคู่นั้นที่กำลังฉายความสงสัย “ต่อไปนี้คุณมาที่นี่เมื่อไหร่ก็ได้เท่าที่ต้องการนะครับ”
“อาจารย์กำลังเปิดทางให้หนูเป็นเด็กเห็นแก่ได้ ถ้าเกิดหนูมาตอนอาจารย์อยากอยู่คนเดียวจะทำไง พอถึงตอนนั้นคงโดนรำคาญ โดนเบื่อแน่ ๆ”
“เบื่อเป็นยังไง ทำไมผมรู้สึกได้แต่ความคิดถึงที่มีต่อคุณจนต้องให้กุญแจบ้านเพราะไม่รู้จะหาข้ออ้างไหนที่จะให้เราได้เจอกันบ่อยกว่าที่โรงเรียน”
“ทำปากหวานไปเถอะ บอกก่อนนะว่าถ้าทิ้งหนูเมื่อไหร่บ้านหลังนี้ได้เละคามือบยอนแบคฮีแน่”
“กำลังขู่ผมอยู่เหรอ?” ชานยอลยิ้มขำ เขารั้งเอวคอดเข้ามาใกล้ก่อนจะจูบริมฝีปากสีเชอร์รี่แช่ไว้จนคนตัวเล็กเป็นคนผละออก
“หนูมาตอนไหนก็ได้จริงนะ?” ชายหนุ่มยังคงยิ้ม เขาพยักหน้าช้า ๆ เป็นคำตอบ แบคฮีจึงยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดี “วันนี้หนูอ่านเมนูอาหารคลีนมา ไว้จะหัดทำให้กิน”
“หืม ทำเป็นด้วยเหรอ?”
“ไม่เป็น”
“ฮะ ครัวผมจะเละหรือเปล่านะ?”
“ก็หนูทำเป็นแค่ไข่เจียวกับไข่ดาวที่ผู้ชายคลีน ๆ ไม่ชอบกินนี่คะ”
“แต่ถ้าหนูทำ พี่ชานยอลก็กินนะครับ”
“โม้” เด็กสาวย่นจมูก ก่อนจะหัวเราะคิกคักเมื่อคนตัวโตขยับเข้ามากอดฟัดจูบซอกคอเธอ
“รีบเรียนจบไว ๆ สิครับ”
“ทำไมคะ?”
CUT
(WELCOME TO MALINWORLD)
ทัมมาเปงโล่งใจที่เหนตัวอักสอนใหย่ๆสามตัว
ความคิดเห็น