คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : Chapter 10 :: Teach me how to be quiet.
Chapter 10
Teach me how to be quiet
แบคฮีรู้อยู่แล้วว่าเซฮุนคงไม่ใจแข็งพอที่จะเมินเธอได้ข้ามวัน หลังจากต่อยพี่จงอินเด็กสาวจึงลากคนหัวร้อนไปหลังอาคารเรียนและปล่อยให้นั่งสงบสติอารมณ์อยู่บนม้านั่ง ไม่ถึงห้านาทีเลยด้วยซ้ำเซฮุนก็รวบเอวบางเข้าไปกอดพร้อมซบลงกับหน้าท้องของคนตัวเล็ก
“ไม่เป็นแบบนี้ไม่ได้เหรอ”
“...”
“ถึงไม่ได้คบกันแต่ฉันก็รู้สึกเหมือนถูกเธอบอกเลิก แล้วฉันก็อยู่ไม่ได้” เด็กหนุ่มหลับตาลง กระชับกอดแน่นขึ้นพร้อมวอนขอทางคำพูดและการกระทำเพื่อให้อีกคนทบทวนเรื่องขอจบความสัมพันธ์อีกครั้ง
“มันอาจจะยาก แต่ถ้าปล่อยไปเรื่อย ๆ สักวันนายจะเสียใจกว่าตอนนี้” แบคฮีหลุบสายตามองศีรษะของอีกคนที่ยังคงซบอยู่กับหน้าท้องของเธอโดยไม่กล้าแตะต้องตัวเซฮุนอย่างที่เคย
“ฉันไม่สนหรอกว่าสักวันอะไรนั่นมันจะเลวร้ายแค่ไหน ฉันสนใจแค่ตอนนี้”
“...”
“เธอจะมีคนอื่นด้วยก็ได้แต่อย่าทิ้งฉันไปได้ไหม?”
“เซ --”
“ฉันขอร้องเธอ”
แบคฮีรู้ว่าเซฮุนไม่เคยทำแบบนี้กับใคร แต่มันไม่ใช่เรื่องที่ต้องดีใจเลยสักนิด เธอเข้าใจว่ามันยากสำหรับคนที่รักไปแล้ว เพราะถ้าหากอาจารย์พูดแบบนี้บ้างเธอก็คงล้มทั้งยืนเหมือนกัน แต่การหลอกตัวเองเพื่อยืดเวลาเจ็บออกไปมันไม่ใช่วิธีของคนที่รักตัวเอง
“นายไม่ได้จนตรอกที่ต้องปล่อยให้ตัวเองอยู่ในจุดนี้นะเซฮุน”
“ที่ฉันรู้สึกกับเธอมันไม่ใช่ความจนตรอก” เด็กหนุ่มเว้นจังหวะไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นเพื่อให้คนตัวเล็กรู้ว่าเขาจริงจังมากแค่ไหน “ฉันก็แค่รักเธอไปแล้ว”
“นายยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าความรักเป็นยังไง”
“แล้วเธอรู้หรือไงถึงได้ตัดสินใจทิ้งฉันไปหาใครก็ไม่รู้”
“มันไม่เกี่ยวกับคนอื่น มีสติหน่อยได้ไหม?” แบคฮีมองคนตรงหน้าอย่างอ่อนใจ ยิ่งเห็นเซฮุนทำหน้าเหมือนคนจะร้องไห้ ผู้หญิงแพ้น้ำตาอย่างเธอจึงได้แค่เบาเสียงลง
“งั้นก็กอดฉันสิ ตบหัวฉันแล้วค่อยลูบปลอบใจทีหลังหรือบ่นอะไรก็ได้เหมือนที่เธอเคยทำ” เด็กหนุ่มจับมืออีกคนมาทาบกับแก้มตนเอง ก่อนจะจูบเบา ๆ อย่างใคร่รัก
“ทนหน่อยไม่ได้เหรอ เดี๋ยวนายก็ลืมฉันได้แล้ว”
“มันนานแค่ไหนล่ะ ฉันชอบเธอ เข้าใจไหม? ตื่นมาสมองก็สั่งการให้รีบมาโรงเรียนเพื่อเจอเธอ จะทำอะไรก็นึกถึงเธอ แล้วฉันจะทนได้ยังไง?”
“...”
“ฉันแย่มากเลยเหรอ ทำไมเธอถึงอยากไปจากฉันนัก?”
“มันไม่เกี่ยวกับดีหรือแย่เลยเซฮุน”
“งั้นมันเกี่ยวกับอะไร?”
“จะให้ฉันพูดจริง ๆ หรือไง วันนี้ยังเจ็บไม่พอใช่ไหม” แบคฮีไม่ได้ขึ้นเสียง แต่ก็ดุผ่านทางสายตาจนเซฮุนต้องซบลงกับหน้าท้องเธอพร้อมตวัดแขนกอดร่างเล็กเอาไว้
“อย่านะ วันนี้มันเกินลิมิตที่เธอจะใจร้ายกับฉันแล้ว”
“งั้นก็เลิกบังคับให้ฉันพูดแบบนั้นสักทีสิ”
“ครับ ไม่พูดแล้ว เซฮุนขอโทษนะครับ” ถึงจะไม่รู้จักเธอดีพอ แต่มีเรื่องหนึ่งที่โอเซฮุนรู้ว่าบยอนแบคฮีแพ้อะไรเขาถึงได้งัดวิธีนี้มาใช้กับเธอ ออดอ้อน เอาใจ เพียงเท่านั้นผู้หญิงเย็นชาก็ยอมใจอ่อนลงบ้าง
แบคฮีถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนพลางลูบศีรษะผู้ชายตัวโตแต่ทำตัวเป็นเด็กทุกครั้งเวลาอยู่ด้วยกัน คน ๆ หนึ่งต้องเจ็บเพราะความร้ายกาจของบยอนแบคฮีได้ขนาดนี้เลยหรือไงนะ... โอเซฮุนนี่โง่จริง ๆ
*
แบคฮีจำเฟสบุ๊คของแฟนเก่าได้ และเธอเลือกสมัครใหม่เพื่อแอดไปคุยเรื่องเซฮุนโดยเฉพาะ เด็กสาวรู้ว่าการเอาเฟสหลักแอดไปมันคงเป็นอะไรที่โง่สิ้นดี แบคฮีไม่ได้อยากรับรู้เรื่องของแฟนเก่าขนาดนั้น
เป็นชั่วโมงกว่าอีกฝ่ายจะกดรับ ซึ่งเธอไม่ได้กังวลเลยสักนิดว่าวิธีนี้จะสูญเปล่าเพราะแฟนเก่าเป็นหนุ่มฮอตที่กดรับเพื่อนทุกคนอยู่แล้ว
พี่จงอินไม่ได้แสร้งว่าโอเคหลังจากถูกต่อย แต่ผู้ชายคนนั้นก็ใจเย็นมากพอที่จะคิดได้ว่าการต่อยกลับมันไม่ใช่ทางออกที่ดี แน่นอนว่าพี่จงอินหงุดหงิด แต่ด้วยความใจกว้างโอเซฮุนจึงรอดตัวไป แต่แบคฮีไม่ได้สบายใจเลยสักนิด เธออยากให้เซฮุนขอโทษพี่จงอินด้วยซ้ำ แต่มันคงยากกว่าการให้หมอนั่นเลิกชอบเธอเสียอีก
พี่จงอินไม่ได้ถามว่าทำไมแบคฮีถึงสมัครเฟสบุ๊คใหม่ ผู้ชายคนนั้นไม่ได้สร้างความลำบากใจให้เธอเหมือนตอนอยู่ที่โรงแรม ซึ่งมันเป็นเรื่องดีเกินกว่าที่คาดหวังเอาไว้ ทั้งคู่คุยกันแต่เรื่องจำเป็นจนหมดประเด็นเด็กสาวจึงขอตัวไปอาบน้ำ และพี่จงอินก็ตอบประโยคสุดท้ายมาว่า
‘ถ้าเป็นไปได้ เรามาคุยกันอีกนะ (:’
นอกจากความบังเอิญ แบคฮีคิดว่าเธอไม่ควรเข้าไปคุยกับพี่จงอินอีก
นึกถึงตอนที่อาจารย์ตีหน้านิ่งเข้ามาห้ามแล้วก็หมั่นไส้ ผู้ชายคนนั้นจะร้ายกาจเกินไปแล้ว ทั้ง ๆ ที่ตัวเองนั่นแหละควรจะโดนต่อยแต่ยังยิ้มระรื่นเหมือนไม่เคยรู้เรื่องนั้น แบคฮีแทบจินตนาการไม่ออกเลยว่าถ้าวันหนึ่งเซฮุนรู้เรื่องอาจารย์เข้า หมอนั่นจะสติแตกแค่ไหนกันนะ
แบคฮีส่งข้อความหาอาจารย์เพื่อย้ำเรื่องเซฮุน เจตนาของเธอคือไม่อยากให้เป็นเรื่องจนกระทบกับเรื่องสอบปลายภาค แต่คำตอบของอาจารย์ก็ห้วนเสียจนกังวลว่าอีกฝ่ายกำลังน้อยใจอยู่หรือเปล่า
‘ครับ’
นั่นคือคำตอบสั้น ๆ ที่ทำให้ชั่งใจว่าควรโทรไปถามดีหรือไม่ แบคฮีไม่ได้แคร์เซฮุนจนมองข้ามอาจารย์ ผู้ชายคนนั้นควรคิดเรื่องนี้ให้ได้
ลึก ๆ ก็รู้สึกว่าคนที่โตแล้วคงไม่คิดเล็กคิดน้อยอะไรอย่างนั้น เผลอ ๆ อาจารย์อาจจะรำคาญที่เธอเอาแต่ย้ำก็ได้ ดังนั้นแบคฮีจึงไม่ได้โทรไป
ใช่ คืนนั้นเราไม่ได้โทรคุยกัน
*
เรื่องเซฮุนชกต่อยกับรุ่นพี่มหาลัยแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะถูกเล่าปากต่อปากหรือกระทู้ในบอร์ด บางคนเข้าใจว่าเป็นศัตรูเก่าที่ตามมางัดถึงโรงเรียน บางคนเข้าใจว่าทะเลาะกันแย่งแบคฮี แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร มันก็ทำให้กลุ่มของคิมดาซมหัวเสียจนเอาแต่มองเธอเหมือนพร้อมจะกินเลือดกินเนื้อตลอดทั้งวัน
วันนี้เป็นคาบสุดท้ายของการเรียนว่ายน้ำก่อนสอบปลายภาค อาจารย์จึงบอกให้นักเรียนวอร์มอัพก่อนลงน้ำเพื่อสอบเก็บคะแนน หลายคนใจหายที่จะไม่ได้เรียนวิชานี้อีก แต่อาจารย์ก็บอกว่าจะตามไปหลอกหลอนเราทุกคนในเทอมหน้าซึ่งเป็นการเรียนวิ่ง
แบคฮีรู้สึกดีที่จะได้เจอหน้าอาจารย์ทุกอาทิตย์โดยไม่ต้องหาเหตุผลมาอ้าง
แต่รู้สึกดีได้ไม่นานเธอก็ต้องเผชิญหน้ากับสิ่งที่เคยพยายามหลีกเลี่ยงมาตลอด แน่นอนว่าพอเป็นเรื่องเรียนว่ายน้ำอาจารย์ชานยอลไม่เคยใจดีกับเธอเลยสักครั้ง ตอนที่วอร์มก่อนสอบเก็บคะแนนเขาเดินผ่านเธอไปพร้อมพูดเบา ๆ ว่า
‘ถ้าวันนี้หาเรื่องไม่สอบล่ะก็... ผมจะตีก้นคุณ’
ตอนแรกก็ตั้งใจว่าจะสอบ แต่อาจารย์พูดแบบนี้จะแกล้งไม่ลงน้ำดีไหมนะ?
นักเรียนเรียงตามเลขที่สอบพร้อมกันทีละสี่คน ไล่มาเรื่อย ๆ จนถึงแบคฮีและมินซอกซึ่งเลขที่ต่อกัน เด็กสาวร่างท้วมหันไปมองคนข้าง ๆ ด้วยความเป็นห่วง ระหว่างยืนรอเพื่อนอีกสองคนเดินมายืนบนแท่นกระโดด
“แบคฮี...”
“อือ?”
“เธอ... โอเคนะ?”
“ทำไม?” แบคฮีเลิกคิ้วมองคนข้าง ๆ ซึ่งแสดงออกทางสีหน้าอย่างชัดเจนว่าเป็นกังวล
“เซฮุนบอกฉันว่าเธอว่ายน้ำไม่ค่อยเป็น... เขาก็เลย...” ทั้งคู่มองไปยังเด็กหนุ่มตัวผอมหุ่นดีที่สอบเสร็จไปแล้ว หมอนั่นยืนอยู่กับเพื่อนและกำลังมองมาทางนี้ สายตาของผู้ชายทะเล้นเต็มไปด้วยความเป็นห่วง เซฮุนยังคงซึมแต่ก็ไม่ยอมหันไปรักตัวเองอย่างที่เธอต้องการ
“เขาทำไม?”
“ฝากให้ฉันดูแลเธอน่ะ” มินซอกยิ้มเจื่อน “แต่ฉันไม่รู้ว่าจะทำได้ยังไงในเมื่อเราสอบพร้อมกัน” แบคฮีหลุดขำออกมาหลังจากได้ยินคำพูดซื่อ ๆ มินซอกเบิกตากว้างอย่างตกใจเมื่ออยู่ ๆ คนข้าง ๆ ก็ตีก้นเธอจนเกิดเสียง “แบคฮี!”
“ถ้าฉันจมน้ำก็อย่าปล่อยให้พวกดาซมเข้ามาใกล้เด็ดขาดล่ะ”
“...”
“ไม่งั้นฉันเละคามือพวกนั้นแน่ เข้าใจที่พูดไหม?” แบคฮีกระซิบพลางมองไปทางกลุ่มเด็กสาวหน้าสวยที่ยืนกอดอกมองเธอตาไม่กระพริบ
“ไม่จมหรอก! หรือเราควรจะบอกอาจารย์ชานยอลดีล่ะ... ฉันว่าอาจารย์ต้องเข้าใจถ้าเธอบอกเขาว่าว่ายน้ำไม่เป็น”
“ทางนั้นจะคุยกันอีกนานไหมครับ?” ยังไม่ทันตอบมินซอก แบคฮีก็เบ้ปากเพราะเสียงอาจารย์ที่แทรกขึ้นมากลางบทสนทนาของเธอทั้งคู่
เด็กสาวหันไปสบตากับอาจารย์หนุ่มที่เลิกคิ้วเป็นเชิงถาม ทั้งกวนประสาทและน่ามันเขี้ยวในเวลาเดียวกัน เธออยากกระชากคอเสื้อวอร์มตัวนั้น แล้วบดขยี้ริมฝีปากหยักที่ขบกัดเบา ๆ ตอนกำลังมองเธอ
“เซฮุนบอกว่าเขาเคยสอนเธอว่ายน้ำ เพราะงั้นตั้งสติแล้วนับหนึ่งสอง ๆ ในใจดูนะ แป๊บเดียวก็คงถึงฝั่งนั้นแล้วล่ะ” มินซอกมองสระน้ำ มันไม่ได้ยาวไกลเท่ากับสระของนักกีฬาทีมชาติ แต่สำหรับคนที่ยังว่ายน้ำไม่ค่อยเป็นมันก็คงยากสำหรับแบคฮีพอสมควร
“เย็นนี้ไปเดินฮงแดกันไหม?”
“หนึ่ง...”
“หะ... หา?” มินซอกเลิกคิ้วอย่างไม่อยากเชื่อหูตัวเองว่าจะได้ยินใครสักคนหนึ่งชวนเธอไปเที่ยวด้วยกันหลังเลิกเรียน ท่ามกลางเสียงกดดันของอาจารย์ชานยอลซึ่งเป็นครั้งแรกที่เด็กสาวร่างท้วมรู้สึกว่าไม่อยากได้ยิน
“สอง...”
“ไปช่วยถือของให้หน่อย” รอยยิ้มของแบคฮีในตอนนี้สวยไปกว่าทุกครั้ง มินซอกยิ้มอย่างเก้อ ๆ พลางเกาแก้มตัวเองกับมิตรภาพแปลก ๆ ที่อีกคนยื่นให้ ถ้าหากว่าเธอไม่ได้คิดไปเอง
เสียงนกหวีดดังขึ้นตามด้วยเด็กทั้งสี่คนที่กระโดดจากแท่นลงไปในน้ำ ชานยอลนั่งกอดอกมองการเคลื่อนไหวของนักเรียนแต่ละคนก่อนจะหยุดสายตาอยู่กับเด็กสาวตัวเล็กที่เขาเป็นห่วงมากที่สุด
รู้ว่าแบคฮีว่ายน้ำไม่เป็น และการที่เขาชอบเธอมันเอามาเป็นข้ออ้างในการอนุโลมไม่ได้ เด็กคนนั้นถูกตามใจจนเคยตัวแล้ว ถ้าวันนี้ว่ายไม่รอดก็ต้องปล่อยให้อายเพื่อนดูสักครั้ง แบคฮีจะได้เรียนรู้จากเขาว่าวิชานี้ผ่านได้ด้วยความพยายาม ไม่ใช่เงินจำนวนมากที่ใช้ซื้ออาจารย์ผู้สอน
การที่เด็กผู้หญิงคนนั้นกล้ากระโดดลงไปในน้ำมันก็เกินความคาดหมายแล้ว แต่ตอนนี้แบคฮีกำลังว่ายไปเรื่อย ๆ จนชานยอลและเซฮุนอึ้ง คนตัวเล็กพยายามว่ายไปจนถึงกลางสระและไม่มีทีท่าว่าจะยอมแพ้ อาจารย์หนุ่มลุกขึ้นยืนโดยไม่รู้ตัว เขายังคงมองเด็กทั้งสี่คนโดยไม่ละสายตาไปไหน
“ไม่จริงน่า...” เซฮุนพึมพำพลางเสยผมขึ้นค้างมือไว้กลางศีรษะ ตอนนี้เด็กสองคนว่ายไปถึงฝั่งนั้นแล้วตามด้วยมินซอกเป็นคนที่สาม เด็กสาวร่างท้วมนั่งคุกเข่ารออยู่ข้างสระ พร้อมพูดว่า ‘อีกนิดเดียว’ อยู่เป็นระยะเพื่อให้กำลังใจคนที่พยายามว่ายน้ำไปให้ถึง
ชานยอลอมยิ้มหลังจากที่แบคฮีแตะมือกับขอบสระฝั่งนั้น เด็กผู้หญิงที่เคยกลัวน้ำจนร้องไห้กำลังใช้สองมือยันตัวเองขึ้นไปนั่งกับขอบสระโดยได้รับความช่วยเหลือจากเด็กผู้หญิงอีกคนที่ถูกเพื่อนคว่ำบาตร เธอหอบหายใจทั้งที่ร่างกายเปียกปอน ตามด้วยโอเซฮุนซึ่งรีบปรี่เข้าไปหาเธอพร้อมผ้าขนหนู
“เลขที่ต่อไปขึ้นแท่นได้เลยครับ”
ชานยอลพูดโดยที่ยังไม่ละสายตาจากเด็กสาวที่เขาชอบ กระทั่งเธอหันมาสบตากัน วินาทีนั้นชายหนุ่มรู้สึกคล้ายกับว่าเวลามันหยุดนิ่งไป ทุกอย่างมันเกินความคาดหมาย สิ่งที่ชานยอลจินตนาการไว้มันตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง ไม่มีใครงอแงหาเรื่องไม่ลงสระ ไม่มีใครจมน้ำหลังจากพยายามรวบรวมความกล้ากระโดดลงจากแท่น ไม่มีสีหน้าหวาดกลัว ผวาเพราะความทรงจำแย่ ๆ ที่เขาอยากให้เธอก้าวผ่านไปให้ได้
เพราะตอนนี้มีเพียงเด็กผู้หญิงใจกล้าที่ว่ายน้ำอย่างช้า ๆ ไปจนถึงฝั่งนั้น ราวกับอยากให้ปาร์คชานยอลรู้ว่าไม่มีอะไรที่บยอนแบคฮีทำไม่ได้...
*
“จะไปกับมินซอกเหรอ?”
เซฮุนมองเด็กสาวทั้งสองคนสลับกันหลังจากเปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้ว แบคฮีพยักหน้าเป็นคำตอบ เขาจึงหันไปสบตากับเด็กสาวร่างท้วมที่คงดีใจอยู่ไม่น้อยที่จะได้ไปเที่ยวกับใครสักคนหลังจากต้องทนอยู่อย่างโดดเดี่ยวมานาน
อันที่จริงเซฮุนกะว่าจะชวนแบคฮีไปดูหนังด้วยกัน แต่เขาจะยอมเสียสละสักครั้งถ้าหากมันทำให้ผู้หญิงสองคนได้ใช้เวลาเรียนรู้กันและกันมากขึ้น
“เซฮุนไปด้วยกันไหม?”
“ฮะ? อ๋อ ไม่ดีกว่า” เด็กหนุ่มยิ้มขำ แม้ใจมันอยากตอบตกลงใจจะขาดแต่ก็ต้องปฏิเสธ เซฮุนโบกมือลาพร้อมเดินถอยหลังทีละก้าวและเขาหวังว่าแบคฮีจะมองเห็นความใจกว้างของเขาในวันนี้บ้าง “อย่าไปติดหนุ่มเต้นโคฟแถวนั้นล่ะ”
“นั่นแหละเป้าหมาย”
“ยัยบ้านี่” เซฮุนถลึงตาใส่ พลางขยับปากบ่นคนตัวเล็กที่ปั่นหัวให้เขาหึงยันวินาทีสุดท้าย
มินซอกมองเซฮุนกับแบคฮีสลับกัน เธอไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าหลุดยิ้มตั้งแต่เมื่อไหร่
เด็กผู้หญิงสองคนที่นิสัยต่างกันคนละขั้วกำลังเดินไปด้วยกันบนทางเงียบ ๆ ซึ่งมีเพียงความคิดเท่านั้นที่ตะโกนออกมา แบคฮีพาเธอเข้าร้านเครื่องสำอาง ทาลิปสติกลงบนข้อมือเธอไม่รู้กี่สีอีกทั้งยังสอนให้รู้ด้วยว่าผิวของเราทั้งคู่เป็นโทนร้อนหรือโทนเย็น เหมาะกับสีอะไรและสีอะไรไม่ควรใช้ และไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้เลือกของเก่งหรือว่ารวยจนจะหยิบอะไรก็ได้ ของในตะกร้าจึงเริ่มหนักขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งที่เข้าร้านมาไม่ถึงสิบห้านาที
หลังจากเดินช็อปกันอยู่นานสองสาวจึงหยุดที่ร้านอาหาร มินซอกเห็นว่าแบคฮีหยิบปากกาสีพาสเทลกับม้วนเทปลายน่ารักออกมาเขียนก่อนจะแปะลงข้างขวดครีมต่าง ๆ ที่เพิ่งซื้อมา พอครบทุกขวดก็ขยับมานั่งข้าง ๆ เธอ
“ขวดนี้ทาหลังอาบน้ำนะ ส่วนอันนี้ใช้ตอนเช้า อันนี้ก่อนนอน”
“หะ... หา?”
“แล้วตามด้วยขวดนี้ ส่วนนี่ไว้แต้มสิว”
“เดี๋ยวสิ นี่มัน --”
“ฉันให้”
“...”
“ชดเชยที่ช่วยสอนเลขกับช่วยฉันขึ้นจากสระน้ำ”
“ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะ มันไม่ถึงกับเรียกว่าสอนสักหน่อย มันก็แค่ไม่กี่ข้อเอง”
“ไม่กี่ข้อแต่ก็สอนเกือบทุกวันเลยนี่ เธอเก่งกว่าจงแดอีก” แบคฮีเลิกคิ้ว
มันก็หลายวันแล้วที่เธอสองคนได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันหลังเลิกเรียน เพื่อติวหนังสือด้วยกันเพราะใกล้ถึงฤดูสอบปลายภาคแล้ว ในทีแรกเธอก็แค่อยากให้ช่วยสอนเลข แต่พออยู่กับมินซอกเรื่อย ๆ แบคฮีกลับรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้น่าคบกว่าที่คิด
”แต่มันแพงเกินไป ฉันรับไว้ไม่ได้หรอก” มินซอกดันขวดครีมกลับไปทางคนข้าง ๆ เธอพอจะจำราคาแต่ละชิ้นที่อยู่บนชั้นได้ว่ามันค่อนข้างแพง และการที่คิมมินซอกช่วยสอนให้ทุกวันก็เพราะอยากสอน ไม่ได้หวังอะไรตอบแทนสักหน่อย
“โอเค งั้นก็เอาไปทิ้งมันทั้งถุงนี่แหละ”
“ไม่ได้นะ!” มินซอกเบิกตากว้างรีบคว้ามือคนข้าง ๆ ที่ทำให้เห็นว่าไม่ได้พูดเล่น “จะทิ้งได้ไง ทั้งหมดนี่ตั้งเท่าไหร่ เงินมันหายากนะ!”
“ขึ้นเสียงกับฉันเหรอ?”
“ปะ... เปล่า ก็เธอน่ะ --” เด็กสาวร่างท้วมอึกอัก จะเถียงก็ไม่ได้ แบคฮีเล่นดักทางไว้หมดเลย เหมือนกับบังคับให้เธอรับของพวกนี้ไว้โดยที่ไม่มีทางปฏิเสธได้
“จะเริ่มออกกำลังกายเมื่อไหร่ ตอนนี้เธออ้วนเกินไปแล้วนะ”
“ไม่คิดว่าพูดตรงเกินไปหน่อยเหรอ...” มินซอกรู้สึกเหมือนโดนเอามีดแทงคอจากคำพูดและสีหน้าของคนข้าง ๆ “ฉันไม่ได้อยากสวยสักหน่อย ไม่เห็นต้องลดน้ำหนักเลย...”
“ไม่ได้บอกให้ลดเพื่อสวย แต่ลดเพื่อสุขภาพน่ะรู้จักไหม? ถ้าอ้วนมาก ๆ โรคจะถามหา เรียนก็เก่ง ทำไมเรื่องแค่นี้ต้องให้อธิบายด้วย” แบคฮีกระตุกผมหางม้าอีกคนเบา ๆ
“...”
“ถ้าผอมแล้วสวยก็ถือว่าเป็นกำไรสิ”
“ฉันไม่สวยหรอก ต่อให้ผอมแล้วก็ไม่สวย”
“ถ้าเทียบกับฉันล่ะก็คงใช่ เรื่องนี้ไม่เถียง” คนตัวเล็กนั่งกอดอกยืดหลังตรง
“หลงตัวเองจัง...” มินซอกพึมพำ พอเห็นแบคฮีหัวเราะเธอก็ยิ้มออกมาอย่างไร้เหตุผลเสียอย่างนั้น
บ้าจัง... ตั้งแต่เกิดมา นอกจากพ่อแม่กับยายแล้วก็ไม่เคยมีใครซื้อของให้มินซอกเลยสักคน บยอนแบคฮีเป็นใครกัน ทำไมถึงได้ดีกับเธอถึงขนาดนี้ ดีจนกลัวอนาคตว่าสักวันหนึ่งเธอจะต้องกลับไปรู้สึกโดดเดี่ยวเหมือนเดิมอีก
*
บนเตียงเต็มไปด้วยหนังสือที่ต้องอ่านสอบในอีกสองอาทิตย์ข้างหน้า แต่แบคฮีไม่มีสมาธิมากพอที่จะอ่านมันโดยไม่หันไปมองโทรศัพท์มือถือซึ่งยังขึ้นจอสีดำไม่มีข้อความหรือการโทรเข้าของคนที่รออยู่
ใจคอจะไม่ติดต่อมาหน่อยหรือไง บยอนแบคฮีว่ายน้ำไปถึงฝั่งนั้นได้โดยไม่งอแงเลยนะ อาจารย์เงียบมาเกินแปดชั่วโมงแล้ว และคงยิงยาวไปจนถึงวันพรุ่งนี้เพราะตีหนึ่งคงไม่ใช่เวลาที่คนบางคนอยากจะโทรหาเธอ
โทรหาเองเหรอ? ฝันไปเถอะ บยอนแบคฮีจะไม่ยอมเสียฟอร์มเด็ดขาด เพราะคนที่ต้องทนอยู่กับความคิดถึงไม่ได้ต้องเป็นอาจารย์
“จงแด ที่นั่นจะเช้าแล้วนะ”
( ... )
เด็กสาวมองเพื่อนสนิทในแอปสไกป์ที่ผล็อยหลับไปได้สักพักแล้ว จงแดก็ต้องอ่านหนังสือสอบอย่างหนักเหมือนกัน เผลอ ๆ อาจจะมากกว่าเธอด้วยซ้ำเพราะเรื่องของภาษา ผู้ชายใจดีที่นอนกอดหนังสือไว้แนบอกช่างน่าเอ็นดูจริง ๆ ทั้งที่จะปิดกล้องก็ได้ แต่พอรู้ว่าเธอจะอยู่ดึกเพื่ออ่านหนังสือ จงแดก็บอกให้เปิดกล้องไว้แบคฮีจะได้ไม่เหงา
ใจดีเกินไปแล้ว ถ้าโดนผู้หญิงตาน้ำข้าวหลอกให้รักคงน่าสงสารแย่
“...”
เด็กสาวหันขวับไปทางระเบียงห้องเมื่อได้ยินเสียงกุกกัก อยากคิดว่าอาจจะเป็นนก... แต่มันก็ไม่น่าบินในช่วงเวลานี้หรือเปล่า แบคฮีละความสนใจจากตรงนั้นก่อนจะหันมาอ่านหนังสือ ไม่ถึงนาทีเสียงกุกกักก็ดังขึ้นอีกครั้งเธอจึงเดินไปเปิดประตูระเบียงแล้วก้าวออกไปข้างนอก
ไม่มีนกอย่างที่คิด... แต่ยังไม่ทันหาต้นเหตุเจอเอวคอดก็ถูกรวบกอดจากข้างหลังพร้อมมือใหญ่ที่ปิดปากเธอเอาไว้จนหมดโอกาสส่งเสียง ร่างผอมบางถูกอุ้มจนตัวลอยกลับเข้าไปในห้อง ก่อนจะถูกวางลงให้หันหน้าเข้าหาผนังทั้งที่ยังถูกปิดปากอยู่
“อื้อ!!!”
“ชุดนอนน่าถอดจังเลยครับ”
CUT
(WELCOME TO MALINWORLD)
ชั้นรู้ว่าต้องมีคนเลื่อนลงมาดูบรรทัดนี้ก่อนอ่าน
TBC
ความคิดเห็น