ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] "FREAK BOY" มนุษย์จงอิน | KAIHUN FEAT.TAO

    ลำดับตอนที่ #10 : Chapter 09 :: Your Touch (100%)

    • อัปเดตล่าสุด 31 มี.ค. 58


    ’ cactus

     

     

    Chapter 9

    Your Touch

     


     

     

    นี่คงเป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าความเงียบมันเหมาะสมกับเราสองคนมากที่สุด ตลอดเกือบสิบนาทีที่ผ่านไปโดยไม่มีใครพูดอะไรขึ้นมาก่อน เซฮุนได้แต่ต่อสู้กับความรู้สึกของตัวเอง และพยายามทำตัวให้เป็นปกติที่สุดหลังจากเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นระหว่างเราสองคน

     

    เราไม่มองหน้ากันเลยสักนิด ตอนนี้สิ่งที่เซฮุนมองเห็นมีเพียงแค่ตึกอาคารที่อยู่ฝั่งตรงข้ามโรงเรียน กับรถยนต์ที่ขับผ่านไปมา และรองเท้าของตัวเองตอนที่ก้มหน้ามอง

     

    จงอินยังคงยืนอยู่ตรงนี้ทั้งที่จะแยกกลับบ้านไปเลยก็ได้ แต่โอเซฮุนก็รู้สึกดี กับการได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ ในเวลาแบบนี้ ถึงมันจะดูไม่มีอะไร แต่ก็ทำให้คนที่คิดไปไกลอย่างเขารู้สึกอุ่นใจ ว่าจงอินไม่ได้แกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องหลังจากที่เราจูบกัน

     

    แท็กซี่ขับมาเทียบจอดข้างฟุตปาธแล้ว และนั่นหมายความว่าช่วงเวลาของการทรมานหัวใจตัวเองกำลังจะสิ้นสุดลง เด็กตัวผอมชำเลืองมองคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เซฮุนไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเขากำลังส่งยิ้มโง่ ๆ ไปให้จงอิน

     

    วันนี้ขอบคุณมากเลยนะ

     

    ร้อยวันพันปีไม่เคยพูดคำว่าขอบคุณ แม้ว่าผู้ชายคนนี้จะคอยให้คำแนะนำเรื่องบทละครอยู่ตลอด นี่ยังไม่รวมเรื่องสอนเปียโนนะ โอเซฮุนคิดว่าเขาคงเสียสติไปแล้วที่พูดจาโง่ ๆ แบบนั้นออกไป ใช่...วินาทีนี้คงไม่มีคำไหนเหมาะกว่าคำว่าโง่อีกแล้วล่ะ

     

    จงอินไม่ได้พูดอะไร ซึ่งมันคงเป็นเรื่องประหลาดถ้าเกิดผู้ชายคนนี้จะตอบกลับมาว่า ไม่เป็นไร ยินดีเสมอ เพราะต่อให้น้ำท่วมโลก คนอย่างคิมจงอินก็คงเลือกที่จะพยักหน้า หรือไม่ก็ยิ้มเล็ก ๆ แค่นั้นแหละ

     

    เซฮุนอยากก่นด่าตัวเองสักร้อยครั้งที่เอาแต่พยายามทำตัวให้เป็นปกติ ทั้ง ๆ ที่ตอนนี้สถานการณ์ระหว่างเราสองคนมันให้ได้มากกว่าคำว่าผิดปกติ แต่ถ้าจะเงียบเฉยไปเลยเหมือนสิบนาทีก่อนหน้านี้ มันก็จะแปล่ง ๆ เกินไปหรือเปล่า เขากำลังจะกลับบ้านแล้ว เราจำเป็นต้องพูดกันสักประโยคไหม

     

     

    แต่ถ้าไม่พูดเลย ก็อาจจะดีแล้วล่ะมั้ง...

     

     

    เซฮุนเข้าไปนั่งตรงเบาะหลัง จังหวะนั้นถึงได้รู้ว่าจงอินกำลังมองอยู่ วูบหนึ่งเขาถามตัวเองว่าดวงตาคู่นั้นเพิ่งมองมาทางนี้ หรือความจริงแล้ว...จงอินก็มองเขาอยู่ตลอด

     

    ลิ้นร้อนเลียริมฝีปากที่มันเริ่มแห้งผาก เซฮุนยังอยากอยู่กับจงอินให้นานกว่านี้ ถึงแม้ว่าเราจะต้องใช้เวลาไปกับความเงียบก็ตาม แต่ถ้าเขาไม่กลับ ก็ใช่ว่าจะรั้งให้อีกฝ่ายอยู่ด้วยกันต่อได้ จงอินก็ต้องกลับไปทำธุระส่วนตัวแล้วเข้านอนตอนเที่ยงคืน เพราะผู้ชายคนนี้ไม่ได้บ้าบอคอแตกชอบเล่นเกมดึกดื่นเหมือนอย่างเขา

     

    เซฮุนดึงประตูเข้าหาตัว แต่ก็ต้องชะงักมือเมื่อประตูแท็กซี่ถูกใครอีกคนคว้าเอาไว้ เขาเห็นว่าจงอินก้มหน้าลงมาเล็กน้อยพร้อมเท้าแขนไว้กับหลังคารถ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นผู้ชายคนนี้เลียริมฝีปากเหมือนคนกำลังประหม่า อีกทั้งเสียง เอ่อ... ที่หลุดออกมาราวกับว่ามีเรื่องอยากจะพูด แต่เจ้าตัวคงอยากใช้เวลาเรียบเรียงคำก่อน

     

    ขยับมานั่งชิดประตูฝั่งนี้สิ

     

    เสียงคงจงอินไม่ได้ต่างไปจากเดิมนักหรอก จะมีก็แค่แววตาคู่นั้นที่ดูเหมือนว่ามันจะต่างออกไป...ถ้าเขาไม่ได้คิดไปเองน่ะนะ ทั้ง ๆ ที่จงอินก็ชอบมองแบบนี้ หรือความจริงแล้วเซฮุนกำลังคิดไปเอง

     

     
     

    ว่าเราสองคน...กำลังเปลี่ยนไป

     

     
     

    ชิดแล้วนะ

     

    เซฮุนทำตามอย่างว่าง่าย มันน่าตลกจังที่เขากำลังใจเต้นแรงเพราะสีหน้าประหม่าของจงอิน ที่มาพร้อมกับประโยคแสดงความเป็นห่วงเป็นใยซึ่งมันแสนจะธรรมดาจนคนทั่วไปคงรู้สึกถึงไม่ได้ แต่มันกลับทำให้เขารู้สึกดี

     

    ...ถึงบ้านแล้วโทรมาด้วย

     

    ประโยคนี้แผ่วเบาคล้ายกระซิบ และมันทำให้คนฟังหัวใจพองโตได้อย่างน่าประหลาด เซฮุนรู้ว่าเขาหลุดยิ้มออกมาแล้ว ซึ่งมันเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ คนเราจะสามารถกักเก็บความรู้สึกที่มีต่อคนที่ชอบได้สักแค่ไหนกัน แต่ที่รู้ ๆ โอเซฮุนไม่สามารถเก็บมันไว้ได้อีกต่อไปแล้ว

     

    ฉันจะรีบโทรไปนะ...

     

    ...อืม

     

    จงอินขานตอบในลำคอก่อนจะปิดประตูลงอย่างเบามือ ขายาวถอยหลังกลับไปยืนอยู่บนฟุตปาธอย่างในทีแรก สองมือล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงเหมือนอย่างที่เจ้าตัวชอบทำ ก่อนที่แท็กซี่จะเริ่มเคลื่อนตัวออก

     

     

    .

    .

     

     

     

    เซฮุนไม่เคยมีนัดกับใคร เพราะฉะนั้นเขาถึงไม่รู้ตัวว่าเป็นคนตรงต่อเวลาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว หรือเป็นเพราะจงอินย้ำบอก เขาถึงได้รีบโทรไปทันทีที่ขาก้าวเข้าไปในบ้าน

     

    มันเหมือนการรายงานตัว เซฮุนรู้สึกอย่างนั้น เพราะหลังจากโทรไปจงอินก็แค่ตอบมาสั้น ๆ ว่า ไปอาบน้ำได้แล้ว และถ้าเป็นเมื่อก่อน เขาคงตัดใจวางสายไปง่าย ๆ แต่คราวนี้มันต่างจากเดิม เมื่อเขาถามกลับไปว่า ฉันโทรหานายอีกได้ไหม ซึ่งจงอินก็ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงโทนปกติว่า

     

     

    จะอ่านหนังสือรอ

     

     

    เราคุยกันจนเกือบถึงตีหนึ่ง ทั้ง ๆ ที่เคยคิดว่ามันคงเป็นเรื่องยากที่จะชวนจงอินคุย แต่มันกลับไม่ใช่อย่างนั้น เซฮุนสามารถสนุกไปกับเรื่องราวในชีวิตประจำวันของจงอินได้อย่างไม่มีเบื่อ หรือแม้แต่การคุยเรื่องบทเรียนในวันนี้ ซึ่งมันเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ทำให้เซฮุนลิสต์ไว้ในสมองว่าเขาควรตั้งใจเรียนให้มาก เพื่อที่จะเอามาคุยกับจงอิน เพราะเหตุผลมีเพียงแค่ว่า

     

    จะสอบแล้ว เราทั้งคู่ควรอ่านหนังสือ

     

    จงอินเคยเป็นเด็กเกเรจริงเหรอ ผู้ชายคนนี้ชอบทำอะไรให้สงสัยอยู่เรื่อยว่าสิ่งที่เห็น กับสิ่งที่เคยได้ยินมันช่างต่างกันเหลือเกิน ยกตัวอย่างเช่นที่จงอินเล่าว่าเคยไล่กวดเด็กโรงเรียนอริกับหวงจื่อเทาและปาร์คชานยอล ตอนนั้นเขาถึงกับอุทาน หา?!’ ซะเสียงดังเลย แล้วดูตอนนี้สิ เอะอะหนังสือ เอะอะความรู้

     

    หลายครั้งระหว่างบทสนทนา เซฮุนได้ถามตัวเองในใจว่าที่รู้สึกแบบนี้ และทุกอย่างที่อีกฝ่ายทำมันดีไปหมด นั่นเป็นเพราะว่าเขาเห็นด้วย หรือเป็นเพราะว่าชอบจงอินกันแน่

     

    มันก็อาจจะเป็นอย่างนั้นส่วนหนึ่ง หรืออาจจะเป็นทั้งหมด แต่ที่สุดแล้วโอเซฮุนก็ไม่อยากมานั่งชั่งน้ำหนักความรู้สึกว่าอะไรมากกว่าน้อยกว่า เซฮุนรู้แค่ว่าชอบจงอิน และอยากจะชอบให้มากกว่านี้

     

    เช้าวันรุ่งขึ้น เซฮุนรีบส่งข้อความไปหาจงอินหลังจากสะดุ้งตื่นเพราะเสียงนาฬิกาปลุก และก็ได้รู้ว่าเขาเผลอหลับไปทั้ง ๆ ที่จงอินยังอยู่ในสาย ความจริงจะโทรไปขอโทษเลยก็ได้ แต่การรุกล้ำความเป็นส่วนตัวของคนที่ชอบตอนเช้าตรู่แบบนี้เห็นทีว่ามันจะเป็นเรื่องน่าเกรงใจจนเกินไป เพราะงั้นเซฮุนถึงได้ให้ข้อความเป็นทางออก และก็ได้คำตอบมาว่า

     
     

    คุณได้รับข้อความจาก...

    ซอนแซงนิม

    [ เมื่อคืนนายละเมอด้วย เสียงงึมงำอย่างกับวัว ]

     
     

    จากที่รู้สึกผิด ตอนนี้เซฮุนอายมากกว่า เด็กตัวผอมซุกหน้าลงกับหมอนสีขาวแล้วถอนหายใจออกมาหนัก ๆ นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตเลยนะที่เขาหลับคาโทรศัพท์ ไม่รู้ว่าละเมออย่างเดียวหรือเผลอกรนไปด้วย ถ้าอย่างหลังนี่สาหัสเลย

     

     

    อายจัง

     

     

    คุณได้รับข้อความจาก...

    ซอนแซงนิม

    [ วันนี้เต็มที่นะนักเรียน (: ]

     

     

    คิมจงอินเป็นคนถนัดเรื่องตบหัวแล้วลูบหลัง เซฮุนแนบแก้มลงกับหมอนทั้งที่สายตายังไม่ละออกห่างจากข้อความแค่ไม่กี่คำของคนที่ชอบ การได้รับกำลังใจจากผู้ชายคนนี้มันทำให้โลกสดใสในเช้าวันฝนตกได้ด้วย เซฮุนอมยิ้ม ก่อนจะกดส่งข้อความกลับไป

     

     

    คุณกำลังส่งข้อความถึง...

    ซอนแซงนิม

    [ นักเรียนจะตั้งใจ และจะไม่ทำให้ครูผิดหวัง ]

     

     
     

    .

    .

     

     
     

    และแล้วก็ถึงเวลาแสดงละครเวที จื่อเทาโดดเรียนมาอยู่เป็นกำลังใจตั้งแต่ก่อนคาบเที่ยง ทั้งคอยซื้อข้าวซื้อน้ำ แม้แต่การจัดแจงเรื่องหลอดให้ เพราะจื่อเทากลัวว่าถ้าดื่มจากขวดเครื่องสำอางของเซฮุนจะหลุดออกจนเพื่อนผู้หญิงต้องมาคอยเพิ่มให้

     

    หมอนี่ช่วยเขาซ้อมบทก่อนขึ้นเวที มีบางครั้งที่เราทั้งสองคนเล่นกันเหมือนเด็ก ๆ โดยให้จื่อเทาเป็นเจ้าหญิง และเซฮุนเป็นเจ้าชาย เด็กหนุ่มตัวผอมหลุดหัวเราะออกมาจนน้ำตาแทบไหล กับแอคติ้งของเพื่อนชาวจีนที่ดูจะเวอร์เกินจริง

     

    พอถึงเวลาเซฮุนประหม่าจนมือเย็นไปหมด แม้ว่าฉากเปิดจะเริ่มด้วยเจ้าหญิงอย่างฮันซอนฮวา แต่เขาก็อดกลัวไม่ได้เลยว่าจะทำมันพังลง

     

    หันหน้ามานี่

     

    เซฮุนกระพริบตาปริบ ๆ มองอีกฝ่ายอย่างงง ๆ เมื่อจื่อเทากำลังพ่นลมหายใจรดลงบนฝ่ามือตัวเอง ก่อนจะทาบความอบอุ่นนั้นลงบนแก้มเขาทั้งสองข้าง เจ้าชายตัวผอมยืนนิ่ง เขาเห็นว่าสีหน้าและแววตาของจื่อเทาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ซึ่งมันทำให้เซฮุนรู้สึกอบอุ่นใจ กับการที่มีเพื่อนอยู่ข้าง ๆ ในเวลาประหม่าแบบนี้

     

    อากาศเย็นชะมัด ข้างนอกฝนยังตกอยู่ใช่ไหม

     

    ใช่ แต่เดี๋ยวก็คงหยุดแล้วล่ะ

     

    ถ้าเป็นแบบนั้นได้ก็ดี เซฮุนหายใจเข้าลึก ๆ แต่ดูเหมือนว่ามันจะช่วยอะไรได้ไม่มากเท่าที่ควร

     

    จื่อเทามองคนตรงหน้าด้วยความเป็นห่วง เซฮุนเป็นพวกถนัดเรื่องปั้นหน้านิ่ง แล้วก็เต้นโชว์เสน่ห์ให้คนดูหลงใหล แต่เรื่องแสดงออกทางคำพูด ถ้าไม่ใช่กับคนที่ไว้ใจ หรือคนที่สนิทจริง ๆ จ้างให้ตายหมอนี่ก็ทำตัวเป็นธรรมชาติด้วยไม่ได้

     

    ซึ่งหวงจื่อเทามั่นใจว่าถ้าเขาได้รับบทเป็นผู้หญิง การแสดงของหมอนี่ก็อาจจะดีขึ้นมาอีกในระดับหนึ่งน่ะนะ...

     

    ยิ้มอะไร

     

    เปล่า

     

    นายกำลังหัวเราะเยาะฉัน พูดออกมาเลยดีกว่าว่าในหัวของนายกำลังคิดอะไรอยู่ เซฮุนชกไหล่คนตัวสูงจนเจ้าตัวยืนงอตัวพลางลูบต้นแขนป้อย ๆ สีหน้าจื่อเทาไม่ได้รู้สึกผิดเลยสักนิด กลับกันแล้วผู้ชายคนนี้เอาแต่ปั้นหน้าสำออยปนยิ้มขำเท่านั้น

     

    ฉันแค่คิดว่าถ้าได้เป็นเจ้าหญิงของเซฮุนโอป้าแล้วจะเป็นยังไงน้า

     

    ฝันไปเถอะ ถ้าอุ้มนายทีคงมีแขนหัก เด็กหนุ่มในชุดเจ้าชายชะโงกหน้าออกไปนอกม่านสีแดง เพื่อดูว่าการแสดงเล่นไปถึงไหนแล้ว

     

    ก็เอาแค่บทจูบสิ หรือถ้าจะต้องมีใครต้องอุ้ม ฉันจะอาสาเป็นเจ้าหญิงที่อุ้มเจ้าชายให้ก็ได้ จื่อเทาอ้าแขนออกทำท่าประกอบ ก่อนจะหลุดหัวเราะออกมาเพราะถูกเจ้าชายผลักอกเข้าเต็มแรง

     

    เพี้ยน

     

    อึน

     

    นายมันเพี้ยน

     

    ก็เหมาะกับคนอึน ๆ อย่างนายแล้วไม่ใช่เหรอ จื่อเทากลอกตายิ้มล้อ ซึ่งมันเป็นสัญญาณเตือนว่าโอเซฮุนกำลังจะโดนกวนประสาทในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้านี้แล้ว

     

    ไม่เหมาะ เลิกพูดเลย เซฮุนชี้คาดโทษคนตัวสูงที่เอาแต่พูดกวนประสาทเขาอยู่ได้ นี่ยิ่งตื่นเต้นอยู่ด้วย เกิดลืมบทขึ้นมากลางคันเขาจะโทษหมอนี่

     

    ก็ไม่อยากให้เครียด ผ่อนคลายหน่อยสิ เซฮุนยืนนิ่งพลางมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของอีกฝ่าย จื่อเทาวางมือลงบนหัวเขา แล้วลูบเบา ๆ ราวกับเอ็นดู

     

    ฉันจะทำได้ใช่ไหม?

     

    คำถามนี้ควรเกิดขึ้นหน้ากระจกนะ

     

    คนตัวผอมเบิกตาโพลงเมื่อร่างของเขาถูกจับพลิกให้หันหน้าเข้าหากระจกซึ่งถูกวางพิงไว้กับผนัง ตอนนี้ผู้คนที่อยู่หลังเวทีต่างก็ง่วนอยู่กับงานตัวเอง ส่วนนักแสดงก็เอาแต่ซ้อมบทอย่างตั้งใจ ไม่มีใครสนว่ามีเด็กผู้ชายสองคนยืนอยู่ข้างทางเข้าเวทีตรงนี้ ซึ่งเซฮุนคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ดีแล้ว

     

    รู้สึกได้ถึงมือใหญ่ของอีกคนที่วางลงบนหัวไหล่เขาทั้งสองข้าง อีกทั้งภาพตรงหน้าซึ่งเห็นว่าจื่อเทายืนซ้อนอยู่ข้างหลัง ขณะที่เราอยู่ในกระจกเฟรมเดียวกัน

     

    ฉันไม่เคยตัดพ้อตัวเอง แล้วบอกว่าคงสู้ใครไม่ได้

     

    เราสองคนสบตากันผ่านกระจก ไม่บ่อยนักหรอกที่หวงจื่อเทาจะเข้าเรื่องจริงจัง และถ้ามันเกิดขึ้นเมื่อไหร่ นั่นหมายความว่าโอเซฮุนต้องตั้งใจฟังแล้ว

     

    เวลาฉันขึ้นไปเหยียบบนแท่นกระโดด ฉันคิดอย่างเดียวว่าจะต้องทำให้ดีที่สุด เท่าที่ตัวฉันจะทำได้ เด็กตัวสูงออกแรงบีบไหล่คนตรงหน้าเบา ๆ เป็นเชิงให้กำลังใจ พร้อมกระซิบข้างหูเจ้าชายที่น่ารักที่สุดในโลกของเขา

     

    แล้วนายก็ทำได้

     

    ใช่ เพราะที่ตัวฉันทำได้ดีที่สุดก็คือการชนะ จื่อเทายิ้ม แต่มันไม่ใช่ว่าฉันเป็นพวกหลงใหลชัยชนะหรอกนะ

     

    แล้วมันยังไงล่ะ

     

    ไม่มีอะไรเจ๋งไปกว่าการเอาชนะใจตัวเองได้หรอกเซฮุน พอถึงเวลาที่ต้องแข่งกับคนอื่น ไอ้คนพวกนั้นก็แค่พยายามในส่วนของตัวเองแล้วคิดว่าต้องชนะ ต้องทำให้ดีกว่าคนอื่น แต่สำหรับฉัน...คือการสู้กับความตั้งใจของตัวเอง

     

    อีกไม่ถึงสามนาทีก็จะถึงฉากที่เซฮุนจะต้องเดินเข้าไปยืนกลางเวทีแล้ว เด็กหนุ่มเลียริมฝีปากอย่างประหม่า หัวใจของเขาเต้นเร็วแรงไม่เป็นจังหวะกับการแสดงออกแบบใหม่ต่อหน้าผู้คนนับร้อย อีกทั้งเสียงปรบมือ และสีหน้าการแสดงออกของคนดูเหล่านั้น มันเป็นสิ่งกดดันได้เป็นอย่างดี

     

    เสียงจื่อเทายังคงกระซิบให้กำลังใจอยู่ไม่ห่าง เซฮุนรู้ตัวว่าเขาเอาแต่พยักหน้าอย่างว่าง่ายตอนที่อีกฝ่ายถามขอความเห็นหลังจากเล่าจบ ซึ่งมันทำให้เขารู้สึกดี

     

    นาย...

     

    ทันทีที่หันหน้าเข้าหาอีกฝ่าย ร่างของเขาก็ถูกรวบเข้าไปกอดก่อนที่จะได้ปริปากพูด เซฮุนเบิกตากว้างอย่างตกใจ นี่เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าเขาไม่ใช่คนตัวใหญ่ไปกว่าใครเมื่อได้อยู่กับผู้ชายคนนี้ กอดของจื่อเทาแปลก ซึ่งมันคงทำให้เขารู้สึกเคยชินไม่ได้ เพราะมันคือครั้งแรกที่เราเข้าถึงตัวกันและกันมากถึงขนาดนี้

     

    แต่ความสงสัยก็เริ่มจางลงไปพร้อม ๆ กับมือใหญ่ที่ลูบลงกลางแผ่นหลังของเขาอย่างแผ่วเบา มันนุ่มนวลจนไม่อยากเชื่อว่าสัมผัสนี้มาจากผู้ชายขี้เล่น และชอบกวนประสาทอย่างหวงจื่อเทา

     

    วูบหนึ่งเซฮุนรู้สึกว่าอีกฝ่ายก็มีมุมอ่อนโยน ถ้าไม่ติดว่าตอนนี้ในหัวของโอเซฮุนกำลังถูกความประหม่าโจมตี เขาก็คงจะผละตัวออกมาแซวเพื่อนชาวจีนคนนี้สักหน่อย แต่วินาทีนี้คนเป็นเจ้าชายเพียงแค่ยืนนิ่ง ๆ

     

     
     

    แล้วปล่อยให้คนตรงหน้ากอดปลอบเรียกความมั่นใจ...

     

     
     

    เอาพลังจากฉันไป แล้วค่อยเอามาคืนในวันที่ฉันสู้ไม่ไหวนะเซฮุน

     

     

     
     

    50%

     

     

      

     

    เสียงปรบมือเป็นสัญญาณดีสำหรับกลุ่มเด็ก ๆ ที่สวมบทนักแสดงบนเวที เซฮุนไม่สามารถกลั้นยิ้มไว้ได้ เมื่อหันไปเห็นสีหน้าของคนดูซึ่งเต็มไปด้วยรอยยิ้ม อีกทั้งเสียงปรบมือที่ดังลั่นฮอล์ แน่นอนว่าภาพตรงหน้ามันทำให้คนที่ใช้เวลาไปกับความพยายามมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก

     

    แม้ว่าการแสดงจะสิ้นสุดไปแล้วเกือบห้านาที มือทั้งสองข้างของเด็กหนุ่มเย็นและชื้นไปด้วยเหงื่อ เซฮุนหันไปมองม่านแดงตรงทางเข้าหลังเวที เขาเห็นว่าจื่อเทายืนพิงอยู่กับผนังด้วยรอยยิ้ม พร้อมปรบมือเบา ๆ ขณะมองมาทางนี้ เรายิ้มให้กัน กับความสำเร็จที่มันมากกว่าที่คิด และหวงจื่อเทาก็เป็นคนมอบกำลังใจวินาทีสุดท้ายให้กับเขา

     

    เซฮุนจับมือกับซอนฮวา และเพื่อนที่รับบทเป็นพ่อเจ้าหญิงที่อยู่ด้านซ้ายมือ เราทุกคนจับมือต่อกันไปเรื่อย ๆ ก่อนจะโค้งหัวให้กับคนดูเป็นร้อย

     

    คนตัวสูงช่วยถือถุงเสื้อผ้าให้ตอนที่เขากำลังง่วนอยู่กับการเก็บของ แม้ว่ามือของผู้ชายคนนี้จะแทบไม่ว่างถือแล้ว แต่หวงจื่อเทาก็เลือกที่จะเก็บสมาร์ทโฟนใส่กระเป๋ากางเกง แล้วใช้นิ้วนางกับนิ้วก้อยเกี่ยวถุงหิ้วช่วยเขา จนมันแทบจะล้นมือ

     

    รอยยิ้มอยู่บนหน้าเด็กตัวผอมได้ไม่นานเท่าที่ควร เมื่อนึกไปถึงใครอีกคนที่ช่วยทำให้ทุกอย่างมันออกมาได้ดีขนาดนี้ ซึ่งเซฮุนรู้อยู่แก่ใจว่าถ้าเกิดซ้อมเองคนเดียว บทเจ้าชายในวันนี้คงเละไม่เป็นท่า แต่มันไม่น่าแปลกไปหน่อยเหรอ ที่โทรศัพท์ของเขามันเงียบสนิท ไม่มีแม้แต่ข้อความที่ยังไม่ได้เปิดอ่าน หรือเงาของผู้ชายคนนั้นที่เขาคาดหวังว่าจะได้เจอในงานสักวินาที

     

    เป็นอะไรหรือเปล่า? เซฮุนเพิ่งรู้ตัวว่ากำลังทำตัวผิดปกติก็ตอนที่เห็นผู้ชายทะเล้นขมวดคิ้วเล็กน้อยตอนมองมา เขาเพียงแค่ยิ้มเจื่อน ก่อนจะส่ายหน้าปฏิเสธ

     

    โอเซฮุนอาจจะหวังมากเกินไปก็ได้ ที่คิดว่าจงอินจะมาดูการแสดง ซึ่งจริง ๆ แล้ว ผู้ชายคนนั้นอาจจะแค่สงสารคนเล่นละครห่วยแตก เลยมาช่วยซ้อมให้ ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องตามมาดูผลงาน

     

    แต่ทำไมถึงได้รู้สึกไม่ดีแบบนี้นะ...ไม่น่าคาดหวังเลย

     

     

    .

    .

     

     

    หลังจากวันนั้น การแสดงละครก็กลายเป็นอดีตที่เซฮุนไม่รู้ว่าควรจะหยิบยกขึ้นมาพูดตอนที่เจอหน้าจงอินหรือเปล่า เราเพียงแค่ส่งข้อความคุยกันวันละครั้งสองครั้ง ซึ่งมันเป็นความบ้าบอของเขาเองนั่นแหละ ที่เครียดกับการพิมพ์ตัวอักษรแต่ละตัว เพราะกลัวจะดูผิดปกติไปจนถูกจับได้ แต่ก็นั่นแหละ ทั้ง ๆ ที่พยายามแล้ว ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าตัวเองทำตัวแปลก แต่จงอินก็ไม่ได้พูดถึงเลยสักคำ

     

    โอเซฮุนกลับมาอยู่ในสภาวะเสียความเป็นตัวเองอีกครั้ง เพียงเพราะคิดมากเรื่องจงอินไม่ไปดูการแสดง เขาไม่ชอบตัวเองเวลาจมอยู่กับความคิดที่ส่งไปในด้านลบ เพราะมันจะทำให้ความสุขในการชอบจงอินหายไป

     

    เด็กหนุ่มโล่งอกทุกครั้งที่ได้ข้อความตอบกลับจากอีกฝ่าย แม้ว่าจะไม่ได้รับในทันที แต่ก็ยังดีกว่าจงอินเงียบหายไปเลย

     

    ทั้งที่ทุกอย่างก็เป็นเหมือนก่อนหน้านี้ แต่เป็นตัวเขาเองนั่นแหละที่คิดว่าไม่เหมือนเดิม เป็นเพราะเราจูบกันแล้วใช่ไหม ใช่...เป็นเพราะเรื่องนั้นที่คอยปั่นป่วนหัวของโอเซฮุนมาตลอดจนแทบระเบิดเป็นเสี่ยง ๆ

     

    ก็ไม่อยากคิดมากแบบนี้หรอก ถ้าเราสองคนไม่ก้าวข้ามผ่านเส้นคั่นตรงกลางที่ขีดเอาไว้ คนสองคนจูบกันแล้ว แต่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย ตอนนี้กำลังคาดหวังอยู่ใช่ไหม? ถ้าตอบว่าไม่ก็คงโกหก

     

    โอเซฮุนกำลังโลภมาก เขาอยากให้ความสัมพันธ์ของเรามันก้าวขึ้นไปอีกหน่อย ไม่ต้องถึงขั้นแฟนก็ได้ แต่ก็อยากให้มันมีอะไรชัดเจนขึ้นกว่าที่เคยเป็นสักหน่อย จะว่ายังไงดีล่ะ ขนาดตัวเขายังไม่รู้เลยว่าต้องการให้มันออกมาในรูปแบบไหน

     

    ปล่อยให้สมองด้านดีและด้านไม่ดีทะเลาะกันเองจนพอใจ ระหว่างด้านร้ายที่บอกว่า จงอินน่าจะไปดูเขาเล่นละครบ้าง หรือไม่ก็ส่งข้อความมาบอกก็ได้ว่าไม่ว่าง มาไม่ได้

     

    แต่ด้านดีก็คอยย้ำบอกว่า จงอินก็คือจงอินไม่ใช่เหรอ ผู้ชายคนนั้นใช่ว่าจะเป็นพวกชอบแสดงออกอะไรอย่างชัดเจนเสียเมื่อไหร่ ทั้ง ๆ ที่รู้และเข้าใจ แล้วทำไมถึงได้เก็บมาน้อยใจเงียบ ๆ คนเดียวก็ไม่รู้

     

    วันนี้จื่อเทาบุกรุกมาหาถึงบ้าน ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องน่าตกใจนัก สำหรับเพื่อนคนนึงที่สนิทกันมากขึ้นเรื่อย ๆ หมอนั่นก็เข้ากับพ่อแม่เขาได้เป็นอย่างดี ถึงจะเป็นคนทะเล้น แต่จื่อเทาก็รู้จักวิธีเข้าหาผู้ใหญ่ในแบบของตัวเอง

     

    ไหนจะเป็นแขกรับเชิญตอนเขากำลังแคสเกมอยู่ จื่อเทาดูสนุกตอนที่บอกให้เขาเดินไปตรงนั้นตรงนี้ ในเกม Horror ยอดฮิตที่เล่นค้างไว้ในพาร์ทที่หก แน่นอนว่าคลิปนั้นมีเสียงเราสองคนคุยกัน หัวเราะด้วยกัน หลังจากนั้นก็มีคอมเมนท์ถามมาเป็นร้อย ๆ ว่าเสียงผู้ชายอีกคนในคลิปคือใคร

     

    ช่วงนี้นักเรียนเกือบครึ่งประเทศคงกำลังใช้เวลาอยู่กับการอ่านหนังสือเตรียมสอบ แต่เราสองคนก็เลือกออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกกัน โดยจื่อเทาอ้างว่าคนที่รู้แล้วเขาไม่อ่านหนังสือกันหรอก ปล่อยให้พวกคนโง่อ่านไปและประโยคกวนประสาทแบบนี้ทำให้เซฮุนหลุดหัวเราะออกมาเบา ๆ

     

    จื่อเทาก็ยังคงเป็นจื่อเทา ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่พวกรักการเรียน แต่เป็นพวกประเภทเรียนไม่อยากมากีฬาไม่อยากขาด เพราะฉะนั้นคะแนนด้านกิจกรรมถึงเต็มตลอด

     

    เซฮุนสบายใจที่จะอยู่กับจื่อเทา แต่ทุกครั้งที่ในหัวว่างเปล่า เรื่องของจงอินก็จะผุดเข้ามาให้คิดอยู่เสมอ มันคือความจริงที่ว่าคนเราไม่สามารถขับไล่เรื่องของคนที่ชอบออกไปจากหัวได้เลย แม้ว่าตอนนั้นจะอยู่ที่ไหน และกับใคร

     

    จื่อเทาเล่าให้ฟังว่าจงอินกับชานยอลกำลังตั้งใจอ่านหนังสือสอบอยู่ ซึ่งถ้าจะให้ไปนั่งเงียบดูเพื่อนอ่านหนังสือ สู้ออกมาสูดกลิ่นดินหลังฝนตกซะยังจะดีกว่า และมันเป็นสัญญาณเตือนว่าเขาไม่ควรส่งข้อความหรือโทรไปรบกวนในเวลาแบบนี้

     

    ทุ่มครึ่งแล้ว เราควรจะกลับบ้านกันสักที ทั้งสองคนใช้รถไฟใต้ดินในการเดินทางเหมือนทุกครั้ง จื่อเทาเป็นคนสอนให้เขาทำทุกอย่างด้วยตัวเอง จะได้ไม่ต้องขึ้นแท็กซี่บ่อย ๆ ในมือของเซฮุนมีถุงพลาสติกสีขาวที่ข้างในมีเสื้อสองตัวถูกพับไว้เป็นอย่างดี ซึ่งจื่อเทาเป็นคนซื้อให้ เจ้าตัวอ้างว่ามันเป็นของขวัญ ที่เขาแสดงละครออกมาได้ดี

     

    นายนี่นะ... เซฮุนมองของในมือแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ จื่อเทาเป็นคนหัวดื้อ เรื่องนี้เขารู้ดี แต่หมอนี่ก็ยังยิ้ม ถึงแม้ว่าจะถูกมองคาดโทษตั้งแต่เราเดินออกมาจากร้าน

     

    อย่าคิดมากน่า ฉันไม่ได้ซื้อทุกอย่างให้นายสักหน่อย

     

    ฉันไม่ยอมให้ทำอย่างนั้นหรอก

     

    คิดว่าเพื่อนแสดงความยินดีด้วยสิ จะได้ไม่ลำบากใจ

     

    เหรอ แล้วถ้าฉันซื้อให้นายบ้างล่ะ? เซฮุนมองคนข้าง ๆ ที่ยังคงยิ้มพอใจอยู่อย่างนั้น เขาไม่ใช่พวกชอบรับของจากใครฟรี ๆ จื่อเทาก็รู้

     

    อะไรที่มาจากนายมันก็ดีทั้งนั้นแหละ แล้วฉันก็จะไม่สนใจด้วยว่าราคาจะมากน้อยแค่ไหน เพราะสิ่งที่มาจากนาย มันคือสิ่งที่ฉันต้องการ

     

    หลายครั้งแล้ว ที่หวงจื่อเทาชอบพูดให้เขาตอบกลับไม่ถูก เซฮุนเพียงแค่สบตากับอีกฝ่าย พอตั้งสติได้ก็ไหวไหล่แล้วทำเป็นไม่ใส่ใจกับคำพูดนั้น

     

    จื่อเทาชอบทำทีเล่นทีจริง บางครั้งก็ดูเหมือนว่าจะชอบเขา แต่บางครั้งก็ดูเหมือนไม่ได้คิดอะไร ซึ่งเขาก็ได้แต่ภาวนาว่าอย่าให้ผู้ชายคนนี้คิดไปไกลกว่านี้เลย เพราะเซฮุนเองก็พยายามรักษาระดับความสัมพันธ์ระหว่างเราทั้งคู่อยู่

     

    ไม่ใช่ว่าจื่อเทาไม่ดี แต่เซฮุนมีคนที่ชอบอย่างจริงจังอยู่แล้ว มันคงยากที่จะหันไปมองใครอีกคน

     

    มองไรวะ?

     

    เสียงที่ดังมาจากฝั่งตรงข้ามเรียกสติเด็กตัวผอมให้กลับคืนมา เขายังไม่ทันได้เห็นหน้าเจ้าของเสียงนั้นด้วยซ้ำ ชายร่างหนาก็ตรงมาทางนี้ ก่อนที่จื่อเทาจะลุกขึ้นด้วยเช่นกัน

     

    มึงมองแฟนกูเหรอ?

     

    พี่คะ ไม่เอาสิ หญิงสาวหน้าตาน่ารักคว้าแขนแกร่งเอาไว้ เมื่อแฟนหนุ่มของเธอทำท่าจะเข้ามาหาเรื่องจื่อเทา

     

    อ้าว มองไม่ได้เลยดิ

     

    เทา... เซฮุนลุกขึ้นยืนข้าง ๆ เพื่อนตัวสูง แทนที่หมอนี่จะอธิบาย แต่กลับราดน้ำมันใส่เพิ่มโทสะให้คนตรงหน้าเสียอย่างนั้น

     

    ผู้คนในขบวนต่างมองมาทางนี้เป็นตาเดียวกัน กับเหตุการณ์ที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นในสถานที่แบบนี้ สีหน้าของจื่อเทาไม่ได้ติดหงุดหงิดไม่พอใจ กลับกันแล้วหมอนี่ดูเหมือนกำลังสนุกเสียด้วยซ้ำ กับการเป็นฝ่ายถูกหาเรื่องก่อน

     

    มองได้ แต่หลังจากนั้นก็ต้องเคลียร์กันหน่อยล่ะ ชายร่างหนาถลกแขนเสื้อขึ้น ราวกับจะบอกว่าเอาจริงแน่ถ้าเกิดว่าจื่อเทายังไม่หยุด

     

    เอาไงล่ะ เคลียร์ตอนนี้เลยดีไหม? จื่อเทาเขี่ยปลายจมูกตัวเองเบา ๆ อย่างนึกสนุก เขาไม่ได้ซัดหน้าใครมาสักพักหนึ่งแล้ว ถ้าวันนี้ได้ออกกำลังกายจากไอ้แก่ปากดีนี่ก็คงจะสดชื่นไม่น้อย

     

    กวนตีนแบบนี้ระวังไม่ได้แก่ตายนะน้อง

     

    ก็ว่างั้นแหละ แล้วพี่วางแผนไว้ยังว่าจะตายยังไง แก่ตาย...หรือจมตีนเด็กคารถไฟใต้ดิน?

     

    มึง!!!”

     

    เพียงแค่เสี้ยววินาทีเท่านั้น ที่เซฮุนมีโอกาสได้ตกใจกับประโยคยั่วโทสะของจื่อเทา หมัดลุ่น ๆ ของผู้ชายคนนั้นก็พุ่งมาอย่างที่เขาคิดว่าคนตัวสูงคงไม่ได้มีโอกาสตั้งตัว

     

    แต่เขาคิดผิด เมื่อมือแกร่งของนักว่ายน้ำดีกรีหลายเหรียญทองใช้มือเดียวคว้าหมัดนั้นไว้ได้ทันด้วยสีหน้าเรียบเฉย นั่นสร้างความตกใจให้ผู้คนรอบข้างเป็นอย่างมาก รวมไปถึงเซฮุนด้วยเช่นกัน

     

    อะไรวะพี่ นี่ไม่คิดจะตอบกันเลยดิ ใจร้ายใจดำเหลือเกิน

     

    ห่าเอ๊ย!!!” ชายร่างหนากัดฟันกรอด ก่อนจะส่งหมัดอีกข้างมาอีกครั้ง แต่จื่อเทาก็รับไว้ได้พอดี

     

    ช้าแบบนี้คลานกลับเข้าไปในรูแม่แล้วเกิดมาเป็นหอยทากดีกว่ามั้ง

     

    เทา อย่า เซฮุนคว้าแขนเพื่อนเอาไว้พลางส่ายหน้าเป็นเชิงห้าม และผู้หญิงคนนั้นก็เช่นกัน

     

    ปล่อยสิวะ!!!”

     

    อยากให้ปล่อยก็แกะออกเองสิครับพี่ มวยวัดสอนให้บวก แต่ไม่เคยสอนวิธีถอยหลังไปตั้งหลักเหรอ

     

    เสียงของผู้คนรอบข้างดังขึ้นเรื่อย ๆ เซฮุนคิดว่าควรทำอะไรสักอย่าง ก่อนที่รปภ.ประจำขบวนรถไฟจะออกมาไล่เราทั้งสี่คนให้ลงป้ายหน้า ถ้าเป็นอย่างนั้น อาจจะมีการชกต่อยกันเกิดขึ้นได้

     

    ขอร้องล่ะครับ พอเถอะ

     

    บอกเพื่อนมึงสิ มันเอาแต่นั่งมองแฟนกูตั้งนานแล้ว!!!”

     

    โธ่พี่ ถ้าไม่อยากให้ใครมองก็ล่ามโซ่แฟนไว้ที่บ้านเลย แบบนั้นไม่มีใครเห็นแน่นอน จื่อเทายังคงพูดกวนประสาทไม่เลิก จนกระทั่งเซฮุนดันแผงอกของเพื่อนชาวจีนออก แล้วเดินเข้าไปแทรกตรงกลางขวางเอาไว้

     

    ขอโทษด้วยนะครับ

     

    ขอโทษงั้นเหรอ เด็กแบบนี้ต้องเอาเลือดให้กบปากจื่อเทาหลุดหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ หลังจากได้ยินคำพูดคำจาของคนที่ไม่สามารถซัดหน้าเขาด้วยหมัดถึงสองครั้ง ไอ้ห่านี่สงสัยอยากลอง ไม่งั้นคงไม่หยุดปากดี

     

    จะเอาไหมล่ะ ลงสถานีหน้าเลย

     

    เกิดเมื่อวานคลานเมื่อเช้าคิดว่ากูจะกลัวงั้นเหรอ

     

    พี่คะ เขาไม่ได้มองหนูจริง ๆ นะ

     

    เธอน่ะเงียบไปเลย!!!”

     

    ใช่ครับ เขาไม่ได้มองเธอจริง ๆ เซฮุนโพล่งขึ้นมา เมื่อรู้สึกว่าทุกอย่างมันจะไปกันใหญ่แล้ว

     

    จื่อเทาหลุบตาลงมองศีรษะทุยของคนตรงหน้าที่ยืนขวางเขาเอาไว้ เซฮุนไม่ควรเอาตัวมาคั่นกลางแบบนี้เพราะอาจโดนลูกหลงได้ แต่หวงจื่อเทาก็รู้สึกดีจนอยากรอดูต่อไปว่าเซฮุนจะปกป้องเขายังไง

     

    มึงรู้ได้ไงว่ามันไม่ได้มอง

     

    ...

     

    พอเถอะน่า คุณจะสร้างความวุ่นวายเกินไปแล้วนะ เสียงของหญิงสาววัยทำงานที่นั่งอยู่ไม่ห่างจากตรงนี้พูดขึ้นมาอย่างหัวเสีย หลังจากทนดูเหตุการณ์มาหลายนาที แต่คู่กรณีของจื่อเทากลับหันไปมองหาเรื่องเธอ

     

    ไม่ใช่เรื่องตัวเองก็อย่ายุ่งดีกว่าน่าคุณ

     

    เหอะ

     

    ตกลงจะตอบได้หรือยัง?

     

    ชายร่างหนาหันมาคาดคั้นกับเซฮุนอีกครั้ง ไม่ว่ายังไงผู้ชายคนนี้ก็ยังคงจงใจเอาเรื่องให้ได้ว่าจื่อเทามองแฟนตัวเอง มันคือนิสัยของพวกอันธพาล ที่พยายามเอาชนะอีกฝ่ายได้ทุกวิถีทาง

     

    พอเห็นว่าทุกคนในขบวนรถไฟกำลังหงุดหงิด จื่อเทาเลยคิดได้ว่าเรื่องมันเริ่มจะไม่สนุกแล้ว เพราะฉะนั้นเขาเลยดันให้เซฮุนไปยืนข้างหลัง แต่เจ้าตัวกลับยื้อเอาไว้

     

    เพราะเราเป็นแฟนกันครับ

     

    ...

     

    ...

     

    ...

     

    แล้วผู้ชายที่ชอบผู้ชายด้วยกัน...เขาก็คงไม่มองผู้หญิงหรอก

     

    เสียงของเซฮุนดูไม่มั่นใจที่จะพูด แต่เจ้าตัวก็ยังพยายามแก้ไขสถานการณ์ให้ดีขึ้นในแบบของตัวเอง ไม่บ่อยนักหรอกที่หวงจื่อเทาจะตกอยู่ในสภาวะแบบนี้ ครั้งแรกคือตอนที่รู้ว่าต้องย้ายมาอยู่เกาหลีตอนอายุยังน้อย กับตอนรู้ว่าไอ้จงอินโดนพ่อตบจนต้องระเห็จหนีไปอยู่บ้านไอ้ชานยอล

     

    ครั้งนี้เป็นครั้งที่สาม เขากำลังอึ้งกับสิ่งที่เซฮุนได้พูดมันออกไป

     

    ถึงจะเป็นความตั้งใจที่เจ้าตัวอยากจะยุติสงครามกลางรถไฟใต้ดิน แต่มันก็ทำให้หัวใจของคนที่อยู่ในสภาวะแอบชอบเต้นแรงได้ไม่ยาก จื่อเทาไม่เคยรู้สึกหัวใจพองโตแบบนี้กับใคร ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงสวย ๆ ที่เคยคบ หรือคู่นอนทุกคนที่ให้ความสุขทางกายได้ ไม่มีเลยสักคน ที่จะทำให้เขารู้สึกได้อย่างโอเซฮุน

     

    ที่แท้ก็เป็นเกย์

     

    น้ำเสียงเหยียดหยันมาพร้อมรอยยิ้มสมเพช เซฮุนคิดว่าถ้าอดทนอีกสักสองสามนาที เรื่องราวก็คงจบได้โดยที่ไม่มีใครเจ็บตัวจนต้องไปโรงพัก

     

    พี่จะลองไหมละ ครั้งเดียวนี่ลืมเลยนะว่าทำกับผู้หญิงมันสนุกยังไง

     

    เทา... เสียงคาดโทษของเซฮุนเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เด็กตัวสูงเงียบปากได้ ผู้ชายปากดีคนนั้นเพียงแค่ส่งสายตาดูแคลนเด็กหนุ่มทั้งสองคนราวกับเป็นตัวน่ารังเกียจในสังคม ก่อนจะพาแฟนสาวกลับไปนั่งที่เดิม เรื่องนี้ถึงได้จบลงที่ไม่มีใครต้องบาดเจ็บ

     

     

    .

    .

     

     

    ฉันล่ะเกลียดจริง ๆ ไอ้พวกดีแต่ปาก ดูก็รู้ว่ามันไม่ได้เก่งอย่างที่คุย ๆ หรอก

     

    ...

     

    ถ้าแฟนสวยเหมือนจางรี่อินก็ว่าไปอย่าง บอกเลยนะว่าไม่ได้มอง

     

    ...

     

    เอาเถอะ ถึงฉันจะอยากซัดหน้าไอ้เวรนั่น แต่ฉันก็ชอบวิธีเอาตัวรอดของนายนะ

     

    ...

     

    เฮ้ ทำไมเงียบไปเลยล่ะ

     

    เด็กตัวสูงคว้าแขนอีกคนเอาไว้แล้วพลิกให้หันมามองหน้ากัน เขาเห็นว่าสีหน้าเซฮุนตอนนี้เรียบเฉย คล้ายว่าไม่พอใจ ซึ่งถ้าหวงจื่อเทาโง่กว่านี้ เขาอาจจะถามกลับไปก็ได้ว่าเป็นอะไร เพื่อรับคำตอบห้วน ๆ ที่ไม่เคลียร์จนต้องโง่ถามอีกครั้ง

     

    ไม่เอาน่า ฉันก็ไม่ได้ต่อยใครไม่ใช่เหรอ

     

    แต่ถ้าฉันไม่ห้าม นายก็ต่อยเขา

     

    ก็มันน่าต่อย นายไม่คิดงั้นหรือไง

     

    คิด แต่เราจะต่อยหน้าทุกคนที่เกลียดไม่ได้ นายไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวบนโลกนะ เซฮุนถอนหายใจแล้วเดินนำหน้าไปอีกครั้ง จื่อเทากลอกตา ก่อนจะรีบวิ่งไปประกบข้างคนตัวผอมที่ยังคงขมวดคิ้วไม่พอใจ ดูสิ ขนาดหงุดหงิดยังน่ารัก คนบ้าอะไรกัน

     

    เป็นห่วงเหรอ

     

    เปล่า ฉันเป็นห่วงคนรอบข้างที่ต้องมาเห็นนายทำตัวแบบนี้

     

    โธ่ ดูพูดเข้า จะให้กำลังใจกันสักนิดก็ไม่มี

     

    ก็ให้กำลังใจตัวเองซะสิ

     

    นี่โกรธขนาดนั้นเลยหรือไง จื่อเทายังคงเร่งฝีเท้าตามพลางก้มหน้ามองอีกคนที่ยังคงทอดสายตาไปยังเบื้องหน้า โดยไม่คิดจะหันมาสบตากันเลยสักนิดเซ...

     

    เด็กตัวผอมหยุดฝีเท้า แล้วหันหน้าเข้าหาคนตัวสูงกว่า จื่อเทาไม่ได้ทำหน้ากวนประสาทเหมือนก่อหน้านี้ แต่เจ้านี่กำลังทำตาปริบ ๆ เบะปาก ปั้นหน้าเรียกร้องคะแนนสงสารจนน่าหมั่นไส้

     

    อย่ามีเรื่องบ่อย ๆ ได้ไหม

     

    บอกเหตุผลมาก่อนสิ แล้วจะพิจารณาอีกที

     

    เพราะฉันไม่อยากให้นายไปทำร้ายใคร คนอื่นเขาจะเจ็บตัว

     

    เหตุผลนี้ไม่ผ่าน ฉันจะต่อยหน้าทุกคนที่ฉันหมั่นไส้ต่อไป จื่อเทายักคิ้ว ก่อนจะหลุดขำออกมาเล็กน้อยเมื่อถูกคนตรงหน้าผลักอกอะไรเล่า

     

    จะเอาให้ได้ใช่ไหม

     

    ใช่ ก็รู้นี่ว่าฉันอยากได้ยินอะไร ถ้าพูดออกมาแต่แรกก็จบแล้ว เด็กหนุ่มชาวจีนยิ้มกว้าง ยิ่งเห็นว่าเซฮุนกำลังถอนหายใจ เขาก็ยิ่งมีความสุข เพราะมันหมายความว่าตอนนี้คนตรงหน้ากำลังเป็นกังวลเรื่องของเขา

     

    ถ้าเกิดวันหลังผู้ชายคนนั้นพาเพื่อนมาดักรุมซ้อมนายขึ้นมามันจะแย่นะ เราไม่รู้ว่าหลังจากชกต่อยกันแล้วมันจะจบภายในครั้งนั้นหรือเปล่า ถูกไหม?

     

    อ่าฮะ เด็กตัวสูงขานตอบแบบขอไปที จื่อเทากำลังกดดันให้เขาพูด เซฮุนรู้ดี

     

    ฉันเป็นห่วงนาย

     

    ก็แค่นั้นแหละที่อยากได้ยิน จื่อเทาอมยิ้มก่อนจะทำมือโอเคยื่นออกมาจนเซฮุนต้องเบี่ยงหน้าหลบ แต่คนขี้แกล้งก็ยังคงทำมือปลาหมึกใส่คนที่กำลังหงุดหงิดอยู่อย่างนั้น

     

     

    .

    .

     

     

    วันนี้สอบปลายภาคเทอมหนึ่งวันแรก เซฮุนไม่ได้รู้สึกแย่นักกับข้อสอบที่ทำได้บ้างไม่ได้บ้าง พอออกมาจากห้องก็ได้ยินเสียงเพื่อนโอดครวญ หยิบหนังสือมาเปิดดูสูตรต่าง ๆ ที่ออกในข้อสอบอย่างเสียดาย    

     

    นี่เซฮุน

     

    ว่า?

     

    ทำข้อสอบได้ไหม ซอนฮวายืนกอดอกพิงกับผนัง ซึ่งเขาก็ได้แต่ส่ายหน้าเป็นคำตอบ เธอเลยหลุดหัวเราะออกมาพอกันเลย

     

    ฉันไม่ได้อ่านหนังสือมาน่ะ แล้วเธอล่ะ

     

    อ่านนิดนึง ฉันเป็นพวกเห็นหนังสือทีไรเป็นหลับตลอด เธอว่าแล้วกลอกตามองบน

     

    หลังจากบทสนทนาสั้น ๆ สิ้นสุดลง ความเงียบก็โรยตัวอีกครั้ง มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ เพราะฮันซอนฮวาก็รู้ดีว่าหนุ่มหน้าหล่อขวัญใจสาว ๆ อย่างโอเซฮุนเป็นคนพูดไม่เก่ง ถ้าไม่มีประเด็นชวนคุย ก็อย่าหวังว่าหมอนี่จะปริปากพูด

     

    เซฮุน

     

    อืม

     

    พูดตรง ๆ แบบเปิดอกเลยนะ

     

    หญิงสาวหันหน้าเข้าหาเพื่อนตัวสูง เซฮุนไม่ได้ขานตอบอะไรอีก เขาเพียงแค่รอให้อีกฝ่ายพูดเปิดประเด็นออกมา ซอนฮวากัดริมฝีปากบนขณะใช้ความคิด ก่อนจะวางมือลงบนไหล่กว้างของอีกคน

     

    เรื่องของนายกับหวงจื่อเทานี่มันยังไงกันเหรอ ไหนจะคิมจงอินอีกคนด้วย

     

    ...

     

    ผู้ชายคนนี้ไม่ได้ตอบคำถามให้เธอหายคาใจในทันที เซฮุนยืนนิ่ง แล้วมองมาราวกับอยากถามว่า เธอเป็นบ้าอะไรถึงได้มายุ่งเรื่องส่วนตัวของคนอื่น ยัยเสร่อ ยังไงอย่างนั้น แต่ไอ้อาการอยากรู้อยากเห็นนี่มันเป็นเรื่องปกติของผู้หญิงอยู่แล้ว โอเซฮุนควรทำความเข้าใจ แล้วแถลงไขเรื่องนี้ให้กระจ่างซะ

     

    ตอนแรกฉันคิดว่าคงจำผิดคน ที่เห็นนายไปกับหวงจื่อเทาเมื่อนานมาแล้ว แต่เพิ่งมารู้ทีหลังว่านั่นคือคิมจงอิน แต่ตัดภาพมาอีกที หวงจื่อเทาก็มาโผล่ที่หลังเวทีวันงานแสดงละคร นั่นมันทำให้ฉันสงสัยมาก

     

    อ๋อเรื่องนั้นเซฮุนเลียริมฝีปาก เขาใช้เวลาครุ่นคิดคำตอบอยู่แค่เสี้ยววินาทีเดียวเท่านั้น เราเป็นเพื่อนกันน่ะ

     

    หือ เพื่อนแน่เหรอ? หญิงสาวกอดอกยิ้มมองจับผิด เธอเห็นว่าสายตาของโอเซฮุนลอกแลกบิดเบือนการพูดความจริง

     

    อืม เพื่อนกัน

     

    ทำไมถึงรู้สึกจุกตรงหน้าอกข้างซ้าย ตอนที่ต้องบอกว่าเราเป็นเพื่อนกัน ด้วยนะ มันเหมือนกับเป็นสิ่งย้ำเตือนให้โอเซฮุนได้รู้ว่า ระดับความสัมพันธ์ของเขากับจงอินมันอยู่ในขั้นไหนยังไงอย่างนั้น

     

    ฮันซอนฮวาดูเหมือนจะขี้เกียจถามเซ้าซี้ต่อไปอีก เธอไหวไหล่แล้วเดินกลับไปหาแก๊งนางฟ้าที่ยืนคุยเรื่องลิปกลอสในมือจอนฮโยซองเหมือนกับก่อนหน้านี้ เซฮุนมองเพื่อน ๆ ที่เริ่มทยอยออกไป เขาเลือกที่จะอยู่ตรงนี้ แล้วปล่อยให้คนอื่น ๆ กลับก่อน

     

    หลังจากนั้นอีกสักราว ๆ สิบนาทีเซฮุนก็คว้ากระเป๋าเป้ แล้วเดินลงบันไดมาอย่างไม่เร่งรีบ ในหัวก็ได้แต่คิดว่าควรทำอะไรดีหลังจากพาร่างตัวเองกลับไปถึงบ้าน เล่นเกมเหรอ ซ้อมเต้นดีไหม หรือควรอ่านหนังสือเหมือนอย่างที่ใคร ๆ ก็ทำกันดีล่ะ

     

    สุดท้ายก็แค่ถอนหายใจออกมา และเขาคงเป็นแบบนี้ไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะได้รับการเยียวยาความรู้สึกจากจงอิน ซึ่งมันคงเป็นไปไม่ได้ในช่วงเทศกาลสอบหฤโหดแบบนี้ ผู้ชายคนนั้นต้องอ่านหนังสือสอบ คงไม่บ้าจี้มานั่งคุยเล่นกับเขาหรอก

     

    สองขาหยุดยืนอยู่บนฟุตปาธหน้าโรงเรียนเพื่อรอแท็กซี่กลับบ้านเหมือนทุกวัน เซฮุนไม่แน่ใจว่าที่กำลังรู้สึกแย่ในตอนนี้ มันเป็นเพราะเขาเพิ่งสอบเสร็จวันแรก หรือเป็นเพราะคำถามของฮันซอนฮวากันแน่

     

    เซฮุนถอนหายใจอีกครั้ง มือที่ควรกวักเรียกแท็กซี่กลับล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงเพื่อหยิบมือถือออกมา ก่อนที่ขาทั้งสองข้างจะตรงไปขึ้นรถเมล์

     

    แตะบัตรเรียบร้อยแล้วตรงเข้าไปนั่งเบาะเกือบหลังสุด เซฮุนทอดสายตาออกไปนอกกระจกรถแล้วปล่อยให้ความท้าทายในการหัดขึ้นรถเมล์ชะล้างความรู้สึกแย่ ๆ ออกไปซะ

     

    อยากเจอจงอิน อยากคุยด้วยสักประโยค แต่ทำไมความกล้าที่เคยมีกลับจางหายไป เพราะแค่ว่าเราจูบกัน แต่ผู้ชายคนนั้นกลับไม่ไปดูเขาเล่นละครกันนะ

     

     

    ให้ตายเถอะ เบื่อตัวเองจริง ๆ

     

     

    ...

     

    เด็กหนุ่มเบิกตาโพลงอย่างตกใจ เมื่อหันไปเห็นว่าคนที่เพิ่งหยัดตัวนั่งลงข้างตัวคือใครอีกคนที่ปั่นป่วนความคิดเขามาตลอดหลายวัน ตอนนี้บนรถเมล์ไม่ค่อยมีคน และตรงส่วนด้านหลังก็มีเพียงแค่เราที่นั่งอยู่

     

    สตรอว์เบอร์รี่หรือโคล่า

     

    ...โคล่า

     

    มันคือเรื่องบังเอิญอีกแล้วงั้นเหรอ เซฮุนไม่ได้ถามว่าจงอินมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง เขาเพียงแค่แบมือออกมาเมื่ออีกฝ่ายแกะซองลูกอมให้ แต่สุดท้าย ลูกอมรสโคล่าที่ถูกห่อด้วยซองพลาสติกครึ่งหนึ่งก็ยื่นมาที่ปากเขา

     

    ถ้าจับแล้วมือจะเหนียว

     

    ...

     

    เซฮุนงับลูกอมรสโคล่าในมืออีกคนอย่างขลาดอาย แน่ล่ะ...ก็เขาเป็นแค่เด็กผู้ชายคนหนึ่งที่เพิ่งทำความรู้จักกับความรัก ซึ่งเขาไม่สามารถหัวเราะแล้วกินมันได้อย่างหน้าตาเฉย โดยไม่รู้สึกอะไรเมื่อถูกคนที่ชอบป้อนให้

     

    ไม่สบายเหรอ

     

    หา?

     

    เห็นดูหงอย ๆ

     

    จงอินมองมาระหว่างรอคำตอบ เซฮุนไม่ได้ยึกยัก ลีลาเล่นตัวอะไรหรอกนะ แต่การมองคนที่ชอบกำลังเล่นกับลูกอมในปาก กลอกมันไปทางกระพุ้งแก้มซ้ายที ขวาทีแล้วก็พูดอะไรไม่ออก บางทีโอเซฮุนอาจจะเป็นบ้าเพราะคิดถึงจงอินมากเกินไป

     

    ฉันสบายดี

     

    เหรอ แล้วสอบได้ไหม?

     

    ได้สอบน่ะ...

     

    ไม่อ่านหนังสือล่ะสิ

     

    ไม่อ่านก็ไม่ตกหรอก ฉันรู้ว่าระดับความโง่อยู่ที่จุดไหน เซฮุนกำลังแก้ตัวเพราะรู้ว่าอีกคนคงกำลังอยากดุเขา หรือที่จริงแล้วผู้ชายคนนี้ก็แค่อยากถามเฉย ๆ

     

    แต่ถ้าสอบได้คะแนนสูง มันก็ดีกว่าไม่ใช่หรือไง?

     

    รู้ แต่ฉันไม่ชอบอ่านหนังสือ มันน่าเบื่อ

     

    มันมีหลายวิธีที่ทำให้การอ่านหนังสือเป็นเรื่องสนุก ถ้านายไม่ชอบอ่านคนเดียว พรุ่งนี้ก็มาอ่านด้วยกันสิ

     

    ...

     

    เซฮุนมองคนข้าง ๆ อย่างไม่เชื่อหูตัวเอง แน่นอนว่ามันเป็นสิ่งที่เขาอยากได้ยินจากปากจงอินบ่อย ๆ คือการที่ผู้ชายคนนี้เป็นฝ่ายออกปากชวนเขาก่อน

     

    ความรู้สึกหม่น ๆ ที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันแสดงละครนั้นหายไปในพริบตา เพียงแค่ประโยคนี้ประโยคเดียว เซฮุนสงสัยว่าเขาเป็นคนจมอยู่กับความทุกข์ได้ไม่นาน หรือเป็นเพราะว่าอีกฝ่ายคือจงอินกันแน่ ทุกอย่างก็เลยดีขึ้นภายในเสี้ยววินาทีแบบนี้

     

    ให้ไปอ่านหนังสือกับนายเหรอ

     

    ถ้าไม่อยากอ่านก็ไม่เป็นไร ฉันไม่บังคับอยู่แล้ว

     

    อ่านสิ...ฉันอยากอ่านกับนายนะ!”

     

    ...

     

    จงอินมองคนตัวผอมที่กำลังทำหน้าตื่นจนอดที่จะยิ้มไม่ได้ ตอนออกมาจากห้องสอบ เขายังคุยกับไอ้เทาอยู่เลยว่าเซฮุนดูหงอย ๆ ผิดปกติ แต่ไอ้เทาก็บอกว่าไม่แปลกหรอก คนไม่อ่านหนังสือก็ทำหน้าโง่เหมือนกันทั้งนั้น สุดท้ายเราทั้งคู่ก็แค่มองเซฮุนที่นั่งอยู่ในห้องสอบตอนเดินผ่านไป

     

    ถ้าจะกินข้าวเช้าฟรี พรุ่งนี้ก็อย่ามาสายล่ะ พูดจบก็วางลูกอมลงอีกเม็ดที่ติดอยู่กับโพสต์-อิทสีเหลืองลงบนมือเซฮุน

     

    เด็กตัวผอมเงยหน้าขึ้นแล้วก็พบว่าตอนนี้จงอินกำลังลุกขึ้นยืนพร้อมสะพายกระเป๋าเป้ ผู้ชายผิวแทนเพียงแค่ยิ้มบาง ๆ ระหว่างเล่นกับลูกอมในปาก ก่อนที่ขายาวจะเดินออกไปหยุดอยู่ข้างประตูทางออกรถเมล์เมื่อรถเทียบจอดป้าย...โดยที่ไม่พูดอะไรอีก

     

    จงอินเดินลงไปยืนอยู่ข้างฟุตปาธ สองมือล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงหากแต่สายตายังคงไม่ละออกห่างจากเขา เซฮุนไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรในเวลานี้ และต่อให้พูดไปจงอินก็คงไม่ได้ยินอยู่ดี เขารู้แค่ว่าอยากมองอีกฝ่ายไปเรื่อย ๆ จนกว่าภาพนั้นจะหายลับสายตาไป

     

    เด็กหนุ่มนั่งนิ่ง มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้โอเซฮุนรู้ว่าเขาไม่ได้ฝันไป ซึ่งนั่นก็คือลูกอมรสโคล่าที่ปล่อยความหวานในโพรงปาก ผู้ชายคนนั้นขึ้นรถเมล์สายนี้มาทำไมกันนะ ทั้ง ๆ ที่ทางนี้...ไม่ใช่ทางไปบ้านของจงอินสักหน่อย...

     

    เซฮุนได้แต่คิดในใจ ก่อนจะก้มลงมองลูกอมรสโคล่าในมือกับโพสต์-อิท มันบ้ามากเลยที่เขากำลังรู้สึกดีราวกับว่าก่อนหน้านี้ไม่เคยรู้สึกแย่ เซฮุนแกะมันออกมาพลิกดู แล้วก็เห็นข้อความที่เขียนด้วยปากกาดำว่า...

     

     

    ‘- เพราะความหวานทำให้รู้สึกดีขึ้นได้ - เพื่อนคนนึงของฉันบอกมาอย่างนั้น

    จริงไม่จริงยังไง ก็บอกกันด้วยล่ะ (:’

     

     

    เซฮุนไม่ได้อยากรู้หรอกว่าเพื่อนคนนั้นของจงอินคือใคร เพราะสิ่งที่ทำให้เขายิ้มได้ในตอนนี้คือลายมือที่อยู่บนกระดาษแผ่นเล็กเสียมากกว่า ตอนนี้มันถึงเวลาสงสัยได้แล้วหรือยัง ว่าผู้ชายคนนั้นเอาเวลาไหนไปเขียนโพสต์-อิทใบนี้ ซึ่งมันคงไม่ใช่เมื่อครู่นี้แน่ ๆ

     

     

    จงอินเขียนให้เขาไว้แล้วงั้นเหรอ ถ้าคิดแบบนี้แล้วจะดูเข้าข้างตัวเองไปหรือเปล่านะ?

     

     

    เซฮุนไม่อยากอ่านหนังสือ เขาคิดว่าตัวเองเป็นพวกหัวดี ไม่อ่านหนังสือก็สอบได้ แย่สุดก็คาบเส้นตาย แต่ก็ไม่เคยตกสักครั้ง  และมันก็ไม่ได้ทำให้เขาได้คะแนนท็อปเลยเช่นกัน

     

     

    ถ้าการตั้งใจเรียนมันจะทำให้จงอินรู้สึกดีล่ะก็...มันก็น่าจะลองดูสักตั้ง

     

     

    คุณกำลังส่งข้อความถึง...

    ซอนแซงนิม

    [ ที่บอกว่าความหวานทำให้รู้สึกดีขึ้นได้ ฉันคิดว่าท่าจะเป็นเรื่องจริง :d ]

     

     

    กดส่งข้อความแล้วก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เซฮุนไม่ได้กังวลใจว่าอีกฝ่ายจะตอบกลับมาหรือเปล่าอย่างเช่นก่อนหน้านี้ เพราะสิ่งที่เพิ่งได้รับเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้ว มันเยียวยาความกังวลให้ไปได้มากพอสมควร

     

     

    คุณได้รับข้อความจาก...

    ซอนแซงนิม

    [ พรุ่งนี้จะมาใช่ไหม? ]

     

     

    คำถามนี้ทำไมดูน่ารัก เซฮุนอมยิ้มแล้วหันไปมองข้างตัว มันจะตลกเกินไปหรือเปล่านะ ถ้าเขานั่งยิ้มกับโทรศัพท์บนรถเมล์แบบนี้ ในขณะที่ใครหลายคนอยากให้ไปถึงปลายทางไว ๆ

     

     

    คุณกำลังส่งข้อความถึง...

    ซอนแซงนิม

    [ จะไปตั้งแต่ตีห้าเลย รอเปิดประตูบ้านให้ด้วย :฿ ]

     

     

    ไม่รู้ว่าความกล้าที่หายไปกลับเข้าร่างโอเซฮุนตั้งแต่เมื่อไหร่ จงอินไม่ต้องตอบข้อความมาแล้วก็ได้นะ เขายังไม่อยากสำลักความรู้สึกดี ๆ ตอนนี้ เด็กหนุ่มรู้สึกเหมือนเป็นไบโพล่าร์ ที่เดี๋ยวหงอย เดี๋ยวยิ้ม...เพราะคน ๆ เดียว

     

     

    .

    .

     

     

    เซฮุนตื่นเช้าทุกวันที่รู้ว่าต้องไปบ้านจงอิน ไม่สิ...ที่จริงแล้วเป็นเพราะหลับ ๆ ตื่น ๆ อยู่ตลอดทั้งคืนกับอาการตื่นเต้นต่างหาก เด็กหนุ่มไม่ได้กังวลเรื่องเสื้อผ้าหน้าผมอีกแล้ว หลังจากที่ผู้ชายคนนั้นบอกว่า

     

    ต่อให้ใส่เสื้อยืดกางเกงขาสั้น แต่ถ้าฉันจะมองว่านายเป็นไอ้ขี้เก็กสุดวัลลาบี มันก็มีค่าเท่ากับ X’

     

     

    หึ...คำพูดคำจาน่าหมั่นไส้สุด ๆ เลย

     

     

    เด็กตัวผอมมาถึงบ้านอีกคนช่วงสิบโมง กะว่าไม่ให้สายมากและไม่เช้ามากจนเกินไป เซฮุนไม่ได้ห่วงเรื่องกินมื้อเช้าด้วยกัน ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้จงอินกินข้าวเรียบร้อยแล้วตอนที่เราเจอกัน เพราะเขาไม่อยากรีบมาที่นี่แต่เช้าตรู่ด้วยเหตุผลนั้น มันจะดูตื่นเต้นจนเวอร์เกินไป

     

    แต่ที่น่าแปลกคือจงอินทำกับข้าวไว้เรียบร้อยแล้ว แต่กลับปิดฝาถ้วยชามเอาไว้โดยที่ไม่ยอมกินก่อน ใบหน้าคมเพียงแค่หันมาว่า หิวหรือยัง กับ กินตอนนี้เลยไหม? ซึ่งเซฮุนก็แค่พยักหน้าช้า ๆ ทั้งที่ยังไม่ละสายตาจากอีกฝ่าย

     

     

    จงอินรอกินพร้อมกันงั้นเหรอ...

     

     

    ผู้ชายคนนั้นเอาอาหารไปอุ่นในเวฟ แล้วเราก็เริ่มกินมื้อเช้าตอนสาย ๆ ด้วยกัน มีเพียงแค่เสียงช้อนสแตนเลสที่ชนกับชามกระเบื้องที่เราทั้งคู่ได้ยิน อยากชวนคุยจัง แต่ตอนนี้สมองกำลังตื้อไปหมดเพราะดีใจที่จงอินรอกินข้าวด้วย

     

    พรุ่งนี้สอบอะไรนะ

     

    คณิตศาสตร์

     

    กลางภาคทำได้ดีแค่ไหน?

     

    เต็มร้อยได้หกสิบ

     

    รู้ใช่ไหมว่ามันแย่

     

    รู้

     

    รู้แล้วแต่ก็ยังปล่อยให้เป็นแบบนั้นน่ะเหรอ จงอินรัวคำถามทั้งที่ไม่เงยหน้าขึ้นมาสบตากันเลยด้วยซ้ำ

     

    นายทำเหมือนกำลังสอบสวนฉันอยู่เลย พูดจบคนผิวแทนก็ละสายตาจากมื้อเช้า จงอินเท้าคางมองคนตัวผอมที่นั่งทำหน้าประหม่าอยู่ฝั่งตรงข้ามแล้วก็ยิ้ม

     

    ตั้งใจเรียนได้แล้ว

     

    อ่า...ฮะ เซฮุนพยักหน้าช้า ๆ เขาไม่อยากเถียงจงอินหรอก เพราะเถียงให้ตายยังไงก็โดนตอกกลับมาจนหน้าหงายอยู่ดี ผู้ชายคนนี้มีเหตุผลกว่าเสมอ เขายอมแพ้

    ถ้าอ่านคนเดียวไม่รู้เรื่อง ฉันจะได้อ่านเป็นเพื่อน

     

    แบบนั้นรบกวนนายแย่

     

    คิดแทนคนอื่นตลอด ฉันยังไม่เคยคิดแบบนั้น  แล้วก็คงจะไม่คิดด้วย จงอินพูดด้วยโทนเสียงสบาย ๆ และเซฮุนเพียงแค่กลอกตาไปมาอย่างใช้ความคิด

     

    ฉันชอบคิดไปเอง แล้วมันก็ไปด้านลบอยู่เสมอ

     

    เหรอ อย่างเช่นอะไรล่ะ?

     

    เช่นเรื่อง...

     

     

    ที่นายไม่ได้ไปดูฉันเล่นละคร

     

    เซฮุนยั้งปากตัวเองไว้ได้ทัน เขาเห็นว่าอีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นระหว่างรอให้พูดต่อ ตอนนั้นสมองของเด็กหนุ่มตัวผอมเลยต้องทำงานหนัก เพื่อหาเรื่องมาโกหกแทนที่จะพูดประโยคนั้นออกไป

     

    เรื่องที่ฉันคิดว่าตัวเองฉลาด แต่ที่จริงแล้วฉันโง่ เลยสอบผ่านคาบเส้นอยู่ตลอดไง

     

    จงอินยังคงสบตาไม่เลิก ราวกับว่ากำลังจับผิดโกหกจากสีหน้าและแววตาของเขา เซฮุนยิ้มแห้ง เด็กหนุ่มได้แต่ภาวนาในใจว่าอย่าให้จงอินถามต่ออีกเลย

     

    เราใช้เวลาไม่นานไปกับการกินมื้อเช้า จงอินบอกให้เขาขึ้นไปรอบนห้องก่อน พอล้างจานเสร็จแล้วจะตามไป ระหว่างรอก็ให้เซฮุนกลิ้ง ๆ นอน ๆ อยู่บนเตียงไปพลาง ๆ ก่อนลงสนามติวอย่างจริงจัง

     

    ห้องสี่เหลี่ยมตรงหน้าก็ยังสะอาดเหมือนเดิม ข้าวของที่เคยวางไว้จุดไหน ก็ยังคงไม่เปลี่ยนที่ เซฮุนชอบความเป็นระเบียบที่อยู่ในโทนสีขาว เพราะมันทำให้เขานึกถึงจงอิน

     

    เด็กหนุ่มตัวผอมหยัดตัวนั่งลงบนเก้าอี้หน้าเปียโน ลองจิ้มโน้ตเดิม ๆ ที่จงอินเคยสอนแล้วก็หลุดยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว

     

    ใช้เวลาง่วนอยู่ตรงนั้นอยู่ไม่กี่นาทีก็ลุกไปเปิดกระเป๋าเป้ เอาหนังสือที่ต้องอ่านสอบวันพรุ่งนี้ออกมาวางไว้รอ ที่จริงเซฮุนชอบมองดูแผ่นหลังของจงอินเวลาล้างจานนะ มันดูมีเสน่ห์แปลก ๆ ยังไงก็ไม่รู้ ผู้ชายคนนั้นน่าจะให้เขาอยู่ต่ออีกสักหน่อย

     

    ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงแล้วหลับตาลง กลิ่นหอมอ่อน ๆ ในห้องนี้ทำให้รู้สึกอุ่นใจทุกครั้ง มันให้ความรู้สึกปลอดภัย อบอุ่น มีความสุขอย่างบอกไม่ถูก แน่ล่ะ...ก็ตอนนี้โอเซฮุนกำลังอยู่ในโลกของคนที่ชอบนี่นะ...

     

     

    RRRRrrrrr!!!!

     

     

    เสียงนั้นดึงสติเด็กหนุ่มให้ดีดตัวลุกขึ้นนั่งพร้อมควานหาสมาร์ทโฟนของตัวเอง แต่ก็พบว่ามันไม่ได้มาจากมือถือของเขา เซฮุนกวาดสายตาไปรอบ ๆ และก็ได้รู้ว่าต้นเหตุของเสียงนั้นมาจากโน๊ตบุ๊คที่เปิดหน้าจอทิ้งไว้ พร้อมหน้าต่างรูปทรงสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ที่เด้งขึ้นมา

     

    เสียงคอลสไกป์ยังคงดังอย่างต่อเนื่อง เซฮุนเดินไปหยุดอยู่หน้าโน๊ตบุ๊คบนโต๊ะแล้วเกาท้ายทอย นี่เขาควรวิ่งลงไปบอกจงอินดีไหมว่ามีคนคอลมา หรือควรปล่อยให้มันเงียบไปเอง แต่ที่แน่ ๆ เขาคงกดรับสายไม่ได้ มันดูถือวิสาสะจนเกินไป

     

    เสียงนั้นดับไปแล้ว รูปดินสอที่ขึ้นบนหน้าจอนั้นบ่งบอกว่าอีกฝ่ายกำลังพิมพ์อะไรอยู่ ก่อนที่ข้อความจะส่งมา

     

    real__pcy : เพื่อนคอลหาทั้งที ทำไมไม่รับสาย เสียใจ

    real__pcy : สัด มือถือก็ปิด เป็นหอยเข็มอะไร ตั้งใจอ่านหนังสือมากไหม เอามงไปใส่ ดอกดอกดอก

    real__pcy : กูจะถามเรื่องข้อสอบ โจทย์นี้โหดจริง ไอ้บ้านนอกยังไม่รู้เลย ตอบหน่อย

    real__pcy : ยังไงก็โทรหาเมียด้วยนะคะ #รักเสมอเมื่อเธอเปลี่ยว

     

    อ่านจบก็ได้แต่หัวเราะกับความบ้าบอคอแตกของปาร์คชานยอล ไม่อยากเชื่อเลยว่าผู้ชายคนนั้นเคยหงอยไปพักหนึ่งเพราะเรื่องพ่อเข้าโรงพยาบาล ตอนนี้คงกลับมาซ่าได้แล้วสินะ แต่ก็ดีแล้วล่ะ เพราะถ้าปาร์คชานยอลมีความสุข จงอินก็จะมีความสุขไปด้วย

     

    เซฮุนกดพับหน้าจอลงแล้วเอี้ยวลุกขึ้นยืน แต่ยังไม่ได้ทันกลับไปนั่งที่เตียงสายตาก็หยุดอยู่กับโฟลเดอร์ที่ถูกแยกไว้ตรงกลางหน้าจอ ซึ่งมีตัวย่อสั้น ๆ ค่าว่า ‘SH’

     

    ทั้งที่จะปล่อยผ่านไปเฉย ๆ ก็ได้ แต่เพราะอะไรกันที่ทำให้มือของเขาอยากเลื่อนเมาส์ไปหยุดอยู่ตรงนั้นแล้วกดคลิ๊กเข้าไป

     

    เด็กหนุ่มเอี้ยวหน้าหันไปทางประตู เพื่อเช็กดูว่าจะไม่มีใครเข้ามาเห็นเขากำลังทำเรื่องไม่ดี ใช่...การละลาบละล้วงของ ๆ คนอื่นมันเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ แต่เพราะตัว SH นั่นแหละ ที่เป็นสิ่งเร้าให้โอเซฮุนอยากทำตัวไม่ดีสักครั้ง เพื่อแลกกับความคาใจ

     

    เด็กหนุ่มเลียริมฝีปากก่อนจะกดคลิ๊กเข้าไป ข้างในนั้นอาจจะเป็นไฟล์รายงานก็ได้เขาบอกตัวเองให้สบายใจ แต่พอหน้าจอสี่เหลี่ยมเด้งขึ้นมา โอเซฮุนก็ได้รู้ว่าเขาคิดผิด เมื่อข้างในนั้นไม่มีไฟล์งานแต่อย่างใด...

     

     

     

    แต่มันกลับเป็นรูปนับร้อยของเจ้าชาย...ที่แสดงอยู่บนเวที

     

     

     

     

    TBC

     

    เซฮุนรีบออกมาเลยค่ะ เดี๋ยวซอนแซงนิมเข้ามาเห็นเข้าแล้วจะแก้ตัวไม่ถูกนะ 55555555555555555555555555555555555555555555555555555555

     

     

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×