คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : Chapter 09 :: Your Touch (100%)
Chapter 9
Your Touch
นี่คงเป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าความเงียบมันเหมาะสมกับเราสองคนมากที่สุด ตลอดเกือบสิบนาทีที่ผ่านไปโดยไม่มีใครพูดอะไรขึ้นมาก่อน เซฮุนได้แต่ต่อสู้กับความรู้สึกของตัวเอง และพยายามทำตัวให้เป็นปกติที่สุดหลังจากเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นระหว่างเราสองคน
เราไม่มองหน้ากันเลยสักนิด ตอนนี้สิ่งที่เซฮุนมองเห็นมีเพียงแค่ตึกอาคารที่อยู่ฝั่งตรงข้ามโรงเรียน กับรถยนต์ที่ขับผ่านไปมา และรองเท้าของตัวเองตอนที่ก้มหน้ามอง
จงอินยังคงยืนอยู่ตรงนี้ทั้งที่จะแยกกลับบ้านไปเลยก็ได้ แต่โอเซฮุนก็รู้สึกดี กับการได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ ในเวลาแบบนี้ ถึงมันจะดูไม่มีอะไร แต่ก็ทำให้คนที่คิดไปไกลอย่างเขารู้สึกอุ่นใจ ว่าจงอินไม่ได้แกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องหลังจากที่เราจูบกัน
แท็กซี่ขับมาเทียบจอดข้างฟุตปาธแล้ว และนั่นหมายความว่าช่วงเวลาของการทรมานหัวใจตัวเองกำลังจะสิ้นสุดลง เด็กตัวผอมชำเลืองมองคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เซฮุนไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเขากำลังส่งยิ้มโง่ ๆ ไปให้จงอิน
“วันนี้ขอบคุณมากเลยนะ”
ร้อยวันพันปีไม่เคยพูดคำว่าขอบคุณ แม้ว่าผู้ชายคนนี้จะคอยให้คำแนะนำเรื่องบทละครอยู่ตลอด นี่ยังไม่รวมเรื่องสอนเปียโนนะ โอเซฮุนคิดว่าเขาคงเสียสติไปแล้วที่พูดจาโง่ ๆ แบบนั้นออกไป ใช่...วินาทีนี้คงไม่มีคำไหนเหมาะกว่าคำว่าโง่อีกแล้วล่ะ
จงอินไม่ได้พูดอะไร ซึ่งมันคงเป็นเรื่องประหลาดถ้าเกิดผู้ชายคนนี้จะตอบกลับมาว่า ‘ไม่เป็นไร ยินดีเสมอ’ เพราะต่อให้น้ำท่วมโลก คนอย่างคิมจงอินก็คงเลือกที่จะพยักหน้า หรือไม่ก็ยิ้มเล็ก ๆ แค่นั้นแหละ
เซฮุนอยากก่นด่าตัวเองสักร้อยครั้งที่เอาแต่พยายามทำตัวให้เป็นปกติ ทั้ง ๆ ที่ตอนนี้สถานการณ์ระหว่างเราสองคนมันให้ได้มากกว่าคำว่าผิดปกติ แต่ถ้าจะเงียบเฉยไปเลยเหมือนสิบนาทีก่อนหน้านี้ มันก็จะแปล่ง ๆ เกินไปหรือเปล่า เขากำลังจะกลับบ้านแล้ว เราจำเป็นต้องพูดกันสักประโยคไหม
แต่ถ้าไม่พูดเลย ก็อาจจะดีแล้วล่ะมั้ง...
เซฮุนเข้าไปนั่งตรงเบาะหลัง จังหวะนั้นถึงได้รู้ว่าจงอินกำลังมองอยู่ วูบหนึ่งเขาถามตัวเองว่าดวงตาคู่นั้นเพิ่งมองมาทางนี้ หรือความจริงแล้ว...จงอินก็มองเขาอยู่ตลอด
ลิ้นร้อนเลียริมฝีปากที่มันเริ่มแห้งผาก เซฮุนยังอยากอยู่กับจงอินให้นานกว่านี้ ถึงแม้ว่าเราจะต้องใช้เวลาไปกับความเงียบก็ตาม แต่ถ้าเขาไม่กลับ ก็ใช่ว่าจะรั้งให้อีกฝ่ายอยู่ด้วยกันต่อได้ จงอินก็ต้องกลับไปทำธุระส่วนตัวแล้วเข้านอนตอนเที่ยงคืน เพราะผู้ชายคนนี้ไม่ได้บ้าบอคอแตกชอบเล่นเกมดึกดื่นเหมือนอย่างเขา
เซฮุนดึงประตูเข้าหาตัว แต่ก็ต้องชะงักมือเมื่อประตูแท็กซี่ถูกใครอีกคนคว้าเอาไว้ เขาเห็นว่าจงอินก้มหน้าลงมาเล็กน้อยพร้อมเท้าแขนไว้กับหลังคารถ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นผู้ชายคนนี้เลียริมฝีปากเหมือนคนกำลังประหม่า อีกทั้งเสียง ‘เอ่อ...’ ที่หลุดออกมาราวกับว่ามีเรื่องอยากจะพูด แต่เจ้าตัวคงอยากใช้เวลาเรียบเรียงคำก่อน
“ขยับมานั่งชิดประตูฝั่งนี้สิ”
เสียงคงจงอินไม่ได้ต่างไปจากเดิมนักหรอก จะมีก็แค่แววตาคู่นั้นที่ดูเหมือนว่ามันจะต่างออกไป...ถ้าเขาไม่ได้คิดไปเองน่ะนะ ทั้ง ๆ ที่จงอินก็ชอบมองแบบนี้ หรือความจริงแล้วเซฮุนกำลังคิดไปเอง
ว่าเราสองคน...กำลังเปลี่ยนไป
“ชิดแล้วนะ”
เซฮุนทำตามอย่างว่าง่าย มันน่าตลกจังที่เขากำลังใจเต้นแรงเพราะสีหน้าประหม่าของจงอิน ที่มาพร้อมกับประโยคแสดงความเป็นห่วงเป็นใยซึ่งมันแสนจะธรรมดาจนคนทั่วไปคงรู้สึกถึงไม่ได้ แต่มันกลับทำให้เขารู้สึกดี
“...ถึงบ้านแล้วโทรมาด้วย”
ประโยคนี้แผ่วเบาคล้ายกระซิบ และมันทำให้คนฟังหัวใจพองโตได้อย่างน่าประหลาด เซฮุนรู้ว่าเขาหลุดยิ้มออกมาแล้ว ซึ่งมันเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ คนเราจะสามารถกักเก็บความรู้สึกที่มีต่อคนที่ชอบได้สักแค่ไหนกัน แต่ที่รู้ ๆ โอเซฮุนไม่สามารถเก็บมันไว้ได้อีกต่อไปแล้ว
“ฉันจะรีบโทรไปนะ...”
“...อืม”
จงอินขานตอบในลำคอก่อนจะปิดประตูลงอย่างเบามือ ขายาวถอยหลังกลับไปยืนอยู่บนฟุตปาธอย่างในทีแรก สองมือล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงเหมือนอย่างที่เจ้าตัวชอบทำ ก่อนที่แท็กซี่จะเริ่มเคลื่อนตัวออก
.
.
เซฮุนไม่เคยมีนัดกับใคร เพราะฉะนั้นเขาถึงไม่รู้ตัวว่าเป็นคนตรงต่อเวลาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว หรือเป็นเพราะจงอินย้ำบอก เขาถึงได้รีบโทรไปทันทีที่ขาก้าวเข้าไปในบ้าน
มันเหมือนการรายงานตัว เซฮุนรู้สึกอย่างนั้น เพราะหลังจากโทรไปจงอินก็แค่ตอบมาสั้น ๆ ว่า ‘ไปอาบน้ำได้แล้ว’ และถ้าเป็นเมื่อก่อน เขาคงตัดใจวางสายไปง่าย ๆ แต่คราวนี้มันต่างจากเดิม เมื่อเขาถามกลับไปว่า ‘ฉันโทรหานายอีกได้ไหม’ ซึ่งจงอินก็ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงโทนปกติว่า
‘จะอ่านหนังสือรอ’
เราคุยกันจนเกือบถึงตีหนึ่ง ทั้ง ๆ ที่เคยคิดว่ามันคงเป็นเรื่องยากที่จะชวนจงอินคุย แต่มันกลับไม่ใช่อย่างนั้น เซฮุนสามารถสนุกไปกับเรื่องราวในชีวิตประจำวันของจงอินได้อย่างไม่มีเบื่อ หรือแม้แต่การคุยเรื่องบทเรียนในวันนี้ ซึ่งมันเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ทำให้เซฮุนลิสต์ไว้ในสมองว่าเขาควรตั้งใจเรียนให้มาก เพื่อที่จะเอามาคุยกับจงอิน เพราะเหตุผลมีเพียงแค่ว่า
‘จะสอบแล้ว เราทั้งคู่ควรอ่านหนังสือ’
จงอินเคยเป็นเด็กเกเรจริงเหรอ ผู้ชายคนนี้ชอบทำอะไรให้สงสัยอยู่เรื่อยว่าสิ่งที่เห็น กับสิ่งที่เคยได้ยินมันช่างต่างกันเหลือเกิน ยกตัวอย่างเช่นที่จงอินเล่าว่าเคยไล่กวดเด็กโรงเรียนอริกับหวงจื่อเทาและปาร์คชานยอล ตอนนั้นเขาถึงกับอุทาน ‘หา?!’ ซะเสียงดังเลย แล้วดูตอนนี้สิ เอะอะหนังสือ เอะอะความรู้
หลายครั้งระหว่างบทสนทนา เซฮุนได้ถามตัวเองในใจว่าที่รู้สึกแบบนี้ และทุกอย่างที่อีกฝ่ายทำมันดีไปหมด นั่นเป็นเพราะว่าเขาเห็นด้วย หรือเป็นเพราะว่าชอบจงอินกันแน่
มันก็อาจจะเป็นอย่างนั้นส่วนหนึ่ง หรืออาจจะเป็นทั้งหมด แต่ที่สุดแล้วโอเซฮุนก็ไม่อยากมานั่งชั่งน้ำหนักความรู้สึกว่าอะไรมากกว่าน้อยกว่า เซฮุนรู้แค่ว่าชอบจงอิน และอยากจะชอบให้มากกว่านี้
เช้าวันรุ่งขึ้น เซฮุนรีบส่งข้อความไปหาจงอินหลังจากสะดุ้งตื่นเพราะเสียงนาฬิกาปลุก และก็ได้รู้ว่าเขาเผลอหลับไปทั้ง ๆ ที่จงอินยังอยู่ในสาย ความจริงจะโทรไปขอโทษเลยก็ได้ แต่การรุกล้ำความเป็นส่วนตัวของคนที่ชอบตอนเช้าตรู่แบบนี้เห็นทีว่ามันจะเป็นเรื่องน่าเกรงใจจนเกินไป เพราะงั้นเซฮุนถึงได้ให้ข้อความเป็นทางออก และก็ได้คำตอบมาว่า
คุณได้รับข้อความจาก...
‘ซอนแซงนิม’
[ เมื่อคืนนายละเมอด้วย เสียงงึมงำอย่างกับวัว ]
จากที่รู้สึกผิด ตอนนี้เซฮุนอายมากกว่า เด็กตัวผอมซุกหน้าลงกับหมอนสีขาวแล้วถอนหายใจออกมาหนัก ๆ นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตเลยนะที่เขาหลับคาโทรศัพท์ ไม่รู้ว่าละเมออย่างเดียวหรือเผลอกรนไปด้วย ถ้าอย่างหลังนี่สาหัสเลย
อายจัง
คุณได้รับข้อความจาก...
‘ซอนแซงนิม’
[ วันนี้เต็มที่นะนักเรียน (: ]
คิมจงอินเป็นคนถนัดเรื่องตบหัวแล้วลูบหลัง เซฮุนแนบแก้มลงกับหมอนทั้งที่สายตายังไม่ละออกห่างจากข้อความแค่ไม่กี่คำของคนที่ชอบ การได้รับกำลังใจจากผู้ชายคนนี้มันทำให้โลกสดใสในเช้าวันฝนตกได้ด้วย เซฮุนอมยิ้ม ก่อนจะกดส่งข้อความกลับไป
คุณกำลังส่งข้อความถึง...
‘ซอนแซงนิม’
[ นักเรียนจะตั้งใจ และจะไม่ทำให้ครูผิดหวัง ]
.
.
และแล้วก็ถึงเวลาแสดงละครเวที จื่อเทาโดดเรียนมาอยู่เป็นกำลังใจตั้งแต่ก่อนคาบเที่ยง ทั้งคอยซื้อข้าวซื้อน้ำ แม้แต่การจัดแจงเรื่องหลอดให้ เพราะจื่อเทากลัวว่าถ้าดื่มจากขวดเครื่องสำอางของเซฮุนจะหลุดออกจนเพื่อนผู้หญิงต้องมาคอยเพิ่มให้
หมอนี่ช่วยเขาซ้อมบทก่อนขึ้นเวที มีบางครั้งที่เราทั้งสองคนเล่นกันเหมือนเด็ก ๆ โดยให้จื่อเทาเป็นเจ้าหญิง และเซฮุนเป็นเจ้าชาย เด็กหนุ่มตัวผอมหลุดหัวเราะออกมาจนน้ำตาแทบไหล กับแอคติ้งของเพื่อนชาวจีนที่ดูจะเวอร์เกินจริง
พอถึงเวลาเซฮุนประหม่าจนมือเย็นไปหมด แม้ว่าฉากเปิดจะเริ่มด้วยเจ้าหญิงอย่างฮันซอนฮวา แต่เขาก็อดกลัวไม่ได้เลยว่าจะทำมันพังลง
“หันหน้ามานี่”
เซฮุนกระพริบตาปริบ ๆ มองอีกฝ่ายอย่างงง ๆ เมื่อจื่อเทากำลังพ่นลมหายใจรดลงบนฝ่ามือตัวเอง ก่อนจะทาบความอบอุ่นนั้นลงบนแก้มเขาทั้งสองข้าง เจ้าชายตัวผอมยืนนิ่ง เขาเห็นว่าสีหน้าและแววตาของจื่อเทาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ซึ่งมันทำให้เซฮุนรู้สึกอบอุ่นใจ กับการที่มีเพื่อนอยู่ข้าง ๆ ในเวลาประหม่าแบบนี้
“อากาศเย็นชะมัด ข้างนอกฝนยังตกอยู่ใช่ไหม”
“ใช่ แต่เดี๋ยวก็คงหยุดแล้วล่ะ”
“ถ้าเป็นแบบนั้นได้ก็ดี” เซฮุนหายใจเข้าลึก ๆ แต่ดูเหมือนว่ามันจะช่วยอะไรได้ไม่มากเท่าที่ควร
จื่อเทามองคนตรงหน้าด้วยความเป็นห่วง เซฮุนเป็นพวกถนัดเรื่องปั้นหน้านิ่ง แล้วก็เต้นโชว์เสน่ห์ให้คนดูหลงใหล แต่เรื่องแสดงออกทางคำพูด ถ้าไม่ใช่กับคนที่ไว้ใจ หรือคนที่สนิทจริง ๆ จ้างให้ตายหมอนี่ก็ทำตัวเป็นธรรมชาติด้วยไม่ได้
ซึ่งหวงจื่อเทามั่นใจว่าถ้าเขาได้รับบทเป็นผู้หญิง การแสดงของหมอนี่ก็อาจจะดีขึ้นมาอีกในระดับหนึ่งน่ะนะ...
“ยิ้มอะไร”
“เปล่า”
“นายกำลังหัวเราะเยาะฉัน พูดออกมาเลยดีกว่าว่าในหัวของนายกำลังคิดอะไรอยู่” เซฮุนชกไหล่คนตัวสูงจนเจ้าตัวยืนงอตัวพลางลูบต้นแขนป้อย ๆ สีหน้าจื่อเทาไม่ได้รู้สึกผิดเลยสักนิด กลับกันแล้วผู้ชายคนนี้เอาแต่ปั้นหน้าสำออยปนยิ้มขำเท่านั้น
“ฉันแค่คิดว่าถ้าได้เป็นเจ้าหญิงของเซฮุนโอป้าแล้วจะเป็นยังไงน้า”
“ฝันไปเถอะ ถ้าอุ้มนายทีคงมีแขนหัก” เด็กหนุ่มในชุดเจ้าชายชะโงกหน้าออกไปนอกม่านสีแดง เพื่อดูว่าการแสดงเล่นไปถึงไหนแล้ว
“ก็เอาแค่บทจูบสิ หรือถ้าจะต้องมีใครต้องอุ้ม ฉันจะอาสาเป็นเจ้าหญิงที่อุ้มเจ้าชายให้ก็ได้” จื่อเทาอ้าแขนออกทำท่าประกอบ ก่อนจะหลุดหัวเราะออกมาเพราะถูกเจ้าชายผลักอกเข้าเต็มแรง
“เพี้ยน”
“อึน”
“นายมันเพี้ยน”
“ก็เหมาะกับคนอึน ๆ อย่างนายแล้วไม่ใช่เหรอ” จื่อเทากลอกตายิ้มล้อ ซึ่งมันเป็นสัญญาณเตือนว่าโอเซฮุนกำลังจะโดนกวนประสาทในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้านี้แล้ว
“ไม่เหมาะ เลิกพูดเลย” เซฮุนชี้คาดโทษคนตัวสูงที่เอาแต่พูดกวนประสาทเขาอยู่ได้ นี่ยิ่งตื่นเต้นอยู่ด้วย เกิดลืมบทขึ้นมากลางคันเขาจะโทษหมอนี่
“ก็ไม่อยากให้เครียด ผ่อนคลายหน่อยสิ” เซฮุนยืนนิ่งพลางมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของอีกฝ่าย จื่อเทาวางมือลงบนหัวเขา แล้วลูบเบา ๆ ราวกับเอ็นดู
“ฉันจะทำได้ใช่ไหม?”
“คำถามนี้ควรเกิดขึ้นหน้ากระจกนะ”
คนตัวผอมเบิกตาโพลงเมื่อร่างของเขาถูกจับพลิกให้หันหน้าเข้าหากระจกซึ่งถูกวางพิงไว้กับผนัง ตอนนี้ผู้คนที่อยู่หลังเวทีต่างก็ง่วนอยู่กับงานตัวเอง ส่วนนักแสดงก็เอาแต่ซ้อมบทอย่างตั้งใจ ไม่มีใครสนว่ามีเด็กผู้ชายสองคนยืนอยู่ข้างทางเข้าเวทีตรงนี้ ซึ่งเซฮุนคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ดีแล้ว
รู้สึกได้ถึงมือใหญ่ของอีกคนที่วางลงบนหัวไหล่เขาทั้งสองข้าง อีกทั้งภาพตรงหน้าซึ่งเห็นว่าจื่อเทายืนซ้อนอยู่ข้างหลัง ขณะที่เราอยู่ในกระจกเฟรมเดียวกัน
“ฉันไม่เคยตัดพ้อตัวเอง แล้วบอกว่าคงสู้ใครไม่ได้”
เราสองคนสบตากันผ่านกระจก ไม่บ่อยนักหรอกที่หวงจื่อเทาจะเข้าเรื่องจริงจัง และถ้ามันเกิดขึ้นเมื่อไหร่ นั่นหมายความว่าโอเซฮุนต้องตั้งใจฟังแล้ว
“เวลาฉันขึ้นไปเหยียบบนแท่นกระโดด ฉันคิดอย่างเดียวว่าจะต้องทำให้ดีที่สุด เท่าที่ตัวฉันจะทำได้” เด็กตัวสูงออกแรงบีบไหล่คนตรงหน้าเบา ๆ เป็นเชิงให้กำลังใจ พร้อมกระซิบข้างหูเจ้าชายที่น่ารักที่สุดในโลกของเขา
“แล้วนายก็ทำได้”
“ใช่ เพราะที่ตัวฉันทำได้ดีที่สุดก็คือการชนะ” จื่อเทายิ้ม “แต่มันไม่ใช่ว่าฉันเป็นพวกหลงใหลชัยชนะหรอกนะ”
“แล้วมันยังไงล่ะ”
“ไม่มีอะไรเจ๋งไปกว่าการเอาชนะใจตัวเองได้หรอกเซฮุน พอถึงเวลาที่ต้องแข่งกับคนอื่น ไอ้คนพวกนั้นก็แค่พยายามในส่วนของตัวเองแล้วคิดว่าต้องชนะ ต้องทำให้ดีกว่าคนอื่น แต่สำหรับฉัน...คือการสู้กับความตั้งใจของตัวเอง”
อีกไม่ถึงสามนาทีก็จะถึงฉากที่เซฮุนจะต้องเดินเข้าไปยืนกลางเวทีแล้ว เด็กหนุ่มเลียริมฝีปากอย่างประหม่า หัวใจของเขาเต้นเร็วแรงไม่เป็นจังหวะกับการแสดงออกแบบใหม่ต่อหน้าผู้คนนับร้อย อีกทั้งเสียงปรบมือ และสีหน้าการแสดงออกของคนดูเหล่านั้น มันเป็นสิ่งกดดันได้เป็นอย่างดี
เสียงจื่อเทายังคงกระซิบให้กำลังใจอยู่ไม่ห่าง เซฮุนรู้ตัวว่าเขาเอาแต่พยักหน้าอย่างว่าง่ายตอนที่อีกฝ่ายถามขอความเห็นหลังจากเล่าจบ ซึ่งมันทำให้เขารู้สึกดี
“นาย...”
ทันทีที่หันหน้าเข้าหาอีกฝ่าย ร่างของเขาก็ถูกรวบเข้าไปกอดก่อนที่จะได้ปริปากพูด เซฮุนเบิกตากว้างอย่างตกใจ นี่เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าเขาไม่ใช่คนตัวใหญ่ไปกว่าใครเมื่อได้อยู่กับผู้ชายคนนี้ กอดของจื่อเทาแปลก ซึ่งมันคงทำให้เขารู้สึกเคยชินไม่ได้ เพราะมันคือครั้งแรกที่เราเข้าถึงตัวกันและกันมากถึงขนาดนี้
แต่ความสงสัยก็เริ่มจางลงไปพร้อม ๆ กับมือใหญ่ที่ลูบลงกลางแผ่นหลังของเขาอย่างแผ่วเบา มันนุ่มนวลจนไม่อยากเชื่อว่าสัมผัสนี้มาจากผู้ชายขี้เล่น และชอบกวนประสาทอย่างหวงจื่อเทา
วูบหนึ่งเซฮุนรู้สึกว่าอีกฝ่ายก็มีมุมอ่อนโยน ถ้าไม่ติดว่าตอนนี้ในหัวของโอเซฮุนกำลังถูกความประหม่าโจมตี เขาก็คงจะผละตัวออกมาแซวเพื่อนชาวจีนคนนี้สักหน่อย แต่วินาทีนี้คนเป็นเจ้าชายเพียงแค่ยืนนิ่ง ๆ
แล้วปล่อยให้คนตรงหน้ากอดปลอบเรียกความมั่นใจ...
“เอาพลังจากฉันไป แล้วค่อยเอามาคืนในวันที่ฉันสู้ไม่ไหวนะเซฮุน”
50%
เสียงปรบมือเป็นสัญญาณดีสำหรับกลุ่มเด็ก ๆ ที่สวมบทนักแสดงบนเวที เซฮุนไม่สามารถกลั้นยิ้มไว้ได้ เมื่อหันไปเห็นสีหน้าของคนดูซึ่งเต็มไปด้วยรอยยิ้ม อีกทั้งเสียงปรบมือที่ดังลั่นฮอล์ แน่นอนว่าภาพตรงหน้ามันทำให้คนที่ใช้เวลาไปกับความพยายามมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก
แม้ว่าการแสดงจะสิ้นสุดไปแล้วเกือบห้านาที มือทั้งสองข้างของเด็กหนุ่มเย็นและชื้นไปด้วยเหงื่อ เซฮุนหันไปมองม่านแดงตรงทางเข้าหลังเวที เขาเห็นว่าจื่อเทายืนพิงอยู่กับผนังด้วยรอยยิ้ม พร้อมปรบมือเบา ๆ ขณะมองมาทางนี้ เรายิ้มให้กัน กับความสำเร็จที่มันมากกว่าที่คิด และหวงจื่อเทาก็เป็นคนมอบกำลังใจวินาทีสุดท้ายให้กับเขา
เซฮุนจับมือกับซอนฮวา และเพื่อนที่รับบทเป็นพ่อเจ้าหญิงที่อยู่ด้านซ้ายมือ เราทุกคนจับมือต่อกันไปเรื่อย ๆ ก่อนจะโค้งหัวให้กับคนดูเป็นร้อย
คนตัวสูงช่วยถือถุงเสื้อผ้าให้ตอนที่เขากำลังง่วนอยู่กับการเก็บของ แม้ว่ามือของผู้ชายคนนี้จะแทบไม่ว่างถือแล้ว แต่หวงจื่อเทาก็เลือกที่จะเก็บสมาร์ทโฟนใส่กระเป๋ากางเกง แล้วใช้นิ้วนางกับนิ้วก้อยเกี่ยวถุงหิ้วช่วยเขา จนมันแทบจะล้นมือ
รอยยิ้มอยู่บนหน้าเด็กตัวผอมได้ไม่นานเท่าที่ควร เมื่อนึกไปถึงใครอีกคนที่ช่วยทำให้ทุกอย่างมันออกมาได้ดีขนาดนี้ ซึ่งเซฮุนรู้อยู่แก่ใจว่าถ้าเกิดซ้อมเองคนเดียว บทเจ้าชายในวันนี้คงเละไม่เป็นท่า แต่มันไม่น่าแปลกไปหน่อยเหรอ ที่โทรศัพท์ของเขามันเงียบสนิท ไม่มีแม้แต่ข้อความที่ยังไม่ได้เปิดอ่าน หรือเงาของผู้ชายคนนั้นที่เขาคาดหวังว่าจะได้เจอในงานสักวินาที
“เป็นอะไรหรือเปล่า?” เซฮุนเพิ่งรู้ตัวว่ากำลังทำตัวผิดปกติก็ตอนที่เห็นผู้ชายทะเล้นขมวดคิ้วเล็กน้อยตอนมองมา เขาเพียงแค่ยิ้มเจื่อน ก่อนจะส่ายหน้าปฏิเสธ
โอเซฮุนอาจจะหวังมากเกินไปก็ได้ ที่คิดว่าจงอินจะมาดูการแสดง ซึ่งจริง ๆ แล้ว ผู้ชายคนนั้นอาจจะแค่สงสารคนเล่นละครห่วยแตก เลยมาช่วยซ้อมให้ ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องตามมาดูผลงาน
แต่ทำไมถึงได้รู้สึกไม่ดีแบบนี้นะ...ไม่น่าคาดหวังเลย
.
.
หลังจากวันนั้น การแสดงละครก็กลายเป็นอดีตที่เซฮุนไม่รู้ว่าควรจะหยิบยกขึ้นมาพูดตอนที่เจอหน้าจงอินหรือเปล่า เราเพียงแค่ส่งข้อความคุยกันวันละครั้งสองครั้ง ซึ่งมันเป็นความบ้าบอของเขาเองนั่นแหละ ที่เครียดกับการพิมพ์ตัวอักษรแต่ละตัว เพราะกลัวจะดูผิดปกติไปจนถูกจับได้ แต่ก็นั่นแหละ ทั้ง ๆ ที่พยายามแล้ว ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าตัวเองทำตัวแปลก แต่จงอินก็ไม่ได้พูดถึงเลยสักคำ
โอเซฮุนกลับมาอยู่ในสภาวะเสียความเป็นตัวเองอีกครั้ง เพียงเพราะคิดมากเรื่องจงอินไม่ไปดูการแสดง เขาไม่ชอบตัวเองเวลาจมอยู่กับความคิดที่ส่งไปในด้านลบ เพราะมันจะทำให้ความสุขในการชอบจงอินหายไป
เด็กหนุ่มโล่งอกทุกครั้งที่ได้ข้อความตอบกลับจากอีกฝ่าย แม้ว่าจะไม่ได้รับในทันที แต่ก็ยังดีกว่าจงอินเงียบหายไปเลย
ทั้งที่ทุกอย่างก็เป็นเหมือนก่อนหน้านี้ แต่เป็นตัวเขาเองนั่นแหละที่คิดว่าไม่เหมือนเดิม เป็นเพราะเราจูบกันแล้วใช่ไหม ใช่...เป็นเพราะเรื่องนั้นที่คอยปั่นป่วนหัวของโอเซฮุนมาตลอดจนแทบระเบิดเป็นเสี่ยง ๆ
ก็ไม่อยากคิดมากแบบนี้หรอก ถ้าเราสองคนไม่ก้าวข้ามผ่านเส้นคั่นตรงกลางที่ขีดเอาไว้ คนสองคนจูบกันแล้ว แต่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย ตอนนี้กำลังคาดหวังอยู่ใช่ไหม? ถ้าตอบว่าไม่ก็คงโกหก
โอเซฮุนกำลังโลภมาก เขาอยากให้ความสัมพันธ์ของเรามันก้าวขึ้นไปอีกหน่อย ไม่ต้องถึงขั้นแฟนก็ได้ แต่ก็อยากให้มันมีอะไรชัดเจนขึ้นกว่าที่เคยเป็นสักหน่อย จะว่ายังไงดีล่ะ ขนาดตัวเขายังไม่รู้เลยว่าต้องการให้มันออกมาในรูปแบบไหน
ปล่อยให้สมองด้านดีและด้านไม่ดีทะเลาะกันเองจนพอใจ ระหว่างด้านร้ายที่บอกว่า ‘จงอินน่าจะไปดูเขาเล่นละครบ้าง หรือไม่ก็ส่งข้อความมาบอกก็ได้ว่าไม่ว่าง มาไม่ได้’
แต่ด้านดีก็คอยย้ำบอกว่า ‘จงอินก็คือจงอินไม่ใช่เหรอ ผู้ชายคนนั้นใช่ว่าจะเป็นพวกชอบแสดงออกอะไรอย่างชัดเจนเสียเมื่อไหร่’ ทั้ง ๆ ที่รู้และเข้าใจ แล้วทำไมถึงได้เก็บมาน้อยใจเงียบ ๆ คนเดียวก็ไม่รู้
วันนี้จื่อเทาบุกรุกมาหาถึงบ้าน ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องน่าตกใจนัก สำหรับเพื่อนคนนึงที่สนิทกันมากขึ้นเรื่อย ๆ หมอนั่นก็เข้ากับพ่อแม่เขาได้เป็นอย่างดี ถึงจะเป็นคนทะเล้น แต่จื่อเทาก็รู้จักวิธีเข้าหาผู้ใหญ่ในแบบของตัวเอง
ไหนจะเป็นแขกรับเชิญตอนเขากำลังแคสเกมอยู่ จื่อเทาดูสนุกตอนที่บอกให้เขาเดินไปตรงนั้นตรงนี้ ในเกม Horror ยอดฮิตที่เล่นค้างไว้ในพาร์ทที่หก แน่นอนว่าคลิปนั้นมีเสียงเราสองคนคุยกัน หัวเราะด้วยกัน หลังจากนั้นก็มีคอมเมนท์ถามมาเป็นร้อย ๆ ว่าเสียงผู้ชายอีกคนในคลิปคือใคร
ช่วงนี้นักเรียนเกือบครึ่งประเทศคงกำลังใช้เวลาอยู่กับการอ่านหนังสือเตรียมสอบ แต่เราสองคนก็เลือกออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกกัน โดยจื่อเทาอ้างว่า ‘คนที่รู้แล้วเขาไม่อ่านหนังสือกันหรอก ปล่อยให้พวกคนโง่อ่านไป’ และประโยคกวนประสาทแบบนี้ทำให้เซฮุนหลุดหัวเราะออกมาเบา ๆ
จื่อเทาก็ยังคงเป็นจื่อเทา ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่พวกรักการเรียน แต่เป็นพวกประเภทเรียนไม่อยากมากีฬาไม่อยากขาด เพราะฉะนั้นคะแนนด้านกิจกรรมถึงเต็มตลอด
เซฮุนสบายใจที่จะอยู่กับจื่อเทา แต่ทุกครั้งที่ในหัวว่างเปล่า เรื่องของจงอินก็จะผุดเข้ามาให้คิดอยู่เสมอ มันคือความจริงที่ว่าคนเราไม่สามารถขับไล่เรื่องของคนที่ชอบออกไปจากหัวได้เลย แม้ว่าตอนนั้นจะอยู่ที่ไหน และกับใคร
จื่อเทาเล่าให้ฟังว่าจงอินกับชานยอลกำลังตั้งใจอ่านหนังสือสอบอยู่ ซึ่งถ้าจะให้ไปนั่งเงียบดูเพื่อนอ่านหนังสือ สู้ออกมาสูดกลิ่นดินหลังฝนตกซะยังจะดีกว่า และมันเป็นสัญญาณเตือนว่าเขาไม่ควรส่งข้อความหรือโทรไปรบกวนในเวลาแบบนี้
ทุ่มครึ่งแล้ว เราควรจะกลับบ้านกันสักที ทั้งสองคนใช้รถไฟใต้ดินในการเดินทางเหมือนทุกครั้ง จื่อเทาเป็นคนสอนให้เขาทำทุกอย่างด้วยตัวเอง จะได้ไม่ต้องขึ้นแท็กซี่บ่อย ๆ ในมือของเซฮุนมีถุงพลาสติกสีขาวที่ข้างในมีเสื้อสองตัวถูกพับไว้เป็นอย่างดี ซึ่งจื่อเทาเป็นคนซื้อให้ เจ้าตัวอ้างว่ามันเป็นของขวัญ ที่เขาแสดงละครออกมาได้ดี
“นายนี่นะ...” เซฮุนมองของในมือแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ จื่อเทาเป็นคนหัวดื้อ เรื่องนี้เขารู้ดี แต่หมอนี่ก็ยังยิ้ม ถึงแม้ว่าจะถูกมองคาดโทษตั้งแต่เราเดินออกมาจากร้าน
“อย่าคิดมากน่า ฉันไม่ได้ซื้อทุกอย่างให้นายสักหน่อย”
“ฉันไม่ยอมให้ทำอย่างนั้นหรอก”
“คิดว่าเพื่อนแสดงความยินดีด้วยสิ จะได้ไม่ลำบากใจ”
“เหรอ แล้วถ้าฉันซื้อให้นายบ้างล่ะ?” เซฮุนมองคนข้าง ๆ ที่ยังคงยิ้มพอใจอยู่อย่างนั้น เขาไม่ใช่พวกชอบรับของจากใครฟรี ๆ จื่อเทาก็รู้
“อะไรที่มาจากนายมันก็ดีทั้งนั้นแหละ แล้วฉันก็จะไม่สนใจด้วยว่าราคาจะมากน้อยแค่ไหน เพราะสิ่งที่มาจากนาย มันคือสิ่งที่ฉันต้องการ”
หลายครั้งแล้ว ที่หวงจื่อเทาชอบพูดให้เขาตอบกลับไม่ถูก เซฮุนเพียงแค่สบตากับอีกฝ่าย พอตั้งสติได้ก็ไหวไหล่แล้วทำเป็นไม่ใส่ใจกับคำพูดนั้น
จื่อเทาชอบทำทีเล่นทีจริง บางครั้งก็ดูเหมือนว่าจะชอบเขา แต่บางครั้งก็ดูเหมือนไม่ได้คิดอะไร ซึ่งเขาก็ได้แต่ภาวนาว่าอย่าให้ผู้ชายคนนี้คิดไปไกลกว่านี้เลย เพราะเซฮุนเองก็พยายามรักษาระดับความสัมพันธ์ระหว่างเราทั้งคู่อยู่
ไม่ใช่ว่าจื่อเทาไม่ดี แต่เซฮุนมีคนที่ชอบอย่างจริงจังอยู่แล้ว มันคงยากที่จะหันไปมองใครอีกคน
“มองไรวะ?”
เสียงที่ดังมาจากฝั่งตรงข้ามเรียกสติเด็กตัวผอมให้กลับคืนมา เขายังไม่ทันได้เห็นหน้าเจ้าของเสียงนั้นด้วยซ้ำ ชายร่างหนาก็ตรงมาทางนี้ ก่อนที่จื่อเทาจะลุกขึ้นด้วยเช่นกัน
“มึงมองแฟนกูเหรอ?”
“พี่คะ ไม่เอาสิ” หญิงสาวหน้าตาน่ารักคว้าแขนแกร่งเอาไว้ เมื่อแฟนหนุ่มของเธอทำท่าจะเข้ามาหาเรื่องจื่อเทา
“อ้าว มองไม่ได้เลยดิ”
“เทา...” เซฮุนลุกขึ้นยืนข้าง ๆ เพื่อนตัวสูง แทนที่หมอนี่จะอธิบาย แต่กลับราดน้ำมันใส่เพิ่มโทสะให้คนตรงหน้าเสียอย่างนั้น
ผู้คนในขบวนต่างมองมาทางนี้เป็นตาเดียวกัน กับเหตุการณ์ที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นในสถานที่แบบนี้ สีหน้าของจื่อเทาไม่ได้ติดหงุดหงิดไม่พอใจ กลับกันแล้วหมอนี่ดูเหมือนกำลังสนุกเสียด้วยซ้ำ กับการเป็นฝ่ายถูกหาเรื่องก่อน
“มองได้ แต่หลังจากนั้นก็ต้องเคลียร์กันหน่อยล่ะ” ชายร่างหนาถลกแขนเสื้อขึ้น ราวกับจะบอกว่าเอาจริงแน่ถ้าเกิดว่าจื่อเทายังไม่หยุด
“เอาไงล่ะ เคลียร์ตอนนี้เลยดีไหม?” จื่อเทาเขี่ยปลายจมูกตัวเองเบา ๆ อย่างนึกสนุก เขาไม่ได้ซัดหน้าใครมาสักพักหนึ่งแล้ว ถ้าวันนี้ได้ออกกำลังกายจากไอ้แก่ปากดีนี่ก็คงจะสดชื่นไม่น้อย
“กวนตีนแบบนี้ระวังไม่ได้แก่ตายนะน้อง”
“ก็ว่างั้นแหละ แล้วพี่วางแผนไว้ยังว่าจะตายยังไง แก่ตาย...หรือจมตีนเด็กคารถไฟใต้ดิน?”
“มึง!!!”
เพียงแค่เสี้ยววินาทีเท่านั้น ที่เซฮุนมีโอกาสได้ตกใจกับประโยคยั่วโทสะของจื่อเทา หมัดลุ่น ๆ ของผู้ชายคนนั้นก็พุ่งมาอย่างที่เขาคิดว่าคนตัวสูงคงไม่ได้มีโอกาสตั้งตัว
แต่เขาคิดผิด เมื่อมือแกร่งของนักว่ายน้ำดีกรีหลายเหรียญทองใช้มือเดียวคว้าหมัดนั้นไว้ได้ทันด้วยสีหน้าเรียบเฉย นั่นสร้างความตกใจให้ผู้คนรอบข้างเป็นอย่างมาก รวมไปถึงเซฮุนด้วยเช่นกัน
“อะไรวะพี่ นี่ไม่คิดจะตอบกันเลยดิ ใจร้ายใจดำเหลือเกิน”
“ห่าเอ๊ย!!!” ชายร่างหนากัดฟันกรอด ก่อนจะส่งหมัดอีกข้างมาอีกครั้ง แต่จื่อเทาก็รับไว้ได้พอดี
“ช้าแบบนี้คลานกลับเข้าไปในรูแม่แล้วเกิดมาเป็นหอยทากดีกว่ามั้ง”
“เทา อย่า” เซฮุนคว้าแขนเพื่อนเอาไว้พลางส่ายหน้าเป็นเชิงห้าม และผู้หญิงคนนั้นก็เช่นกัน
“ปล่อยสิวะ!!!”
“อยากให้ปล่อยก็แกะออกเองสิครับพี่ มวยวัดสอนให้บวก แต่ไม่เคยสอนวิธีถอยหลังไปตั้งหลักเหรอ”
เสียงของผู้คนรอบข้างดังขึ้นเรื่อย ๆ เซฮุนคิดว่าควรทำอะไรสักอย่าง ก่อนที่รปภ.ประจำขบวนรถไฟจะออกมาไล่เราทั้งสี่คนให้ลงป้ายหน้า ถ้าเป็นอย่างนั้น อาจจะมีการชกต่อยกันเกิดขึ้นได้
“ขอร้องล่ะครับ พอเถอะ”
“บอกเพื่อนมึงสิ มันเอาแต่นั่งมองแฟนกูตั้งนานแล้ว!!!”
“โธ่พี่ ถ้าไม่อยากให้ใครมองก็ล่ามโซ่แฟนไว้ที่บ้านเลย แบบนั้นไม่มีใครเห็นแน่นอน” จื่อเทายังคงพูดกวนประสาทไม่เลิก จนกระทั่งเซฮุนดันแผงอกของเพื่อนชาวจีนออก แล้วเดินเข้าไปแทรกตรงกลางขวางเอาไว้
“ขอโทษด้วยนะครับ”
“ขอโทษงั้นเหรอ เด็กแบบนี้ต้องเอาเลือดให้กบปาก” จื่อเทาหลุดหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ หลังจากได้ยินคำพูดคำจาของคนที่ไม่สามารถซัดหน้าเขาด้วยหมัดถึงสองครั้ง ไอ้ห่านี่สงสัยอยากลอง ไม่งั้นคงไม่หยุดปากดี
“จะเอาไหมล่ะ ลงสถานีหน้าเลย”
“เกิดเมื่อวานคลานเมื่อเช้าคิดว่ากูจะกลัวงั้นเหรอ”
“พี่คะ เขาไม่ได้มองหนูจริง ๆ นะ”
“เธอน่ะเงียบไปเลย!!!”
“ใช่ครับ เขาไม่ได้มองเธอจริง ๆ” เซฮุนโพล่งขึ้นมา เมื่อรู้สึกว่าทุกอย่างมันจะไปกันใหญ่แล้ว
จื่อเทาหลุบตาลงมองศีรษะทุยของคนตรงหน้าที่ยืนขวางเขาเอาไว้ เซฮุนไม่ควรเอาตัวมาคั่นกลางแบบนี้เพราะอาจโดนลูกหลงได้ แต่หวงจื่อเทาก็รู้สึกดีจนอยากรอดูต่อไปว่าเซฮุนจะปกป้องเขายังไง
“มึงรู้ได้ไงว่ามันไม่ได้มอง”
“...”
“พอเถอะน่า คุณจะสร้างความวุ่นวายเกินไปแล้วนะ” เสียงของหญิงสาววัยทำงานที่นั่งอยู่ไม่ห่างจากตรงนี้พูดขึ้นมาอย่างหัวเสีย หลังจากทนดูเหตุการณ์มาหลายนาที แต่คู่กรณีของจื่อเทากลับหันไปมองหาเรื่องเธอ
“ไม่ใช่เรื่องตัวเองก็อย่ายุ่งดีกว่าน่าคุณ”
“เหอะ”
“ตกลงจะตอบได้หรือยัง?”
ชายร่างหนาหันมาคาดคั้นกับเซฮุนอีกครั้ง ไม่ว่ายังไงผู้ชายคนนี้ก็ยังคงจงใจเอาเรื่องให้ได้ว่าจื่อเทามองแฟนตัวเอง มันคือนิสัยของพวกอันธพาล ที่พยายามเอาชนะอีกฝ่ายได้ทุกวิถีทาง
พอเห็นว่าทุกคนในขบวนรถไฟกำลังหงุดหงิด จื่อเทาเลยคิดได้ว่าเรื่องมันเริ่มจะไม่สนุกแล้ว เพราะฉะนั้นเขาเลยดันให้เซฮุนไปยืนข้างหลัง แต่เจ้าตัวกลับยื้อเอาไว้
“เพราะเราเป็นแฟนกันครับ”
“...”
“...”
“...”
“แล้วผู้ชายที่ชอบผู้ชายด้วยกัน...เขาก็คงไม่มองผู้หญิงหรอก”
เสียงของเซฮุนดูไม่มั่นใจที่จะพูด แต่เจ้าตัวก็ยังพยายามแก้ไขสถานการณ์ให้ดีขึ้นในแบบของตัวเอง ไม่บ่อยนักหรอกที่หวงจื่อเทาจะตกอยู่ในสภาวะแบบนี้ ครั้งแรกคือตอนที่รู้ว่าต้องย้ายมาอยู่เกาหลีตอนอายุยังน้อย กับตอนรู้ว่าไอ้จงอินโดนพ่อตบจนต้องระเห็จหนีไปอยู่บ้านไอ้ชานยอล
ครั้งนี้เป็นครั้งที่สาม เขากำลังอึ้งกับสิ่งที่เซฮุนได้พูดมันออกไป
ถึงจะเป็นความตั้งใจที่เจ้าตัวอยากจะยุติสงครามกลางรถไฟใต้ดิน แต่มันก็ทำให้หัวใจของคนที่อยู่ในสภาวะแอบชอบเต้นแรงได้ไม่ยาก จื่อเทาไม่เคยรู้สึกหัวใจพองโตแบบนี้กับใคร ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงสวย ๆ ที่เคยคบ หรือคู่นอนทุกคนที่ให้ความสุขทางกายได้ ไม่มีเลยสักคน ที่จะทำให้เขารู้สึกได้อย่างโอเซฮุน
“ที่แท้ก็เป็นเกย์”
น้ำเสียงเหยียดหยันมาพร้อมรอยยิ้มสมเพช เซฮุนคิดว่าถ้าอดทนอีกสักสองสามนาที เรื่องราวก็คงจบได้โดยที่ไม่มีใครเจ็บตัวจนต้องไปโรงพัก
“พี่จะลองไหมละ ครั้งเดียวนี่ลืมเลยนะว่าทำกับผู้หญิงมันสนุกยังไง”
“เทา...” เสียงคาดโทษของเซฮุนเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เด็กตัวสูงเงียบปากได้ ผู้ชายปากดีคนนั้นเพียงแค่ส่งสายตาดูแคลนเด็กหนุ่มทั้งสองคนราวกับเป็นตัวน่ารังเกียจในสังคม ก่อนจะพาแฟนสาวกลับไปนั่งที่เดิม เรื่องนี้ถึงได้จบลงที่ไม่มีใครต้องบาดเจ็บ
.
.
“ฉันล่ะเกลียดจริง ๆ ไอ้พวกดีแต่ปาก ดูก็รู้ว่ามันไม่ได้เก่งอย่างที่คุย ๆ หรอก”
“...”
“ถ้าแฟนสวยเหมือนจางรี่อินก็ว่าไปอย่าง บอกเลยนะว่าไม่ได้มอง”
“...”
“เอาเถอะ ถึงฉันจะอยากซัดหน้าไอ้เวรนั่น แต่ฉันก็ชอบวิธีเอาตัวรอดของนายนะ”
“...”
“เฮ้ ทำไมเงียบไปเลยล่ะ”
เด็กตัวสูงคว้าแขนอีกคนเอาไว้แล้วพลิกให้หันมามองหน้ากัน เขาเห็นว่าสีหน้าเซฮุนตอนนี้เรียบเฉย คล้ายว่าไม่พอใจ ซึ่งถ้าหวงจื่อเทาโง่กว่านี้ เขาอาจจะถามกลับไปก็ได้ว่า ‘เป็นอะไร’ เพื่อรับคำตอบห้วน ๆ ที่ไม่เคลียร์จนต้องโง่ถามอีกครั้ง
“ไม่เอาน่า ฉันก็ไม่ได้ต่อยใครไม่ใช่เหรอ”
“แต่ถ้าฉันไม่ห้าม นายก็ต่อยเขา”
“ก็มันน่าต่อย นายไม่คิดงั้นหรือไง”
“คิด แต่เราจะต่อยหน้าทุกคนที่เกลียดไม่ได้ นายไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวบนโลกนะ” เซฮุนถอนหายใจแล้วเดินนำหน้าไปอีกครั้ง จื่อเทากลอกตา ก่อนจะรีบวิ่งไปประกบข้างคนตัวผอมที่ยังคงขมวดคิ้วไม่พอใจ ดูสิ ขนาดหงุดหงิดยังน่ารัก คนบ้าอะไรกัน
“เป็นห่วงเหรอ”
“เปล่า ฉันเป็นห่วงคนรอบข้างที่ต้องมาเห็นนายทำตัวแบบนี้”
“โธ่ ดูพูดเข้า จะให้กำลังใจกันสักนิดก็ไม่มี”
“ก็ให้กำลังใจตัวเองซะสิ”
“นี่โกรธขนาดนั้นเลยหรือไง” จื่อเทายังคงเร่งฝีเท้าตามพลางก้มหน้ามองอีกคนที่ยังคงทอดสายตาไปยังเบื้องหน้า โดยไม่คิดจะหันมาสบตากันเลยสักนิด “เซ...”
เด็กตัวผอมหยุดฝีเท้า แล้วหันหน้าเข้าหาคนตัวสูงกว่า จื่อเทาไม่ได้ทำหน้ากวนประสาทเหมือนก่อหน้านี้ แต่เจ้านี่กำลังทำตาปริบ ๆ เบะปาก ปั้นหน้าเรียกร้องคะแนนสงสารจนน่าหมั่นไส้
“อย่ามีเรื่องบ่อย ๆ ได้ไหม”
“บอกเหตุผลมาก่อนสิ แล้วจะพิจารณาอีกที”
“เพราะฉันไม่อยากให้นายไปทำร้ายใคร คนอื่นเขาจะเจ็บตัว”
“เหตุผลนี้ไม่ผ่าน ฉันจะต่อยหน้าทุกคนที่ฉันหมั่นไส้ต่อไป” จื่อเทายักคิ้ว ก่อนจะหลุดขำออกมาเล็กน้อยเมื่อถูกคนตรงหน้าผลักอก “อะไรเล่า”
“จะเอาให้ได้ใช่ไหม”
“ใช่ ก็รู้นี่ว่าฉันอยากได้ยินอะไร ถ้าพูดออกมาแต่แรกก็จบแล้ว” เด็กหนุ่มชาวจีนยิ้มกว้าง ยิ่งเห็นว่าเซฮุนกำลังถอนหายใจ เขาก็ยิ่งมีความสุข เพราะมันหมายความว่าตอนนี้คนตรงหน้ากำลังเป็นกังวลเรื่องของเขา
“ถ้าเกิดวันหลังผู้ชายคนนั้นพาเพื่อนมาดักรุมซ้อมนายขึ้นมามันจะแย่นะ เราไม่รู้ว่าหลังจากชกต่อยกันแล้วมันจะจบภายในครั้งนั้นหรือเปล่า ถูกไหม?”
“อ่าฮะ” เด็กตัวสูงขานตอบแบบขอไปที จื่อเทากำลังกดดันให้เขาพูด เซฮุนรู้ดี
“ฉันเป็นห่วงนาย”
ก็แค่นั้นแหละที่อยากได้ยิน จื่อเทาอมยิ้มก่อนจะทำมือโอเคยื่นออกมาจนเซฮุนต้องเบี่ยงหน้าหลบ แต่คนขี้แกล้งก็ยังคงทำมือปลาหมึกใส่คนที่กำลังหงุดหงิดอยู่อย่างนั้น
.
.
วันนี้สอบปลายภาคเทอมหนึ่งวันแรก เซฮุนไม่ได้รู้สึกแย่นักกับข้อสอบที่ทำได้บ้างไม่ได้บ้าง พอออกมาจากห้องก็ได้ยินเสียงเพื่อนโอดครวญ หยิบหนังสือมาเปิดดูสูตรต่าง ๆ ที่ออกในข้อสอบอย่างเสียดาย
“นี่เซฮุน”
“ว่า?”
“ทำข้อสอบได้ไหม” ซอนฮวายืนกอดอกพิงกับผนัง ซึ่งเขาก็ได้แต่ส่ายหน้าเป็นคำตอบ เธอเลยหลุดหัวเราะออกมา “พอกันเลย”
“ฉันไม่ได้อ่านหนังสือมาน่ะ แล้วเธอล่ะ”
“อ่านนิดนึง ฉันเป็นพวกเห็นหนังสือทีไรเป็นหลับตลอด” เธอว่าแล้วกลอกตามองบน
หลังจากบทสนทนาสั้น ๆ สิ้นสุดลง ความเงียบก็โรยตัวอีกครั้ง มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ เพราะฮันซอนฮวาก็รู้ดีว่าหนุ่มหน้าหล่อขวัญใจสาว ๆ อย่างโอเซฮุนเป็นคนพูดไม่เก่ง ถ้าไม่มีประเด็นชวนคุย ก็อย่าหวังว่าหมอนี่จะปริปากพูด
“เซฮุน”
“อืม”
“พูดตรง ๆ แบบเปิดอกเลยนะ”
หญิงสาวหันหน้าเข้าหาเพื่อนตัวสูง เซฮุนไม่ได้ขานตอบอะไรอีก เขาเพียงแค่รอให้อีกฝ่ายพูดเปิดประเด็นออกมา ซอนฮวากัดริมฝีปากบนขณะใช้ความคิด ก่อนจะวางมือลงบนไหล่กว้างของอีกคน
“เรื่องของนายกับหวงจื่อเทานี่มันยังไงกันเหรอ ไหนจะคิมจงอินอีกคนด้วย”
“...”
ผู้ชายคนนี้ไม่ได้ตอบคำถามให้เธอหายคาใจในทันที เซฮุนยืนนิ่ง แล้วมองมาราวกับอยากถามว่า ‘เธอเป็นบ้าอะไรถึงได้มายุ่งเรื่องส่วนตัวของคนอื่น ยัยเสร่อ’ ยังไงอย่างนั้น แต่ไอ้อาการอยากรู้อยากเห็นนี่มันเป็นเรื่องปกติของผู้หญิงอยู่แล้ว โอเซฮุนควรทำความเข้าใจ แล้วแถลงไขเรื่องนี้ให้กระจ่างซะ
“ตอนแรกฉันคิดว่าคงจำผิดคน ที่เห็นนายไปกับหวงจื่อเทาเมื่อนานมาแล้ว แต่เพิ่งมารู้ทีหลังว่านั่นคือคิมจงอิน แต่ตัดภาพมาอีกที หวงจื่อเทาก็มาโผล่ที่หลังเวทีวันงานแสดงละคร นั่นมันทำให้ฉันสงสัยมาก”
“อ๋อเรื่องนั้น” เซฮุนเลียริมฝีปาก เขาใช้เวลาครุ่นคิดคำตอบอยู่แค่เสี้ยววินาทีเดียวเท่านั้น “เราเป็นเพื่อนกันน่ะ”
“หือ เพื่อนแน่เหรอ?” หญิงสาวกอดอกยิ้มมองจับผิด เธอเห็นว่าสายตาของโอเซฮุนลอกแลกบิดเบือนการพูดความจริง
“อืม เพื่อนกัน”
ทำไมถึงรู้สึกจุกตรงหน้าอกข้างซ้าย ตอนที่ต้องบอกว่า ‘เราเป็นเพื่อนกัน’ ด้วยนะ มันเหมือนกับเป็นสิ่งย้ำเตือนให้โอเซฮุนได้รู้ว่า ระดับความสัมพันธ์ของเขากับจงอินมันอยู่ในขั้นไหนยังไงอย่างนั้น
ฮันซอนฮวาดูเหมือนจะขี้เกียจถามเซ้าซี้ต่อไปอีก เธอไหวไหล่แล้วเดินกลับไปหาแก๊งนางฟ้าที่ยืนคุยเรื่องลิปกลอสในมือจอนฮโยซองเหมือนกับก่อนหน้านี้ เซฮุนมองเพื่อน ๆ ที่เริ่มทยอยออกไป เขาเลือกที่จะอยู่ตรงนี้ แล้วปล่อยให้คนอื่น ๆ กลับก่อน
หลังจากนั้นอีกสักราว ๆ สิบนาทีเซฮุนก็คว้ากระเป๋าเป้ แล้วเดินลงบันไดมาอย่างไม่เร่งรีบ ในหัวก็ได้แต่คิดว่าควรทำอะไรดีหลังจากพาร่างตัวเองกลับไปถึงบ้าน เล่นเกมเหรอ ซ้อมเต้นดีไหม หรือควรอ่านหนังสือเหมือนอย่างที่ใคร ๆ ก็ทำกันดีล่ะ
สุดท้ายก็แค่ถอนหายใจออกมา และเขาคงเป็นแบบนี้ไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะได้รับการเยียวยาความรู้สึกจากจงอิน ซึ่งมันคงเป็นไปไม่ได้ในช่วงเทศกาลสอบหฤโหดแบบนี้ ผู้ชายคนนั้นต้องอ่านหนังสือสอบ คงไม่บ้าจี้มานั่งคุยเล่นกับเขาหรอก
สองขาหยุดยืนอยู่บนฟุตปาธหน้าโรงเรียนเพื่อรอแท็กซี่กลับบ้านเหมือนทุกวัน เซฮุนไม่แน่ใจว่าที่กำลังรู้สึกแย่ในตอนนี้ มันเป็นเพราะเขาเพิ่งสอบเสร็จวันแรก หรือเป็นเพราะคำถามของฮันซอนฮวากันแน่
เซฮุนถอนหายใจอีกครั้ง มือที่ควรกวักเรียกแท็กซี่กลับล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงเพื่อหยิบมือถือออกมา ก่อนที่ขาทั้งสองข้างจะตรงไปขึ้นรถเมล์
แตะบัตรเรียบร้อยแล้วตรงเข้าไปนั่งเบาะเกือบหลังสุด เซฮุนทอดสายตาออกไปนอกกระจกรถแล้วปล่อยให้ความท้าทายในการหัดขึ้นรถเมล์ชะล้างความรู้สึกแย่ ๆ ออกไปซะ
อยากเจอจงอิน อยากคุยด้วยสักประโยค แต่ทำไมความกล้าที่เคยมีกลับจางหายไป เพราะแค่ว่าเราจูบกัน แต่ผู้ชายคนนั้นกลับไม่ไปดูเขาเล่นละครกันนะ
ให้ตายเถอะ เบื่อตัวเองจริง ๆ
“...”
เด็กหนุ่มเบิกตาโพลงอย่างตกใจ เมื่อหันไปเห็นว่าคนที่เพิ่งหยัดตัวนั่งลงข้างตัวคือใครอีกคนที่ปั่นป่วนความคิดเขามาตลอดหลายวัน ตอนนี้บนรถเมล์ไม่ค่อยมีคน และตรงส่วนด้านหลังก็มีเพียงแค่เราที่นั่งอยู่
“สตรอว์เบอร์รี่หรือโคล่า”
“...โคล่า”
มันคือเรื่องบังเอิญอีกแล้วงั้นเหรอ เซฮุนไม่ได้ถามว่าจงอินมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง เขาเพียงแค่แบมือออกมาเมื่ออีกฝ่ายแกะซองลูกอมให้ แต่สุดท้าย ลูกอมรสโคล่าที่ถูกห่อด้วยซองพลาสติกครึ่งหนึ่งก็ยื่นมาที่ปากเขา
“ถ้าจับแล้วมือจะเหนียว”
“...”
เซฮุนงับลูกอมรสโคล่าในมืออีกคนอย่างขลาดอาย แน่ล่ะ...ก็เขาเป็นแค่เด็กผู้ชายคนหนึ่งที่เพิ่งทำความรู้จักกับความรัก ซึ่งเขาไม่สามารถหัวเราะแล้วกินมันได้อย่างหน้าตาเฉย โดยไม่รู้สึกอะไรเมื่อถูกคนที่ชอบป้อนให้
“ไม่สบายเหรอ”
“หา?”
“เห็นดูหงอย ๆ”
จงอินมองมาระหว่างรอคำตอบ เซฮุนไม่ได้ยึกยัก ลีลาเล่นตัวอะไรหรอกนะ แต่การมองคนที่ชอบกำลังเล่นกับลูกอมในปาก กลอกมันไปทางกระพุ้งแก้มซ้ายที ขวาทีแล้วก็พูดอะไรไม่ออก บางทีโอเซฮุนอาจจะเป็นบ้าเพราะคิดถึงจงอินมากเกินไป
“ฉันสบายดี”
“เหรอ แล้วสอบได้ไหม?”
“ได้สอบน่ะ...”
“ไม่อ่านหนังสือล่ะสิ”
“ไม่อ่านก็ไม่ตกหรอก ฉันรู้ว่าระดับความโง่อยู่ที่จุดไหน” เซฮุนกำลังแก้ตัวเพราะรู้ว่าอีกคนคงกำลังอยากดุเขา หรือที่จริงแล้วผู้ชายคนนี้ก็แค่อยากถามเฉย ๆ
“แต่ถ้าสอบได้คะแนนสูง มันก็ดีกว่าไม่ใช่หรือไง?”
“รู้ แต่ฉันไม่ชอบอ่านหนังสือ มันน่าเบื่อ”
“มันมีหลายวิธีที่ทำให้การอ่านหนังสือเป็นเรื่องสนุก ถ้านายไม่ชอบอ่านคนเดียว พรุ่งนี้ก็มาอ่านด้วยกันสิ”
“...”
เซฮุนมองคนข้าง ๆ อย่างไม่เชื่อหูตัวเอง แน่นอนว่ามันเป็นสิ่งที่เขาอยากได้ยินจากปากจงอินบ่อย ๆ คือการที่ผู้ชายคนนี้เป็นฝ่ายออกปากชวนเขาก่อน
ความรู้สึกหม่น ๆ ที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันแสดงละครนั้นหายไปในพริบตา เพียงแค่ประโยคนี้ประโยคเดียว เซฮุนสงสัยว่าเขาเป็นคนจมอยู่กับความทุกข์ได้ไม่นาน หรือเป็นเพราะว่าอีกฝ่ายคือจงอินกันแน่ ทุกอย่างก็เลยดีขึ้นภายในเสี้ยววินาทีแบบนี้
“ให้ไปอ่านหนังสือกับนายเหรอ”
“ถ้าไม่อยากอ่านก็ไม่เป็นไร ฉันไม่บังคับอยู่แล้ว”
“อ่านสิ...ฉันอยากอ่านกับนายนะ!”
“...”
จงอินมองคนตัวผอมที่กำลังทำหน้าตื่นจนอดที่จะยิ้มไม่ได้ ตอนออกมาจากห้องสอบ เขายังคุยกับไอ้เทาอยู่เลยว่าเซฮุนดูหงอย ๆ ผิดปกติ แต่ไอ้เทาก็บอกว่าไม่แปลกหรอก คนไม่อ่านหนังสือก็ทำหน้าโง่เหมือนกันทั้งนั้น สุดท้ายเราทั้งคู่ก็แค่มองเซฮุนที่นั่งอยู่ในห้องสอบตอนเดินผ่านไป
“ถ้าจะกินข้าวเช้าฟรี พรุ่งนี้ก็อย่ามาสายล่ะ” พูดจบก็วางลูกอมลงอีกเม็ดที่ติดอยู่กับโพสต์-อิทสีเหลืองลงบนมือเซฮุน
เด็กตัวผอมเงยหน้าขึ้นแล้วก็พบว่าตอนนี้จงอินกำลังลุกขึ้นยืนพร้อมสะพายกระเป๋าเป้ ผู้ชายผิวแทนเพียงแค่ยิ้มบาง ๆ ระหว่างเล่นกับลูกอมในปาก ก่อนที่ขายาวจะเดินออกไปหยุดอยู่ข้างประตูทางออกรถเมล์เมื่อรถเทียบจอดป้าย...โดยที่ไม่พูดอะไรอีก
จงอินเดินลงไปยืนอยู่ข้างฟุตปาธ สองมือล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงหากแต่สายตายังคงไม่ละออกห่างจากเขา เซฮุนไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรในเวลานี้ และต่อให้พูดไปจงอินก็คงไม่ได้ยินอยู่ดี เขารู้แค่ว่าอยากมองอีกฝ่ายไปเรื่อย ๆ จนกว่าภาพนั้นจะหายลับสายตาไป
เด็กหนุ่มนั่งนิ่ง มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้โอเซฮุนรู้ว่าเขาไม่ได้ฝันไป ซึ่งนั่นก็คือลูกอมรสโคล่าที่ปล่อยความหวานในโพรงปาก ผู้ชายคนนั้นขึ้นรถเมล์สายนี้มาทำไมกันนะ ทั้ง ๆ ที่ทางนี้...ไม่ใช่ทางไปบ้านของจงอินสักหน่อย...
เซฮุนได้แต่คิดในใจ ก่อนจะก้มลงมองลูกอมรสโคล่าในมือกับโพสต์-อิท มันบ้ามากเลยที่เขากำลังรู้สึกดีราวกับว่าก่อนหน้านี้ไม่เคยรู้สึกแย่ เซฮุนแกะมันออกมาพลิกดู แล้วก็เห็นข้อความที่เขียนด้วยปากกาดำว่า...
‘- เพราะความหวานทำให้รู้สึกดีขึ้นได้ - เพื่อนคนนึงของฉันบอกมาอย่างนั้น
จริงไม่จริงยังไง ก็บอกกันด้วยล่ะ (:’
เซฮุนไม่ได้อยากรู้หรอกว่าเพื่อนคนนั้นของจงอินคือใคร เพราะสิ่งที่ทำให้เขายิ้มได้ในตอนนี้คือลายมือที่อยู่บนกระดาษแผ่นเล็กเสียมากกว่า ตอนนี้มันถึงเวลาสงสัยได้แล้วหรือยัง ว่าผู้ชายคนนั้นเอาเวลาไหนไปเขียนโพสต์-อิทใบนี้ ซึ่งมันคงไม่ใช่เมื่อครู่นี้แน่ ๆ
จงอินเขียนให้เขาไว้แล้วงั้นเหรอ ถ้าคิดแบบนี้แล้วจะดูเข้าข้างตัวเองไปหรือเปล่านะ?
เซฮุนไม่อยากอ่านหนังสือ เขาคิดว่าตัวเองเป็นพวกหัวดี ไม่อ่านหนังสือก็สอบได้ แย่สุดก็คาบเส้นตาย แต่ก็ไม่เคยตกสักครั้ง และมันก็ไม่ได้ทำให้เขาได้คะแนนท็อปเลยเช่นกัน
ถ้าการตั้งใจเรียนมันจะทำให้จงอินรู้สึกดีล่ะก็...มันก็น่าจะลองดูสักตั้ง
คุณกำลังส่งข้อความถึง...
‘ซอนแซงนิม’
[ ที่บอกว่าความหวานทำให้รู้สึกดีขึ้นได้ ฉันคิดว่าท่าจะเป็นเรื่องจริง :d ]
กดส่งข้อความแล้วก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เซฮุนไม่ได้กังวลใจว่าอีกฝ่ายจะตอบกลับมาหรือเปล่าอย่างเช่นก่อนหน้านี้ เพราะสิ่งที่เพิ่งได้รับเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้ว มันเยียวยาความกังวลให้ไปได้มากพอสมควร
คุณได้รับข้อความจาก...
‘ซอนแซงนิม’
[ พรุ่งนี้จะมาใช่ไหม? ]
คำถามนี้ทำไมดูน่ารัก เซฮุนอมยิ้มแล้วหันไปมองข้างตัว มันจะตลกเกินไปหรือเปล่านะ ถ้าเขานั่งยิ้มกับโทรศัพท์บนรถเมล์แบบนี้ ในขณะที่ใครหลายคนอยากให้ไปถึงปลายทางไว ๆ
คุณกำลังส่งข้อความถึง...
‘ซอนแซงนิม’
[ จะไปตั้งแต่ตีห้าเลย รอเปิดประตูบ้านให้ด้วย :฿ ]
ไม่รู้ว่าความกล้าที่หายไปกลับเข้าร่างโอเซฮุนตั้งแต่เมื่อไหร่ จงอินไม่ต้องตอบข้อความมาแล้วก็ได้นะ เขายังไม่อยากสำลักความรู้สึกดี ๆ ตอนนี้ เด็กหนุ่มรู้สึกเหมือนเป็นไบโพล่าร์ ที่เดี๋ยวหงอย เดี๋ยวยิ้ม...เพราะคน ๆ เดียว
.
.
เซฮุนตื่นเช้าทุกวันที่รู้ว่าต้องไปบ้านจงอิน ไม่สิ...ที่จริงแล้วเป็นเพราะหลับ ๆ ตื่น ๆ อยู่ตลอดทั้งคืนกับอาการตื่นเต้นต่างหาก เด็กหนุ่มไม่ได้กังวลเรื่องเสื้อผ้าหน้าผมอีกแล้ว หลังจากที่ผู้ชายคนนั้นบอกว่า
‘ต่อให้ใส่เสื้อยืดกางเกงขาสั้น แต่ถ้าฉันจะมองว่านายเป็นไอ้ขี้เก็กสุดวัลลาบี มันก็มีค่าเท่ากับ X’
หึ...คำพูดคำจาน่าหมั่นไส้สุด ๆ เลย
เด็กตัวผอมมาถึงบ้านอีกคนช่วงสิบโมง กะว่าไม่ให้สายมากและไม่เช้ามากจนเกินไป เซฮุนไม่ได้ห่วงเรื่องกินมื้อเช้าด้วยกัน ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้จงอินกินข้าวเรียบร้อยแล้วตอนที่เราเจอกัน เพราะเขาไม่อยากรีบมาที่นี่แต่เช้าตรู่ด้วยเหตุผลนั้น มันจะดูตื่นเต้นจนเวอร์เกินไป
แต่ที่น่าแปลกคือจงอินทำกับข้าวไว้เรียบร้อยแล้ว แต่กลับปิดฝาถ้วยชามเอาไว้โดยที่ไม่ยอมกินก่อน ใบหน้าคมเพียงแค่หันมาว่า ‘หิวหรือยัง’ กับ ‘กินตอนนี้เลยไหม?’ ซึ่งเซฮุนก็แค่พยักหน้าช้า ๆ ทั้งที่ยังไม่ละสายตาจากอีกฝ่าย
จงอินรอกินพร้อมกันงั้นเหรอ...
ผู้ชายคนนั้นเอาอาหารไปอุ่นในเวฟ แล้วเราก็เริ่มกินมื้อเช้าตอนสาย ๆ ด้วยกัน มีเพียงแค่เสียงช้อนสแตนเลสที่ชนกับชามกระเบื้องที่เราทั้งคู่ได้ยิน อยากชวนคุยจัง แต่ตอนนี้สมองกำลังตื้อไปหมดเพราะดีใจที่จงอินรอกินข้าวด้วย
“พรุ่งนี้สอบอะไรนะ”
“คณิตศาสตร์”
“กลางภาคทำได้ดีแค่ไหน?”
“เต็มร้อยได้หกสิบ”
“รู้ใช่ไหมว่ามันแย่”
“รู้”
“รู้แล้วแต่ก็ยังปล่อยให้เป็นแบบนั้นน่ะเหรอ” จงอินรัวคำถามทั้งที่ไม่เงยหน้าขึ้นมาสบตากันเลยด้วยซ้ำ
“นายทำเหมือนกำลังสอบสวนฉันอยู่เลย” พูดจบคนผิวแทนก็ละสายตาจากมื้อเช้า จงอินเท้าคางมองคนตัวผอมที่นั่งทำหน้าประหม่าอยู่ฝั่งตรงข้ามแล้วก็ยิ้ม
“ตั้งใจเรียนได้แล้ว”
“อ่า...ฮะ” เซฮุนพยักหน้าช้า ๆ เขาไม่อยากเถียงจงอินหรอก เพราะเถียงให้ตายยังไงก็โดนตอกกลับมาจนหน้าหงายอยู่ดี ผู้ชายคนนี้มีเหตุผลกว่าเสมอ เขายอมแพ้
“ถ้าอ่านคนเดียวไม่รู้เรื่อง ฉันจะได้อ่านเป็นเพื่อน”
“แบบนั้นรบกวนนายแย่”
“คิดแทนคนอื่นตลอด ฉันยังไม่เคยคิดแบบนั้น แล้วก็คงจะไม่คิดด้วย” จงอินพูดด้วยโทนเสียงสบาย ๆ และเซฮุนเพียงแค่กลอกตาไปมาอย่างใช้ความคิด
“ฉันชอบคิดไปเอง แล้วมันก็ไปด้านลบอยู่เสมอ”
“เหรอ อย่างเช่นอะไรล่ะ?”
“เช่นเรื่อง...”
‘ที่นายไม่ได้ไปดูฉันเล่นละคร’
เซฮุนยั้งปากตัวเองไว้ได้ทัน เขาเห็นว่าอีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นระหว่างรอให้พูดต่อ ตอนนั้นสมองของเด็กหนุ่มตัวผอมเลยต้องทำงานหนัก เพื่อหาเรื่องมาโกหกแทนที่จะพูดประโยคนั้นออกไป
“เรื่องที่ฉันคิดว่าตัวเองฉลาด แต่ที่จริงแล้วฉันโง่ เลยสอบผ่านคาบเส้นอยู่ตลอดไง”
จงอินยังคงสบตาไม่เลิก ราวกับว่ากำลังจับผิดโกหกจากสีหน้าและแววตาของเขา เซฮุนยิ้มแห้ง เด็กหนุ่มได้แต่ภาวนาในใจว่าอย่าให้จงอินถามต่ออีกเลย
เราใช้เวลาไม่นานไปกับการกินมื้อเช้า จงอินบอกให้เขาขึ้นไปรอบนห้องก่อน พอล้างจานเสร็จแล้วจะตามไป ระหว่างรอก็ให้เซฮุนกลิ้ง ๆ นอน ๆ อยู่บนเตียงไปพลาง ๆ ก่อนลงสนามติวอย่างจริงจัง
ห้องสี่เหลี่ยมตรงหน้าก็ยังสะอาดเหมือนเดิม ข้าวของที่เคยวางไว้จุดไหน ก็ยังคงไม่เปลี่ยนที่ เซฮุนชอบความเป็นระเบียบที่อยู่ในโทนสีขาว เพราะมันทำให้เขานึกถึงจงอิน
เด็กหนุ่มตัวผอมหยัดตัวนั่งลงบนเก้าอี้หน้าเปียโน ลองจิ้มโน้ตเดิม ๆ ที่จงอินเคยสอนแล้วก็หลุดยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
ใช้เวลาง่วนอยู่ตรงนั้นอยู่ไม่กี่นาทีก็ลุกไปเปิดกระเป๋าเป้ เอาหนังสือที่ต้องอ่านสอบวันพรุ่งนี้ออกมาวางไว้รอ ที่จริงเซฮุนชอบมองดูแผ่นหลังของจงอินเวลาล้างจานนะ มันดูมีเสน่ห์แปลก ๆ ยังไงก็ไม่รู้ ผู้ชายคนนั้นน่าจะให้เขาอยู่ต่ออีกสักหน่อย
ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงแล้วหลับตาลง กลิ่นหอมอ่อน ๆ ในห้องนี้ทำให้รู้สึกอุ่นใจทุกครั้ง มันให้ความรู้สึกปลอดภัย อบอุ่น มีความสุขอย่างบอกไม่ถูก แน่ล่ะ...ก็ตอนนี้โอเซฮุนกำลังอยู่ในโลกของคนที่ชอบนี่นะ...
RRRRrrrrr!!!!
เสียงนั้นดึงสติเด็กหนุ่มให้ดีดตัวลุกขึ้นนั่งพร้อมควานหาสมาร์ทโฟนของตัวเอง แต่ก็พบว่ามันไม่ได้มาจากมือถือของเขา เซฮุนกวาดสายตาไปรอบ ๆ และก็ได้รู้ว่าต้นเหตุของเสียงนั้นมาจากโน๊ตบุ๊คที่เปิดหน้าจอทิ้งไว้ พร้อมหน้าต่างรูปทรงสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ที่เด้งขึ้นมา
เสียงคอลสไกป์ยังคงดังอย่างต่อเนื่อง เซฮุนเดินไปหยุดอยู่หน้าโน๊ตบุ๊คบนโต๊ะแล้วเกาท้ายทอย นี่เขาควรวิ่งลงไปบอกจงอินดีไหมว่ามีคนคอลมา หรือควรปล่อยให้มันเงียบไปเอง แต่ที่แน่ ๆ เขาคงกดรับสายไม่ได้ มันดูถือวิสาสะจนเกินไป
เสียงนั้นดับไปแล้ว รูปดินสอที่ขึ้นบนหน้าจอนั้นบ่งบอกว่าอีกฝ่ายกำลังพิมพ์อะไรอยู่ ก่อนที่ข้อความจะส่งมา
real__pcy : เพื่อนคอลหาทั้งที ทำไมไม่รับสาย เสียใจ
real__pcy : สัด มือถือก็ปิด เป็นหอยเข็มอะไร ตั้งใจอ่านหนังสือมากไหม เอามงไปใส่ ดอกดอกดอก
real__pcy : กูจะถามเรื่องข้อสอบ โจทย์นี้โหดจริง ไอ้บ้านนอกยังไม่รู้เลย ตอบหน่อย
real__pcy : ยังไงก็โทรหาเมียด้วยนะคะ #รักเสมอเมื่อเธอเปลี่ยว
อ่านจบก็ได้แต่หัวเราะกับความบ้าบอคอแตกของปาร์คชานยอล ไม่อยากเชื่อเลยว่าผู้ชายคนนั้นเคยหงอยไปพักหนึ่งเพราะเรื่องพ่อเข้าโรงพยาบาล ตอนนี้คงกลับมาซ่าได้แล้วสินะ แต่ก็ดีแล้วล่ะ เพราะถ้าปาร์คชานยอลมีความสุข จงอินก็จะมีความสุขไปด้วย
เซฮุนกดพับหน้าจอลงแล้วเอี้ยวลุกขึ้นยืน แต่ยังไม่ได้ทันกลับไปนั่งที่เตียงสายตาก็หยุดอยู่กับโฟลเดอร์ที่ถูกแยกไว้ตรงกลางหน้าจอ ซึ่งมีตัวย่อสั้น ๆ ค่าว่า ‘SH’
ทั้งที่จะปล่อยผ่านไปเฉย ๆ ก็ได้ แต่เพราะอะไรกันที่ทำให้มือของเขาอยากเลื่อนเมาส์ไปหยุดอยู่ตรงนั้นแล้วกดคลิ๊กเข้าไป
เด็กหนุ่มเอี้ยวหน้าหันไปทางประตู เพื่อเช็กดูว่าจะไม่มีใครเข้ามาเห็นเขากำลังทำเรื่องไม่ดี ใช่...การละลาบละล้วงของ ๆ คนอื่นมันเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ แต่เพราะตัว SH นั่นแหละ ที่เป็นสิ่งเร้าให้โอเซฮุนอยากทำตัวไม่ดีสักครั้ง เพื่อแลกกับความคาใจ
เด็กหนุ่มเลียริมฝีปากก่อนจะกดคลิ๊กเข้าไป ข้างในนั้นอาจจะเป็นไฟล์รายงานก็ได้เขาบอกตัวเองให้สบายใจ แต่พอหน้าจอสี่เหลี่ยมเด้งขึ้นมา โอเซฮุนก็ได้รู้ว่าเขาคิดผิด เมื่อข้างในนั้นไม่มีไฟล์งานแต่อย่างใด...
แต่มันกลับเป็นรูปนับร้อยของเจ้าชาย...ที่แสดงอยู่บนเวที
TBC
เซฮุนรีบออกมาเลยค่ะ เดี๋ยวซอนแซงนิมเข้ามาเห็นเข้าแล้วจะแก้ตัวไม่ถูกนะ 55555555555555555555555555555555555555555555555555555555
ความคิดเห็น