คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : Chapter 09 :: His Bad Nephew
Chapter 9
His Bad Nephew
“ให้มันเร็ว ๆ หน่อยได้ไหม”
เสียงของแบคฮยอนคือสิ่งหนึ่งที่เขาเกลียดที่สุดรองจากเสียงนาฬิกาปลุก แค่ต้องทนฝืนแหกขี้ตาตื่นมาอาบน้ำแต่งตัวไปเรียนมันก็ทรมานโขแล้ว แต่ต้องมาได้ยินเสียงแว๊ด ๆ ของเจ้าของบ้านหลังนี้เช้าวันดี ๆ ของปาร์คชานยอลก็เลยกร่อยอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
“ผมบอกแล้วป่ะว่านั่งรถเมล์ไปเองได้”
“นั่งได้ แต่ไปด้วยกันมันประหยัดและไวกว่า” คนเป็นน้าว่าขณะถอยรถออกจากบ้านอย่างอารมณ์ดี
ทำไมกูจะไม่รู้แผนมึง ตั้งแต่เป็นครูก็ออกไปทำงานแต่เช้าเลยไม่รู้ว่าหลานชายบังเกิดเกล้ามันทำเรื่องอะไรเอาไว้บ้าง ก็เพิ่งมารู้วันที่ลืมของจนต้องขับกลับมาเอาที่บ้านนี่แหละถึงได้รู้ว่าเก้าโมงเช้าแล้วมันก็ยังไม่ตื่น!
เพราะงั้นวิธีมัดมือชกคือวิธีที่ดีที่สุดสำหรับคนเป็นน้าอย่างเขา เป็นความโชคดีอย่างหนึ่งที่โรงเรียนของชานยอลมันอยู่ติดถนนใหญ่ไม่เหมือนกับโรงเรียนอื่นที่ต้องเดินขึ้นเนินถนนเพราะอยู่ในตรอกในซอย ด้วยเหตุผลนี้บยอนแบคฮยอนเลยไม่ต้องกังวลว่าหลานชายอันเป็นที่รักจะซิววิ่งหลบหลังเสาเพื่อรอให้รถของเขาขับผ่านไปแล้วค่อยโดดเรียน
ชานยอลหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะแกะแซนวิชออกมากินอย่างหัวเสียพลางทอดสายตามองออกไปนอกหน้าต่าง เคยนั่งสงบสติอารมณ์แล้วคิดว่าถ้าทนมนุษย์น้าอย่างแบคฮยอนได้เขาก็คงทนทุกอย่างบนโลกใบนี้ได้ง่าย ๆ เหมือนกัน
“เคยได้ยินคำว่าพ่อแม่รังแกฉันไหม” ประโยคปลายเปิดของมนุษย์ชานยอลที่คิดว่ามันได้ผลหากจะเอาชนะน้าชายด้วยคำพูดที่ทำให้รู้สึกผิด
“เคยได้ยินแต่หลานชายเอาแต่ใจกับน้าชายผู้มีความอดทนสูง...แกพอจะคุ้นหูป่ะ” นั่น...เห็นไหมครับเห็นไหม! พอจะชวนคุยจริงจังทีไรแบคฮยอนก็เป็นแบบนี้ทุกทีนั่นแหละ!
“เด็กจะโตได้ก็ต้องหัดเรียนรู้ด้วยตัวเอง แต่ดูสิ่งที่น้าทำดิ? ตอนนี้ผมไม่ต่างอะไรจากพวกไข่ในหินเลยสักนิด ถ้าวันหนึ่งเสียคนขึ้นมาก็รู้ไว้ด้วยนะว่าเป็นเพราะใคร” ชานยอลมองคาดโทษคนขับที่กำลังฮัมเพลงอย่างมีความสุข หนำซ้ำยังเร่งเสียงเพิ่มขึ้นอีก เอาให้หูแตกหูหนวกกันไปข้างเลยไหมครับ นี่คิดว่าเล่นรถบั๊มอยู่หรือไง
กึ่ก!
“อะไรของแก” แบคฮยอนหรี่ตามองหลานชายที่จู่ ๆ ก็หรี่เพลงลงเสียอย่างนั้น คนกำลังอารมณ์สุนทรีมึงนี่เป็นมารความสุขยามเช้าของกูจริง ๆ ปาร์คชานยอล
“คิดว่าเป็นครูแล้วจะสั่งสอนใครก็ได้งั้นเหรอแบคฮยอน”
“ได้ โดยเฉพาะหลานชายที่ชอบทำตัวปีนเกลียวข้ามรุ่น”
“ก็บอกแล้วว่าจะเรียกคุณว่าน้าก็ตอนที่รู้สึกว่าอยากเคารพเท่านั้น” ชานยอลยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ๆ ก่อนจะหงายหลังไปอย่างแรงเพราะถูกผลักหน้า แม่งเอ้ย! หัวชนกระจกอย่างแรงอ่ะเมื่อกี้
“วันนี้จะเข้าไปตอนบ่าย ๆ นะ น้าคุยกับครูที่ปรึกษาแกเรียบร้อยแล้ว” เหลือบมองนาฬิกาก่อนจะหันกลับไปมองถนนอีกครั้ง วันนี้เป็นวันประชุมผู้ปกครองที่ปาร์คชานยอลปิดปากเงียบไม่ยอมบอกเขาจนกระทั่งบังเอิ๊ญบังเอิญไปเห็นจดหมายหน้าบ้านเองนั่นแหละ
ไม่รู้จะกลัวห่าอะไรนักหนากะอีแค่ไปนั่งฟังความประพฤติแย่ ๆ ของมันจากปากครูที่ปรึกษา แลดูนางก็คงเครียดกับความดื้อรั้นของมนุษย์ที่ชื่อปาร์คชานยอลผู้ซึ่งอ้างว่าตัวเองเป็นเด็กวัยหัวเลี้ยวหัวต่ออยู่พอสมควร เจ้าตัวอ้างว่าเด็กวัยรุ่นเขาก็เป็นแบบนี้กันทั้งนั้นและบยอนแบคฮยอนจะไม่เถียงสักคำถ้าเกิดว่าสมัยเรียนเขาสันดานเดียวกันกับมัน
แต่มันไม่ใช่ไง
“ถึงแล้ว” ดึงเบรกมือแล้วหันไปมองหลานชายที่กำลังสะพายกระเป๋าเป้พร้อมขยำกล่องแซนวิชที่ทำด้วยพลาสติกจนแหลกคามือเสียงดังกร๊อบ จ้า...โหดเหลือเกินกับน้าเนี่ย ไม่จับกูโค้ดไลน์แล้วอัดใส่เทิร์นบักเกอร์เหมือนนักมวยปล้ำเลยล่ะซั้ซ
“ไม่ได้ตาบอด”
“เหรอ ๆ ๆ” ชานยอลเบี่ยงตัวหลบมือคนเป็นน้าที่กำลังปะป่ายไปมาเหมือนคนตาบอด นี่ก็พูดอะไรไม่ได้เลยจ้องจะกวนตีนกลับตลอด ก็เพราะเป็นงี้ไงเขาถึงได้ไม่ชอบอยู่ด้วย
“ประชุมผู้ปกครองไม่ต้องมาก็ได้นะ”
“น้าไม่พลาดแน่หลานรัก” แบคฮยอนยิ้มแบบว่าผู้ชายหล่อ ๆ จะยิ้มให้เด็กผู้ชายหัวหลิมคนหนึ่งได้
“มีสอนไม่ใช่ไง”
“ก็มี แต่ช่วงบ่ายว่างคาบนึงจะรีบบึ่งรถมาหาอย่างเร็วที่สุดเลยล่ะ โด้นท์วอรี่” คนตัวเล็กกระดิกนิ้วชี้ไปมา
“ตามสบายเถอะ”
“แกต้องโค้งหัวแล้วพูดว่า ‘ผมจะตั้งใจเรียนครับน้า’ สิถึงจะถูก” แบคฮยอนตะโกนไล่หลังเด็กหนุ่มที่เพิ่งเปิดประตูรถลงไปพร้อมกับมองตามอย่างไม่ละสายตา
ชานยอลเดินเข้าไปเกือบถึงหน้าโรงเรียนแล้ว อีกแค่นิดเดียวน้าชายอย่างเขาคงได้ถอนหายใจอย่างโล่งอกแล้วขับไปทำงานได้โดยไม่มีเรื่องค้างคาใจอีก แต่ยังไม่ทันก้าวเข้าไปในโรงเรียนขายาวก็หยุดกึก แบคฮยอนขมวดคิ้วมองเด็กตัวสูงที่หันกลับมาทางเขาพร้อมกับรอยยิ้มแปลก ๆ
ใช่ครับ มันเป็นรอยยิ้มที่ดูบริสุทธิ์เกินกว่าจะหลุดออกมาจากใบหน้าเด็กกะโหลกอย่างปาร์คชานยอลได้
ปลายนิ้วกดเลื่อนกระจกรถลงแล้วชะโงกหน้าออกไปด้วยความสงสัย อะไรเข้าฝันมันถึงได้หันมายิ้มให้กับน้าชายอย่างเขาทั้งที่ร้อยวันพันปีมีแต่ปั้นหน้าหงิกทำท่าไม่พอใจใส่อยู่ตลอด
“รักนะแบคฮยอน! ❤”
เสียงตะโกนบอกรักเรียกความสนใจจากเด็กชายหญิงที่กำลังทยอยเข้าไปในโรงเรียน แบคฮยอนยิ้มอย่างปลื้มปิติ อย่างน้อยปาร์คชานยอลก็ไม่ได้เป็นเด็กเชี่ยที่ชอบทำตัวขวางโลกไปจนถึงวินาทีสุดท้าย คนตัวเล็กเชื่อแล้วว่าความเป็นครูจะอบรมบ่มนิสัยให้เด็กกะโปกกลายเป็นคนดีได้ด้วยคำสั่งสอน
แต่ริมฝีปากยังยกยิ้มได้ไม่เต็มที่ก็ต้องหุบลงทันทีที่เห็นคนเป็นหลานชูมือขวาขึ้นสุดแขนก่อนจะหุบนิ้วก้อยกับนิ้วหัวแม่มือลงในเวลาถัดมา...
เป็นท่าม็อคกิ้งเจย์...
มึงจะไว้อาลัยให้ใครเหรอครับหลานรัก ถ้าถามว่ารอยยิ้มของปาร์คชานยอลเหมือนสิ่งไหนก็คงเปรียบกับอะไรไม่ได้นอกจากแม่เหล็กขั้วบวกที่มักจะดึงดูดตีนของเขาที่เป็นแม่เหล็กขั้วลบ ไอ้เด็กเปรตเดินอารมณ์ดีเข้าไปในโรงเรียนแทบจะเป็นท่าสวอนเลคในวินาทีต่อมา แบคฮยอนกัดฟันกรอดแล้วหรี่ตามองหลานชายไปจนลับสายตา
ตื๊ดดดดดด...
เสียงกริ่งหน้าบ้านทำให้คนที่เพิ่งได้นอนตอนตีห้าต้องหอบสังขารลุกขึ้นไปเปิดประตูดูว่าไอ้หน้าไหนมันบังอาจรบกวนเวลานอนของเขา ขนาดโอเซฮุนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นข้อยกเว้นของทุกสิ่งทุกอย่างในโลกยังไม่กล้าทำแบบนี้
ถ้าเป็นอีป้าเพื่อนบ้านที่ชอบมาขอสอยมะม่วงฟรีนี่มึงเป็นเรื่อง...
ชายหนุ่มที่ยังไม่ตื่นดีถึงกับมึนอึนเมื่อเห็นคนที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามประตูรั้วบ้านคือบุรุษไปรษณีย์พร้อมส่งยิ้มมิตรภาพมาให้ จงอินเกาหัวก่อนจะเปิดประตูเดินออกไปอย่างงง ๆ
“พี่ชื่อคิมจงอินใช่ไหมครับ มีพัสดุถึงพี่น่ะ” บุรุษไปรษณีย์หนุ่มส่งกล่องที่ห่อมาอย่างดีให้แล้วก็ต้องรับไว้อย่างปฏิเสธไม่ได้ วิธีการพูดแปลก ๆ ของอีกฝ่ายทำเอาคนเพิ่งตื่นขมวดคิ้วแล้วพยักหน้าคล้อยตาม
พยายามตั้งสติแล้วระลึกชาติว่าสั่งของทางเน็ตครั้งล่าสุดเมื่อไหร่ รู้สึกจะสั่งพวกกระดาษแพคของเป็นโหลแต่ก็ไม่น่าจะกล่องเล็กเท่าขี้ตาหมาแบบนี้ป่ะวะ แถมกำหนดส่งก็วันมะรืนโน่น
“ไม่ระบุคนส่งด้วย” พลิกซ้ายทีขวาทีแล้วก็ขมวดคิ้ว จะว่าส่งผิดบ้านก็ไม่ใช่เพราะชื่อและที่อยู่มันเด่นหราชัดเจนซะขนาดนี้ มือหนาเขย่ากล่องแล้วก็รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่กำลังสั่นสะเทือนอยู่ในนั้น
“พี่ครับ อย่าเขย่าแรงแบบนั้น ฮะ ๆ” คนตรงหน้ารีบเข้ามาคว้าข้อมือเขาเอาไว้พร้อมกับหัวเราะแห้ง ๆ ร้อยวันพันปีกูไม่เคยเห็นบุรุษไปรษณีย์ที่ไหนใส่ใจการส่งของแบบนี้มาก่อน ปกติตอนกูไปส่งเห็นโยนเอาโยนเอาประหนึ่งพวกแรงงานพม่าโยนกระสอบข้าวขึ้นท้ายกระบะยังไงอย่างนั้น
“แล้วเซ็นรับตรงไหน?” เห็นว่าเป็นคนทำมาหากินด้วยกันเลยไม่อยากเหวี่ยงถึงไอ้หนุ่มชุดแดงดำจะมากดกริ่งรบกวนเวลานอนของเขาก็ตาม บุรุษไปรษณีย์กลอกตาไปทางด้านข้างทั้งที่ยังยิ้มอยู่ก่อนจะหลุดหัวเราะออกมาอีกครั้ง
“อ๋อ...ไม่มีครับไม่มี เดี๋ยวนี้เขาไม่เซ็นรับของกันแล้วครับ เช๊ยเชย ฮะ ๆ” จงอินหรี่ตามองคนตรงหน้าที่กำลังทำตัวมีพิรุธ
พอรู้ตัวว่ากำลังถูกจับผิดอยู่บุรุษไปรษณีย์หนุ่มก็ชี้ไปที่มอเตอร์ไซค์ทางด้านหลังเป็นเชิงว่าต้องไปทำงานทำการต่อแล้ว
“ผมต้องไปแล้วนะพี่ ขอบคุณที่ใช้บริการไปรษณีย์เกาหลีนะครับ!”
บรืนนน...
มอเตอร์ไซค์ขับหายไปจนลับสายตาแล้วตอนนี้เหลือเพียงแค่ผู้ชายกรัง ๆ ที่ยังไม่ได้อาบน้ำแปรงฟันหลังจากตื่นนอน มือหนายกขึ้นเกาหัวแกร่ก ๆ ก่อนจะใช้ปลายตีนเขี่ยประตูบ้านให้เปิดออกขณะที่สายตายังคงมองกล่องปริศนาที่อยู่ในมืออีกข้าง
ถ้าเป็นหนังบู๊ไซไฟคาดว่าข้างในอาจจะเป็นระเบิดเวลาที่ถูกส่งมาบ้านแฮคเกอร์มือฉกาจชนิดว่าพอแกะกล่องปุ๊บก็คงเห็นนาฬิกาดิจิตอลเหลือเวลาแค่สาม สอง หนึ่ง ศูนย์แล้วตู๊มระเบิดทุงยาบาเล แต่โชคดีที่ว่าคิมจงอินเป็นเพียงแค่แอดมินแฟนไซต์เซฮุนโอป้าสุดหล่อผู้เอาชนะใจติ่งน้อยหอยสังข์ไปยังอาจุมม่าวัยห้าสิบต้น ๆ ได้ด้วยก้นงอน ๆ ตอนใส่สแล็กเข้ารูปเท่านั้น
นั่งลงบนโซฟาแล้วก็เริ่มทำการไขข้อสงสัยว่าข้างในมันคืออะไรด้วยการใช้สองมือสาก ๆ ที่เซฮุนมันบอกว่าตีนขวาของมันยังนุ่มกว่าแกะกล่องออกด้วยความรวดเร็ว ก่อนอื่นขอเท้าความเรื่องมือสากตีนสากไปจนถึงหน้าสากนิดนึงแบบว่าอัดอั้นมานาน กะอีเรื่องโฟมล้างหน้าหรือพวกโทนเนอร์สารพัดซึ่งวางเรียงรายกันเป็นสิบ ๆ ขวดในห้องน้ำนั่นน่ะ
เซฮุนมันบอกว่า ‘ซื้อมาให้ที่รักบำรุงหน้าจะได้หล่อ ๆ ดำแบบใส ๆ ไรงี้น่ารักจะตาย’ มึงช่วยเช็คนิดนึงว่าหน้ากูจะไปไกลได้มากกว่านี้อีกไหม สัด แค่โฟม For Men หลอดเดียวกูบีบใช้สี่เดือนยังไม่หมดในขณะที่เซฮุนมันใช้ไปแค่สองสามครั้งก็ซื้อมาเพิ่มเรื่อย ๆ จนแทบไม่มีที่วางละ
ตอนอยู่บ้านกับแม่เคยหยิบแล็กตาซิตใช้ล้างหน้าอยู่หลายหน ตอนแรกด้วยความไม่รู้ก็ใช้ต่อไปจนกระทั่งแม่บ่นว่าจะไม่ใช้ยี่ห้อนี้อีกแล้วแม่งระเหยจนหมดทั้งที่ใช้ไปแค่ไม่กี่ครั้ง โชคดีที่ตอนนั้นถามไปว่าอะไรหมด แม่เลยตอบมาว่า ‘โฟมล้างไห’ คิมจงอินถึงได้กระจ่างโดยที่ไม่ต้องพึ่งโคนันเลยครับท่านผู้ชม...
ไม่กี่อึดใจของในมือก็ถูกแกะออกจนหมด ข้างในมีกล่องแข็ง ๆ กับโพสอิสที่แปะอยู่ เนื้อความสั้น ๆ ได้ใจความว่า ‘oh oh only for you oh oh only for you’ ครับมึงมาเป็นนอราโกเลยทีเดียว แต่ประเด็นมันอยู่ที่ของข้างในนั้นไม่ใช่หรือ จงอินเขวี้ยงโพสอิสทิ้งไปข้างหลังอย่างไม่ใยดีแล้วก็ต้องเลิกคิ้วขึ้นเมื่อพบว่ากล่องที่ว่านั่นคือ...
‘โห มือถือห่าไรวะเนี่ยแพงชิบหาย ราคาเครื่องเดียวซื้อบ้านทาวเฮาส์ได้หลังนึงอ่ะ’
‘ไคจ๋าว่าสวยป่ะ?’
‘สีทองก็โออยู่’
‘มันอ่านว่าอะไรนะ...เวอร์...’
‘เวอร์ทู?’
‘เอ้อ! ที่รักเก่งจัง มาหอมทีดิ’
‘จะทำก็ทำ ไม่ใช่บอกว่ามาหอมทีดิ’
‘มันก็ต้องเริ่มจากประโยคปลายเปิดก่อนป่ะ มีคนบ้าที่ไหนอยู่ดี ๆ ถ่างขาให้ทำโดยที่ไม่เร้าบ้างวะ ไคจ๋าที่รักมึงอย่ามึน’
‘โอเค งั้นหอมอย่างเดียวนะ’
‘ไม่เอา ทำด้วยดิ’
‘นั่นไง’
ถึงประโยคหลัง ๆ จะไม่เกี่ยวกันกับเรื่องสมาร์ทโฟนราคาแพงหูฉีกแต่มันก็คือเหตุการณ์หลัก ๆ ที่ทำให้เขาจำได้ว่าเคยเห็นมันผ่านตาที่ไหน เมื่อคืนนอนดูซีรี่ย์หลังข่าวกันสองคนท่ามกลางความหนาวเหน็บของแอร์ในห้องที่เปิดดับขนแขนตั้งสิบห้าองศา ไม่รู้ว่าเซฮุนมันไปร้อนมาจากไหนถึงได้เปิดซะขนาดนั้น หรือเอาจริง ๆ แล้วมันอาจจะเป็นแผนหาเรื่องนับสูตรคูณกับเขาใต้ผ้าห่มก็เป็นได้
“มึงนี่นะ...”
“พี่มินซอก~” เสียงอ้อล้อดังมาจากไอดอลที่เพิ่งได้นั่งพักหลังจากเข้าฉากพระนางกับรุ่นพี่มาหลายเทค คนตัวเล็กซึ่งได้ชื่อว่าเป็นผู้จัดการส่วนตัวของไอดอลหนุ่มเดินเข้ามาหาพร้อมกับเปิดพัดลมมือถือเป่าใส่หน้าให้
“เป็นไงบ้าง มันยากมากเหรอกะอีแค่ยืนนิ่ง ๆ ให้นางเอกจูบเนี่ย” มาถึงก็บ่นเลยทีเดียว เซฮุนเบ้ปากเป็นรูปที่คาดผมลายเสือดาวก่อนจะกลอกตามองผู้จัดการส่วนตัวที่ยืนมองเขาอยู่
“พี่ลองไปจูบแทนผมไหมล่ะ วูบนึงเจ๊แกแอบแยงลิ้นเข้ามาด้วยผมนี่ถอยหลังแทบไม่ทัน อีกอย่างการเป็นไอดอลจะทำอะไรแต่ละครั้งก็ต้องทบทวนให้ดีว่าจะมีผลกระทบต่อแฟนคลับมากน้อยแค่ไหน เอ้อพี่ครับ! ขอน้ำฝรั่งให้ผมด้วยเอาแบบมีกากเย็น ๆ นะ น่ารักที่สุด!” หันไปตะโกนสตาฟในกองถ่ายที่เดินผ่านไปก่อนจะหันกลับมามองหน้ามินซอกอีกครั้ง
“ตอนมึงอัพทวีตคลุมเครือเกี่ยวกับ Item สองชิ้นกูไม่เห็นมึงจะเครียดงี้เลย”
“อันนั้นเขาเรียกสร้างกระแส” คิมมินซอกควรทำใจได้แล้วว่าต่อให้ดึงเหตุผลทั้งโลกมาอ้าง มนุษย์ไอดอลอย่างโอเซฮุนก็หาเรื่องมาแถได้อยู่ดีนั่นแหละ
“แล้วงี้จะเข้าบทเลิฟซีนกับฮยอนอาได้เหรอวะ” ผู้จัดการตัวเล็กลากเก้าอี้พับมานั่งข้าง ๆ ไอดอลหนุ่มที่กำลังทำหน้าเซ็งสุดขีด ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่โอเซฮุนรู้สึกอยากโดนน้ำมนต์เพียงแค่ได้ยินชื่อไอดอลสาวที่แฟนของเขาชอบนักชอบหนา
ด้วยบทละครที่เขาได้เป็นพระเอกคู่กับนางเอกที่อายุมากกว่าสิบปีและเป็นความรักที่เกิดขึ้นอย่างไม่ตั้งใจทั้งที่เขายังคบอยู่กับเด็กสาวรุ่นราวคราวเดียวกันอย่างฮยอนอา เลยทำให้ละครเรื่องนี้เป็นดราม่าโรแมนติกที่โคตรหงิดหัวใจโอเซฮุนยิ่งนัก
“ผมจะทำให้ได้ภายในคัทเดียวพี่รอดูได้เลย” หันมาพูดด้วยสีหน้าจริงจัง จริง ๆ แล้วเขาเครียดกับบทนี้มาตลอดจนไม่กล้าเล่าให้จงอินฟังว่าต้องมีบทนัวกับฮยอนอาบนเตียงด้วย มินซอกกลอกตาขึ้นทำหน้าเหรอหราก่อนจะกลับมาทำสีหน้าปกติเมื่อไอดอลในสังกัดควักสมาร์ทโฟนออกมาให้ดู “แท่นแท๊น~”
“อะไร”
“เวอร์ทู”
“รู้ ไหนตอนแรกบอกว่ามันกะโหลกกะลาหน้าตาคล้ายโมโตโรล่าเมื่อสิบกว่าปีที่แล้วไม่ใช่ไง?” จริงอย่างที่พี่มินซอกพูดไม่มีผิด เพราะไอ้มือถือรุ่นสากกระเบือเนี่ยหน้าตาโคตรจะโบราณแบบว่าถ้าไม่ใช่คนดังถือคงลดราคาแบรนด์นี้ไปโดยปริยาย
เคยได้ยินชื่อมาพอสมควรกับสมาร์ทโฟนยี่ห้อนี้ เห็นว่าคนดังในสังคมไฮโซเขาชอบใช้กันซึ่งเขาก็ไม่รู้หรอกว่าสรรพคุณของมันทำอะไรได้เหนือกว่ารุ่นอื่นบ้าง อาจจะพูดได้ทุกภาษาเหมือน Siri หรืออาจจะพูดภาษาพาเซลได้เหมือนในแฮรี่พอตเตอร์ อะไรก็ตามแต่ลำพังแค่ถือไอโฟนห้าเอสกับโน๊ตสามควบพาสปอร์ตกุชชี่ด้วยมือเดียวคนทั้งโลกก็หาว่าโอเซฮุนรวยพร่ำเพรื่อแล้ว
แต่ในเมื่อจงอินที่รักมันทำท่าเหมือนสนใจแฟนที่ดีอย่างเขาก็ไม่ควรมองข้ามละเลยไปเฉย ๆ เช้าวันต่อมาเลยโทรติดต่อรุ่นพี่ที่นำเข้าสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ซึ่งพี่แกดันรับมาน้อยเพราะไม่ค่อยมีคนใช้กัน และเครื่องที่มีอยู่ก็ถูกชาวบ้านชาวช่องจองไว้ก่อนแล้วเลยมีปัญหานิดหน่อยหากว่าต้องการเดี๋ยวนั้น
แต่โอเซฮุนก็ไม่ใช่คนเลวร้ายที่จะไปบีบบังคับหรอกนะครับ ในเมื่อพี่แกไม่ขายให้ภายในหนึ่งชั่วโมงเรื่องนี้เลยต้องถึงหูพ่อของเขาอย่างปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ แต่ก็นั่นแหละ...
“อย่าบอกนะ”
“ถูกต้อง~”
“โอย กูล่ะเพลียกับมึงจริง ๆ” มินซอกกุมขมับทันทีที่เห็นเซฮุนหยิบไอโฟนห้าเอสออกมาเลื่อนดูรูปถ่ายสมาร์ทโฟนใหม่ทั้งสองเครื่องให้ดู เป็นอีกครั้งอย่างกับเดจาวูที่เซฮุนมันซื้อของสองชิ้นพร้อม ๆ กันเพื่อใช้คู่กับแฟนหนุ่มของมัน
“ผมจ้างเด็กใส่ชุดบุรุษไปรษณีย์ไปส่งให้ถึงบ้านเลยนะพี่ กะเอาเซอร์ไพร์สจนทั้งวันไม่เป็นอันทำอะไรไปเลย แค่คิดก็ตื่นเต้นละ โอเซฮุนมันเป็นใครทำไมถึงได้โรแมนติกแบบนี้”
“เออ มันเป็นใครวะไอ้เด็กปลวกที่ชื่อโอเซฮุนเนี่ย” มินซอกเบ้ปาก “อะไรที่แฟนมึงไม่ได้ซื้อเองก็ดีไปหมดแหละ”
“ใช่ป่ะล่ะ” มึงยังจะเห็นด้วย นี่กูแซะมึงอยู่นะโอเซฮุน -_-
“จะถึงคิวแล้ว เอาของมาฝากไว้กับพี่มา” มินซอกยื่นมือไปแต่ไอดอลหนุ่มกับยกมือขึ้นเป็นเชิงบอกว่าขอเวลาอีกแป๊บนึง “อะไรของแกวะ”
“แป๊บดิ อัพรูปลงทวิตก่อน”
“...”
“ซื้อมือถือแบบเดียวสองเครื่อง <3”
“โอยกูเครียดดดดดดดดดดดดดดดดดด”
“จะรีบไปไหนครับเรา?”
เสียงที่คุ้นเคยและทำให้ใจเต้นทุกทีที่ได้ยินหยุดทุกความเคลื่อนไหวของเจ้าของชื่อไว้อย่างง่ายดาย คนตัวเล็กที่กำลังเก็บของใส่กระเป๋าอย่างเร่งรีบค่อย ๆ เอี้ยวตัวหันกลับไปแล้วก็แทบจะปะทะกับอกแกร่งผ่านเสื้อเชิร์ตสีดำคลับที่คำนวณแล้วว่าอยู่ห่างใบหน้าเพียงแค่ไม่กี่เซนต์โดยไม่ต้องใช้ไม้บรรทัด
แบคฮยอนช้อนตามองร่างสูงด้วยสายตาที่เตรียมพร้อมมาอย่างดีแล้วว่าช็อตนี้ครูชีวะต้องตายเพราะอายไลน์เนอร์ที่กูกรีดมาเป็นอย่างดี
นอกจากแผงอกแกร่งกับน้ำหอมกลิ่น CK ที่ทำให้แทบระทวยแล้วยังมีใบหน้าอันหล่อเหลาของครูอี้ฟานนี่แหละที่ฆ่าแบคฮยอนให้ตายคาที่ได้ ตลอดเวลาครึ่งเดือนที่ผ่านมาผู้ชายคนนี้คอยดูแลเทคแคร์ ให้คำแนะนำอยู่เสมอจนบางทีแอบคิดไปว่าคงมีใจบ้างไม่มากก็น้อย หรือบางทีอาจจะแค่อ่อยเล่น ๆ แต่โดยรวมถือว่าสะพานรักของครูพี่อี้ฟานได้ทอดมาถึงแบคฮยอนแบบ Official แล้ว
“พอดีมีนัดประชุมผู้ปกครองที่โรงเรียนหลานอ่ะครับ คาบนี้ว่างผมเลยว่าจะรีบไป” แบคฮยอนยิ้มเขิน จริง ๆ แล้วก็ไม่ได้ใสอะไรขนาดนั้นแต่เพื่อนที่ดีอย่างเซฮุนมันเคยกล่าวไว้ว่าผู้ชายหล่อเขาชอบคนน่ารัก และคนหน้าหักอย่างเขาต้องแอ๊บให้มากกว่านี้ บยอนแบคฮยอนเลยกลายเป็นคนตอแหลตาใสอย่างปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ
“อ๋อ...หลานชายที่เราเคยพูดถึงบ่อย ๆ น่ะเหรอ?” คนตัวสูงยิ้ม ยิ้มอีกแล้ว ยิ้มไมตรีจิต ยิ้มมิตรภาพ ยิ้มแบบพี่น้อง ยิ้มแบบวิถี ยิ้มอ่อย ยิ้มยั่ว ยิ้มอ่อนโยน ยิ้มใต้ร่มผ้า ยิ้มอัมพาตแดกปาก ยิ้มอะไรก็ตามคือหลงไปหมด
“เรียกว่าด่าดีกว่า”
“อะไรนะ?”
“อ๋อเปล่าครับ” แบคฮยอนหัวเราะแล้วเกาหัวแก้เขิน จริง ๆ อยากจะเกลียวผมเหี้ยน ๆ นี่เล่นด้วยแต่กลัวจะดูเหมือนเด็กออทิสติกมากเกินไป
“คาบนี้พี่ว่างพอดี ให้ไปเป็นเพื่อนไหมครับ?” ใบหน้าหล่อโน้มลงมาเล็กน้อยแต่ก็ยังรักษาระยะห่างไว้พอที่จะไม่ให้ครูในห้องพักหันมาให้ความสนใจ แบคฮยอนเม้มปากเล็กน้อยก่อนจะช้อนตามองอีกครั้ง
“จะดีเหรอครับ ผมกลัวพี่จะเบื่อ...”
“ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวพี่ซื้อกาแฟสักแก้วไปนั่งดื่มรอเราก็ได้ครับ” หล่อไปอีก อ่อนโยน จิตใจ 4G ครอบคลุมทุกพื้นที่ยิ่งกว่าหมาหน้าเซเว่น เอาทำไมแค่ใจบยอนแบคฮยอน นี่เลยครับเอาตัวกูไปด้วย
ใช้เวลาเดินทางประมาณสิบห้านาทีก็มาถึงโรงเรียนของหลานชาย แลกบัตรประชาชนเรียบร้อยแล้วก็ตรงดิ่งไปยังตึกเดิมด้วยความเร็วสูงแล้วปล่อยให้ครูพี่อี้ฟานนั่งดื่มกาแฟรออยู่ม้านั่งใต้ต้นไม้ท่ามกลางสายลมเอื่อยยามบ่าย
ใช้เวลาไม่นานกับการคุยกับครูที่ปรึกษา ดูเหมือนว่ารอบนี้ปาร์คชานยอลจะทำตัวดีขึ้นมานิดหลังจากเจอคดีเด็ดไปเมื่อคราวที่แล้ว อย่างน้อยมันก็ไม่ได้ไปกระโดดถีบปากใครหรือทำผมสีนกแก้วนกขุนทองอย่างที่ไอดอลมันเคยทำ แต่เรื่องหนึ่งที่ทำให้เขาต้องยิ้มแห้ง ๆ แล้วโค้งหัวขอโทษขอโพยครูที่ปรึกษาก็คือเรื่องเวลาเรียนของมันที่ใกล้จะหมดโควต้าแล้วนี่แหละ
ไม่รู้จะทำยังไงกับปาร์คชานยอลดี ต้องกราบแบบเบญจางคประดิษฐ์หรือรำฟ้อนเล็บให้ดูไหมถึงจะยอมเข้าใจว่านี่มันเทอมสุดท้ายแล้วมึงควรจะทำตัวให้ดีบ้างเดี๋ยวจะเรียนไม่จบอดเข้ามหาลัยเหมือนเพื่อนคนอื่น ๆ อ่ะซั้ซ!
เดินออกมาจากห้องพักครูด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์นัก มันก็เป็นอย่างที่คาดเอาไว้ตั้งแต่แรกว่าต้องออกมาอีกรอบนี้ แต่พอเอาเข้าจริง ๆ บยอนแบคฮยอนก็แอบหวังอยู่ลึก ๆ ว่าหลานชายอันเป็นที่รักจะมีเรื่องให้ชื่นใจบ้างยกตัวอย่างเช่น ‘อย่างน้อยบุตรหลานของคุณได้ท็อปวิชา...นี้นะคะ’ แต่ก็ว่างเปล่า คะแนนเฉียดตกแทบทุกวิชา มึงจะเดินสายกลางไปไหนสึด
สองขาหยุดยืนอยู่กับที่เมื่อเห็นคนคุ้นเคยชะโงกหน้าออกมานอกหน้าต่างห้องเรียนตรงระเบียงทางเดินยาว พอแบคฮยอนตรงดิ่งมาทางนี้คนเป็นหลานก็ยิ้มหน้าบานพร้อมกับเดินตีขนาบคู่ทั้งที่ยังอยู่ในห้อง
“ว่าไงแบคฮยอน”
“ไว้คุยกันตอนเย็น”
“ตอนนี้ร้อนอยู่เหรอ”
“กูหมายถึงตอนเย็น Evening โอเค๊?” แบคฮยอนหันมาขยับปากอุบอิบใส่เด็กตัวสูงที่ล้วงกระเป๋ากางเกงออกมาจากประตูห้องพร้อมกับทำท่าก้าวขายาว ๆ จนเดินเทียบคู่กับเขาทัน
“ไม่อารมณ์เสียดิ”
“ฉันจะรีบกลับไปสอน”
“เห่อจริงจริ๊ง” เด็กตัวสูงหยุดกึกแล้วเลิกคิ้วมองคนข้าง ๆ ที่กำลังมองคาดโทษเขา ชานยอลยักไหล่พร้อมปั้นหน้าไม่รู้ไม่ชี้ก่อนจะค่อย ๆ มูนวอร์คถอยหลังแต่ก็ถูกแบคฮยอนคว้าคอเสื้อเอาไว้ก่อน
“คืนนี้ฉันจะปิดเราท์เตอร์ บอกลาดอทเอออลสตาร์ของแกไปได้เลยมิสเตอร์ชาร์ล...” เสียงแผ่วลอดไรฟันที่มาพร้อมกับรอยยิ้มของผู้ชนะทำให้คนได้ฟังถึงกับเบิกตากว้าง
จะขู่เผาบ้าน ขู่ปิดแอร์ยังไงก็ได้ขอแค่อย่างเดียวอย่าปิดเน็ตดิวะ ชานยอลจับข้อมือเล็กเอาไว้แล้วส่ายหน้าพรืดหากแต่คนเป็นน้ากลับพยักหน้าหงึก
“ไม่เอางี้ดิ ผมอุส่าห์เดินมาส่งขึ้นรถนะเว้ย”
“ส่งหรือกวนส้นตีนเอาดี ๆ”
“ทำไมต้องหยาบคาย นี่คือสิ่งตอบแทนของการทำหน้าที่หลานที่ดีเหรอ” ไม่ชอบแบคฮยอนตรงนี้ครับ เอะอะก็ขู่จะตัดนั่นตัดนี่อยู่เรื่อย มันคือวิถีของพวกขี้แพ้ชัด ๆ
“หลานที่ดีต้องผลการเรียนครบ ไม่ใช่สภาพจะรอดแหล่ไม่รอดแหล่แบบนี้” พูดจบก็ตบหัวแม่งไปทีนึงครับห่านี่
นึกแล้วก็เดือด กะอีแค่เข้าเรียนเฉย ๆ มันจะตายไงวะ สมัยเรียนมีแค่ควายธนูอย่างโอเซฮุนเท่านั้นแหละที่คิดว่าการโดดเรียนไปนอนดึงโตกบนดาดฟ้ามันเป็นวิถีของคนเท่เขาทำกัน
“ผมก็แค่โดดเรียน ไม่ได้ไปฆ่าคนตายป่ะ?”
“ตู๊ดดดด...” แบคฮยอนถลึงตามองหลานพร้อมกับส่งเสียงสัญญาณขาดก่อนจะปิดหูเดินหนีไปหน้าตาเฉย ทิ้งไว้แค่ใครอีกคนที่ได้แต่เดือดเพราะทำอะไรไม่ได้
“น้ามึงทำหน้าแบบนั้นแสดงว่ากำลังโมโหสุด ๆ อยู่แน่เลยกูมั่นใจ” เสียงเหน่อ ๆ ดังมาจากด้านหลังก่อนที่มือหนาทั้งสองข้างจะเกาะลงบนไหล่เขา ชานยอลสะบัดออกอย่างหัวเสียแล้วเท้ามือลงกับระเบียงหน้าห้องพลางมองไปยังสนามฟุตบอลหญ้าเทียมเพื่อสงบสติอารมณ์ แต่เดี๋ยวนะ...
เกิดอะไรขึ้นตรงข้างสนามฟุตบอลวะทำไมมีเด็กผู้หญิงไปยืนออแถวนั้นกันเยอะจนผิดสังเกต ดารามาเหยียบโรงเรียนไง?
“เฮ้ย นั่นน้ามึงนี่นา” เทาชี้ไปยังคนตัวเล็กที่เพิ่งเดินออกจากตึกนี้ไปแล้วสาว ๆ กลุ่มหนึ่งก็กรูกันมาทางนี้ ในทีแรกก็เข้าใจว่าแห่กันมาหาแบคฮยอนซึ่งมันไม่น่าจะเป็นไปไม่ได้ จนสุดท้ายก็ได้คำตอบว่าต้นเหตุที่ทำให้ฝูงไฮยีน่าตามกันเป็นพรวนนั่นก็คือผู้ชายหล่อสูงรูปร่างดีคนหนึ่งกำลังเดินเข้ามาหาน้าชายของเขา
“ใครวะ”
“นั่นดิ”
“ไม่ใช่ครูที่นี่ด้วย”
“ช่าย~ ครูโรงเรียนเรามีแต่ลุงป้าวัยแง้มฝาโลง โหยมึงดูดิ ๆ ยิ่งเดินมาใกล้ ๆ ยิ่งหล่ออ่ะ” เทาเขย่าแขนเพื่อนสนิท “เหมือนพระเอกในการ์ตูนวายที่กูอ่านเลย เฮ้ย~ รู้จักน้ามึงด้วยอ่ะ” เทาทำตาเป็นประกายหากแต่ใครอีกคนกลับแสยะยิ้มเมื่อเห็นน้าชายกำลังหัวเราะเพียงแค่ได้พูดคุยกับผู้ชายตัวสูงคนนั้น
ทั้งคู่กำลังเดินไปด้วยกัน ถ้าให้เดาแบบส่ง ๆ การแต่งตัวแบบนั้นคิดว่าน่าจะเป็นคนมีงานมีการทำและคงไม่น่าจะใช่คนที่แบคฮยอนกำลังคบหาดูใจกันอยู่ ถึงภายนอกปาร์คชานยอลจะดูเหมือนละเลยน้าชายของเขาแต่เอาจริง ๆ แล้วก็แอบเสือกอยู่ลับ ๆ อยู่เหมือนกันและแน่นอนว่าตอนนี้แบคฮยอนยังไม่ได้แอบคุยกับใครในเชิงชู้...ชู้อะไรวะ ชู้อะไรสักอย่างที่ไม่ใช่ชู้สาวอ่ะ
“อาจจะเป็นเพื่อนสมัยเรียนไม่ก็รุ่นพี่” คำสันนิษฐานของปาร์คชานยอลถึงจะไม่ค่อยแม่นแต่ยังไงเขาก็ยังยืนยันคำเดิมว่าผู้ชายคนนั้นไม่ใช่แฟนแบคฮยอนแน่นอน และถ้าใช่จริง ๆ เชื่อว่าอีกไม่กี่วันน้าชายของเขาคงถูกเขี่ยทิ้งเพราะหมดตัวแน่ (สะใจเล็ก ๆ)
“มึงดูขาผู้ชายคนนั้นดิ โหยมึงอย่างกับถอดแบบมาจากการ์ตูนตาหวาน เดี๋ยวแป๊บนึงนะ เดี๋ยวกูไปเอาตูนวายเล่มนั้นมาให้ดู” เทารีบวิ่งกลับเข้าไปในห้องแล้วตรงไปยังโต๊ะของเขา
ชานยอลเอาลิ้นดันกระพุ้งแก้มแล้วสุดท้ายความเสือกก็เอาชนะทิฐิทุกอย่าง เด็กหนุ่มล้วงเอาสมาร์ทโฟนขึ้นมากดเข้าแอพไลน์ก่อนจะทักไปหาแบคฮยอนเป็นครั้งแรกแต่แต่แอดกัน
14:34 PM แบคฮยอนมากับใครอ่ะ
รออยู่หลายนาทีแต่ข้อความก็ยังไม่ขึ้น Read จนไอ้ห่าเทาวิ่งกลับมาพร้อมกับการ์ตูนวายเล่มโปรดของมันแบคฮยอนก็ยังไม่ตอบกลับมาอีก เสียงพรีเซนต์ความฟินของคู่พระนางในเล่มไม่ได้ลอยเข้าหูเขาเลยสักนิด จนกระทั่งรถเก๋งสีดำคันหนึ่งขับออกไปนั่นแหละถึงได้มีข้อความตอบกลับมา
^-^แบคฮยอน^-^
เผือกจุง 14:36 PM
จุงที่หน้า...
14:36 PM เหยื่อรายใหม่อ่ะดิ คราวนี้หล่อนะ ต้องบำเรอดี ๆ ล่ะ 55555
เทาขมวดคิ้วมองคนตัวสูงที่กำลังก้มหน้าก้มตาเม้มปากกดมือถืออย่างเอาจริงเอาจังแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน พอเห็นอย่างนั้นก็ชะเง้อหน้ามองก่อนจะเอาคางเกยไหล่เพื่อนเอาไว้
“น้ามึงตอบช้าจังอ่ะ”
“เออ ช้าชิบหาย” เด็กหนุ่มขมวดคิ้ว ป่านนี้คงนั่งอี๋อ๋อกันอยู่ในรถอยู่แน่ ๆ ไม่เคยสนใจหรอกว่ามีคนกำลังรอให้ตอบกลับมาอยู่น่ะ เป็นน้าคนประสาอะไรวะ
แบคฮยอนก็ยังเป็นแบคฮยอนวันยังค่ำ ถึงจะเกิดก่อนเขาตั้งเจ็ดปีแต่แนวทางชีวิตเรื่องความรักยังถือว่าอ่อนหัดนัก คราวนี้ก็คงโดนหลอกแดกอีกตามระเบียบไม่รู้จักหลาบจำ ถ้าอกหักคราวนี้อีกจะให้พี่เซฮุนไปตอกย้ำหนัก ๆ เอาให้เข็ดหลาบไปเลยคอยดูเหอะ ไอ้ผู้ชายตัวสูงคนนั้นก็หล่อดีหรอก ไม่สิ...หล่อมากด้วย หล่อจนเขารู้สึกว่ามันน่าหงุดหงิด
^-^แบคฮยอน^-^
ความลับ 14:39 PM
พรึ่บ!
เทาผละตัวออกเมื่อเพื่อนสนิทกดปิดหน้าจอมือถือทั้งที่เขายังไม่ทันได้อ่านเนื้อความว่าน้าของมันตอบมาว่ายังไง ขายาวก้าวไปยืนชิดกับระเบียงแล้วเท้ามือทั้งสองข้างลง ปลายนิ้วชี้เรียวยาวเคาะริมระเบียงเป็นจังหวะ ได้ยินเสียงพึมพำเบา ๆ พอเงี่ยหูเข้าไปใกล้ถึงได้ยินว่าชานยอลมันกำลังบ่นอะไรอยู่
“อยากลองดีสินะแบคฮยอน...เดี๋ยวปาร์คชานยอลคนนี้จะสอนให้รู้เองว่าความลับมันไม่มีในโลก”
TBC
เราต้องแจงให้คุณผู้อ่านรู้ไหมว่าที่ชานยอลมันงิดคือมันงิดที่เสือกไม่สำเร็จ ไม่ใช่งิดเพราะหึงน้าตัวเอง 555555555555555555555555
#มนุษย์ชานยอล
ความคิดเห็น