คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : INTRO . (แก้จากเรียนปี1ได้3เดือนเป็นเทอม2จ้า)
โลกเรามีมนุษย์อยู่หลายประเภทเว้ยคุณ
แต่จะไม่ขอพูดถึงดีสุดขั้วกับชั่วสุดขีด
วันนี้เขาจะพูดถึง กวนส้นตีน กับกวนส้นตีนขั้นกว่า
“ฮือออออออออออ”
“เออร้องไป”
“กูเสียใจจริง ๆ นะ”
“เออไง กูถึงได้บอกให้ร้อง”
หญิงสาวยังคงปั้นหน้าร้องไห้ พยายามบีบน้ำตาหลอก ๆ จนเพื่อนที่นั่งปลอบมาเกือบชั่วโมงถึงกับเอือมระอา ก็เข้าใจว่าคนอกหักมันต้องเศร้าเป็นธรรมดา แต่จะโศกทั้งทีมึงก็ช่วยสมจริงหน่อยได้ไหม
“คบกันได้แค่สองอาทิตย์เองอะ ทำไมเหรอ กูไม่ดีตรงไหน”
“มันเคยบอกว่ามึงนมเล็กไม่ใช่เหรอวะอึนจี กูว่าเหตุผลนี้ค่อนข้างสาหัส”
“มึงต้องปลอบกูสิแบคฮยอน นี่อะไร ทำไมต้องตอกย้ำ หกปีที่เป็นเพื่อนกันมาไม่ได้ช่วยเลยใช่ไหม” หญิงสาวถลึงตามอง ชี้หน้าคาดโทษเพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยมอต้น อยู่ด้วยกันมาตั้งกี่ปี จะมีไหมที่มันนึกอยากเข้าข้างเพื่อนสักครั้ง
“ไม่ใช่ว่ามึงไม่ดีนะเว้ย แต่บางทีปาร์คชานยอลอาจเพิ่งค้นพบสัจธรรมว่าความจริงมันชอบผู้ชายตัวเล็กมากกว่าผู้หญิงนมเล็กก้นฟีบอะ”
“ป๋าย มึงต้องแยกแยะตุ๊ดกับผู้ชายตัวเล็กให้ออก โอเค?” เจ้าของชื่อนั่งตัวเกร็ง ทันทีที่ถูกหญิงสาวจับหัวเข่าพร้อมออกแรงบีบ
“งั้นมันก็คงชอบตุ๊ดมากกว่ามึงปะ...”
“ไอ้เชี่ยป๋าย!!!”
“ใจเย๊นนนนนน” จงแดรีบแทรกกลางวงก่อนที่อึนจีจะถกทรงเอขึ้นถีบยอดหน้าป๋ายเซียนได้
“เพราะมึงเป็นงี้ไงอีอูฐ แฟนถึงได้ทิ้ง”
“เห่ย แบคฮยอน... มึงก็ไปตอกย้ำมัน เพื่อนเราเพิ่งโดนฟันแล้วทิ้งมานะเว้ย” จงแดตบบ่าหญิงสาวที่ยกมือปิดหน้าร้องห่มร้องไห้กับความบอบช้ำทางหัวใจที่ผู้ชายคนนั้นฝากไว้
“มันสันดานไม่ดีด้วยแหละ เจ้าชู้ประตูเรือ กูขอแช่งให้รถมันยางรั่ว แล้วถูกแฟนในอนาคตของมันปั่นหัวหนัก ๆ”
“ได้ข่าวว่าปาร์คชานยอลมันหล่อเลือกได้ มันจะเอาอะไรมาเครียดวะ”
แบคฮยอนได้แต่สงสัย ไอ้หน้าหล่อขี้เก๊กที่อยู่คณะแฟชั่นก็ดีแต่กาวไปเรื่อยเปล่าวะ เคยเห็นขับรถผ่าน ๆ แวะรับสาววิดวะไปเที่ยวด้วย นี่ก็งงอยู่ว่ามันนึกหลงใหลอะไรภายใต้เสื้อช่อปตัวนั้น ‘หนุ่มแฟชั่นเนี่ยนะจะควงเด็กวิดวะ?!’ แต่ควงกันแค่เดี๋ยวเดียวก็เท
“ช่างหัวไอ้โย่งนั่นเหอะ กูพลาดเองแหละที่คิดจริงจังกับผู้ชายแบบนั้น”
“ใช่ มึงต้องปลง หรือจะบวชก็ได้กูพร้อมจองวัด” <- จงแด
“วนสามรอบแล้วเข้าเตาเผาเลยจ้า” <- ป๋าย
“กูอยากให้คนเหี้ย ๆ แบบนี้หมดโลกไปอะ พวกมึงเข้าใจไหม กูไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าจะเจ้าชู้ไปเพื่อใคร มันไม่คูล มันไม่โอเค มีกูแล้วยังจะมองหาใครอีก” อึนจีกุมขมับ เอนหัวซบกับไหล่แคบ ๆ ของจงแด หวังให้เพื่อนคนนี้ปลอบอกปลอบใจ เพราะไอ้สองแฝดมันพึ่งไม่ได้!
“เอาจริง มึงก็ไม่ได้เสียใจที่ไอ้ชานยอลทิ้งหรอก มึงก็แค่รู้สึกเสียฟอร์ม” แบคฮยอนพูดอย่างไม่ยี่หระ “จะเอาอะไรกับผู้ชายเจ้าสำอางวะ ขึ้นชื่อว่าเด็กแฟชั่น ก็มีแต่ตุ๊ดสาวทั้งนั้น”
“ไม่ตุ๊ดค่ะมึง กูลองแล้ว จัดว่าเด็ดเลย” หญิงสาวกระดิกนิ้วชี้พร้อมจิ๊ปาก ไอ้แบคฮยอนยังอ่อนต่อโลกนัก มึงอย่าเอาความห้าวมาข่ม
“มันจะเด็ดสักแค่ไหนเชี๊ยว” ป๋ายเซียนเริ่มอยากรู้ ผู้ชายที่เพื่อนเขาว่าเจ๋งเนี่ย มันจะสักเท่าไหร่กัน
เขาหันไปสบตากับพี่ชายฝาแฝดขณะที่เพื่อนผู้หญิงเพียงคนเดียวในกลุ่มยังคงพ่นความในใจไม่หยุด เพียงครู่เดียวเท่านั้นที่สองพี่น้องใช้เวลาไปกับการครุ่นคิด ก่อนจะหลุดยิ้มออกมาอย่างรู้กัน
“ไม่เป็นไรเว้ยอีอูฐ ผู้ชายมีมากมายดั่งกางเกงในสามตัวร้อย เดี๋ยวเวรกรรมก็ตามทันเอง”
“นายคิดเหมือนเราไหมบีหนึ่ง”
“เราก็คิดเหมือนนายแหละบีสอง”
เสียงหัวเราะในลำคอเบา ๆ คงมีแค่เราสองคนเท่านั้นที่ได้ยิน พี่น้องฝาแฝดครึ่งจีนครึ่งเกาหลีอย่างบยอนแบคฮยอนและบยอนป๋ายเซียน เดินออกมาจากร้านกาแฟซึ่งเป็นจุดนัดพบเพื่อนเก่าสมัยเรียนมัธยม แต่พักหลังเจอกันไม่บ่อยนัก เพราะตารางเรียนของแต่ละคนไม่ตรงกัน
ทั้งคู่หยุดอยู่ริมฟุตปาธและมองหน้าอีกฝ่าย ทรงผมของเราเหมือนกันแต่ปัดคนละข้าง ไม่มีส่วนไหนที่แยกความเป็นฝาแฝดของทั้งคู่ออกจากกันได้นอกจากเสื้อชอปที่คนพี่สวมใส่ กับเสื้อเชิ้ตขาวของน้อง
แบคฮยอนเรียนวิศวะโยธา ส่วนป๋ายเซียนเรียนสถาปัต ด้วยเหตุผลที่ว่าโตขึ้นมาเราจะต้องเป็นทีมเวิร์คที่โคตรเจ๋งที่สุดในปฐพี ดังนั้นการเรียนคนละคณะและหลอกคนอื่นไปวัน ๆ เวลาเจอกันข้างนอกว่าแบคฮยอนเป็นป๋ายเซียน หรือป๋ายเซียนเป็นแบคฮยอน มันก็สนุกดีไม่หยอก
หลังจากเข้ามหาลัยได้เทอมที่สอง อึนจีก็สร้างงานสร้างอาชีพให้เพื่อนพ้องในกลุ่มต้องปวดหัวไปด้วย แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องน่าเบื่อเสียทีเดียว เมื่อเขาและน้องชายเพิ่งนึกเรื่องสนุก ๆ ได้หลังจากที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาเรียนไปวัน ๆ โดยปล่อยปะละเลยชีวิตน่าสนุกในมหาลัยไป
ซึ่งนั่นก็คงไม่ใช่อะไร นอกจาก...
“หาเรื่องเล่นกับปาร์คชานยอลกันเถอะ”
“เอาดิ ใครเจอก่อนเริ่มก่อน เคปะ”
“Deal”
สองพี่น้องชกมือกันโดยไม่ต้องถามว่า ‘หาเรื่องเล่น’ มันคืออะไร ซึ่งนั่นก็คงไม่พ้นการวางแผนเป็น ‘บยอนแบคฮยอน’ หรือ ‘บยอนป๋ายเซียน’ เพียงคนเดียว แต่กติกาขึ้นอยู่กับว่าปาร์คชานยอลจะเจอใครก่อน ถ้าเจอแบคฮยอนก่อน เราสองคนก็จะเนียนสวมรอยเป็นแบคฮยอนไปจนกว่าภารกิจจะสิ้นสุดลง
ใช่ เรื่องนี้เราสองพี่น้องเล่นกันมาตั้งแต่สมัยมัธยมแล้ว
เกือบหนึ่งชั่วโมงที่ชายหนุ่มร่างผอมโปร่งยืนอยู่หน้าคณะวิศวกรรมศาสตร์ ท่ามกลางสายตาชายหญิงในชุดเสื้อช่อป คนเหล่านั้นเดินผ่านไปและมองด้วยสายตาแปลก ๆ ว่าเด็กคณะแฟชั่นมายืนหัวโด่อะไรอยู่ตรงนี้ แต่เขายังยืนนิ่ง พยายามไม่สนใจและมองหาเป้าหมายที่ต้องการต่อไป
โอเซฮุนยังรู้สึกแย่อยู่ ใช่... เขาไม่เคยรู้สึกเหนื่อยกับชีวิตขนาดนี้มาก่อนเลย กับการจับสลากควาย ๆ ของปาร์คชานยอล ที่สุ่มให้เขากับมันได้จับคู่ทำงานถ่ายแบบชุดด้วยกัน ลำพังแค่เดินผ่านหน้ายังรู้สึกเหมือนถูกแย่งอากาศหายใจ ทนนั่งเถียงกับมันเรื่องคอนเซปได้เป็นชั่วโมงก็ถือว่าบุญหัวแค่ไหนแล้ว ทั้งเรื่องหานายแบบ สไตล์ชุดให้เข้ากับคอนเซปผู้ชายตัวเล็ก ทุกสิ่งบนโลกใบนี้แม้แต่น้ำที่มันจะแดกยังเรื่องมาก
กว่าจะตกลงกันได้ก็เสียเวลาชีวิตไปนาน สรุปแบบเดินสายกลางเลยก็คือต่างคนต่างออกแบบชุด แล้วใช้นายแบบคนเดียวกัน เพราะไม่เขาก็ไอ้เวรนั่นคงอกแตกตายถ้าต้องมานั่งใช้สมองร่วมกัน
และที่โอเซฮุนยืนอยู่หน้าตึกวิศวะก็เพราะเหตุผลนี้
“หานายแบบได้ยัง?” ก็ไม่อยากโทรหาไอ้เวรนี่หรอก แต่อย่างน้อยเราก็ต้องโคงานกันหน่อย
( ยัง กินข้าวอยู่ มึงก็หาไปดิ )
“ใจเย็นเหลือเกิน ถ้ากูหาได้แล้วมึงเสือกไม่พอใจก็อย่ามาบ่นทีหลังนะ”
( เออ หามาเหอะ ถ้าไม่ถูกใจเดี๋ยวกูหาใหม่ได้ อย่างกูนี่แค่โพสต์ลง-- )
เซฮุนชิงตัดสายก่อนไอ้คนหลงแก่ตัวจะพล่ามจบ คนตัวผอมถอนหายใจพลางส่ายหน้าขณะมองจอสมาร์ทโฟน บอกตามตรงว่าเขาก็เป็นคนใจเย็นในระดับหนึ่งเลยนะ ถึงจะไม่มากสักเท่าไหร่แต่ก็ถือว่าปาร์คชานยอลได้มีโอกาสทดสอบมันแล้วเมื่อครู่นี้
ชาติก่อนโอเซฮุนอาจเป็นไอ้คนบาปที่ไปเผาบ้านปาร์คชานยอล มันถึงได้ตามมาหลอกหลอนถึงชาตินี้ ในกล่องสลากมีชื่อนักศึกษาในเซคตั้งเป็นร้อยคน แต่ยังเสือกสุ่มโดนเขาได้
เซฮุนกวาดสายตามองไปโดยรอบ คนนั้นก็สูงเกินไป นั่นก็อ้วนเตี้ย ไม่มีใครตรงกับคอนเซปในหัวเลยสักคน หรือจะเดินไปมนุษย์ศาสตร์ดีนะ... ให้ตายเถอะ คนฝั่งนั้นก็ขี้เก๊กเกินทน เห็นแล้วนึกถึงหน้าปาร์คชานยอล ซึ่งเป็นมลภาวะทางสมอง ไม่ไปดีกว่า ไม่อยากอารมณ์เสียซ้ำซาก
“บอกป๊าว่าเดี๋ยวตามไปตอนค่ำ ๆ เออ วันนี้กูเลิกช้า”
“...”
เซฮุนมองตามคนตัวเล็กผมสีน้ำตาลอ่อนที่เพิ่งเดินผ่านไป สิ่งแรกที่มองเห็นคือต้นคอที่เข้ากับบ่าแคบ ๆ ก่อนจะลดระดับสายตาลงมองช่วงเอว แม้จะมีเสื้อชอปสวมทับ แต่จากประสบการณ์แล้วเขาคิดว่าผู้ชายคนนี้คงมีรูปร่างสัดส่วนค่อนข้างดี และเหมาะกับคอนเซปที่คิดไว้
“เออ กูรู้--”
“นี่!”
คนตัวเล็กเอนหลังไปตามแรงดึงก่อนจะยืนตรงเพราะได้รับการช่วยเหลือจากอีกฝ่าย แบคฮยอนขมวดคิ้วมองคนตรงหน้าด้วยความสงสัย พอมองเน็กไทถึงได้รู้คำตอบว่าไอ้หมอนี่เป็นเด็กแฟชั่น
“ไว้ค่อยคุยกันนะมึง งานเข้า เออ กูไม่ได้โดนใครย้อมตีน แค่นี้นะ”
เซฮุนปล่อยปล่อยมือออกจากหัวไหล่คนตรงหน้า และปล่อยให้เป้าหมายวางสายก่อน ระหว่างนั้นก็เก็บรายละเอียดตั้งแต่ทรงผมไปจนถึงรองเท้า ถึงจะหนักใจกับความกรังของเด็กวิศวะ แต่ถ้าจับไปย้อมสีก็คงเข้ากับคอนเซปของเขาได้ดีแน่ ๆ
“ว่า?”
“ฉันชื่อโอเซฮุน อยู่คณะแฟชั่น”
“รู้ตั้งแต่เห็นเน็กไทแล้ว มีไรเปล่า บอกเลยนะว่าไม่เคยไปจีบเด็กคณะนี้เลย ไม่ใช่สเป๊ก แล้วก็ไม่เคยเตะปากเด็กแฟชั่นด้วย”
หึ... ตัวก็แค่นี้ ซ่าเหลือเกินนะ
“ฉันกำลังทำงานชิ้นนึงอยู่ แล้วก็อยากขอให้นายไปเป็นนายแบบให้”
“หมายถึงเราเหรอวะ?”
แบคฮยอนชี้หน้าตนเอง ก่อนที่อีกฝ่ายจะพยักหน้าเป็นคำตอบ เช้ดดดดด!!! ก็เอากับเขาซี้ เรื่องนี้ต้องมีขยาย ไอ้ป๋าย อีอูฐ ไอ้จงแดจะได้รู้สักทีว่าแบคฮยอนคนนี้มันโคตรเจ๋ง เด็กแฟชั่นก็ไม่ต่างจากแมวมองหรอกว่ะ ตาถึงนะเนี่ย
“แล้วจะถ่ายแบบไหนอะ”
“คอนเซปผู้ชายที่ไม่สูงมาก แล้วก็มีรูปร่างกะทัดรัด ดูปลอดภัยต่อสังคมน่ะ”
ซั้ซ! บอกว่าผู้ชายเตี้ยก็จบละ!
“ไม่ทำให้ฟรี ๆ นะเว้ย”
“แสนห้าแล้วกัน”
ตาแบคฮยอนกำลังเป็นรูปตัว $ ป๊าบอกว่าคนเราจะรวยได้ต้องห้ามเลือกงาน เพราะงั้นแสนห้าที่ว่าจะได้เอาไปซื้ออุปกรณ์ให้ไอ้ป๋ายหกหมื่น ส่วนที่เหลือก็เอาลงขวดกับเพื่อน!
“ตกลง เริ่มเมื่อไหร่ดี” ไอ้เตี้ยนี่มันเสียเวลาไปกับการคิดคำตอบบ้างหรือเปล่าเขาอยากจะรู้นัก เซฮุนนิ่งไประหว่างเสียเวลาไปกับการอึ้งในความเป็นไอ้หมอนี่ อะไรจะหน้าเลือดขนาดนั้น
“พรุ่งนี้ว่างไหมล่ะ เอาเบอร์มาสิ” เซฮุนยื่นมือถือให้คนตรงหน้า
“เรียนเสร็จบ่ายสองอะ นายชื่อไรวะ”
“เซฮุน โอเซฮุน” เจ้าของชื่อยืนกอดอกมองคนตัวเล็กที่ยืนก้มหน้าจิ้มเบอร์ตัวเองลงไปในโทรศัพท์ ก่อนจะหันหน้าจอมาตรงระดับใบหน้าของเขาพร้อมรอยยิ้ม
‘บยอนแบคฮยอนผู้มีพระคุณต่อโอเซฮุน อย่าลืมแสนห้า’
“เมมชื่อยาวกว่านี้อีกนิดคงรวมเล่มตีพิมพ์ได้แล้วน่ะนะ” คนตัวผอมมองอีกคน ยังไม่ทันได้ถอนหายใจก็ต้องหลังแอ่นเพราะโดนตบหลังปุ ๆ ซึ่งถ้าเรียกให้ถูกก็คงต้องบอกว่าฟาด
“ขี้เล่นนะเราอะ เออ พูดกูมึงได้ปะ แบบ เรากับนายมันไม่ใช่สไตล์ ดูอึดอัดอะ”
“ได้ งั้นกูไปนะ”
“ทันทีเลย...”
พอบอกว่ากูมึงได้มันก็โซโล่ซะเดี๋ยวนั้น เห็นหน้านิ่ง ๆ ที่จริงกวนตีนนะเนี่ย...
แบคฮยอนยืนจิ๊ปากรัว ๆ พลางโบกมือลาคนตัวผอมที่ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงพร้อมเดินถอยหลังไปทีละก้าว พร้อมขยับปากย้ำว่า ‘บ่ายสองนะ’ จะว่าไปก็ได้แต่สงสัยว่าทำไมเซฮุนมันไม่ถ่ายตัวเองไปซะเลยวะ หุ่นก็ดี หน้าก็หล่อ
แต่ช่างเถอะ แสนห้าที่ว่ามันก็คุ้มดี
TBC
ความคิดเห็น