คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Intro
INTRO
กริ๊งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง!!!
ร่างหนาสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกแผดลั่นไปทั่วทั้งห้องพัก คิ้วหนาขมวดมุ่นพลางกลืนน้ำลายลงอย่างฝืดคอก่อนจะเอื้อมมือคลำ ๆ หาต้นตอที่ปลุกเขาจากนิทรา
กึ่ก...
กดปิดเสียงแล้วหยิบมันมาจ่อระดับสายตา เพ่งมองอยู่ครู่เดียวก่อนจะถอนหายใจ นี่ห้าโมงเย็นแล้วเหรอ?
ร่างหนาหยัดตัวลุกขึ้นนั่งนิ่ง ๆ อยู่เกือบห้านาที เกาหัวที่ชี้โด่เด่ อ้าปากหาวเหมือนคนพักผ่อนไม่เพียงพอ แน่ล่ะ...เขาเพิ่งนอนไปตอนบ่ายโมงครึ่งนี้เองเพราะมัวแต่ซ่อมรถให้รุ่นพี่ที่สนิทกันมานาน ทั้งที่วันนี้เป็นหยุด ถ้าไม่นัดกับสาวไว้ตอนหกโมงคงไม่ตั้งนาฬิกาปลุกไว้แบบนี้
ลุกขึ้นเดินไปเข้าครัวที่เละเทะเสียยิ่งกว่าอะไรดี แต่คนอย่าง ‘คิมจงอิน’ กลับไม่รู้สึกขยะแขยงมันแม้แต่นิดเดียว หนำซ้ำยังคิดว่าสภาพที่เป็นอยู่บ่งบอกถึงความเป็นตัวเขา แม้ว่าผู้หญิงที่เขาลากมาด้วยทุกครั้งจะบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่า ‘ไอ้คนโสโครก’ ก่อนจะทำหน้าหยะแหยงแล้วออกจากห้องไป
แต่จะไปแคร์อะไรในเมื่อเขาได้เธอแล้วนี่?
กึ่ก...
เสียงเปิดตู้เย็นที่ตามมาด้วยไอเย็นและขวดเบียร์เรียงรายเต็มตู้ที่มองดูแล้วสบายตายิ่งกว่าอะไร เขาคว้าเบียร์ขนาดเหมาะมือมาแนบไว้กับสันซิงค์ล้างจานก่อนจะเคาะมันเน้น ๆ ทีเดียวจนฝาหลุดออก ร่างหนาในสภาพกางเกงยีนส์สีซีดตัวเดียวนั่งลงบนโต๊ะอาหารเพียงหมิ่นเหม่ กระดกเบียร์เย็นลงหลอดคอเพื่อดับความกระหายก่อนจะวางขวดเบียร์เอาไว้แล้วเดินไปอาบน้ำแต่งตัวแบบขอไปที
ใส่เสื้อแขนกุดสีดำโชว์มัดกล้ามกับกางเกงยีนส์สีซีดตัวเดิม ขยี้ผมอยู่สองสามทีก่อนจะหมุนลูกบิดย้ำให้แน่ใจว่าล็อคห้องแล้ว ถึงต่อให้เปิดประตูอ้าซ่าไว้ก็คงไม่มีผลอะไรเพราะข้างในก็มีแค่ซากขยะ เตียงนอนเน่า ๆ ดูมีค่าหน่อยก็คงจะเป็นเบียร์ในตู้เย็นที่อัดแน่นเต็มพิกัดนั่นแหละ
หมุนควงพวงกุญแจเล่นขณะเดินออกมาจากห้องพัก แต่สองขายาวก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นใครคนหนึ่งยืนอยู่หน้าห้องที่อยู่ใกล้ ๆ ประตูลิฟท์ ร่างหนาขมวดคิ้วเข้าหากันเมื่อร่างของหญิงสาวคนนั้นยืนโงนเงนเหมือนคนเดินละเมอ อีกทั้งยังเอามือทั้งสองข้างทาบไว้กับประตูแล้วโขกหัวลงไปซ้ำ ๆ
จำได้ว่าผู้หญิงคนนี้มาหาไอ้เด็กมหาลัยที่อาศัยอยู่ในห้องพักนั้นบ่อย ๆ แต่จากสภาพการแต่งตัวแล้วคงไม่ได้เพิ่งมาถึงแน่ ก็ดูเธอสิ...อยู่ในสภาพชุดนอนวาบหวิวซะขนาดนั้น จงอินตัดสินใจเดินผ่านไปแต่ก็ยังมองตามพฤติกรรมแปลก ๆ ของอีกฝ่ายไม่ละสายตา เป็นบ้าอะไรวะ ทะเลาะกับผัวเหรอ?
“แฮ่...แฮ่...”
เสียงครางงึมงำในลำคอที่ได้ยินมันทำให้เขาต้องเบ้หน้าระอา นี่ทะเลาะกันหนักชนิดที่ว่าสติสตางค์หายไปเลยหรือไง ร่างหนาส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนจะสะดุ้งเล็กน้อยเมื่ออีกฝ่ายหันมามองหน้าเขา
“...”
“แฮ่...”
ภาพที่เห็นมันทำให้คิมจงอินพูดไม่ออก ใบหน้าที่เคยเรียกได้ว่าสวยแต่ซีกหนึ่งกลับเนื้อหนังถลอกหลุดออกมาเป็นแผ่น ๆ ริมฝีปากที่เคยแดงฉ่ำเวลายิ้มยั่วยวนตอนเดินสวนกันตอนนี้เต็มไปด้วยเลือดสีแดงสดหยดลงบนเนินอกแหมะ...แหมะ...ราวกับน้ำลาย
“ชิบหายแล้วไง...”
สบถจบไม่ถึงวินาทีเขาก็ต้องเดินถอยหลังจนกลายเป็นหันกลับไปวิ่งแทนเมื่อผู้หญิงคนนั้นหวีดร้องโหยหวนอีกทั้งยังโถมตัวเข้ามาทางนี้อีก
ไม่รู้ว่ามาดีมาร้าย แต่สัญชาติญาณมันบอกให้เขาวิ่งหนีกับสิ่งที่พบเจออยู่!
“เฮ้ยเจ๊ เป็นไรวะเนี่ย?!” ถึงจะวิ่งหนีไปตามทางเดินยาวแต่ก็ยังมีน้ำใจตะโกนกลับไปถามไถ่ ร่างผอมบางในชุดนอนวาบหวิวยื่นแขนออกมาข้างหน้าอีกทั้งยังเดินไม่ตรง โซซัดโซเซทำให้เขาประหลาดใจสุด ๆ เธอไม่ยอมตอบคำถาม เอาแต่ครวญครางในลำคอพร้อมกับพุ่งมาที่เขา
ประตูทางเดินหนีไฟอยู่ข้างหน้า เขาวิ่งเข้าไปในนั้นแล้วปิดประตูใส่หน้าเธออย่างจังจนใบหน้าเรียวที่เคยสวยแปะติดกับกระจกประตู สองมือเล็กที่มีแต่เลือดทุบกระจบปัง ๆ พร้อมกับแผดเสียงลั่น สายตาเกรี้ยวกราดที่มองมาทำให้ชายหนุ่มรู้สึกหลอนอย่างบอกไม่ถูก ใช่ว่าเขาจะเป็นคนปอดแหกอะไรหรอกนะ ยกพวกตีกันสมัยเรียนมัธยมก็ทำมาหมดแล้ว ประสาอะไรกับผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง
จริงอยู่ที่คนตรงหน้าเป็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ...แต่ว่าฤทธิ์ของเธอมันไม่ใช่เล็ก ๆ นี่สิ
“เจ๊เป็นไรวะ ทะเลาะกับผัวก็ค่อย ๆ คุยกันดิ”
“กร๊าซซซซซซซซ!!!”
ปัง ๆ ๆ ๆ ๆ
“เอางี้นะ เจ๊หายใจเข้าลึก ๆ อย่าเพิ่งเหวี่ยง เดี๋ยวผมจะพาเจ๊ไปหาหมอเอง โอเคนะ?” เห็นภาพตรงหน้าแล้วก็สงสัยเหลือเกินว่ามีเรื่องกันอีท่าไหนถึงได้เสยอีเจ๊นี่จนฟันร่วงเลือดกลบปากขนาดนี้ แต่พาลผัวแล้วก็ไม่ควรจะพาลคนอื่นป่ะวะ
“กร๊าซซซซซซซซซซซซ!!!!”
“จะแหกปากอะไรกันนักหนาวะ รำคาญ!!!” เสียงของผู้มาใหม่ที่เปิดประตูห้องออกมาตวาดลั่นเสียงดังไปทั่วทั้งชั้นสอง
ก็สมควรล่ะ อีเจ๊นี่เล่นแหกปากโวยวายอยู่ได้ คนที่พักอาศัยอยู่ในชั้นนี้ถึงจะมีไม่มากเท่าชั้นอื่นแต่ก็ยังมีอยู่ อีเจ๊ผันความสนใจจากเขาไปหาชายหนุ่มพุงพุ้ยที่ยืนจังก้าแสดงศักยภาพอยู่ตรงนั้น จากสีหน้าอวดดีเปลี่ยนเป็นซีดเผือดภายในเสี้ยววินาที
หญิงสาวร่างเล็กกรีดร้องดังลั่นด้วยความโทสะก่อนจะกรูเข้าไปกัดผู้ชายคนนั้นในทันที จงอินอ้าปากค้างเมื่อเห็นหญิงสาวร่างเล็กขึ้นคร่อมตะกุยหน้าพร้อมกับกัดชายอ้วนคนนั้นราวกับหิวโหยมาแต่ชาติปางไหน
เขาสะดุ้งจนสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงร้องโวยวายดังมาจากชั้นล่างก่อนที่จะมีคนวิ่งลงมาจากชั้นบนอย่างไม่คิดชีวิต ในหัวของเขาประมวลผมไม่ออกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ แต่ยังไม่ได้เรียบเรียงเรื่องราวเขาก็ต้องตกใจอีกครั้งเมื่อเห็นชายหนุ่มในสภาพชุดรปภ. ไล่กัดคนที่กำลังวิ่งขึ้นมาทางบันไดหนีไฟจนพวกที่เพิ่งวิ่งลงมาจากชั้นสามแหกปากร้องกันเสียงดังเพราะความกลัว
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด”
“ช่วยด้วย!!!”
“...” เขาไม่สนแล้วว่ามันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น แต่ถ้าจะหนีออกจากที่นี่ เขาจะต้องมีอะไรติดมือไว้เพื่อป้องกันตัวเอง
ใบหน้าคมหันกลับไปยังอีเจ๊คนเดิมที่กำลังกัดกินเนื้อผู้ชายคนนั้นอย่างเอร็ดอร่อย เขาจะทำยังไงดี จะวิ่งไปข้างล่างก็คงไม่น่าจะรอด ถ้าวิ่งไปข้างบนก็ไม่รู้จะเจออะไรอีก แต่ถ้าวิ่งกลับไปที่ห้องตอนนี้อาจมีสิทธิ์รอดเพราะอย่างน้อยเขาก็มีอุปกรณ์ซ่อมรถอยู่ในนั้น
ไม่มีใครสนใจจะมาทางเดียวกับเขา คิมจงอินหายใจเข้าลึก ๆ แล้วค่อย ๆ เลียบไปตามกำแพงเพื่อไม่ให้หญิงสาวผู้หิวโหยรู้สึกตัว เสียงกรีดร้องดังไปทั่วทั้งตึกก่อนที่สัญญาณไฟไหม้จะดังขึ้น ประตูห้องหลายบานถูกเปิดออกพร้อมกับผู้พักอาศัยที่ออกมาดูด้วยความสงสัยนั่นทำให้หญิงสาวละความสนใจจากชิ้นเนื้อสด ๆ ที่อยู่ใต้ร่างพร้อมกับมองหาเป้าหมายใหม่ที่อยู่ไม่ไกล
“กลับเข้าไปในห้อง!!!” จงอินตะโกนเสียงดังแต่นั่นไม่ได้เรียกความสนใจจากหญิงสาวที่เห็นเป้าหมายอย่างชัดเจนแล้ว ร่างผอมบางหยัดตัวขึ้นเซซัดโซเซก่อนจะเปลี่ยนเป็นเคลื่อนไหวด้วยความเร็วขึ้น
“กลับเข้าไป!!!” ถึงจะย้ำเป็นครั้งที่สองหากแต่หญิงวัยห้าสิบกลับก้าวขาไม่ออกเพราะความกลัวกับสิ่งที่เห็นจนกระทั่งหญิงสาวหน้าเหวอะเข้าไปประชิดตัวได้และกัดเข้าที่ซอกคอเธออย่างแรงจนเลือดสาดไปทั่วกำแพง
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด”
“รีบกลับเข้าไปในห้อง แล้วล็อคประตูซะ!!” จงอินตะโกนบอกผู้หญิงที่ยืนสั่นเทาอยู่อีกฝั่ง เธอร้องไห้ พยักหน้ารัวเป็นคำตอบก่อนจะเข้าไปในห้องแล้วล็อคกลอนแน่นหนา ส่วนคนอื่น ๆ ก็ทำตามที่เขาพูดเช่นกัน
เหลือเพียงแค่เขาที่ยืนล่อเหยื่ออยู่ตรงนี้ จะว่ากล้าหาญมากก็คงใช่ แต่เอาจริง ๆ แล้วคิมจงอินไม่มีทางเลือกแล้วเสียมากกว่า...ไวเท่าความคิด ใบหน้าคมก้มลงมองใครอีกคนที่เพิ่งนอนจมกองเลือดไปเมื่อครู่ บัดนี้ชายหนุ่มร่างท้วมกำลังหยัดตัวลุกขึ้นนั่งได้อย่างไม่น่าเชื่อ
ใบหน้าซีดเผือดกำลังอ้าปากคำรามในลำคอเหมือนอย่างกับผู้หญิงคนนั้นไม่มีผิด อาการใกล้เคียงกันแบบนี้คาดว่ามันคงเป็นอะไรที่เรียกว่าติดเชื้อได้ล่ะมั้ง แต่จะอะไรก็ช่างหัวมันเถอะ คิมจงอินเรียนมาน้อยไม่มีความรู้อะไรนัก แต่จากสภาพที่เห็น ร้อยทั้งร้อยไอ้อ้วนนี่คงไม่มีปัญญาลุกขึ้นมาได้ทั้งที่ไส้ทะลักออกมาจากท้องแบบนี้แน่!
แต่มันเป็นไปแล้ว!
ถ้ายืนอยู่ต่อไปเขาคงกลายเป็นเหยื่อแบบไม่ต้องสืบ สองขายาวรีบวิ่งกลับเข้าไปในห้องโดยไม่ลืมที่จะดูลูกกุญแจในมืออย่างลุกลี้ลุกลน แต่ยิ่งรีบแค่ไหนก็ดูเหมือนว่าจะเปิดประตูได้ยากเท่านั้น ไอ้กลอนเส็งเคร็งเอ๊ย! ช่วยไขออกสักทีเถอะ!
“ฮือออออ....”
เสียงโอดครวญที่มาพร้อมกับร่างชายร่างท้วมคนนั้นที่กำลังเดินมา จนแล้วจนรอด พวงกุญแจเฮงซวยเสือกร่วงตกพื้นอีก ร่างหนาอุทานคำหยาบอย่างหัวเสียก่อนจะรีบก้มลงเก็บแล้วใส่กุญแจไปมั่ว ๆ เพราะความกดดันของบรรยากาศโดยรอบ แต่พระเจ้ายังคงเข้าข้างเขาอยู่ ประตูถึงเปิดออกได้
ปัง!!!!
เสียงประตูปิดลงพร้อมกับร่างของเขาที่ก้าวเดินถอยหลังไปจนสะดุดตะกร้าผ้าแล้วล้มลงไปนั่งบนเตียง หัวใจของเขายังคงเต้นเร็วไม่เป็นจังหวะเพราะความกลัวจากเหตุการณ์เมื่อครู่
เสียงทุบประตูดังก้องไปทั่วทั้งห้องพร้อมกับเสียงร้องโหยหวนแห่งความโทสะ นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไร? ทำไมจู่ ๆ อีเจ๊นั่นถึงได้วิ่งไล่กัดคนอื่นเหมือนอะไรสักอย่าง...อะไรสักอย่างที่คนปกติเขาไม่ทำกัน อีกทั้งคนที่ถูกกัดยังกลายเป็นสภาพเดียวกันอีก นี่ถ้าไม่เห็นกับตาก็คงไม่เชื่อแน่ว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น
แต่ไม่ว่ายังไงห้องสี่เหลี่ยมนี้คงไม่ปลอดภัยสำหรับเขาอีกต่อไปแล้ว ร่างหนารวบรวมสติแล้วรีบลุกขึ้นไปดันตู้ทีวีเพื่อขวางประตูเอาไว้ มือหนาสางผมขึ้นมาพร้อมกับถอนหายใจ ถ้าเกิดมันติดต่อกันได้จากการถูกกัดกิน แน่นอนว่ามันคงไม่แพร่เชื้อแค่ในหอพักโง่ ๆ นี้แน่
เดินไปหยุดใต้เตียงพร้อมกับก้มลงควานหากล่องเหล็กสีแดงที่เขาเก็บอุปกรณ์การช่างเอาไว้ เสียงเหล็กกระทบกันขณะกำลังเลือกประแจขนาดเหมาะมือที่ไม่เล็กและไม่ใหญ่เทอะทะจนเกินไป เขาหยิบประแจแหวนข้างปากตายเหน็บไว้ข้างหลังอันหนึ่งก่อนจะเลือกไขควงปากแฉกขนาด 200 มม. มาเป็นอาวุธติดมือ
ตอนนี้เขาคงใช้ประตูเป็นทางหนีไม่ได้แล้ว เพราะข้างนอกคงเต็มไปด้วยพวกคนประหลาดที่คลุ้มคลั่งไร้สติ เขาเลื่อนบานหน้าต่างขึ้นก่อนจะชะเง้อหน้าออกไปข้างนอก ภาพที่เห็นมันช่างเขย่าขวัญเสียเหลือเกินเมื่อพบว่าถนนแคบ ๆ ในตรอกเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังวิ่งหนีกันจ้าละหวั่น บางคนก็นอนแน่นิ่งจมกองเลือดในสภาพไม่ครบสามสิบสอง บ้างก็แขนขาด บ้างก็ไส้ทะลัก
เขาออกมาตรงระเบียงแล้วก้มลงไปข้างล่างเพื่อสำรวจความเรียบร้อย ทางโล่งดี เขาคงกระโดดจากตรงนี้แล้วหาทางออกไปได้ จากสภาพหอพักในตอนนี้คงมีแต่พวกนั้นอยู่เต็มไปหมด เขาควรรีบหนีออกไปจากที่นี่แล้วค่อยมาหาคำตอบทีหลังว่ามันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น...
.
.
17.30 น.
โรงเรียนมัธยมชองดัม
เด็กหนุ่มในชุดเครื่องแบบนักเรียนนั่งอยู่บนเก้าอี้ใกล้ ๆ ป้อมยาม เขาชะเง้อหน้ามองออกไปนอกประตูครั้งแล้วครั้งเล่าแต่ใครอีกคนก็ยังไม่มาสักที ปกติพี่ชายเขาไม่เคยสายแบบนี้นี่นา...หยิบมือถือขึ้นมากดโทรออกแต่ก็พบกับปัญหาเดิม ๆ คือโทรไม่ติดเลย แบตหมดหรือว่าอยู่ในที่อับสัญญาณกันนะ
บยอนแบคฮยอนนั่งยืดหลังตรง บิดเอวนิดหน่อยเพื่อคลายเมื่อย แต่เพียงแค่ครู่เดียวคนตัวเล็กก็ยิ้มกว้างเมื่อเห็นพี่ชายวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาในโรงเรียน
“พี่แบคโฮ มือถือแบตหมดเหรอ ผมโทรหาไม่ติดเลย”
“เร็วเข้าแบคฮยอน ไม่มีเวลาแล้ว”
“หา? ไม่มีเวลา...เวลาอะไรอ่ะ?” คนตัวเล็กขมวดคิ้วมุ่นเมื่อถูกพี่ชายคว้าแขนให้วิ่งไปด้วยกัน พอสังเกตดี ๆ แบคฮยอนถึงได้รู้ว่าพี่ชายของเขาเหงื่อออกเต็มไปหมด อีกทั้งยังมีคราบเลือดติดอยู่ตามเสื้อนักศึกษาอีก นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
“อย่าเพิ่งถามเลย เราต้องรีบไปหาพ่อแม่”
“พี่บอกผมก่อนสิ นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมเราถึงต้องรีบขนาด...”
ตูมมมมมม!!!
ทั้งคู่หมอบลงเล็กน้อยเมื่อเสียงระเบิดดังขึ้น ควันดำและไฟที่เกิดจากระเบิดลอยอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้สักเท่าไหร่ แบคฮยอนยืนนิ่งมองภาพที่เห็น ได้ยินเสียงกรีดร้องของผู้คนระแวกนั้นก่อนที่บยอนแบคโฮจะดึงน้องชายตัวเล็กให้หลบมาจากฟุตปาธเมื่อเห็นรถคันหนึ่งพุ่งเข้ามาทางนี้
โครม!!!!!
รถยนต์ทั้งสองคันเข้าปะทะกันอย่างแรงจนสัญญาณกันขโมยของรถที่จอดอยู่ระแวกนี้ดังขึ้น ยังไม่ทันจะตกใจกับภาพที่เห็นร่างของแบคฮยอนก็ล้มลงไปกับพื้นเมื่อถูกชนจากคนที่กำลังวิ่งหนีอย่างเอาเป็นเอาตาย แบคโฮรีบก้มลงไปประคองน้องชายของเขาขึ้นมาก่อนจะตบแก้มเรียกสติ เขารู้ดีว่าแบคฮยอนเป็นคนยังไง เพราะฉะนั้นเขาจะให้แบคฮยอนมองภาพคนที่ถูกไฟไหม้ในรถคันนั้นไม่ได้
“พ...พี่...”
“แบคฮยอน มองหน้าพี่นะ...มองหน้าพี่”
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น...ทำไม...”
“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เราต้องไปหาพ่อกับแม่นะ พ่อกับแม่รอเราอยู่ที่บ้าน” พี่ชายตัวโตยิ้มเพื่อให้คนตรงหน้าสบายใจ แบคฮยอนจับมือพี่ชายไว้พลางเม้มริมฝีปากแน่นก่อนที่ทั้งคู่จะเดินเลียบออกมาจากตรงนั้นท่ามกลางความชลมุน
บนถนนเส้นใหญ่ที่เต็มไปด้วยรถราตั้งแต่รถมอเตอร์ไซค์ตำรวจไปจนถึงรถเมล์ที่ชนกันเละเทะจนเกิดไฟลุกโชน สองพี่น้องหยุดชะงักดูภาพโศกอนาถกรรมตรงหน้าเพียงแค่ครู่เดียวบยอนแบคโฮก็เรียกสติตัวเองได้ก่อน
เสียงหวีดร้องของความเจ็บปวดดังมาไม่ขาดสาย เขาคิดว่ามันคงเป็นอุบัติเหตุครั้งยิ่งใหญ่แต่บยอนแบคโฮต้องคิดใหม่เมื่อเห็นคนวิ่งไล่กัดคนด้วยกันจนล้มลงไปนอนราบบนพื้นแบบนั้น ที่สำคัญ...มันไม่ได้เกิดขึ้นแค่คนเดียว
“ช่วยด้วยยยยยยยยยยยยย!!”
“พี่แบคโฮ...คนนั้นเขาเป็นอะไรน่ะ คนนั้นด้วย?!” แบคฮยอนชี้ไปที่ฝั่งตรงข้ามที่มีใครคนหนึ่งกำลังกัดกินเนื้อสด ๆ จากร่างกายคนอย่างเอร็ดอร่อย คนถูกถามอึ้งจนพูดไม่ออก เขากวาดสายตามองไปรอบ ๆ ไม่มีแม้แต่ตำรวจที่จะให้ความช่วยเหลือได้
“มันคือซอมบี้ใช่ไหม ผมเคยเห็นในหนัง”
“จะอะไรก็ช่างเถอะ เราต้องกลับบ้าน” แบคโฮทิ้งความสงสัยไว้ตรงนั้นแล้วจูงมือน้องชายวิ่งไปเรื่อย ๆ เห็นทีว่าเขาควรจะเร่งฝีเท้าให้มากกว่านี้เมื่อหันกลับไปที่เดิมแล้วพบว่าคนที่นอนเป็นเหยื่อเมื่อครู่กำลังลุกขึ้นมาไล่ล่าคนอื่นแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม...เขาต้องกลับไปหาพ่อแม่ที่บ้านเสียก่อน
.
.
ปัง!!
“พ่อ แม่!!”
ทันทีที่ประตูบ้านปิดลงแบคโฮก็ตะโกนเรียกพ่อแม่ทันที เขาโยนกระเป๋าเป้ลงกับพื้นแล้ววิ่งขึ้นไปบนชั้นสอง แบคฮยอนทรุดตัวนั่งลงบนโซฟาที่อยู่ใกล้ ๆ ก่อนจะเอามือทาบหัวใจกับเหตุการณ์เมื่อครู่นี้
นี่มันเรื่องอะไรกัน...สงครามเหรอ?
RRrrrr
“คุณได้รับข้อความใหม่...”
‘แบคโฮ แบคฮยอน พ่ออยู่ที่สถานกักกันผู้ป่วยตอนนี้ทหารกำลังตรวจแม่แกอยู่ พ่อไม่รู้ว่ามันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น อยู่แต่ในบ้านจนกว่าจะเช้านะลูก อย่าออกมาข้างนอก ไว้พรุ่งนี้แปดโมงเช้าพ่อจะติดต่อ...ตื้ดดดดดดดด’
“...พ่อ!” แบคฮยอนเขย่าโทรศัพท์บ้านเหมือนกับคนโง่ ใช่...เขาคงเป็นคนโง่จริง ๆ นั่นแหละ โง่เหมือนอย่างที่เพื่อน ๆ ชอบด่าเขา แบคฮยอนกำโทรศัพท์บ้านไว้แน่นก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองพี่ชายที่ยืนฟังอยู่ข้างบนตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
.
.
เสียงร้องโอดครวญจากข้างนอกสร้างความหวาดกลัวให้ร่างเล็กที่นั่งขดตัวอยู่บนโซฟา แบคโฮเปิดผ้าม่านออกเพียงเล็กน้อยพลางกำหมัดแน่นเมื่อเห็นเพื่อนบ้านที่เคยเอ่ยทักทายกันทุกเช้าเปลี่ยนไปราวกับคนละคน
วิ่งไล่ล่าเหยื่อในสภาพเลือดโชกตัวแบบนั้น...
“เราจะรู้ได้ยังไงว่าพ่อกับแม่ปลอดภัย” แบคฮยอนถามทั้งที่ไม่หันไปมองพี่ชาย แบคโฮยืนใช้ความคิดครู่หนึ่งก่อนจะเดินไปหยุดอยู่หน้าห้องใต้บันได คนตัวเล็กมองตามพี่ชายที่กดสวิตซ์ไฟเพื่อค้นหาอะไรบางอย่างในห้องนั้น
“พี่แบคโฮ เราจะตายไหม”
“ไม่ใช่ตอนนี้แบคฮยอน” พี่ชายพูดเสียงเรียบขณะเดินมาหยุดที่หน้าประตูบ้านพร้อมกับค้อนและตะปู
“พี่ก็เห็นว่ามีคนโดนกัดตาย แต่พวกเขาก็ลุกขึ้นมาไล่ล่าเหมือนกับคนที่กัดเขา”
“พี่รู้ แต่ช่วยเงียบก่อนได้ไหม...” แบคโฮกุมขมับพร้อมกับหายใจเข้าลึก ๆ ไม่ใช่แค่แบคฮยอนที่ตื่นกลัวกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ เขาเองก็ตกใจไม่แพ้กัน
ในหัวตอนนี้มีเรื่องให้คิดอยู่เต็มไปหมด เขาจะต้องทำยังไงหลังจากนี้ แล้วพ่อแม่ของเขาอีกล่ะ ไอ้สถานกักกันนั่นมันอยู่ที่ไหน เขาไม่รู้อะไรเลยสักอย่าง
หรือว่าทั้งสองคน...จะต้องรอความหวังจากโทรศัพท์บ้านเครื่องนั้นเพียงอย่างเดียว?
“แบคฮยอน มาช่วยพี่หน่อย” ร่างสูงเดินเข้าไปห้องนอนของเขาแล้วรื้อผ้าปูที่นอนและเตียงออกก่อนจะลากเตียงไม้ออกมา แบคฮยอนยืนมองงง ๆ แล้วก็เอ่ยถาม
“พี่จะทำอะไร”
“เราต้องกั้นประตูกับหน้าต่างเอาไว้ ไม่ให้พวกมันบุกเข้ามาได้ นายช่วยไปเอาเลื่อยมาให้พี่หน่อยนะ” แบคฮยอนพยักหน้าแล้วเอี้ยวตัวกลับ แต่คนตัวเล็กต้องเบิกตาโพลงเมื่อเห็นใครคนหนึ่งยืนพิงประตูเคี้ยวขนมปังเนยถั่วด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“!!!!”
“จะเลื่อยไม้ล่อให้พวกมันแห่กันมาที่นี่หรือไง?”
“นายเป็นใคร?” แบคโฮดึงน้องชายให้มายืนอยู่ข้างหลังพลางมองหนุ่มหน้าหวานที่อยู่ในสภาพชุดคนไข้ มือข้างหนึ่งถือขนมปังที่ถูกกัดไปแล้วครึ่ง ส่วนมืออีกข้างก็กระดกนมสดลงคอด้วยความกระหาย
“ฉันถามว่านายเป็นใคร? แล้วเข้ามาในบ้านหลังนี้ได้ยังไง”
“ไม่มีมารยาทเอาซะเลยนะ ถามอยู่ได้ ไม่เห็นเหรอว่าคนกำลังกินอยู่” ถึงปากจะบ่นอุบอิบแต่มือก็หยิบขนมปังยัดใส่ปากตาม หนุ่มหน้าหวานยิ้มมุมปากก่อนจะดูดนิ้วปิดท้าย
“เขาเป็นเหมือนพวกนั้นหรือเปล่า...” แบคฮยอนกระซิบถามพี่ชายแต่คนถูกพาดพิงนั้นได้ยินเต็มสองหู
“ฉันดูเหมือนคนที่พร้อมจะเข้าไปกัดคอพี่ชายนายหรือเปล่าล่ะ ฮัลโหล?” ประโยคหลังเหมือนจะประชดหน่อย ๆ แบคฮยอนโผล่หน้าออกมาจากข้างหลังแล้วมองค้อนชายหนุ่มในชุดคนไข้
“จะตอบคำถามผมได้หรือยังว่าคุณเป็นใคร”
“ฉันชื่อลู่หาน โทษทีนะ พอดีว่าหิวมาก ถ้าไม่เกิดเหตุการณ์บ้าบอคอแตกนั่นป่านนี้ฉันคงนอนสำออยรอนับเงินค่าทำขวัญอยู่บนเตียงคนไข้แล้ว”
“...”
“...”
“อะไรกัน...ทำไมถึงมองฉันด้วยสายตาแบบนั้นล่ะ ฉันยังไม่ได้ถูกกัดนะ จะให้พิสูจน์ไหม?”
“ไม่ต้อง!” หนุ่มหน้าหวานทำท่าถลกเสื้อขึ้นแต่แบคฮยอนยกมือห้ามไว้ก่อน
“ถ้าอิ่มแล้วก็เชิญออกไปจากบ้านผม” ร่างสูงพูดเสียงเรียบ ลู่หานเลิกคิ้วมองแล้วก็ย่นจมูก
“ใจร้ายจัง ไม่เห็นเหรอว่าข้างนอกเขาเล่นวิ่งไล่จับกันอยู่น่ะ”
“จะอะไรก็ช่าง! ผมไม่แจ้งตำรวจจับคุณก็ดีแค่ไหนแล้ว” แบคฮยอนโพล่งออกมานั่นทำให้คนฟังกลั้นขำแทบไม่อยู่
“เอาดิ! รีบโทรไปแจ้งความเร็วเข้า จะได้รู้กันว่าตำรวจที่มาเคาะประตูหน้าบ้านนายเนี่ยจะทักทายด้วยวิธีไหน”
“...”
“มีน้องชายทำตัวเป็นลูกแหง่แบบนี้ไม่เหนื่อยเหรอครับคุณพี่ชาย?”
“คุณจะพูดเกินไปแล้วนะ” แบคโฮแสดงสีหน้าไม่พอใจเมื่อคนตรงหน้ากำลังพูดดูถูกเหยียดหยามน้องชายเขาเหมือนอย่างที่คนอื่น ๆ ทำ
“โทษที” ลู่หานยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ
“แอบเข้าบ้านคนอื่น ขโมยของเขากิน แล้วยังมีหน้ามาพูดจาแบบนี้อีก” แบคฮยอนมองคนตรงหน้าด้วยแววตารังเกียจ
“ก็มันหิวอ่ะ นายไม่เคยหิวหรือไง?”
“แล้วคุณออกมาจากโรงพยาบาลทำไม ในเมื่อคุณบอกว่าจะรอค่าทำขวัญ?” แบคโฮถาม
“ให้อยู่ต่อก็บ้าละครับ พวกผีดิบวิ่งกันจ้าละหวั่น หนีมาได้ก็ถือว่าเป็นบุญแล้ว”
“...”
“...”
“แต่จะยังไงก็ช่างเถอะ...พวกนายคงไม่ใจร้ายถีบส่งฉันออกไปเล่นวิ่งไล่จับกับเจ้าพวกนั้นหรอกใช่ไหม?”
TBC
เปิดฟิคใหม่อีกแล้วค่ะ คราวนี้เป็นฟิคสนองนิส
อยากให้อ่านค่ะ มีตัวละครอีกหลายตัวที่ยังไม่โผล่ ใครชอบแนวนี้มลินฝากด้วยนะคะ ติดแท๊กในทวิตว่า #ฟิคซอมบี้ ค่ะ ถึงไม่มีคนอ่าน ไม่มีคนเม้น มลินก็จะมาอัพ
แต่ถ้ามีคนเม้นเป็นกำลังใจมลินก็จะดีใจมากเลยค่ะ ขอบคุณมากนะคะ~ <3
ความคิดเห็น