ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    UNDYING | KAIHUN CHANBAEK FT.EXO

    ลำดับตอนที่ #1 : INTRO

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.98K
      44
      24 พ.ย. 58

     

     

     

    INTRO

     

     

     

    ปี 2015 เชื้อไวรัสบางอย่างได้แพร่ระบาดไปทั่วทุกมุมโลก ทำให้ผู้ติดเชื้อเกิดอาการบ้าคลั่งวิ่งไล่กัดผู้คนด้วยกัน หนึ่งคนกัด อีกหนึ่งคนเปลี่ยน เชื้อไวรัสแพร่กระจายส่งต่อไปอย่างรวดเร็วจนยากที่จะต้านทานไหว

    มนุษย์กลายเป็นผู้ถูกล่าโดยเหล่าผีดิบหิวกระหาย พวกมันไม่มีจิตสำนึกใด ๆ ไม่มีความเมตตาแม้ว่าเหยื่อจะอ้อนวอนร้องขอชีวิต ร่างที่ถูกกัดจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีกราว ๆ 5 – 12 ชั่วโมง ถ้าโชคร้ายหน่อยไม่ถึงสามนาทีก็เปลี่ยน

    มนุษย์ที่เหลือต้องดิ้นรนหาทางเอาชีวิตรอดบนโลกซึ่งเต็มไปด้วยความโหดร้าย ไม่มีอาหารตามร้านสะดวกซื้อ ไม่มีการแลกเปลี่ยนด้วยเงินทอง หลายปีเลยทีเดียวที่สิ่งมีชีวิตซึ่งเรียกว่ามนุษย์ต้องทนใช้ชีวิตอยู่กับความเสี่ยง ว่าจะถูกกัดตอนออกไปหาเสบียงเมื่อไหร่ จะอดตายเพราะไม่มีอาหารตกถึงท้องไหม

    แต่ถึงอย่างนั้น... พระเจ้าก็ไม่ได้ใจร้ายกับพวกเขานัก

    เมื่อโลกค่อย ๆ ได้รับการบูรณะ เริ่มจากหมู่บ้านเล็ก ๆ จนขยายออกกว้างเป็นชุมชนซึ่งเหล่าผีดิบไม่สามารถข้ามผ่านอนาเขตนี้เข้ามาได้ จากเป็นฝ่ายถูกล่ามาตลอดหลายปี มนุษย์เริ่มแข็งแกร่งขึ้นจนเป็นฝ่ายออกไล่ล่ากวาดล้างเหล่าผีดิบแทน

     

     

    พวกมันก็แค่เศษสวะก้อนเนื้อที่หิวกระหาย เราเป็นมนุษย์ มีความคิด แน่นอนว่าฝ่ายได้เปรียบคือเรา'

     

     

    พวกเขาคิดอย่างนั้น และย่ามใจว่าโลกจะต้องกลับคืนสู่สภาพเดิมได้

    จนกระทั่งวันหนึ่ง เหล่ามวลมนุษย์ก็ได้รู้ว่าพวกเขาคิดผิด...

     

     

    เมื่อเหล่าผีดิบกลับมีความคิดและสื่อสารกันเหมือนมนุษย์ได้อย่างน่าประหลาด แต่สิ่งเดียวที่ไม่เหมือนคืออาหารที่บริโภค เมื่อพวกมันยังคงกินเนื้อสดกับสมองมนุษย์ไม่ต่างจากเดิม เหล่าผีดิบมีวิวัฒนาการณ์ก้าวล้ำจนน่าตกใจ พวกมันไม่ได้แค่ใส่สูทจิบเครื่องดื่มร้อนในร้านกาแฟแล้วใช้ชีวิตเหมือนคนปกติ แต่พวกมันตั้งใจจะยึดครองในทุกที่ และยื่นข้อเสนอบ้า ๆ ให้เหล่ามนุษย์ยอมจำนนแต่โดยดี หากประเทศไหนยอม พวกมันจะมอบการดูแลให้โดยไม่มีการตายจากเกิดขึ้น

     

     

    แต่ถ้าไม่... ประเทศนั้นต้องเจอกับสงคราม

     

     

     

    ซึ่ง ณ ตอนนี้

    ...ปี 2115...

    เวลาของกลิ่นเลือดและเสียงปืนในสงครามได้มาถึงแล้ว

     

     

     

    ในปี 2015 โลกเคยมีมากกว่า 160 ประเทศ หลังจากเกิดภัยวิบัติจากเชื้อไวรัสแพร่ระบาด นั่นเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ผู้คนหลายเชื้อชาติย้ายถิ่นฐานจากบ้านเกิดมาอาศัยอยู่ประเทศที่ไร้สงคราม ปะปนอยู่ด้วยกัน และสร้างครอบครัวใหม่ ส่วนประเทศอื่นก็ล่มสลายไปเพราะไม่สามารถต้านทานเหล่าผีดิบจำนวนมากไว้ได้

     

     

    เขาเรียกมันว่า ‘พวกเดนตาย’

     

     

    ตั้งแต่พวกเดนตายเริ่มมีความคิดมนุษย์ที่หลงเหลืออยู่ก็ใช้ชีวิตยากขึ้น ซึ่งโลกยังคงได้รับการบูรณะอย่างต่อเนื่องแม้ว่าส่วนหนึ่งที่คอยสนับสนุนอยู่ห่าง ๆ จะเป็นแกนนำตัวเป้งของเหล่าผีดิบใส่สูท จนทำให้เทคโนโลยีกลับมาใช้งานได้อีกครั้ง

    แน่นอนว่าทุกอย่างที่ทำไปล้วนแต่เป็นการลงทุน หากประเทศไหนได้รับ ‘Big Cleaning’ พวกผีดิบกะโหลกกะลาที่กระจายตัวตามบ้านเมืองก็จะถูกกวาดล้างไปจนหมดและคืนสังคมมนุษย์ให้อีกครั้ง พวกมันไม่นึกเสียดายเผ่าพันธุ์เดนตาย 

     

     

     ซึ่งกว่าจะเป็นอย่างนั้น ประเทศดังกล่าวจะต้องทำตามข้อแลกเปลี่ยนโดยการยอมตกเป็นเมืองขึ้นของพวกมัน

     

     

     

     

     

    ใจกลางเมืองแทกู คริสตศักราช 2115

     

    Security Drone หรือที่ชาวบ้านเรียกว่ายามรักษาการ บินอยู่บนท้องฟ้าวนรอบตัวเมือง ลำกล้องทั้งสี่ตัวหมุนปรับองศาไปตามทุกซอกมุมถนน โดยมีทหารเป็นผู้บังคับอยู่ในกองบัญชาการ

    โดรน กลายเป็นยามรักษาการที่ดีแทนที่จะให้มนุษย์ใส่เครื่องแบบไปยืนตามป้อมยามตามมุมต่าง ๆ เมื่อมีเหตุร้าย มันสามารถเป่ายาสลบใส่ผู้ร้ายได้ ถ้าหากว่าประเทศนี้มีเหตุฉกชิงวิ่งราวเกิดขึ้น

    วันนี้บ้านเมืองเต็มไปด้วยความหวาดผวา เมื่อชาวบ้านได้รับข่าวร้ายตั้งแต่เมื่อวานว่าประธานาธิบดีถูกลักพาตัวไป ทหารบางหน่วยถูกสั่งให้ล้อมรอบคฤหาสน์หลังใหญ่เพื่อคุ้มกันภัยให้กับภรรยาและบุตรชายของท่านผู้นำ

    เหล่าทหารหน่วยหลัก ๆ อย่างทีมมิเนอร์วา มาร์ส และไดอาน่าต่างแยกย้ายกันไปตามจุดต่าง ๆ เพื่อช่วยประธานาธิบดี โดยมีทีมเมอร์คิวรี่คอยสนับสนุนผ่านทางวิทยุอยู่ตลอด

    ( มิเนอร์วาวันเรียกกองบัญชาการ )

    ได้ยินแล้ว นี่เมอร์คิวรี่สองศูนย์ คิมจงแด รายงานสถานการณ์เข้ามาได้

    ( ผมเข้ามาถึงแล้ว ละแวกนี้เงียบสงบ ไม่มีวี่แววของศัตรู ผมต้องการแน่ใจว่าข้างในจะไม่มีระเบิดหรือกับดักของเล่นเด็กที่จะทำให้ผมต้องตายยกทีม เปลี่ยน )

    เดี๋ยวจัดการให้ รอสักครู่ครับกัปตันปาร์ค

    ชายหนุ่มกรอกเสียงผ่านไมค์ขนาดเล็กซึ่งสวมอยู่กับหูข้างขวาขณะที่สายตายังคงจับจ้องอยู่กับมอนิเตอร์ที่เต็มไปด้วยโค้ดรหัสจำนวนมาก เรียวนิ้วทั้งสิบกดแป้นคีย์บอร์ดอย่างชำนาญโดยไม่ต้องก้มดู เพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้นเค้าโครงตึกก่อสร้างก็ฉายร่างขึ้นมาบนจอ จากการจับสัญญาณความร้อนทำให้มองเห็นโครงสร้างสีแดงของมนุษย์กลุ่มหนึ่ง และร่างของใครอีกคนซึ่งถูกมัดอยู่ในท่านั่งกับเก้าอี้บนชั้นสอง

    ตรงนั้นมีร่างสีฟ้าอยู่ประมาณสี่นาย แน่นอนว่ามันจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเหล่าผีดิบที่จับตัวประธานาธิบดีไว้เป็นตัวประกัน จงแดยกยิ้มพอใจก่อนจะผิวปากหวิวพร้อมสบถคำว่าบราโว่กับตนเองเบา ๆ

    เมอร์คิวรี่สองศูนย์เรียกมิเนอร์วาวัน

    ( ได้ยินแล้ว รายงานเข้ามา )

    ท่านประธานาธิบดีอยู่ชั้นสองครับ ไม่มีกับดักหรือระเบิดตด แต่ระวังตัวหน่อยนะ หมาสี่ตัวถือของเล่นแรงไว้ด้วย

    ( รับทราบ เลิกกัน )

    สัญญาณทั้งสองฝั่งถูกตัดไปแล้ว จงแดถอนหายใจอย่างโล่งอกพลางเอนหลังพิงกับเก้าอี้ล้อหมุนจนเกิดเสียงเอี๊ยดอ้าด จากการจับสัญญาณเมื่อครู่ทำให้ได้รู้ว่าท่านประธานาธิบดียังคงมีชีวิตอยู่ ซึ่งนั่นคงเป็นข่าวดีที่สุดของวันนี้

    ชายหนุ่มเอื้อมไปคว้าแก้วกาแฟที่เย็นชืดจนไม่เหลือเค้ารสชาติความกลมกล่อมอย่างที่ควรจะเป็น แต่มันก็ไม่แย่นักถ้าหากว่ากาเฟอีนจะช่วยยืดเวลาให้เขานั่งจมปุกอยู่ตรงนี้ไปได้อีกสักสิบชั่วโมง หรืออาจจะมากกว่านั้น

    ในห้องบัญชาการเต็มไปด้วยทหารทีมเมอร์คิวรี่ ผู้ซึ่งถูกฝึกมาให้ถนัดด้านไอทีมากกว่าการคลานไปตามโคลนตมแล้วเหนี่ยวไกปืนใส่ศัตรู พวกเขาถนัดเรื่องใช้สมองมากกว่าใช้กำลัง แต่ก็มีเมอร์คิวรี่อีกทีมหนึ่งซึ่งถูกฝึกมาเพื่อให้ฉลาดบนสนามรบโดยเฉพาะ

    จงแดเป็นหัวหน้าทีมเมอร์คิวรี่สองศูนย์ หน้าที่ของเขาคือช่วยแฮคข้อมูลหรือเจาะระบบดาวเทียมศัตรูเข้าไปเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับทีมอื่น ๆ

    หนักเลยนะงานนี้

    ถ้าผ่านไปได้ ผมยอมยกตำแหน่งให้คุณมาเป็นหัวหน้าทีมแทนเลยให้ตาย สีหน้าของจงแดดูอิดโรยหลังจากนั่งอยู่ตรงนี้มานานเกือบยี่สิบสี่ชั่วโมงแล้ว เขามีโอกาสได้ออกไปยืดเส้นยืดสายแค่ตอนเดินไปทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำเท่านั้น

    จางอี้ชิงเพียงแค่หัวเราะกับคำพูดคำจาอีกฝ่าย จงแดเป็นคนตลกเสมอแม้จะอยู่ในสถานการณ์คับคัน เรื่องนี้ใคร ๆ ต่างก็รู้กันทั้งกองบัญชาการ จริงอยู่ที่พวกเขาอยู่ในสภาวะถูกกดดัน แต่การมีเสียงหัวเราะภายในห้องกว้างแห่งนี้มันคงเป็นอะไรที่น่ารื่นหูมากกว่าเสียงพวกเดนตายข้างนอกเป็นไหน ๆ

    “เชื่อเถอะว่าอีกไม่เกินห้านาทีพวกนักข่าวจะต้องแห่มาถามเรื่องความเคลื่อนไหวอีกแน่

    ชายหนุ่มซึ่งมีเชื้อสายจีนว่าด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์นัก พวกนักข่าวคือสิ่งมีชีวิตอย่างหนึ่งที่น่ารำคาญพอ ๆ กับแมลงสาปนั่นแหละ เขาถอนหายใจทุกครั้งตอนเห็นทางนั้นยื่นไมค์มา บางทีก็ไม่แน่ใจว่าพวกหิวกระหายใคร่รู้เป็นห่วงประธานาธิบดีหรือแค่อยากได้ข่าวไปเขียนกันแน่

    ตะเพิดไปให้หมด คนไม่ได้นอนอารมณ์ป่าเถื่อนยิ่งกว่าพวกเดนตายข้างนอกอีกนะ พวกเขาควรรู้เอาไว้ จงแดแค่นหัวเราะแล้วยกแก้วกาแฟขึ้นจิบอีกครั้ง

    จ่าจงแดครับ!” ทหารหนุ่มทั้งสองหันไปยังพลทหารที่ตะโกนมาจากทางด้านหลัง เปิดจอสิบห้า!”

    ทั้งคู่ไม่รีรอ จงแดกับอี้ชิงเลื่อนเก้าอี้เข้าหาโต๊ะตนเองก่อนจะเข้าจอสิบห้าตามที่พลทหารบอก เพียงแค่ครู่เดียวภาพจอลายก็ฉายขึ้นมาให้เห็น ซึ่งมันมาจากกล้องโดรนที่หยุดอยู่กลางอากาศส่วนใจกลางเมือง

    จอทีวีขนาดใหญ่ติดกับตึกสูง มันเคยฉายภาพโฆษณาสินค้าแบรนด์ต่าง ๆ เพื่อเพิ่มความต้องการให้กับผู้ซื้อไปจนถึงการโปรโมตตัวอย่างละคร หากแต่ตอนนี้กลับเปลี่ยนไป เมื่อภาพบนจอนั้นมีชายในชุดสูทคนหนึ่งถูกล็อกแขนไว้ข้างหลัง โดยมีผ้าสีดำคาดตาและปากเอาไว้

    ...พระเจ้า

    ข้างหลังนั่น... ใช่ประธานาธิบดีหรือเปล่า?

    มือทั้งสองข้างยังวางอยู่บนโต๊ะโดยไม่ขยับไปไหน สายตาของทหารหนุ่มในห้องบัญชาการยังคงจับจ้องอยู่กับภาพตรงหน้า เพียงแค่ครู่เดียวก็มีชายวัยกลางคนในชุดสูทสีเลือดนกเดินเข้ามาในฉาก ก่อนจะหยุดอยู่หน้ากล้องพร้อมรอยยิ้ม

    [ สวัสดีเพื่อนมนุษย์ทั้งหลาย ]

    ประชาชนนับร้อยที่อยู่ละแวกนั้นหยุดยืนดูภาพจากจอสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ บางคนยกมือขึ้นป้องปากอย่างตกใจทันทีที่เห็นผู้นำประเทศอยู่บนจอ ซึ่งไม่ใช่ฐานะแขกรับเชิญ

    [ ขอโทษที่ต้องมาขัดจังหวะ รายการทีวีกำลังสนุกเลยใช่ไหม? ผมชอบดูนะ ประเทศคุณมีอะไรน่าสนใจมากเลยทีเดียว ]

    ไม่มีใครรู้สึกยินดีไปกับน้ำเสียงเย้ยหยันนั้น จงแดเลียริมฝีปากก่อนจะพยายามติดต่อหากัปตันปาร์คชานยอลหัวทีมมิเนอร์วา ถ้าคนที่อยู่บนจอนั้นคือท่านประธานาธิบดี แล้วคนที่ถูกมัดกับเก้าอี้บนชั้นสองในตึกนั่นคือใคร?

    [ พวกคุณคงเคยได้ฟังเรื่องอดัมกับอีฟมาบ้าง ผมเองก็เคยเหมือนกัน อ่า... ตั้งแต่เมื่อร้อยกว่าปีก่อนน่ะ สนุกใช้ได้เลยนะ ]

    เสียงหัวเราะของชายวัยกลางคนในจอมาพร้อมเสียงปิดประตูห้องของผู้บังคับบัญชา ขายาวก้าวมาหยุดอยู่หลังเก้าอี้ทหารหนุ่มทั้งสองพร้อมเท้ามือลงบนพนักเก้าอี้ด้วยสีหน้าจริงจัง

    เมอร์คิวรี่สองสี่จางอี้ชิง ได้ยินชัดเจนแล้ว รีบถอนกำลังออกมาด่วน!”

    นั่นมันเรื่องบ้าอะไร?” น้ำเสียงของผู้บังคับบัญชาทุ้มหนักบ่งบอกถึงความไม่สบอารมณ์ในเวลานี้

    ไม่ทราบครับท่าน ตอนนี้ผมกำลังติดต่อกับทีมไดอาน่าอยู่

    รายงานมา” ชเวซีวอนหรือผู้บังคับการสูงสุดหันไปให้ความสนใจกับจางอี้ชิง ขณะที่ชายวัยกลางคนบนจอยังคงพูดเพื่อข่มขวัญประชาชนชาวเกาหลีใต้ต่อไป

    ฝั่งที่ทีมไดอาน่าไปเป็นกับดักครับ ตอนนี้หมวดกาฮีกำลังพาคนเจ็บถอนกำลังออกมา” อี้ชิงขมวดคิ้วขณะรายงานผล

    ทีมมาร์สล่ะ” ชายวัยกลางคนหันไปทางทหารอีกนายซึ่งนั่งถัดจากอี้ชิงไปอีกสามโต๊ะ

    ผมกำลังพยายามติดต่ออยู่ครับท่าน!” ทหารหนุ่มขานตอบ แต่นั่นก็ไม่ใช่ข่าวดีในวินาทีนี้

    [ แต่จุดจบของอดัมกับอีฟก็คือความตาย ]

    จงแด ทีมมิเนอร์วาวันเป็นยังไงบ้าง?

    สัญญาณถูกรบกวนครับ ผมกำลังหาทางแก้ไขอยู่ คิ้วหนาขมวดมุ่น แม้ว่าทุกคนในห้องกว้างแห่งนี้จะมีความสามารถเกี่ยวกับการเจาะระบบ แน่นอนว่ามันเคยเป็นเรื่องง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก แต่มันจะเริ่มยากทันทีที่รู้ว่ากำลังถูกแฮคเกอร์ของอีกฝ่ายไล่ต้อนอยู่ตลอดเวลา

    [ แต่ผมไม่... เพราะพวกเราคือนิรันดร์ ]

    ...

    ซีวอนกัดฟันกรอดกับโทสะที่ปะทุขึ้นมาเหมือนกองเพลิง ชายวัยกลางคนหลุบสายตามองแผงควบคุมของทหารหน่วยเมอร์คิวรี่ เสียงรายงายสถานการณ์จากทางด้านหลังบอกถึงการตายของทหารที่แยกย้ายทีมกันออกไปช่วยประธานาธิบดีนั้นเขาได้ยินอย่างชัดเจน ชายหนุ่มนึกโทษตนเองในใจที่มอบหมายภารกิจนี้อย่างคนขลาดเขลา จนทำให้ทีมทหารต้องล้มตาย

    [ ผมใช้ชีวิตเหมือนมนุษย์ทุกอย่าง กิน เดิน พูดคุยกับคนรอบข้างได้อย่างปกติสุข โทษที... ลืมบอกไปเลยว่าพวกเราหลับไม่ได้ ฮะ... ถึงจะพยายามแล้วก็เถอะ แต่จะให้แกล้งหลับก็ไม่ใช่เรื่องยากนะ เรื่องตบตาคนอื่นน่ะ... พวกเราถนัด ]

    ...

    สายตาที่มองกล้องกับเสียงหัวเราะของชายสูทแดงนั้นจงใจจะยั่วโทสะเขาชัด ๆ ชเวซีวอนกำหมัดแน่นแล้วสบตากับคนในจอภาพ

    [ เรื่องเศร้าของมนุษย์คือ พวกคุณอยู่กับความหวาดกลัว ]

    [ กลัวว่าจะตายเมื่อไหร่ กลัวว่าจะถูกทิ้ง กลัวการสูญเสีย กลัวสารพัด กลัวไปหมด ให้ตายเถอะ... พวกคุณใช้ชีวิตอยู่กับมันได้ยังไงกัน? ]

    ไอ้หอกนี่พูดมากจังโว้ย จงแดละสายตาจากจอภาพแค่ครู่เดียวก่อนจะหันไปสนใจกับมันอีกครั้ง เมอร์คิวรี่สองศูนย์เรียกกัปตันปาร์ค! ทราบแล้วเปลี่ยน!”

    ไม่มีเสียงตอบรับกลับมาจากทีมมิเนอร์วาวัน ตอนนี้มีเพียงแค่เสียงแทรกซ้อนเข้ามาเรื่อย ๆ แม้ว่าเขาจะเพิ่งจัดการกับสัญญาณก่อกวนเมื่อก่อนหน้านี้ไปได้แล้ว

    [ ผมเคยยื่นข้อเสนอไปแล้ว แต่ผู้นำของคุณค่อนข้างที่จะพูดภาษา... พวกเดนตาย? คุณเรียกเราว่าอะไรนะ? เดนตายถูกแล้วใช่ไหม? อ่า นั่นแหละ... ท่าทางเขาจะพูดภาษาพวกเดนตายไม่รู้เรื่อง ]

    ร่างคนที่ถูกปิดตาถูกลากมาหยุดอยู่ข้าง ๆ ชายชุดสูทสีเลือดนก ใบหน้าขาวซีดยังคงยิ้มให้กล้อง ก่อนจะพยักหน้าเป็นเชิงบอกให้เปิดผ้าปิดตาและปากออกได้

    [ อย่ายอม!!!! ]

    [ บ้าจริง ผมยังไม่ได้อนุญาตให้พูดเลยนะท่านประธานาธิบดีคิมจุนอา ]

    แม้ว่าคิ้วจะขมวดมุ่นราวกับไม่พอใจที่เชลยพูดแทรกขึ้นมาทันทีที่เทปผ้าถูกแกะออก แต่น้ำเสียงของชายในชุดสีเลือดนกก็ยังอยู่ในโทนปกติ

    [ นี่น่ะ คือหัวใจหลักของประเทศพวกคุณเลยใช่ไหม? ]

    ชายวัยกลางคนล็อกคออีกฝ่ายเข้ามาใกล้ขณะที่ยังส่งยิ้มให้กล้อง เพียงแค่ครู่เดียวจอก็ซูมเข้าไปใกล้จนเห็นว่าริมฝีปากของประธานาธิบดีกำลังสั่นเครือ เหงื่อกาฬไหลซึมตามขมับกับความหวาดกลัวที่พยายามซ่อนเอาไว้

    [ เอาล่ะ ถึงเวลาทักทายประชาชนแล้ว ]

    [ ...!!! ]

    ประธานาธิบดีคิมพยายามสะบัดตัวออกจากพันธนาการแต่ก็ไม่เป็นผล ในกองบัญชาการตอนนี้กำลังตกอยู่ในความโกลาหล ชเวซีวอนไม่ได้เห็นความวุ่นวายแบบนี้มานานแค่ไหนแล้ว ชายหนุ่มกัดฟันแน่นก่อนจะขมวดคิ้วเมื่อภาพสี่เหลี่ยมเกือบสิบจอฉายขึ้นมาแทนภาพท่านประธานาธิบดี

    มันคือภาพของทหารแต่ละทีมที่ถูกหลอกไปหากับดัก บางคนเจ็บสาหัสจนต้องถูกหิ้วปีกออกมา บางคนเปลี่ยนเป็นผีดิบแล้วไล่ฆ่าเพื่อนร่วมทีมเพราะถูกพวกเดนตายกัด

    [ ไม่ใช่อะไรนะ แค่อยากบอกว่าวันนี้เกมวิ่งไล่จับสนุกมาก ]

    ...

    ภาพถูกตัดมาที่ห้องอึมครึมอีกครั้ง ประธานาธิบดีถูกล็อกแขนไว้อีกครั้งก่อนจะหน้าแหงนขึ้นเมื่อถูกกระชากกลุ่มผม ประชาชนอยู่ใจกลางเมืองต่างผวากับภาพที่เห็น ในโบสถ์เต็มไปด้วยเครื่องรางและเทียนจำนวนมากถูกจุดโดยรอบ พร้อมเสียงบทสวดภาวนานำโดยศาสดาของลัทธิ Protocol เพื่อขอให้ท่านผู้นำปลอดภัย

    [ พวกคุณคิดว่าตัวเองเก่งมาจากไหน? ]

    ...

    กัปตันปาร์ค! ได้ยินไหม?!”

    ( ได้ยินแล้ว เปลี่ยน! )

    ให้ตายเถอะ คุณรีบพาทีมกลับมาเดี๋ยวนี้ พวกเราถูกหลอก!”

    จงแดมองไปยังโครงร่างมนุษย์สีแดงกลุ่มหนึ่งที่ยืนอยู่กลางห้องบนจอสี่เหลียม โดยมีร่างสีฟ้านอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น และตัวประกันนั่งอยู่บนเก้าอี้

     

     


     




     

     


     

    ใช่ เราถูกหลอก

    กัปตันทีมมิเนอร์วาลดปืนกลหนักลงหลังจากจัดการพวกลิ่วล้อทั้งสี่ตัวเรียบร้อย เขาเอะใจตั้งแต่เริ่มก้าวขาเข้ามาที่นี่แล้วว่ามันเงียบสงบเกินไปสำหรับภารกิจลักพาตัวท่านประธานาธิบดี ซึ่งพวกเดนตายคงไม่โง่ปล่อยให้พวกเขาเดินตัวเบาเข้ามาได้ลึกถึงขนาดนี้ ไหนจะพวกกระจอกสี่ตัวที่อยู่รอให้เชือดพร้อมปืนกลเบาอีก

    ร่างสูงหลุบสายตาลงมองชายวัยกลางคนที่นั่งสั่นเทาบนเก้าอี้หลังจากถูกกระชากถุงกระสอบออกจากศีรษะตัวประกัน ซึ่งไม่ใช่ท่านประธานาธิบดีแต่อย่างใด แต่กลับเป็นมนุษย์สวมสูทถูกปิดปากด้วยเทปผ้าเอาไว้ พร้อมสารทิ้งท้ายบนหน้าผากซึ่งถูกเขียนด้วยเลือดเท่านั้น

     

     

    ทุกเกมย่อมมีผู้ชนะ

     

     

    ลูกทีมต่างมองไปยังแผ่นหลังของหัวหน้า เสียงถอนหายใจของกัปตันนั้นเป็นเรื่องที่ไม่เจริญหูลูกทีมสักเท่าไหร่ สำหรับคนเกลียดความผิดพลาดอย่างปาร์คชานยอลแล้ว... เรื่องที่เกิดขึ้นมันยั่วโทสะเขาได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว

    ( ผมมีข่าวดีกับข่าวร้ายจะบอก กัปตันจะเอาเรื่องไหนก่อน )

    ว่ามา” กัปตันปาร์คยังคงสื่อสารอยู่กับจ่าจงแดจากห้องบัญชาการ

    ( ข่าวดีคือฝั่งที่ทีมมิเนอร์วาอยู่ ข้างนอกตัวตึกไม่มีพวกเดนตายแล้วครับ )

    ผมฟังอยู่

    ( ส่วนข่าวร้าย... ผมว่ากัปตันดูเองจะดีกว่า )

    ร่างสูงยกมือขึ้นเพื่อเปิดดูภาพผ่านจอมอนิเตอร์ขนาดเล็กซึ่งติดอยู่กับข้อมือ เพียงแค่ครู่เดียวจงแดก็ส่งข้อมูลมาให้เสร็จสรรพจนเห็นภาพรายการสด คิ้วหนาขมวดเข้าหากันทันทีที่ได้ยินเสียงของศัตรูซึ่งยืนอยู่ข้างท่านประธานาธิบดี

    [ ผมเคยเจรจาศึกไปแล้วครั้งหนึ่ง บอกตามตรงเลยนะ ว่าผมเป็นพวกเดนตายที่เซนซิทีฟมาก และค่อนข้างคาดหวังว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามที่คิดเอาไว้ ]

    ไอ้บัดซบเอ๊ย หนึ่งในลูกทีมสบถออกมาอย่างหัวเสีย ทั้งเรื่องโดนหลอก และคำพูดคำจากวนประสาทเรียกลูกปืนเจาะหัวนั่นน่ะ ไอ้พวกเดนตายคิดว่าตัวเองดีมาจากไหน

    [ แต่ในเมื่อพวกคุณยังคงแสดงเจตจำนงแบบนี้ ผมเองก็... ]

    ชั่วอึดใจเดียวเท่านั้นที่คนในจอสี่เหลี่ยมปล่อยให้ความเงียบครอบคลุมมาถึงคนที่ดูรายการถ่ายทอดสด ริมฝีปากหยักยกยิ้มอย่างพอใจก่อนที่ใบหน้าขาวซีดจะหันเข้าหาประธานาธิบดีและทำเรื่องน่าสยดสยองต่อสายตาผู้คนนับหมื่น

     

    กับริมฝีปากที่อ้ากว้าง... แล้วกัดเข้ากลางซอกคอประธานาธิบดีจนเลือดสีสดพุ่งออกมาอย่างแรง

     

    [ อะ...อ๊ากกกก!!!! ]

    ราวกับเวลาหยุดหมุน ทั้งในกองบัญชาการและทีมทหารบนภาคสนามต่างช็อกกับภาพที่เห็น ประชาชนบนถนนกรีดร้องออกมากับความหวาดกลัวที่พวกเขาหลีกหนีมาตลอด จนกระทั่งร่างนั้นขาดใจตายแล้วค่อย ๆ ทรุดลงไปกับพื้น

    บอดี้การ์ดหนุ่มที่ถูกจับตัวมาพร้อมกันยืนตาค้างอยู่ข้างหลัง แม้ว่าจะพยายามขัดขืนแต่เชือกที่มัดข้อมือแน่นเป็นปมตายก็เป็นอีกอุปสรรคหนึ่งที่ทำให้เขาทำได้แค่ยืนอยู่ตรงนั้น เลือดสีสดไหลออกจากร่างประธานาธิบดีที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นจนเป็นวงกว้าง ชายในชุดสูทสีเลือดนกรับผ้าสีดำมาจากด้านข้างแล้วซับริมฝีปากเบา ๆ

    [ หนังเหนียว ]

    ...

    ...

    [ ผมไม่ได้หิวนะ จะให้อ้วกโชว์ตอนนี้ก็ยังได้ ทำไมผู้นำประเทศคุณถึงรสชาติห่วยแตกแบบนี้ล่ะ? ]

    ชายชุดสูทสีเลือดทำหน้าเหยเกพลางส่ายหน้า ก่อนจะยื่นผ้าสีดำคืนให้กับลิ่วล้อแล้วหันมายิ้มให้กล้องที่กำลังสั่นอยู่เล็กน้อย

    [ อะไรกัน คุณกลัวเหรอ? สงสัยจะถือกล้องนานเกินไป ]

    ฆาตกรเลือดเย็นเดินเข้าหากล้องก่อนที่มันจะส่ายไปมา เพียงแค่ครู่เดียวภาพคนเป็นตากล้องก็ฉายขึ้นมาบนจอ ผู้ชายคนนั้นยืนห่อไหล่และหวาดผวาเมื่อถูกอีกฝ่ายโอบ จากที่เห็นคาดว่าน่าจะเป็นคนญี่ปุ่น แสดงว่าในห้องถ่ายทอดสดนั้น นอกจากบอดี้การ์ดอีกสองคนแล้วก็ยังมีมนุษย์คนอื่นอยู่อีกด้วย

    [ แนะนำตัวหน่อยสิ ]

    [ ... ]

    [ ไม่เอาน่า ผมไม่ทำร้ายคนพูดง่ายอยู่แล้ว เอ้าเร็วเข้า แนะนำตัว ]

    ชายชุดสูทยิ้มพร้อมผายมือไปหากล้อง

    [ ท...ทาคามุระ ซาโตชิ ]

    [ เยี่ยม เอาล่ะ กลับไปทำหน้าที่ของคุณได้ ]

    ชายวัยกลางคนตบหลังอีกฝ่ายปุ ๆ ซึ่งชายหนุ่มชาวญี่ปุ่นก็ว่าง่ายรีบวิ่งกลับมาถือกล้องอย่างไม่อิดออด ฆาตกรใจโหดปล่อยให้เวลาผ่านเลยไปอย่างเฉย ๆ เกือบนาที ราวกับว่าเจ้าตัวอยากปั่นประสาทคนดูรายการถ่ายทอดสดให้ตายไปอย่างช้า ๆ ตามผู้นำประเทศ

    ซิการ์ราคาแพงถูกคาบไว้ในปากก่อนจะถูกจุด ควันสีหม่นถูกพ่นออกมาอย่างสบายใจพร้อมเงยหน้าขึ้นมองกล้องอีกครั้ง

    [ ถ้าเป็นคน... ผมก็อยากลองกินกิมจิดูสักครั้ง เมื่อกี้แอบถามท่านประธานาธิบดีว่าอร่อยไหมแต่เขาดันไม่ตอบ ]

    ชายวัยกลางคนยังคงยิ้มให้กล้อง กัปตันทีมมิเนอร์วากัดฟันกรอดทั้งที่ยังไม่ละสายตาจากภาพที่เห็น ใบหน้าจองหองของไอ้สวะที่คิดว่าตัวเองคือผู้ปลดปล่อย เขาจะจำเอาไว้แล้วตามไปคิดบัญชีให้อย่างสาสม

    ...นั่น?!”

    เสียงของลูกทีมมาพร้อมภาพที่ชาวเกาหลีใต้ไม่อยากพบเห็น เมื่อร่างที่เพิ่งถูกกัดตายกำลังลุกขึ้นยืนอย่างน่าประหลาด ไม่สิ... มันไม่ใช่เรื่องน่าประหลาด กับใบหน้าซีดเผือดและซอกคอที่เต็มไปด้วยเลือดนั้น

    ท่านประธานาธิบดี...

     

     

    ได้เปลี่ยนเป็นผีดิบแล้ว...

     

     

    [ อ้าว ท่านประธานาธิบดี ตื่นแล้วเหรอ? ]

    ชายวัยกลางคนหันกลับไปมองร่างที่ยืนโงนเงนเหมือนพวกเดนไร้ความคิดตามนอกเมือง นัยน์ตานั้นเป็นสีต้อขาวกับริมฝีปากสีซีดที่ค่อย ๆ อ้าออกก่อนจะส่งเสียงโขลกขลากในลำคอ มันช่างเป็นภาพที่บีบหัวใจประชาชนเป็นอย่างมาก

    [ จะตอบได้หรือยังว่ากิมจิประเทศคุณอร่อยไหม? ]

    [ กรรรรรรซ์... ]

    [ อะไรนะ? ]

    ชายชุดสูทสีเลือดทำท่าเงี่ยหูฟัง เพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้น ร่างที่เคยโบกมือทักทายประชาชนหน้าทำเนียบรัฐบาลพร้อมรอยยิ้มก็พุ่งเข้าใส่กล้องจนมันตกลงไปบนพื้น

    [ อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก!!! ]

    [ กร๊าซซซซซซซซซซซซซซซซซซ!!! ]

    [ ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยย!!! ]

    เลือดสีสดกระเซ็นติดเลนส์กล้องจนทำให้มองเห็นภาพได้ไม่ชัดเท่าที่ควร เสียงหวีดร้องของตากล้องชาวญี่ปุ่นแผดลั่นอยู่แค่ครู่เดียวก่อนจะสะอึกและเงียบไปในที่สุด ท่ามกลางห้องถ่ายทอดสด ปัจจุบันได้ยินเพียงแค่เสียงผีดิบผู้หิวโหยฉีกร่างคนเป็นชิ้น ๆ แล้วจับยัดใส่ปากอย่างตะกละตะกลาม

    [ โว้ว! นั่นคือคำตอบเหรอ กำลังจะบอกผมว่ากิมจิมันไม่อร่อยเท่าเนื้อมนุษย์ใช่ไหม? ]

    เสียงหัวเราะในลำคออย่างพอใจนั้นราวกับมัจจุราช ชาวเกาหลีใต้ต่างผวากับภาพที่เห็นจนตัวสั่นเทาไปหมด บางคนทนไม่ได้จนต้องรีบหนีออกห่างจากตรงนั้น แต่บางคนก็ยังเลือกที่จะดูต่อไป

    บอดี้การ์ดหนุ่มที่ถูกมัดข้อมือถูกผลักออกมาข้างหน้าจนล้มลงไปกับพื้น เรียกความสนใจจากอดีตประธานาธิบดีที่กำลังกระชากไส้ร่างไร้วิญญาณได้เป็นอย่างดี บอดี้การ์ดหนุ่มพยายามถดตัวออกจากตรงนั้นเมื่อเห็นริมฝีปากที่โชกไปด้วยเลือด

    ...

    ภาพทุกอย่างยังคงถูกอัดไว้ด้วยกล้องซึ่งตกอยู่กับพื้น ชเวซีวอนยืนนิ่งอยู่กับที่ รวมไปถึงเหล่าทหารทีมเมอร์คิวรี่ทุกนายที่เพียงแค่นั่งมองหน้าจอเพราะช็อกกับการเห็นประธานาธิบดีสติแตกพุ่งเข้าไปกัดบอดี้การ์ดส่วนตัวอย่างบ้าคลั่งจนไม่เหลือความเป็นมนุษย์

    กัปตัน

    ลูกทีมเอ่ยเรียกชายร่างสูงที่ยังคงไม่ละสายตาจากจอภาพขนาดเล็กตรงข้อมือ ชานยอลผ่อนลมหายใจออกอย่างแผ่วเบาเพื่อสงบสติอารมณ์

    ภาพที่เห็นตอนนี้คือใบหน้าของบอดี้การ์ดที่เบิกตาค้างหลังจากขาดใจตายเพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหว กับแผ่นหลังของประธานาธิบดีที่ก้มลงกัดกินเนื้อสดอย่างไม่รู้จักอิ่ม

    รองเท้าหนังมันเงาก้าวเข้ามาในจออีกครั้ง และตามด้วยปืนพก Desert Eagle สีทองซึ่งเลื่อนขึ้นมาจนจ่ออยู่กับขมับชายผู้หิวโหยที่ไม่ได้สนใจอะไรมากไปกว่าเนื้อสดในมือ

     

     

    ปัง!!!

     

     

    เลือดสีสดทะลักออกตามกระสุนที่เจาะผ่านขมับด้านซ้าย ร่างที่เคยวิ่งไล่กัดผู้คนเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้เซไปตามแรงอัดก่อนจะล้มลงไปนอนแน่นิ่งบนพื้นในที่สุด เหล่าประชาชนที่ดูอยู่ต่างเบิกตากว้างอย่างตกใจ แม้จะเห็นแล้วว่าท่านผู้นำเปลี่ยนไปแล้ว แต่การเห็นคน ๆ หนึ่งตายซ้ำสองมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ประชาชนธรรมดาจะรับไหว

    ชานยอลยืนนิ่ง เสียงสบถคำหยาบอย่างเจ็บใจของลูกทีมยังคงลอยเข้าหูไม่ได้ขาด ร่างของประธานาธิบดีถูกลากมาตามพื้นก่อนจะถูกจับพลิกให้หันเข้าหากล้อง กัปตันทีมมองภาพที่อัดแน่นไปด้วยความหดหู่ซึ่งมาพร้อมเลือดเต็มหน้าจอ เขารู้สึกได้ว่าไอ้สารเลวนั่นกำลังอยากบอกว่ามันจะทำอะไรกับมนุษย์ก็ได้

    ไม่ว่าจะเป็นการกัดเพื่อเปลี่ยนแล้วปล่อยให้มนุษย์ฆ่ากันเอง หรือแม้แต่การเป่าหัวเพื่อจบทุกอย่างตามที่พวกมันต้องการ

     

     

    พวกมัน... ได้ประกาศสงครามกับเกาหลีใต้อีกครั้งแล้ว

     

     

    [ Sweet Dreams ]

     

     

     

    TBC

     

     

     

    เรามาเปิดอินโทรไว้ก่อนนะคะ

    โอย ไม่รู้ว่าจะเข้าท่าไหม ไม่มั่นใจภาษาเขียนตัวเองเลยหนิ เกร็งไปหมด 555555555555555555555555555555555555555555555555555 ขอบคุณที่หลงเข้ามานะคะ อินโทรก็ไม่เกริ่นอะไรมาก ออกแนวปูเรื่องมากกว่าค่ะ

     

     นี่คือหน้าตาของ Security Drone หน้าตาจะคล้าย ๆ งี้

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×