ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ZOMBIES HARD CREEPER | KAIHUN CHANBAEK FT.EXO

    ลำดับตอนที่ #90 : Chapter 85 :: Weakness

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 9.71K
      114
      24 พ.ย. 57

    ? Tenpoints!

     

     

    Chapter 85

    Weakness

     



     

     

    นี่เปาจื่อ

    ...

    เปาจื่อ

    ...

    คิมมินซอก

    อะไร

    โห ทีงี้ล่ะได้ยินเชียวนะ คนป่วยเลิกคิ้วมองเด็กน้อยที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ตรงมุมห้องโดยไม่คิดแม้แต่จะสละเวลาอันมีค่าเงยหน้าขึ้นมามองเขาเลยสักนิด

    มีอะไรก็พูดสิ ผมฟังอยู่

    หูฟังตาก็มองด้วยไง

    ไม่จำเป็น ผมแยกประสาทได้

    แต่พี่แยกไม่ได้ เงยหน้ามาหน่อย

    คำขอของคุณไม่ถูกอนุมัติ

    เปาจื่ออา...

    ...

    ได้ยินแล้วก็ช่วยหันหน่อยเถอะ! นั่นเป็นชื่อที่พี่ตั้งให้เราเลยนะ!” ลู่หานได้แต่ทุบผ้าห่มโชว์ ซึ่งเจ้าตัวก็รู้ดีว่าอีกฝ่ายคงไม่รู้สึกรู้สาอะไรหนำซ้ำยังเปิดหนังสือหน้าต่อไปอ่านอย่างหน้าตาเฉยอีกด้วย

    เลอะเทอะ

    มินซอก

    ผมรำคาญครับคุณลู่หาน

    ไม่ประชดดิ มานั่งตรงนี้มา คนป่วยยังปั้นหน้ามึนตบเตียงปุ ๆ แต่เด็กน้อยที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ก็ยังเฉย เขาล่ะอยากจะรู้นักว่าความรู้สึกของคิมมินซอกตายด้านไปแล้วหรือไง มันก็จริงหรอกที่เด็กคนนี้เย็นชากับเขามาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่ไม่คิดว่ามันใจร้ายไปหน่อยเหรอ ผู้ชายอย่างลู่หานอุตส่าห์ทำตัวน่ารักใส่เลยนะทำไมยังเพิกเฉยได้อีก มินซอกควรเงยหน้าขึ้นมามองสภาพซากศพที่มีหัวใจของผู้ชายคนนี้แล้วเข้ามาดูใกล้ ๆ เพราะเป็นห่วงเป็นใยสิ

    แต่มันก็เป็นเพราะเขาเสือกโชว์พาวว่าใกล้หายป่วยแล้วนี่แหละเด็กคนนั้นถึงได้ปล่อยเซอร์ไม่สนใจใยดีเขาเหมือนก่อนหน้านี้ ก็จะให้ทำไงได้วะ อยากออกไปหาเสบียงช่วยคนอื่นก็อยาก อยากอ้อนเด็กก็อยาก แต่ทำสองอย่างพร้อมกันก็ไม่ได้ทั้งที่หัวใจมันเรียกร้อง

    มิน...ซอก... ลู่หานทำเสียงยานคางอย่างที่เจ้าตัวเคยหลอกว่ามันคือเสียงผี ซึ่งก็เคยได้รับรางวัลสมน้ำหน้าคุณมาเป็นฝ่ามือแน่น ๆ ฟาดเข้าให้ แต่ไม่ว่ายังไงเจ้าของชื่อก็ยังเฉย

    คุณจำได้ไหมว่าวันนี้ผมพูดว่ารำคาญไปแล้วกี่ครั้ง

    น่าจะหก...ทำไมเหรอ?

    งั้นก็รู้ไว้ซะว่าครั้งที่เจ็ดกำลังจะตามมาในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้

    ใจรว้าย คนป่วยเบ้ปากก่อนจะฉีกยิ้มกว้างทันทีที่มินซอกสละเวลาอันมีค่าเงยหน้าขึ้นมามองเขา ถึงแววตาคู่นั้นจะแอบด่าอยู่กราย ๆ ว่าคุณเป็นเชี่ยไรเหรอลู่หาน? ก็เถอะ พี่ฟิน!!!

     

     

    ก๊อก ๆ

     

     

    เสียงเคาะประตูเหมือนเข็มโง่ ๆ ที่จิ้มลงบนลูกโป่งให้แตกภายในพริบตา ลู่หานได้แต่นั่งเซ็งมองตามเด็กน้อยที่กำลังเดินไปเปิดประตู ใครหน้าไหนกันวะที่บังอาจมาขัดจังหวะในเวลาแบบนี้ ถ้าเป็นไอ้เพื่อนง่อยที่จำห่าอะไรไม่ได้ล่ะก็เขาจะไล่เตะก้นมันเอาให้ความจำกลับเลย

    แต่พอประตูเปิดออกทั้งคู่ก็ต้องหยุดความคิดทุกอย่างเมื่อพบว่าคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นคือโอเซฮุน เด็กตัวสูงยิ้มฝืนขณะมองมายังเขา สีหน้าของเด็กนั่นไม่ค่อยดีเลย ลู่หานไม่แน่ใจว่าที่เด็กกรงหมาหน้าซีดแบบนั้นเป็นเพราะไอ้อาการเลือดกำเดาไหลที่ใคร ๆ ต่างก็พูดถึงหรือเปล่า

    ผมขอคุยด้วยได้ไหมครับลู่หาน?

     

     

     

     

    พอมินซอกออกไปทุกอย่างก็กลับเข้าสู่ความเงียบ ลู่หานจ้องหน้าเด็กตัวสูงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างเตียงโดยไม่พูดอะไรสักคำ มันนานแค่ไหนแล้วล่ะที่เขาทั้งคู่ปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยไม่มีบทสนทนาเกิดขึ้นเลย ลู่หานปาดมือไปมาระดับสายตาเด็กหนุ่มที่เอาแต่ก้มลงมองพื้นอย่างกับคนหมดอาลัยตายอยาก

    ผมขอถามคุณได้ไหมครับลู่หาน

    อ...อ้อ...ว่ามาสิ ถึงจะงง ๆ ว่าเด็กกรงหมามันคิดอะไรอยู่แต่เขาก็ไม่ได้ดักคอด้วยการถามกลับไป เซฮุนเงียบไปนาน บางทีเด็กนั่นอาจจะกำลังคิดคำถามเด็ด ๆ หรือไม่ก็รู้สึกอึดอัดจนสมองตื้อไปหมด

    อย่าว่างู้นงี้เลย ต่อให้ผู้ชายอย่างลู่หานจะเป็นจุดศูนย์รวมของความโง่อย่างที่คิมมินซอกชอบด่าแต่เขาก็พอจะดูออกว่าที่เด็กกรงหมาตกอยู่ในสภาวะซึมเศร้าเรื้อรังแบบนี้ต้นเหตุมันมาจากอะไร แน่นอนว่ามันต้องเป็นเรื่องของไอ้จงอินล้านเปอร์เซ็นต์ แต่ประเด็นคือมันเพราะอะไรนี่สิ?

    เป้าหมายของการมีชีวิตอยู่ของคุณคืออะไรเหรอครับ

    ลู่หานเพิ่งรู้ว่าคำถามนี้มันเป็นคำถามที่ต้องใช้ความคิดทั้งที่มันตอบแสนจะโคตรง่ายเลยว่าก็แค่กลัวตาย แต่ที่ทำให้ชายหนุ่มพูดไม่ออกก็คือสายตาคู่นั้นที่กำลังมองมา เขารู้สึกได้ว่าเด็กกรงหมาไม่ได้ต้องการคำตอบ แต่เด็กคนนั้นแค่ต้องการพูดอะไรสักอย่างเพื่อให้ลืมเรื่องราวในหัวที่กำลังปั่นป่วนความรู้สึก

    กลัวตายว่ะ ฟังดูหล่อไหมล่ะ ตอบทั้งที่ยังไม่ละสายตาจากคนตรงหน้า เขาเห็นว่าเซฮุนแอบหลุดยิ้มออกมาเล็กน้อยแม้ว่านัยน์ตาคู่นั้นจะเปลี่ยนกลับไปมองพื้นแทนหน้าเขาเหมือนในทีแรก

    คุณตอบเหมือนชานยอลเลย ผมเคยถามเขาแบบนี้ตอนที่เราเพิ่งย้ายเข้าไปอยู่โมเทล ตอนนั้นยุนฮาก็ยังอยู่กับเรา คุณก็ยังเจ็บ เดินด้วยตัวเองไม่ได้

    นายคงไม่ได้เข้ามาหาฉันเพื่อพูดเรื่องนี้หรอกใช่ไหมคราวนี้เซฮุนยอมเงยหน้าขึ้นมามองเขาแล้ว ลู่หานดูท่าทีอีกฝ่ายแค่ครู่เดียวแล้วก็ตัดสินใจถามออกไปตรง ๆ เรื่องไอ้จงอินเหรอ?

    ...

    มันทำอะไรล่ะ คงไม่พ้นทำตัวปากหมาใส่นายอีกแล้วล่ะสิ

    ทำไมคุณถึงพูดว่าอีกแล้วล่ะครับ... คราวนี้เสียงแผ่วลง เซฮุนคงไม่รู้ว่าตอนนี้กำลังทำหน้าแบบไหนอยู่นอกจากเขาที่มองเห็นทุกอย่างแม้กระทั่งดวงตาที่กำลังแดงก่ำ ถ้าไม่โง่คิดว่าเป็นเพราะเดินตากลมมาก็คงมีเหตุผลเดียวคือเพิ่งหยุดร้องไห้

    มันเคยเล่าให้ฟังน่ะ

    ...

    เซฮุนดูเหมือนว่าจะไม่เชื่อหูตัวเอง แต่มันก็ไม่แปลกนักถ้านึกถึงสถานการณ์ในปัจจุบันที่เวลาค่อย ๆ เดินไปข้างหน้าอย่างเชื่องช้ากับคิมจงอินคนใหม่ที่จำแม้แต่เพื่อนและคนที่มันรักไม่ได้

    เขา...พูดถึงผมด้วยเหรอครับ

    อ่า...ฮะ

    ...

    ริมฝีปากของเด็กคนนั้นกำลังยิ้มก่อนจะเม้มเข้าหากัน มือเรียวเสยผมขึ้นเล็กน้อยแล้วกำมันเอาไว้ เสียงหายใจเข้าออกที่ขึ้นจมูกคือสัญญาณบ่งบอกว่าอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าเขาจะต้องพบเจอกับสถานการณ์น่าอึดอัดแน่ และไวเท่าความคิด...ลู่หานเบิกตาอย่างตกใจทันทีที่เห็นน้ำตาหยดลงบนกางเกงยีนส์สีซีดจนเป็นต่างดวง

    เซฮุน?

    มันตลกดีนะครับที่ผมกำลังยิ้มแล้วก็ร้องไห้ไปพร้อม ๆ กันได้... เสียงของเด็กตัวสูงสั่นจนแทบเรียบเรียงเป็นคำพูดไม่ได้ ลู่หานเพียงแค่นั่งมองอีกคนที่กำลังพยายามอย่างหนักกับการหยุดน้ำตาแต่ก็ไม่ได้ผล ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าคนเราจะสามารถมีความสุขแล้วก็เสียใจได้พร้อม ๆ กัน...

    ...

    ถ้าเซฮุนไม่ร้องไห้บางทีเขาอาจจะยิงมุกควาย ๆ ออกไปสักเรื่องถ้ามันทำให้เด็กคนนี้ด่ากลับมา แน่นอนว่ามันคงดีกว่าการนั่งดูคนตรงหน้าร้องไห้โดยที่ทำอะไรไม่ได้เลย ไม่สิ...ไม่ใช่ว่าทำไม่ได้หรอก แต่คนอย่างเขาน่ะอย่างเก่งก็แค่พูดให้คนอื่นรู้สึกแย่ ไม่ก็พูดให้โดนด่าก็เท่านั้น เซฮุนกำลังร้องไห้อย่างหนักราวกับว่าฝืนทนอยู่กับความอึดอัดที่สะสมมานานไม่ไหวแล้ว

    ใบหน้าขาวเลอะไปด้วยน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างไม่มีท่าทีว่าจะหยุดง่าย ๆ ไม่นานหรอกที่ลู่หานใช้เวลาไปกับการนั่งเฉย ๆ โดยไม่ทำอะไรสักอย่าง สุดท้ายเขาก็ลุกขึ้นจากเตียงแล้วตรงมาหยุดอยู่ข้าง ๆ เก้าอี้ก่อนจะรั้งศีรษะทุยให้เอนมาซบกับหน้าท้องของเขา

    ยิ่งได้รับการปลอบใจแบบนี้เซฮุนก็ยิ่งสะอื้นหนักกว่าที่เป็นอยู่ ลู่หานใช้มืออีกข้างที่ว่างตบบ่าอีกคนเบา ๆ อย่างเก้ ๆ กัง ๆ เขาไม่ควรถามอะไรทั้งนั้น มันคงจะดีกว่าเป็นไหน ๆ ถ้าปล่อยให้เด็กนี่ร้องไห้จนกว่าจะพอใจโดยที่ไม่รบเร้าถามว่าต้นเหตุของความเสียใจในครั้งนี้คืออะไร?

    ลู่หานเงยหน้าขึ้น เขาสอบตกเรื่องการปลอบใจคนมาตั้งแต่เริ่มจำความได้ ซึ่งเขาเคยลองพยายามแล้วแต่มันพังไม่เป็นท่าเพราะปากที่ไม่รู้จักคัดกรองก่อนพูด เพราะฉะนั้นการทำให้เซฮุนหยุดร้องไห้ได้มันคงเกินความสามารถผู้ชายที่ดีแต่ใช้กำลังมากกว่าสมองอย่างเขา

    ลู่หานเชื่อว่าถ้าเกิดปาร์คชานยอลรับรู้ถึงความสัมพันธ์ของเด็กคนนี้กับไอ้เวรจงอิน หน้าที่ปลอบใจที่เป็นอยู่คงตกไปเป็นของไอ้ขี้เก๊กนั่นโดยปริยาย ซึ่งมันก็คงทำได้ดีกว่าเขาด้วย

     

     

     

     

    เป็นอีกครั้งที่คิมจงอินรู้สึกเกลียดตัวเอง...

     

    น้ำจากใบหน้าคมหยดลงบนอ่างล้างหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า ถ้าให้เปรียบมันก็คงเหมือนเสียงเข็มนาฬิกาที่ดังอยู่ในหัว มือหนาเช็ดไอน้ำออกจากกระจกเบื้องหน้าที่ขึ้นฝ้ามัวจนแทบมองไม่เห็น ในห้องน้ำแคบมีเพียงแค่แสงสว่างจากช่องพัดลมเท่านั้นที่ทำให้มองเห็นเงาสะท้อนของตัวเองในกระจก จังหวะการหายใจของเราเท่ากันแม้กระทั่งตอนกระพริบตา แน่นอนว่าทุกอย่างของคนในกระจกมันเป็นไปตามที่เขาเคลื่อนไหว หากแต่คิมจงอินกลับรู้สึกว่าไอ้หมอนั่นที่มองอยู่ในกระจก...มันเป็นใครอีกคนที่เขาไม่รู้จัก

     

    มึงเป็นใคร...

     

    พูดกับตัวเองในกระจกก่อนจะปิดเปลือกตาลง ชายหนุ่มคิดว่าการมองไม่เห็นหน้าตัวเองอาจทำให้รู้สึกดีขึ้นก็ได้ แต่เขาคิดผิด...

     

     

    เราไม่เคยบอกรักกันเลยสักครั้ง...

    ‘...’

    งั้นตอนนี้...ผมยังพูดคำนั้นได้อยู่หรือเปล่าครับจงอิน...

     

     

    อีกครั้ง...อีกครั้ง...และอีกครั้ง...

    ตั้งแต่ตอนที่รู้ว่าความจริงมันเป็นยังไงภาพของโอเซฮุนก็ลอยเข้ามาในหัวไม่ได้หยุด ช่วงเวลาที่เคยอยู่ด้วยกัน...ทั้งยิ้มและหัวเราะ จากที่ไม่เคยนึกออกแต่ตอนนี้มันกลับแล่นเข้ามาในหัวไม่ได้หยุด ไม่ใช่แค่ความทรงจำที่เกี่ยวกับเด็กคนนั้นแต่ภาพเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นตั้งแต่โลกนี้ยังมีผู้คนเดินสวนกันไปมาโดยที่ไม่มีใครวิ่งเข้าไปกัดคอคน

    ภาพตอนที่เขาอยู่ใต้ท้องรถซ่อมเครื่องยนต์ท่ามกลางความอบอ้าวกับเสียงบทสนทนาเรื่องคืนนี้เราจะเมาที่ไหนดี? ไปจนถึงตอนที่เขากำลังวิ่งหนีตัวกินเนื้อตามทางเดินยาวของอพาร์ทเมนท์

     

     

    แต่น่าแปลกที่คิมจงอินกลับรู้สึกเจ็บปวดไปทั้งหัวใจเพียงแค่นึกถึงเรื่องเก่า ๆ

     

     

    ทำไม...? ใช่...มีแต่คำถามนี้ที่เขาเอาแต่ถามตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า

    ทั้งที่ความทรงจำที่เคยมีร่วมกันไม่ว่าจะกับโอเซฮุนหรือคนอื่น ๆ กำลังย้อนกลับมาแท้ ๆ แต่เขากลับไม่รู้สึกได้ถึงความรักที่มีต่อเด็กคนนั้นเลย เขาไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องจมอยู่กับความรู้สึกนี้ เพราะถ้าไม่ได้รักก็ควรจะจบทุกอย่างลงตั้งแต่ตอนปฏิเสธเซฮุนไปแล้วไม่ใช่เหรอ แต่นี่มันอะไรกัน?

     

     

    ทำไมเขาถึงเอาแต่มองหาเด็กคนนั้นอยู่ได้...

     

     

    จงอิน นายอยู่ข้างในหรือเปล่า?

    เสียงใสดังมาจากประตูอีกฝั่ง เจ้าของชื่อหลุดออกจากความคิดแล้วตั้งสติก่อนจะหมุนลูกบิดเข้าหาตัว สิ่งแรกที่เห็นคือดวงตาคู่นั้นที่ส่องประกายสดใส แน่นอนว่าคิมจงอินไม่ได้คิดว่ามันเว่อเกินไป จองซูยอนมักจะยิ้มอยู่เสมอเวลามองมายังเขา และตอนนี้เธอก็กำลังทำอย่างนั้นเช่นกัน

    ฉันเรียกตั้งหลายครั้งแต่นายก็เอาแต่เดินอย่างกับจะรีบไปไหน เป็นอะไรหรือเปล่า เล่าให้ฉันฟังได้นะ หญิงสาวเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยขณะมองใบหน้าคมที่ยังคงชื้นไปด้วยหยดน้ำ เธอเดินไปคว้าเอาผ้าขนหนูที่พาดอยู่บนโต๊ะแล้วเช็ดให้กับคนตัวสูง

    มันไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่เขาและเธอจะอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ แต่ถ้าพูดถึงความผิดปกติก็คงเป็นคิมจงอินที่ไม่แอบฉวยโอกาสลวนลามจองซูยอนเหมือนอย่างเคย มือเล็กคู่นี้สัมผัสเขาอย่างเบามือเสมอ และครั้งนี้ก็เช่นกัน

    จงอิน?

    หญิงสาวเบิกตาอย่างตกใจเมื่อจู่ ๆ คนตรงหน้าก็รั้งเอวเธอเข้าไปกอดโดยไม่ทันได้ตั้งตัว สองมือค้างอยู่กลางอากาศ เธอรู้สึกได้ว่ากอดครั้งนี้มันต่างออกไป มันแนบแน่นและรู้สึกได้ถึงความกังวล เสียงถอนหายใจหนัก ๆ คือสิ่งเดียวที่จองซูยอนได้ยิน เธอใช้เวลาตั้งสติอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกอดตอบร่างหนาพร้อมลูบหลังเบา ๆ

    ตรงนี้มีแค่ฉันกับนาย...ถูกไหม?

    ...อืม

    อยากเล่าอะไรหรือเปล่า ถ้านายคิดว่ามันเป็นความลับฉันสัญญาว่าจะไม่เล่าให้ยูริฟัง

    ...

    ค่อย ๆ คิดก็ได้ ฉันไม่ได้รีบไปไหน มือเล็กเอื้อมขึ้นลูบศีรษะอีกคนเป็นการปลอบใจหรือถ้านายไม่อยากพูดฉันจะยืนให้กอดเฉย ๆ ก็ได้

    ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก จงอินถอนหายใจก่อนจะหลับตาลงซบกับบ่าเล็กซูยอน เธอรู้ใช่ไหมว่าฉันรู้สึกยังไงกับเธอ

    ฉันรู้

    งั้นก็ทำให้มั่นใจหน่อยได้ไหมว่าฉันทำถูกแล้ว อะไรก็ได้ที่ทำให้ฉันมองเธอแค่คนเดียว มือของเธอยังคงลูบศีรษะอีกคนอยู่อย่างนั้นขณะกำลังทบทวนประโยคเมื่อครู่

    ฟังนะจงอิน ซูยอนเว้นจังหวะไปชั่วอึดใจเพื่อให้คนตรงหน้าตั้งใจฟังกับสิ่งที่เธอกำลังจะพูดถ้านายกำลังรู้สึกไม่มั่นใจ นั่นแสดงว่านายไม่ได้ชอบฉันจริง ๆ

    ไม่ใช่อย่าง...

    ฟังให้จบก่อน เธอหันไปกระซิบข้างหูอีกฝ่ายรู้หรือเปล่าว่าทำไมฉันถึงไม่ยอมตกลงคบกับนายสักที

    ...

    ก็เพราะว่าฉันอยากให้นายแน่ใจกับความรู้สึกตัวเองก่อนไง ที่นายคิดว่าชอบฉันจริง ๆ แล้วมันอาจจะไม่ใช่ก็ได้ บางทีอาจเป็นเพราะว่าฉันกับยูริช่วยชีวิตนายเอาไว้ ฉันคือผู้หญิงคนเดียวที่อยู่ใกล้ตัวนายที่สุด หรืออีกหลายเหตุผลที่ทำให้คิดไปในทางนั้น

    ...

    นายอาจจะแค่รู้สึกดี ๆ แต่ตอนนี้รู้แล้วใช่ไหม...ว่ากับฉันน่ะมันไม่ใช่ความรัก

    ...

    อย่าเพิ่งให้คำพูดตัดสินความรู้สึกตัวเองเลยจงอิน ให้ทุกอย่างมันเป็นไปตามความรู้สึกของนายเถอะ

    ...

    ฉันก็อยู่ตรงนี้ไม่ได้ไปไหนสักหน่อย

    ก็เพราะเธออยู่ตรงนี้ไง... ชายหนุ่มหลับตาแน่น ฉันกำลังสับสน และคงจะเกลียดตัวเองในเร็ว ๆ นี้

    ฉันฟังอยู่

     

     

    จงอินครับ

     

     

    เธอเคยรู้สึกว่าการตัดสินใจของเธอมันพลาด...ทั้งที่มันน่าจะเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้วหรือเปล่าซูยอน?

     

     

     

     

    สักพักแล้วที่บยอนแบคฮยอนยืนมองใครอีกคนที่กำลังง่วนอยู่กับการเช็คสภาพรถตามลำพัง เขาเห็นอู๋อี้ฟานเข้าไปคุยกับผู้ชายคนนั้นอยู่ครู่ใหญ่ ๆ ก่อนจะแยกตัวไปบ้านหลังแรกเพื่อดูอาการคนเจ็บหลังจากได้ยินว่าจงแดทำท่าจะลุกขึ้นจากเตียงไปหยิบปืนเพื่อเข้าไปดูสัตว์ในอุทยานทั้งที่สภาพร่างกายยังไม่แข็งแรง

    แบคฮยอนยืนถกเถียงกับความคิดตัวเองอยู่นาน แน่นอนว่าการเข้าหาปาร์คชานยอลในแต่ละครั้งมันจำเป็นที่ต้องคิดก่อน หากไม่ใช่เรื่องส่วนรวมที่ต้องทำร่วมกันก็คงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องคุยกับผู้ชายคนนั้นโดยไม่มีหัวข้อสนทนา ซึ่งการตรงเข้าไปแล้วยิงคำถามว่าคุณกำลังทำอะไรอยู่เหรอ? มันก็คงซื่อบื้อเกินไปสำหรับคนที่เคยได้รับรอยยิ้มบาง ๆ ไม่ก็ใบหน้าเรียบเฉยของผู้ชายคนนั้นเป็นคำตอบมาตลอด

    อยู่ ๆ ร่างสูงก็หันมาทางนี้ราวกับว่าได้ยินความคิดของเขายังไงอย่างนั้น แบคฮยอนยืนนิ่ง เขาได้แต่หวังว่าชานยอลจะหันกลับไปสนใจเครื่องยนต์ต่อ หากแต่ผู้ชายคนนั้นเลือกที่จะมองมาทางนี้มากกว่าการหันไปทำกับสิ่งที่ค้างคาอยู่

    วันนี้อาจจะฝนตกทั้งที่ยังไม่พ้นฤดูหนาวเพราะปาร์คชานยอลกำลังขยับริมฝีปากหรือที่เจ้าตัวอาจจะเรียกมันว่ายิ้ม จนถึงตอนนี้บยอนแบคฮยอนก็ยังไม่เข้าใจว่าในหัวของผู้ชายคนนั้นกำลังคิดอะไรอยู่ขณะมองมา

    อรุณสวัสดิ์ครับ ประโยคทักทายที่มาอย่างไม่ทันตั้งตัวทำให้คนตัวเล็กถึงกับสมองรวน นัยน์ตาเรียวกลอกไปมาก่อนจะพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติถึงแม้จะรู้ดีว่ายังไงซะผู้ชายคนนั้นก็คงอ่านความคิดเขาออกอยู่ดี

    แต่นี่สิบโมงแล้ว มันอาจจะโง่ที่เลือกตอบแบบนั้นทั้งที่จะพูดว่าอรุณสวัสดิ์ครับ แล้วก็แยกตัวไปทำอย่างอื่น ชานยอลยังคงยิ้ม ผู้ชายคนนั้นรั้งแขนเสื้อโค้ทสีดำครึ่งตัวขึ้นเล็กน้อยและมันทำให้เห็นถุงมือสีครีมเลอะคราบน้ำมันเครื่อง เขาคิดว่าคนอย่างชานยอลไม่เหมาะกับเครื่องยนต์เอาเสียเลย

    ผมไม่ค่อยได้ยินที่คุณพูดเลย ถ้าคุณไม่รีบไปไหน...ตรงนี้มีท่อนซุงให้นั่งนะครับ

    มีสักครั้งไหมที่เขาจะไม่ต้องคิดทบทวนคำพูดของผู้ชายคนนี้ แบคฮยอนยืนชั่งใจอยู่นานแค่ไหนล่ะ? อาจจะสักครึ่งนาทีล่ะมั้งก่อนที่ขาทั้งสองข้างจะพาเดินเข้าหาอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเรียบเฉย ซึ่งมันคงจะเป็นการแสดงออกที่ดีกว่าการยิ้มตอบเพื่อให้อีกฝ่ายคิดไปเองต่าง ๆ นานาว่าบยอนแบคฮยอนกำลังดีใจที่ถูกชวนคุยในรอบปีหลังจากเขาทั้งคู่ใช้ชีวิตอยู่ในสถานที่เดียวกันในฐานะผู้ร่วมอาศัยมานานพอสมควร

    ชานยอลมองเด็กหนุ่มที่ยืนกอดอกพิงประตูรถฝั่งที่นั่งข้างคนขับ แน่นอนว่าตอนนี้สิ่งที่เขามองเห็นมีเพียงแค่ด้านข้างของแบคฮยอนเท่านั้น แต่มันก็ไม่แย่นักหากว่าทั้งคู่จะคุยกันโดยที่ไม่เห็นหน้าอีกฝ่าย

    คุณกำลังจะออกไปข้างนอกเหรอ?

    ครับ ผมว่าจะออกไปลาดตระเวนแถวนี้สักหน่อย ชานยอลเติมน้ำกลั่นให้แบตเตอรี่แล้วตรวจเช็คสภาพเครื่องยนต์ต่อ

    คุณกลัวว่าพวกกินคนจะเข้ามาใกล้อุทยานเหรอ?

    แล้วคุณคิดว่าไงครับ? อีกแล้ว...แทนที่จะตอบแต่ปาร์คชานยอลดันถามกลับเหมือนว่าจะลองเชิงความคิดเด็กอายุสิบแปดอย่างเขายังไงอย่างนั้น

    จากที่ฟังก็คงเป็นอย่างนั้น มันคงดีกว่าถ้าเราเห็นกับตาว่าที่นี่ปลอดภัยจากพวกมัน พูดจบก็ชำเลืองมองอีกคนที่กำลังยิ้มแม้ว่าดวงตาคู่นั้นยังคงจดจ้องอยู่กับเครื่องยนต์ไม่ห่างคุณยิ้มอะไร

    ชานยอลเงยหน้าขึ้น ถึงแม้จะถูกจับได้แต่เขาก็ไม่คิดจะหุบยิ้มลง สีหน้าและแววตานั้นไม่ได้เย็นชาเหมือนกับภาพความทรงจำร้าย ๆ ที่ฝังอยู่ในหัว แต่สิ่งที่เห็นก็ไม่ได้ทำให้ร่างเล็กชื่นใจจนอยากยิ้มตอบกลับไป

    ผมยิ้มเพราะเราคิดเหมือนกัน

    ...

    อยากไปด้วยกันไหมครับ? ร่างสูงปิดกระโปรงรถลงก่อนจะถอดถุงมือออก พอเห็นสายตาที่มองมาซึ่งมันอ่านได้ไม่ยากว่าคนตัวเล็กกำลังสงสัยในตัวเขาถ้าคุณไม่ได้รีบไปไหน?

    ผมก็ไม่ได้ไปไหนอยู่แล้ว พูดจบก็เปิดประตูรถเข้าไปนั่งข้างในพร้อมคาดเข็มขัดโดยไม่หันไปมองคนเข้าใจยาก ชานยอลยิ้มขำก่อนจะเปิดประตูที่นั่งฝั่งคนขับแล้วสตาร์ทรถ

     

     

     

     

    เกือบสิบตัวที่ทั้งสองคนต้องจอดรถแล้วลงไปจัดการตัวกินคนระหว่างทาง พวกมันมีกันไม่มาก แต่ถ้าปล่อยนานไปกว่านี้ผีดิบที่มีแค่ไม่กี่ตัวอาจจะกลายเป็นฝูงใหญ่ตอนไปถึงอุทยานก็ได้

    การมาด้วยกันครั้งนี้ทำให้ปาร์คชานยอลมองเห็นพัฒนาการของอีกคน เขาเห็นว่าแบคฮยอนดูคล่องตัวและรู้จังหวะว่าควรจะเข้าปะทะตอนไหน สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดจนน่าชื่นชมคือเด็กคนนั้นมีไหวพริบมากขึ้นกว่าเมื่อก่อน แน่นอนว่ามันเกิดจากการรู้เท่าทันพวกผีดิบกับสติที่ขาดไม่ได้

    ร่างสูงดับเครื่องลงก่อนที่เขาทั้งสองจะลงจากรถ เบื้องหน้าคือร้านขายเมล็ดพันธุ์พืชและวัสดุอุปกรณ์สำหรับการทำโรงเรือน แบคฮยอนไม่ได้ถามว่าทำไมถึงจอดที่นี่ เพราะผู้ชายคนนี้คงไม่คิดทำอะไรโดยไร้เหตุผลอยู่แล้ว แต่ถ้าให้เดาล่ะก็...ปาร์คชานยอลอาจจะอยากเข้าไปหาประโยชน์จากอะไรสักอย่างในนั้นแม้ว่าการปลูกพืชในฤดูหนาวมันจะไม่เข้าท่าก็ตาม

    เมื่อเช้าผมคุยกับอี้ฟานเรื่องปลูกผักหลังจากหิมะละลายแล้ว ตรงหลังบ้านก็กว้างพอสำหรับปลูกพืช มันคงดีถ้าเราใช้วิธีเดียวกับตอนอยู่โรงเรียนอย่างกับอ่านใจออก แบคฮยอนเพียงแค่พยักหน้าแล้วเดินตามหลังร่างสูงที่กำลังดึงมีดพกจากสนับขาและเขาเองก็เช่นกัน

    ชานยอลเคาะประตูเสียงดังเพียงสามครั้งแล้วยืนรออยู่พักหนึ่งก่อนจะเคาะซ้ำอีกเพื่อเรียกให้ผีดิบที่อยู่ข้างในออกมา ซึ่งมันคงดีกว่าการเดินเข้าไปเสี่ยงในที่มืดโดยที่ไม่รู้ว่ามีตัวอะไรรออยู่บ้าง

    คงไม่มีคนอยู่

    ร่างสูงดึงด้ามพลั่วที่จมอยู่กับกองหิมะออกมาแล้วพยักหน้าเป็นเชิงบอกให้อีกคนถอยออกก่อนจะใช้สันของมันทุบกระจกร้านจนแตกละเอียด แบคฮยอนหันไปมองรอบตัวอย่างหวาดระแวง ตั้งแต่เกิดเรื่องร่างกายของเขาก็มีปฏิกิริยากับเสียงทุกอย่างที่สามารถเรียกพวกตัวกินคนได้

    ส่องไฟฉายเข้าไปข้างในเพื่อเช็คดูอีกครั้ง เมื่อแน่ใจว่าปลอดภัยดีแล้วชานยอลก็สอดแขนเข้าไปข้างในเพื่อปลดล็อกกลอนประตู เพียงแค่ครู่เดียวก็เปิดออกได้

    ถ้าเมื่อกี้มีตัวอะไรกัดแขนตอนคุณยื่นมือเข้าไปข้างในล่ะ ถึงจะเช็คดูแล้วแต่ก็น่าจะระวังกว่านี้ ข้อแรกที่คิดคือปาร์คชานยอลมั่นใจในตัวเองมากเกินไปหรือเปล่า ส่วนข้อสองคือเขาไม่น่าพูดจาเหมือนกำลังสั่งสอนคนอีโก้สูงอย่างผู้ชายคนนี้เลย ให้ตายเถอะ

    เป็นห่วงผมเหรอครับ?

    ผิดคาด...แน่นอนว่ามันต่างจากที่แบคฮยอนคิดไว้หลังจากที่เขาหลุดปากทำอวดดีสั่งสอนคนอายุมากกว่าเกือบสิบปีออกไป ซึ่งปาร์คชานยอลน่าจะปั้นหน้านิ่งแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่าห่วงแค่ตัวเองก็พอแล้วครับ มากกว่าการถามชวนคิดแบบนั้น

    ผมไม่อยากทิ้งคุณไว้ตรงนี้ถ้าเกิดว่าคุณถูกกัด ถ้าเทียบกับเมื่อก่อนถือว่าตอนนี้คนตัวเล็กมีไหวพริบด้านการตอบโต้มากยิ่งขึ้นจนร่างสูงอดที่จะยิ้มไม่ได้

    ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง คุณจะปล่อยให้ผมเปลี่ยนแทนที่จะฆ่าผมเหรอครับ?

    คุณกำลังชวนผมเล่นทายปัญหาหรือไง ประตูถูกเปิดเข้าไปพร้อมแสงไฟฉายที่สาดส่องไปรอบ ๆ ทั้งสองคนแยกไปเช็คความเรียบร้อยคนละทาง กลิ่นเหม็นอับและฝุ่นที่เกาะอยู่บนชั้นบ่งบอกได้ว่าไม่มีใครแวะมาที่นี่เลยตั้งแต่เหตุการณ์เกิดขึ้น

    ครับ อย่างน้อยก็ไม่ทำให้ที่นี่เงียบจนเกินไป

    ผมเคยคิดว่าคุณชอบความเงียบมากกว่าอะไรในโลกซะอีก ชานยอลยิ้มขำ เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกเด็กคนนั้นไล่ต้อนทางคำพูด ตอนนี้แบคฮยอนกำลังตั้งใจเดินไปข้างหน้าอย่างระมัดระวังก่อนจะหันมาทางนี้ ผมพูดความจริง ไม่ได้ประชด

    ผมเชื่อครับ

    คุณไม่ได้เชื่อ

    อ่า... ร่างสูงหัวเราะแล้วคว้าเอาถุงเมล็ดพันธุ์พืชที่อยู่บนชั้นขึ้นมาพร้อมส่องไฟฉายดู คุณยังไม่ได้ตอบผมเลยนะแบคฮยอน

    วันนี้คุณดูจริงจังกับเรื่องไร้สาระนะ

    กับเรื่องความเป็นความตายของผมคุณมองเห็นว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระได้ลงคอเลยเหรอครับ เลือดเย็นเกินไปแล้ว

    ผมต้องเก็บอะไรบ้าง แบคฮยอนชนะแล้ว ร่างสูงเพียงแค่ยิ้มกับตัวเองขณะเดินตรงไปข้างหน้าแล้วเก็บของใส่กระเป๋าก่อนจะชำเลืองมองคนตัวเล็กที่รอคำตอบอยู่ฝั่งตรงข้าม

    ตามใจครับ เหมือนตอนที่คุณอยากปลูกผักไฮโดรโปรนิกส์

    ถ้าไม่ได้คิดไปเอง ผมว่าคุณกำลังพยายามพูดให้ผมนึกถึงตอนอยู่โรงเรียน

    ไม่ถึงขั้นพยายามหรอกครับ แต่ผมคิดว่าช่วงเวลานั้นมันมีแต่ความทรงจำดี ๆ ทุกอย่างเป็นไปตามที่วางแผน ผมคิดว่าเราจะอยู่ที่นั่นได้จนกว่าโลกจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่ความคิดกับความเป็นจริงมักจะสวนทางกันเสมอ

    ...

    เพราะที่โรงเรียนมีจำนวนผู้รอดชีวิตมากพอสมควร การออกไปหาเสบียงในแต่ละครั้งเลยเป็นเรื่องที่ต้องคิดหนัก ช่วงแรก ๆ ทุกอย่างก็เป็นไปได้ด้วยดีเพราะยังหาเสบียงมาเพิ่มได้เรื่อย ๆ แต่เป็นเพราะว่าจำนวนคนที่มีมากเกินกว่าจำนวนอาหาร เลยกลายเป็นว่าพวกเด็ก ๆ ต้องออกไปหาเสบียงกันบ่อยขึ้น

    ... แบคฮยอนมองคนตัวสูงที่กำลังพูดถึงเรื่องราวในอดีต จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมชานยอลถึงเอาแต่พูดเรื่องแบบนี้ทั้งที่เจ้าตัวเลือกจะเงียบก็ได้

    เสบียงน้อยลง ตามมินิมาร์ทไม่มีของให้เก็บอีกแล้ว เด็ก ๆ ต้องออกไปไกลกว่าที่เคยเพื่อที่จะหาแหล่งใหม่ พวกเขาต้องเสี่ยงจนบางครั้งต้องเสียเพื่อนร่วมทางไป ชานยอลพูดถูก เพราะถ้าละแวกนี้ไม่มีเสบียงให้เก็บอีกต่อไปมันคงเป็นเรื่องยากหากว่าพวกเขาจะต้องขับรถออกไปไกล ๆ เพื่อหาจากที่อื่นโดยที่ไม่รู้ว่าข้างหน้าจะต้องเจออะไรบ้าง

    นั่นคือเหตุผลที่พวกคุณตัดสินใจย้ายออกจากโรงเรียนใช่ไหม

    ครับ และตอนนี้ก็เช่นกัน ร่างสูงนิ่งไปครู่หนึ่ง เขาเห็นว่าแบคฮยอนชะงักแล้วมองมาทางนี้อีกแล้ว ทั้งคู่สบตากันและกันผ่านชั้นวางของก่อนที่ร่างเล็กจะเป็นฝ่ายเบือนหลบไป

    ผมเข้าใจเหตุผลที่คุณอยากไปจากที่นี่ แต่... ร่างเล็กเลียริมฝีปาก มีหลายเหตุผลที่นึกไม่ออกว่าเพราะอะไรทำไมเขาถึงไม่อยากย้ายไปจากอุทยาน ทั้งที่เขาก็รู้ดีว่าการออกไปหาเสบียงแต่ละครั้งมันเป็นยังไง

    เรื่องนั้นไว้ก่อนเถอะครับ ชานยอลพูดทำลายความเงียบขึ้นมา เขารู้สึกว่ากำลังทำให้แบคฮยอนอึดอัดเกินความจำเป็นแล้ว ว่าแต่คุณจะไม่ตอบจริง ๆ เหรอ?

    ...

    แทบลืมไปแล้วว่าก่อนหน้านี้ร่างสูงถามอะไรไว้ หรือบางทีปาร์คชานยอลอาจจะแค่หยิบเรื่องนี้ขึ้นมาพูดเพื่อกลบเกลื่อนบทสนทนาก่อนหน้าก็ได้

    ผมตอบไม่ได้หรอก บางอย่างที่คิดไว้แล้วว่าจะทำได้แต่พอถึงเวลาจริง ๆ ผมอาจไม่ได้ทำอย่างที่คิด

    ขอบคุณสำหรับคำตอบครับ

    คนตัวเล็กขมวดคิ้วมองร่างสูงอย่างไม่เข้าใจ ตอนนี้ปาร์คชานยอลเงียบไปแล้วหากแต่ริมฝีปากนั้นยังคงยิ้มอยู่เหมือนในทีแรก ผู้ชายคนนั้นไม่ได้คะยั้นคะยอเลยสักนิดว่าทำไม และตกลงเขาจะเลือกทำแบบไหนถ้าเกิดว่าปาร์คชานยอลถูกกัดขึ้นมาจริง ๆ

    แบคฮยอนรู้สึกเหมือนเพิ่งผ่านสงครามประสาทไปได้ เขาไม่รู้เลยว่าผู้ชายที่ยิ้มและพยายามชวนคุยเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้น่ะ...เป็นคนเดียวกับคนที่เคยทิ้งเขาไว้ข้างหลังโดยไม่สนใจใยดีเมื่อตอนนั้นจริง ๆ น่ะเหรอ?

     

     

     

     

    เกือบอาทิตย์นึงแล้วที่ลู่หานใช้เวลาไปกับการจับตามองเด็กกรงหมาอยู่ห่าง ๆ เขานับถือเด็กนั่นจริง ๆ ที่เก็บอาการทำตัวเป็นปกติได้ทั้งที่ต้องอยู่ต่อหน้าไอ้จงอินตอนกินข้าวเย็นด้วยกัน แต่มันอาจจะพลิกล็อกไปหน่อยที่เพื่อนสนิทหน้าโง่ของเขาดันเป็นฝ่ายเอาแต่เงยหน้ามองเด็กกรงหมาอยู่ตลอดแม้ว่าอีกฝ่ายจะเอาแต่กินข้าวแล้วพูดคุยเรื่องการทำโรงเรือนเอาไว้ปลูกพืชผักสวนครัวกับคนอื่น ๆ อย่างออกรส

    ลู่หานเป็นคนอาสาเคลียร์หิมะหลังบ้านให้ก่อนที่อี้ฟานกับชานยอลจะสร้างโรงเรือนหลังเล็ก เขาเห็นว่าพวกมันสองคนเอารถกระบะไปขนเอาซากเหล็กเหล่านั้นกลับอุทยานกันหลายชุด ถ้าถามถึงสภาพร่างกายของเขาในตอนนี้ถือว่าหายขาดจากอาการป่วยแล้วเพราะงั้นต่อให้ต้องวิ่งหนีพวกกินคนข้ามโลกก็ยังไหว

    แต่พอหันไปมองรอบข้างก็รู้สึกแหม่ง ๆ หลังจากนึกขึ้นได้ว่าเสือกปากดีอาสากวาดหิมะคนเดียวเพื่อโชว์หล่อ แน่นอนว่าไม่มีใครรับรู้ถึงมัน คนพวกนั้นเพียงแค่พยักหน้าแบบขอไปทีแล้วปล่อยให้เขายืนทำหน้าโง่อยู่ที่โล่งหลังบ้านตามลำพัง

    งานช้างเลยกู บ่นกับตัวเองแล้วคว้าพลั่วที่ปักอยู่บนหิมะขึ้นมาตักใส่ถังเหล็ก เอาเถอะ ถึงงานจะน่าเบื่อหน่อยแต่มันก็ยังดีกว่าการนั่งอยู่เฉย ๆ ในวันที่ไม่ต้องออกไปหาเสบียง

    ใช้เวลาตักแล้วเอาไปเททิ้งอยู่พักใหญ่ก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อเห็นครูสาวสุดสวยยืนอยู่ตรงทางเดินช่องแคบระหว่างบ้านหลังที่สองกับสามโดยที่มือนั้นถือถังกับพลั่วเหมือนกับเขา นั่นกะจะมาช่วยเหรอ จิตใจนางฟ้ากว่านี้ไม่มีอีกแล้ว นี่สิแม่พิมพ์ของชาติที่แท้จริง แต่ที่สงสัยคือทำไมเธอไม่ยอมเดินมาทางนี้สักทีวะ?

    ลู่หานก้มหน้าลงขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางโบกมือไปมาหวังว่าจะให้ครูสาวเห็น แต่มันก็เปล่าประโยชน์ ปาร์คกาฮียังคงยืนอยู่กับที่ราวกับหุ่นยนต์ถ่านหมดยังไงอย่างนั้น ชายหนุ่มวางพลั่วลงแล้วตรงเข้าไปหาอีกฝ่าย

    ครูสุดสวยมาช่วย... ยังพูดไม่ทันจบก็ต้องอ้าปากค้างอยู่อย่างนั้นเมื่อหญิงสาวแตะนิ้วชี้ลงบนริมฝีปากตัวเองเป็นเชิงห้าม ในทีแรกเขาไม่เข้าใจว่าทำไม...แต่ก็แค่ครู่เดียวเท่านั้นแหละที่คนอย่างลู่หานตกอยู่ในสภาวะควายแบบฉับพลันจนกระทั่ง...

    ฉันอยากไปจากที่นี่

    ไม่เอาน่ายูริ ฉันคิดว่าเราคุยกันรู้เรื่องแล้วนะ

    เธอพูดเองเออเองต่างหาก ฉันไม่เห็นด้วยเลยกับการที่เธอเอาแต่บอกให้ฉันเข้าหาคนอื่น ให้ฉันคุยกับคนพวกนั้นทั้งที่ไม่ต้องการ

    ฉันเข้าใจว่ามันยาก แต่บางทีเธออาจจะแค่ไม่ชิน

    แล้วเธอชินเหรอจองซูยอน เธอชินที่จะต้องอยู่กับคนแปลกหน้าที่ไม่รู้ว่านิสัยที่แท้จริงของคนพวกนั้นเป็นยังไงได้งั้นเหรอ?

    มันไม่เลวร้ายอย่างที่คิดหรอก เธอก็น่าจะรู้นี่ เพราะถ้าพวกเขาจะทำร้ายเรา เขาคงไม่ปล่อยให้ผ่านมานานเป็นอาทิตย์ขนาดนี้หรอก

    ที่เราตกลงกันตั้งแต่แรกมันไม่ใช่แบบนี้ซูยอน...

    ...

    ...

    ฉันขอโทษ... เสียงนั้นแผ่วลงมันอาจจะแย่ถ้าฉันจะบอกว่าไม่อยากใช้วิธีนั้นแล้ว

    ...

    นะยูริ

    ฉันเห็นเธอออกมาจากบังกะโลของไอ้หมอนั่น

    ...

    เธอกับมันคงไม่ได้ทำเรื่องที่ฉันคิดไม่ถึงหรอกใช่ไหม?

    อย่าถามทั้งที่เธอก็รู้ดีว่าฉันเป็นคนยังไง

    แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้ไม่ใช่เหรอ? เธอน่ะชอบปั่นหัวฉันจนเป็นเรื่องปกติไปแล้ว

    ไม่เอาน่ายูริ เธอคิดมากเกินไป...อะ...

    ลู่หานถึงกับตาเหลือกทันทีที่มองผ่านผ้าม่านเข้าไปแล้วก็พบว่าจองซูยอนกำลังนั่งอยู่บนโต๊ะโดยมีควอนยูริยืนแทรกอยู่ตรงกลางระหว่างขาเรียว กระโปรงลูกไม้ยาวที่เคยปกคลุมจนเกือบถึงข้อเท้าปัจจุบันถลกขึ้นมาจนเห็นขาขาว

    หญิงสาวหุ่นเพรียวกำลังบดขยี้จูบอย่างดูดดื่มในขณะที่มือนั้นกำลังสอดเข้าไปในกระโปรง...เพียงแค่ครู่เดียวเธอก็ขยับข้อมือเป็นจังหวะก่อนที่ซูยอนจะนิ่วหน้าครางในลำคอ ลู่หานอ้าปากหวอ เขาไม่แน่ใจว่ากำลังตกใจกับภาพที่เห็นหรือความสัมพันธ์ของสองพี่น้องที่เป็นเรื่องลวงโลกกันแน่

    ปาร์คกาฮีตะปบปากชายหนุ่มที่เกือบส่งเสียงร้องออกมาไว้ได้ทันก่อนที่ทั้งคู่จะตีฉากหลบไปยืนอยู่ข้างบ้านแทนที่จะยืนล่อเป้าอยู่ตรงนี้จนสองสาวจะหันมาเห็น ลู่หานแกะมือออกทั้งที่ยังคงทำหน้าเหวอ เขาเงยหน้าขึ้นมองครูสาวที่มีสีหน้าไม่ต่างจากเขานัก จะต่างกันก็แค่ว่าเธอเก็บอาการได้ดีกว่า

    ครู!”

    เบาเสียงหน่อยค่ะ

    โห ใครจะไปสงบสนิ่งทุกการเคลื่อนไหวได้เหมือนครูล่ะครับ นี่แอบยืนฟังไปถึงไหนต่อไหนแล้วดิ? ลู่หานเลิกคิ้วมองคาดโทษ ซึ่งปาร์คกาฮีก็แค่ถอนหายใจแล้วหันกลับไปยังหน้าต่างบานนั้น

    ฉันก็แค่บังเอิญมาได้ยิน

    อ๋อ แล้ว... ยังพูดไม่ทันจบก็ต้องอ้าปากค้างอีกครั้งเมื่อเสียงบทสนทนาจากสองสาวลอดออกมาให้ได้ยิน

    อะ...พอเถอะยูริ...

    ทำไมล่ะ

    อา...ไม่ใช่ตอนนี้

    เธอบ่ายเบี่ยงมาหลายครั้งแล้วนะซูยอน...ความอดทนของฉันก็มีขีดจำกัดเหมือนกัน

    เธอก็รู้ว่าที่นี่ไม่ใช่ที่ที่เราจะทำอะไรก็ได้...อา...พอเถอะ...

    ไม่ใช่สำหรับเรา...แต่อาจจะกับผู้ชายคนอื่นก็ได้?

    พูดบ้าอะไรของเธอน่ะ...อะ...

    เธอทำให้ฉันหงุดหงิด...เธอก็รู้ว่าฉันไม่ได้อยากอยู่ที่นี่เลยสักนิดแต่ที่ทุกอย่างเป็นแบบนี้ก็เพราะว่าฉันตามใจเธอทั้งนั้น เสียงนี้เบาลงเมื่อใบหน้าเลื่อนลงไปใกล้ใบหูหญิงสาวที่กำลังครางกระเส่าด้วยฝีมือเธอ ไม่เห็นเหรอว่าผู้หญิงที่นี่มีแค่คนเดียว ฉันเห็นว่ายัยครูนั่นทำตัวมีพิรุธไหนจะมีหลุมศพที่อยู่ใกล้แม่น้ำอีก ฉันได้ยินมาว่าเป็นศพเด็กผู้หญิง

    ... ลู่หานมองครูสาวเมื่อบทสนทนามันเริ่มพาดพิงมาถึงเธอจนทั้งคู่แทบไม่อยากเชื่อหูตัวเอง

    ไม่คิดเหรอว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นอาจจะถูกข่มขืนจนตายก็ได้? กาฮีกำหมัดแน่นกับสิ่งที่อีกคนพูดออกมา มันเป็นการดูถูกลูกศิษย์ของเธอที่เพิ่งจากไปได้อย่างน่ารังเกียจจนเกินจะรับได้

    เธอมองโลกในแง่ร้ายเกินไปแล้วยูริ

    แล้วเธอจะให้มองในแง่ดีงั้นเหรอ เราเคยเจออะไรกันมาบ้างหวังว่าเธอคงยังไม่ลืมนะ เสียงนั้นเว้นไปครู่หนึ่งเราอยู่กันสองคนเหมือนก่อนหน้านี้ได้ อย่างมากก็แค่เสี่ยงหน่อยถ้าพวกมันมีปืน

     
     

    ปืน...?

     
     

    พอเถอะ ที่นี่ปลอดภัยเธอก็เห็น

    ตอนนี้น่ะปลอดภัยแต่วันข้างหน้าใครจะรู้ ที่นี่มีแต่พวกผู้ชาย ในหัวพวกมันคงไม่พ้นเรื่องเซ็กส์หรอก ก็เหมือนกับไอ้พวกสารเลวพวกนั้น

    กาฮีคว้าแขนชายหนุ่มอายุน้อยกว่าให้เดินออกมาแล้วหยุดยืนอยู่หลังบ้าน ไม่มีใครพูดอะไรอีก ทั้งคู่เพียงแค่ยืนนิ่งเพื่อทบทวนเรื่องราวที่เพิ่งได้รับรู้ ลู่หานเหมือนคนสติหลุด ถึงจะเคยเห็นฉากเลสเบี้ยนผ่านหนังโป๊มาแล้วหลายครั้งแต่พอเจอกับตาแบบนี้ก็พูดไม่ออกเหมือนกัน

    ยัยสองคนนั้นไม่ใช่พี่น้องกันจริง ๆ

    ...

    ทั้งคู่มองหน้าอย่างรู้กัน อาจเป็นเพราะว่าผู้หญิงสองคนนั้นเลือกที่จะฝังความทรงจำให้ทุกคนที่นี่เข้าใจว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอคือพี่น้องกัน ในทีแรกก็สงสัยอยู่หรอกว่าทำไมถึงใช้คนละนามสกุล แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาต้องไปเซ้าซี้ถามทั้งที่มีเรื่องอื่นให้คิดอยู่อีกมากมาย

    ครูคิดว่าไง ลู่หานหันไปถามครูสาวที่กำลังทอดสายตามองไปยังเบื้องหน้า เธอหยิบพลั่วกับถังขึ้นมาแล้วเดินตรงไปเพียงไม่กี่ก้าวก่อนจะปักพลั่วลงบนหิมะอย่างแรงพร้อมเงยหน้าขึ้นสบตากับอีกคน

    พวกเรากำลังโดนหลอก

     

     
     

     

     
     

    ติ่ก...ติ่ก...ติ่ก...

     

    สิ่งเดียวที่โอเซฮุนได้ยินก็คือเสียงเข็มนาฬิกาแขวนผนังที่อยู่ทางด้านขวา มันถูกติดตั้งเมื่อวานก่อนด้วยฝีมือของอู๋อี้ฟาน เจ้าตัวอ้างว่ามันคงดีถ้าเรารู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว ซึ่งในวินาทีนี้เด็กหนุ่มก็เข้าใจมันเป็นอย่างดี

    นัยน์ตาจับจ้องเข็มนาฬิกาที่เดินไปข้างหน้าเรื่อย ๆ อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย มันเหมือนกับเขาในวันที่เจอจงอินอีกครั้งไม่มีผิด เด็กผู้ชายที่ชื่อโอเซฮุนที่มีความเชื่อว่าทุกอย่างจะต้องกลับมาเป็นเหมือนเดิม ซึ่งมันก็แค่ความหวังลม ๆ แล้ง ๆ เท่านั้น

    เขาไม่รู้เลยว่าความพยายามและความหวังมันจะย้อนกลับมาทำร้ายได้ถึงขนาดนี้ กี่วันแล้วที่เซฮุนพยายามทำเหมือนว่าโลกนี้ไม่มีคนที่ชื่อคิมจงอิน กี่วันแล้วที่ต้องบังคับสายตาให้มองไปทางอื่นทั้งที่อยากมองหน้าผู้ชายคนนั้นนาน ๆ

    เซฮุนรู้ตัวดีว่าคงทำตามใจตัวเองไม่ได้อีก เขาไม่สามารถอ้างเหตุผลบ้า ๆ ว่ากลัวผีเพื่อที่จะนอนเตียงเดียวกับจงอินได้อย่างบริสุทธิ์ใจ เด็กหนุ่มยังคงจำแววตาของผู้ชายคนนั้นได้ดี ไม่สิ...จริง ๆ แล้วเขาจำได้ตั้งแต่ตอนที่จงอินปล่อยเครื่องบินกระดาษลงบนพื้นอย่างไม่ใยดีต่างหาก

    เด็กหนุ่มไม่สามารถยิ้มและบอกกับผู้ชายคนนั้นว่าไม่เป็นไร เขาไม่สามารถบอกว่าเรายังเป็นพี่น้องกันได้...เพราะโอเซฮุนไม่เข้มแข็งขนาดนั้น

    หลุบสายตาลงมองพื้นห้องแล้วก็ได้แต่หัวเราะในใจ นี่เขาสติแตกมากถึงขนาดพับเครื่องบินกระดาษเยอะแยะจนเกลื่อนห้องเลยเหรอ เด็กหนุ่มหยัดตัวลุกขึ้นนั่งแล้วก้มลงไปเก็บมันขึ้นมาทีละชิ้น แน่นอนว่าการที่เขายังพับเครื่องบินกระดาษเป็นงานอดิเรกแบบนี้มันยิ่งทำให้คิดถึงจงอินเข้าไปใหญ่

     

     

    ก๊อก ๆ

     

     

    เซฮุน พี่เข้าไปได้ไหมจ๊ะ?

    อ่า...ครับ เด็กตัวสูงขานตอบก่อนที่ประตูจะเปิดเข้ามาพร้อมหญิงสาวรุ่นพี่ที่มักจะมีอะไรติดไม้ติดมือมาด้วยเสมอ

    พับเล่นอีกแล้วเหรอ ไหนดูซิวันนี้เขียนอะไรลงไปบ้าง ซูยอนวางซองขนมลงบนเตียงก่อนจะหยัดตัวนั่งข้าง ๆ เด็กตัวสูงที่ยังคงง่วนอยู่กับการเก็บเครื่องบินกระดาษบนพื้น

    พี่ไปเอามาจากไหน

    ของพี่เอง ในรถบ้านนั่นน่ะมีขนมเต็มเลยนะรู้ไหม แต่พี่กับยูริไม่ชอบกินขนม จะกินก็ตอนที่คิดว่าหาเสบียงไม่ได้แล้วจริง ๆ เธอยิ้มขำแล้วคลี่กระดาษออกอะแฮ่ม... วันนี้ผมเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า...ผมรู้สึกได้ถึงความโง่ทุกครั้งเวลาคิดถึงคุณ หืม... หญิงสาวชำเลืองมองเด็กหนุ่มที่เพิ่งแย่งเครื่องบินกระดาษจากมือเธอไปแล้วขยำมันรวมกับอันอื่นจนเป็นก้อนใหญ่ก้อนเดียว

    พี่เก็บไว้กินเถอะครับ ผมไม่หิว

    ไอ้นี่ไม่จำเป็นต้องกินตอนหิวซะหน่อยนี่ เธอว่าแล้วฉีกซองออกมาเร็วเข้า ซูยอนรั้งแขนเด็กหนุ่มให้นั่งพิงกับขอบเตียงข้างเธอก่อนจะยื่นขนมให้เร็ว ๆ อย่าดื้อ

    พี่นั่นแหละที่ดื้อ ทำไมชอบบังคับคนอื่นครับ

    เอ้า ก็นายดื้อพี่ก็เลยต้องบังคับ เป็นเด็กเป็นเล็กทำไมชอบเถียงผู้ใหญ่ล่ะ เธอเลิกคิ้วมองก่อนจะหลุดหัวเราะออกมาล้อเล่นน่า...กินเถอะซูยอนหยิบขนมเข้าปากตัวเองแล้วชันเข่าเข้าหาตัว

    มีใครเคยบอกไหมว่าพี่เป็นคนเอาแต่ใจ

    ทุกคนยกเว้นนาย แล้วพี่ก็ไม่อยากให้นายซ้ำกับคนอื่นด้วยเด็กน้อย เธอหัวเราะเบา ๆ

    เป็นอีกครั้งที่โอเซฮุนต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมากที่ต้องคุยกับคนที่จงอินชอบ หลายครั้งที่เด็กหนุ่มคิดว่าบางทีมันอาจจะถูกต้องแล้วก็ได้ที่ผู้ชายคนนั้นเลือกคุณซูยอนมากกว่าเขาที่กลายเป็นแค่คนในอดีต เพราะเธอก็เป็นคนดี สดใส ร่าเริง ยิ่งเรื่องความสวยคงไม่ต้องพูดถึง

    ยังเลือดกำเดาไหลอยู่หรือเปล่า

    ไม่แล้วครับ

    แน่เหรอ? ไม่ใช่ว่าเลือดออกตอนที่คนอื่นไม่เห็นแล้วบอกว่าตัวเองสบายดีนะ? เธอมองจับผิดเด็กตัวสูงที่เอาแต่มองเครื่องบินกระดาษในมือ

    ผมอยู่ในช่วงพักฟื้นน่ะ ขอบคุณที่เป็นห่วง

    พูดซะห่างเหินเลย จนถึงตอนนี้นายก็ยังเห็นพี่เป็นคนอื่นอยู่หรือไงหื้ม ซูยอนยีหัวเด็กตัวสูงที่ไม่แม้แต่จะหันมามองหน้ากัน เธอรู้ว่าเซฮุนกำลังคิดมาก อาจจะเป็นเรื่องจงอินที่ยังจำอะไรไม่ได้ทั้งที่เมื่อก่อนเคยสนิทกันมากซะขนาดนั้น

    ไม่ใช่อย่างนั้น พี่คิดมากเกินไปแล้ว

    เคยได้ยินไหมว่าคิดมากก็เพราะเป็นห่วง นายแอบมาอยู่คนเดียวแบบนี้ไม่เหงาแย่เหรอ พี่เห็นคยองซู มินซอก ซูโฮเขานั่งเล่นทายปัญหากันอยู่ พี่เข้าไปนั่งดูพวกเขาเล่นกันด้วยนะ

    คนที่ได้คะแนนเยอะสุดคือคยองซูใช่ไหมครับ

    ใช่ เด็กคนนั้นฉลาดสุด ๆ เลย ให้ทายว่าใครลุกไปก่อน

    ต้องมินซอกแน่ เพราะซูโฮคงไม่เลิกตราบใดที่คยองซูยังไม่ลุกไปไหน เด็กหนุ่มยิ้มบาง ๆ เมื่อนึกถึงเกมที่เขากับเพื่อน ๆ เคยนั่งเล่นด้วยกัน

    ผิด เทาต่างหากที่ลุกไปก่อน

    อ้าว แต่เมื่อกี้พี่ไม่ได้พูดถึงเขาเลยนะ

    อ่าจริงเหรอเนี่ย เธอกลอกตาก่อนที่ทั้งคู่จะหลุดหัวเราะออกมาพร้อมกัน หัวเราะได้แล้วสินะ ซูยอนยีหัวเซฮุนอีกครั้ง และเธอก็ได้รู้ว่าประโยคนี้สามารถดูดรอยยิ้มออกจากใบหน้าอีกคนได้

    พี่ซูยอน

    ว่าไง

    พี่ชอบจงอินหรือเปล่าครับ?

    ...หะ?

    ผมแค่อยากรู้น่ะ ถ้ามันเป็นเรื่องส่วนตัวเกินไปพี่จะไม่ตอบผมก็ได้นะ เด็กหนุ่มยิ้มเจื่อน เซฮุนกำลังรู้สึกแย่กับความอยากรู้อยากเห็นของตัวเองที่มันทำให้ตัวเขากลายเป็นไอ้โง่เข้าไปทุกที แต่มันก็อดไม่ได้ที่จะถามออกไป

    ไม่หรอก พี่ไม่ถือ เด็กหนุ่มไม่ได้หันไปมองหน้าหญิงสาวระหว่างรอคำตอบ เขากำลังกลัวและลุ้นว่าให้เธอตอบว่าไม่ได้ชอบ ไปพร้อม ๆ กัน โอเซฮุนรู้สึกว่าตัวเองนั้นร้ายกาจนักที่คิดแบบนี้ เขาอยากให้จงอินหลงรักเธอแค่ฝ่ายเดียวมากกว่าที่จะให้เขาและเธอใจตรงกัน เซฮุน

    ครับ? ทันทีที่หันหน้าเข้าหาอีกฝ่ายเด็กหนุ่มก็ต้องเบิกตาอย่างตกใจเมื่อปลายจมูกรั้นนั้นกดลงบนแก้มเขาเบา ๆ ก่อนจะผละออก ดวงหน้าขาวอยู่ห่างจากใบหน้าเขาเพียงแค่นิดเดียวโดยที่ไม่ถอยห่างออกไป

     

     

    ใช่...เมื่อกี้จองซูยอนหอมแก้มเขา

     

     

    ...

    ...

    เซฮุนไม่รู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันคืออะไร แววตาคู่สวยที่กำลังมองมานั้นมีความหมายหากแต่เด็กหนุ่มไม่สามารถเข้าใจหรือคาดเดาเอาเองได้ อีกทั้งรอยยิ้มของผู้หญิงคนนี้ที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นถ้าหากว่าเหตุการณ์เมื่อครู่นี้มันคือความผิดพลาด

     

     

     

    ในหัวของเขามันเต็มไปด้วยคำถามว่าทำไมเธอถึงหอมแก้มเขาราวกับว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา...

     

     

     

    พี่น่ะ...ไม่ได้ชอบจงอินหรอกนะเซฮุน

     

     

     

     

    TBC

     

    EVERYDAY I SHOCK!!!

    ความลับกำลังถูกเปิดเผย สองพี่น้องเป็นใครทำไมถึงได้โกหกทุกคนว่าเป็นแค่พี่น้องกัน? ชาวซอมบี้ไลน์จะหน้าสั่นไปพร้อม ๆ กันกับเรื่องราวที่เราไม่เคยรู้

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×