ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ZOMBIES HARD CREEPER | KAIHUN CHANBAEK FT.EXO

    ลำดับตอนที่ #87 : Chapter 82 :: Amnesia

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 7.75K
      102
      9 ธ.ค. 57

    ? Tenpoints!

     

     

     


    Chapter 82

    Amnesia

     

     

     

     

    ทุกคนรวมตัวกันอยู่ในห้องโถงของบ้านหลังแรก ถ้าไม่นับจงอินกับสองสาวสมาชิกใหม่ที่เพิ่งย้ายเข้ามาก็คงมีแค่อี้ชิงกับจงแดเท่านั้นที่ไม่ได้เข้าร่วมบทสนทนาในครั้งนี้ แบคฮยอนตามมาเป็นคนสุดท้าย เด็กหนุ่มเลือกหามุมที่เหมาะสม คาดว่าเขาคงไม่ได้มาช้าจนเกินไป

    มันยังไงเหรอเซฮุน ที่บอกว่าไอ้ห่าจงอินจำอะไรไม่ได้เลย?” เป็นลู่หานที่ทนรอฟังต่อไปไม่ไหวแม้ว่าเด็กหนุ่มจะอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นไปคร่าว ๆ แล้วว่าไปเจอสามคนนั้นได้ยังไง แต่เรื่องที่ได้ฟังมันก็ยากที่จะเชื่อจริง ๆ

    เจ้าของชื่อนิ่งเงียบไปแค่อึดใจเดียว ซึ่งทุกคนก็ไม่ได้กดดันให้เซฮุนรีบตอบเดี๋ยวนี้ เพราะจากสีหน้าและการแสดงออก พวกเขาก็พอจะเข้าใจว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะพูดถึงอาการของจงอิน

    ผู้หญิงสองคนนั้นบอกว่าเห็นเขานอนบาดเจ็บสาหัสอยู่ในป่าเด็กหนุ่มหลุบสายตาลง พอเขาฟื้นขึ้นมาก็จำอะไรไม่ได้เลยแม้กระทั่งชื่อตัวเอง

    “...”

    ตอนแรกเขายืนยันหัวชนฝาว่าจะไม่ยอมกลับมาที่นี่เด็ดขาด จงอินโกรธที่พวกเราทิ้งเขาไว้ตรงนั้น

    ใครจะไปอยากทิ้งวะ ก็มันเป็นคน...เวรเอ้ย! แค่ก ๆลู่หานป้องปากกระแอมไออย่างหนัก เขารำคาญตัวเองเหลือทนที่กำลังรู้สึกเหมือนคนใกล้ตายเพราะถูกพิษไข้เล่นงาน

    ทั้งที่รู้ว่าเพื่อนสนิทจำอะไรไม่ได้แต่ก็โมโหอยู่ดี อยากเข้าไปเขย่าคอมันแล้วถามว่ามึงเป็นส้นตีนอะไรทำไมถึงจำครอบครัวตัวเองไม่ได้ ถ้าจะบอกว่ามันนั่นแหละเป็นคนตะโกนไล่ให้พวกเขาหนีไป คนอย่างไอ้หอกคิมจงอินจะยังมีความคิดโง่ ๆ แบบนั้นอยู่ไหม?

    ถ้าบอกว่าจำชื่อไม่ได้ งั้นก็หมายความว่าเขาก็จำคุณไม่ได้น่ะสิ?” เซฮุนพยักหน้ากับคำถามของซีวอน

    ตอนแรกเขาเอาแต่ไล่ให้ผมกลับ

    แต่สุดท้ายมันก็ยอมกลับมาด้วยเพราะผู้หญิงสินะทุกคนหันไปทางหวงจื่อเทาที่ยืนกอดอกอยู่ตรงมุมห้อง

    อาจเป็นผลกระทบตอนถูกพวกทหารทำร้ายเสียงของชานยอลทำลายความเงียบที่ก่อตัวขึ้น ซึ่งมันเป็นเรื่องน่าสนใจอยู่ไม่น้อย แน่นอนว่าใครหลายคนที่อยู่ในห้องนี้ต่างก็จำเหตุการณ์ในวันนั้นได้ ร่างสูงทาบมือลงบนด้านหลังศีรษะพลางกวาดสายตามองทุกคน ตรงนี้คือส่วนของความจำ

    หมายความว่าไอ้จงอินโดนกระทืบจนเอ๋อเหรอวะ?”

    ถ้าการคาดเดาของผมไม่ผิดพลาดมันก็มีสิทธิ์เป็นไปได้ แต่สิ่งที่เราทุกคนต้องทำตอนนี้ไม่ใช่การนั่งปรึกษากันว่าเพราะอะไรที่ทำให้จงอินเป็นแบบนี้

    ชานยอลพูดถูก ปัญหาคือจะทำยังไงเขาถึงจะจำได้อี้ฟานเสริม ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ทุกคนกำลังคิดไม่ตก

    เพื่อนของฉันเคยลื่นล้มหัวฟาดพื้นในห้องน้ำ หลังจากนั้นเธอก็จำอะไรไม่ได้เลย เธอรู้ว่าคนตรงหน้าคือพ่อแม่แต่เรียกไม่ถูก แต่มันก็แค่สามวันเท่านั้นทุกคนกำลังสนใจเรื่องที่ปาร์คกาฮีเล่า

    แล้วหลังจากนั้นล่ะครับ?” เซฮุนถามกลับไปในทันที ครูสาวประสานมือไว้บนตักแล้วมองหน้าเด็กหนุ่ม

    เธอจำพ่อแม่ได้ในสามวัน แต่เป็นเดือนเลยกว่าเธอจะกลับมาเป็นปกติ

    บางทีเราอาจจะต้องการอี้ชิงลู่หานเสนอ ในเมื่อที่นี่ไม่มีหมอเจ๋ง ๆ เพราะงั้นการคาดเดาของทุกคนมันก็โคตรจะเปล่าประโยชน์

    อี้ชิงไม่ใช่หมอ บอกไว้เผื่อพวกคุณจะลืมเรื่องนี้ไปซีวอนพูดเสียงเรียบ จากประสบการณ์ตอนช่วยจงแดกับบุรุษพยาบาลหนุ่ม เขาขอยืนยันตรงนี้เลยว่าคนที่เคยทำงานในโรงพยาบาลไม่ใช่ว่าจะรู้เรื่องทางการแพทย์ทุกอย่าง

    แต่ในเมื่อไม่อยากให้จงแดตาย เขาทั้งสองคนเลยจำเป็นต้องรับหน้าที่หมอจำเป็นในเมื่อมันเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และบุรุษพยาบาลคนนั้นก็ได้ทำมันอย่างเต็มที่แล้ว

    การกระตุ้นอาจจะได้ผลสายตาของอู๋อี้ฟานไม่ได้มองไปที่ใครคนหนึ่ง เขากำลังจมอยู่กับความคิดในหัวที่ยังหาทางออกไม่ได้ ถ้าเราทุกคนช่วยให้เขานึกถึงเรื่องเก่า ๆ ล่ะ? พวกคุณคิดว่ายังไง?”

    ผมลองแล้วครับทุกคนหันไปทางเซฮุน มันพอจะได้ผลอย่างที่คุณบอก เพราะตอนที่ผมพยายามฟื้นความจำ จงอินก็พอนึกถึงเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นได้

    งั้นตกลงตามนี้ ทุกคนช่วยกันกระตุ้นความจำจงอินไปก่อน แต่อย่ารบเร้ามากเพราะตอนนี้เขาไม่ใช่คนเดิมที่เรารู้จักอี้ฟานพูด เราต้องทำให้ทุกอย่างมันค่อยเป็นค่อยไป ส่วนเรื่องออกไปร้านอุปกรณ์คงต้องเลื่อนเป็นวันพรุ่งนี้ไม่มีใครแย้งกับสิ่งที่ร่างสูงพูด มีบางคนที่พยักหน้ารับและบางคนที่ลุกขึ้นเตรียมตัวจะแยกย้ายออกไปทำธุระส่วนตัว

    พอมีใครว่างไหม?” เสียงของซีวอนรั้งคนที่กำลังจะเดินออกไปให้หยุดยืนอยู่กับที่ ผมอยากแบ่งเวรเฝ้าจงแดหน่อย ไม่ได้อยากพูดให้ดูเป็นคนเห็นแก่ตัวหรอกนะ แต่ผมกับอี้ชิงก็อยากไปทำอย่างอื่นบ้างแทนที่จะเอาเวลาไปนอนเพื่อตื่นมานั่งเฝ้าคนเจ็บทั้งวันแบบนี้

    ผมครับแบคฮยอนรับเป็นคนแรกก่อนจะตามด้วยคยองซูและซูโฮ โดยสองคนหลังอาสาว่าจะเข้าอยู่เวรพร้อมกัน

    งั้นตกลงตามนี้ เดี๋ยวคุณไปกับผมอี้ฟานหันมาทางเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่บนโซฟา เซฮุนพยักหน้าก่อนจะลุกขึ้นยืนและปล่อยให้คนอื่น ๆ ออกไปก่อน เราต้องหาบังกะโลให้คุณกับจงอิน หลังที่อยู่ถัดจากบังกะโลของซีวอนยังว่าง ถ้าทำความสะอาดนิดหน่อยก็น่าจะอยู่ได้แล้ว

    ครับ

    ไปกันเถอะร่างสูงยิ้มแล้วยีหัวเด็กหนุ่มอย่างเอ็นดู

     

     

     

     

    เสียงเคาะประตูเรียกความสนใจจากทั้งสามคนให้หันไปมอง ยูริปัดมือเป็นเชิงบอกให้จงอินเป็นคนไปเปิดเพราะมันคงดีกว่าถ้าจะให้ผู้ชายคนนั้นออกไปแทนที่จะเป็นเธอกับจองซูยอนที่เป็นสมาชิกใหม่อย่างไม่เป็นทางการ

    ทันทีที่ประตูเปิดออกก็เห็นชายหนุ่มร่างสูงยืนรออยู่แล้ว จงอินเลิกคิ้วเป็นเชิงถามแต่ผู้ชายคนนั้นก็ไม่พูดอะไรเลยสักคำ ก็สังเกตอยู่หรอกนะว่าหมอนี่ไม่ค่อยพูดเท่าไหร่ จากตอนที่เขาเพิ่งลงจากรถ อู๋อี้ฟานก็เอาแต่ยืนมองราวกับว่ากำลังจับผิดเขา

    ว่าไง?”

    ผมหาบังกะโลให้คุณได้แล้ว เราจะไปที่นั่นกันหลังจากเก็บเสื้อผ้าเสร็จร่างสูงพูดเสียงเรียบพร้อมโค้งหัวให้หญิงสาวเล็กน้อยเป็นเชิงขออนุญาตเข้าไปข้างใน แน่นอนว่า เสื้อผ้าที่พูดถึงมันทำให้คิมจงอินรู้สึกโง่ไปกว่าเดิม ฝั่งซ้ายเป็นของคุณ เร่งมือหน่อยครับ ผมมีเรื่องที่ต้องไปทำต่อ

    จงอินขมวดคิ้วก่อนจะรับเป้ที่อีกคนโยนมา เขาได้แต่ยืนมองผู้ชายตัวสูงคนนั้นที่กำลังเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเป้ อะไรมันจะงงขนาดนี้ บางทีถ้าอู๋อี้ฟานอธิบายให้เข้าใจอีกสักนิดความโง่ที่เป็นอยู่อาจจะหายไปก็ได้ แล้วนี่อะไร

    เซฮุนล่ะ?” ถามพร้อมเดินไปหยุดอยู่หน้าตู้เสื้อผ้า ชายหนุ่มใช้เวลาเพ่งมองเสื้อกันหนาวหลายตัวที่แขวนไว้อย่างเป็นระเบียบอยู่ในตู้แล้วก็ได้แต่ถามตัวเองในใจว่าของพวกนี้น่ะเหรอที่เขาเคยใส่?

    ทำความสะอาดบังกะโลอยู่น่ะ

    ก็เลยใช้ให้นายมาเก็บให้สินะ

    ผมอาสามาเก็บให้เอง แล้วเจอกันข้างนอกครับอี้ฟานยิ้มบาง ๆ ให้สองสาวที่นั่งอยู่ข้างเตียง ซึ่งจงอินเพิ่งเก็บเสื้อผ้าไปได้แค่ไม่กี่ตัว อย่าถามเลยว่าตอนนี้กำลังรู้สึกยังไง ไอ้อาการงงงวยมันก็อยู่กับเขามาตั้งแต่วันแรกที่ฟื้นขึ้นมาแล้ว แต่อาการหน่วง ๆ ซึม ๆ ในใจนี่สิ?

    มันตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เขาต้องอึดอัดกับสิ่งที่ทำลงไป ทั้งที่ก็ไม่รู้ว่ามันเป็นเรื่องที่ถูกต้องหรือผิดมหันต์ นี่ชักจะไม่แน่ใจแล้วสิว่าคนที่นี่อยากให้เขากลับมาอยู่อุทยานจริงหรือเปล่า

    เขาดูไม่ค่อยโอเคกับนายนะเสียงของซูยอนเรียกสติชายหนุ่มให้กลับมา จงอินหันไปหาหญิงสาวทั้งสองคนแล้วยัดเสื้อแขนยาวใส่กระเป๋าก่อนจะย่อตัวลงค้นหากางในและยีนส์สักตัวสองตัว

    ใครก็ไม่โอเคกับฉันทั้งนั้นแหละ

    อาจเป็นเพราะเรามาด้วย พวกเขาก็เลยหงุดหงิด

    เลิกคิดเถอะแค่นี้ก็ปวดหัวจะแย่แล้ว ถ้าจะมีคนผิดก็ไปโทษไอ้เด็กโข่งที่รบเร้าให้ฉันกลับมาที่นี่แล้วกันจงอินเหวี่ยงเป้ไปข้างหลังแล้วเดินไปหยุดอยู่หน้าประตู ถ้าหิวก็อดทนก่อน เดี๋ยวจะหาข้าวมาให้กิน

    เหมือนเป็นเจ้าบ้านเลยเนอะควอนยูริแค่นยิ้ม รู้สึกสมเพชคนตรงหน้าอยู่ไม่น้อยถึงแม้ว่าเธอจะเข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้ดีว่าคิมจงอินก็กำลังพยายามปรับตัวเข้ากับที่นี่ ที่ ๆ เคยเป็นบ้านของหมอนั่น

    ชายหนุ่มไม่ได้หันไปต่อล้อต่อเถียงกับหญิงสาวเหมือนกับทุกครั้ง เขาเพียงแค่ปิดประตูแล้วถอนหายใจกับความอึดอัดที่ก่อตัวขึ้นเรื่อย ๆ จนไม่อยากทนอยู่ที่นี่อีกต่อไป ทันทีที่ก้าวออกมาจากบ้านหลังที่สอง อี้ฟานก็เดินนำไปข้างหน้าก่อน

    เฮ้

    ครับ?”

    ฉันทำอะไรผิดหรือเปล่า ทำไมสายตาพวกนายที่มองฉันมันดูแปลก ๆ

    ไม่หรอก กลับกันแล้วคุณทำให้พวกผมตื้นตันใจมากเลยต่างหาก

    เหรอ? ยกตัวอย่างเช่น?”

    ข้อแรกคือคุณยังมีชีวิตอยู่อี้ฟานหันไปยิ้มให้คนข้าง ๆ ที่แสดงออกทางสีหน้าอย่างชัดเจนว่ายังคงไม่เข้าใจกับสิ่งที่เขาพูด อย่าคิดมากเลย พวกเขาแค่ทำตัวไม่ถูกที่เห็นคุณเป็นแบบนี้

    แบบนี้คือแบบไหน?” ร่างสูงหลุดหัวเราะออกมาเบา ๆ ไม่บ่อยนักหรอกที่เขาจะได้เห็นคิมจงอินกลายเป็นคนขี้สงสัย เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาผู้ชายคนนี้มักจะหาคำตอบให้ตัวเองได้อยู่เสมอ

    คุณเป็นเหมือนผู้นำ เราไม่ค่อยคุยกันสักเท่าไหร่นอกจากว่าจะมีเรื่องให้ตัดสินใจ ซึ่งพอถึงเวลานั้นผมกับคุณจะปรึกษากันว่าจะเอายังไงดี? หลายครั้งที่คุณตัดสินใจให้กับเรื่องที่พวกเราไม่สามารถเลือกได้ว่าควรให้มันไปในทางไหน คุณมักจะมีทางออกให้กับเรื่องที่เกิดขึ้นได้เสมอ ถึงจะไม่ใช่วิธีที่เข้าท่าสักเท่าไหร่แต่มันก็ออกมาดีผู้ชายคนนั้นยังคงยิ้ม

    ถึงโอเซฮุนจะเคยเล่าให้ฟังบ้างแล้ว แต่มันก็ยากที่จะเชื่อว่าคนอย่างฉันน่ะเหรอจะทำอะไรได้?”

    มากกว่าที่คุณคิดอี้ฟานหันมามองอีกฝ่ายแล้วตบบ่าเบา ๆ ขณะที่ทั้งคู่กำลังเดินไปยังบังกะโลที่อยู่ไม่ไกลจากตรงนี้ เราสองคนเคยตกอยู่ในสถานะเดียวกันนะ

    “...”

    ผมเคยเกือบตายในค่ายของศัตรู วินาทีนั้นผมคิดว่าคงไม่รอดแล้ว แต่ในเมื่อผมกำลังจะตาย มันคงดีกว่าเป็นไหน ๆ ถ้าเกิดผมสามารถช่วยให้คนที่เหลือหนีรอดไปได้

    “...”

    แต่พอเอาเข้าจริง ๆ ความตายก็น่ากลัวกว่าที่คิด ความรู้สึกตอนหันไปทางไหนก็เห็นแต่ไฟกับร่างของพวกกินคนที่กำลังไล่ล่าเหยื่อ เสียงหวีดร้องของความกลัว เสียงปืน เสียงคำรามของพวกมันปะปนกันไปหมดร่างสูงเงียบไปครู่หนึ่ง เขาเห็นว่าจงอินกำลังตั้งใจฟังเรื่องที่เขาพูด

    แล้วตอนนั้นฉันทำอะไรอยู่ วิ่งหนีหางจุกตูดแล้วทิ้งให้นายนอนรอความตายอยู่ตรงนั้นสินะ

    เปล่าเลยอี้ฟานยิ้มพลางมองไปยังเบื้องหน้า คุณบาดเจ็บสาหัสเพราะถูกซ้อม ชานยอลพยายามพาคุณหนีออกไปทั้งที่ตอนนั้นลู่หานก็บาดเจ็บสาหัสเหมือนกัน

    “...”

    แต่พวกมันไม่ได้ฆ่าผม ฟังดูเหลือเชื่อใช่ไหม?” ร่างสูงเว้นจังหวะไปชั่วอึดใจ ผมต้องทนอยู่กับพวกมัน และคิดว่าคงไม่ได้เจอกับพวกคุณอีกแล้ว

    “...”

    แต่อยู่ ๆ วันหนึ่งพวกคุณก็มาช่วยผม

     

     
     

    ภาพหิมะขาวโพลนเต็มถนน...ภาพสายฝนที่ตกมาอย่างหนัก...เสียงปืนและใบหน้าของแต่ละคนที่เขาเพิ่งเจอเมื่อครู่นี้...ภาพทุกอย่างมันกำลังซ้อนทับกันไปหมด ภาพตอนโอเซฮุนที่ยืนอยู่ตรงหน้า...สายตาของเด็กคนนั้นที่มองมาและเสียงของเขาที่กำลังพูดกับเด็กคนนั้น...

     

     

    จริงอยู่ที่ผมถูกกัดแล้วไม่ตาย

    โดนยิงก็ต้องไม่ตายเหมือนกัน กรุณาทำตามกฏเหล็กข้อที่หนึ่งด้วย

    แล้วกฎเหล็กข้อที่สองล่ะครับ

    ทำไมไม่รู้จักจำเวลาฉันพูด?’

    พูดอีกครั้งเถอะครับผมอยากฟัง

     

     

    ภาพเหตุการณ์เมื่อวานที่เขากับโอเซฮุนออกไปหาเสบียงด้วยกัน ในป่าที่เต็มไปด้วยหิมะสีขาว เขาทั้งสองคนหยุดอยู่ที่หน้าบ้านร้าง...เด็กคนนั้นยืนอยู่หน้าประตูพร้อมรอยยิ้มที่ส่งมายังเขา

     

     

    ผมจะเปิดประตูแล้วนะ ถ้าเกิดมีตัวอะไรโผล่มาอย่าลนลาน เข้าใจไหมครับ?’’

     

     

    ริมฝีปากของโอเซฮุนที่กำลังพูดถึงกฎบ้าบออะไรนั่นซึ่งตอนแรกเขาไม่คิดจะใส่ใจและเห็นว่ามันไร้สาระ แต่ตอนนี้มันกำลังหยุดฝีเท้าของคิมจงอินให้หยุดอยู่กับที่ได้เมื่อเสียงในความทรงจำของเขา...มันเหมือนกับคำพูดของโอเซฮุนเมื่อวานนี้ไม่มีผิด...

     

     

    ฉันจะพูดให้ฟังอีกครั้งแล้วนายก็ไม่ต้องจำมัน เพราะฉันจะตอบทุกครั้งถ้านายจำมันไม่ได้

    กฎเหล็กข้อแรกคือห้ามตาย

    กฎข้อที่สองคือต้องมีสติ อย่าลนลาน

    กฎข้อที่สาม...

     

     

     

    นายต้องกลับมาหาฉัน

    คุณต้องกลับมาหาผม

     

     


    จงอิน?”

    “...”

    จงอิน? คุณเป็นอะไรหรือเปล่า?”

    ชายหนุ่มหลุดออกจากความคิดก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายที่กำลังมองมาอย่างเป็นห่วง จงอินเสยผมขึ้นพลางกลอกตาไปมาเพื่อตั้งสติ เขาเพียงแค่ส่ายหน้าเป็นเชิงบอกว่าไม่เป็นไรทั้งที่ตอนนี้ในความรู้สึกมันเกินกว่าคำว่า เป็นอะไรเสียอีก

    ไปกันเถอะ

     

     

     

     

    ขอบคุณครับ

    ผมจะออกไปปั้มน้ำมันสักหน่อย ถ้าคุณยูริกับน้องสาวของเธอต้องการอะไร รบกวนคุณเป็นธุระให้ทีนะ

    ครับเด็กหนุ่มพยักหน้าก่อนจะรับกระเป๋ามาจากมืออีกคน อี้ฟานเดินออกไปข้างนอกและเปิดประตูทิ้งไว้เพื่อให้อากาศถ่ายเท เด็กหนุ่มเอาเสื้อผ้าออกมาแขวนไว้ในตู้ ถึงจะไม่คุ้นที่แต่มันก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา

    เซฮุนสะดุ้งทันทีที่หันหลังไปแล้วเห็นใครคนหนึ่งยืนพิงขอบประตูอยู่ ใบหน้าเรียบเฉยของอีกฝ่ายนั้นทำให้เขานึกถึงช่วงแรก ๆ ที่ได้รู้จักจงอินไม่มีผิด

    เก็บของเรียบร้อยแล้วเหรอครับ

    ไม่จำเป็นต้องเก็บหรอก อยากใช้ตอนไหนก็แค่คุ้ยจากกระเป๋าออกมาใส่จงอินตอบแค่นั้นแล้วเดินเข้ามาในห้อง สองขาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเด็กหนุ่มที่หลุบสายตาลงเพื่อเลี่ยงการมองเขา ก็เอาเถอะ...เพราะถ้าขืนสบตากันนาน ๆ อาจจะกลายเป็นเขาเองที่ต้องหลบตาไป ห้องก็กว้าง ทำไมต้องแยกกันอยู่

    ผมไม่อยากให้คุณอึดอัด

    เหรอ? แล้วทำไมก่อนหน้านี้ฉันกับนายถึงนอนเตียงเดียวกันได้ล่ะ?”

    คุณถามแบบนี้ผมจะตอบยังไงดีครับเด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายที่ความสูงพอ ๆ กัน เมื่อก่อนเราอยู่ด้วยกันได้เพราะคุณยังไม่ได้ลืมทุกอย่างไปแบบนี้ และเมื่อคืนมันก็เป็นคำตอบได้แล้วว่าเราควรแยกกันนอน

    คำตอบอะไร

    คุณอึดอัด

    ฉันจำไม่ได้ว่าเคยพูดแบบนั้น

    แต่คุณแสดงออก

    แต่ในเมื่อฉันไม่ได้พูด นายจะมายัดเยียดทำไมวะ?”

    แล้วคุณจะพูดเรื่องนี้เพื่ออะไรครับ เราก็แค่แยกกันอยู่ มันไม่สำคัญอะไรกับคุณอยู่แล้ว

    “...” จงอินมองคนตรงหน้าแล้วก็พูดไม่ออก มันถูกต้องทุกอย่างเลย การที่เขากับโอเซฮุนแยกกันนอนมันก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญสักนิด แล้วทำไมถึงต้องสนใจด้วยว่าเด็กนี่จะรู้สึกยังไง

    ขอโทษครับ ผมแค่รู้สึกเหนื่อย ๆเซฮุนเอี้ยวตัวหันกลับแต่ก็ถูกคว้าแขนเอาไว้ เด็กหนุ่มหันกลับมามองอีกคน แววตาของจงอินที่มองเขานั้นเต็มไปด้วยความสงสัย

    ไหนบอกว่ากลัวผี?”

    “...”

    ถ้านอนคนเดียวได้แล้วเมื่อคืนคืออะไร

    “...”

    นายกำลังทำให้ฉันหงุดหงิดรู้ตัวบ้างไหมโอเซฮุน?” ชายหนุ่มยังไม่ละสายตาออกจากอีกฝ่าย ตั้งแต่สายตาของนายที่มองฉัน กับปากที่เอาแต่พูดอะไรก็ไม่รู้

    เซฮุนแทบจำไม่ได้แล้วว่าครั้งสุดท้ายที่รู้สึกใจเต้นแรงแบบนี้มันเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ผู้ชายคนนี้กำลังค่อย ๆ ผ่อนแรงออก อาจเป็นเพราะว่าจงอินเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเขาอาจจะเจ็บ

    ฉันกับนาย...เราสนิทกันมากแค่ไหน?”

    “...”

    มีคำถามอยู่ในหัวเต็มไปหมด แต่ฉันไม่รู้แม้แต่วิธีพูดมันออกมา ฉันกำลังจะเป็นบ้าอยู่แล้วเพราะตอนนี้ในหัวของฉันมีแต่เรื่องของนาย

    “...”

    พูดมาสิโอเซฮุน บอกว่าฉันแค่คิดมากไปเอง เราก็แค่คนรู้จักกัน

    ประโยคกดดันมาพร้อมแววตาคู่นั้น เซฮุนกำมือแน่นจนรู้สึกเจ็บไปหมด เขาต้องใช้ความพยายามอย่างหนักที่จะไม่โผเข้ากอดผู้ชายคนนี้แล้วพูดความในใจออกไปจนหมดสิ้น แน่นอนว่าวิธีนั้นมันไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นมาในเมื่ออีกฝ่ายจำอะไรไม่ได้ กลับกันแล้วมันอาจจะทำให้จงอินตีตัวออกห่างมากกว่าที่เป็นอยู่ก็ได้

    โอเซฮุนแค่พยายามขีดเส้นคั่นไว้ไม่ให้ตัวเขาเข้าใกล้จงอินมากไปกว่านี้ เพราะยิ่งใกล้เท่าไหร่ก็ยิ่งอยากพูดความในใจออกไป จงอินก็ยังเป็นจงอิน ผู้ชายที่เคยหยาบคายทางคำพูดและการกระทำแต่เขากลับไม่เคยรู้สึกว่ามันน่ารังเกียจ และจงอินก็ยังเป็นจงอิน คนที่เคยทำให้ใจเต้นแรงและทำให้มันเต้นแผ่วลงได้

    แต่ตอนนี้มันต่างไปจากเดิมก็แค่...คิมจงอิน...ไม่ใช่ของโอเซฮุนอีกต่อไปแล้ว

    คุณ...อย่าชอบคุณซูยอนมากไปกว่านี้ได้ไหมครับ

    “...”

    ผมรู้ว่ามันยากที่จะทำแบบนั้น แต่จนกว่าคุณจะจำทุกอย่างได้...อย่ารู้สึกกับเธอมากไปกว่านี้ได้ไหม

    เสียงของเด็กคนนี้กำลังสั่น แม้ว่าโอเซฮุนจะพยายามกลืนมันลงคอแล้วปรับให้อยู่ในโทนปกติก็ตาม จงอินค่อย ๆ คลายมือออกจากแขนเด็กหนุ่ม เขากำลังจะสติแตกเพียงเพราะสังเกตเห็นว่าดวงตาคู่นั้นกำลังคลอไปด้วยน้ำตา

    เหตุผลล่ะ? เหตุผลอะไร? นั่นคือสิ่งที่คิมจงอินอยากรู้...แต่เหนือความอยากรู้นั้นยังมีความสับสนเมื่อตอนนี้เขากำลังทนมองหน้าโอเซฮุนต่อไปไม่ไหวเพราะความรู้สึกผิดที่ตีตื้นขึ้นมาอีกแล้ว เขาหงุดหงิด อารมณ์เสีย และอยากจะเป็นบ้าตายจริง ๆ

    ฉันจะกลับบังกะโลพูดจบก็เอี้ยวตัวหันหลังกลับและไม่ลืมที่จะปิดประตูให้ เด็กหนุ่มยืนนิ่งเงียบอยู่กับความว่างเปล่าที่โรยตัวอยู่โดยรอบและคาดหวังว่าผู้ชายคนนั้นจะเปิดประตูกลับมาอีกครั้ง แต่มันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

     

     
     

    จงอินไปแล้ว...

     

     
     

    น้ำตาอุ่นไหลลงออกมาอาบแก้มทั้งที่ไม่ได้บีบมันออกมา เด็กหนุ่มทรุดตัวนั่งลงกับขอบเตียงราวกับคนไม่เหลือเรี่ยวแรง เมื่อกี้เกือบพูดออกไปแล้วว่าระหว่างเขากับจงอินนั้นมันเป็นมากกว่าที่คิด โอเซฮุนอยากขอบคุณตัวเองจริง ๆ ที่ยั้งปากไว้ทัน...ไม่งั้นทุกอย่างต้องแย่ลงไปกว่านี้แน่

    แต่ทำไมมันถึงเจ็บแบบนี้ล่ะ การที่เห็นคนรักอยู่ตรงหน้าแต่มันกลับไม่มีอะไรเหมือนเดิมเลยสักอย่างแม้กระทั่งแววตาที่มองมา ไม่อยากตอกย้ำตัวเองเลยว่าตอนนี้จงอินมองเขาแบบไหน อาจจะคนแปลกหน้า? หรือถ้าดีหน่อยก็คงเป็นแค่เด็กคนหนึ่งที่เคยหนีตายมาด้วยกัน และตอนนี้คนที่ผู้ชายคนนั้นกำลังรู้สึกดีด้วยคือจองซูยอน

     

     

    ...โอเซฮุนจะทนอยู่กับความรู้สึกนี้ไปได้ถึงเมื่อไหร่

     

     


     

     


    เปลือกตาลืมขึ้นทั้งที่ร่างกายยังไม่อยากตื่น สิ่งแรกที่เห็นคือผู้ชายคนหนึ่งนั่งพิงกับผนังบนเตียงฝั่งตรงข้าม มือนั้นถือหนังสือเอาไว้เล่มหนึ่งก่อนที่ดวงตาคู่นั้นจะมองมายังเขา

    “Did I wake you up?” (ผมทำคุณตื่นเหรอ?)

    “"Do I look like an anxious man who wakes up just because the sound of flipping papers?” (ผมไม่ใช่คนขี้ระแวงถึงขั้นว่าจะสะดุ้งตื่นเพราะเสียงเปิดหน้าหนังสือหรอกนะ) พูดจบคนที่นั่งอยู่บนเตียงฝั่งตรงข้ามก็หัวเราะเบา ๆ “How long have I slept? (ผมหลับไปนานแค่ไหน?)

    “Almost four hours. Do you wanna get some more rest?” (สักสี่ชั่วโมง คุณอยากนอนต่อหรือเปล่า?)

    “Nah. I'd rather see how it is going with Jongdae” (ไม่ล่ะ ผมว่าจะลุกไปดูอาการจงแดสักหน่อย) บุรุษพยาบาลหนุ่มลุกขึ้นนั่งพลางถอนหายใจกับอาการปวดหนึบตรงขมับที่ยังไม่ดีขึ้นเท่าที่ควร

    “Yixing.” (อี้ชิง)

    “Huh?” (หืม?)

    “Jongin and Sehun are back.(จงอินกับเซฮุนกลับมาแล้ว)

    What?(ว่าไงนะ?) จากที่เคยสะลึมสะลือถึงกับตื่นเต็มตา บุรุษพยาบาลหนุ่มมองไปยังคนที่กำลังพับหนังสือเก็บแล้วประสานมือไว้บนตัก

    With two ladies. They saved Jongin's life. I want to have a word with you before you go to see Jongdae.(คราวนี้มาพร้อมกับผู้หญิงอีกสองคน เธอช่วยจงอินไว้ ก่อนไปดูอาการจงแดผมมีเรื่องอยากปรึกษาคุณนิดหน่อย) ชานยอลว่าและอี้ชิงก็พยักหน้ารับหลังจากให้สมองประมวลผลอยู่หลายวินาที

    Go on.(ว่ามาสิ)

    Do you happen to know anything about losing memories?(คุณพอจะรู้เรื่องสูญเสียความทรงจำหรือเปล่า?)

    Hmmm...Amnesia you mean? I've heard some of that but never take care of such thing.” (หืม...หมายถึงความจำเสื่อมเหรอ? ก็พอได้ยินมาบ้างแต่ก็ไม่เคยเข้าไปดูแลทางนั้นหรอก)

    Yes. Now Jongin can't remember anything. Is it possible that he might have lost his memories?(ครับ เพราะตอนนี้จงอินจำอะไรไม่ได้เลย มันจะเป็นไปได้ไหมว่าเขาอาจจะความจำเสื่อม?) ชายหนุ่มถาม ซึ่งอี้ชิงก็ไม่ได้ตอบในทันที คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันระหว่างใช้ความคิดกับประสบการณ์ที่เคยเห็นมา

    How's it going with him?” (อาการเขาเป็นยังไง?)

    As I heard from Sehun and what I've seen with my eyes, he can't remember any of us. It seems like he vaguely remember some of our faces sometimes but so confused. Like he's nervous being with strangers.(จากที่ฟังเซฮุนเล่าและที่เห็นมากับตา เขาจำใครไม่ได้ แต่ยังมีความรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาคนอื่นอยู่บ้าง ดูสับสน ระแวงคนแปลกหน้าพอสมควร)

    "I see...(งั้นเหรอ...) บุรุษพยาบาลหนุ่มพูดกับตัวเองเบา ๆ Anyway, most of the cases always happen with elders.(ก่อนอื่นผมต้องบอกคุณก่อนว่าโรคความจำเสื่อมนี่ส่วนมากจะเกิดขึ้นกับคนอายุมากแล้วนะ) อี้ชิงมองอีกฝ่าย Most of them forget about what has just happened like forgetting that they have just eaten, where they have left things, keep saying what they have just said or asking same question. Some of them may lose their ability to do something. Peeing on themself is the worst case(คร่าว ๆ ว่าจะหลง ๆ ลืม ๆ กับเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น เช่นลืมว่ากินข้าวไปแล้ว ลืมว่าวางของไว้ตรงไหน พูดประโยคเดิมซ้ำ ๆ หรือถามซ้ำ ๆ ความสามารถที่เคยทำได้ก็จะลดลง หนักสุดน่าจะเป็นฉี่ราด)

    What about somebody who got hit hard on his head? Is it possible that he can't remember things because some part of his brain might be destroyed?(แล้วถ้าจำเรื่องในอดีตไม่ได้เพราะถูกตีหัวแรง ๆ ล่ะ? มันจะเป็นไปได้ไหมว่าสาเหตุมันมาจากสมองส่วนความจำได้รับความกระทบกระเทือน?) ถึงจะมีความเชื่อในใจอยู่แล้วแต่ชานยอลก็ยังเลือกที่จะถามอีกฝ่ายเพื่อยืนยันว่าเขาไม่ได้อุปทานไปเอง อี้ชิงหลุบตาลงพลางเลียริมฝีปากก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตากับชานยอล

    We should focus on which part that was hit.(ต้องดูด้วยว่าถูกตีส่วนไหน)

    From the nape of his neck to here. Maybe more than twice.(ช่วงท้ายทอยมาจนถึงตรงนี้ ผมว่าอาจจะถูกตีมากกว่าสองครั้ง) ชานยอลเลื่อนมือขึ้นไปบนศีรษะตัวเองให้อีกฝ่ายดู

    Almost possible. Did he get hit there?(งั้นก็มีสิทธิ์เป็นไปได้สูง เขาถูกตีตรงนั้นเหรอ?)

    “Yes. On the day he went to rescue Sehun. All of us thought he was dead because Luhan and Minseok also couldn't find him.” (ครับ วันที่ไปช่วยเซฮุนออกมา เราทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์เคยคิดว่าเขาตายแล้วเพราะลู่หานกับมินซอกออกไปตามหาก็ไม่เจอ)

    “So it's more likely that he might have lost his memories.(งั้นมันคงเป็นไปได้ถ้าจะบอกว่าเขาสูญเสียความทรงจำ) อี้ชิงขมวดคิ้ว

    Kahi said she used to have a friend who lost her memories after she fell and her head hit the floor. But it was last only three days while this has been almost a month for Jongin.(คุณกาฮีบอกว่าเธอเคยมีเพื่อนที่เคยสูญเสียความทรงจำเพราะลื่นหกล้มหัวฟาดพื้นในห้องน้ำ แต่ก็แค่สามวัน ซึ่งในกรณีของจงอินมันผ่านไปเป็นเดือนแล้ว)

    “Sure. The effect on each person is different. For her friend, it depends on the weight of her body and the way she fell, how much it affected to the memorized part of her brain. Which is quite different from being hit on the head. If it wasn't serious much then it may be faster to recover? So Jongin can't remember anything? At all?” (แน่นอนอยู่แล้ว เพราะการได้รับผลกระทบของแต่ละคนไม่เหมือนกัน เพื่อนของคุณกาฮีลื่นล้มมันต้องอยู่ที่น้ำหนักการทิ้งตัวด้วยว่าสมองส่วนความจำของเธอนั้นได้รับการกระทบกระเทือนมากแค่ไหน ซึ่งมันไม่เหมือนการถูกฟาดหัว มันค่อนข้างที่จะต่างกันนะ ถ้าไม่สาหัสมากก็อาจจะฟื้นความจำได้เร็วขึ้นมั้ง? แล้วจงอินจำอะไรไม่ได้สักอย่างเลยเหรอ?)

    “Sehun said he can recognize just something.(เซฮุนบอกว่าเขาพอจะนึกออกในบางเรื่องน่ะ)

    So we need to encourage him.(งั้นก็ต้องช่วยกระตุ้นกันหน่อย)

    “Yifan said it so.(อี้ฟานก็บอกแบบนี้) ชานยอลยิ้มเล็กน้อยที่พวกเขาทั้งสามคนมีความคิดที่เหมือนกัน

    You guys has already talked and just come asking me? Damn it.(คุยกันแล้วค่อยมาถามผมเหรอเนี่ย? ให้ตายเถอะ) บุรุษพยาบาลหนุ่มส่ายหน้าแล้วลุกขึ้นยืดเส้นยืดสาย “Have you been to material shop?” (ออกไปร้านอุปกรณ์กันมาแล้วหรือไง?)

    “Not yet. I'm thinking about tomorrow morning.(ยังหรอก กะว่าจะไปพรุ่งนี้เช้าน่ะ) ร่างสูงเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายที่หันมาพร้อมกับรอยยิ้มซึ่งคาดเดาไม่ถูกว่าจางอี้ชิงกำลังคิดอะไรอยู่

    “Why don't you bring Jongin with you. I think putting him in his job will be a great encouragement.” (งั้นก็พาจงอินไปด้วยสิ ผมคิดว่าการลงสนามน่าจะเป็นการกระตุ้นที่ดี)

     

     

     

     

    มีอะไรให้ฉันช่วยไหมคะ?”

    ปาร์คกาฮียิ้มเจื่อนทันทีที่หันไปเห็นว่าจองซูยอนโผล่หน้าเข้ามาในห้องครัว หญิงสาวเอามือไขว้หลังเดินมาหยุดอยู่ข้าง ๆ อีกคนพลางกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ก่อนจะชะเง้อหน้ามองอาหารในหม้อแล้วก็ยิ้มให้

    คุณทำเองหมดเลยเหรอ

    ค่ะ

    คงเหนื่อยแย่เลยสิ ทำไมคนอื่น ๆ ถึงไม่มาช่วยคุณเลยล่ะ? หรือพวกเขาคิดว่ามันเป็นหน้าที่ของผู้หญิง?”

    ถ้าเทียบกับคนที่ต้องออกไปหาเสบียง สิ่งที่ฉันทำยังน้อยไปด้วยซ้ำค่ะ อีกอย่าง...พวกเราทุกคนต่างมีหน้าที่ที่ต้องทำ และการเข้าครัวมันไม่ใช่เรื่องเหนือบ่ากว่าแรงกาฮียิ้มแล้วตักซุปใส่ถ้วยใหญ่

    ที่นี่มีผู้หญิงแค่คนเดียวเองเหรอคะ?” ซูยอนชะเง้อหน้ามองหาเผื่อว่าจะเห็นผู้หญิงรุ่นราวคราวเดียวกันซ่อนตัวอยู่หลังบ้าน จะว่าไปแล้วเธอก็ไม่เห็นผู้หญิงอีกเลยนอกจากครูคนนี้

    ค่ะ เหลือแค่ฉัน

    อ่า...ไม่รู้เลยว่าจะชวนคุยต่อยังไงหลังจากได้ยินแบบนี้ ซึ่งคำว่า เหลือแค่ก็น่าจะเป็นคำตอบได้แล้ว ฉันช่วยนะซูยอนเอื้อมไปเอาชามอีกใบมาให้ ฉันเรียกคุณว่าพี่ได้ไหมคะ?”

    ถ้าไม่รังเกียจ ฉันก็ยินดีค่ะครูสาวตอบพร้อมรอยยิ้ม แน่นอนว่ามันทำให้หญิงสาวใจชื้นขึ้นมาบ้างหลังจากทนอึดอัดในห้องอยู่นาน

    ไม่เลย ๆ ฉันดีใจที่ได้รู้จักพวกพี่นะกาฮีไม่ได้ตอบอะไร เธอกำลังสนใจอยู่กับมื้อเย็นที่จวนจะเสร็จแล้ว

    ขอบคุณที่ช่วยจงอินไว้นะคะ คุณกับพี่สาวทำให้ใครหลายคนมีกำลังใจในการใช้ชีวิตอยู่ต่อ

    อย่างเช่นใครคะ เซฮุนเหรอ?” ซูยอนถามก่อนจะหันซ้ายขวาเพื่อหาจุดวางช้อนกับตะเกียบ เธอใช้เวลาง่วนอยู่ตรงนั้นแค่ครู่เดียวก็หาเจอ

    ทุกคนแหละค่ะ แต่ถ้าพูดถึงว่าใครสนิทกับเขาที่สุดก็คงเป็นเซฮุนกับลู่หานเธอยิ้ม

    จากที่เห็นความพยายามของเด็กคนนั้นแล้วฉันก็เชื่อที่พี่บอกเลยซูยอนหัวเราะ

    ยังไงเหรอ?”

    ก็เซฮุนเขาไม่ยอมกลับอุทยานถ้าจงอินไม่ยอมไปด้วยกันน่ะสิคะ

    ถ้าเป็นคุณจะทำยังไงเหรอคะ?” กาฮียิ้มเล็กน้อยพร้อมตักข้าวใส่ถ้วยสแตนเลสทีละใบ สมมติว่าคุณยูริหายตัวไป แล้วอยู่ ๆ วันหนึ่งคุณได้เจอกันอีกครั้ง แต่เธอกลับจำคุณไม่ได้เลย

    ฉันก็คงพยายามทำให้ยัยนั่นจำให้ได้เธอพูดในท่าทีสบาย ๆ จนอดไม่ได้ที่จะหันไปมอง อาจจะต้องเคาะหัวหลาย ๆ ทีหน่อยซูยอนหันมาทำตาโตพร้อมทำมือประกอบก่อนจะหัวเราะออกมา

    คุณดูเป็นคนร่าเริงนะ

    ฉันก็แค่ไม่อยากเศร้าน่ะ สงสารตัวเองรอยยิ้มบนใบหน้าเปลี่ยนไป ราวกับว่าคำพูดของปาร์คกาฮีได้ดูดเอาความสดใสออกจากตัวเธอมา แค่ทำให้ทุกวันผ่านไปโดยไม่ตายก็เครียดจะแย่แล้ว ฉันเลยไม่อยากให้ตัวเองจมกับความเศร้าน่ะ

    เป็นความคิดที่ดีนะ ฉันเห็นด้วย

    พี่ก็ต้องยิ้มเยอะ ๆ นะ ลักยิ้มของพี่น่ารักจะตายซูยอนก้มหน้าเล็กน้อยเพื่อมองใบหน้าอีกฝ่ายให้ชัด ๆ ครูสาวมองอีกคนอย่างเอ็นดูก่อนจะพยักหน้ารับ พี่คะ

    คะ?”

    คนไหนคือสามีพี่เหรอ? ใช่คุณอี้ฟานหรือเปล่า?” ประโยคนี้ทำเอามือเรียวหยุดชะงัก ปาร์คกาฮีหันไปมองหน้าหญิงสาวที่กำลังฉายแววตาสงสัยก่อนจะรีบปล่อยมืออกจากทัพพีพลาสติกสีขาวแล้วโบกมือปฏิเสธ

    ไม่ใช่ค่ะ ฉันยังไม่ได้แต่งงาน

    อ่า...เห็นยืนอยู่ข้างกันเลยคิดว่าเป็นสามีภรรยากันซะอีก ตรรกะเพี้ยน ๆ น่ะ พี่อย่าถือสาฉันเลยนะเธอยิ้มขำก่อนจะพึมพำกับตัวเองเบา ๆ น่าแปลกดี...

    ยังไงเหรอคะ?”

    ก็ซูยอนเม้มปากแล้วหันหน้าเข้าหาอีกฝ่าย ไม่เอาดีกว่า

    คุณอยากพูดอะไรหรือเปล่าซูยอน?” พอเห็นอีกฝ่ายมีความลับเลยอดที่จะสงสัยไม่ได้

    ฉันไม่อยากให้พี่รู้สึกไม่ดีกับคำถามนี้น่ะ เพราะงั้นช่างมันเถอะนะหญิงสาวยิ้มเจื่อนก่อนจะยื่นถ้วยสแตนเลสใบใหม่ให้รุ่นพี่

    พูดมาเถอะค่ะ เพราะสำหรับฉันมันคงไม่มีอะไรแย่ไปกว่าการตายอีกแล้วกาฮีตักข้าวใส่ถ้วยต่อไป เธอไม่ได้รบเร้าอีกฝ่ายจนน่ารำคาญใจ

    ตอนนี้ทุกอย่างมันแย่ไปหมดน้ำเสียงของจองซูยอนไม่ได้สดใสร่าเริงเหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้ว ครูสาวชะงักไปแค่ครู่เดียวก่อนขานตอบในลำคอเพื่อให้คนข้าง ๆ เล่าต่อไป โลกมันน่ากลัว คนที่ตายแล้วก็ไม่ตาย พวกเขาลุกขึ้นมาอีกครั้งเพื่อเอาชีวิตคนอื่นไปด้วย

    “...”

    ส่วนคนที่ยังเหลืออยู่ ถ้าไม่แล้งน้ำใจก็คงเลวสุด ๆ ไปเลยสิ่งที่ปาร์คกาฮีมองเห็นในตอนนี้มีเพียงแค่แขนเสื้อกันหนาวไหมพรมของคนข้าง ๆ ที่เลยพ้นข้อมือจนเกือบคลุมนิ้วเรียวทั้งห้าได้แล้ว แน่นอนว่าตอนนี้เธอกำลังคิดตามกับสิ่งที่จองซูยอนพูด

    ค่ะ

    ฉันแค่ประหลาดใจที่เห็นพี่ใช้ชีวิตอยู่อย่างปกติโดยที่ไม่ตกเป็นเบี้ยล่างของพวกผู้ชายเหมือนที่ฉันเคยเห็นน่ะเธอยิ้มบาง ๆ ผู้ชายก็เห็นแก่ตัวกันทั้งนั้น พวกเขาทำให้โลกนี้น่ากลัวมากกว่าเดิม

    แต่ไม่ใช่กับคนที่นี่กาฮีตอบเสียงเรียบ พวกเขาปฏิบัติกับฉันเหมือนคนครอบครัว และกับคุณสองคนก็เช่นกัน

    “...”

    ถ้าคุณจะถูกทำร้าย แน่นอนว่าคนที่ทำอย่างนั้นต้องไม่ใช่พวกเรา

    “...”

    ไม่ว่าคุณจะกังวลอะไรอยู่ แต่ไม่ต้องกลัวนะครูสาวยิ้มขณะสบตากับหญิงสาวที่ไม่มีแม้แต่รอยยิ้มให้กับเธอ ตอนนี้แววตาของจองซูยอนนั้นเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและประหม่า ซึ่งเธอก็พอจะเข้าใจว่าเหตุผลอะไรที่ทำให้ผู้หญิงคนนี้ไม่กล้าพักห้องเดียวกับคนอื่นนอกจากพี่สาวของเธอ

    ขอบคุณนะคะ...พี่สาว

     

     

     

     

    ทนนั่งอยู่กับความอึดอัดเกือบยี่สิบนาทีคิมจงอินก็ลุกออกมาก่อนหลังจากถูกไอ้เด็กปากดีที่ชื่อหวงจื่อเทาไล่ต้อนเอาซะจนมุม สีหน้าของหมอนั่นดูยังไงก็รู้ว่าหาเรื่อง ไม่มีความเป็นมิตรเลยสักนิด อยากจะถามกลับไปเหลือเกินว่าก่อนหน้านี้เคยมีเรื่องบาดหมางอะไรกันหรือเปล่า ทำไมถึงได้เอาแต่ยิงคำถามที่ทำให้เขาตอบไม่ได้แบบนั้น

     

     
     

    มึงเอาอะไรคิดถึงได้ยกห้องให้คนอื่นนอน โชว์แมนเหรอ?’

    ก่อนจะทำอะไรมึงน่าจะถามคนที่เคยอยู่ที่นี่ก่อน ไม่ใช่ตัดสินเอาเองทั้งที่จำห่าอะไรไม่ได้เลย

    เซฮุนต้องย้ายของออกไปอยู่บังกะโลเพราะมึง

     

     
     

    นั่นแค่ตัวอย่างที่นึกออกนะ...น่าหงุดหงิดจริง ๆ ให้ตาย มีแค่ครูคนนั้นคนเดียวมั้งที่ช่วยห้ามไอ้เด็กปากหมาเอาไว้ก่อนที่เขาจะหมดความอดทนลุกขึ้นไปต่อยมันสักหมัด โอเซฮุนก็ไม่ออกมากินข้าว ก็อยากถามหรอกว่าเป็นอะไรแต่พอเห็นผู้ชายที่ชื่อปาร์คชานยอลบอกว่าจะเอาข้าวไปให้เด็กนั่นก็เลยต้องนั่งทนอมขี้ฟันต่อไป แต่ก็แค่แป๊บเดียวเท่านั้นแหละ

    แต่ประเด็นคือทำไมตอนนี้ขาถึงได้พาเข้ามาในบ้านหลังที่สอง และที่ยืนอยู่ตอนนี้คือหน้าประตูห้องที่ใคร ๆ ก็ว่าเขาเคยพักอยู่กับโอเซฮุน แน่นอนว่าคิมจงอินไม่ได้มาที่นี่เพราะแรงคิดถึงจองซูยอน เพราะยัยนั่นก็ยังนั่งกินข้าวอยู่กับคนอื่น ๆ อยู่หน้ากองไฟ

    มือหนาเสยผมขึ้นอย่างหัวเสีย ตั้งแต่เมื่อตอนกลางวันที่คุยกับเด็กนั่นเขาก็รู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก จากตอนแรกที่ตั้งใจว่าลืม ๆ เรื่องในอดีตไปซะแล้วเริ่มต้นใหม่กับสองพี่น้องนั่นแทนที่จะมาพยายามคิดว่าตัวเขาเคยเป็นใคร

     

     

    แต่เดี๋ยวนะ...

     

     

    ไม่อยากรู้เหรอครับว่าคุณมีครอบครัวกี่คน ไม่อยากรู้เหรอว่าก่อนหน้านี้คุณรักใคร

    ที่มึงถามว่าจำไม่ได้เหรอว่าก่อนหน้านี้กูเคยรักใครน่ะ...มึงหมายความว่ากูมีคนรักอยู่แล้วเหรอวะ?’

    ถ้าผมตอบว่าใช่...คุณจะเชื่อไหม’     

     

     

    ถ้าโอเซฮุนพูดแบบนี้...นั่นก็หมายความว่าคนรักของเขาก็ต้องอยู่ที่นี่น่ะสิ...และเท่าที่เห็นในอุทยานก็มีผู้หญิงแค่คนเดียวคือครูสาวคนนั้น ซึ่งท่าทางการแสดงออกและแววตาที่มองมาก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกว่าคิมจงอินพิเศษสำหรับเธอเลยสักนิดเดียว

     

     

    มันจะใช่เธอจริง ๆ น่ะเหรอ?

     

     

    ขอทางหน่อยชายหนุ่มหลุดออกจากความคิดแล้วถอยออกไปทางด้านข้างสองก้าวก่อนจะหันกลับไปมองต้นเสียง และก็ได้เห็นเด็กแว่นที่ยืนทำหน้านิ่งอยู่ จำได้ว่าหมอนี่คอยเดินตามหลังไอ้คนที่ชื่อลู่หาน

    เชิญพูดจบก็ผายมือให้ เด็กแว่นก็เพียงแค่ถอนหายใจหน่าย ๆ แล้วถือกะละมังใบเล็กออกไป ได้ยินเสียงบ่นแว่ว ๆ ว่า ประสาทซึ่งเขาเพียงแค่ไหวไหล่อย่างไม่ใส่ใจเท่านั้น โดนเหม็นขี้หน้ามันทั้งอุทยานนี่แหละ สบายใจชิบหาย

    หันไปทางประตูอีกห้องที่คิดว่าเด็กนั่นคงเพิ่งเดินออกมา ถึงคิมจงอินจะจำอะไรไม่ได้แต่ก็พอเรียบเรียงสถานการณ์เป็นอยู่ เด็กคนนั้นคงเพิ่งเช็ดตัวให้คนที่ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนสนิทของเขาที่ไอค่อกแค่กอย่างกับหมา และแน่นอนว่าไอ้คนที่ชื่อลู่หานต้องนอนซมอยู่ในห้องนั้น

    ในเมื่อเข้ากับใครก็ไม่ได้ คุยกับโอเซฮุนก็หงุดหงิดตัวเอง เพราะงั้นการสานสัมพันธ์กับคนที่นี่ก็คงเริ่มต้นกับไอ้คนที่เรียกว่าเพื่อนสนิทดีกว่า จะได้รู้กันไปเลยว่ามันจะมีอะไรดีขึ้นบ้างไหม ถ้าโชคดีก็คงได้ความทรงจำคืนมาบ้างสักนิด

     

     

     

     

    ตอนนี้คิมจงอินชักจะอยากรู้ขึ้นมาแล้วสิ...ว่าคนที่เขาเคยรักคือใคร?

     

     

     

     

    TBC

     

     

     ขอบคุณ @pinkkieeee ที่ช่วยแปลอิงค์ให้ค่ะ

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×