ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ZOMBIES HARD CREEPER | KAIHUN CHANBAEK FT.EXO

    ลำดับตอนที่ #7 : Chapter 6 :: Rest In Peace

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 20.26K
      298
      16 พ.ย. 56

    © Tenpoints!

     

     

     

     

    Chapter 6

    Rest In Peace

     

     

    พลั่วสีดำปักลงกับพื้นดินซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนกลายเป็นหลุมลึกเกือบเท่าเอว หยาดเหงื่อที่เกิดขึ้นเพราะความร้อนของแสงแดดและความเหนื่อยล้าเป็นสิ่งบ่งบอกได้ดีว่าบยอนแบคฮยอนใช้เวลาในการขุดหลุมมานานมากแค่ไหน มือที่ไม่เคยใช้งานหนักขึ้นริ้วแดงจนถลอกปอกเปิกแต่เขากลับไม่ยอมลดความตั้งใจ

    ชายหนุ่มทั้งสามได้เพียงแค่ยืนมองศพห่อด้วยผ้าปูเตียงสีขาวที่นอนอยู่ข้าง ๆ หลุม ถึงจะเป็นห่วงแต่พวกเขาตัดสินใจแล้วว่าจะไม่เข้าไปขัดขวาง อี้ฟานบอกว่าถึงว่าแล้วที่แบคฮยอนจะต้องเข้มแข็งและลุกขึ้นยืนด้วยตัวเองให้ได้ ลู่หานทอดสายตามองไปยังคนตัวเล็กที่เอาแขนเสื้อขึ้นปาดเหงื่อก่อนจะยืนหอบหายใจหนัก เสื้อฮู๊ดสีครีมเต็มไปด้วยคราบสกปรกของฝุ่นดินหมดสภาพลูกคุณหนูอย่างที่เคยเป็น

    ตัวก็แค่นั้น เป็นลมขึ้นมาจะหัวเราะให้ ลู่หานพึมพำ อี้ฟานยีหัวคนตรงหน้าที่ทำท่าทางไม่พอใจที่เห็นคนตัวเล็กเป็นแบบนั้น ทั้งที่ลู่หานเสนอตัวเข้าไปช่วยขุดหลุมแต่กลับถูกแบคฮยอนไล่กลับเข้ามาในบ้าน

    ปล่อยให้เขาทำไปเถอะ

    เออไง จะได้ไม่เหนื่อย ลู่หานยักไหล่แล้วนั่งลงกับขั้นบันได เท้าคางมองคนตัวเล็กที่ก้มหน้าก้มตาขุดหลุมต่อไป ชานยอลที่ยืนอยู่ห่าง ๆ ได้เพียงแค่ลอบถอนหายใจแล้วเดินกลับไปนั่งโซฟาที่ห้องนั่งเล่น

    ถ้าเกิดเขาไม่ทิ้งทิฐิเมื่อคืนแบคฮยอนจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ เด็กนั่นก็หัวรั้นเสียเหลือเกิน ปากก็เจ็บ แดดก็ร้อน แทนที่จะให้คนอื่นช่วยแต่กลับตะบี้ตะบันขุดหลุมไม่ยอมกินข้าวกินน้ำ ถ้าเป็นลมล้มพับไปอีกคนจะเป็นยังไง เขาล่ะเกลียดเด็กนิสัยแบบนี้จริง ๆ

    สายตายังคงมองไปยังชายหนุ่มสองคนที่ยืนอยู่ตรงประตูหลังบ้าน ทุกคนต่างเป็นห่วงแบคฮยอนแต่เจ้าตัวคงไม่สำนึก เขาลอบถอนหายใจอีกครั้งก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดผ้าม่านที่อยู่ข้างหลังออกเล็กน้อยแล้วก็เห็นคิมจงอินกำลังถางโพรงหญ้าที่สูงขึ้นเลยหัวเข่าอยู่

     

    คุณทำอะไรน่ะ

    ร่างหนาละความสนใจจากหญ้าในกำมือก่อนจะหันไปมองผู้มาใหม่ที่เดินมาหยุดอยู่ใกล้ ๆ เขาโยนเศษหญ้าที่เพิ่งถางออกมาเมื่อครู่ไปกองไว้ที่เดียวกันแล้วพ่นควันบุหรี่ที่คาบไว้ออกมา

    ถางหญ้า แถวนี้อยู่ใกล้ป่า เกรงว่าเราจะตายห่าเพราะถูกงูกัดแทนที่จะถูกพวกนั้นกินจงอินพูดแล้วคาบบุหรี่ไว้เหมือนก่อนหน้านี้ เขาโน้มตัวลงไปถางหญ้าต่อแต่ก็ต้องเงยหน้าขึ้นอีกครั้งเมื่อปาร์คชานยอลยังคงยืนอยู่ที่เดิม

    แบคฮยอนล่ะ?

    เหมือนเดิม

    ใกล้ความจริงยัง? จงอินถามต่อ เห็นขุดมาตั้งแต่เช้าจนบ่ายป่านนี้แล้วยังไม่มีทีท่าว่าจะเสร็จ เห็นแบบนั้นเขาก็ชักจะเป็นกังวล

    ก็คงใกล้แล้ว...ว่าแต่เด็กคนนั้นเป็นยังไงบ้าง?

    เออว่ะ คิ้วหน้าขมวดมุ่นเมื่อนึกถึงใครคนหนึ่งที่เขามองข้ามไปเกือบครึ่งวัน ร่างหนาหันไปถุยน้ำลายขมลงบนพื้นแล้วโยนบุหรี่ทิ้งก่อนจะใช้รองเท้าบี้เพื่อดับไฟ ลืมให้อาหารไปเลย พูดอย่างกับเป็นสัตว์เลี้ยง

    คุณไม่คิดว่ามันแปลกบ้างเหรอ?

    หมายถึงโอเซฮุน?

    อืม ทั้งที่ลู่หานบอกว่าเขาถูกกัดก่อนแบคโฮ แต่ทำไมถึงอยู่ได้มาจนถึงตอนนี้

    ไม่แน่หรอก จงอินตีหน้าตายก่อนจะถือมีดเข้าไปในบ้าน ชานยอลมองแผ่นหลังกว้างของร่างหนาแล้วเดินตามเข้าไป

     

     

     

    เขาก็อยากรู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้นกับเด็กคนนั้น...

     

     

     

    ปัง...

    ...

    ...

    ...

    ทั้งสามคนไม่มีใครพูดอะไรออกมา ทั้งคิมจงอิน ปาร์คชานยอล มองไปยังเด็กหนุ่มที่นั่งทำตาปริบ ๆ อยู่ที่เดิม ไม่มีอาการหน้าซีด เหงื่อแตกพลั่ก ๆ เหมือนอย่างที่ควรจะเป็น ร่างหนาหันไปขอความเห็นจากคนข้าง ๆ ทางสายตาแล้วหันกลับไปมองเซฮุนอีกครั้ง

    คุณบอกว่าจะเข้ามาทำแผลให้ผมตอนเที่ยง

    แล้วไง

    ผมว่ามันน่าจะเลยเที่ยงไปแล้ว

    รู้ได้ยังไงว่าผ่านไปแล้ว

    ผมเห็นแสงแดดส่องมาจากมุมนั้น เด็กหนุ่มหันหน้าไปทางขวาเป็นการบอกพิกัดเมื่อมือของเขาถูกมัดเอาไว้ จงอินเดินมานั่งยอง ๆ อยู่ข้างหน้าเขาแล้วเอามืออังหน้าผาก

    ปวดหัวป่ะ

    ไม่ครับ

    ...

    “...”

    ผมหิว

    ...

    คุณครับ ผมหิวเมื่อไม่ได้คำตอบจากคิมจงอิน โอเซฮุนก็เปลี่ยนเป้าหมายไปยังร่างสูงที่ยืนอยู่หน้าประตู ปาร์คชานยอลนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้ารับแล้วเดินออกไป

    สบายจังเลยนะ สั่งเอา ๆ เป็นพระเจ้าไง? ร่างหนาผลักหัวคนตรงหน้าจนเงนไปข้างหลัง เซฮุนเบี่ยงตัวหลบเมื่อคิมจงอินทำท่าจะแกล้งเขาต่อ

    ผมยังไม่ตายนะ ผมก็ต้องหิวเป็นธรรมดา แล้วคุณยังมัดผมไว้แบบนี้อีก

    ก็ถูกต้องแล้วนี่ ถ้าไม่ให้มัดแล้วจะให้ทำยังไง ปล่อยนายให้ออกมาเดินเพ่นพล่านไล่กัดคนอื่นทีหลังน่ะเหรอ?

    ถ้าไม่ปล่อย คุณก็ต้องให้ผมทานข้าวสิครับ

    ขอถามอะไรสักสองสามข้อ

    ...

    ข้อแรก เราเป็นอะไรกัน ทำไมฉันถึงต้องหาอะไรให้นายกินด้วย?

    ...

    ข้อสอง นายถูกกัด มันสมควรไหมที่ฉันจะต้องหาข้าวหาน้ำให้นายกินทั้งที่ไม่รู้ว่านายจะตายเมื่อไหร่?

    แล้วคุณกินข้าวทำไม ในเมื่อสักวันหนึ่งคุณก็ต้องตายอยู่ดี

    อ้าวกวนตีนป่ะ ร่างหนาง้างมือขึ้นมาทำท่าจะโบกกระบาลอีกฝ่าย เซฮุนห่อไหล่เล็กน้อยพร้อมกับหลับตาปี๋ แต่ก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นเมื่อคนตรงหน้าไม่ได้ทำร้ายเขาอย่างที่คิด

    รอนี่ นิ้วเรียวยาวชี้หน้าคาดโทษร่างบาง เซฮุนมองปลายนิ้วนั่นก่อนจะเงยหน้ามอง

    ผมไปไหนได้ด้วยเหรอครับ?

    ถ้ายังไม่เลิกกวนตีนน้องอาจจะเจ็บตัวนะครับ พี่ขอเตือน

    เซฮุนเม้มริมฝีปากแน่น มันก็ไม่ใช่เวลาที่เขาจะมานั่งยิ้มอะไรแบบนี้หรอก แต่ไหน ๆ อีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าเขาก็จะตายแล้ว งั้นก็ขอทำให้ชีวิตมันดูตลกบ้างแล้วกัน

     

    จงอินเดินกลับมาพร้อมกับกล่องพยาบาลและข้าวโพดกระป๋อง เขาวางของลงแล้วเอื้อมไปปลดเชือกให้จนคนถูกมัดประหลาดใจ เซฮุนลูบข้อมือที่เป็นรอยมัดเบา ๆ แล้วมองหน้าอีกฝ่ายที่ยื่นข้าวโพดกระป๋องกับช้อนมาให้

    รีบกิน

    ครับ เซฮุนรับมาอย่างว่าง่าย ไม่มีการกวนตีนโต้ตอบอะไรใด ๆ นิ้วเรียวเกี่ยวกับที่เปิดฝาแล้วดึงออกก่อนจะใช้ช้อนตักกินอย่างเร่งรีบ

    จงอินมองภาพตรงหน้าแล้วก็ชะงักมือ ไม่แปลกที่ไอ้เด็กนี่จะหิวเพราะตอนนี้ก็ปาไปแล้วบ่ายสามโมง สิ่งที่เขาทำมันเสี่ยงมากที่ปล่อยให้โอเซฮุนเป็นอิสระแบบนี้

     

     

    เพราะถ้าเผลอ...เพียงแค่เสี้ยววินาทีเขาอาจจะตายได้ถ้าเกิดเด็กนี่กลายสภาพขึ้นมา

     

     

    ถอดเสื้อออก

    หื้อ? เซฮุนทำตาโตมองคนตรงหน้าที่ถือสำลีกับแอลกอฮอล์ขวดไว้ในมือ ไม่ต้องโง่ถามอะไรให้มากความเด็กหนุ่มก็ทำตามอย่างว่าง่าย เขาควรจะได้รับการรักษาถึงแม้จะปลงตกแล้วว่าอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าเขาอาจจะต้องตาย

    จะกินก็กินไป แล้วหันหลังมานี่ น้ำเสียงห้วน ๆ บอกคนตรงหน้า เซฮุนพลิกตัวให้นั่งหันหลังก่อนจะวางกระป๋องข้าวโพดลงแล้วถอดเสื้อสูทประจำโรงเรียนออกเผยให้เห็นคราบเลือดที่แห้งกรังอยู่กับเสื้อเชิร์ตสีขาวตัวใน

    ถ้าแสบแล้วบอก

    คุณจะเบามือเหรอครับ?

    เปล่า จะได้ทำแรงขึ้น

    นิสัย...

    ไม่ต้องบ่นผู้ชายห่ามแตะสำลีชุบแอลกอฮอล์ลงบนแผ่นหลังขาวที่มีรอยกัดตรงเกือบถึงหัวไหล่ ร่างบางสะดุ้งเล็กน้อยกับความแสบร้อนก่อนจะส่งเสียงประหลาด ๆ ออกมาให้คนทำแผลได้ยิน

    อ...อา...

    ...

    อ...คุณครับ...ผมเจ็บ...เบา ๆ หน่อย...

    ...

    อ...อือ...

    เลิกส่งเสียงประหลาด ๆ สักทีเถอะน่า สิ้นสุดความอดทน ร่างหนาผลักหัวคนตรงหน้าจนไปชนกับผนังไม้เต็ม ๆ

    โอ๊ย!” เซฮุนกุมกุมตัวเองเอาไว้แล้วเอี้ยวหน้าหันกลับไปมองคนใจร้ายที่มองคาดโทษเขาด้วยสายตาดุ ๆ

    ก็ผมเจ็บนี่ครับ คุณลองมาโดนกัดเหมือนผมดูบ้างไหมล่ะ จะได้รู้ว่ามันเจ็บแค่ไหน

    แล้วแผลแค่นี้ทำให้นายตายไหม? หา? ตายหรือยัง?

    ก็เพราะยังไม่ตายไงครับเลยรู้สึกเจ็บ

    กรีดร้องเป็นผู้หญิงไปได้ ชายแท้เปล่าเราอ่ะ?

    แท้ครับ

    เหรอ? มีเซ็กส์ครั้งแรกตอนอายุเท่าไหร่?

    ...

    โด่ ไม่เคยอ่ะดิ จงอินแค่นหัวเราะ รู้สึกมีชัยที่ไล่ต้อนไอ้เด็กนี่ให้จนมุมได้

    แล้วมันเกี่ยวอะไรกับการเป็นชายแท้ครับ?

    ผู้ชายที่แท้จริงมันต้องเคยนอนกับผู้หญิงดิวะ ตอนฉันอายุเท่านายนี่ฟาดนูน่าไปแล้วหลายคน

    คุณคิดว่าทำแบบนั้นแล้วดูเท่หรือไง มันก็แค่เซ็กส์เอง

    ถ้าพูดว่าก็แค่เซ็กส์ แล้วทำไมนายถึงไม่เคยมีล่ะหื้ม? แดกดันเสียงใส่อีกฝ่ายแล้วจงใจกดสำลีลงไปแรง ๆ จนร่างบางร้องซี๊ดในลำคอ

    บอกให้เลิกส่งเสียงประหลาด ๆ เดี๋ยวปั๊ด!”

    เซ็กส์ก็เก็บไว้ให้คนที่รักสิครับ

    โถ...นายหลุดมาจากยุคแปดสิบหรือไง หวงตัวอย่างกับผู้หญิง ไม่เก็บไว้ตอนแต่งงานไปเลยล่ะ

    ก็คิดอยู่

    เออ เอาให้ฟอสซิลแดกกันไปข้าง จงอินขยับปากบ่นอุบอิบ หมั่นไส้ไอ้เด็กนี่จริง ๆ มันเกิดมาเพื่อกวนตีนเขาแท้ ๆ

    แล้วช่วยตัวเองครั้งแรกเมื่อไหร่

    ...

    เอ้าเงียบ เกิดอาการใบ้แดกแบบฉับพลันเหรอครับน้อง

    ผมแค่คิดว่าทำไมต้องมานั่งคุยเรื่องทะลึ่งแบบนี้กับคุณตอนใกล้จะตายด้วย

    เอ้า เป็นผู้ชายคุยเรื่องเอากันมันแปลกตรงไหน?

    ...

    เออ เอาจริงนะ ชายแท้หรือชายเทียมวะ?

    อย่าคิดว่าคนอื่นจะเหมือนตัวเองสิครับ เซฮุนขมวดคิ้วน้อย ๆ เขารู้สึกหงุดหงิดกับคำพูดคำจาของผู้ชายคนนี้จริง ๆ

    หมายความว่าไง

    เปล่าครับ ตัดสินใจปิดบทสนทนานี้ไปซะ ตอนแรกเขาก็เหงาหรอกที่ต้องนั่งอยู่คนเดียวในห้องเก็บของรก ๆ แบบนี้ อยากคุยกับใครสักคนก่อนตายแต่ตอนนี้เขาเปลี่ยนใจแล้ว

    อาทิตย์ล่ะกี่ครั้ง

    ครับ?

    ช่วยตัวเองน่ะ อาทิตย์ละกี่ครั้ง...

    นี่คุณ!”

     

     

     

    .

    .

     

     

     

    ...

    ร่างเล็กยืนมองกองดินที่เพิ่งถมทับลงไปหลังจากที่เขาประคองร่างพี่ชายเพียงคนเดียวลงไปอยู่ในนั้น ท้องฟ้าเป็นสีส้ม...ดวงอาทิตย์กำลังจะตกดิน ลมเย็นพัดผ่านมันทำให้คนที่เพิ่งพบเจอความสูญเสียรู้สึกเศร้ายิ่งกว่าเดิม

    ขอบตาร้อนผ่าว น้ำตาอุ่น ๆ ไหลลงตามแก้มมอมแมมก่อนที่เขาจะทรุดเข่าลงกับพื้นโดยที่ไม่กลัวเจ็บ ร่างเล็กฟุบหน้าลงกับหลุมศพที่เพิ่งฝังเสร็จไปเมื่อครู่แล้วปล่อยโฮออกมาอย่างหนัก ทุกคนที่ยืนอยู่ข้างหลังเดินเอาดอกไม้มาวางไว้บนหลุมศพทีละคน จงอินเป็นคนสุดท้ายที่เดินเข้าไป เขานั่งลงข้าง ๆ คนตัวเล็กพร้อมกับวางมือลงบนหัวทุยที่กำลังร้องไห้อย่างหนัก

    เสียงร่ำร้องถึงพี่ชายที่เพิ่งจากไปหลุดออกมาจากปากแบคฮยอนนับครั้งไม่ถ้วน จงอินบีบไหล่แล้วโน้มตัวไปกระซิบปลอบใจคนตัวเล็กอยู่นานกว่าแบคฮยอนจะตัดใจลุกขึ้นมาได้

    ร้องออกมาให้หมด ไม่มีใครห้ามนายทั้งนั้น...แต่ว่านายจะอยู่ตรงนี้ทั้งวันทั้งคืนไม่ได้นะแบคฮยอน... ร่างหนากระซิบคนที่อยู่ในอ้อมกอดเขา แบคฮยอนดูไร้เรี่ยวแรงเพราะสภาพจิตใจและสภาพร่างกายที่โหมหนักมาทั้งวันโดยที่ไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย

    พี่แบคโฮ...

    กลับเข้าบ้านกันนะ แล้วพรุ่งนี้เช้าค่อยมาใหม่

    ... ลู่หานกับคนอื่น ๆ ได้เพียงแค่มองตามจงอินที่กำลังประคองร่างแบคฮยอนเข้าไปในบ้าน

    ทีไอ้จงอินเสือกไม่ด่า ลู่หานบ่นอุบอิบ

    ทำไม อิจฉาเหรอ? เป็นอี้ฟานที่ถามขึ้นมา ร่างโปร่งเอี้ยวหน้าหันกลับไปมองร่างสูงก่อนจะเลิกคิ้วมอง

    ใคร ใครอิจฉา? ทำไมผมต้องอิจฉาไอ้ดำมันด้วย ผมไม่ได้ชอบแบคฮยอนนะ

    ผมยังไม่ได้พูดสักคำว่าคุณชอบแบคฮยอน...” ทิ้งท้ายด้วยประโยคนี้พร้อมกับรอยยิ้มแล้วเดินเข้าไปในบ้านพร้อมกับชานยอล ดูเหมือนว่าสองคนนั้นกำลังคุยกันเรื่องปืนอยู่ มันสองคนไปสนิทกันตั้งแต่เมื่อไหร่กันวะ

     

     

    แต่เดี๋ยว...ทำไมจู่ ๆ ถึงรู้สึกว่ากำลังถูกมองว่าเขาชอบแบคฮยอนอยู่ล่ะ?

    บ้าบอน่า!  

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

    ก๊อก ๆ

    ...

    ก๊อก ๆ

    ประตูเปิดออกพร้อมกับสีหน้าอิดโรยของคนตัวเล็ก ทั้งคู่จ้องหน้ากันอยู่แค่ชั่วอึดใจแล้วก็กลายเป็นแบคฮยอนที่เอ่ยปากถามขึ้นมาก่อน

    มีอะไร...

    คุณทานข้าวบ้างหรือยัง

    ผมไม่หิว...

    แต่คุณควรจะทานอะไรบ้าง ร่างสูงยื่นจานขนมปังทาแยมที่ลู่หานหามาได้ให้กับคนตัวเล็กแต่แบคฮยอนกลับส่ายหน้าปฏิเสธ

    ผมไม่อยากกิน...

    คุณไม่ได้ทานอะไรมาทั้งวันแล้ว

    ช่างมันเถอะ แบคฮยอนทำท่าจะปิดประตูแต่ร่างสูงเอามือขวางเอาไว้

    คุณทำแบบนี้ไม่ได้นะ

    คุณจะสนใจทำไม ตอนที่ภรรยาคุณตาย คุณไม่กินอะไรเป็นอาทิตย์คุณก็ยังอยู่ได้

    ...

    กลับไปเถอะ ผมจะนอน แบคฮยอนปิดประตูใส่หน้าร่างสูงจนเจ้าตัวพูดไม่ออก มันก็ถูกอย่างที่คนตัวเล็กพูด ตอนที่ภรรยาของเขาเพิ่งจากไปปาร์คชานยอลก็กินอะไรไม่ได้เป็นอาทิตย์ เขาเข้าใจถึงความสูญเสีย แต่คนเราก็เป็นอย่างนี้ ตัวเองทำได้แต่คนอื่นห้ามทำ

     

     

    ก๊อก ๆ

     

     

    เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้งเรียกสติคนตัวเล็กที่นอนเหม่ออยู่บนเตียงให้หันไปมอง แบคฮยอนเอาหมอนอุดหูเอาไว้ เขาอยากอยู่คนเดียวไม่เข้าใจหรือไงนะ?

     

     

    ก๊อก ๆ

     

     

    เสียงเคาะประตูยังคงลอดเข้ามาให้ได้ยินแม้ว่าเขาจะเอาหมอนอุดหูไว้แล้วทั้งสองข้าง บยอนแบคฮยอนลุกขึ้นนั่งมุ่ยหน้าแล้วมองไปยังประตูจนกระทั่งเสียงนั้นเงียบหายไป

     

     

     

    ไปซะได้ก็ดี...

     

     

     

     

    สุดท้าย...ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้เขาลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูห้อง แล้วสิ่งที่ทำให้ต้องประหลาดใจนั่นก็คือปาร์คชานยอลที่ยังคงยืนอยู่ตรงนั้น แต่มันแปลกตาขึ้นมาหน่อยคือตรงที่ร่างสูงถือกล่องยาติดมือมาด้วย

    คุณไม่ทานข้าวก็เรื่องของคุณ แต่รอยแผลนั้นผมต้องรับผิดชอบร่างสูงพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยขณะมองรอยช้ำตรงมุมปากแบคฮยอน

    ...

    ...

    ผมทำเองแบคฮยอนเอื้อมมือไปข้างหน้าหวังจะรับกล่องพยาบาลมาถือแต่ชานยอลกลับยื้อเอาไว้

    ถ้าทำเสร็จแล้วผมจะออกไปจากห้องคุณทันที

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

    จะเอายังไงกับเด็กคนนั้น? อี้ฟานถามขณะที่เขากับจงอินและลู่หานนั่งอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น

    ไม่รู้ว่ะ แต่นี่ก็จะเข้าวันที่สามแล้วนะ เด็กนั่นยังไม่เปลี่ยนอีก มึงเคยเจอเคสนี้ป่ะวะลู่หาน?

    ไม่เคย หรือว่าเซฮุนมันไม่ได้ถูกกัดวะ? แต่จะว่าโดนอย่างอื่นมาก็คงไม่ใช่ลู่หานขมวดคิ้วทำหน้าครุ่นคิด

    มันถูกกัดจริง ๆ กูทำแผลให้กับมือ ถ้านั่งนับรอยฟันได้กูทำไปแล้ว

    แล้วเราจะขังเขาไปถึงเมื่อไหร่? อาการก็ดูปกติดี ไม่เหมือนคนกำลังติดเชื้ออะไร อี้ฟานพูด

    แต่ถ้าปล่อยมาเดินเหินก็อันตรายนะ เกิดจู่ ๆ แม่งเปลี่ยนขึ้นมาตอนนั่งกินข้าวได้ชิบหายกันทั้งแผ่นดิน ลู่หานเหยียดขาลงกับโต๊ะแล้วเอนหลังพิงพนักโซฟา

    อาการของคนที่ใกล้จะเปลี่ยนจากที่กูเห็นคือถ้าไม่ตายห่าในทันทีเพราะโดนแดกเลยก็ต้องมีอาการไข้ขึ้นสูงก่อน เหงื่อออก ไม่มีแรง หลับไปแล้วตื่นมาไล่กวดคนอืนจงอินสาธยายในสิ่งที่เขาเคยพบเจอมา

    หมายความว่าไม่มีทางที่จู่ ๆ เขาจะเปลี่ยนไปในทันทีใช่ไหม? อี้ฟานถามและจงอินก็พยักหน้าเป็นคำตอบ

    หนึ่งเสียงว่าปล่อยหมอนั่น พอถึงเวลานอนก็ขังไว้ในห้อง

    ไม่ต่างอะไรจากนักโทษเลยว่ะ เห็นงั้นกูก็สงสารอยู่ลู่หานส่ายหน้าเบา ๆ

    แล้วตอนนี้เราเลือกอะไรได้บ้าง แม่งใช้ชีวิตอยู่กับความเสี่ยงทั้งนั้น จงอินถอนหายใจ

     

     

     

    .

    .

     

     

     

    สำลีชุบเบตาดีนค่อย ๆ แตะลงบนริมฝีปากบาง แบคฮยอนสะดุ้งน้อย ๆ ก่อนจะเอื้อมมือขึ้นมาหวังจะจับดูแผลแต่ถูกมือแกร่งรั้งเอาไว้

    เดี๋ยวมันอักเสบ

    ...

    ภายในห้องนอนที่มีแสงสว่างจากโคมไฟสีซีเปียตรงหัวเตียงเท่านั้น ทั้งคู่นั่งอยู่ขอบเตียงและปล่อยให้ปาร์คชานยอลทำแผลตามอำเภอใจ รีบทำ...จะได้รีบออกไปสักที

    ผมไม่มีพี่ชายแต่มีพี่สาว

    ... แบคฮยอนมองหน้าอีกฝ่ายที่ยังคงตั้งใจทำแผลให้กับเขา

    ตอนเป็นเด็กเราสนิทกันมาก เราอยู่ด้วยกันตลอดจนผมได้นิสัยผู้หญิงมาหลายอย่างเลย

    ...

    ผมทำอาหารเป็น ปักครอสติสเป็นด้วยนะ เขายิ้มบาง ๆ เมื่อนึกถึงสิ่งที่เคยทำร่วมกันกับพี่สาว

    ...

    ผมกับพี่สาวสนิทกันมาก จนวันหนึ่งเธอต้องย้ายไปเรียนต่างประเทศ มันคือจุดเปลี่ยนระหว่างเราสองคน

    ...

    ผมไม่เคยอยู่คนเดียว ไม่เคยทำอะไรเองตามลำพัง จนกระทั่งไม่มีเธอ ผมถึงได้เริ่มทำอะไรด้วยตัวเอง

    แล้วตอนนี้เธอเป็นยังไง

    ... ชานยอลเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายที่กำลังพูดกับเขา ร่างสูงเก็บอุปกรณ์ใส่ในกล่องให้เรียบร้อย

    เธออยู่โซล...หรือว่าอยู่ต่างประเทศ? แบคฮยอนถามต่อ ร่างสูงยิ้มบาง ๆ เป็นคำตอบขณะสบตากับคนตัวเล็ก

     

     

    อยู่ในงานแต่งงานของผม...

     

     

    ...ร่างเล็กพูดไม่ออกเมื่อเห็นสีหน้าเศร้าหมองของร่างสูง...ชานยอลลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินไปหยุดอยู่หน้าประตูห้องก่อนจะหันมายิ้มบาง ๆ ให้กับเขา

     

     

    ราตรีสวัสดิ์

     

     

    ปัง...

    เสียงประตูปิดลงพร้อมกับความรู้สึกที่ถาโถมเข้ามาเต็มอก มือเล็กเสยผมขึ้นก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน สิ่งที่ปาร์คชานยอลเล่าให้ฟังเขาพอจะสัมผัสได้ว่าร่างสูงฝืนใจที่จะพูดถึง แต่ที่คนเย็นชาแบบนั้นยอมพูดมันออกมา...ก็เพื่อที่จะปลอบให้เขาเข้มแข็งขึ้นใช่ไหม?

    คนที่สูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างไม่ใช่เพียงแค่บยอนแบคฮยอนคนเดียว แต่ยังมีปาร์คชานยอลที่สูญเสียครอบครัวและคนรักของเขา อู๋อี้ฟานที่สูญเสียภรรยาและลูกสาวไปและผู้คนอีกมากมายที่ต้องพบเจอโศกอนาถกรรมนี้

    หยดน้ำตาอุ่นไหลลงมาอีกครั้งหลังจากที่มันเหือดหายไปแล้วเมื่อก่อนหน้านี้ ริมฝีปากอิ่มเม้มเข้าหากันพลางกำผ้าปูที่นอนไว้แน่น...

     

     

     

    แบคฮยอนอา~ เลิกช้าแล้วทำไมไม่บอกพี่ล่ะ

    จะขี่หลังเหรอ? ไม่ใช่เด็ก ๆ แล้วนะ (หัวเราะ)

     

     

     

    เข้มแข็งไว้สิบยอนแบคฮยอน...เข้มแข็งเอาไว้...

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

    หนึ่งอาทิตย์ต่อมา...

    หาว~” ลู่หานบิดตัวเต็มองศาพร้อมกับเดินเข้าไปในครัวแล้วก็พบกับปาร์คชานยอลกำลังยืนทำมื้อเช้าอยู่ หลายวันแล้วที่หมอนี่อาสาเป็นคนทำอาหารให้เพราะฝีมือของลู่หานมันช่างสมเต่าถุยจนหมาไม่แดก ร่างโปร่งนั่งลงบนเก้าอี้แล้วเอาหน้าแนบกับโต๊ะก่อนที่คนอื่น ๆ จะทยอยเข้ามาในครัว

     

    อรุณสวัสดิ์

    อรุณสวัสดิ์

     

    การกล่าวทักทายแบบขอไปทีเป็นแบบนี้มาตลอดหนึ่งอาทิตย์ บรรยากาศมาคุ ดราม่าเรื้อรังหลังจากที่บยอนแบคโฮจากไปแต่ก็ยังดีที่แบคฮยอนยอมลงมากินข้าวแทนที่จะฝังตัวเองไว้ในห้องอย่างที่เขาคิดเอาไว้

    และแขกหน้าใหม่ที่เข้าร่วมโต๊ะอาหารเป็นวันที่สามแล้วก็คือโอเซฮุน มันเป็นเรื่องน่าประหลาดที่พวกเขาค้นพบว่าเซฮุนไม่มีการติดเชื้อหลังจากถูกกัดเหมือนคนอื่น ๆ พวกเขาใช้เวลาปรึกษาเรื่องนี้กันอยู่ครึ่งค่อนวันจนกระทั่งตัดใจทิ้งไปเพราะยังไงก็ไม่มีทางช่วยอะไรได้ ใช่ว่าทุกคนจะเป็นเหมือนเซฮุนเสียเมื่อไหร่ ยังไงซะ...มันก็คือเรื่องดีที่เด็กนี่ยังไม่ตาย

    วันนี้เราต้องออกไปหาเสบียง

    “...” แบคฮยอนหยุดชะงักเมื่อได้ยินประโยคนี้ เหตุการณ์เมื่อวันนั้นมันผุดเข้ามาในหัวอย่างห้ามไม่ได้ เหตการณ์วันที่แบคโฮถูกกัด...ก็คือวันที่เขาออกไปหาเสบียงมาให้ทุกคน...

    จะมีใครไปกับผมไหม? อี้ฟานถามความสมัครใจ เพราะครั้งนี้คงไม่มีการเสี่ยงดวงจับไม้สั้นไม้ยาวกันอีก

    ผมจะไปกับคุณ ชานยอลพูดแล้วเทข้าวผัดในกระทะลงบนจานให้ทีละคน

    มีใครอีกหรือเปล่า จงอิน คุณว่าไง?

    ได้ งั้นเดี๋ยวฉันจะไปเช็คสภาพรถรอแล้วกัน ร่างหนาลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วเดินหายไปทางหลังบ้าน

    แบคฮยอน

    อะไร

    อยู่กับเซฮุนที่นี่นะ ลู่หานหันไปมองคนตัวเล็กที่นั่งมองจานข้าวเฉย ๆ

    ไม่ ผมจะไปด้วย

    ไม่ต้องเลย จะแห่กันไปทำไมเยอะแยะ รถคันนึงนั่งได้สิบคนเหรอ ลู่หานดุแบคฮยอนแล้วขยี้หัวเบา ๆ ด้วยความหมั่นเขี้ยว

    งั้นให้ฉันไปแทนนายสิ

    ไม่ให้ไป เซฮุน ฝากดูแบคฮยอนด้วยนะ ถ้าดื้อก็เอาโซ่ล่ามไว้เลย ลู่หานฝากฝังเด็กเจ้าปัญหาไว้กับคนที่นั่งเงียบ ๆ อยู่มุมโต๊ะ เซฮุนพยักหน้าเป็นคำตอบก่อนจะหันไปสนใจกับมื้อเช้า

    เราต้องรีบไปเพราะเป้าหมายอยู่ลึกยิ่งกว่าคราวที่แล้ว

    ใช้เวลาเดินทางเท่าไหร่? ชานยอลถาม

    เกือบสามชั่วโมงโดยประมาณ

    นั่งจนตูดเป็นสี่เหลี่ยมกันเลยทีเดียว ลู่หานพูด

    แล้วจะให้ผมกับเซฮุนรออยู่ที่นี่เฉย ๆ โดยที่ไม่ต้องทำอะไรเลยงั้นเหรอ? แบคฮยอนแย้งขึ้นมา

    ถ้าคุณอยากทำ ก็ถางหญ้าตรงหน้าบ้านแล้วกัน มันสูงขึ้นมากแล้ว

    ถางหญ้า?

    อืม อี้ฟานปิดบทสนทนาแล้วเดินออกไปข้างนอก เหลือเพียงแค่เขาสี่คนที่ยังอยู่ในห้องครัว

     

     

     

    .

    .

     

     

     

    เฝ้าบ้านดี ๆ นะน้องหมา ลู่หานโผล่หน้าออกมาจากรถพร้อมกับโบกมือลาเด็กหนุ่มทั้งสองที่ยืนมองพวกเขาอยู่หน้าบ้าน

    ว่าใครหมา?

    ว่าเซฮุนไง! น้องหมาที่ถูกขังไว้ในกรง อย่าดื้ออย่าซน แต่งหล่อรอพี่กลับบ้านนะครับคนดี ลู่หานทำท่าโปรยจูบก่อนจะอ้าปากหวอเมื่อกระจกรถค่อย ๆ เลื่อนขึ้นจนต้องรีบกลับเข้าไปในรถเพราะฝีมืออี้ฟาน

    รถกระบะสีดำเคลื่อนตัวออกไปอย่างช้า ๆ เหมือนกับวันนั้น...ทำไมถึงใจไม่ดีแบบนี้นะ เขากลัวจริง ๆ กลัวว่าจะต้องเสียใครไปอีก...

    เราจะเริ่มถางหญ้ากันตอนนี้เลยไหม? เซฮุนถามทำลายความเงียบขึ้นมาหลังจากที่รถคันนั้นลับสายตาไปแล้ว แบคฮยอนหันมามองคนข้าง ๆ แล้วพยักหน้า

    นายอายุเท่าไหร่

    สิบแปดปีนี้ เซฮุนตอบ ทั้งคู่หันหลังให้กันและกันแล้วใช้มีดตัดหญ้า

    งั้นก็อายุเท่ากันเลยสิ

    แต่นายหน้าเด็กกว่าฉันนะ

    จะหาว่าฉันนิสัยเด็กด้วยก็บอกมาเถอะ แบคฮยอนพูดทั้งที่ยังก้มหน้าก้มตาถางหญ้าอยู่อย่างนั้น

    ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้นสักหน่อย นายเป็นคนชอบคิดไปเองแบบนี้แต่ไหนแต่ไรแล้วหรือไง?

    ก็ทุกคนทำให้ฉันคิดแบบนี้

    พูดว่าทุกคนได้ยังไงในเมื่อฉันเป็นคนหนึ่งที่ไม่ได้คิดแบบนั้น อย่าเหมารวมสิ

    ขี้บ่นจัง มนุษย์ประหลาด

    อะไร?

    โดนกัดพร้อมกันกับพี่ชายฉัน แต่นายกลับรอด มันน่าหมั่นไส้ไหมล่ะ

    ขอโทษที่ไม่ตายแล้วกันนะ เป็นครั้งที่สองที่เขาต้องพูดประโยคนี้ ทั้งคิมจงอิน ทั้งบยอนแบคฮยอน พวกเขาสองคนทำให้คิดว่าคนที่น่าจะตายควรเป็นเขาไม่ใช่บยอนแบคโฮ

    ล้อเล่นนะ ไม่โกรธใช่ไหม?

    อืม

    นายโกรธ

    เปล่า ไม่ได้โกรธ

    ขอโทษแล้วกัน

    เวลาจะขอโทษคนอื่นควรแสดงความจริงใจให้มากกว่านี้สิ ไม่ใช่พูดแบบส่ง ๆ ไป คนฟังเขาจะรู้สึกไม่ดีเอา

    ไหนบอกว่าไม่ได้โกรธไง?

    ก็ไม่ได้โกรธ แค่บอกให้ฟังว่าไม่ควรพูดแบบนั้น

    อือ ฉันก็เป็นคนแบบนี้แหละ เลยไม่มีใครอยากเป็นเพื่อนด้วย

    อย่าคิดแบบนั้นสิ ถ้ารู้ว่าตัวเองมีข้อเสียตรงไหนก็ควรจะปรับปรุง ไม่ใช่ตัดพ้อว่านายเป็นแบบนี้อยู่แล้ว ใครจะรับได้ไม่ได้ก็เรื่องของมัน

    ฉันไม่ได้พูดสักหน่อยว่าใครรับไม่ได้ก็เรื่องของมัน

    แต่สิ่งที่นายพูดมันทำให้คิดแบบนั้นนี่...

    โอเค ฉันผิดเองแหละ ฉันขอโทษ นี่ไม่ได้ประชดนะ

    ฮ่า ๆ โอเค...ฉันให้อภัยทั้งคู่ลอบยิ้มทั้งที่ไม่หันไปมองหน้ากัน ต่างคนต่างตั้งใจทำหน้าที่ ๆ ได้รับมอบหมาย ถึงความเสี่ยงจะไม่เท่ากับคนอื่น ๆ แต่เขาสองคนก็จะทำในส่วนที่ช่วยได้ เขาไม่อยากรู้สึกไร้ค่าอีกต่อไปแล้ว

     

    ทั้งคู่หัวเราะกับเรื่องตลกที่ผลัดกันเล่าให้ฟังจนลืมความโศกเศร้าไปชั่วขณะ...หากแต่เขาทั้งสองคนไม่รู้เลยว่า...มีคนกลุ่มหนึ่งแอบมองเขาอยู่ห่าง ๆ

    บุคคลปริศนากระตุกยิ้มมุมปากก่อนจะให้สัญญาณคนข้าง ๆ ให้ถอยรถกลับไป...วันนี้เขาได้ข่าวใหม่ไปบอกลูกพี่แล้ว...เห็นทีวันนี้คงมีเรื่องสนุกให้ทำ

     

     

     

    รีบกลับค่าย...ไปบอกลูกพี่ว่าไอ้เหี้ยเซฮุนมันยังไม่ตาย...

     

     

     

     

     

     

     

    TBC

     

     

     

     

     

     

    มาแล้วค่า~~~~

    ตอนนี้ไม่ค่อยมีอะไร แลจะน่าเบื่อหน่อย ๆ นะคะ

    ตอนหน้าจะเป็นยังไง ดูเหมือนว่าแบคฮยอนกับเซฮุนจะงานเข้าแล้วล่ะ แล้วพวกนั้นจะทำอะไร อย่าลืมติดตาม #ficzombie นะคะ~~~

    ถ้าชอบฝากกดโหวต หรือจะคอมเมนท์แนะนำติติงได้เสมอนะคะ มลินเปิดใจรับค่ะ มลินเป็นนักเขียนอ่อนหัด ถ้าเขียนไม่ถูกใจยังไงขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ (กราบตัก)

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×