ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ZOMBIES HARD CREEPER | KAIHUN CHANBAEK FT.EXO

    ลำดับตอนที่ #65 : Chapter 61 :: Seeker

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 10.84K
      102
      26 พ.ค. 57

    ? Tenpoints!

     

     

     

    Chapter 61

    Seeker

     


     

     

    ไข้ ลดแล้ว อี้ชิงบอกอาการคนป่วยที่เพิ่งลืมตาตื่น แม้ว่าอาการจะดีขึ้นบ้างแล้วแต่สีหน้ามินซอกยังคงซีดเซียวไม่ต่างจากเดิม หนุ่มชาวจีนลากเก้าอี้มานั่งข้างเตียงพลางมองหน้าอีกฝ่ายโดยที่ไม่พูดอะไรอีก

    มีอะไรหรือเปล่าครับ

    “Nothing. (เปล่า) เขายิ้มก่อนจะเข้าไปช่วยประคองคนตรงหน้าให้ลุกขึ้นนั่งแล้วจัดแจงหมอนให้พิงอยู่ในท่าพอดีครูของคุณ กำลังทำ มาให้ อี้ชิงทำท่าตักข้าวเข้าปากเพื่ออธิบายให้คนป่วยดู มินซอกพยักหน้าแล้วดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมถึงช่วงอก

    คนอื่น ๆ ทำอะไรอยู่เหรอครับ

    “Eunji and Kyungsoo are practising on their archery outside. Jongdae went in the woods discovering. Others went out for supplies.(อึนจีกับคยองซูฝึกยิงธนูอยู่ข้างนอก จงแดเข้าไปสำรวจป่า ส่วนคนที่เหลือออกไปหาเสบียง)

    ... มินซอกมองอีกฝ่ายนิ่งหลังจากถูกรัวภาษาอังกฤษใส่ไม่คิดว่าผมจะงงบ้างหรือไง?

    อะไรนะครับ?

    ผมถามว่า คุณน่ะ คิดว่าผม ฟังออกเหรอ? มินซอกพูดช้า ๆ

    แล้วคุณ คิดว่าผม ฟังที่คุณพูดออกเหรอ? ประโยคเกาหลีของหนุ่มชาวจีนทำให้เส้นเลือดตรงขมับเด็กหนุ่มกระตุกอยู่เล็ก ๆ มินซอกหายใจเข้าลึก ๆ แล้วมองหน้าอี้ชิงอีกครั้ง

    ผมบอกคุณแล้วไงว่าให้พูดภาษาเกาหลีเวลาจะคุยกับคนอื่น ผมฟังที่คุณพูดไม่ออกทั้งหมดหรอกนะ

    เพราะงั้นคุณถึงต้องฝึก เหมือนผม

    คนหมู่มากพยายามเพื่อคนหมู่น้อย? มินซอกขมวดคิ้วมองหากแต่อี้ชิงนั้นยังคงยิ้มอยู่เหมือนเดิม

    เพื่อกันและกันเด็กหนุ่มเงียบไปหลังจากได้ยินคำตอบ

    งั้นก็ได้ ผมจะพูดภาษาเกาหลี ส่วนคุณก็พูดภาษาอังกฤษไป

    “Deal.” ตอบตกลงพร้อมชูนิ้วโป้ง “Speak slowly, ok?” (พูดช้า ๆ นะโอเคไหม?)

    “As you wish.” (แล้วแต่เถอะ) ตอบประชดแล้วนอนหันหลังให้ คิดว่าที่ทำอยู่มันคือการปิดบทสนทนาได้ดี คาดว่าจางอี้ชิงคงลุกออกไปจากตรงนี้ภายในสามสิบวิข้างหน้าแต่เปล่าเลย

    “Your symptom will better a little faster if you have positive mental. Now, I just want you to rest.” (อาการป่วยจะดีขึ้นได้มันเกี่ยวกับสภาพจิตใจด้วย ตอนนี้ผมอยากให้คุณทำใจให้สบายแล้วพักผ่อนนะ)

    ผมเข้าใจ คุณไม่จำเป็นต้องเข้ามาดูอาการผมทุกสองชั่วโมงแบบนี้หรอก

    อะไรนะครับ? พอเห็นคนตรงหน้ารัวภาษาเกาหลีกลับมาอย่างกับจะเอาคืนก็ขมวดคิ้ว มินซอกประสานมือไว้บนตักแล้วหันไปมองบุรุษพยาบาลหนุ่ม

    คุณเอาเวลาไปอ่านหนังสือหรือทำอะไรที่มันได้ประโยชน์เถอะ มันดีกว่าการเข้ามาดูผมหลับเป็นไหน ๆ มินซอกพูดช้า ๆ

    “What if I said ‘I did that because I'm used to it?’ Would you let me do it?” (ถ้าผมอ้างว่าที่ทำแบบนั้นเพราะเคยชินคุณจะยอมให้ผมทำหรือเปล่า?)

    อย่าถามอะไรที่ทำให้คนป่วยอย่างผมต้องคิดสิ

    บริหาร สมอง อี้ชิงเคาะขมับเบา ๆ เขาไม่รู้ว่าเด็กคนนี้กำลังคิดมากเรื่องลู่หานไปในทางไหน ทั้งคู่อาจทะเลาะกันหรือมีเรื่องพูดจาไม่เข้าหูจนเข้าหน้ากันไม่ติด แต่ไม่ว่าจะด้วยเรื่องอะไรเขาก็อยากให้มินซอกหลุดพ้นจากความซึมเศร้า ถึงมันจะแค่ช่วงเวลาหนึ่งก็เถอะ

     

     
     

    เพราะคนอย่างเขาคงทำเพื่อคนอื่นได้ดีกว่านี้ไม่ได้แล้ว

     

     
     

    เราจะพูดคนละภาษาแบบนี้กันจริง ๆ หรือไง

    “So I come to think about it, if I speak Korean with you I'll be the only one who gets the benefit here but if you just try to understand Chinese or English wouldn't that be better?” (พอมาคิดดูแล้ว ถ้าผมพูดภาษาเกาหลีกับคุณก็มีแต่ผมที่ได้ภาษา แต่ถ้าคุณลองฟังภาษาจีนหรือภาษาอังกฤษจากผมมันก็ดีไม่ใช่เหรอ?)

    ... มินซอกเหล่มองลักยิ้มคนข้าง ๆ

    “I'm not trying to make it sound bad but what if one day you have to live with some foreigners and you'll have to speak English? I don't think you can tell them to speak Korean can't you?” (ผมไม่ได้อยากพูดให้รู้สึกแย่นะ แต่ถ้าเกิดวันหนึ่งคุณต้องไปอยู่กับชาวต่างชาติกลุ่มใหญ่ที่สื่อสารกันด้วยภาษาอังกฤษ คุณก็คงบอกให้พวกเขาพูดภาษาเกาหลีเพื่อคุณไม่ได้จริงไหมครับ?)

    กะจะเอาคืนเหรอ นึกไปถึงตอนที่เขาบอกให้อี้ชิงพยายามพูดภาษาเกาหลีเพื่อสื่อสารกับทุกคนที่นี่แล้วก็อดคิดไม่ได้ว่ากำลังถูกเอาคืนอยู่

    “Just kidding. (ล้อเล่นนะ)

    ตลกตายล่ะ

    “If it's funny then show me your smile.” (ถ้าตลกก็ยิ้มให้ดูหน่อยสิ)

    ไว้เอาไปเล่นกับอึนจีเถอะ ยัยนั่นคงยิ้มจนแก้มแตกถ้าได้ฟังมุกนี้จากปากคุณ

    “If it works with you then I'll do it to her.” (ถ้าเล่นกับคุณได้ผลแล้วผมจะเอาไปเล่นกับเธอ) อี้ชิงยังคงยิ้ม มินซอกแค่นหัวเราะแล้วหดคอลงอย่างตกใจเมื่ออีกคนเอื้อมมือมาอังซอกคอของเขา “I'll go get you a damp rag.” (ผมจะเอาผ้าชุบน้ำมาให้เช็ดตัว)

    ผมจะนอน

    “Kahi will be back in a minute. I'm sure you know that if you don't clean yourself up then who will.” (อีกไม่กี่นาทีคุณกาฮีก็เข้ามาแล้ว ผมคิดว่าคุณคงรู้นะว่าถ้าคุณไม่เช็ดเองแล้วใครจะเป็นคนเช็ดให้) มินซอกมองตามบุรุษพยาบาลหนุ่มที่ยังคงส่งยิ้มมายังเขาราวกับว่าเรื่องที่พูดถึงมันน่าตลกเสียเต็มประดา แน่ล่ะ...ถ้าเขาไม่เช็ดตัวตั้งแต่ตอนนี้ครูของเขาต้องลงมือเองแน่

    ประตูห้องปิดลงได้ไม่นานความเงียบก็เข้ามาแทนที่ แสงที่ลอดผ่านผ้าม่านผืนบางคือสิ่งเดียวที่ให้ความสว่างในตัวห้องสี่เหลี่ยม ตั้งแต่ย้ายมาอยู่บ้านหลังนี้สิ่งที่เขาทำมีอยู่แค่ไม่กี่อย่างคือนอน ตื่นมากินข้าวกินยา ชีวิตวนเวียนอยู่แค่นี้ไม่มีอะไรมากกว่านั้น

    คิดว่าการนอนหลับคือการฆ่าเวลาได้ดีที่สุด มันได้ผลในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ สำหรับคนอยากลืมเรื่องราวที่ทำให้เจ็บปวด แต่มันก็เป็นแค่การแก้ปัญหาชั่วคราวเท่านั้นพอตื่นขึ้นมาเขาก็พบกับความจริงอยู่ดี...

     

     

     

    ความจริงที่ว่าต่อไปนี้คิมมินซอกจะไม่มีผู้ชายที่ชื่อลู่หานในชีวิตอีกต่อไปแล้ว...

     

     

     

    เด็กหนุ่มถอนหายใจแล้วปิดเปลือกตาลง เพียงแค่นึกถึงภาพเก่า ๆ ตอนอยู่ด้วยกันก็รู้สึกเจ็บตรงหน้าอกข้างซ้าย เคยคิดว่ามันเป็นฉากน้ำเน่าในละครที่คนเขียนบททำให้มันดูเว่อเพื่อเรียกน้ำตาคนดู แต่ตอนนี้คิมมินซอกได้รู้แล้วว่าอาการปวดหัวใจมันเกิดขึ้นได้จริง ๆ

    ยิ่งนึกถึงก็ยิ่งรู้สึกแย่ น้ำตาที่เคยกลั้นต่อหน้าคนอื่นมันไหลออกมาทุกครั้งที่อยู่คนเดียว กับสิ่งที่เรียกว่าความรักมันสอนให้ได้รู้ว่าการให้ไปเต็มร้อยใช่ว่าจะได้รับกลับมาเท่าเดิมเสมอไป เพราะความรักมันคือความเสี่ยง และก็รู้ว่าถ้าคิดจะรักใครสักคนก็ต้องพร้อมรับความเจ็บปวดที่จะตามมา ตอนมีความสุขใครจะไปนึกถึงความเจ็บปวดในอนาคต คิมมินซอกไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องความรักมาก่อน เขาไม่มีภูมิคุ้มกันมากพอที่จะรับได้กับปัญหาที่เกิดขึ้น

    ตื่นนานแล้วเหรอจ๊ะ? มินซอกหยิบแว่นมาใส่แล้วยิ้มให้ครูสาวที่เดินเข้ามาพร้อมถ้วยโจ๊กสำเร็จรูปจริง ๆ ครูอยากทำโจ๊กให้ทานนะแต่...

    ไม่เป็นไรครับผมเข้าใจ จะทำโจ๊กสำหรับหนึ่งที่มันเปลืองหลายอย่าง ขอบคุณมากนะครับครู มินซอกรับมาถือไว้แล้วเป่าเบา ๆ วันนี้เขาไม่ได้อิดออดยืดเยื้อเหมือนกับวันแรกที่มาอยู่บ้านหลังนี้ กาฮีเอามืออังหน้าผากลูกศิษย์แล้วก็โล่งอกกับไข้ที่ลดลง

    หนาวไหม? เอาผ้าห่มกับเสื้ออีกสักตัวหรือเปล่า?

    ไม่เป็นไรครับ รอยยิ้มฝืนที่ส่งไปเพื่อยืนยันให้ครูสาวเชื่อว่าเขาไม่ได้มีอะไรน่าเป็นห่วงขนาดนั้น

    งั้นออกไปสูดอากาศข้างนอกหน่อยไหมหื้ม? เห็นเด็กคนนี้เอาแต่นอนอยู่ในห้องก็กลัวว่าอาการจะไม่ดีขึ้นเพราะสภาพบรรยากาศรอบข้าง เด็กหนุ่มเอาแต่ก้มหน้าก้มตากินโจ๊กสำเร็จรูปเพื่อเลี่ยงการตอบคำถามนี้คุณอี้ชิงบอกว่าไข้เธอลดแล้ว อีกอย่างครูเคยได้ยินอึนจีคุยกับเทาว่าเธอยิงธนูใช้ได้เลย...

    ครูครับ

    ว่าไงจ๊ะ?

    เราไปจากที่นี่กันเถอะ

    ...

    กาฮีนิ่งไปกับคำถามที่ไม่คิดว่าจะหลุดออกมาจากปากลูกศิษย์คนนี้ ปล่อยให้ความเงียบโรยตัวอยู่สักพักโดยที่ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีกจนกระทั่งมินซอกเงยหน้าขึ้นมองอีกคนซึ่งยังคงอยู่ในภาวะงุนงง

    ผมแค่คิดว่าตัวเองเป็นภาระให้คนอื่นน่ะ มินซอกถอนหายใจเบา ๆ พอป่วยแล้วก็พูดเพ้อเจ้อ ขอโทษนะครับ วางถ้วยโจ๊กคัพลงบนโต๊ะข้างเตียงแล้วหันมาสบตากับครูสาวที่กำลังปรับสีหน้าให้เป็นปกติ เธอกำลังตกใจแต่ที่พูดออกไปแบบนั้นส่วนหนึ่งก็มาจากความต้องการเบื้องลึก ก็รู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะไปจากที่นี่แต่...

    ไม่ใช่แค่เธอที่คิดแบบนั้นเพราะครูก็คิดเหมือนกัน พูดจบเธอก็หลุบสายตาลงแล้วถอนหายใจกับการที่ช่วยอะไรไม่ได้เลยนอกจากทำอาหาร ซักผ้าแล้วก็งานบ้านเล็ก ๆ น้อย ๆ ในขณะที่คนอื่นออกไปเสี่ยงข้างนอกเพื่อหาเสบียงกลับมาให้ทุกคนน่ะ...

    ...

    แต่คุณอี้ฟานบอกครูว่าแต่ละคนมีความสามารถต่างกัน คนที่เอาตัวรอดได้ก็ออกไปหาเสบียงกลับมาส่วนคนที่เหลือก็ทำในสิ่งที่พอช่วยแบ่งเบาภาระ เพราะมันคงดีกว่าการออกไปเสี่ยงตายข้างนอกทั้งที่ไม่มีทักษะการป้องกันตัวเลย เธอจับมือของคนป่วยมากุมไว้เพื่อส่งความเย็นจากมือเธอไปยังมืออุ่นร้อนอีกคนเพราะการเสนอตัวออกไปข้างนอกเพื่อแสดงความจริงใจบางครั้งมันก็ไม่คุ้มค่าถ้าจุดจบคือความตาย

    แต่การเลือกอยู่ข้างหลังเพราะความปอดแหกมันก็น่าสมเพชนี่ครับ

    ถ้าเรามีชีวิตอยู่เพื่อคนรอบข้าง การกลัวตายมันก็ไม่น่าสมเพชเสมอไปหรอกมินซอก เด็กหนุ่มสบตากับครูสาวที่กำลังฉายแววจริงจัง คุณอี้ฟานเคยเล่าให้ครูฟังเธอยิ้มบาง ๆ ครั้งหนึ่งพวกเขาเคยจับไม้สั้นไม้ยาวกันเพื่อเลือกคนออกไปหาเสบียง หนึ่งในนั้นมีแบคฮยอนซึ่งอายุน้อยที่สุดและตอนนั้นเขาไม่มีทักษะการป้องกันตัวเลย ปาร์คกาฮีนิ่งไปเพื่อให้คนฟังคิดตามในสิ่งที่เธอกำลังพูด

    ...

    วันนั้นพี่ชายของแบคฮยอนเสียชีวิตเพราะเขาเสียสละออกไปหาเสบียงแทนน้องชายของเขา

    ...

    พอนึกออกไหมว่าเด็กคนนั้นจะรู้สึกยังไงกับการที่ต้องเสียพี่ชายไปทั้งคนแล้วยังต้องใช้ชีวิตอยู่กับคนแปลกหน้าที่รู้จักกันได้แค่ไม่กี่วัน

    มินซอกพูดไม่ออก แบคฮยอนเคยเล่าให้ฟังอยู่บ่อยครั้งแต่หมอนั่นกลับไม่เคยพูดถึงการตายของพี่ชายเลย

    ที่ครูนั่งอยู่ตรงนี้มันไม่ใช่เพราะกลัวตายหรอกนะ เธอโน้มตัวเข้าไปหาคนป่วยแล้วลูบหัวเบา ๆ ครูอยากมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อดูแลพวกเธอทุกคน

    ...

    ครูจะไม่มีวันทิ้งเธอเหมือนกับคราวนั้นอีกมินซอก ครูสัญญา แววตาจริงจังที่ย้ำบอกให้ลูกศิษย์เชื่อใจ มินซอกพยักหน้าเป็นคำตอบพลางเม้มปากเข้าหากันเมื่อนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์โรงเรียนแตกในวันนั้น

    วันนั้นครูไม่ได้ทิ้งผม

    ...

    อย่าโทษตัวเองเลยนะครับ

     

     
     

     

     

     

     
     

    FUCK FUCK FUCK พวกคุณเห็นใช่ไหมว่าลูกผมอยู่ข้างในนั้น ลูก ผม อยู่ ข้าง ใน นั้น เป็นครั้งแรกที่ลู่หานเห็นคนตรงหน้าสติแตกขนาดนี้ถ้าเทียบกับช่วงเวลาสั้น ๆ ที่เคยใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน

    ซีวอนเดินวนไปวนมาหลังจากที่พวกเขาทั้งแปดคนหาที่หลบพวกกินคนได้แล้ว ในร้านอาหารญี่ปุ่นซึ่งมีศพผีดิบพ่อครัวนอนตายอยู่บนพื้นอีกทั้งลูกค้าสองสามคนที่อยู่ในสภาพแห้งตายคาโต๊ะหลังถูกกัดมาเป็นเวลาหลายเดือน รอบข้างมืดสนิทมีเพียงแค่แสงจากไฟฉายที่ทำให้มองเห็นหน้าเพื่อนร่วมทางได้ จงอินกลอกตามองตามทุกเคลื่อนไหวของคนแปลกหน้าคนที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้มีพระคุณต่อลู่หาน

    ถ้าจะช่วยเขาเราคงช้ากว่านี้ไม่ได้แล้ว อี้ฟานพูดทำลายความเงียบขึ้นมาเมื่อสถานการณ์รอบด้านกำลังบีบบังคับให้ต้องตัดสินใจ

    ถ้ารอช้ากว่านี้ลูกผมคงได้กลายเป็นวุ้นแน่

    เสียงทุบประตูกระจกทางด้านนอกจากพวกตัวกินคนจำนวนหนึ่งถ้าให้เปรียบก็คงไม่พ้นระเบิดเวลา พวกมันส่งเสียงร้องโหยหวนเมื่อเห็นเหยื่ออันโอชะอยู่อีกฝากฝั่งของกระจกร้าน

    ทางออกหลังร้านล่ะมีไหม?

    มี!” เทาวิ่งกลับมาพร้อมกับชี้ไปทางครัวหลังร้านมีประตูหลังเปิดออกไปก็เจอหลังห้าง

    ดี อี้ฟานพยักหน้าแล้วส่องไฟฉายไปทางเด็กหนุ่มที่กึ่งยืนกึ่งนั่งบนโต๊ะอาหารแบคฮยอน คุณต้องกลับไปที่รถ คราวนี้เจ้าของชื่อไม่อ้าปากขัดขืนอะไร ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงเถียงหัวชนฝาว่าไม่เป็นไรแล้วก็รั้นจะไปด้วยท่าเดียว แต่จากสภาวะรอบข้างกับสมรรถภาพร่างกายที่ไม่เต็มร้อยมันคงไม่ดีแน่ถ้าเกิดต้องวิ่งหนีพวกนั้นทั้งที่ยังขาเจ็บ

    ผมจะพาเขาไปเอง แบคฮยอนหันไปมองคนตัวสูงข้าง ๆ ซึ่งยืนเงียบมานานและที่ยิ่งกว่านั้นคืออี้ฟานก็เห็นด้วย

    ถ้าลูกของผมเป็นอะไรขึ้นมาผมไม่ไว้หน้าพวกคุณแน่ ซีวอนพูดลอดไรฟัน ซึ่งคงมีเพียงแค่ลู่หานที่รู้ว่าผู้ชายคนนี้กำลังจริงจังมากแค่ไหน

    ใครจะไปรู้วะ เล่นลับ ๆ ล่อ ๆ แบบนั้น เรื่องนี้จะโทษใครได้? จงอินว่า พูดทีก็เจ็บแผลที่ปาก

    ของที่พวกเราเก็บได้ก็ยังอยู่ในนั้น พอซีวอนพูดจบทุกคนก็เงียบ

    โอเค เราไม่มีเวลาแล้ว จงอินดันไหล่น้องเล็กให้เดินไปหลังร้านโดยที่มีชานยอลนำอยู่ข้างหน้า

    แล้วพวกคุณล่ะ? แบคฮยอนมองคนอื่น ๆ ที่ยังคงยืนอยู่ในร้าน

    พวกเราจะหาทางช่วยเด็กคนนั้นก่อน

    ไหน ๆ พวกแม่งก็แห่มาออกันอยู่ตรงนี้กันแล้ว พวกมึงรีบหาทางออกไปขนเสบียงกลับดีกว่าว่ะ ทุกคนหันไปทางลู่หานที่กำลังถอดเสื้อโค้ทตัวนอกออกแล้วโยนมาข้างหน้าซึ่งเซฮุนก็รับไว้ได้ทัน ตอนนี้เขาเหลือเพียงแค่แจ็คเก็ตตัวนอกกับเสื้อฮู๊ดตัวในเท่านั้น

     

     

     

    เรื่องไปช่วยเด็กนั่นน่ะไว้เป็นหน้าที่กูเอง

     

     
     

     

     

     

     

    ตึก ตึก ตึก!

     

    ทางขวา!” เซฮุนก้มตัวลงต่ำก่อนจะเข้าตลบหลังผีดิบที่พุ่งเข้ามาทางเขาแล้วแทงมีดเข้ากลางท้ายทอยอย่างแรงจนทะลุไปข้างหน้า ทุกคนวิ่งเลียบออกมาทางหลังห้างสรรพสินค้าหลังจากช่วยกันส่งลู่หานให้ขึ้นไปในช่องแอร์ได้เรียบร้อยแล้ว

     

     

     

    ที่เหลือก็ได้แต่ภาวนาว่ามันจะหาทางไปห้องน้ำถูกไหม?

     

     

     

    เดี๋ยว!” ฝีเท้าหยุดกะทันหันพร้อมกับยกมือห้ามเพื่อนร่วมทางที่วิ่งมาด้วยกันเมื่อเห็นเหล่าผีดิบกองอยู่ข้างหน้ามากพอสมควร นัยน์ตาคมกลอกมองซ้ายขวาเพื่อมองหาทางหนีทีไล่ ถ้าเกาะกันเป็นกลุ่มแบบนี้ต้องมีการเลือดตกยางออกแน่

    พาแบคฮยอนไปทางซ้าย อี้ฟาน คุณพาคนอื่น ๆ ไปทางขวา ส่วนมึงไอ้เทา มากับกู เด็กหนุ่มตัวสูงพยักหน้ารับแล้วก้มลงต่ำตามหลังจงอินไป ส่วนคนที่เหลือแยกกลับเข้าห้างสรรพสินค้าผ่านทางลานจอดรถชั้นใต้ดินโดยมีซีวอนตีขนาบคู่กับอี้ฟาน

    มือแกร่งคว้าแขนคนตัวเล็กเอาไว้เพื่อให้อีกคนวิ่งตามมาด้วยกันแต่แบคฮยอนกลับสะบัดออกอย่างไร้เยื่อใย แววตาแข็งกร้าวที่ส่งมาทำให้ร่างสูงรู้สึกจุกอยู่ไม่น้อยแต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้แสดงออกผ่านทางสีหน้าให้อีกฝ่ายได้เห็น

    ผมแค่ขาเจ็บ ยังเดินเองได้

    เรื่องนั้นผมรู้ คำตอบเรียบเฉยไร้ซึ่งเยื่อใยของปาร์คชานยอลไม่ได้มีผลกับเขานักในเวลานี้ถ้าเทียบกับช่วงเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา ผมบอกคุณแล้วว่าให้อยู่บ้าน

    คุณไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะมาสั่งให้ผมทำหรือห้ามทำอะไร แบคฮยอนมองคนตรงหน้าอย่างเฉยชาก่อนที่ร่างสูงจะหันไปทางด้านข้างแล้วเอามีดแทงเข้าเบ้าตาตัวกินคนแล้วชักมือกลับอย่างง่าย ๆ

    ผมจะไม่พูดถ้าคุณไม่เป็นภาระให้กับคนอื่น

    คนอื่นที่ว่าคือคุณในตอนนี้น่ะเหรอ?

    ...

    เดินกลับไปหาคนอื่นสิ แบคฮยอนผินหน้าไปทางด้านข้างเพียงเสี้ยววิแล้วหันกลับมาสบตากับอีกฝ่าย แววตาที่เขาเคยหลงและหวาดกลัวมากที่สุด กลับไปบอกคนอื่นว่าส่งผมถึงรถแล้ว

    นี่ไม่ใช่เวลาที่คุณจะมาเอาแต่ใจ ชานยอลคว้าแขนอีกคนให้เดินไปข้างหน้ากับเขาแม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่เต็มใจนัก แบคฮยอนพยายามสะบัดแขนออกแต่ยิ่งพยายามเท่าไหร่ร่างสูงก็ยิ่งออกแรงมากเท่านั้น

    ปล่อย

    ...

    ปาร์คชานยอล!”

    ถ้าคุณยังเสียงดังอยู่ผมอาจจะต้องปิดปากคุณเอาไว้ ร่างสูงจับหัวไหล่อีกคนไว้ทั้งสองข้างพร้อมกับจ้องเข้าไปนัยน์ตาแข็งกร้าวอย่างไม่ยอมแพ้ ก็รู้ว่าเสียงทุกอย่างรอบข้างล้วนเป็นบัตรเชิญให้พวกกินคนแห่มาทางนี้ แต่มันไม่ใช่เรื่องจำเป็นเลยสักนิดที่ปาร์คชานยอลจะมาทำเหมือนหวังดีกับเขาทั้งที่การกระทำมันสวนทางอย่างที่เป็นอยู่

    ผมจะตายก็เพราะคุณนั่นแหละ

    ... ร่างสูงนิ่งไปเพียงแค่ได้ยินเสียงของคนตัวเล็กที่กำลังสั่นราวกับพยายามกลั้นเอาไว้ จนถึงตอนนี้เขาถึงได้รู้ตัวว่าได้เผลอออกแรงกับแบคฮยอนโดยไม่ตั้งใจอีกครั้ง

     

     

     

    ถ้ารู้แล้วก็ปล่อยสักที...

     

     

     

     

     

     

    พ่อ!!!!!”

    ซูโฮยืนพิงประตูทางเข้าห้องน้ำหญิงเอาไว้พร้อมกับร่างที่เซไปข้างหน้าเพราะแรงทุบจากอีกฝั่งประตู ไฟฉายขนาดเหมาะมือตกอยู่บนพื้นฉายแสงสว่างให้กับห้องน้ำเหม็นกลิ่นอับที่มีคราบเลือดเป็นทางยาวซึ่งก็ไม่รู้ว่ามันไปสิ้นสุดตรงไหน

     

     

     

    กึง กึง กึง!!!

     

     

     

    น้ำตาแห่งความหวาดกลัวหยดเผาะลงพื้นก่อนจะค่อย ๆ พยายามเหยียดขาไปข้างหน้าเพื่อเขี่ยเอาไฟฉายที่อยู่ห่างจากตรงนี้ไม่มากนักกลับมา ซูโฮทำได้เพียงแค่ยืนกันพวกผีดิบเอาไว้ขณะรอความหวังว่าพ่อจะมาช่วยซึ่งเขาไม่รู้ว่าตอนนี้ข้างนอกเป็นยังไงบ้าง

    ล่าสุดมีคนกลุ่มหนึ่งเข้ามาในห้างพ่อเลยบอกให้เขาก้มลงต่ำแล้วหาทางหนีออกจากตรงนั้นเพราะมันคงไม่ดีแน่ถ้าจำเป็นต้องต่อสู้กับคนอื่น จากประสบการณ์อันเลวร้ายเขากับพ่อก็เคยเห็นผู้คนเข่นฆ่ากันเพราะแย่งเสบียงมาแล้ว ตอนนั้นเขากับพ่ออยู่ห่างกันราว ๆ สิบเมตร พ่อบอกให้เขาคลานหนีไปตามโต๊ะวางเสื้อผ้าลดราคาแต่คลานไปได้ไม่เท่าไหร่ก็ถึงกับเบิกตากว้างเมื่อเห็นผีดิบสองตัวอยู่เบื้องหน้า และเด็กอย่างซูโฮก็ไม่มีความสามารถมากพอที่จะป้องกันตัวเองจากพวกมันด้วยกระบอกไฟฉาย

    เด็กหนุ่มวิ่งหนีตามสัญชาตญาณการเอาตัวรอดของมนุษย์ แน่นอนว่าตอนนั้นมีพวกผีดิบวิ่งตามเขามาไม่ต่ำกว่าสามตัว บางตัวเดินช้า บางตัววิ่งได้แต่รู้สึกว่าหนึ่งในนั้นที่วิ่งรั้งท้ายสุดจะเป็นคน

    ห้องน้ำคือทางรอดสุดท้ายที่สามารถทำให้เด็กอย่างซูโฮหยุดตั้งหลักได้ครู่หนึ่ง แต่ไม่ว่าข้างนอกจะเป็นคนหรือผีดิบแต่ที่แน่ ๆ พ่อของเขาอาจจะกำลังตกอยู่ในอันตรายเหมือนอย่างที่เขาพบเจออยู่ก็ได้

    เพียงแค่นึกถึงก็ทำอะไรไม่ถูก ทั้งเป็นห่วงพ่อทั้งสงสารตัวเองที่ติดอยู่ในห้องน้ำหญิงซึ่งถ้าจะพูดให้ถูกก็คงเรียกว่าทางตัน ในที่สุดไฟฉายก็เลื่อนเข้ามาใกล้มากพอที่จะก้มลงไปเก็บได้ ซูโฮเขี่ยมันให้ส่องไปทางเบื้องหน้าเพื่อไขความสงสัยที่ค้างคาใจว่าคราบเลือดสีเข้มที่แห้งกรังอยู่บนพื้นมันลากยาวไปทางไหนแล้วก็ได้คำตอบ...

     

     

     

    ว่ามันยาวไปถึงห้องน้ำด้านในสุด...

     

     

     

    ไม่รู้ว่ามีตัวอะไรอยู่ในนั้นแต่ความหวาดกลัวในหัวมันปั่นป่วนให้เด็กหนุ่มเสียสติมากกว่าที่เป็นอยู่ ซูโฮร้องไห้อีกครั้งเพียงแค่จินตนาการไปว่ามีตัวกินคนสภาพไม่น่าดูนักอยู่ในห้องน้ำ ความมืดโดยรอบซึ่งไร้คนเป็นพ่ออยู่ข้าง ๆ มันโจมตีเขาจนขาทั้งสองข้างมันสั่นแทบยืนต่อไปไม่ไหว เอื้อมมือที่กำลังสั่นลงไปข้างล่างพยายามเก็บไฟฉายขึ้นมา เหนือสิ่งอื่นใดในตอนนี้เขาต้องเอาชนะความมืดให้ได้เสียก่อน

    พ่อ...

     

     

     

     

    กร๊าซซซซซซซซซซซซซซซซซซซ!!”

    ปึง ปึง ปึง!!!

     

     

     

    อึ่ก...

    เหงื่อกาฬชื้นตามขมับและฝ่ามือ หัวใจเต้นแรงแทบไม่เป็นจังหวะเพราะเสียงโหยหวนข้างนอก ทุกวินาทีกดดันให้เด็กหนุ่มบอกตัวเองให้ยอมรับกับความตายในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้านี้ซะถ้าไม่ติดว่าครั้งหนึ่งชเวซีวอนผู้ซึ่งเป็นพ่อแท้ ๆ ได้บอกกับเขาว่า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม อย่าถอดใจจนกว่าจะถึงวินาทีสุดท้าย และมันเป็นเหตุผลมากพอที่จะทำให้เด็กอย่างซูโฮฝืนทนอยู่อย่างนี้แม้ว่าความหวังจะริบหรี่

    ฮือ...พ่อครับ...ช่วยผมด้วย... ปลายนิ้วแตะความเยือกเย็นของกระบอกไฟฉายก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อประตูถูกผลักเข้ามาจนร่างของเขาไถลไปกับพื้นห้องน้ำ อั่ก!” เด็กหนุ่มนิ่วหน้าปรือตามองไฟฉายที่กลิ้งวนรอบเป็นวงกลมก่อนจะเรียกสติตัวเองกลับมาได้เมื่อเห็นเหล่าผีดิบกรูเข้ามาในห้องน้ำ

     
     

    กร๊าซซซซซซซซซซซซซซซซซ!!!”

     
     

    อ่ะ! อย่าเข้ามา!” ซูโฮคลานถอยหลังอย่างทุลักทุเลก่อนจะแหกปากร้องลั่นเมื่อถูกจู่โจมแต่โชคดีที่เขาเบี่ยงตัวหลบได้อย่างหวุดหวิดอ๊ากกกกกกกกกกกกกก พ่อ!!! ช่วยผมด้วย!!! พ่อครับ!!!”

     
     

     

    กรรรรรรรรรรรรรซ์!!!!”

     

     

     

    ปึง! แกร่ก!

     

     

     

    ทันทีที่คลานเข้าไปในห้องน้ำส่วนตัวได้ซูโฮก็รีบเอื้อมมือขึ้นไปล็อกกลอนแน่นหนา สองขาเซถอยหลังจนล้มลงไปนั่งกับชักโครกทั้งที่ริมฝีปากกำลังสั่นเครือเพราะความหวาดกลัวหลังจากหวิดตายเมื่อครู่อีกทั้งมือและขาทั้งสองข้างก็กำลังสั่นไม่แพ้กัน

    หลุบสายตาลงมองช่องว่างระหว่างประตูกับพื้นกระเบื้อง แสงสว่างจากไฟฉายที่ถูกพวกผีดิบเตะไปตามทางส่ายไปมามันพอทำให้รู้ได้ว่ามีพวกกินเนื้อคนอยู่ข้างนอกมากน้อยแค่ไหน สองขายกขึ้นเหยียบชักโครกเมื่อเห็นมือโสโครกพร้อมกลิ่นเหม็นเน่าแทรกเข้ามาทางช่องใต้ประตูห้องน้ำพร้อมกับปะป่ายหาคนที่เป็นเหยื่ออย่างเขา

     

     

     

    ปึง ปึง ปึง!!!

     

     

     

    ยกมือขึ้นปิดปากกลั้นเสียงสะอื้นพลางมองรอบข้างเพื่อหาอาวุธป้องกันตัวแต่ก็พบเพียงแค่ถังขยะกับกล่องใส่กระดาษชำระเท่านั้น เด็กหนุ่มพยายามดึงมันออกมาอย่างยากลำบากท่ามกลางความกดดันจากฝั่งตรงข้ามของประตูห้องน้ำ

    พ่อ...ช่วยผมด้วย...ฮือ ซูโฮออกแรงดึงครั้งแล้วครั้งเล่าแต่ก็ไม่เป็นผลจนกระทั่งได้ยินเสียงอะไรบางอย่างดังมาจากเพดานเหนือศีรษะ

    แสงสว่างของไฟฉายจากเพดานห้องน้ำส่ายไปมาก่อนจะหยุดตรงระดับใบหน้าเขาพอดี ซูโฮหรี่ตาลงพลางยกมือขึ้นป้องระดับสายตาก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อเห็นหน้าอีกคนได้ชัดเจน

    ซูโฮ ยื่นมือมาให้พี่!”

    พ...พี่ลู่หาน?!”

     

     
     

     
     

    กึง กึง กึง!!

     

     

     

    นี่ไม่ใช่เวลามาตกใจ รีบยื่นมือมาเร็วเข้า!”

    เสียงประตูถูกทุบครั้งแล้วครั้งเล่าไม่ได้ทำให้ซูโฮสติแตกเท่ากลอนประตูที่กำลังจะหลุดออกมา พอก้มลงมองพื้นกระเบื้องก็เห็นตัวกินคนกำลังพยายามคลานเข้ามาแม้ว่าช่องทางนั้นจะคับแคบจนไม่สามารถแทรกตัวเข้ามาได้ ซูโฮลุกขึ้นเหยียบฝาชักโครกก่อนจะเงยหน้าขึ้น

    เร็วกว่านี้ซูโฮ!” ลู่หานเอื้อมมือลงไปเพื่อรับอีกคนขึ้นมาพลางมองฝูงผีดิบที่แออัดกันอยู่หน้าประตูห้องน้ำ ร่างโปร่งคว้ามืออีกคนไว้ได้ก่อนจะกัดฟันแน่นขณะออกแรงดึง ถึงซูโฮจะตัวเล็กกว่าเขาแต่ก็เพราะเหตุผลนี้แหละที่เป็นเรื่องยากสำหรับผู้ชายผอมแห้งแรงน้อยอย่างลู่หานเพราะเขาเองก็ไม่ได้ตัวใหญ่ไปกว่าใครเลย

     

     

     
     

    กึง กึง กึง!!

     

     

     
     

    ดึงผมขึ้นไป! มันจะเข้ามาแล้ว!” ซูโฮก้มลงไปข้างล่างเมื่อประตูที่เป็นกำแพงกั้นระหว่างเขากับพวกกินคนจวนจะพังทุกทีแล้วแต่ร่างของเขายังถูกดึงขึ้นไปไม่ถึงไหนเลย ลู่หานถอยไปข้างหลังแล้วออกแรงดึงมากกว่าเดิมจนกระทั่งได้ยินเสียงพังประตูเข้ามา

     

     
     

     

    ปึง!!!

     

     

     

     

    กร๊าซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซ!!!”

     
     

     

     

     

     

     

     

    ชู่ว์...

    จงอินเอานิ้วชี้แตะริมฝีปากเมื่อเห็นผีดิบชายหนุ่มคนหนึ่งยืนโงนเงนอยู่เบื้องหน้า ตอนนี้พวกเขาต้องเคลื่อนตัวช้าลงเพราะเสบียงข้าวของที่หามาได้จำนวนมากซึ่งมันทำให้จัดการกับพวกกินคนไม่สะดวกอย่างที่เคย

     

     


     

    พลั่ก!!

     

     
     

     

    ทุกคนมองอย่างตกใจเมื่อผีดิบตัวนั้นหงายหลังล้มลงไปเมื่อถูกชายร่างสูงเอากีต้าร์ฟาดเสยคางเข้าเต็มเหนี่ยวโดยไม่สนคำบอกกล่าวก่อนหน้านี้เลยสักนิด กีต้าร์ทำด้วยสแตนเลสหวดลงกะโหลกผีดิบนับครั้งไม่ถ้วนราวกับว่าผู้กระทำกำลังใช้วิธีนี้เป็นการระบายอารมณ์จนกระทั่งอี้ฟานเข้าไปดึงผู้ชายคนนั้นออกมา

    "ใจเย็นก่อนป่ะพ่อ? จงอินสาดไฟฉายใส่หน้าร่างสูงพร้อมมองด้วยสายตาหาเรื่อง ไอ้หล่อนี่กำลังทำให้พวกเขาหนีลำบากขึ้นเพราะไอ้เสียงหวดกีต้าร์จนด้ามหักนี่แหละ

    ไว้ให้ลูกชายคุณถูกไล่ต้อนจนต้องหนีตายเข้าไปในห้องน้ำบ้างสิ? อ้อ! ผมลืมไปว่าพวกคุณไม่เคยมีลูก ซีวอนแค่นหัวเราะก่อนจะปัดไฟฉายออกจากระดับใบหน้าตัวเองแล้วเบ้ปากอย่างไม่สบอารมณ์นัก

    กวนตีนว่ะแม่ง เทากระซิบซึ่งจงอินก็เห็นด้วย แต่จะพูดอะไรมากก็ไม่ได้เพราะสาเหตุที่ทำให้เรื่องราวมันเป็นแบบนี้เขากับไอ้ลู่หานก็มีส่วนเกี่ยวข้องอยู่

    ทุกคนนั่งลงยอง ๆ เพื่อปรึกษาหารือกันในขณะที่ซีวอนยังคงเดินวนไปวนมาอย่างกระวนกระวายเพราะเป็นห่วงลูกชายหัวแก้วหัวแหวนซึ่งเจ้าตัวไม่เคยปล่อยให้อยู่ห่างสายตานานขนาดนี้ตั้งแต่โลกเปลี่ยนไป

    จากตรงนี้ไปที่รถก็ไกลพอสมควร ผมว่าเราคงต้องหารถคันใหม่ ข้อเสนอของอี้ฟานเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับทุกคนในเวลาคับขันแบบนี้ ซึ่งทางออกไปลานจอดรถก็ไม่ไกลจากจุดที่ทุกคนอยู่มากนักเราต้องใช้รถสักสองคัน

    คุณขับนำไป เดี๋ยวผมขับไปตามชานยอลกับแบคฮยอนเอง จงอินพูดแล้วอี้ฟานก็พยักหน้าเห็นด้วย

    เฮ้! แล้วลูกชายผมล่ะ?

    ลู่หานต้องหาทางช่วยลูกชายคุณได้แน่

    เอาอะไรมายืนยันว่าเขาจะช่วยลูกผมได้? ร่างสูงมองอีกคนหวาด ๆ

    คุณเคยอยู่กับเขามาก่อน ก็น่าจะรู้ว่าลู่หานเป็นคนมีฝีมือพอสมควร อี้ฟานพูดเสียงเรียบ เขาเข้าใจว่าตอนนี้ซีวอนไม่ไว้ใจใครทั้งนั้นแม้กระทั่งลู่หานเอง

    ความเชื่อใจของผมไม่ได้อยู่ในข้อตกลงของพระเจ้า ผมจะไม่ไปไหนทั้งนั้นจนกว่าจะเห็นว่าซูโฮปลอดภัย

    ถ้าลู่หานช่วยลูกคุณได้ แล้วพวกเขาออกไปไม่เจอคุณจะเป็นยังไง? คำพูดของอี้ฟานทำเอาคุณพ่อสติแตกเงียบไป ร่างสูงถอนหายใจหนัก ๆ แล้วสบถด่าเป็นภาษาอังกฤษอย่างที่เขาชอบทำ ก่อนอื่นผมอยากให้เราทุกคนออกไปจากที่นี่ให้ได้ก่อน

    สิ้นสุดคำพูดจงอินก็ปิดบทสนทนาโดยการเดินนำหน้าไปพร้อมกระเป๋าเป้ที่อัดแน่นไปด้วยเสบียงอาหาร คนอื่น ๆ ค่อย ๆ ย่องตามมาข้างหลังก่อนจะแยกกันไปคนละทางเพื่อจัดการผีดิบที่ขวางประตูทางออกลานจอดรถ

    กลิ่นคาวเลือดปะปนกับกลิ่นเหม็นหืนของซากศพมีชีวิต ไขควงแหลมคมเจาะเข้ากลางหน้าผากอีกฝ่ายอย่างแม่นยำแม้ว่ารอบข้างจะมีแสงสว่างจากไฟฉายเพียงน้อยนิด ขายาวถีบร่างไร้วิญญาณออกไปแล้วหันกลับไปส่องไฟฉายใส่เพื่อนร่วมทางเป็นการส่งสัญญาณบอกให้เดินตามมาได้

     

     

     

     
     

     

     

    ลานจอดรถเงียบสงบทำให้พวกเขาใจชื้นขึ้นบ้างเพราะแสงสว่างจากทางด้านนอกที่ส่องเข้ามา เซฮุนถอนหายใจอย่างโล่งอกแล้วหันกลับไปมองข้างหลังซึ่งเป็นทางที่เพิ่งเดินออกมาเมื่อครู่นี้ แม้จะพ้นอันตรายแล้วแต่เขาก็วางใจเลยไม่ได้เสียทีเดียว จงอินเก็บไฟฉายใส่สนับขาก่อนจะเดินหารถสองคันตามที่ตกลงกันไว้โดยที่มีอี้ฟานตามไปสมทบ

    รถคันนี้เปิดได้ว่ะ...โอ้...เหี้ยเอ้ย!” เทาเบ้หน้าแล้วเดินถอยออกมาจากตรงนั้นเมื่อจมูกได้รับกลิ่นเหม็นเน่าจากซากศพหญิงสาวในชุดพนักงานออฟฟิศซึ่งแห้งกรังอยู่ข้างในจนเนื้อหนังติดกระดูกไม่เหลือเค้าให้เดาว่าก่อนหน้านี้เธอหน้าตาเป็นยังไง จงอินเงยหน้าขึ้นมองไอ้เด็กตัวสูงที่ส่งเสียงอยู่คนเดียวแล้วก็ขมวดคิ้ว

    มึงไหวนะ?  

    ไหว กลั้นใจตอบแล้วกระชากศพลงมาก่อนจะถอยออกจากตรงนั้นเพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าปอด ปลายนิ้วหัวแม่มือเขี่ยปลายจมูกอย่างเคยชินก่อนจะก้มลงดึงป้ายชื่อที่ห้อยคอเธอขึ้นมาดู ไปสู่สุขตินะ ส่วนนี่ผมขอแล้วกัน มองศพที่มีรอยกระสุนเจาะกลางขมับแล้วเก็บปืนที่เพิ่งตกพื้นขึ้นมาเหน็บไว้ข้างหลัง เทาโน้มตัวเข้าไปในรถก่อนจะดึงกุญแจออกมาให้ดูได้แล้วคันนึง จงอินพยักหน้าแล้วกลับเข้าไปต่อสายตรงต่อ มันเป็นเรื่องดีที่เขาไม่ต้องเสียเวลาต่อถึงสองคัน เซฮุนกับอี้ฟานช่วยกันเก็บของเข้าไปในท้ายรถก่อนจะสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงกระจกแตก

     

     
     

     

    เพล๊ง!!!

     

     
     

     

    “WHAT?” ซีวอนแทบจะขมวดคิ้วเป็นปมเมื่อเห็นใครคนหนึ่งกลิ้งออกมากลางถนนลานจอดรถพร้อมกับเศษกระจกที่แตกกระจายเต็มพื้น แต่ที่ทำให้ต้องเบิกตาโพลงนั่นไม่ใช่พวกผีดิบแต่มันคือลู่ชายของเขาที่วิ่งตามออกมาต่างหาก ซูโฮ!”

    ลู่หาน!” เซฮุนตะโกนเรียกคนที่กำลังพยายามหยัดตัวลุกขึ้นอย่างทุลักทุเลพร้อมกับควักปืนออกมายิงผีดิบที่กำลังพุ่งเข้าหาเขา ทุกคนกำลังตกใจกับภาพที่เห็นเมื่อพวกกินคนเหล่านั้นไม่ได้มาแค่สองสามตัวแต่พวกมันแห่มากันเป็นสิบ

    ไป!” ลู่หานตะโกนบอกเด็กน้อยที่ยืนเก้ ๆ กัง ๆ อยู่ข้างหลังก่อนที่เขาจะวิ่งแยกออกไปอีกทาง ซูโฮรีบวิ่งกลับไปหาคนเป็นพ่อแล้วสวมกอดแน่น

    อี้ฟานฝากตรงนี้ด้วย! เซฮุนไปขึ้นรถ!” จงอินสั่งการก่อนจะหันไปพยักหน้าเป็นเชิงบอกให้เทารีบสตาร์ทรถแล้วออกจากตรงนี้ซะ

    มือหนาชักปืนออกมาเตรียมพร้อมแล้ววิ่งตามฝูงผีดิบที่กำลังไล่ล่าอีกคนไปติด ๆ พวกมันส่งเสียงร้องโอดครวญกับความอดอยาก ลู่หานหอบหายใจหนักพลางหันไปมองข้างหลังก่อนจะระเบิดหัวผีดิบที่วิ่งเข้ามาในระยะสองเมตรซึ่งเขาแน่ใจแล้วว่ามันอยู่ในพิกัดที่เหมาะสมกับการลงมือยิง

    ได้ยินเสียงรถมาจากทางด้านขวามันทำให้เขาโล่งอกขึ้นมาหน่อยเมื่อร่างของซูโฮเข้าไปอยู่ในรถเรียบร้อยแล้ว ลู่หานหันไปตามเสียงผิวปากของคนที่วิ่งตามหลังมาก่อนจะยันมือไว้กับกระโปรงรถแล้วกระโดดข้ามไป

    เมเด! เมเด! กระสุนกูหมดแล้ว!”

    คลานไปเก็บ ทางนี้กูล่อเอง!” จงอินหยุดยืนอยู่กับที่แล้วโยนแม็กกาซีนไปอีกทางเพื่อให้เพื่อนซี้อ้อมไปเก็บ

    ห่าเอ้ย จะให้ดี ๆ ก็ไม่ได้ งานยากต้องกูตลอด!”

    อดไม่ได้ที่จะก่นด่าคนเป็นเพื่อน ลู่หานปลดแม็กกะสุนออกแล้วสไลด์ตัวไปข้างหน้าเพื่อเก็บแม็กกาซีนขึ้นมาก่อนจะตั้งหลักลุกขึ้นยืนขณะใส่แม็กกาซีนอันใหม่ไปด้วย จงอินตั้งปืนระดับริมฝีปากพร้อมปรับองศาให้พอเหมาะก่อนจะหลับตาข้างหนึ่งแล้วเหนี่ยวไกไปยังตัวกินคนที่ยังคงวิ่งตามลู่หานอย่างไม่ลดละ

     

     

     

    วิ่งให้ไวกว่านี้ไอ้หนู

     

     

     

     

    ปัง!

     
     

     

     

     

     
     

     

    รถผมอยู่ข้างล่าง

    รถอะไรไม่สนแล้วตอนนี้ เทาเหยียบคันเร่งหลังจากที่สองพ่อลูกขึ้นมานั่งเบาะหลังเรียบร้อยแล้ว

    รถของผมมีของที่พวกคุณต้องการอยู่เยอะมาก ถ้าไม่สนจะทิ้งไว้ตรงนั้นก็ได้นะเด็กหนุ่มมองชายวัยกลางคนที่กำลังทำหน้ากวนประสาทเขาผ่านกระจกมองหลังซึ่งหมอนั่นกำลังกอดลูกไว้แนบอกราวกับไข่ในหิน

    คำพูดของผู้ชายที่ชื่อชเวซีวอนทำให้หวงจื่อเทาลังเลอยู่ไม่น้อยเมื่อชั่งน้ำหนักไปถึงคนอื่น ๆ ที่รออยู่ในอุทยาน และแน่นอนว่าคนพวกนั้นมีชีวิตอยู่ได้ด้วยอาหารและเครื่องดื่ม ไม่ว่าจะมีมากน้อยแค่ไหนแต่ถ้าเป็นสิ่งที่สามารถช่วยให้ทุกคนรอดตายได้เขาก็อยากจะเก็บกลับไปแทนที่จะตัดใจทิ้งไว้อย่างน่าเสียดายแบบนั้น เทาเหยียบคันเร่งย้ำอีกครั้งก่อนจะเข้าเกียร์เมื่อเห็นจงอินกับลู่หานขึ้นรถอี้ฟานได้แล้ว

     

     

    โอเค รถคุณจอดอยู่ไหนบอกมา

     

     

     

     

     

     

     

    ทันทีที่รถทั้งสี่คันขับเข้ามาในอุทยานคนที่นั่งผิงไฟยามบ่ายก็ลุกขึ้นยืน คนที่ได้แต่รอการกลับมามีหลากหลายความรู้สึก หนึ่งในนั้นคือความหวาดกลัวว่าจะมีใครเป็นอะไรไปหรือเปล่าซึ่งพวกเขาไม่ต้องการแบบนั้น

    คนป่วยที่ยอมออกมาข้างนอกด้วยได้เพียงนั่งมองรถแต่ละคันที่เพิ่งดับเครื่องลง เทาเดินลงมาจากรถเป็นคนแรกและตามมาด้วยอี้ฟาน จงอินและลู่หานซึ่งดูเหมือนว่าจะถีบกันออกมา

    แบคฮยอนเหวี่ยงกระเป๋าเป้ไปข้างหลังโดยที่ไม่สนใจใครอีกคนที่เพิ่งเปิดประตูลงมาจากที่นั่งคนขับ ถึงจะรู้สึกปวดขาทุกครั้งที่ก้าวไปข้างหน้าแต่ในวินาทีนี้เขาจะไม่ยอมแสดงความอ่อนแอออกมาให้ปาร์คชานยอลเห็นแน่

    อะไร?!” อึนจีถอยหลังออกมาสองก้าวโดยอัตโนมัติเมื่อจู่ ๆ แบคฮยอนก็เดินดุ่ม ๆ มาหยุดอยู่ตรงหน้า ราวกับว่าอีกฝ่ายเป็นแมลงร้ายที่สามารถต่อยเธอให้ตายได้ภายในครั้งเดียว ซึ่งจองอึนจีคิดว่าบยอนแบคฮยอนมีความสามารถมากกว่านั้น เด็กสาวทำตาเหลือกแล้วกลอกตาไปทางจงแดที่ยืนอยู่ข้าง ๆ และดูเหมือนว่าเขากำลังตกใจกับท่าทางของเธออยู่ไม่น้อย

    ไปกับฉันหน่อย

    ไปไหน แทบสวนกลับไปในทันที อึนจียังคงยืนทำหน้ามึนใส่และสีหน้าแบคฮยอนตอนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่ตลก อืม...ปกติหมอนี่ก็ไม่เคยตลกอยู่แล้วแต่ว่าที่เป็นอยู่มันอึมครึมยังไงชอบกล

    นะ นั่น...มีโหมดอ้อนวอนเป็นพร๊อบเสริมอีกด้วย

    คุยตรงนี้ไม่ได้เหรอ

    มันก็ได้ แต่ฉันอยากคุยกับเธอสองคน

    เอาแล้ว... เสียงอุทานของจงแดทำให้เด็กสาวเริ่มสำเหนียกได้แล้วว่าถ้าไม่รีบออกไปจากตรงนี้เธอคงถูกเข้าใจผิดว่าซัมติงกับไอ้หมอนี่แน่ ซึ่งมันก็คงเป็นอย่างนั้นไปแล้ว พอมองไปข้างหลังแบคฮยอนก็เห็นไอ้เจ๊กกำลังเดินมาทางนี้พร้อมกับคุณชานยอลและคุณอี้ฟาน

    งั้นไป เม้มปากแน่นแล้วมองหน้าอีกฝ่ายอย่างจริงจังก่อนจะเดินไปที่บ้านหลังแรกด้วยกันท่ามกลางความงุนงงของใครหลายคนไม่เว้นแม้กระทั่งอี้ชิง กาฮี คยองซูและมินซอกที่อยู่หน้ากองไฟ

    วีดวิ้ว~”

    พ่อเป็นนกหวีดเหรอ แอบหันไปค้อนใส่ไอ้เจ๊กตัวเขียวที่กำลังยิ้มตาเยิ้มเพราะเห็นเธอเดินขนาบคู่ไปกับแบคฮยอน และต่อให้ด่ามากกว่านั้นก็เชื่อว่าหวงจื่อเทาคงไม่สะทกสะท้านอะไรนัก

    ว้าว! มีผู้หญิงอยู่ที่นี่ด้วยเหรอเนี่ย? Fantastic!” ซีวอนโอบไหล่ลูกชายเดินลงมาจากแลมโบกินี่สีดำคันหรูซึ่งหวงจื่อเทาแวะจอดให้เขาได้ลงไปพารถคู่ใจขับมาที่นี่

    มันไม่ใช่อย่างที่ผมกำลังคิดใช่ไหม แบคฮยอนกับอึนจีน่ะ? จงแดชี้ไปยังเด็กสองคนนั้นที่กำลังเปิดประตูบ้านเข้าไป

    อา...ตอนแรกยังทำ เหมือนมีใจ ให้ผมอยู่เลย อี้ชิงพูดติดตลกก่อนจะหุบยิ้มเมื่อถูกมินซอกมองด้วยหางตา

    เด็กวัยรุ่นก็งี้แหละค่ะ กาฮีหัวเราะเบา ๆ

    คุณอกหักแล้ว คยองซูพูดเสียงเรียบ เจ้าหน้าที่หนุ่มทำท่ากุมหัวใจราวกับเจ็บปวดกับเป็นอย่างมาก

    นี่เราอยู่ในยุคอดอยากปากแห้งจนต้องแย่งกันจีบช้างแล้วเหรอ เทาส่ายหน้าหน่าย ๆ แล้วเดินอ้อมไปเก็บของหลังรถ

    พวกคุณทุกคนปลอดภัยดีนะคะ? กาฮีมองสำรวจทีละคนและก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง

    คนเยอะจังเลยครับพ่อ เด็กน้อยที่ยังคงจมูกแดงหลังจากสิ้นสุดการร้องห่มร้องไห้เพราะความกลัวกำลังมองไปยังประชากรตรงหน้าซึ่งคนอื่น ๆ ก็กำลังมองมาที่เขาทั้งคู่เช่นกัน

    มันเยี่ยมใช่ไหมล่ะ” <- พ่อ

    ไม่ชินเลยต่างหาก <- ลูก

    “Oh Jesus เพราะงั้นลูกต้องวางตัวให้ดีในการเข้าสังคมนะรู้ไหม? พูดพร้อมกับยีหัวเด็กน้อยอย่างเอ็นดูทำเอาใครหลายคนยืนเบ้ปากอยู่ห่าง ๆ

    นั่นคุณซีวอนกับลูกชายของเขาชื่อซูโฮครับ เป็นอี้ฟานที่แนะนำสองพ่อลูกให้ทุกคนรู้จัก พวกเขาต่างโค้งหัวให้กันและกันเป็นการทักทายในขณะที่ซีวอนชูนิ้วหัวแม่มือ นิ้วชี้กับนิ้วกลางขึ้นระดับใบหน้า

    “Hi~”

    ไปลากมาได้ยังไง คยองซูถามทั้งที่ยังมองคนแปลกหน้าทั้งสอง เซฮุนโน้มหัวลงไปเล็กน้อยเพื่อกระซิบบอกอีกคน

    พวกเขาอยู่ในห้างตอนที่เรากำลังหาเสบียงกันอยู่น่ะ สองคนนั้นเคยช่วยชีวิตลู่หานไว้เมื่อนานมาแล้ว

    โลกกลมหรือเวรกรรมกันนะ

    อย่าพูดให้ขำสิ เซฮุนกลั้นขำในขณะที่คยองซูได้เพียงแค่อมยิ้มเล็กน้อยเท่านั้น

    ที่นี่คือที่ไหนใครพอจะบอกผมได้บ้าง? ทำไมมีต้นไม้อยู่เต็มไปหมดเลยล่ะ? มีใครในนี้ชื่อทาซานหรือเปล่า? HELLO? ซีวอนเปิดประตูรถแล้วหยิบแว่นกันแดดสีดำออกมาใส่พร้อมกับกวาดสายตาไปรอบ ๆ

    ... แต่ละคนยืนนิ่งมองผู้ชายอารมณ์ดีซึ่งต่างจากเมื่อชั่วโมงที่แล้วอย่างสิ้นเชิง จงอินถุยน้ำลายที่มีกลิ่นคาวเลือดอยู่เล็กน้อยลงพื้นก่อนจะเหวี่ยงกระเป๋าเป้ไปข้างหลังแล้วเดินเข้าบ้าน

    คุณจะไปเลยเปล่า? คำถามของลู่หานเรียกความสนใจจากสองพ่อลูก ซูโฮเงยหน้าขึ้นมองพ่อก่อนจะยิ้มให้กับคนที่เพิ่งช่วยชีวิตเขา ถ้าคุณไม่รีบไปไหน ผมก็อยากให้คุณค้างที่นี่สักคืน ลู่หานหันไปทางจงแดที่เพิ่งปรึกษาเรื่องที่พักอาศัยกันไปเมื่อครู่นี้

    ลูกว่าไง?

    เราอยู่ที่นี่ได้เหรอ ซูโฮถามลู่หาน

    พูดครับด้วยสิลูก

    ได้เหรอครับ รีบพูดทันทีหลังจากถูกพ่อตักเตือนและนั่นเรียกรอยยิ้มจากคนรอบข้างได้เป็นอย่างดี

    ได้สิ อุทยานยังซังยินดีต้อนรับทุกคนที่เป็นมิตรกับเพื่อนมนุษย์ สัตว์และป่าไม้ จงแดยิ้มกว้าง

    งั้นเราอยู่ที่นี่กันนะครับพ่อ!” ซูโฮมองคนข้าง ๆ ตาเป็นประกายซึ่งคนเป็นพ่อก็คงขัดใจไม่ได้ถ้าลูกมีความสุข

    เห็นทีว่าผมกับลูกคงต้องรบกวนที่นี่สักคืนสองคืนแล้วล่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะ...ว่าแต่พวกคุณชื่ออะไร?

     


     

     

    กริบ...

     

     
     

     
     

    ลู่หานเกาหัวเพราะคนที่ซีวอนชี้เป็นคนแรกคืออี้ฟาน ซึ่งเป็นคนที่พูดกับมันบ่อยที่สุดตอนอยู่ในห้าง เรื่องการแนะนำตัวในวินาทีนี้คิดว่าคงไม่มีใครทำหน้าที่นี้ได้ดีเท่าเขาอีกแล้ว ลู่หานผายมือไปทางด้านซ้ายเพื่อแนะนำชายหนุ่มร่างสูงให้สองพ่อลูกรู้จัก

    คนนี้ชื่ออู๋อี้ฟาน

    เป็นคนจีนเหรอ? สำเนียงภาษาเกาหลีของคุณดีไม่แพ้ลู่หานเลยนะ หรือว่าคุณสองคนเป็นพี่น้องกัน อาลู่กับอาอู๋ ลู่หานเอาลิ้นดันกระพุ้งแก้มแล้วหรี่ตามองผู้ชายสติไม่ดีที่กำลังพูดจาล่อตีนเขาอยู่ ได้ข่าวว่าตอนแรกมึงแทบจะแดกหัวทุกคนตอนซูโฮถูกต้อนเข้าห้องน้ำ

    ยินดีที่ได้รู้จักครับ อี้ฟานเช็คแฮนด์กับอีกคนซึ่งทำให้ซีวอนพอใจกับการทักทายแบบนักธุรกิจเป็นอย่างมาก

    “Me, neither.” (เช่นกัน)

    ผู้ชายคนนั้นชื่อจางอี้ชิง เป็นบุรุษพยาบาล

    “Wow! Many คนจีน คนจีน are all around คนจีนเต็มไปหมด โอเค หนีห่าว~”

    หนีห่าว... เจ้าของชื่อยิ้มแห้ง ๆ เพราะตามอารมณ์สมาชิกใหม่ชั่วคราวไม่ทัน และคิดว่าคนอื่น ๆ ก็คงเช่นกัน

    ผู้หญิงคนนั้นชื่อปาร์คกาฮี เธอเป็นค...รู พูดยังไม่ทันจบคนที่เคยบอกว่าชีวิตนี้มีแต่ลูกก็ถ่อหน้าแท่ด ๆ เข้าไปกุมมือครูสาวพร้อมกับโน้มเบ้าหน้าลงไปจูบหลังมือเธอเป็นการทักทาย ปาร์คกาฮีชะงักอยู่ท่านั้น สีหน้าของเธอกำลังตกใจสุดขีดกับพฤติกรรมของคนแปลกหน้าที่มีต่อเธอ

    เฮ้ย ๆ ทำไรวะ?!” เทาตะโกนลงมาจากบันไดทางขึ้นบ้านเมื่อเห็นไอ้หน้าหล่อลูกติดกำลังแต๊ะอั๋งครูของเขาอยู่ ซีวอนปล่อยมือเธอแล้วโบกมือทักทายเด็กตัวสูงที่เป็นสารถีขับรถให้เขานั่งตั้งสามนาทีก่อนจะส่งให้เขาไปรับแลมโบกินี่คู่ใจ

    แล้วคนนี้ล่ะครับ ซูโฮชี้ไปทางเด็กตัวสูง

    หวงจื่อเทา อายุน่าจะเท่านายมั้ง พอลู่หานตอบซูโฮก็โบกมือทักทายอีกคน

    หืม? อายุสิบห้าเองเหรอ เด็กสมัยนี้โตเร็วจังเลยนะ ซีวอนพูดในท่าทีสบายก่อนจะคาบบุหรี่ไว้แล้วจุดไฟแช็ค

    หะ? นายอายุสิบห้าเองเหรอซูโฮ? ลู่หานแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเองและคนอื่น ๆ ก็ด้วย

    เมื่อสองปีที่แล้วพ่อก็พูดแบบนี้ ปีนี้ผมอายุสิบเจ็ดแล้วนะครับพ่อ!” น้ำเสียงเด็กหนุ่มขุ่นเคืองใจอยู่ไม่น้อย คนเป็นพ่อพ่นควันบุหรี่ออกแล้วลูบผมปรอยของอีกคนเป็นการขอโทษ

    “Sorry, boy. It's my bad.” (ขอโทษครับลูก พ่อผิดเอง) เด็กน้อยปัดมือคนเป็นพ่อออกแล้วมองคาดโทษด้วยหางตาก่อนจะหันไปหยุดอยู่ที่อีกคน

    นายชื่อหวงจื่อเทาใช่ไหม ฉันซูโฮนะ เมื่อกี้ขอบคุณมากเลย เด็กหนุ่มยิ้มเก้อเมื่อคนตัวสูงยกมือขึ้นเป็นเชิงบอกให้เขาหยุดพูดซะ

     ถ้าว่างก็มาช่วยยกของดิ พูดมากว่ะ ส่งสายตาดุไปยังคนตัวเล็กกว่า ซูโฮยืนงงอยู่ตรงนั้นครู่หนึ่งก่อนจะหันไปหาพ่อตนเอง

    ผมกำลังว่างเหรอครับพ่อ

    “Naw, you don't, my son. อยู่ใกล้พ่อเข้าไว้ โอเค๊?” (ไม่เลยลูกรัก) ร่างสูงหรี่ตามองลูกชายพลางส่ายหน้า

    ครับ ยืนขนาบคนเป็นพ่อแล้วกอดเอวก่อนจะเหล่มองไปทางด้านข้างแล้วก็เห็นหวงจื่อเทากำลังมองคาดโทษเขาอยู่ อะไรล่ะ ก็พ่อบอกว่าเขาไม่ว่างนี่นา

    ส่วนไอ้ดำนั่นชื่อคิมจงอิน ลู่หานชี้ไปทางชายหนุ่มที่กำลังแบกของหนักเข้าบ้านประหนึ่งกรรมกร นั่นชื่อคิมจงแดเขาเป็นเจ้าหน้าที่ประจำอุทยานนี้ ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ คุณกาฮีชื่อโดคยองซู ส่วนที่อยู่ทางขวานั่นชื่อปาร์คชานยอล เจ้าของชื่อโค้งหัวอย่างมีมาทยาทพลางยิ้มน้อย ๆ

    เราไปช่วยเก็บของกันเถอะจ้ะ นั่งอยู่ตรงนี้นะมินซอกเดี๋ยวครูจัดการเอง กาฮีห้ามเมื่อคนป่วยทำท่าจะเดินตามเธอไปด้วยกัน คยองซูหันมามองมินซอกเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะตบบ่าเป็นเชิงบอกให้เขานั่งลงผิงไฟเหมือนเดิม

    เดี๋ยวมาหา

    เร็ว ๆ นะ ถ้าไม่มีคยองซูก็ไม่รู้ว่าจะคุยกับใครอีก และเขาก็ไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่กับการต้องทนอยู่ตรงนี้โดยที่มีลู่หานยืนอยู่

    ตอนนี้เหลือเพียงแค่ลู่หาน มินซอกและชานยอลที่ยังคงยืนอยู่กับสองพ่อลูก ลู่หานมองไปยังอีกคนที่อยู่ไม่ห่างจากตรงนี้มากนัก สบตากันได้ไม่ถึงสองวิมินซอกก็หลบหน้าไปเสียก่อน

    คนนั้นชื่อคิมมินซอก

    ...!!”

    โอ๊ะ!”

    ทุกคนกำลังงงกับท่าทางตกใจเกินจริงของสองพ่อลูกหลังจากแนะนำมินซอกให้รู้จักเป็นคนสุดท้าย

    พ่อครับ ๆ นั่นมินซอก!”

    คนที่ลู่หานแอบชอบน่ะเหรอ?

    ไม่ครับไม่ คนนั้นชื่ออะไรนะ แบค ๆ สักอย่างต่างหาก บทสนทนาของสองพ่อลูกทำเอาชายหนุ่มทั้งสามคนที่ยังอยู่ตรงนี้หน้าตึงไปตาม ๆ กันและดูเหมือนว่าคนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคงไม่ใช่ใครนอกจากมินซอก

    แบคฮยอน

    ใช่ ๆ ชื่อนั้นเลย แบคฮยอน ซีวอนดีดนิ้วดังเปาะหลังจากได้รับคำตอบจากมินซอก สองพ่อลูกหันไปมองลู่หานพร้อมกับเขย่าไหล่ข้างขวา แบคฮยอนคนไหน ใช่คนที่ไปกับคุณคนนั้นไหม ตาตี่ ๆ ที่เดินกะเผลกเพราะเจ็บขาน่ะ

    ลู่หานถึงกับตบหน้าผากตัวเองกับคำพูดที่หลุดออกมาจากปากสองพ่อลูกทั้งที่มินซอกนั่งอยู่ตรงนี้ ชานยอลมองใครอีกคนที่กำลังกระอักกระอ่วนกับคำถามจนแทบพูดไม่ออก พอหันไปทางมินซอกก็ยิ่งแล้วใหญ่ ภายใต้สีหน้านิ่งเฉยของเด็กคนนั้นกำลังซ่อนความไม่พอใจเอาไว้

    ว่าไง คุณคบกับเด็กคนนั้นหรือยัง พอกลับไปแล้วสารภาพรักเลยหรือเปล่า?

    ...

    พ่อครับ... ซูโฮยิ้มแหย ๆ พลางเขย่าแขนคนเป็นพ่อขณะมองคนใส่แว่นที่นั่งอยู่หน้ากองไฟ

    ว่าไงลูก? ให้ตายเถอะ เมื่อกี้พ่อวิ่งหนีพวกซาแซงไปกับแบคฮยอนด้วยนะ ลูกน่าจะได้คุยกับเขา ซีวอนยังคงไม่รู้ตัว บรรยากาศกดดันเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และมีแต่นักธุรกิจหนุ่มหน้าหล่อคนเดียวที่ยังคงไม่รู้เรื่องรู้ราวในขณะที่ลูกชายได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ หลังจากโยงเรื่องเองได้แล้ว

    ถ้าคน ๆ นี้ชื่อมินซอก...และเด็กผู้ชายที่เพิ่งเดินเข้าไปในบ้านกับเด็กผู้หญิงอีกคนคือแบคฮยอน ส่วนคน ๆ นี้คือปาร์คชานยอลผู้ซึ่งเป็นไอ้หล่อมารหัวใจที่พี่ลู่หานเคยเล่าให้ฟังเมื่อนานมาแล้ว

     

     

     

    งั้นแสดงว่า...

     

     

     

    พ่อครับ...

    หืม...

    ผมขอตัว สองพ่อลูกหันควับไปทางคนตัวเล็กที่ลุกขึ้นเดินออกจากกองไฟเบื้องหน้า

    เดี๋ยวสิมินซอกลู่หานรีบเข้าไปคว้าแขนอีกคนเอาไว้แต่ก็ถูกสะบัดออกอย่างไม่ใยดี ชานยอลได้แต่มองแผ่นหลังของเด็กคนนั้นที่เดินลับหายเข้าไปในบ้านหลังแรกแล้วปล่อยให้ใครอีกคนยืนมองเก้ออยู่ตรงนั้น

    ผมว่าแบคฮยอนไม่ได้คบกับพี่ลู่หาน...

    หืม...

    พ่อครับ...เป็นเรื่องแล้ว สองพ่อลูกมองหน้ากันก่อนจะหันกลับไปยิ้มแห้ง ๆ ให้ลู่หานที่กำลังเสยผมขึ้นอย่างหัวเสีย

     

     

     

     

     “Jesus Christ...

     

     

     

     

     

    TBC

     

     

     

     

    พ่อลูกมาถึงก็สร้างงานสร้างอาชีพเลยนะ สงสารพี่หานจับใจ ถ้างงต้องกลับไปอ่านช่วงพี่ลู่อยู่กับพ่อลูกซีวอนตอนซีซั่น 1 นะคะ

     

    สปอยล์! ตอนหน้าใครรอไคฮุนบ้าง? ขอเสียงหน่อยยย

     


     

     สำหรับคนที่จินตนาการพี่ซีวอนชูสามนิ้วไม่ออก 5555

     

     

     

                        

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×