คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #56 : Chapter 52 :: Dangerous
Chapter 52
Dangerous
“พวกคุณน่ะ มีใครโดนกัดมาหรือเปล่า”
“ทำไม ถ้ามีแล้วจะทำไม?” ลู่หานถามหากแต่คนที่เดินนำอยู่ข้างหน้าสุดกลับหัวเราะ “นายจะใช้ปืนยาสลบกิ๊กก๊อกนั่นยิงพวกเราหรือไง?”
“เปล่า ผมจะตายให้ดู” เขาหันมายิ้มให้กับชายหนุ่มที่ดูเหมือนว่าจะห่ามที่สุดในกลุ่มนี้ ลู่หานยักไหล่ไปอย่างนั้นแล้วเดินทางต่อ “ลำพังแค่ผมที่มีแต่ปืนยิงยาสลบ จะเอาอะไรไปฆ่าใครได้”
“คุณเคยใช้มันยิงตัวกินคนที่อยู่หน้าประตูแล้วใช่ไหมครับ?” คำถามของเซฮุนทำให้เจ้าหน้าที่หนุ่มตกใจอยู่ไม่น้อย
“คุณรู้ได้ยังไงน่ะ?”
“ผมเห็นลูกดอกปักอยู่ที่คอมัน” ร่างบางหัวเราะแล้วจิ้มซอกคอตัวเอง
“วันนั้นผมเสียของไปเยอะเลยล่ะ น่าเสียดายจริง ๆ ” พวกเขายิ้มขำเมื่อได้ยินเสียงบ่นอุบอิบของจงแด
“คุณอยู่ที่นี่มานานแค่ไหนแล้ว” ถ้าเลือกได้โดคยองซูก็อยากเดินตามเงียบ ๆ หรอกนะ แต่เพราะอะไรหลายอย่างที่ทำให้เขาอยากรู้เกี่ยวกับการดำเนินชีวิตของเจ้าหน้าที่อุทยานคนนี้ว่าผ่านพ้นมาได้ยังไง
“ผมอยู่ที่นี่มาตั้งแต่...” ก้มหน้านับนิ้วพร้อมกับก้าวข้ามขอนไม้และโขดหินที่ขวางทางอย่างชำนาญ จากท่าทีสบาย ๆ ของเจ้าหน้าที่หนุ่มทำให้พอจะเดาออกว่าผู้ชายคนนี้คงกบดานอยู่ที่นี่มานานพอสมควร
“ปีหน้าค่อยบอกก็ได้ ไม่รีบ” หมั่นหน้ามันครับ ข้อหายิงพลาดไปโดนไอ้จงอินก็ว่าแย่ละเสือกหัวเราะตอนเขากระโดดลงมาจนก้นจ้ำเบ้ากับพื้นนี่สิแย่กว่า
“ลืมแล้วล่ะ” หันมายิ้มแบบใส ๆ สไตล์เจ้าหน้าที่อุทยาน (แซะแม่ง) แล้วก็เดินนำหน้าไปอีกครั้ง ลู่หานมองไปยังเพื่อนซี้ที่สลบเหมือดไม่เป็นท่าจนอี้ฟานต้องให้ขี่หลังเพราะคนอื่น ๆ คงไม่มีปัญญาหิ้วมันได้แล้ว
“คุณเดินป่าบ่อยเหรอคะจงแด?” ครูสาวถามแล้วเจ้าหน้าที่หนุ่มก็หันมาพยักหน้าเป็นคำตอบ
“อาทิตย์ละสองครั้งครับ ผมจะเข้ามาสำรวจความเรียบร้อยดูว่ามีตัวประหลาดที่ไหนเข้ามารังแกเด็ก ๆ หรือเปล่า”
เด็ก ๆ งั้นเรอะ...
“ที่นี่มีตัวอะไรบ้างเหรอครับ?” ดูเหมือนว่าจงแดจะดีใจกับคำถามของอี้ฟานเป็นอย่างมาก
“มีเยอะแยะไปหมดเลยล่ะ ทั้งเสือที่พวกคุณเพิ่งเจอ ช้างป่า หมีกริซลีย์ หมีดำ กวางอะไรเทือก ๆ นั้น”
“มีแต่น่ากลัว ๆ ทั้งนั้นเลยอ่ะ” อึนจีว่า พวกเขายังคงเดินตามจงแดไปเรื่อย ๆ โดยที่ไม่มีท่าทีว่าจะเห็นจุดหมายปลายทาง
“ไม่หรอกน่า พวกสัตว์เล็ก ๆ ก็มีอย่างเช่นกระรอก กระต่าย ส่วนพวกสัตว์กินเนื้อก็มีประมาณสิบสามชนิด กินพืชอีกห้าชนิด ครึ่งบกครึ่งน้ำอีกหกสิบแปดชนิด กินแมลงหกชนิด พวกใช้ฟันแทะอีกสี่ชนิดแล้วก็สัตว์ปีกประมาณ...” จงแดทำหน้าคิดแล้วนับข้อนิ้ว “สามร้อยชนิดเห็นจะได้”
“อื้อหือ นี่ไปนั่งนับยืนนับมาหรือไง” อดไม่ได้ที่จะแซะอีกรอบ จงแดหันมาหัวเราะแล้วเกาท้ายทอยแก้เขิน
“มันมีข้อมูลอยู่ในคอมพ์น่ะ”
“ถุ้ย กูนึกว่าจะเก่ง” ลู่หานสะดุ้งเพราะโดนฟาดเข้าเต็มแรง พอมองไปทางด้านข้างก็เห็นมินซอกกำลังถลึงตาใส่อยู่ “อะไรเล่า”
“ถ้ามันไม่สร้างสรรค์ก็อย่าพูดออกมา”
“ดุพี่ตลอดอ่ะ” ลู่หานเบ้ปากแล้วก็ยกมือขึ้นบังโดยอัตโนมัติเมื่อคนตัวเล็กทำท่าง้างมือขึ้น
“ผมท่องจำช่วงที่เข้ามาประจำการใหม่ ๆ ถือว่าเป็นงานหินเลยกับการที่ต้องจำให้ได้ว่าที่นี่มีสัตว์อยู่กี่ชนิด ลักษณะนิสัยเป็นยังไง เวลานักท่องเที่ยวถามจะได้ตอบถูก” สองขาก้าวข้ามผ่านโขดหินอยู่กลางแม่น้ำเป็นจุด ๆ เพื่อข้ามไปยังอีกฝั่งและไม่ลืมที่จะหันหลังมาช่วยจับมือครูสาวให้เดินตามมาด้วยกันจนเหล่าชายหนุ่มแอบหมั่นไส้อยู่ไม่น้อยซึ่งนั่นก็คือเจ้าเก่าอย่างลู่หานและเทาผู้หวงครูของเขาอย่างกับอะไรดี
“กูเริ่มหมั่นหน้ามันตามมึงละ” เทากระซิบ พอเห็นว่ามีพวกเพิ่มลู่หานก็ยกยิ้มมุมปากขณะมองไปข้างหน้า
“เห็นไหมล่ะ กูไม่ได้อคติไปเอง”
“แม่งม่อครูชัด ๆ ”
“เล่นแม่งเลยเปล่า”
“เออ เดี๋ยวรอจังหวะก่อนสัด บังอาจท้าทายอำนาจมืดมันต้องโดน” เทาแค่นหัวเราะแล้วก็เลิกคิ้วขึ้นเมื่อชานยอลหันกลับมาแล้วยื่นกระเป๋าเป้ให้ถือเพื่อที่เขาจะได้ช่วยอี้ฟานแบกจงอินข้ามไปอีกฝั่ง
“โยนกระเป๋ามาให้ผมก่อนครับ” จงแดแบมือมาทั้งสองข้างหลังจากข้ามไปได้เป็นคนแรกและคนที่ตามมาจนถึงหินก้อนสุดท้ายก็คือปาร์คกาฮี เธอหยุดยืนกับที่แล้วโยนกระเป๋าให้แล้วพยายามทรงตัว “ระวังนะครับตรงนี้มันลื่น” ครูสาวพยักหน้าแล้วกระโดดข้ามไปโดยมีเจ้าหน้าที่หนุ่มคอยช่วยประคอง
“เร็ว ๆ ได้เปล่า” เทาตะโกนไปข้างหน้าด้วยน้ำเสียงติดหาเรื่องอยู่หน่อย ๆ เมื่อเห็นว่าไอ้เจ้าหน้าที่ขี้หลียังคงโอบไหล่ครูของเขาเอาไว้ไม่ยอมปล่อยสักที กาฮีผละตัวออกแล้วรับเป้มาสะพายและไม่ลืมที่จะโค้งหัวขอบคุณ
“ตาคุณแล้วครับ” คราวนี้เป็นอึนจี เด็กสาวโยนกระเป๋าเป้ให้โดยที่อีกฝ่ายไม่ต้องบอกก่อนจะกระโดดข้ามไปอย่างง่าย ๆ พร้อมยักคิ้วใส่
“พอดีเกรดสี่กระโดดข้ามรั้วค่ะ”
“เก่งมากเลย” คงมีแค่จองอึนจีคนเดียวที่ยิ้มร่าตอนถูกชม แต่ชายหนุ่มสองคนที่ยืนแผ่ออร่าหมั่นไส้อยู่ข้างหลังนี่สิ ดูยังไงก็รู้ว่ามันน่ะม่อ!
พอข้ามมาได้ก็ออกเดินทางกันอีกครั้ง ท่ามกลางต้นไม้และหิมะที่ตกโปรยปราย ความเงียบเข้าครอบคลุมจนทำให้รู้สึกเบื่อมากกว่าก่อนหน้านี้ มันคงดีกว่าถ้าได้ยินบทสนทนาเพราะเสียงของคนพวกนี้สามารถทำให้เขาลืมเวลาในการเดินทางไปได้
“คุณอยู่กับใครเหรอคะ?” เป็นเรื่องดีที่ปาร์คกาฮีเปิดบทสนทนาขึ้นมาอีกครั้งแทนที่จะให้ลู่หานแกว่งปากหาเรื่อง
“ถ้าพูดถึงมนุษย์ ผมก็อยู่คนเดียวครับ”
“อ่า...”
“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ มันไม่แย่ขนาดนั้นหรอก” จงแดหัวเราะ
“ไม่แย่ได้ไง อยู่คนเดียวในป่าทึบแบบนี้ไหนจะไม่มีคนคุยด้วย คุณคงไม่ได้พูดภาษาสัตว์เหมือนกับทาซานหรอกใช่ไหมคะ?” อึนจีถาม
“ถ้าผมตอบว่าใช่ พวกคุณจะมองว่าผมเป็นคนบ้าหรือเปล่า?”
“งั้นก็ช่วยตอบว่าไม่ใช่ทีเถอะ จะเป็นพระคุณมาก” ลู่หานพูด
“พวกมันออกจะน่ารัก”
“น่ารัก?” คราวนี้ทั้งลู่หาน เทา อึนจีสามคนประสานเสียงกันอย่างไม่ได้นัดหมาย “ไอ้เสือตัวนั้นน่ะนะ?” เทาถาม
“ปกติจูมงไม่ดุแบบนั้นหรอก อาจเป็นเพราะพวกคุณเสียงดังเขาก็เลยออกมาขู่ให้ตกใจเล่น” ไม่ใช่แค่เทาที่กำลังงง คนอื่น ๆ ก็งงเป็นไก่ตาแตกไม่แพ้กันกับชื่อที่เจ้าหน้าที่หนุ่มพูดถึง
“ใครคือจูมงอ่ะ”
“ก็เสือตัวเมื่อกี้ไง เขาชื่อจูมง”
“เยด...มีชื่อด้วย” ลู่หานแกล้งปั้นหน้าปั้นตาเหลือเชื่อ “ที่นี่มีเสือกี่ตัวกันวะ”
“ประมาณหกตัวครับ”
“แล้วรู้ได้ยังไงว่าตัวไหนคือไอ้จูมง”
“เจอตัวไหนก็เรียกจูมงหมดเลย นั่นเสือนะครับไม่ใช่เพนกวิ้นใครจะไปยืนเพ่งมองแล้วทักทายว่า ‘สวัสดีนั่นจูมงใช่ไหม? เอ๊ะไม่ใช่หรอกเหรอ? งี้ต้องวิ่งแล้วสิ ฮะฮะฮะ’ ” ลู่หานเอาลิ้นดันกระพุ้งแก้มเมื่อถูกกวนตีนอย่างแนบเนียน ไอ้เชี่ยนี่มันไม่ธรรมดาแล้วครับ จัดว่าเป็นบุคคลประเภทขี้อ้อน...
อ้อนตีนน่ะนะ...
“ออกมาเดินป่าแบบนี้ไม่กลัวโดนเสืองาบเหรอวะ”
“ปกติพวกเสือไม่ค่อยออกมาเพ่นพ่านแถวนี้หรอก วันนี้นึกไงไม่รู้สงสัยออกมาเดินเล่น” น่ะ...มึงยังจะตลก “ขำ ๆ นะครับ จริง ๆ แล้วผมกลัวหมีมากกว่าจูมงอีก ช่วงที่เกิดเรื่องแรก ๆ ผมนี่วิ่งหนีหัวซุกหัวซุนเลยล่ะ มีครั้งนึงเกือบโดนมันตะปบเอาแต่โชคดีว่ายิงยาสลบทัน” จงแดหัวเราะ เขายังคงพูดจ้อแจ้อย่างไม่รู้จักเหนื่อย ตอนนี้ร่างสูงทั้งสองคนเดินรั้งท้าย เขามองหน้ากันก่อนจะกลับไปมองใครอีกคนที่เดินนำอยู่ข้างหน้าสุด
“คุณว่าผู้ชายคนนั้นเป็นคนยังไง?” คำถามของชานยอลเป็นคำถามเดียวที่อยู่ในหัวเขาเช่นกัน อี้ฟานนิ่งไปครู่หนึ่งเพื่อใช้ความคิดก่อนจะหันไปมองคนข้าง ๆ อีกครั้ง
“ผมว่าเขาน่าจะโดดเดี่ยวมานานพอสมควร ดูจากสีหน้าและวิธีการพูดคุย”
“ถ้าเกิดเขาหลอกให้เข้าไปเจอกลุ่มคนไม่ดีล่ะ?”
“นั่นคือสิ่งที่ผมกังวลอยู่”
ทั้งสองคนเงียบไป ตอนนี้พวกเขาตกกระไดพลอยโจรแล้วจะถอยหลังกลับก็ไม่ได้เพราะมีพวกลิงอยู่ข้างนอกเต็มไปหมด ไหนจะจงอินที่สลบเหมือดไม่รู้เรื่องอีก
“ตอนนี้เป็นฤดูหนาว พวกหมีกับกบหันไปจำศีลกันเพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัวนะ” จงแดหันไปยิ้มให้กับครูสาวที่เดินจูงมืออึนจีมาด้วยกัน กาฮียิ้มแล้วพยักหน้าน้อย ๆ
“จำศีลคือไร บวชเหรอ” ไม่ใช่ว่าลู่หานจะโง่หรอกนะครับแต่ไม่รู้ทำไมมันคันเหลือเกินเวลาได้ยินเสียงไอ้ห่านี่พูด
“การจำศีลมันก็คล้าย ๆ การตายนั่นแหละ หัวใจของพวกมันจะเต้นช้าลง หายใจก็ช้าแล้วอุณหภูมิร่างกายก็จะใกล้เคียงกับสภาพอากาศปัจจุบันด้วย เอาง่าย ๆ มันคือการหยุดพักของสัตว์ พวกมันจะพยายามอยู่กับที่ไม่ขยับตัวไปไหนเพราะต้องเซฟพลังงาน และก่อนหน้าจำศีลพวกมันจะกินอาหารเยอะมากเพื่อสะสมไว้ใช้ มันจะอยู่อย่างนั้นจนกว่าจะเปลี่ยนฤดูเลยล่ะ”
“เยด นี่มันวิชาสร้างเสริมประสบการณ์ชีวิต by เจ้าหน้าที่ประจำอุทยานผู้ช่ำชองเรื่องยิงปืนพลาด” ลู่หานยังคงกัดอย่างต่อเนื่องแต่คราวนี้เทาเห็นด้วยเลยหันไปแท็กมือทีนึงแล้วหัวเราะแต่คนถูกพาดพิงกลับไม่รู้สึกโกรธเคืองอะไร
“กว่าจะหมดหน้าหนาวมันจะไม่หิวตายไปก่อนเหรอคะ?” อึนจีถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น พอถูกถามคนที่รู้อยู่เต็มอกก็อยากบอกเล่าตามประสามนุษย์โลกที่อยากจะแชร์สิ่งที่ตัวเองรู้ให้คนอื่นฟัง จงแดยิ้มกว้างแล้วหันไปมองเด็กสาว
“การจำศีลมีสองแบบคือจำศีลจริงกับจำศีลเทียม ซึ่งพวกหมีเป็นประเภทแรกแต่พวกจำศีลเทียมจะอยู่ในระยะเวลาสั้น ๆ ประมาณหนึ่งวัน พวกมันจะตื่นขึ้นมาขยับตัวในที่พัก ยกตัวอย่างเช่นค้างคาวที่สะสมพลังงานตอนกลางวันแล้วออกหากินตอนกลางคืนน่ะครับอึนจี” แหม่...ทีกับผู้หญิงนี่มีเรียกชื่อตามท้าย
“สัดม่อ” เทาพูดลอดไรฟันเบา ๆ อย่างหมั่นไส้
“กูบอกแล้วว่าให้เล่นแม่ง” ลู่หานกระซิบ
“อยู่ในที่แบบนี้ คุณได้ฆ่าสัตว์เอาไปทำอาหารหรือเปล่าครับ?” คราวนี้เป็นคำถามของเซฮุน แน่นอนว่าคำถามนี้อี้ฟานกับชานยอลก็อยากรู้เหมือนกัน จงแดหยุดเดินแล้วหันหน้าเข้าหาทุกคนพร้อมกับยิ้มบาง ๆ
“ผมไม่ทำอย่างนั้นหรอก”
“...”
“พวกเราเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน สัตว์ที่นี่เป็นเหมือนพี่น้องของผมไปแล้ว” ถึงจะฟังดูตลกแต่สีหน้าของจงแดกลับทำให้เรื่องราวเหล่านี้มันดูเศร้าขึ้นมาเสียอย่างนั้น “หลายคนคงคิดว่ามนุษย์คือสัตว์ประเสริฐที่สำคัญที่สุดในโลกใบนี้ และการตายจากของสัตว์คงเอาไปเปรียบเทียบกับการตายของคนไม่ได้”
“...”
“แต่มันก็แค่กับบางคนเท่านั้นแหละครับ” ทุกคนมองรอยยิ้มของเจ้าหน้าที่หนุ่มซึ่งต่างไปจากทีแรกมันดูฝืนและเจ็บปวดอย่างน่าประหลาด จงแดเงียบไปชั่วอึดใจแล้วยิ้มกว้างกว่าที่เป็นอยู่...แน่นอน...มันยังคงเป็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเศร้า “ถ้ารู้สึกผูกพันแล้ว ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสัตว์มันก็มีผลกระทบต่อจิตใจทั้งนั้น”
“ผมเข้าใจ” พอเห็นอี้ฟานยิ้มจงแดก็เลยหัวเราะออกมาเบา ๆ
“ไปกันเถอะครับ ใกล้จะถึงแล้วล่ะ” หันหลังกลับแล้วออกเดินทางอีกครั้ง ทุกคนเดินตามหลังโดยที่ไม่มีใครพูดอะไรอีกแม้กระทั่งลู่หานคนที่ชอบพูดจิกกัด
เป็นครั้งแรกที่ไอ้เจ้าหน้าที่เหลาเหย่พูดเข้าหูเขากับเรื่องการตายของคนและสัตว์ อย่างที่บอกไปว่าคนเรามักจะให้ความสำคัญกับมนุษย์ด้วยกันมากกว่าสัตว์โลกที่ไม่ว่าจะตายไปสักกี่ล้านตัวก็ไม่มีผลกระทบกับความรู้สึกนัก
“ผมขอโทษที่ถามแบบนั้น คุณโกรธหรือเปล่าครับ?” เซฮุนถามขณะเดินไปพร้อม ๆ กับเจ้าหน้าที่หนุ่ม จงแดส่ายหน้าเบา ๆ พร้อมรอยยิ้ม
“หน้าผมเหมือนคนขี้น้อยใจเหรอ”
“ผมแค่คิดว่ามันอาจจะเสียมารยาทน่ะ” เซฮุนยิ้ม อี้ฟานฟังบทสนทนาของทั้งสองคนแล้วก็ฝากจงอินให้ชานยอลแบกขึ้นหลังต่อส่วนเขาก็เดินขึ้นมาข้างหน้าเพื่อคุยกับจงแด
“งั้นแสดงว่าคุณก็ทานอย่างอื่นที่ไม่ใช่เนื้อสัตว์มาตลอดเลยสิครับ?” คราวนี้เป็นอี้ฟานที่เป็นคนถาม
“ครับ ผมกินของที่หามาได้จากข้างนอก แล้วช่วงฤดูฝนผมก็ปลูกผักเอาไว้พอสมควรเพื่อเอามาหมักทำกิมจิไว้กินในฤดูหนาว ส่วนเนื้อสัตว์ผมก็ไม่ได้กินมานานแล้ว”
“ทั้งที่มีสัตว์อยู่เต็มไปหมดเนี่ยนะ ทนได้ไง?” เทาถาม “หรือว่าพวกมันเป็นพวกกัดคน?”
“นั่นสิ จะว่าไปแล้วเสือจูมงเมื่อกี้ก็เป็นพวกกัดคนเหมือนกันใช่ไหมคะ? กะแล้วเชียว เห็นวิ่งไล่ฟัดขนาดนั้นมันต้องไม่ใช่เสือธรรมดาแน่ ๆ” อึนจีพึมพำ
“ไม่ใช่หรอก ที่นี่ไม่มีสัตว์ติดเชื้อ” จงแดหันไปตอบเด็ก ๆ “ยกเว้นพวกลิงน่ะนะ”
“...”
“ลิงที่อยู่ข้างนอกน่ะเหรอ?”
“ใช่ พวกมันนั่นแหละ” พอพูดถึงศัตรูตัวฉกาจจงแดก็ลดสีหน้าลง “ทั้งคนและลิงต่างก็แพร่เชื้อได้เหมือนกัน”
“...”
“หมายความว่ามีแต่พวกลิงที่ติดเชื้อหรือว่ายังไง?”
“นั่นคือเท่าที่ผมรู้ เพราะสัตว์ชนิดอื่นอยู่ในป่าลึกหมดพวกติดเชื้อเลยเข้ามาไม่ถึง แต่ที่ลิงติดเชื้อก็เพราะว่าพวกมันอยู่ข้างนอก คือผมจะบอกว่าก่อนหน้านี้ตรงทางเข้ามีลิงเอาไว้เล่นกับนักท่องเที่ยว พวกมันเลยถูกจัดการก่อน”
“ทุกคนที่นี่เลยตายกันหมด” เซฮุนพูดแล้วจงแดก็พยักหน้า
“คิดดูสิ แค่พวกติดเชื้อเราก็สู้แทบไม่ไหวแล้ว ไหนจะพวกลิงที่มีกันเป็นฝูงอีก”
“...”
“หยุดทำไมอ่ะ?” ทุกคนหันไปมองอี้ฟานกับชานยอลที่หยุดเดินแล้วหันไปมองหน้ากันอยู่สองคน
“แย่แล้วสิ...”
“มีอะไรเหรอ?” จงแดมองชานยอลที่เพิ่งสบถออกมาเมื่อครู่ ร่างสูงหันกลับไปมองทุกคนด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก
“พวกเราเพิ่งพังประตูเข้ามา”
“...”
“ซึ่งหมายความว่าตอนนี้อาจจะมีลิงบางตัวเข้ามาข้างในนี้แล้ว” อี้ฟานเสริม ไม่มีใครมีสีหน้าช็อกได้มากเท่าคิมจงแดได้อีกแล้ว ชายหนุ่มเบิกตากว้างอย่างตกใจแล้วก้มหน้ากุมขมับเพื่อเรียกสติ
“เดี๋ยวนะ?”
“...”
“เมื่อกี้พวกคุณบอกว่า...”
“...”
“ให้ตายเถอะ พวกคุณทำอะไรลงไปน่ะ?” ทุกคนต่างตกใจที่เห็นจงแดกำลังสติแตก เขาเดินวนไปวนมาอยู่กับที่อย่างกระวนกระวาย “พวกมันต้องเข้ามาแน่ ๆ ” เสียงพึมพำที่ได้ยินกันทุกคนทำให้เซฮุนต้องเข้าไปดูอาการ
“ใจเย็น ๆ ก่อนนะครับ”
“เย็นไม่ได้แล้ว พวกคุณปล่อยให้พวกมันเข้ามา...” ชายหนุ่มกลืนน้ำลายเหนียวลงคอแล้วหันไปมองหน้าทีละคน “กว่าจะปิดประตูนั้นได้รู้ไหมว่าผมต้องเสียเพื่อนไปกี่คน”
“...”
“ใครจะไปรู้วะว่ามีคนอยู่ในนี้ ถ้าจะโทษก็ไปโทษพวกลิงข้างนอกสิวะ” ลู่หานโพล่งขึ้นมาแล้วมินซอกก็คว้าแขนคนตรงหน้าไว้
“แล้วทำไมพวกคุณถึงไม่บอกตั้งแต่แรกล่ะ”
“จะให้บอกยังไงก็วิ่งหนีเสือมาด้วยกัน มึงก็พูดไม่หยุดแล้วกูจะเอาจังหวะไหนแทรก”
“ลู่หาน” อี้ฟานปรามคนที่กำลังอารมณ์เดือดขึ้นตามบทสนทนา ร่างโปร่งอ้าแขนออกแล้วเลิกคิ้วขึ้น จะไม่ให้โมโหได้ยังไง ใครจะไปอยากให้เรื่องนี้เกิดขึ้นแม่งเสือกมาโทษกันหน้าตาเฉย ไม่เข้าไปอัดให้เลือดกลบปากก็ดีแค่ไหนละ
“ป่านนี้พวกมันคงแห่กันเข้ามาแล้ว” จงแดถอนหายใจหนัก ๆ ราวกับคิดไม่ตกทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาดูเป็นคนอารมณ์ดีมากแท้ ๆ “จริง ๆ แล้วผมไม่ได้กลัวหมีมากที่สุดหรอก”
“...”
“ลิงเป็นฝูงต่างหากที่น่ากลัวที่สุด”
แกร่ก ๆ
ทันทีที่ถึงบ้านพักเจ้าหน้าที่กลางป่าจงแดก็ตรงเข้าไปเปิดล็อกเกอร์แล้วเอาปืนหลากชนิดออกมาวางเรียงกันไว้บนโต๊ะอย่างเร่งรีบ ชานยอลพาจงอินไปนอนบนโซฟาตัวยาวโดยที่มีอี้ฟานคอยช่วยประคอง คนอื่น ๆ ยังไม่ได้วางสัมภาระลง พวกเขาได้เพียงแต่ยืนมองอีกคนที่กำลังวุ่นวายอยู่กับอาวุธเท่านั้น
“เราต้องรีบไปปิดประตู”
“หมายความว่าต้องออกไปอีกรอบน่ะเหรอ?” เทาถาม
“ใช่” จงแดตอบแค่นั้นแล้วก้มลงดึงกล่องลังกระดาษออกมาซึ่งข้างในนั้นมีกล่องกระสุนปืนหลากหลายชนิดอยู่พอประมาณ
“รอพรุ่งนี้ก่อนดีไหมคะตอนนี้มันก็ใกล้จะเย็นแล้วอ่ะ กว่าจะไปกลับฟ้าได้มืดพอดี” พอได้ยินที่อึนจีพูดชายหนุ่มก็เงยหน้าขึ้นมา
“รอไม่ได้แล้ว”
“...”
“ผมไม่ได้กลัวว่ามันจะตามมาฆ่าผม” เจ้าหน้าที่หนุ่มพูดด้วยสีหน้าจริงจังไปกว่าทุกครั้ง “ถ้ามันเข้ามาในป่าได้เมื่อไหร่...ผมมั่นใจว่าสิ่งมีชีวิตในอุทยานนี้ต้องกลายเป็นพวกติดเชื้อกันหมดแน่”
“...”
“นั่นรวมถึงตัวผมและพวกคุณทุกคนด้วย”
“คุณไม่รู้ว่าพวกเราเจออะไรมาบ้างจะมาตัดสินง่าย ๆ ได้ไงว่าเราจะต้องตายเพราะแค่นี้ เรื่องลิงน่ะพวกเราก็เคยเจอมาเหมือนกันนั่นแหละ” เทาพูด
“แล้วเจอเป็นฝูงเหมือนข้างหน้าทางเข้าหรือเปล่าล่ะ” ใบหน้าเรียบเฉยของเจ้าหน้าที่หนุ่มทำให้พวกเขารู้สึกขนลุกขึ้นมาแปลก ๆ “ให้ตายเถอะ...” จงแดพึมพำแล้วก้มลงนั่งยัดกระสุนใส่แม็กกาซีน ไม่นานนักอี้ฟานกับชานยอลก็เข้าไปช่วยและนั่นทำให้ทุกคนประหลาดใจเป็นอย่างมาก
“จะเอาจริงเหรอ?” หนึ่งเสียงว่าหวงจื่อเทาไม่เห็นด้วยกับการที่ต้องย้อนกลับไปในเวลานี้ “บางทีพวกมันอาจจะยังไม่เข้ามาก็ได้ รอไปจัดการพรุ่งนี้เถอะ”
“ผมบอกแล้วไงว่ารอไม่ได้ คุณจะรอก็รอแต่ผมจะออกไป”
“เขาพูดถูก” อี้ฟานหันไปมองเด็กตัวสูงที่ยืนขมวดคิ้วอยู่
“ผมไม่รู้หรอกว่าพวกคุณเก่งมาจากไหนและเจออะไรมาบ้าง แต่ผมจะไม่มีทางปล่อยให้ที่นี่เต็มไปด้วยพวกติดเชื้อแน่”
“เราต้องวางแผนกัน” ชานยอลพูดขณะใส่กระสุนเข้าไปในแม็กกาซีน “มีใครจะไปด้วยบ้าง?” เทาหันไปมองหน้าลู่หาน ซึ่งใช้เวลาไม่ถึงสิบวิร่างโปร่งก็เดินมาสมทบพร้อมกับนั่งยอง ๆ พอเด็กตัวสูงเห็นอย่างนั้นเลยเข้าไปร่วมวงอย่างปฏิเสธไม่ได้
“ก่อนอื่นผมต้องขอโทษคุณก่อนที่ทำให้ทุกอย่างมันเป็นแบบนี้” อี้ฟานมองหน้าอีกคนที่ยังคงก้มหน้าก้มตายัดกระสุนใส่แม็กกาซีน “เราต้องวางแผนกันให้รอบคอบ”
“ครับ ผมฟังอยู่” ดูเหมือนว่าตอนนี้เจ้าหน้าที่หนุ่มผู้ร่าเริงจะหายไปแล้ว เหลือเพียงแค่ผู้ชายคนหนึ่งที่เคร่งเครียดกับเรื่องที่ได้พบเจออยู่เท่านั้น
อี้ชิงประคองแบคฮยอนให้ไปนั่งมุมห้องแล้วก้มลงไถ่ถามอาการซึ่งคนตัวเล็กก็พยักหน้าช้า ๆ หลังมืออังบนหน้าผากร้อนก่อนจะลุกขึ้นไปหยิบหมอนบนโซฟาเดี่ยวมาวางลงบนพื้นบ้านแล้วให้คนป่วยได้นอนพักผ่อนระหว่างรอคนอื่นวางแผนกัน มินซอกกับคยองซูเลือกที่จะนั่งเฉย ๆ บนเก้าอี้ไม้ตรงใกล้ประตูแล้วมองชายหนุ่มทั้งสามคน
“แต่ไอ้จงอินยังไม่ตื่น” เทาพูด
“ให้มันนอนไปอย่างนั้นแหละ มีอะไรก็รีบว่ามา” ลู่หานลุกขึ้นไปค้นกระเป๋าเป้เพื่อเอาเสื้อเวสไซราสออกมาก่อนจะกำกระสุนไรเฟิลใส่กระเป๋าช่องใหญ่
“รู้ไหมว่าทำไมพวกลิงถึงไม่เคยปีนเข้ามาฝั่งนี้” ทุกคนมองจงแดที่ถอนหายใจหลังจากพูดจบประโยค “เพราะพวกมันไม่รู้ว่ายังเหลือเหยื่ออยู่ข้างในนี้ยังไงล่ะ”
“...”
“วันเกิดเหตุเชื้อแพร่กระจายกับคนด้วยกันเร็วกว่าเพราะลิงอยู่ในป่าซึ่งมีรั้วกั้น แต่ลิงที่ถูกกัดคือพวกที่ออกมาเล่นกับคนข้างนอก”
“คุณปิดประตูก่อนที่พวกมันจะแพร่เชื้อให้ลิงด้วยกันใช่ไหมครับ?” เซฮุนที่ยืนอยู่ข้างหลังถามขึ้นมาแล้วจงแดก็พยักหน้า
“ถ้าอย่างนั้นคงไม่ดีแล้วล่ะ” อี้ฟานมองหน้าอีกคน “เพราะถ้ายิงปืนพวกมันต้องแห่เข้ามาแน่”
“ใช่ แต่ถ้าไม่มีปืนพวกเราก็ฆ่ามันไม่ได้”
“หลัก ๆ คือปิดประตูใช่ไหม?” ลู่หานถาม
“มันไม่ใช่แค่ปิดประตูหรอก” จงแดเว้นจังหวะไว้ครู่หนึ่ง “มันต้องปิดประตูแบบไม่ให้พวกมันรู้ตัว”
“หมายความว่าไง?”
“ถ้าพวกมันรู้ตัว ต่อให้พวกคุณปิดประตูเรียบร้อยแล้วมันก็ปีนข้ามรั้วข้ามมาได้อยู่ดี”
“...”
“ไหนจะพวกที่เข้ามาข้างในได้แล้วอีกล่ะ นี่ผมกำลังจะเป็นบ้าตายอยู่แล้ว” จงแดถอนหายใจหนัก ๆ
“พวกที่อยู่ข้างในก็ใช้ไรเฟิลเก็บเสียงจัดการไปดิ”
“แล้วจะปิดประตูยังไงโดยที่ไม่ให้พวกมันเห็นกันล่ะ พวกคุณมีวิธีดี ๆ งั้นเหรอ?” จงแดสวนกลับจนลู่หานพูดไม่ออก
“ประตูใหญ่ขนาดนั้นเราต้องใช้คนสองคนแล้วล่ะ” อี้ฟานรับปืนมาจากจงแด “สองคนปิดประตู และคนที่เหลือรอยิงคุ้มกันให้อยู่ข้างใน”
“มันไม่มีทางเป็นไปได้หรอก”
“มันต้องได้สิวะ ไม่ลองไม่รู้” ลู่หานชกไหล่จงแดเบา ๆ “ทุกคนรีบเก็บของ ตกลงตามนี้” แต่ละคนแยกย้ายไปค้นกระเป๋าเพื่อจัดเตรียมอาวุธที่ต้องใช้รวมถึงเซฮุนที่อาสาไปด้วย ใช้เวลาไม่นานนักทุกอย่างก็เรียบร้อย มันคงดีกว่าถ้าพวกเขาไปถึงที่นั่นให้เร็วที่สุดก่อนที่พวกลิงจะไล่กัดสัตว์ในอุทยาน
จงแดเดินนำออกไปก่อนโดยที่มีลู่หาน อี้ฟานเซฮุนและเทาเดินตามไปติด ๆ และยังคงเหลือชานยอลที่เดินตามไปทีหลัง แต่ยังไม่ทันออกจากบ้านร่างสูงก็ต้องหยุดฝีเท้าไว้แค่นั้นเมื่อถูกอีกคนคว้าแขนเอาไว้
“อย่าไปได้ไหม...”
เดจาวู...
แบคฮยอนเคยพูดแบบนี้แล้วครั้งหนึ่งตอนที่เขาจะไปห้องสมุดในโรงเรียน
“ไม่ห้ามได้ไหม?”
ประโยคเดิมเหมือนกับคราวนั้นไม่มีผิดเพี้ยนแต่แววตาและสีหน้ากลับต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง แบคฮยอนจ้องหน้าอีกฝ่ายทั้งที่ยังไม่ปล่อยมือ มันคือการขอร้องที่ไม่อยากให้ชานยอลออกไปเสี่ยงอันตรายอีก
“ไปนอนพักเถอะครับ ทุกคนรอผมอยู่” พูดจบก็หันไปมองข้างหลังแล้วก็พบกับชายหนุ่มห้าคนที่ยืนอยู่ข้างนอก
แต่ถึงอย่างนั้นมือเล็กก็ยังไม่ยอมปล่อย แบคฮยอนส่ายหน้าเบา ๆ แววตาของเขายังคงอ้อนวอนแม้ว่าจะไม่ได้พูดอะไรออกไปอีก แต่ก็แค่ครู่เดียวเท่านั้นนัยต์ตาก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อชานยอลค่อย ๆ แกะมือเขาออกแล้วเดินไป...โดยที่ไม่พูดอะไรอีกเลย...
ตามแผนที่วางกันไว้ ตอนนี้ทุกคนอยู่ในป่าซึ่งเบื้องหน้าคือประตูทางเข้าที่เปิดออกกว้างและข่าวร้ายสำหรับวินาทีนี้คือมีพวกลิงเพ่นพ่านอยู่ข้างในจำนวนหนึ่ง ลู่หานไม่รอช้ายกไรเฟิลของมินซอกขึ้นมาตั้งระดับหัวไหล่ก่อนจะดึงโบลเข้าหาตัวแล้วเล็งไปยังเป้าหมาย
กระสุนทะลุขมับเลือดกระจายจนร่างของลิงตัวน้อยลงลงไปกับพื้นหญ้า ลิงนรกหันกลับไปมองการตายของเพื่อนฝูงก่อนจะอ้าปากกว้างจนเห็นฟันคมที่เรียงกันอยู่ในปาก เสียงร้องของพวกมันมาพร้อมกับสายตาที่กวาดมองหาต้นเหตุ ไม่ทิ้งช่วงให้นานไปกว่านี้สมองของลิงตัวถัดไปก็ถูกเจาะจนทะลุโดยฝีมือเพชฌฆาตคนเดิม
“ตามแผนที่ตกลงกันไว้ว่าเราจะแบ่งคนไปปิดประตูกันสองคน” อี้ฟานพูดพอแค่ให้ได้ยินกันในกลุ่มขณะที่พวกเขานั่งซุ่มกันอยู่หลังพุ่มไม้
“ผมไปเอง” ชานยอลเสนอ
“ผมด้วย”
“มันจะดีกว่าไหมถ้าผมกับเทาไปกันสองคน” ทุกคนหันไปมองเซฮุนในขณะที่ลู่หานยังคงจัดการกับพวกลิงนรกทีละตัว โชคดีที่พวกมันยังไม่เข้ามาทางนี้ไม่อย่างนั้นคงเป็นเรื่องยากที่จะไล่เก็บพวกมันในป่ากว้าง “ผมกับเทาถูกกัดก็คงไม่เป็นไร”
“หมายความว่าไงที่บอกว่าถูกกัดแล้วไม่เป็นอะไร?” จงแดขมวดคิ้วถามด้วยความสงสัย แต่ละคนหันไปมองหน้ากันราวกับขอความเห็น
“เด็กสองคนนี้เคยถูกกัดมาแล้ว”
“ว่าไงนะ?” เจ้าหน้าที่หนุ่มเบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง “ตั้งแต่เมื่อไหร่? ถูกกัดที่ไหน? แล้วนี่พวกคุณจะกลายเป็นพวกติดเชื้อหรือเปล่า?”
“หลายเดือนแล้วครับ” คำตอบของเซฮุนทำให้อีกฝ่ายสงบลง ถ้าจะพูดให้ถูกก็คงเรียกว่าช็อกมากกว่า
“ไว้เดี๋ยวจะอธิบายให้ฟังทีหลัง ไหนแผนว่าไง” เทาตัดเข้าประเด็น จงแดเกาหัวอย่างงง ๆ ขณะมองเด็กสองคนตรงหน้า
“หลังจากเก็บพวกที่อยู่ข้างในหมดแล้วคุณสองคนต้องไปถึงประตูอย่างเงียบเชียบที่สุด เทาอ้อมไปทางซ้าย เซฮุนไปทางขวา ระวังอย่าให้พวกที่อยู่ข้างนอกเห็นเด็ดขาด” อี้ฟานชี้ทิศทางขณะอธิบาย
“โจทย์ข้อนี้ยากนะ” ลู่หานพูดทั้งที่ยังคงจัดการลิงอย่างต่อเนื่อง “ไม่มีทางที่จะทำให้ลิงพวกนั้นหันหลังพร้อมกันตอนปิดประตูแน่ถ้าไม่ทำอะไรสักอย่าง”
“จริงอย่างที่ลู่หานพูด เพราะฉะนั้นเราต้องหาอะไรดึงดูดพวกมัน” ชานยอลเสริมซึ่งอี้ฟานก็เห็นด้วยแต่จะเป็นอะไรล่ะที่สามารถดึงดูดพวกนั้นได้?
“ยิงปืนไม่ดีแน่” จงแดพูด
“...”
“...”
แต่ละคนต่างคิดไม่ตก ทุกคนต่างจมอยู่กับความคิดในหัวที่ยังไม่เห็นหนทางที่ดีสำหรับเรื่องนี้ ถ้าจะให้ใครสักคนออกไปล่อพวกมันก็คงไม่เข้าท่าเพราะลิงเหล่านั้นค่อนข้างที่จะเร็วกว่าพวกกินคน ขืนทำแบบนั้นคงไม่ได้กลับมาครบสามสิบสองแน่ ชานยอลล้วงกระเป๋าเป้แล้วเอาบางอย่างออกมาวางไว้แล้วเงยหน้าขึ้น
“ถ้าเป็นนี่ล่ะครับ?” ทุกคนมองโมโลท็อฟค็อกเทลในมือแกร่งแล้วก็ยิ้มออกมา
“เข้าท่าเลยทีเดียว”
เซฮุนกับเทาแยกกันไปคนละทาง ร่างบางก้มลงมองซากศพลิงที่นอนแน่นิ่งหลังจากโดนเป่าขมับไปคนละนัดก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเทากับชานยอลซึ่งอยู่อีกฝั่ง ตามแผนที่เพิ่งวางกันไว้เมื่อครู่คือให้ชานยอลปีนขึ้นกำแพงแล้วปาระเบิดไฟไปดึงความสนใจพวกลิง จังหวะนั้นเขากับเทาก็ช่วยกันปิดประตูแล้วล่ามโซ่เอาไว้ ส่วนอี้ฟาน ลู่หานและจงแดจะรออยู่ที่เดิม
ร่างบางหยุดยืนอยู่หลังกำแพงที่อยู่ข้างประตูทางด้านขวา มีโซ่อยู่ในมือพร้อมกับแม่กุญแจเตรียมพร้อมขณะที่เทาช่วยดันชานยอลให้ปีนขึ้นไปบนกำแพง หัวใจเต้นเร็วแรงกับแผนการที่ไม่รู้ว่ามันจะได้ผลหรือไม่ เด็กตัวสูงหันมามองเพื่อนตัวบางที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามหลังจากที่ชานยอลจุดไฟแล้วปาระเบิดใส่ฝูงลิงทางด้านนอกก่อนที่เขาจะกระโดดลงมาข้างล่าง
เด็กตัวสูงทั้งสองคนพยักหน้าอย่างรู้กันแล้วดันประตูกลับเข้าไปในทันที เหล่าฝูงลิงกำลังสนใจกับไฟซึ่งกำลังคลอกลิงสี่ตัวให้หมอดไหม้ เสียงร้องของพวกมันบ่งบอกถึงความโทสะ ไม่นานนักไฟก็ค่อย ๆ มอดลง พวกมันให้ความสนใจอยู่กับร่างไหม้เกรียมของเพื่อนอยู่แค่ครู่เดียวเท่านั้น เสียงฝืดจากการดันประตูเรียกความสนใจจากพวกมันได้เป็นอย่างดี ทั้งสามคนเบิกตากว้างเมื่อทุกสายตาของลิงกลุ่มนั้นมองมาทางนี้
ริมฝีปากที่ค่อย ๆ อ้ากว้างจนน่าสยดสยองเพียงแค่เห็นเหยื่ออยู่ในพิกัดสายตาชัดเจน เซฮุนเรียกสติกลับมาได้ทันเลยรีบคล้องโซ่ให้เร็วที่สุดก่อนที่เทาจะช่วยล็อกด้วยแม่กุญแจ ชานยอลปรบมือเบา ๆ สองครั้งเพื่อเรียกเด็กทั้งสองคนให้ออกมาจากตรงนั้นให้เร็วที่สุด แต่ไวเท่าความคิด...เพียงแค่เด็กทั้งสองคนขยับตัวลิงฝูงนั้นก็ส่งเสียงร้องข่มขู่พร้อมกับวิ่งสี่ขาเข้ามาด้วยความเร็วสูง
“วิ่ง!!!”
เทาตบบ่าเซฮุนรัว ๆ แล้วทั้งคู่ก็หมุนตัววิ่งกลับอย่างรวดเร็วโดยที่มีชานยอลวิ่งนำไปข้างหน้า ฝูงลิงปีนป่ายขึ้นข้ามกำแพงมาได้อย่างง่ายดายในขณะที่บางตัวปีนขึ้นไปพร้อมกับเขย่าประตูทางเข้าไม่หยุด เสียงร้องของพวกมันตามหลอกหลอนเข้ามาใกล้ทุกที ๆ เทาหันหลังกลับไปมองเป็นระยะแล้วก็ต้องผลักเซฮุนออกไปเมื่อมีลิงตัวหนึ่งกระโดดแทรกกลางเข้ามา
ชายหนุ่มสามคนที่รออยู่ในป่าต่างตกใจกับภาพที่เห็นเมื่อร่างบางล้มกลิ้งลงไปกับพื้นในขณะที่เทาเองก็กำลังยื้อดึงกับลิงนรกที่คร่อมทับร่างเขาอยู่ เด็กหนุ่มนิ่วหน้าก่อนจะเหวี่ยงมันไปให้พ้นทางแล้วลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล พอเห็นว่าไม่ได้การแล้วลู่หานเลยยัดไรเฟิลใส่มืออี้ฟานก่อนจะดึงมีดดาบออกมาแล้ววิ่งไปข้างนอก
“ลู่หานอย่า!”
“โธ่เว้ย!” จงแดสบถอย่างหัวเสียก่อนจะชักปืนขึ้นมาแล้ววิ่งตามลู่หานออกไปในขณะที่ชานยอลเข้าไปประคองร่างเซฮุนขึ้นก่อนจะหลับตาลงข้างหนึ่งแล้วตั้งปืนระดับหัวไหล่พร้อมกับยิงฝูงลิงที่กำลังวิ่งเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
“เราต้องถอยแล้ว!” ชานยอลตะโกนบอกทั้งที่ยังคงเล็งไปยังเป้าหมาย ลิงจำนวนมากที่แห่เข้ามาตามเสียงทำให้พวกเขาแทบสติแตก แน่นอนว่าตอนนี้ปืนในมือพวกเขาทุกคนมันใช้ไม่ได้ผลกับลิงเป็นฝูงแล้ว!
ลู่หานเข้าไปลากเทาออกมาจากตรงนั้น เด็กตัวสูงลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล ทั้งคู่กึ่งเดินกิ่งวิ่งถอยหลังไปเรื่อย ๆ ในขณะที่เทากำลังเปลี่ยนแม็กกาซีนก่อนที่ลู่หานจะล้มลงไปเพราะถูกกระโจนเข้าใส่จนมีดดาบกระเด็นไปทางด้านข้าง ร่างโปร่งดันหน้าลิงนรกออกไปเมื่อมันกำลังพยายามที่จะก้มลงมากัดเขา ปากที่เต็มไปด้วยเลือดเหนียวหยดลงบนเสื้ออย่างน่ารังเกียจ ดวงตาของพวกมันน่ากลัวเป็นสองเท่าเมื่อตาดำหายไป เสียงหวีดร้องแสบแก้วหูกดดันให้เขารีบทำอะไรสักอย่างในตอนนี้
“ห่าเอ๊ย!” ลู่หานพูดลอดไรฟันแล้วหักคอลิงตัวนั้นจนแน่นิ่งไปในเวลาถัดมา และไม่เสียเวลาไปกว่านี้ ลู่หานรีบคลานไปคว้ามีดดาบในขณะที่คนอื่น ๆ กำลังถอยเข้าไปในป่า ตอนนี้แต่ละคนก็ตกอยู่ในสภาพไม่ต่างจากเขาเลย
“ลู่หาน ระวัง!!” หันกลับไปมองตามเสียงของเซฮุนก่อนจะเบิกตากว้างแล้วคว้ามีดดาบขึ้นมาแทงเข้าปากจนทะลุไปข้างหลังลิงที่กระโจนใส่เขา สัตว์ที่ทางวิทยาศาสตร์บอกว่ามีความคล้ายคลึงมนุษย์กำลังอ้าปากค้าง พร้อมกับดวงตาที่เบิกกว้างและเลือดที่หยดลงมาตามความยาวของมีดดาบ ร่างบางรีบเข้ามาช่วยประคองอีกคนให้ลุกขึ้นยืนก่อนจะหันกลับไปยิงสกัดเป็นระยะ
“เราต้องไปแล้ว” เสียงของอี้ฟานเรียกสติคนที่กำลังล้มลุกคุกคลาน ลู่หานพยักหน้าแล้ววิ่งตามคนอื่นเข้าไปในป่าขณะฝูงลิงที่เหลือยังคงวิ่งตามไปอย่างต่อเนื่อง...
TBC
เอาแล้ว ๆ ๆ ลิงบุกป่าแล้วจะทำยังไงล่ะเนี่ย!!!
ฉากต่อไปจะเป็นยังไง ตอนนี้พระเอกหลับยาว โอ๊ย ลิงจะแดกสัตว์ตัวไหนบ้างเนี่ย เป็นห่วงจูมงและผองเพื่อน
ตอนแรกเจ้าหน้าที่จงแดเป็นคนยิ้มเก่ง แต่พอเป็นเรื่องของสัตว์แล้วนางจริงจังเสมอ
สู้ต่อไปนะทาเคชิ ตอนหน้าจะบู๊สักแค่ไหนโปรดติดตามข่ะ #ficzombie
ความคิดเห็น