ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ZOMBIES HARD CREEPER | KAIHUN CHANBAEK FT.EXO

    ลำดับตอนที่ #43 : Chapter 40 :: Reason

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 13.71K
      119
      12 ก.พ. 57

    ? Tenpoints!

     

     

     
     

    Chapter 40

    Reason

     

     

     

     

    กูไม่ได้ขอให้มึงไปกราบตีนขอโทษมัน แต่แค่ไม่ทำให้เรื่องมันแย่ลงก็พอ

    กูทำให้มันแย่ลงตรงไหน?

    ยังอีก ยังไม่รู้ตัว

    โอ๊ยสัด! ถ้าคืนนี้กูฉี่ราดที่นอนทำไง? ลู่หานลูบหัวป้อย ๆ พลางมองตามเพื่อนซี้ที่เปิดประตูรถออกไปหลังจากขับมาถึงหน้าบ้านแล้ว ร่างโปร่งหายใจฟึดฟัด ไอ้ห่าจงอินจะบ่นอะไรนักหนาวะ ตั้งแต่ออกมาจากสถานีตำรวจจนมาถึงตอนนี้ขี้หูกูเต้นระบำไปหมดละ

    เห็นเพื่อนนรกกำลังก้มลงเก็บอาวุธที่วางอยู่ตรงเบาะหลังแล้วก็ได้แต่ยืนพิงประตูมองอยู่ห่าง ๆ ร่างหนาเดินออกมาพร้อมกับกล่องกระดาษที่เต็มไปด้วยของที่หามาได้แล้วหยุดยืนมองลู่หาน

    มึงต้องเข้าใจนะว่ากูกับมันนิสัยต่างกันคนละขั้ว มันก็ต้องมีบ้างที่มีความเห็นไม่ตรงกัน

    เรื่องนั้นกูรู้ จงอินวางกล่องลงบนหลังคารถแล้วเท้าศอกลงตาม เพราะงั้นมึงกับมันสองคนถึงต้องปรับตัวเข้าหากันไง

    ปรับห่าไรล่ะครับ ให้กูไปสอนลิงวิ่งราวยังง่ายกว่า ลู่หานแค่นหัวเราะราวกับว่าที่ได้ยินมันเป็นเรื่องตลกและยากที่จะเป็นไปได้

    ก็เพราะมึงคิดแบบนี้ไงห่า กูถามหน่อยเถอะว่าตอนแรกมีใครชอบแบคฮยอนบ้างไหม

    กูไง

    ชอบคนละแบบไอ้ทุย พูดจบฝ่ามือก็ฟาดไปที่กลางหัวคนตรงหน้าอย่างแรงจนลู่หานแทบหน้าทิ่ม

    กูแค่พูดเล่นป่ะวะแม่งลงไม้ลงมือตลอด พ่อมึงชื่อคิมมินซอกเหรอ บ้าพลังกันให้หมด ลู่หานบ่นอุบอิบ จงอินถอนหายใจแล้วเอนหลังพิงกับรถ

    กูพยายามทำตัวเป็นกลางแล้วนะ อันที่จริงกูลำเอียงมาทางมึงมากกว่าด้วยซ้ำ

    ใช่ มึงมันคนกลาง กลางแบบนี้ ลู่หานชูนิ้วกลางทั้งสองข้างขึ้นมาพร้อมกับทำหน้าตาย จงอินมองคนข้าง ๆ ที่ยังคงหัวดื้อหัวรั้นแล้วก็ได้แต่คิดว่าทุกอย่างที่พูดไปมันโคตรจะเปล่าประโยชน์สิ้นดี

    งั้นช่างแม่งเลยดีไหม พูดกับมึงแล้วโคตรเหนื่อย จงอินส่ายหน้าหน่าย ๆ แล้วยกกล่องกระดาษลงมาจากหลังคารถก่อนจะเดินออกมาจากตรงนั้น

    กูก็เหนื่อยเหมือนกันแหละวะลู่หานเดินตามไปทั้งที่ปากยังพูดไม่หยุด จงอินเตะประตูบ้านเพียงเบา ๆ แล้วเดินเข้าไปก่อนจะหยุดอยู่หน้าประตูข้างในเพื่อให้ลู่หานเป็นคนเปิด

    มึงขึ้นไปอาบน้ำเลยนะ

    ทำไม มึงกลัวสังฆังแดกจัมโบ้พี่หานของกูเหรอครับเพื่อน ลู่หานยิ้มกริ่มแล้วก็ต้องผงะถอยหลังออกไปเล็กน้อยพร้อมกับยกมือบังตามสัญชาติญาณเมื่อจงอินยกเข่าขึ้นมาทำท่าจะถีบเขา

    ถ้าชานยอลมันอยู่ข้างในกูอยากให้มึงเงียบปากเอาไว้แล้วเดินขึ้นห้องซะ

    กูรู้ละห่า แหม่...ปกป้องมันกันทุกคนแตะต้องไม่ได้เลย ประหนึ่งว่ามันจะตายเพราะคำพูดกูงั้นแหละ

    เออ กูขอแค่นี้ทำให้ได้ไหมล่ะ ถึงในหัวจะมีคำพูดที่อยากอธิบายให้ลู่หานเข้าใจโลกให้มากกว่านี้แต่พอมาคิดดูอีกทีไม่เอาดีกว่า คนอย่างมันคงไม่ยอมเข้าใจอะไรง่าย ๆ พูดไปก็เสียพลังงานเปล่า ๆ

    จัดให้เพื่อนเลยครับ

    แทบจะกราบตีนด้วยความซาบซึ้ง ลู่หานยิ้มพอใจกับคำประชดของเพื่อนแล้วหมุนลูกบิดเข้าไปในตัวบ้าน คิ้วเรียวเลิกขึ้นสูงเมื่อเห็นแบคฮยอนกับเซฮุนนั่งอยู่ด้วยกันสองคนในห้องนั่งเล่นโดยที่มีเทียนจุดอยู่บนโต๊ะแค่เล่มเดียว

    ยังไม่นอนอีกเหรอ? จงอินเงยหน้ามองเซฮุนหลังจากวางกล่องอาวุธลงบนโต๊ะ

    เรารอคุณอยู่น่ะครับ

    ใครจะไปหลับลง

    เป็นอะไร กลัวผีเหรอเตี้ย ลู่หานจะนั่งลงข้าง ๆ แต่แบคฮยอนยกมือปิดจมูกทำท่ารังเกียจซะก่อน เจ้าตัวก้มลงมองเสื้อผ้าตัวเองที่เลอะคราบโคลนดินแล้วก็ยักไหล่ก่อนจะเดินถอยหลังออกมา

    คุณชานยอลกับอี้ชิงออกไปข้างนอกตั้งนานแล้วยังไม่กลับมาเลยครับ เซฮุนบอกคนที่กำลังหยิบอาวุธออกมาวางบนโต๊ะทีละชั้น จงอินชะงักแล้วเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย

    ออกไปข้างนอก?

    ตั้งแต่ก่อนหัวค่ำแล้ว

    ... จงอินเหล่ไปทางลู่หานที่ยืนลอยหน้าลอยตาอยู่ข้าง ๆ แล้วคนถูกมองก็เลิกคิ้วขึ้นสูง

    อะไรมึง จะโทษกูอีกดิ

    โตแล้วคิดเอา

    เออ กูเลยคิดว่ามึงกำลังโทษกูอยู่นี่ไง

    ไปอาบน้ำเถอะลู่หาน เลิกสร้างความวุ่นวายได้แล้ว แบคฮยอนมองคาดโทษคนตัวโตกว่าที่ทำหน้าเป็นทองไม่รู้ร้อน

    จ้า จะไปเดี๋ยวนี้เลย

    นิสัยไม่ดี

    จ้า ไม่ดีมาก ๆ

    หยุดพูดได้แล้วนะ!” แบคฮยอนเขวี้ยงหมอนอิงใส่แต่คนทะเล้นรับไว้ได้พอดี จงอินส่ายหน้าหน่าย ๆ ก่อนที่เซฮุนจะเดินมานั่งลงข้าง ๆ เขา

    ได้เรื่องไหมครับ? เด็กหนุ่มพูดเบา ๆ พอให้ได้ยินกันสองคนระหว่างที่ลู่หานกับแบคฮยอนกำลังต่อปากต่อคำกันอยู่ จงอินนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วส่ายหน้าหน่าย ๆ เป็นคำตอบกับความล้มเหลวที่จะเกลี้ยกล่อมให้ลู่หานญาติดีกับชานยอล งั้นเดี๋ยวผมไปหาอะไรมาให้กินนะ ร่างหนาหันไปยิ้มบาง ๆ กอนจะพยักหน้าเป็นคำตอบแล้วเซฮุนก็เดินเข้าไปในตัวบ้าน

    มินซอกไปไหน ลู่หานชะเง้อหน้ามองหาคนตัวเล็กที่น่าจะอยู่ที่นี่แต่ก็ไม่พบแม้แต่เงา

    ย้ายไปนอนบ้านอีกหลังแล้ว

    อ้าว

    อ้าวทำไม ก็เพราะนายนั่นแหละ

    เพราะฉันอะไรอี๊กกกกกกกกกก แบคฮยอนกลอกตามองไปทางอื่นทำเมินไม่สนใจ ลู่หานเหล่มองคนตัวเล็กที่ทำท่าเหมือนโกรธเขาเสียเต็มประดา เออใช่สิ เด็กนี่ก็ชอบปาร์คชานยอล มันก็คงไม่แปลกอะไรที่คนถูกด่าจะเป็นเขา

     

     

     

    ก็เอาเหอะ เข้าข้างมันให้หมดเลย ไม่แคร์หรอกว่ะ

     

     

     

     

     

     
     

     

    ร้านเหล้าเล็ก ๆ มีเพียงแค่ไฟฉายบนโต๊ะที่ให้ความสว่างในตอนนี้ สภาพรอบข้างก็ไม่ต่างจากที่อื่นนัก ทั้งเก้าอี้และโต๊ะล้มไม่เป็นท่าอีกทั้งเศษแก้วที่แตกกระจายอยู่บนพื้นพร้อมกับซากศพตัวกินคนในชุดพนักงานเสิร์ฟนอนจมกองเลือดโดยฝีมือของปาร์คชานยอล

    อี้ชิงมองคนตัวสูงที่เอาแต่กระดกเบียร์ครั้งแล้วครั้งเล่า จำนวนขวดเปล่าสีน้ำตาลเข้มที่กองอยู่ตรงหน้าทำให้จางอี้ชิงได้รู้ว่าผู้ชายคนนี้ไม่ได้คออ่อนอย่างที่คิดเอาไว้ บนชั้นไม้ติดผนังมีขวดเหล้าหลากหลายยี่ห้อเรียงกันอยู่เต็มไปหมดแต่ชานยอลเลือกที่จะดื่มเบียร์เสียมากกว่า

    ไม่มีบทสนทนาเกิดขึ้นระหว่างเขาทั้งคู่ โดยนิสัยแล้วจางอี้ชิงไม่ใช่คนเซ้าซี้เพื่อหาคำตอบที่อยากรู้ เพราะฉะนั้นเขาถึงรอให้ปาร์คชานยอลปริปากพูดมันออกมาเอง แต่ผ่านไปหลายชั่วโมงแล้วที่ผู้ชายคนนี้เอาแต่ดื่มราวกับจะให้ความมึนเมาครอบงำจิตใจ

    “you're good at drinking.” (ดื่มเก่งเหมือนกันนะ) ประโยคปลายเปิดเพียงแค่หวังชวนคุย ร่างสูงวางขวดเบียร์ขนาดเหมาะมือลงแล้วผินหน้าหันไปมองคนข้าง ๆ

    “And what exactly defines good and not good?” (ดื่มเก่งไม่เก่งวัดกันที่ไหนเหรอครับ?)

    “You've had that much and still not asleep. That defines good.” (ดื่มไปขนาดนั้นแล้วยังไม่น็อกก็คงเรียกว่าคอแข็งแล้ว) อี้ชิงยิ้มบาง ๆ แล้วยกขึ้นดื่มบ้าง พอได้ยินอย่างนั้นคนที่ดื่มมานานเลยได้แต่หัวเราะในลำคอ

    “So, you drink often?” (คุณดื่มบ่อยหรือเปล่าครับ?)

    “Not really but coffee it is. I need it when I'm on duty. (ไม่เลย ถ้าเรื่องดื่มคงต้องยกให้กาแฟ ผมดื่มบ่อยตอนเข้าเวร)

    “Speak of that, your career is amazing you know that?” (จะว่าไปแล้ว อาชีพของคุณนี่ถือว่าน่าทึ่งนะครับ)

    “How?” (ตรงไหน?)

    “The schedule is unstable, you have to go stationed and sometimes go save people. The job is pretty honorable.” (ตารางเวลาคนอาชีพนี้ไม่แน่นอน ต้องเข้าเวรเป็นกะเป็นเวลา เสียสละเพื่อคนอื่น มันน่านับถือออกครับ) ร่างสูงยิ้มแล้วกระดกเบียร์ที่เหลืออยู่ก้นขวด

    “It's not as amazing as it sounds because of the salary.” (มันก็ไม่ได้วิเศษวิโสอะไรขนาดนั้นหรอก เพราะจุดประสงค์นอกเหนือจากการช่วยเหลือชีวิตคนก็คือเงินเดือน)

    “So cold.” (ฟังดูตัดอารมณ์ดีนะครับ)

    “The world isn't that beautiful and you know it.” (โลกไม่ได้สวยขนาดนั้น คุณก็รู้) อี้ชิงหัวเราะ

    “Do you have a wife?” (คุณมีภรรยาหรือเปล่าครับ?) ร่างผอมชะงักขวดเบียร์ที่กำลังจะแตะริมฝีปากก่อนจะมองคนข้าง ๆ ที่ปรือตาเท้าศอกกุมขมับขณะรอคำตอบจากเขา

    “Nah. (ไม่)

    “Did you ever think about your family life in  the future?” (คุณเคยวาดฝันเกี่ยวกับครอบครัวในอนาคตไหม?) ร่างสูงยังคงจ้องมองเขาอยู่อย่างนั้น อี้ชิงเงียบไปครู่หนึ่งเพื่อใช้ความคิด

    “Yes, I did.” (อืม ผมเคย)

    “Can you tell me?” (เล่าให้ฟังได้ไหมครับ?) ทั้งคู่มองหน้ากันแค่ครู่เดียวอี้ชิงก็ยกขวดเบียร์ขึ้นมากระดกแล้วผ่อนลมหายใจออกทางริมฝีปากเบา ๆ

    “Of course.” (ได้สิ) นัยน์ตาเรียวเหม่อมองออกไปข้างหน้าเมื่อนึกถึงชีวิตคู่ในอนาคตที่เคยคาดหวังเอาไว้ “I wanna have a house at the suburb, my mum and my dad, my wife’s mum and my wife’s dad, and a kitten.” (ผมอยากมีบ้านสักหลังที่อยู่แถบชานเมือง มีพ่อแม่ผม พ่อแม่ของภรรยาผม แล้วก็แมวสักตัวนึง)

    “Sounds good.” (อยู่กันหลายคนดีนะ)

    “I like to live in a big family.” (ผมชอบอยู่แบบครอบครัวใหญ่น่ะ)

    “What about a kid?” (คุณอยากมีลูกหรือเปล่า)

    “One is good.” (สักคนกำลังดีนะ?) อี้ชิงหัวเราะ “What about you?” (แล้วคุณล่ะ?)

    “I have a dream, to have a family like others you know? to have a house. To have 3 bedrooms up stairs. Mine and my kid's, all connected and a living room down stairs. The kitchen should be a bit big for the oven. My wife loves baking. And maybe, a medium size of fish pothole. The swings for my kid when he can walk. If I have a son I'll tell him to learn guitar but if I have a daughter then I'll tell her to learn martial arts.” (ผมเคยฝันไว้ว่าอยากมีชีวิตครอบครัวเหมือนอย่างคนอื่นเขา มีบ้านเป็นของตัวเอง ชั้นบนเป็นห้องนอนของผมที่เชื่อมต่อไปที่ห้องของลูกทั้งสองห้องได้ ชั้นล่างเป็นห้องนั่งเล่น ส่วนห้องครัวคงกว้างหน่อยเพราะต้องแบ่งพื้นที่เอาไว้วางเตาอบ ภรรยาของผมเธอชอบทำขนมน่ะ ส่วนหน้าบ้านมีบ่อปลาทองขนาดกลาง มีชิงช้าเอาไว้ให้ลูกผมเล่นตอนเขาเดินได้แล้ว ถ้าได้ลูกชายผมจะสอนให้เขาเอาดีด้านดนตรี แต่ถ้าได้ลูกสาวผมจะสอนให้เธอเรียนศิลปะการต่อสู้)

    “Why's that?” (หืม? ไหงงั้นล่ะ?)

    “I don't want anyone to bully her. (ผมไม่อยากให้ใครมารังแกลูกสาวของผมน่ะ) ชานยอลยิ้มเมื่อพูดถึงครอบครัวที่เขาวาดฝันเอาไว้ อี้ชิงสัมผัสได้ถึงความสุขที่ส่งผ่านทางน้ำเสียงทุ้มนุ่มของร่างสูง

    “I would get a dog after my wife gave birth. I want them to grow up together.” (ผมเคยตั้งใจไว้ว่าจะซื้อหมามาเลี้ยงตอนที่ลูกเกิด ผมอยากเขาโตไปพร้อม ๆ กัน) ร่างสูงยิ้มบาง ๆ “Yeah, white people loves to do that.” (ผมเห็นฝรั่งเขาชอบทำแบบนี้น่ะครับ)

    “Well, I saw it on the internet.” (อ้อ...ผมเคยเห็นในอินเตอร์เน็ต) นัยน์ตาเรียวมองคนข้าง ๆ ที่กำลังเปิดขวดอย่างชำนาญโดยที่ไม่ใช้ที่เปิด เคยคิดว่าผู้ชายคนนี้เกิดมาพร้อมกับความสมบูรณ์แบบแต่ดูเหมือนว่าเขาต้องคิดใหม่ “That dog.” (หมาตัวนั้นน่ะ)

    ...?

    “The breed. That Golden. It's yours?” (หมาโกลด์เด้นตัวนั้นเป็นหมาของคุณเหรอ?)

    “Can't say it's mine, I found it when I went out for supplies.” (จะบอกว่าใช่ก็พูดได้ไม่เต็มปาก ผมไปเจอมันตอนออกไปหาเสบียงน่ะ)

    “You must love him so much.” (คุณคงรักมันมาก) เขาจำสีหน้าของปาร์คชานยอลในตอนนั้นได้ สีหน้าที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดตอนหมาตัวนั้นถูกพวกผีดิบรุมกัดกิน

    “Yes, I do.(ครับ) ร่างสูงเม้มริมฝีปากพลางหลุบสายตาลงมองเคาน์เตอร์บาร์ “The people I love just passed away one by one." (คนที่ผมรักค่อย ๆ ตายจากผมไปทีละคน) น้ำเสียงเบาหวิวราวกับสายลม ร่างสูงปล่อยให้ความเศร้ากัดกินเขาโดยให้ของมึนเมาเป็นตัวช่วยให้กับมัน "Mom, dad, my wife, my friends…even that puppy." (พ่อแม่ ภรรยา เพื่อน หรือแม้แต่ลูกหมาตัวนั้น) ร่างสูงกลืนน้ำลายลงอย่างฝืดคอแล้วกระดกเบียร์อีกครั้งก่อนจะผ่อนลมหายใจเบา ๆ “I must be hurt if I love someone again.” (ถ้าผมรักใครอีก ผมก็คงต้องพบเจอกับความเจ็บปวด)

     

     

     

    ที่คุณเป็นอยู่ตอนนี้เขาเรียกว่าเมาค้างเหรอครับ...

    คุณเมามากจริง ๆ นะ

    คุณต้องถูกผีเข้าแน่ ๆ เลย

    ชานยอลครับ...

     

     

     

    ปาร์คชานยอลขีดเส้นคั่นระหว่างเขากับบยอนแบคฮยอนเอาไว้อย่างชัดเจน ถึงจะชอบเด็กคนนั้นแต่ความรักมันเป็นเรื่องต้องห้ามสำหรับเขา...ตอนนี้เขาไม่เหลือใครอีก ถ้าจะต้องตายไปก็คงไม่เสียดายอะไรนักแต่ถ้าเกิดวันหนึ่งเขาหลงรักแบคฮยอนเข้าจริง ๆ ล่ะ?

    มันเป็นเรื่องง่ายถ้าเขาจะเดินเข้าไปบอกความในใจกับเด็กคนนั้น แต่ที่มันยากก็คือการผ่านพ้นวันนี้ไปได้โดยที่ทั้งคู่ยังมีชีวิตอยู่ ไม่มีทางเลยที่เขาจะมีลมหายไปจนถึงแก่เฒ่า

     

     

     

    เพราะไม่เขาก็แบคฮยอน...ที่จะต้องตายจากไปก่อน

     

     

     

    "After I shot my wife, I kept on living my life with no strings attached.(หลังจากที่ผมลงมือยิงภรรยาของผม...ผมก็ไม่เคยคิดจะผูกพันกับใครอีก)

    ...

    "I can just live or die. I don't mind. I have no motivations to keep on living anyways." (ผมใช้ชีวิตอยู่ไปวัน ๆ จะอยู่ก็ได้ จะตายก็ได้เพราะมันไม่มีแรงจูงใจที่จะให้ผมมีชีวิตอยู่ต่อไปอีก) อี้ชิงมองคนข้าง ๆ ที่กำลังระบายความในใจให้เขาฟัง "Living with these strangers that I don’t even know where they came from. There's not a reason why I should be staying with them." (อยู่กับคนแปลกหน้าที่ไม่รู้ว่าเป็นใครมาจากไหน ไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่ผมจะต้องทนอยู่กับคนพวกนั้น)

     

     

     

    ครั้งหนึ่งจางอี้ชิงก็เคยคิดแบบนี้เหมือนกัน...

     

     

     

    "I laughed to death inside when they were discussing about  who's gonna risk their life and go out for some supplies. I mean, why would you risk your life to find food for someone else?" (ตอนที่พวกเขาตกลงกันเรื่องออกไปหาเสบียง ผมได้แต่หัวเราะในใจว่าทำไมต้องทำถึงขนาดนั้นด้วย ทำไมต้องเสียสละตัวเองออกไปเสี่ยงตายข้างนอกเพื่อหาอาหารมาให้คนอื่น?)

    “...”

    "I never thought of helping someone you know? I just did it because I have a human sense." (ผมไม่เคยคิดจะหยิบยื่นความช่วยเหลือให้กับใคร แต่ที่ทำไปก็แค่จิตใต้สำนึกเท่านั้น) นึกย้อนไปตอนที่แบคฮยอนวิ่งออกไปข้างนอกกลางดึก มันไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่เขาจะวิ่งตามไปทั้งที่เกลียดขี้หน้าเสียขนาดนั้น แต่พอคิดว่าเด็กคนนั้นจะต้องเป็นอะไรไปเขาก็ปล่อยให้เป็นอย่างนั้นไม่ได้

    "But I don't feel like that anymore, Yixing." (แต่ผมไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นแล้วอี้ชิง) ร่างสูงมองอีกฝ่ายด้วยแววตาจริงจัง "Now everybody's friends. A family." (ตอนนี้ทุกคนคือเพื่อน คือครอบครัวของผม)

    ...

    "A family which I don’t want to lose anyone." (ครอบครัว...ที่ผมไม่อยากเสียใครไปอีก) เคยคิดว่าใครจะอยู่ใครจะไปก็ได้ มันไม่มีผลกระทบอะไรกับความรู้สึกผู้ชายอย่างปาร์คชานยอลเลยสักนิด แม้กระทั่งคนที่เขาไม่ชอบขี้หน้าอย่างลู่หาน...แต่พอเห็นว่าผู้ชายคนนั้นกำลังจะตายเขาก็ปล่อยทิ้งไว้ตรงนั้นโดยที่ไม่ทำอะไรเลยไม่ได้ก็เพราะคำว่า ผูกพัน

     

     
     

    ...เพราะคำนี้แหละที่ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป...

     

     

     

    The fact that I don't want to see anyone die must be shame isn't it?” (การที่ผมไม่อยากเห็นใครตายมันคงเป็นเรื่องที่น่าสมเพชมากเลยสินะครับ?)  ร่างสูงมองขวดเบียร์ที่อยู่ในมือ "I turned into a loser in everybody's eyes just because I chose not to risk my life like everybody else." (ผมกลายเป็นคนขี้ขลาดในสายตาคนอื่นเพียงแค่ผมไม่เลือกที่จะไปตายเอาดาบหน้าเหมือนกับคนพวกนั้น)

    ...

    "They're willing to risk their lives to keep us safe but I chose to stay, to take care of the rest."  (พวกเขาพร้อมจะเสี่ยงตายเพื่อให้พวกพ้องปลอดภัย แต่ผมเลือกที่จะอยู่เพื่อดูแลคนที่เหลือ) ร่างสูงหันมามองคนข้าง ๆ ด้วยแววตาเศร้าหมอง "Or really I'm just scared"  (หรือจริง ๆ แล้วผมอาจจะแค่กลัวตาย?)

    ...

    "Even Baekhyun's brother, Byun Baekho who lost his life for saving a stranger like me who was stuck in the car."  (แม้แต่บยอนแบคโฮพี่ชายของแบคฮยอนที่ยอมเสี่ยงชีวิตเข้าไปช่วยคนแปลกหน้าอย่างผมที่ติดอยู่ในรถ) ร่างสูงวางขวดเบียร์ลงแล้วล้วงซองบุหรี่ออกมาจากกระเป๋ากางเกง "Everybody's got bravery."  (ทุกคนมีความกล้า) มวนบุหรี่ถูกคาบไว้ในปากก่อนที่ไฟแช็คจะจุดเพื่อให้ควันสีเทาหม่นลอยขึ้นบนอากาศ

     

     

     

    จริง ๆ แล้วปาร์คชานยอลก็เป็นเพียงแค่ผู้ชายคนหนึ่งที่สร้างกำแพงสูงขึ้นมาเพื่อไม่ให้ใครปีนข้ามเข้าไปในโลกของเขา

     

     

     

    "You're doing great, Chanyeol."  (คุณทำดีแล้วชานยอล)

    "How would you feel if you were me?"  (ถ้าคุณเป็นผมคุณจะทำยังไงเหรอครับ?) บุหรี่อยู่ระหว่างนิ้วชี้และนิ้วกลางส่งกลิ่นเหม็นหืนจนแทบเบือนหน้าหนีหากแต่อี้ชิงยังคงมองใบหน้าคมที่กำลังจับจ้องมาที่เขาเพื่อหวังคำตอบ

    "I can never be you."  (ผมไม่มีทางเป็นคุณได้หรอก)

    ...

    "I can never sacrifice myself for others like you. It's too hard for someone who were nearly committed suicide."  (ผมไม่มีทางเสียสละเพื่อส่วนรวมได้เหมือนคุณ มันเป็นเรื่องยากเกินไปสำหรับคนที่คิดจะฆ่าตัวตายอย่างผม) อี้ชิงตอบอย่างตรงไปตรงมาแต่ก็เรียกรอยยิ้มเศร้า ๆ จากอีกคนได้

    "I understand."  (ครับ)

    "You can't make the whole world understand you but there's gotta be someone who can truly understand you." (คุณทำให้คนทั้งโลกเข้าใจคุณไม่ได้อยู่แล้ว แต่มันก็ต้องมีใครสักคนที่เข้าใจคุณ) ชานยอลอัดควันเข้าปอดแล้วค่อย ๆ ปล่อยมันออกมาทางริมฝีปาก "And I’m one of them"  (ผมก็เป็นหนึ่งในนั้น)

    "Wow, that is a lot."  (ตั้งคนนึง) ร่างสูงหัวเราะ

    "It doesn't make you feel better, I know."  (มันไม่ได้ช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้น ผมรู้)

    "I can't remember the last time I felt good."  (ผมจำไม่ได้แล้วล่ะว่าผมรู้สึกดีครั้งล่าสุดเมื่อไหร่)

    "With the world that's changed is a bit hard but to make it worse is what we can do, can't we?"  (กับโลกที่เปลี่ยนไปแล้วมันคงยากหน่อย แต่การทำให้มันไม่แย่ลงไปกว่านี้คือสิ่งที่เราทำได้ไม่ใช่เหรอ?)

    "You can get bitten just by walking out there with your bare hands. In this moment, everything is worse." (แค่เดินออกไปมือเปล่าคุณก็ถูกกัดได้แล้ว นาทีนี้อะไรมันก็แย่ไปหมดแหละครับ) ร่างสูงแค่นหัวเราะ

    "You're tired" (ตอนนี้คุณกำลังเหนื่อย) คำพูดของอี้ชิงมันน่าขำตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ ถึงมันจะถูกอย่างที่พูด แต่การที่จะทำให้ทุกอย่างเป็นไปได้อย่างนั้นมันก็คงเป็นเรื่องยากสักหน่อย "If you can't handle it then you should let it go and the things you're carrying on your shoulders, you should give them to someone else sometimes."  (ถ้าไม่ไหวก็ปล่อยให้มันเป็นไปตามที่มันควรจะเป็น ส่วนเรื่องที่คุณแบกรับเอาไว้ก็ให้คนอื่นเขาทำแทนบ้างก็ได้)

    I can do that?(ผมทำแบบนั้นได้ด้วยเหรอครับ?)

    "You can't carry the whole world on your own Chanyeol." (คุณแบกโลกทั้งใบไว้ไม่ได้หรอกนะชานยอล)

    "If I let go, no one is going to call me a loser right?" (ถ้าผมปล่อย จะไม่มีใครตราหน้าว่าผมเป็นไอ้ขี้ขลาดหรอกใช่ไหม?) ร่างสูงมองอีกคนด้วยแววตาเรียบเฉย คำถามนี้ทำให้เขารู้สึกแปลก ๆ แต่ก็ได้แค่พยักหน้าช้า ๆ เป็นคำตอบ

     

     

     

     

     
     

     

    หลังจากอาบน้ำเสร็จความง่วงก็มาเยือน ลู่หานอ้าปากหาวหวอด ๆ แล้วทิ้งตัวลงบนเตียง ภายในความมืดที่เงียบสงบไม่มีเสียงอะไรแทรกเข้ามาในความคิดจนทำให้รู้สึกคว้างแปลก ๆ พอมาคิดดูตอนนี้มันก็ถูกอย่างที่จงอินพูดทุกอย่าง แต่ทิฐิที่เคยมีมันยากที่จะลบออกไปได้

    ในหัวบอกกับตัวเองว่าคนเราร้อยพ่อพันแม่มาเจอกัน มันคงเป็นเรื่องยากที่จะปรับตัวเข้าหากันได้ แต่ที่เรื่องมันเป็นแบบนี้ก็เพราะว่าปาร์คชานยอลแม่งชอบทำตัวหล่อ ขี้เก๊กไปเรื่อย ถ้าอี้ฟานถูกยิงตายจริง ๆ แล้วที่เขาเห็นมันคืออะไร ไม่ใช่ละครนะเว้ยที่จะได้มีคนหน้าเหมือนโผล่ออกมาให้อัศจรรย์ใจเล่น ๆ ถ้าเกิดชานยอลมันยอมรับว่าไม่ได้เห็นอี้ฟานถูกยิงกับตาเรื่องมันคงไม่ใหญ่โตแบบนี้หรอก

     

     

     

    อย่างมันก็แค่กลัวเสียฟอร์มเท่านั้นแหละวะ

     

     

     

    พอนึกถึงมินซอกแล้วก็หงุดหงิดขึ้นไปอีก เมื่อวานก็ไปนอนที่โซฟาแล้วปล่อยให้เขานอนกับอี้ชิงสองต่อสอง เด็กนั่นไม่หึงไม่หวงเขาเลยหรือไงมันน่าโมโหจริง ๆ ถ้าจะบอกว่าเป็นช่วงเอาคืนมันก็จะนานเกินไปหรือเปล่า?

    นอนพลิกซ้ายพลิกขวาครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งที่เหนื่อยจนตาแทบปิดแต่ก็หลับไม่ลงเพราะภาพใบหน้าเรียบเฉยเมื่อตอนบ่ายของเด็กแว่นคนนั้นแท้ ๆ เชียว ร่างโปร่งดีดตัวลุกขึ้นนั่งแล้วทึ้งหัวตัวเองแรง ๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบสมาร์ทโฟนบนหัวเตียงที่เจอในกระเป๋าเจ้าของห้องคนเก่าตอนค้นห้องเมื่อคืนนี้ขึ้นมาดู

    นิ้วเรียวกดเปิดเครื่องแล้วก็เลิกคิ้วขึ้นสูงเมื่อพบว่ามันยังเหลือแบตเตอรี่อยู่ถึง 70% พร้อมกับตัวหนังสือสีแดงที่บ่งบอกถึงสถานะของสัญญาณที่ใช้การไม่ได้ วอลเปเปอร์เป็นรูปคู่ชายหนุ่มสองคนในวงบอยแบนด์ที่กำลังมีชื่อเสียง...ไม่สิ...ต้องบอกว่าเคยมีชื่อเสียงถึงจะถูก ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงแค่นหัวเราะแล้วเบะปากเมื่อเห็นพวกเด็กผู้หญิงกรี๊ดกร๊าดกับภาพผู้ชายสองคนหอมแก้มกัน แต่ตอนนี้เขาไม่ได้คิดแบบนั้นอีกแล้ว

    ถึงสมาร์ทโฟนจะดูไร้ค่าในสถานการณ์ปัจจุบันแต่มันก็ยังมีประโยชน์อย่างหนึ่งคือใช้เป็นไฟฉายได้จนกว่าแบตจะหมด ขอบคุณเจ้าของเครื่องที่ดาวน์โหลดแอพลิเคชั่นจากเพล์สโตร์ไว้แล้ว เพราะถ้าจะให้ถือเทียนออกไปโต้ลมหนาวตอนกลางคืนมันก็ไม่ใช่เรื่อง ลู่หานเปิดประตูห้องเดินลงไปข้างล่างแล้วก็พบว่าตอนนี้จงอินกำลังกินข้าวโดยมีเซฮุนนั่งอยู่ข้าง ๆ

    กินด้วยกันเปล่า จงอินถามเมื่อเห็นลู่หานมองมาทางนี้

    แดกเถอะ กูง่วงละ

    ปากบอกง่วงแต่ขามึงกำลังจะเดินออกจากบ้าน

    กูจะไปนอนบ้านนั้น

    จ้ะ ปั้นหน้ากวนตีนแล้วทำมือปัด ๆ ไล่เพื่อนซี้ให้ไปตามทางเมื่อรู้แล้วว่าเป้าหมายของมันจะไปไหน ลู่หานเห็นสองคนนี้อยู่ตัวติดกันตลอดแล้วก็นึกอิจฉาในใจ อยากรู้จริง ๆ ว่าไอ้ห่าจงอินมันมีอะไรเด็กกรงหมาถึงได้ติดขนาดนั้น

    ลมหนาวที่ไม่มีผลในตอนกลางวันตอนนี้กำลังทำให้คนที่ใส่แค่เสื้อยืดกับกางเกงสามส่วนต้องกอดตัวเอง นี่ก็เริ่มเข้าหน้าหนาวอย่างจริงจังแล้วสินะ พรุ่งนี้อาจจะหนาวขึ้นกว่านี้เพราะงั้นเขาคงต้องคุยกับจงอินเรื่องออกไปหาเสื้อผ้ามาให้ทุกคนแล้วล่ะ

    การปีนรั้วเข้าบ้านคนอื่นมันง่ายกว่าปอกกล้วย ลู่หานเข้าไปในบ้านอีกหลังโดยใช้เวลาไม่กี่วินาที สองขาเดินไปข้างบ้านแล้วส่องเข้าไปทางหน้าต่าง ในห้องนั่งเล่นไม่มีแสงสว่าง...นี่ก็เพิ่งจะสี่ทุ่มเองคนบ้านนี้นอนกันหมดแล้วหรือไงวะ ล้วงกระเป๋ากางเกงแล้วเหน็บสมาร์ทโฟนไว้กับวงแขน หยิบกระดาษที่พับทบกันออกมากรีดเรียบ ๆ แล้วเดินไปหยุดหน้าประตู

    ถ้าจะให้เคาะเรียกคงโดนไอ้เจ๊กตัวสูงด่าเอาแน่ มันคงดีที่สุดถ้าเขาจะเปิดประตูเข้าไปเองด้วยวิธีนี้ ใช้เวลาไม่ถึงนาทีก็ได้ยินเสียงปลดล็อค ปลายลิ้นเตะกับริมฝีปากบนแล้วค่อย ๆ ดึงลูกบิดออก มืออีกข้างสาดแสงจากสมาร์ทโฟนเข้าไปทางด้านในแล้วปิดประตู ความง่วงทำให้เขาเหน็ดเหนื่อยกับการที่ต้องย่องเบาเสียเหลือเกิน ลู่หานเดินขึ้นบันไดปากก็อ้าหาวหวอด ๆ แต่ปัญหาก็บังเกิดเมื่อเขาเดินขึ้นมาแล้วพบประตูสามบาน

     

     

     

    มินซอก...อยู่ห้องไหน?

     

     

     

    ตบหน้าผากตัวเองแรง ๆ ทีนึงกับปัญหาระดับโลกที่กำลังพบเจออยู่ ถ้าบ้านหลังนี้มีแต่ผู้ชายเขาจะไม่ลำบากใจเลยสักนิดเดียว ถ้าเกิดสุ่มเปิดประตูแล้วไปเจอครูสุดเอ็กซ์เข้าล่ะ ไม่อยากจะนับเลยว่ากี่ตีนที่จะรุมกระทืบเขา ลู่หานเบิกตากว้างแล้วก้มลงต่ำก่อนจะกดปิดแอพไฟฉายเมื่อได้ยินเสียงประตูฝั่งตรงข้ามห้องขวาสุดเปิดออกพร้อมกับเสียงกดชักโครก จองอึนจีเดินเมาง่วงออกมาโดยมีเทียนหนึ่งเล่มในมือ เด็กนั่นอ้าปากหาวโดยที่ไม่มีการยกมือขึ้นป้องปากอย่างที่ผู้หญิงทั่วไปควรจะทำ ลู่หานเบ้หน้าเมื่อเห็นเด็กสาวเกาสะโพกแกร่ก ๆ ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปในห้องทางด้านขวาสุด

     

     

     

    กุลสตรี...

     

     

     

    เอาล่ะ...ตอนนี้เขาไม่ต้องกังวลเรื่องห้องของผู้หญิงแล้ว เพราะร้อยทั้งร้อยไอ้เทากับมินซอกคงไม่นอนกับครูสุดเอ็กซ์แน่และถ้าใช่นี่คือบันเทิง ลู่หานย่องเข้าไปหยุดอยู่ระหว่างประตูห้องทางซ้ายและห้องตรงกลาง ใช้สมองอันน้อยนิดคิดพิจารณาแล้วผลก็ออกมาว่าอย่างไอ้เทาคงเสนอหน้าอยู่ห้องตรงกลางแหงแซะ เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นมันจะได้ออกไปช่วยผู้หญิงทั้งสองได้ทันท่วงที เพราะฉะนั้น...มินซอกน่าจะอยู่ห้องซ้ายสุด

    ทำปากจู๋แล้วใช้กระดาษแผ่นเดิมค่อย ๆ สอดเข้าไปในช่องแคบของประตู ใช้เวลาไม่นานนักเขาก็เปิดออกได้ ส่องแสงเข้าไปในห้องพร้อมกับใช้ปลายเท้าย่องเข้าไปอย่างเงียบเชียบ สองขาหยุดยืนอยู่ข้างเตียงเตรียมพร้อมจะแทรกเข้าไปในผ้าห่ม แล้วก็ต้องยืนแข็งเป็นหินเมื่อคนที่นอนหลับอยู่พลิกตัวหันมา

    ...

    ให้ได้มากกว่าช็อคเมื่อเห็นใบหน้าคนบนเตียงอย่างชัดเจน ลู่หานเอามืออีกข้างปิดกล้องไฟฉายไว้ ต้องขอบคุณจริง ๆ ที่มันหลับไม่รู้เรื่อง...พ่อมึงตายครับ...ไอ้ห่าเทา...ทำไมมึงอยู่ห้องนี้!!!

    ร่างโปร่งพาตัวเองออกมาจากห้องนั้นอย่างเงียบเชียบ คนเราผิดพลาดกันได้ลู่หานบอกตัวเองแบบนี้แล้วพาสองขาไปหยุดอยู่หน้าประตูห้องกลาง ใช้วิธีเดิมในการเปิดประตูแล้วค่อย ๆ เปิดเข้าไป ให้สมาร์ทโฟนส่องแสงสว่างนำทางพร้อมกับขาขวาที่ก้าวเข้าไปก่อน

    คราวนี้ไม่มีการลังเลอะไรทั้งสิ้น ลู่หานปิดประตูแล้วค่อย ๆ ย่องเข้าไป เห็นแว่นที่วางอยู่บนหัวเตียงแล้วก็ยิ้มกริ่ม ร่างโปร่งดึงผ้าห่มออกเพียงเล็กน้อยแล้วแทรกตัวเข้าไปนอนข้าง ๆ คนตัวเล็กที่นอนหันหลังให้ ยิ่งได้กลิ่นประจำตัวก็ยิ่งมั่นใจว่าคงไม่ผิดคนแน่

    อือ...

     

     
     

    นั่น...มีส่งเสียงครางรับ แบบนี้แหละใช่...

     

     
     

    มินซอกอา~”

    เอามือออกไป

    ... แทบกริบเมื่อได้ยินเสียงเจ้าของชื่อที่ขานตอบ มินซอกหันกลับมามองเขาด้วยแววตาแบบไหนไม่รู้เลยส่องไฟฉายเข้าที่หน้าเพื่อพิสูจน์ มือเล็กยกขึ้นบังระดับใบหน้าทันทีที่แสงสว่างเข้าตา

    ทำบ้าอะไร?!”

    ชู่ว์ อย่าเสียงดังสิเดี๋ยวคนอื่นตื่นนะ

    ผมจะทำให้ทุกคนตื่น เด็กน้อยพูดเสียงแข็ง ลู่หานกลอกตาไปมาแล้ววางสมาร์ทโฟนลงบนหัวเตียงเพื่อให้แสงสว่างส่องไปทั่วห้อง

    อย่าเลย แค่พี่ตื่นคนเดียวก็แย่ละ คนทะลึ่งพูดพร้อมกับหลุบสายตามองไปใต้ผ้าห่มโอ๊ย!” ลู่หานอ้าปากค้างแล้วทาบมือลงกับแก้มตัวเองเมื่อถูกมินซอกตบหน้าอย่างแรง

    ตลกเหรอ

    ไม่ตลก ก็พี่ตื่นจริง ๆ นี่เปาจื่อ

    ยังมีหน้ามาพูดจาเล่นลิ้นอีกนะ มินซอกแค่นยิ้มแล้วเอามือดันหน้าอีกคนออก

    ง้อ ลู่หานปั้นหน้าปั้นตาสำนึกผิดพร้อมกับจับข้อมือเล็กที่กำลังจะประทุษร้ายเขาเอาไว้ ทั้งคู่สบตากันแล้วคนทะเล้นก็ทำตาปริบ ๆ หวังความเห็นใจ

    ปัญญาอ่อน

    แล้วรักเปล่า

    ไม่ ชัดพอไหม?

    ไม่เอาน่า อย่าปากแข็งสิครับ ร่างโปร่งรั้งเอวคนตัวเล็กเข้ามาใกล้แต่ก็ถูกดันออกไปเหมือนทุกที ลู่หานไม่ลดละความพยายามเพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาตื้อมินซอก

    คิดว่าผมจะมีอารมณ์ร่วมกับคุณเหรอ?

    ถ้ายังเดี๋ยวพี่ช่วยก็ได้

    ผมไม่มีอารมณ์ ถอยไปห่าง ๆ มินซอกจิ๊ปากแล้วถอนหายใจ เมื่อตอนกลางวันก่อเรื่องอะไรไว้ไม่เคยจะสำนึกเลยสินะ เขาล่ะเบื่อคนที่ทำตัวเรื้อนกลบเกลื่อนความผิดจริง ๆ

    มินซอกอา...อย่าใจร้ายกับพี่นักสิ

    ...

    เปาจื่อ~ หันมามองพี่หน่อย คนน่ารำคาญเขย่าแขนคนตัวเล็กที่นอนหันหลังให้ มินซอกนอนนิ่งไม่หันกลับไปจนกระทั่งใครอีกคนขยับเข้ามาใกล้แล้วสวมกอดทางด้านหลังพร้อมกับซุกหน้าลงกับซอกคอของเขา

    ตัวหอมจัง

    หนึ่ง

    กอดก็อุ่น

    สอง

    ดีกันนะค...

     

     
     

    ผลั่วะ!!!!

     

     
     

    โอ๊ย!” ลู่หานกุมจมูกตัวเองเมื่อคนตัวเล็กแผลงฤทธิ์อีกแล้ว หัวทุย ๆ นั่นพอกระแทกกับดั้งแล้วถึงกับหน้าสั่นไปเกือบครึ่งนาที ลู่หานถอนหายใจหนัก ๆ แล้วลุกขึ้นนั่งมองใครอีกคนที่ยังคงนอนนิ่งราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นมินซอก!”

    เสียงดังกว่านี้อีกสิ คนอื่นจะได้ตื่น

    เดี๋ยวได้เสียงดังแน่ แต่คนที่จะส่งเสียงคงไม่ใช่พี่ พูดจบก็ขึ้นคร่อมคนตัวเล็กก่อนจะจับไหล่บางให้นอนหงาย มินซอกมองคนบนร่างด้วยแววตาเรียบเฉย เขาไม่ได้ดูตื่นกลัวอะไรทั้งสิ้นกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่จนลู่หานหงุดหงิด

    เป็นบ้าอะไร

    เออเป็นบ้า

    ให้ตบเรียกสติไหม?

    ตบสิ จับข้อมือเล็กขึ้นมาแล้วเหวี่ยงเข้ากับแก้มตัวเองเบา ๆ สีหน้าที่เต็มไปด้วยความน้อยใจทำให้มินซอกเขวไปเล็กน้อย แต่ที่เขาเป็นแบบนี้ก็เพราะลู่หานทำตัวเองทั้งนั้นนี่...

    จะใจร้ายกับพี่ไปถึงไหน

    แล้วคุณจะมาสนใจอะไรผมกันนักหนา

    ทำไมถามแบบนี้? ไม่ให้สนใจมินซอกแล้วจะให้พี่ไปสนใจใคร

    ส่วนรวมไง รู้จักคำนี้หรือเปล่า

    ...

    คุณจะให้ผมกอดคุณ ยิ้ม หัวเราะ ทั้งที่คุณเป็นแบบนี้เหรอ?

    แบบไหนล่ะ?

    ทำอะไรลงไปไม่เคยรู้ตัวเลยใช่ไหม? คุณอายุเท่าไหร่แล้วลู่หาน อย่าให้เด็กอย่างผมต้องมาถอนหงอก

    แล้วพี่ผิดมากเหรอที่อยากจะช่วยอี้ฟาน

    ไม่ผิดหรอก ใคร ๆ ก็อยากช่วยเขาทั้งนั้นแหละ แต่สิ่งที่คุณแสดงออกให้คนอื่นเห็นมันมีแต่ความบ้า ความใจร้อน

    ถ้าจะให้ใจเย็นแบบไอ้ชานยอลแล้วชาติไหนจะได้ช่วยวะ

    หยุดเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับเขาสักทีเถอะ คนสองคนไม่มีทางที่จะเหมือนกันอยู่แล้ว

    นายก็ปกป้องมันอีกคนสินะ ลู่หานแค่นหัวเราะ

    คนที่ทำผิดก็ควรปรับปรุง จำเป็นด้วยเหรอที่ผมต้องเข้าข้างคุณเพื่อเอาอกเอาใจทั้งที่มันไปในทางที่ผิด

    สำหรับนาย...ทางของพี่มันก็ผิดเสมอแหละ

    เลิกเอาทุกเรื่องมาโยงเข้าหากันสักทีเถอะ มินซอกพลิกตัวเข้าหาผนังแต่ก็ถูกรั้งให้กลับมานอนหงายเหมือนเดิม สีหน้าลู่หานในตอนนี้น่ะเหรอ...เขาคงกำลังโกรธมากเลยล่ะ

    มีอะไรที่พี่ไม่รู้หรือเปล่า

    ...

    เรื่องนายกับชานยอลน่ะ

    นี่คุณกำลังพูดถึงเรื่องอะไร? มินซอกขมวดคิ้วมองคนบนร่างที่จู่ ๆ ก็ถามอะไรโง่ ๆ ออกมา

    มันเคยพูดกับพี่เรื่องของนาย

    พูดอะไร

    บอกมาก่อนสิว่ามีอะไรกันหรือเปล่า มินซอกชอบมันเหรอ?

    คุณไม่อธิบายก่อนล่ะว่ามันเรื่องอะไร?

    นายก็ตอบคำถามพี่มาก่อนสิ น้ำเสียงของลู่หานแผ่วลง เพราะถ้าเป็นอย่างที่คิดจริง ๆ เขาคงเป็นบ้าตายแน่ ๆ

    ผมจะเป็นอะไรกับเขาเหรอ? อะไรที่ทำให้คุณคิดแบบนั้น ลู่หานจ้องใบหน้าของคนตัวเล็กที่แสดงน้ำเสียงไม่พอใจใส่เขา คิ้วเรียวที่ขมวดเข้าหากันมันช่างเข้ากับสีหน้าที่เต็มไปด้วยความรำคาญ แต่คำตอบของมินซอกคำให้คนโง่อย่างเขาสงบลงได้ ร่างโปร่งโน้มตัวลงซบหน้าผากกับแผงอกบางพร้อมกับหลับตา

    จริงนะ...?

    โกหกแล้วได้อะไร

    ไม่รู้ แค่ตอบว่าจริงแค่นี้ไม่ได้เหรอมินซอก

    คุณมันเอาแต่ใจ

    แต่กับมินซอกพี่อยากได้ทั้งตัวและหัวใจเลยนะ

    ไปตายซะลู่หาน มินซอกถอนหายใจแล้วมองหัวทุยที่ยังคงซบอยู่กับแผงอกเขา

    ไม่ไป จะอยู่กับคนใจร้าย

    คุณก็เป็นซะอย่างนี้

    ...

    เอาแต่ใช้อารมณ์ ไม่เคยรอฟังเหตุผลก่อน

    ...

    ผมไม่อยากอยู่กับคุณก็เพราะแบบนี้

    พี่ขอโทษ

    เพราะผมเคยบอกว่าชอบคุณเหรอ คุณถึงคิดจะทำอะไรกับผมก็ได้น่ะ ลู่หานยังคงก้มหน้าอยู่อย่างนั้น คำพูดของมินซอกก็คิดไปเอง ไม่รอฟังเหตุผลของเขาเหมือนกันนั่นแหละ...ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะว่าเขาชอบมินซอกเหมือนกันไม่ใช่หรือไง?

    พี่ทำให้เปาจื่อรู้สึกแบบนั้นเหรอ ลู่หานเงยหน้าขึ้นมองคนตัวเล็กที่ยังคงทำหน้าบึ้งตึงอยู่อย่างนั้น

    ...

    แล้วที่พี่ทำไปทุกอย่าง มันไม่ได้แสดงให้เห็นเลยเหรอว่าพี่แคร์นายมากแค่ไหนน่ะ ร่างโปร่งค่อย ๆ ไล้หลังมือไปตามดวงหน้าของคนตัวเล็กอย่างทะนุถนอม

    คุณควรแยกแยะคำว่าแคร์กับบังคับให้ออก... น้ำเสียงเบาลงเมื่อใบหน้าของคนเอาแต่ใจเลื่อนเข้ามาใกล้ ๆ ริมฝีปากหยักแตะลงบนเปลือกตาเรียวพร้อมกับลมหายใจอุ่นที่รดลงบนดวงหน้า มินซอกค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมองลู่หานที่กำลังจูบแก้มเขาและเลื่อนไปจนถึงริมฝีปาก

     

     

    ไม่แยกแยะได้ไหม เพราะที่ทำไปทั้งหมดก็เพราะรักนะ

     
     

     

     

     

     
     

     

    เช้าวันรุ่งขึ้น...

     

    ตื่นแต่เช้านะ จงอินเลิกคิ้วขึ้นสูงเมื่อถูกทักทายโดยใครอีกคนที่นอนเอาขาก่ายพนักโซฟา ซิปเสื้อตัวนอกถูกรูดขึ้นจนถึงช่วงอกก่อนจะเดินไปนั่งลงบนโซฟา

    ไหนมีอะไร เล่ามา ถึงกับพูดไม่ออกเมื่อเพื่อนรักเสือกรู้ทันเพียงแค่เห็นสภาพเขานอนอยู่ตรงนี้ ลู่หานดีดตัวลุกขึ้นนั่งด้วยสีหน้าเซ็งสุดขีด

    กูทะเลาะกับมินซอกมา

    อีกละ

    อีกละเหี้ยไรล่ะ แม่งปัญหาระดับชาติ

    ปัญหาชีวิตคู่มึงนี่เรื้อรังสัด ๆ มีวันไหนบ้างไหมที่จะไม่ทะเลาะกันเนี่ย ว่าแต่มึงไปโดนไรมา ต้นโพธิ์ล้มใส่หน้าเหรอ จงอินเอียงหน้าเล็กน้อยพร้อมกับชี้ที่แก้มเพื่อทำท่าประกอบ ลู่หานลูบแก้มตัวเองแล้วก็ถอนหายใจหนัก ๆ เมื่อคืนเห็นว่ายอมให้จูบให้กอดแล้วตอนเช้านึกว่าจะเล่นผีผ้าห่มได้...โดนเลยกู

    โดนตบแห่งรัก

    อยากจะถุยนะครับแต่มีมารยาท

    กูถามหน่อยเหอะ มึงมีดีอะไรวะทำไมเด็กกรงหมาถึงได้รักได้หลงขนาดนั้น หรือว่ามึงเล่นของ? แต่ไหนแต่ไรก็ไม่ได้สังเกตหรอกนะ แต่พอตอนไอ้จงอินหายตัวไปที่ท่าเรือนั่นแหละถึงได้ดูออกว่าเด็กกรงหมาแม่งโคตรรักไอ้เชี่ยนี่เลย

    ของห่าไรล่ะ

    คือกูอิจฉาไง

    เลิกพูดได้ละสัด น้ำเสียงเบาลงเมื่อคนถูกพาดพิงเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นด้วยสีหน้ามึนงง เซฮุนยังคงไม่รู้ตัวว่าถูกสองเพื่อนซี้นินทาเลยได้แต่มองทั้งคู่สลับกันไปมา

    อรุณสวัสดิ์เซฮุน

    อรุณสวัสดิ์ครับลู่หาน

    เมื่อคืนนอนสบายเปล่า? ถามเซฮุนแต่ตากลอกมองเพื่อนที่นั่งทำหน้าโหดอยู่ตรงโซฟาอีกตัว

    ก็...สบายนะครับ?

    น่าอิจฉาจังเลยยยยยยยยยยยย

    อิจฉา...?

    มันไปนอนให้ตัวกินคนนวดหน้าด้วยฝ่าเท้ามาน่ะ เห็นแก้มมันไหม นั่นแหละรองเท้าเบอร์สี่สิบเอ็ด จงอินชี้แล้วเซฮุนก็หัวเราะเบา ๆ

    จริงเหรอครับ

    เชื่อมันก็คลอดลูกเป็นลิงแล้วน้องเอ๊ย

    คุณดูง่วง ๆ นะยังไม่ได้นอนเหรอ? เซฮุนถามแล้วลากเก้าอี้มาข้าง ๆ โซฟาที่จงอินนั่งอยู่

    นอนแล้วแต่ตื่นไว

    นอนไม่ค่อยหลับหรือว่ายังไงครับ?

    เปล่า มินซอกตื่นก็เลยตื่นตาม พูดจบคนได้ฟังก็หลุดหัวเราะออกมา ลู่หานมองเพื่อนซี้ที่หันไปยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับเด็กกรงหมาแล้วก็หมั่นไส้ แหม่...มีมองตากันก็สื่อถึงหัวใจ กูล่ะหมั่นไส้จริง ๆ เบื่อว่ะ

    บอกกูแล้วหายไหม

    ไม่หาย แต่กูไม่รู้จะระบายออกมาทางไหน

    ไปกราบตีนเด็กดาดฟ้าแล้วอ้อนวอนให้มันสร้างความบันเทิงให้มึงสิ

    ไม่กระโดดถีบกูออกจากห้องก็บุญหัวแค่ไหนแล้ว มึงดูนี่นะ มึงดู ลู่หานถลกชายเสื้อขึ้นโชว์หน้าท้องที่มีรอยแผลเป็นจากแผลโดนแทงให้ทั้งคู่ดู

    อะไร

    เห็นตัวแค่นั้นแม่งถีบทีกูนี่ถึงกับจุกครับ ดึงชายเสื้อลงแล้วเอนหลังพิงกับพนักโซฟา ไม่ได้ห่วงหรอกว่ากูโดนแทงมาก่อน

    แต่แผลคุณก็หายดีแล้วไม่ใช่เหรอครับ

    หายไม่หายมันก็ไม่ควรป่ะวะ ถึงจะถีบคนละข้างกับแผลก็เถอะ คนรักกันที่ไหนเขาทำกันแบบนี้

    มินซอกรักคุณด้วยเหรอครับ

    เด็กกรงหมา -_-”

    คนพูดวิ่งไปโน่นแล้วเว้ยมึง จงอินชี้ออกไปตรงประตูบ้านแล้วหัวเราะเยาะเย้ยคนเป็นเพื่อนสุดใจ สัดเอ๊ยให้มันได้งี้

    แล้วพวกมึงสองคนจะไปไหนกัน แต่งตัวเต็มยศ ไปเดทโต้ลมหนาวเหรอครับ?

    ว่าจะขับเข้าไปดูในเมืองสักหน่อย ถ้าเจอเสบียงคงได้ขนกลับมาเลย

    เออ งั้นกูไปด้วย

    ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าดิ

    ได้ รอพี่ห้านาทีนะไอ้น้อง ลู่หานยกมือขึ้นแล้วรีบวิ่งออกไปแต่ก็เบรกกะทันหันเมื่อนึกอะไรขึ้นได้ไอ้ชานยอลอยู่ข้างบนป่ะวะ?

    เปล่า มันยังไม่กลับมาตั้งแต่เมื่อวาน

    เออ ช่างหัวมัน ยักไหล่อย่างไม่ยี่หระแล้ววิ่งขึ้นไปบนชั้นสอง เซฮุนขมวดคิ้วแล้วหันกลับมามองคนข้าง ๆ ด้วยความสงสัย

    ตอนผมเดินเข้ามาพวกคุณคุยอะไรกันอยู่เหรอครับ?

    เรื่องของผู้ใหญ่ เด็กไม่ต้องรู้หรอก เอื้อมมือไปขยี้หัวเด็กหน้าตายที่นั่งคิ้วผูกโบว์อยู่ข้าง ๆ พร้อมกับหัวเราะเบา ๆ เซฮุนจัดเผ้าผมให้เรียบร้อยแล้วก็ยิ้มตามโดยที่ไม่ถามอะไรอีก

     

     

     

     

     

     

    แสงสว่างยามเช้าที่ส่องเข้ามาทางหน้าต่างทำให้คนที่ฟุบหลับอยู่บนเคาน์เตอร์บาร์เงยหน้าขึ้นมาเมื่อถึงเวลาที่ต้องตื่น เปลือกตาบางปรือมองรอบข้างที่มองเห็นได้ชัดเจนขึ้นมากกว่าตอนกลางคืนพร้อมกับสองมือเรียวที่ลูบหน้าตัวเองเบา ๆ เพื่อเรียกสติ

    เมื่อคืนก็ไม่ได้ดื่มเยอะกลับกันแล้วเขาดื่มไปไม่ถึงเศษหนึ่งส่วนสี่ของที่ชานยอลดื่มเลยด้วยซ้ำ แต่สำหรับคนที่ไม่คุ้นชินกับของมึนเมาแค่เบียร์สามขวดก็ส่งเขาเข้าสู่นิทราได้อย่างไม่ยาก อี้ชิงนวดขมับแล้วหายใจเข้าลึก ๆ ระหว่างนั้นก็ได้แต่สัญญากับตัวเองว่าจะไม่แตะต้องของพวกนี้ไปอีกนานถ้าไม่จำเป็น

    พอตั้งหลักได้ก็หันไปทางด้านขวาแต่ก็พบเพียงความว่างเปล่าเมื่อใครอีกคนที่ดื่มกับเขาเมื่อคืนไม่ได้อยู่ตรงนี้แล้ว คิ้วเรียวขมวดมุ่นแล้วหันไปทางด้านซ้ายก่อนจะกลอกตามองไปรอบ ๆ แต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของปาร์คชานยอล

    ชานยอล?

    สองขาเดินออกมาจากตรงนั้นพร้อมกับชะเง้อหน้ามองหาคนตัวสูง ขาเรียวก้าวข้ามเศษขวดปากฉลามบนพื้นแล้วมองเข้าไปทางด้านใน ข้างหน้ามีป้ายเล็ก ๆ ที่เป็นรูปผู้ชายและผู้หญิง คิดว่าชานยอลคงจะอยู่ในห้องน้ำเลยผลักประตูเข้าไปเบา ๆ แต่ก็พบเพียงความว่างเปล่า...

    ชานยอล!”

    ตะโกนเรียกอีกครั้งแต่ก็ไม่ได้ยินเสียงตอบรับกลับมา อี้ชิงเดินเข้าไปในห้องน้ำแล้วค่อย ๆ ผลักประตูออกทีละบานอย่างใจเย็น

     

     
     

    กึง!

     

     
     

    ร่างผอมสะดุ้งสุดตัวพลางมองไปยังประตูห้องน้ำบานสุดท้ายที่ปิดอยู่ หัวใจเต้นเร็วรัวเพราะความเงียบที่กำลังเผชิญ ในเมื่อตะโกนเรียกขนาดนี้แล้วแต่เสียงตอบรับกลับเป็นเสียงกระแทกประตูแบบนั้นมันเลยทำให้เขารู้สึกหวั่นใจอยู่ไม่น้อย สองขาค่อย ๆ ก้าวไปหยิบไม้ถูพื้นที่วางพิงกับพนังห้องน้ำขึ้นมาถือไว้เป็นอาวุธพลางเม้มริมฝีปากแน่น

    Is that you?” (นั่นคุณหรือเปล่า?)

     

     
     

    กึง!

     

     

     

    ชานยอล? พยายามรวบรวมความกล้าทั้งที่สั่นไปหมดทั้งตัว จางอี้ชิงไม่ใช่คนมีฝีมือเรื่องการต่อสู้เหมือนกับคนอื่น ๆ ตั้งแต่เกิดเรื่องเขาเคยฆ่าพวกมันแค่สองตัวเท่านั้นตอนที่ยังอยู่กับคนในกรุ๊ปทัวร์

    เบื้องหลังประตูบานนี้อาจจะเป็นตัวอะไรสักอย่างที่สามารถฆ่าเขาได้เพียงแค่ข่วนเบา ๆ เพราะถ้าเกิดปาร์คชานยอลอยู่ข้างในจริง ๆ ก็คงขานตอบกลับมาแล้ว จะว่าเป็นเพราะเมาหนักจนกอดคอโถส้วมจนไม่มีแรงพูดก็คงไม่ใช่...ประตูที่ถูกล็อกจากลวดหนาทางด้านในทำให้เขาประหลาดใจอยู่ไม่น้อย คิดได้สองแง่ว่าห้องน้ำชำรุดเลยถูกแก้ไขเบื้องต้นด้วยวิธีนี้ หรือไม่ก็...

     

     

     
     

    กร๊าซซซซซซซ!!!”

     

     

     

     

    อ่ะ!!” ร่างผอมเซถอยหลังไปชนยืนชิดกับผนังเมื่อเห็นใบหน้าซูบผอมติดกระดูกกำลังพยายามสอดมือออกมาจากประตูที่แง้มออกเพียงเล็กน้อย ริมฝีปากอ้ากว้างพร้อมกับส่งเสียงโหยหวนเมื่อเห็นเหยื่ออยู่ตรงหน้า อี้ชิงยังคงช็อกกับสิ่งที่เห็น สองมือกำไม้ถูพื้นไว้แน่นแล้วค่อย ๆ เดินเลียบออกมาโดยที่ไม่คิดจะต่อสู้กับสิ่งที่อยู่ภายในห้องน้ำแคบ ๆ นั้น

    บ้าเอ๊ย... สบถเบา ๆ แล้วถอนหายใจอย่างโล่งอกหลังจากเดินกลับมาหยุดอยู่หน้าเคาน์เตอร์บาร์ อี้ชิงยืนสงบสติอยู่ครู่หนึ่งแล้วคิดทบทวนว่าปาร์คชานยอลหายไปไหน

    คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเมื่อหันไปเห็นอะไรบางอย่างที่ผิดสังเกต บนเคาน์เตอร์บาร์ที่เคยมีขวดเบียร์วางเละเทะเมื่อคืนปัจจุบันมีเพียงแค่กระดาษแผ่นหนึ่งที่ถูกพวงกุญแจรถวางทับเอาไว้

    สองขาค่อย ๆ ก้าวไปหยุดอยู่ตรงนั้นแล้วเลื่อนพวงกุญแจออกก่อนจะหยิบกระดาษสีขาวขึ้นมาดู...เปลือกตาบางปิดลงแล้วถอนหายใจเมื่อเห็นตัวหนังสือสีดำที่เขียนตรงกลางกระดาษ ประโยคสั้น ๆ เพียงประโยคเดียวที่อธิบายทุกอย่างได้อย่างชัดเจน...

    What the...(ให้ตายเถอะ...)

     

     

     

     

     

     

     

    ‘Goodbye’

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    TBC

     

     

     

     

    ตอนนี้หน่วงมันทั้งตอนไปเลยนะ ทั้งคู่ลู่หมิน สมน้ำหน้าพี่ลู่กันเลยสิคะงานนี้ ก็ทำตัวเองน่ะนะ...จะให้มินซอกดีด้วยแต่ไม่ดูนิสัยตัวเองเล้ย #คนบร้า

    พี่ชาร์ลไปแล้ววววววววววววววว TT_TT

    พี่ชาร์ลไปไหน ดาร์คเข้าไปทุกที ๆ แล้วนะคะ

     

    ตอนนี้งานหนักของ @ponggosama เลยค่ะที่ช่วยแปลอิงค์ให้เกินครึ่งตอน (กราบนางงาม ๆ) ขอบคุณน้องพองมากที่ช่วยทรานส์ให้ตลอดเลย

     

     

    ปล.ใครยังไม่จองฟิครีบจองนะคะ ปิดจองวันที่ 15 นี้แล้วเด้ออออ #ขายของตลอด

     

     

     

     

     OPV ซีซั่น 2 มาแล้วนะคะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×