ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ZOMBIES HARD CREEPER | KAIHUN CHANBAEK FT.EXO

    ลำดับตอนที่ #38 : Chapter 35 :: Memorable

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 13.16K
      144
      25 ม.ค. 57

    ? Tenpoints!

     

     

     

    Chapter 35

    Memorable

     

     

     
     

    ไม่อยากเชื่อเลยว่ามันจะเลวร้ายขนาดนี้ ทุกคนต่างเลือกมุมนั่งเป็นของตัวเอง บนท่าเรือที่มีซากศพนอนเกลื่อนกับคนกลุ่มหนึ่งที่กำลังสนทนาในหัวข้อเดียวกัน ผู้มาใหม่ทั้งสี่คนทำหน้าเคร่งเครียดในขณะที่ลู่หานนั่งหย่อนขาอยู่ริมท่าเรือตามลำพัง

    ถ้าพวกคุณไม่ออกมา คุณอี้ฟานก็คงไม่ตาย โรงเรียนเราก็คงไม่แตกด้วยเด็กหนุ่มที่นั่งกอดเข่าอยู่ข้าง ๆ เทาพูด อึนจีผลักไหล่คนเป็นเพื่อนแรง ๆ จนเซไปทางด้านข้างเมื่อได้ยินประโยคไม่เข้าหู

    ไอ้บ้ายุนฮา พูดแบบนี้ได้ไง

    ก็มันจริงนี่!”

    ยุนฮา... ปาร์คกาฮีกดเสียงลงต่ำ เด็กหนุ่มหายใจฮึดฮัดแล้วหลุบสายตาลงเมื่อถูกครูสาวดุ

    เพราะพวกเราสะเพร่าเองต่างหาก ถ้าพวกนายช่วยเทาเอาศพไปทิ้งบ้างประตูก็คงไม่พังหรอก จองอึนจีสุดจะทน ตั้งแต่กลุ่มของอี้ฟานย้ายออกทุกคนต่างดูหมดหวังจนไม่เป็นอันทำอะไร ทั้ง ๆ ที่ครูกาฮีกับเทาพยายามแล้วแต่คนอื่น ๆ กลับไม่ให้ความร่วมมือเลย

    พวกคุณจะเอายังไงต่อคะ?

    เราว่าจะปักหลักรอจงอินที่นี่กันสักอาทิตย์นึงน่ะครับ ชานยอลที่ยืนพิงเสาอยู่ข้าง ๆ ตอบหลังจากที่ถามความเห็นทุกคนแล้วแต่มีแค่อี้ชิงที่ไม่ขอลงความเห็นด้วย

    สรุปว่าที่เชจูไม่มีอะไรเลยสินะ เทาถอนหายใจ แล้วนี่ยังไง? กะจะรอมันไปถึงเมื่อไหร่?

    คำถามนี้ทำให้ชานยอลเบนสายตาไปยังเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้และเซฮุนก็ดูออกว่าร่างสูงก็ต้องการคำตอบจากเขา ร่างบางหลุบสายตาลง เขาไม่กล้าพูดอะไรสักอย่าง ไม่กล้าขอให้ทุกคนอยู่รอจงอินที่นี่ ไม่อยากเป็นตัวถ่วง แต่เขาก็ไม่อยากไปไหนโดยที่ไม่มีจงอินเหมือนกัน

    ก็รอจนกว่าแม่งจะมานั่นแหละ ทุกคนหันไปมองลู่หานที่หันหลังให้ ร่างโปร่งเขวี้ยงก้อนหินไปกลางทะเลแล้วเท้ามือลงกับพื้นซีเมนต์ เรื่องของมินซอกยังคงวนเวียนอยู่ในหัวเขา แบคฮยอนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ได้แต่ตบบ่าปลอบใจเท่านั้นเพราะไม่รู้จะสรรหาคำพูดดี ๆ จากไหนมาปลอบใจลู่หาน

     

     
     

    ก็รู้ว่าใคร ๆ ก็ต้องพบเจอการสูญเสียทั้งนั้น...

    แต่ที่เป็นอยู่ในตอนนี้มันยากที่จะยอมรับได้จริง ๆ

     
     

     

    ผมขอถามหน่อยเถอะ...ว่าถ้าเกิดคิมจงอินไม่มาพวกคุณจะทำยังไง? ยุนฮาทำลายความเงียบด้วยคำถามเดียวกับอี้ชิงเมื่อวานนี้แต่กลับให้อารมณ์ต่างกันอย่างสิ้นเชิงผมไม่ได้อยากพูดแบบนี้หรอกนะ แต่ถ้าเขาตายไปแล้วล่ะ? พวกคุณจะไม่รอเขาอยู่ที่นี่ไปตลอดชีวิตเลยเหรอ?

    คังยุนฮา!” อึนจีผลักคนข้าง ๆ จนเซล้มไปทับเด็กหนุ่มตัวสูงก่อนจะล้มลงไปนอนกับพื้นเพราะถูกจื่อเทาผลักออกไปอีกทอด

    ฉันก็แค่พูดความจริง แค่นี้รับกันไม่ได้หรือไง?!”

    ความจริงบ้าบออะไร ถ้าปากนายมันว่างมากทำไมไม่กระโดดลงไปในน้ำแล้วใช้ปากจับปลาซะเลยล่ะ!”

    ฉันสุดจะทนแล้วนะ! ไม่แหกตากันดูบ้างเหรอว่าตอนนี้มันเป็นยังไง?! ดูสิ! ข้างนอกมีพวกกัดคนเดินเพ่นพ่านอยู่เต็มไปหมด ที่เกาะเชจูก็ด้วย! ไม่มีเครื่องมือสื่อสาร ไม่มีอะไรสักอย่างที่จะยืนยันได้เลยว่าเขายังมีชีวิตอยู่ เด็กหนุ่มลุกขึ้นยืนตวาดเสียงดังกับความอัดอั้นที่เขาพบเจอมาตลอดหลายวันที่ผ่านมา ทุกคนรู้สึกแย่แล้วไง? ที่ต้องทำคือพยายามหาทางเอาตัวรอดแทนที่จะมานั่งรอความหวังบ้า ๆ กับคนที่จากไปแล้วไม่ใช่เหรอ?

    พอสักทีเถอะยุนฮา!” เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเห็นปาร์คกาฮีขึ้นเสียงใส่ลูกศิษย์ ครูสาวมีสีหน้าไม่สู้ดีนัก ปาร์คชานยอลเพิ่งเข้าใจความรู้สึกของเธอก็ตอนที่เขาต้องรับผิดชอบทุกอย่าง อย่าทำให้ทุกอย่างมันแย่ไปกว่านี้เลย ครูขอล่ะ

    ทำไมครับ?

    ...

    ขาดคิมจงอินไปคนเดียวทุกคนถึงกับเดินไปข้างหน้าไม่ได้เลยเหรอ?

    ...

    คำถามนี้จี้ใจดำจนพูดไม่ออก เซฮุนเม้มริมฝีปากแน่นก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง

    ผมจะอยู่รอเอง

    ...

    ว่าไงนะ?

    พวกคุณไปกันเถอะครับ ร่างบางมองหน้าทุกคนด้วยแววตาเรียบเฉย ถึงจงอินจะไม่ใช่พ่อ ไม่ใช่พี่ชาย ไม่ใช่คนในสายเลือด

    ...

    แต่ตอนนี้เขาคือครอบครัวของผม...

    ...

    ถ้าพวกคุณอยากไป...ก็ไปกันเลย

    เซฮุน...

    ผมจะอยู่รอเขาเองครับ

    เราจะทิ้งนายไว้ที่นี่คนเดียวได้ยังไง? เทาพูด

    ถ้าคนสำคัญของนายหายไป นายจะตัดสินใจเดินทางต่อไปโดยที่ไม่รอเขากลับมาเหรอ? คำพูดของเซฮุนทำให้ทุกคนพูดไม่ออก

    ...

    พวกคุณจะไปก็ได้ ผมไม่โกรธเลยที่พวกคุณรักชีวิตตัวเองมากกว่า เพราะผมเข้าใจว่ามันเป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์ที่ต้องเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง

    ...

    ผมก็เคยเป็นคนเห็นแก่ตัว ตั้งแต่ครอบครัวของผมจากไปผมก็เอาแต่คิดเรื่องเอาชีวิตให้รอดผ่านวันนี้ไปได้ คนรอบข้างจะเป็นยังไงมันไม่ใช่เรื่องของผม ไม่มีใครพูดแทรกขึ้นมา ทุกคนกำลังจมดิ่งไปกับความเห็นแก่ตัวของตัวเองที่บางคนเลือกแสดงมันออกมาและใครอีกหลายคนเลือกที่จะเก็บมันไว้ในใจ

    หนึ่งในนั้นคือปาร์คชานยอล เขาต้องคิดให้รอบคอบในทุก ๆ เรื่อง การที่จะมารอจงอินอย่างไร้ความหวังแบบนี้บอกตรง ๆ ว่าเขาไม่ค่อยเห็นด้วยสักเท่าไหร่ แต่ในเมื่อเสียงข้างมากเลือกที่จะอยู่เขาเลยต้องยอมรับอย่างปฏิเสธไม่ได้ ใช่ว่าอยากทิ้งจงอินแต่การหาเสบียงในละแวกนี้มันคือปัญหาหลักหากว่าเขาจะปักหลักอยู่ที่นี่กันสักพัก

    แต่พวกคุณรู้ไหมครับว่าอะไรที่ทำให้ผมเปลี่ยนความคิด

    ...

    เพราะมีคน ๆ นึงยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อเข้าไปช่วยผม

    ...

    ทั้งที่ผมพร้อมจะตายแล้วแต่เขากลับฝ่าตัวกินคนเข้าไปในโรงเรียนเพื่อช่วยผม ทั้งที่เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมอยู่ส่วนไหนของตึก ร่างบางกำไขควงที่เป็นตัวแทนใครอีกคนไว้พลางเดินถอยหลังไปนั่งลงบนกล่องไม้ที่วางอยู่ จงอินเกือบถูกกัดที่ไร่ข้าวโพด เพียงเพราะเขาอยากให้ทุกคนในโรงเรียนกินอยู่อย่างสบาย

    ...

    เหตุผลแค่นี้พอไหมครับที่ผมจะอยู่รอเขาน่ะ? เด็กหนุ่มตาแดงก่ำ ทุกคนรู้สึกได้กับเสียงของเซฮุนที่กำลังสั่นเครือ

    ไม่มีเสียงโต้แย้งของใครทั้งนั้นแม้กระทั่งคังยุนฮาคนที่เคยแสดงออกถึงความเห็นแก่ตัวให้ทุกคนเห็น แบคฮยอนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ลู่หานได้ก้มหน้านิ่ง ทุกครั้งที่นึกถึงเรื่องเลวร้ายที่เพิ่งผ่านพ้นไปน้ำตามันก็ไหลออกมาได้ง่าย ๆ อี้ฟานที่อยู่ด้วยแล้วให้ความรู้สึกเหมือนกับพ่อกับจงอินที่ให้ความรู้สึกเหมือนพี่ชายอีกคน...แค่คิดว่าพวกเขาจะไม่มีวันกลับมามันก็เจ็บปวดแล้ว

     

     

    ที่ผมไม่อยากไปไหน...ก็เพราะผมกลัวว่าถ้าเขากลับมาแล้วจะไม่เห็นผมยืนอยู่ตรงนี้...มันก็แค่นั้นเองครับ

     

     
     

     


     

     

     

     

    เอ้า ๆ ระวังติดคอ

    จงอินได้แต่นั่งมองเด็กน้อยที่กำลังก้มหน้าก้มตากินเส้นหมี่ต้มน้ำเปล่าฝีมือเขาอย่างตะกละตะกลาม จงอินรูดซิปกระเป๋าแล้วหยิบโค้กออกมาก่อนจะกลิ้งขวดเข้าไปหาคนตัวเล็ก มินซอกกัดเส้นหมี่ขาวซีดให้ขาดแล้วเงยหน้าขึ้นมองเขา

    ไม่ได้กินข้าวมากี่วันแล้ว? มองแก้มทั้งสองข้างที่อัดแน่นไปด้วยเส้นหมี่แล้วก็ได้คำตอบเป็นสามนิ้ว จงอินพยักหน้าช้า ๆ แล้วเอนหลังพิงกับผนังห้อง

    หน้าคุณไปโดนอะไรมา ถามจบก็เปิดขวดโค้กขึ้นกระดก พอได้ยินแบบนั้นจงอินก็จับ ๆ รอยช้ำบนหน้าตัวเอง

    อ้อ...

    ทำไมถึงกลับมาคนเดียวล่ะ

    เรื่องมันยาวมาก อยากฟังจริงดิ?

    ผมไม่ได้รีบไปไหน

    แต่ฉันรีบว่ะ นี่มาเพื่อขอความช่วยเหลือเลยนะ จงอินทำหน้าเป็นกังวล มินซอกนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะลุกขึ้นเดินหายเข้าไปในตัวบ้านแล้วกลับมาพร้อมกล่องพยาบาล

    ทายาเป็นไหม?

    ก็เป็นอ่ะ แต่นายถึงกับไปหอบมันมาขนาดนี้ก็น่าจะแสดงความมีน้ำใจตอบแทนบุญคุณที่ฉันต้มเส้นหมี่น้ำเปล่าอันเลอค่าให้กินบ้างเปล่าวะ จงอินขมวดคิ้วมองเด็กดาดฟ้าที่ชอบทำหน้าหยิ่งใส่เขา

    ผมช่วยคุณยิงมัน

    งั้นถือว่าหายกัน

    งั้นก็ทาเอง

    ขอบใจ จงอินหรี่ตามองอีกฝ่ายที่กึ่งวางกึ่งโยนกล่องพยาบาลลงตรงหน้าเขา พอเห็นมินซอกกลับไปกินเส้นหมี่ต่อแล้วก็รู้สึกหมั่นไส้ขึ้นมา

    เรื่องมันแย่ว่ะ ไม่รู้จะเล่าตรงไหนดี คร่าว ๆ คือเราเสียอี้ฟานไปแล้วฉันก็พลัดหลงกับคนอื่นที่ท่าเรือมินซอกค้างอยู่ในท่าคีบเส้นหมี่ เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายอย่างไม่เชื่อหูตัวเองแล้ววางตะเกียบลงในถ้วย

    คุณว่าไงนะ?

    อย่าให้เล่าหลายรอบ ร่างหนาชันเข่าขึ้นมาข้างหนึ่งแล้วถอนหายใจหนัก ๆ

    คุณอี้ฟาน...

    ...

    ...

    กลับเข้าสู่ความเงียบ รู้สึกว่านี่จะเป็นประโยคแรกที่คิมมินซอกแสดงปฏิกิริยาออกมาอย่างชัดเจน ถ้วยเส้นหมี่กลายเป็นหมันในวินาทีถัดมา จงอินหลุบสายตาลงเมื่อนึกถึงคนอื่น ๆ ที่คลาดกันไปหลายวันแล้ว

    หลังจากเสียอี้ฟานไปลู่หานก็ถูกแทงจนอาการสาหัส ที่ท่าเรือมีพวกกินคนอยู่เต็มไปหมด ฉันไล่ต้อนพวกมันออกมาเพื่อให้ทุกคนไปขึ้นเรือ

    ไปเชจูเหรอ?

    ใช่ ที่ฉันกลับมาที่นี่ก็เพื่อขอความช่วยเหลือจากพวกนายให้ช่วยไปเคลียร์ท่าเรือให้หน่อย ลำพังฉันคนเดียวคงไม่ไหวว่ะ

    ไม่ทันแล้วล่ะ มินซอกปิดขวดน้ำอัดลมแล้ววางไว้บนพื้นคุณมาช้าเกินไป

    ...

    เรื่องมันเกิดขึ้นตอนที่...

     

     

     

     



     

     

     

    MINSEOK’S PART

     

     
     

     

    ซ่า...

    ฝนข้างนอกยังคงตกอย่างต่อเนื่อง เสียงของมันคล้ายกับยานอนหลับที่กำลังกล่อมให้เปลือกตาของเขาปิดลงในเวลาเฝ้าเวรกลางคืนแบบนี้ นี่เป็นวันแรกที่คิมมินซอกแลกเวรกับรูมเมท ถึงแม้ปาร์คกาฮีครูสาวเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่จะบอกว่าการเฝ้าเวรยามมันไม่จำเป็นอีกต่อไปแล้วเขาก็ยังอยากรับผิดชอบหน้าที่นี้อยู่ดี แต่วันนี้ฟ้าฝนอากาศไม่เป็นใจพอตกดึกฝนก็เทลงมาอย่างหนักจนเด็กหนุ่มต้องระเห็จตัวเองเข้ามาข้างในแล้วนั่งหลบฝนอยู่ตรงบันไดทางขึ้น

     

     

    อะไรที่ทำได้ก็อยากทำ...ดีกว่าอยู่เฉย ๆ แล้วฟุ้งซ่านจนไม่เป็นอันทำอะไร...

     

     

    เผลอหลับไปนานเท่าไหร่ก็ไม่รู้แต่พอลืมตาตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าฝนหยุดแล้ว ร่างเล็กพาตัวเองลุกขึ้นยืนแล้วเดินเข้าไปในลานกว้างของดาดฟ้า พระอาทิตย์สีส้มที่กำลังโผล่พ้นขึ้นมาเหมือนกับทุกวันกำลังส่องแสงสว่างให้เขามองเห็นบ้านเรือนไปจนสุดสายตา น้ำฝนที่ขังอยู่บนพื้นทำให้มินซอกเลือกที่จะเดินไปหยิบไม้กวาดทางมะพร้าวมากวาดออกแทนที่จะส่องกล้องทางไกลดูเรือขนข้าวเหมือนกับทุกวัน

     

     

    กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!”

     

     

    แต่ยังไม่ทันลงมือทำอะไรเสียงกรีดร้องก็ดังขึ้น เด็กหนุ่มขมวดคิ้วแล้วรีบวิ่งไปเกาะรั้วดาดฟ้า นักเรียนทั้งชายหญิงหนีเอาชีวิตรอดจากตัวกัดคนที่กำลังวิ่งออกมาจากตึก แต่ที่ทำให้ช็อกยิ่งกว่านั้นคือประตูรั้วที่พังลงพร้อมกับพวกมันที่แห่เข้ามาเป็นสิบ

    เสียงหวีดร้องของเด็กนักเรียนที่ถูกกัดเป็นเหมือนสัญญาณเตือนบอกพิกัดให้พวกมันมาที่นี่ มินซอกเลิ่กลั่กทำตัวไม่ถูกกว่าจะตั้งสติได้ก็เสียเวลาไปหลายนาที ร่างเล็กรีบวิ่งกลับไปเอาไรเฟิลที่วางพิงผนังไว้ตอนหลบฝนแล้วใส่กระสุนปืนเข้าไป

    กระสุนปลายแหลมสีทองในมือจำนวนหนึ่งตกลงพื้นจนต้องลนลานลงไปเก็บ เสียงกรีดร้องของความเจ็บปวดปะปนกับเสียงโอดครวญของพวกกันคนกดดันให้มินซอกเร่งมือให้เร็วกว่านี้ เด็กหนุ่มใส่กระสุนปืนเข้าไปแล้วดึงโบลเข้าหาตัวในวินาทีถัดมาก่อนจะรีบวิ่งไปหยุดอยู่ตรงรั้วดาดฟ้า ปืนไรเฟิลถูกตั้งขึ้นระดับหัวไหล่เด็กหนุ่มมือสั่นจนเล็งเป้าหมายไม่ถูกและสิ่งที่ทำให้เขาแทบหยุดหายใจก็คือกระสุนที่ยิงออกไปเมื่อครู่มันพลาด...

     

     

    และผลลัพท์ที่ออกมาคือ...ผีดิบตัวนั้นมันเข้าไปกัดเพื่อนของเขาได้...

     

     

    อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!”

    ช่วยด้วย!!!!!!!!!!!!”

     
     

     

    ปัง  ๆ ๆ ๆ ๆ !!!

     

     

    ไม่ใช่เวลามาตกใจกับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น เพราะกลางสนามหญ้ายังมีเพื่อนอีกหลายคนที่กำลังวิ่งหนีความตาย...บางคนใช้ปืนในการต่อสู้ บางคนใช้มีด ใช้ชะแลงแต่สิ่งที่คู่กับการต่อสู้ในระยะประชิดคือความเสี่ยง เมื่อฆ่าตัวที่อยู่ตรงหน้าได้แต่ก็ถูกตัวที่อยู่ข้างหลังกัด...มินซอกหายใจเข้าลึก ๆ แล้วเหนี่ยวไกอีกครั้ง

     

     

     

    กึง!!!

     

     
     

    เด็กหนุ่มหันหลังกลับไปที่ประตูทันทีที่ได้ยินเสียงก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปดันประตูเอาไว้เมื่อเห็นแขนที่เนื้อหนังขาดหลุดลุ่ยแทรกเข้ามาข้างใน มินซอกใช้ไหล่ข้างหนึ่งดันประตูในขณะที่พวกมันกำลังพยายามดันเข้ามาให้ได้

    มือที่แทรกเข้ามากำลังปะป่ายหาเหยื่อตามสัญชาติญาณ ร่างเล็กใช้เท้าเตะมันออกไปแต่ก็ไม่ได้ผลและกลายเป็นเขาเองที่เป็นฝ่ายเสียหลัก มินซอกเซถอยไปข้างหลังเมื่อฝ่ายชนะคือตัวกัดคนสี่ตัวที่ยืนเบียดกันอยู่หน้าประตู...เด็กหนุ่มเบิกตากว้างแล้วยกไรเฟิลขึ้นเล็งในระยะสามเมตร ร่างของผีดิบตัวแรกล้มลงไปกับพื้นและคำสอนของใครคนหนึ่งก็ลอยเข้ามาในหัว

     

     
     

    งั้นสมมติว่าตอนนี้เรากำลังจะยิงเป้าเพื่อเอาตุ๊กตาตามงานเทศกาล แล้วตรงนั้นคือเป้าหมายตัวสุดท้ายสำหรับรางวัลน้องหมีตัวใหญ่

    ‘...ตามงานเทศกาลมันก็แค่ห้าเมตรเองนะครับ แล้วผมก็ไม่ได้บ้าตุ๊กตาหมีด้วย...

    ผมรู้คุณทำได้ ตั้งปืนเร็วเข้า

     

     

     

    ปัง!!

     

     

    ร่างของผีดิบตัวที่สองกระเด็นไปข้างหลังตามแรงอัดทำให้ตัวที่ยืนอยู่ข้างหลังเสียหลักเซไปข้างหลัง เป็นโอกาสของคนตัวเล็กที่จะใช้จังหวะนี้เข้าไปปิดประตู มินซอกออกแรงถีบร่างตัวกัดคนที่กำลังจะทรงตัวได้ให้ถอยออกไป ถึงแรงของเขาจะมีเพียงน้อยนิดแต่สุดท้ายมินซอกก็ปิดประตูได้ทัน

     

     

    ฮือออ...

     

     

    เด็กหนุ่มยืนเกร็งมองผีดิบตัวแรกที่เพิ่งโดนยิงให้เสียหลัก เพราะไม่ได้ถูกยิงที่สมองมันถึงได้ฟื้นขึ้นมาได้อีกครั้ง มินซอกกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอแล้วกลอกตาไปทางด้านข้าง...ตรงนั้นมีปืนพกที่ปาร์คชานยอลเคยให้ไว้ ถ้าจะจัดการกับมันในระยะใกล้คงดีกว่าให้ใช้ไรเฟิล มินซอกเม้มริมฝีปากแน่นแล้วรีบวิ่งไปหาปืนที่อยู่ไม่ไกลจากตรงนี้นัก

    โอ๊ย!!!”

    ร่างเล็กล้มลงไปกับพื้นจนแว่นกระเด็นไปอีกทางเมื่อถูกผีดิบคว้าขาเอาไว้ ภาพทุกอย่างพร่ามัวไปหมดราวกับมีหมอกปกคลุมเมื่อไม่มีเลนส์แว่นช่วยในการมอง มือหยาบกร้านกำลังดึงกางเกงยีนส์สีเข้มเพื่อดันตัวเองให้เข้าหาเหยื่อ มินซอกดิ้นทุรนทุรายคลานหนีไปตามพื้นเปียกน้ำฝนแต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่หลุดพ้นจากพันธนาการ


    กรรรรรรรรร์


    ร่างไร้จิตวิญญาณกำลังคลานเข้าใกล้เรื่อย ๆ มินซอกนิ่วหน้าแล้วหันกลับไปมองแว่นที่อยู่ห่างจากตรงนี้ไปหลายช่วงแขน มันเป็นไปได้ยากเหลือเกินที่เขาจะเข้าไปเก็บมัน ผีดิบหน้าแหว่งเสี้ยวหนึ่งคลานขึ้นคร่อมทับคนตัวเล็ก มินซอกกัดฟันแน่นแล้วคว้าปืนไรเฟิลที่ตกอยู่ข้าง ๆ ขึ้นมาพร้อมกับจ่อปืนเข้าตรงใต้คางผีดิบที่กำลังปะป่ายมือไปทั่วเพื่อคว้าเอาตัวเขา

    มือข้างขวาดึงโบลเข้าหาตัว เป้านิ่งอยู่ตรงหน้าแล้วโดยที่ไม่ต้องเล็งให้เสียเวลามากไปกว่านี้ เด็กหนุ่มหลับตาแน่นแล้วเหนี่ยวไก กระสุนเจาะจากใต้คางทะลุอกกลางศีรษะ ผีดิบหน้าตาอัปลักษณ์หงายหลังล้มลงไปบนพื้นน้ำขัง มินซอกยังคงค้างอยู่ท่านั้น หัวใจของเด็กน้อยเต้นเร็วแรงและมือสั่นไปหมด

     

     

    กึง ๆ ๆ ๆ !!!!

     

     

    ประตูดาดฟ้าถูกทุบจากตัวกินคนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามอีกครั้ง คราวนี้คิมมินซอกได้สำเหนียกตัวเองแล้วว่าเขาไม่มีเวลาหลงเหลือให้กับความตกใจอีกแล้ว เด็กน้อยรีบคลานไปเก็บแว่นตาขึ้นมาเช็ดคราบน้ำฝนออกจากเลนส์แล้วใส่เข้าไป

    ปืนพกที่วางอยู่บนโต๊ะข้างผนังถูกเหน็บไว้กับเอว มือเรียวกำกระสุนไรเฟิลใส่เข้าไปในกระเป๋าเสื้อแขนยาวที่ลู่หานเคยทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้าก่อนจะรูดซิปเก็บ ขาเล็กค่อย ๆ ก้าวถอยหลังไปจนชิดกับรั้วดาดฟ้า เสียงทุบประตูยังคงดังต่อเนื่องและคิดว่ามันคงพังเข้ามาในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า




    อ๊ากกกกกกกกกกกกกก!!!!”

     

     
     

    ปัง ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ

     
     

     

    เสียงปืนเรียกความสนใจให้คนตัวเล็กหันกลับไปมองที่สนามหญ้า ผีดิบที่มาจากข้างนอกและเพื่อนของเขาที่ถูกกัดจนเปลี่ยนไปเป็นพวกมันกำลังวิ่งไล่คนที่เหลืออยู่จนแยกแยะไม่ออกว่าใครเป็นคนใครเป็นผีดิบ แต่ที่เห็นได้ชัดเจนในพิกัดสายตาก็คือหวงจื่อเทาที่กำลังพาจองอึนจีวิ่งหนีออกจากตรงนั้นพร้อมกับปาร์คกาฮีที่ช่วยยิงเบิกทางให้

    ...

    วินาทีนี้เด็กหนุ่มได้รู้ชะตากรรมตัวเองแล้วว่าข้างล่างคงไม่มีใครรอด เพราะแม้แต่ครูอาจารย์กับเด็กที่เป็นแนวหน้าอย่างหวงจื่อเทายังต้องระเห็จหนีออกไปแบบนั้น อีกอย่างพวกที่อยู่หน้าประตูทางเข้าดาดฟ้าก็เป็นคำตอบให้เขาได้ดี...

     

     

    ว่าที่พวกมันขึ้นมาถึงชั้นนี้ได้...งั้นก็แสดงว่าข้างล่างก็คง...

     

     
     

    อ๊ะ!!” อึนจีสะดุดขาตัวเองล้มท่ามกลางความชลมุน เทารีบวิ่งกลับไปประคองเด็กสาวให้ลุกขึ้นยืนโดยมีเด็กหนุ่มอีกสามคนช่วยยิงกันไว้ให้ แต่เพราะมัวแต่มองภาพตรงหน้าเด็กหนุ่มที่อยู่ทางด้านซ้ายสุดก็ถูกโจมตีโดยผีดิบที่มาจากทางด้านหลังโดยไม่รู้ตัว

     

     
     

    ปัง!

     

     

    เทาเงยหน้าขึ้นมองดาดฟ้าเมื่อผีดิบที่กำลังวิ่งมาทางนี้ถูกยิงร่วงไปโดยใครอีกคนที่อยู่ชั้นบนสุดของหอพัก อึนจีเบิกตาโพลงทันทีที่เห็นว่าเพื่อนของเธอยังอยู่ข้างบนนั้นและตอนนี้มินซอกกำลังช่วยยิงเหล่าผีดิบเพื่อเปิดทางให้หนี

    มินซอก!!!”

    รีบไป!!!” เด็กหนุ่มตะโกนสุดเสียงก่อนจะหันกลับไปที่ประตู ลูกบิดสีเงินที่กำลังจะหลุดออกมาเปรียบเหมือนกับระเบิดเวลา จื่อเทาต้องพาคนที่เหลืออยู่หนีออกจากโรงเรียนไปอย่างจำใจ

    ตอนนี้ทุกคนหายไปจากพิกัดสายตาของเขาแล้ว ข้างล่างเหลือเพียงแต่พวกกัดคนกับซากศพจำนวนมากที่กลายเป็นอาหารเช้าให้กับพวกมัน เด็กหนุ่มหันซ้ายขวาเพื่อหาทางหนีเอาตัวรอด แต่อย่างที่รู้ ๆ ว่าทางที่ใช้เดินเข้าออกก็มีเพียงแค่ทางเดียวคือประตู...

    จะต้องตายจริง ๆ เหรอ? คิมมินซอกได้แต่ถามตัวเองแบบนั้น

    ทั้งที่เคยเตรียมใจไว้แล้วถ้ามันถึงเวลาเขาจะยอมตายก็ได้ แต่พอเอาเข้าจริง ๆ กลับปอดแหกขึ้นมา มินซอกวิ่งไปหยุดอยู่ข้างรั้วดาดฟ้าแล้วก้มลงมองข้างล่าง ไม่มีทางหนีเลย...ไม่มี...

     

     

     
     

    ทำไงดีมินซอก...ทำไงดี...

     

     
     

     

    กึง กึง กึง!!!

     

     

     

    ริมฝีปากบางสั่นระริก ความกลัวทำให้เด็กคนนี้มีความคิดบ้า ๆ ขึ้นมาเมื่อก้มลงไปเห็นขอบระเบียงที่ถูกต่อออกมาเล็กน้อย มินซอกหันกลับไปมองข้างหลังอีกครั้งแล้ววิ่งไปหยุดอยู่ทางด้านขวาสุดของรั้วดาดฟ้า...

     

     
     

    ข้างโรงเรียนมีลำคลอง...

     

     
     

    นัยน์ตาเรียวไล่มองตามทางแล้วคำนวณความน่าจะเป็นไปได้ คิมมินซอกได้แต่ถามตัวเองว่าถ้าไม่เอาตัวรอดด้วยวิธีนี้แล้วจะด้วยวิธีไหน? ไม่มีทางเลยที่เขาจะวิ่งฝ่าพวกมันลงไปข้างล่างได้โดยที่ไม่ถูกกัดแต่ถ้าไต่ไปตามกำแพงมันก็เสี่ยงที่จะตกลงไปคอหักตายเหมือนกัน

    เด็กหนุ่มตัดสินใจสะพายปืนไรเฟิลไว้ข้างหลังก่อนจะปีนข้ามรั้วออกไปเหยียบกับขอบที่ยื่นออกมาเพียงแค่น้อยนิดพอให้ปลายเท้าเหยียบไว้ได้ ลมเย็นที่พัดผ่านกับความสูงตอนที่มองลงไปข้างล่างทำให้ขาสั่นไปหมด มินซอกค่อย ๆ ไต่ไปตามทางอย่างไม่เร่งรีบ อีกแค่นิดเดียวจะถึงลำคลองแต่ก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงประตูดาดฟ้าถูกพังเข้ามา

     

     
     

    กึง!!!

     

     

    กร๊าซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซ

    ฮือออ...

     

     

    เสียงของพวกมันเพิ่มความกลัวให้กับเด็กน้อยมากขึ้นเป็นเท่าตัว มินซอกหยุดยืนกับที่พลางมองไปยังรั้วดาดฟ้าที่เขาเพิ่งไต่ออกมาเมื่อครู่ ถ้าช้าไปกว่านี้แค่นิดเดียวเขาคงกลายเป็นศพไปแล้ว

    คนตัวเล็กเอี้ยวหน้าหันกลับไปมองข้างหลัง ระยะจากรั้วโรงเรียนกับลำคลองจะเรียกว่าไกลก็ไม่ไกล แต่สำหรับคิมมินซอกที่ไม่ได้เก่งด้านกีฬามันเป็นเรื่องที่ยากพอสมควรที่จะกระโดดลงไปโดยที่ไม่คอหักตายเพราะข้ามไปไม่ถึงลำคลอง

    ทางไหนก็เสี่ยงตายเหมือนกันนั่นแหละ เด็กหนุ่มบอกกับตัวเองแล้วหลับตาลงพร้อมกับหายใจเข้าลึก ๆ มินซอกถอดแว่นมากำเอาไว้แน่นแล้วตัดสินใจกระโดดข้ามรั้วโรงเรียนและลงไปในลำคลองได้อย่างที่ตั้งใจเอาไว้

     

     

     



     

     

     

    โลดโผนเหมือนกันนะเราอ่ะ คราวนี้เป็นจงอินที่นั่งโซ้ยของเหลือที่มินซอกกินไม่หมด เด็กน้อยหลุบสายตาลงก่อนจะหันไปมองคนข้าง ๆ

    มันมีวิธีที่ดีกว่านั้นหรือไง?

    มีดิ ขึ้นไปอยู่บนแทงค์น้ำแล้วยิงไรเฟิลหล่อ ๆ จากตรงนั้น จงอินทำท่าทางอธิบาย

    กระสุนคุณมีล้านนัดเหรอ?

    โทษไม่ว่าจะพูดไปทางไหนไอ้เด็กนี่ก็หาเรื่องมาเบรกเขาได้ตลอดเวลา จงอินคว้าขวดโค้กมากระดกแล้วเรอออกมาเสียงดังจนคนข้าง ๆ ขมวดคิ้วเอาเถอะ เจอนายคนเดียวก็ยังดีกว่าไม่เจอใครเลย

    คุณจะพาผมไปด้วยหรือไง?

    อ้าว หรือจะให้ทิ้งไว้ที่นี่ล่ะ? จงอินเลิกคิ้วขึ้นสูง ไอ้เด็กนี่มันถามอะไรแปลก ๆ

    ไม่รู้สิ มินซอกก้มหน้าลง คุณคิดว่าจะตามหาพวกเขาเจอเหรอ?

    ...

    เกาะเชจูไม่ใช่แคบ ๆ ผมเคยไปที่นั่นกับพ่อครั้งนึง

    นั่นถือว่าเป็นข่าวดีนะ เอาล่ะ ต่อไปนี้นายคือสไนเปอร์ควบกับไกด์นำทาง

    อะไรนะ? มินซอกขมวดคิ้วมองอีกฝ่ายที่เอาแต่พูดเองเออเอง

    ฉันไม่สนหรอกว่านายจะเต็มใจหรือไม่เต็มใจน่ะ ตอนนี้ฉันต้องการความช่วยเหลือ แล้วก็ช่วยคิดซะว่านี่คือประโยคขอร้อง

    ...

    หรือนายอยากอยู่ต่อที่นี่ล่ะ

    ...

    ฉันกับนายต่างคนต่างตัวคนเดียว...เราลงเรือลำเดียวกันแล้วเด็กดาดฟ้า

     

     
     

     


     

     

     

     

    ตกดึก...

    ปัญหาหลักของความเศร้าคือความมืดยามค่ำคืน เพราะฉะนั้นหลายคนถึงได้ชอบตอนกลางวันมากกว่า เพราะความเหงามันมักจะตามมาหลังจากพระอาทิตย์ตกดิน ลู่หานกะเผลกขามาที่ท่าเรือหลังจากได้ยินอี้ชิงบอกว่าเซฮุนยังรอจงอินอยู่ที่นั่น พอเดินมาถึงก็เห็นแสงไฟจากตะเกียงที่วางอยู่ข้างตัวใครอีกคน

    คิดว่านายน่าจะหนาวเซฮุนเงยหน้าขึ้นมองลู่หานที่ยื่นผ้าห่มผืนบางให้ เขารับมันไว้ก่อนจะช่วยประคองคนเจ็บให้นั่งหย่อนขาลงกับขอบท่าเรือ

    นอนไม่หลับเหรอครับ?

    ใช่ ลู่หานเอนตัวไปข้างหลังแล้วเท้ามือทั้งสองข้างไว้กับพื้น เซฮุนคลี่ผ้าห่มออกขึ้นมาคลุมช่วงแขนเอาไว้ นายคงไม่คิดว่ามันจะมาตอนนี้หรอกใช่ไหม?

    ครับ อย่างจงอินน่าจะออกเดินทางในช่วงกลางวันมากกว่า

    นอนไม่หลับเหมือนกันสินะ

    เสียงคลื่นทะเลพัดเข้าฝั่ง ลู่หานมีคำถามโง่ ๆ ที่อยากถามออกไป แต่พอลองใช้สมองอันน้อยนิดคิดดูแล้วคาดว่าคำตอบก็คงไม่ต่างกับที่คิดเอาไว้ เรื่องบางเรื่องถ้าเลือกแกล้งโง่บ้างก็คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง...

    คืนแรกที่เกิดเรื่อง ผมข่มตาหลับไม่ได้เลย

    ...

    ภาพของพ่อตอนกำลังกินเนื้อคนติดตาผมและมันทำให้ผมเจ็บปวดทุกครั้งที่นึกถึง

    “...”

    คุณก็คงเป็นเหมือนผมในตอนนั้นสินะครับลู่หาน? เด็กหนุ่มหันไปมองคนข้าง ๆ ที่มีสีหน้าเศร้าหมองไม่ต่างจากเขา ลู่หานยิ้มบาง ๆ พร้อมกับเอื้อมมือขึ้นมาตบบ่าเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เพื่อปลอบใจกันและกัน

    ขนาดเรื่องที่เตรียมใจไว้แล้วยังมีผลกระทบต่อความรู้สึก แล้วเรื่องที่ไม่ได้เตรียมใจไว้จะขนาดไหน? ลู่หานเอนตัวลงนอนราบกับพื้นซีเมนต์แล้วจดจ้องไปยังดวงดาวบนท้องฟ้าชีวิตฉันเจอแต่ความผิดพลาด แต่พอนึกอยากแก้ไขมันก็สายไปแล้ว

    ...

    ถ้าตอนเป็นเด็กฉันทำตัวดีกว่านี้ บางทีฉันอาจจะเป็นเจ้าคนนายคนไปแล้วก็ได้ ลู่หานหัวเราะในลำคอเบา ๆ

    แต่คุณอาจไม่มีชีวิตรอดมาจนถึงทุกวันนี้

    ...

    เราแก้ไขอดีตไม่ได้แต่เราห้ามไม่ให้มันซ้ำรอยได้ไม่ใช่เหรอครับ? ใบหน้าเรียบเฉยของคนข้าง ๆ ที่มองมาทำให้คนที่จมอยู่ในความผิดพูดไม่ออก ลู่หานปิดเปลือกตาลงแล้วค่อย ๆ ลืมตาขึ้นในวินาทีถัดมา

    ในค่ายนรกนั่น...ฉันฆ่าคนตายไม่ต่ำกว่าสิบคน

    ...

    คนที่มีชีวิตอยู่ด้วยการหายใจเข้าออก ไม่ใช่มีชีวิตอยู่โดยการกินเนื้อสด...ฉันฆ่าพวกเขา

    ...

    ตอนที่อยู่เชจู ฉันสะดุ้งตื่นเพราะฝันร้ายแทบทุกคืน ในฝันมีแต่เลือดเต็มไปหมด ลู่หานเหม่อมองไปยังท้องฟ้า ความอ่อนแอที่พัดผ่านมากับสายลมกำลังทำให้เขาดิ่งลงไปกับความรู้สึกที่เขาเก็บมันเอาไว้ในใจ ฉันขยับตัวไม่ได้เพราะเจ็บแผล ฉันได้เพียงแค่นอนมองไม้กางเขนในโบสถ์แล้วสารภาพบาปกับพระเจ้า

    ...

    ไม่ว่าจะเป็นคนดีหรือคนเลว ฉันก็ไม่มีสิทธิ์ไปตัดสินชีวิตคนอื่นด้วยวิธีแบบนั้น ลู่หานปิดเปลือกตาลงช้า ๆ แต่ถ้าฉันไม่ทำ พวกนายก็ตายกันหมด

    ผมเข้าใจครับ

    ฉันเหนื่อย

    ...

    เหนื่อยที่ต้องกังวลว่าพรุ่งนี้จะต้องเจอเรื่องเฮงซวยที่มีผลกระทบต่อจิตใจของฉัน เหนื่อยที่ต้องเครียดจะมีใครตายอีกหรือเปล่า

    ผมว่าทุกคนก็คงเหนื่อยไม่แพ้คุณ เซฮุนเอนตัวลงนอนข้าง ๆ ลู่หานแล้วหายใจเข้าลึก ๆตอนนี้คุณก็แค่รู้สึกท้อเพราะทำอะไรไม่ได้เลย

    ในตอนนี้ต่อให้ฉันทำได้มันก็คงไม่มีความหมายอะไรแล้ว

    มีสิครับ

    ... ลู่หานหันไปมองคนข้าง ๆ ที่เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า

    ทุกคนมีสิ่งที่เรียกว่าความหวัง

    ...

    เพราะผมมีชีวิตอยู่ได้เพราะมันเซฮุนหันไปมองคนข้าง ๆ ก่อนที่ทั้งคู่จะยิ้มให้กันและกัน เซฮุนลุกขึ้นนั่งเมื่อเห็นลู่หานพยายามลุกด้วยตัวเอง

    ถ้าความหวังมันช่วยได้จริงนายก็ควรกลับไปนอนพักแล้วรีบตื่นมาดักรอไอ้หอกนั่นแต่เช้านะ

    อ่า...

    หนังหน้าอย่างมันคงไม่เดินทางตอนกลางคืนหรอก ขืนนั่งเรือไปคงได้หลงทางกลางทะเลเพราะหาพิกัดเกาะไม่เจอ ทั้งคู่หัวเราะอีกครั้งหลังจากที่ลู่หานพูดจบ

    นั่นสินะครับ

    ไปนอนได้ยัง?

    ครับ พอคุณพูดถึงเรื่องนอนผมก็ง่วงขึ้นมาเลยล่ะ

    เว่อว่ะเด็กกรงหมา ลู่หานยีหัวเด็กตัวสูงกว่าอย่างหมั่นเขี้ยวก่อนจะเอาไม้ค้ำมาเหน็บไว้กับใต้วงแขนแล้วเดินกลับไปที่บ้านพักด้วยกัน

     

     

     

     

     

     
     

     

    กึ่ก...กึ่ก...

     

     

    อ้าว...เวรละ จงอินสบถหลังจากที่รถดับลงกลางถนนที่มืดสนิท มินซอกมองคนข้าง ๆ ที่ตบหน้าผากตัวเองแล้วปลดเข็มขัดนิรภัยออก ลงครับหนู

    ห๊ะ?

    น้ำมันหมด บ๋อแบ๋ จงอินทำหน้าตายแล้วแบมือออกมา เห็นแบบนั้นแล้วก็นึกหมั่นไส้พิลึก มินซอกปลดเข็มขัดนิรภัยแล้วเปิดประตูลงไปข้างนอกรถก่อนที่จงอินจะเดินไปเปิดประตูหลังแล้วหยิบกระเป๋าเป้และปืนสั้นที่เขาเก็บมาได้จากรถตำรวจที่แหกโค้งอยู่ข้างทาง

    เราต้องเดินอีกไกลหรือเปล่า?

    อีกนิดเดียวก็ถึงแล้ว จงอินเปิดไฟฉายแล้วเดินนำไปข้างหน้า เด็กน้อยสะพายไรเฟิลแล้วเดินตามหลังคนตัวสูงไปต้อย ๆ

    อีกกี่กิโล?

    จะถามทำไม

    ผมก็แค่อยากรู้

    อีกเป็นสิบกิโลอ่ะ เดินจนง่อยแดกแน่

    ...

    อุตส่าห์หลอกให้มีกำลังใจยังจะถามนู่นนี่นั่นอยู่ได้...เด็กหนอเด็ก... จงอินบ่นอุบอิบแล้วดึงไขควงออกมาหมุนเล่นแก้เซ็ง มาเดินตรงนี้ อย่าทิ้งระยะห่างมาก เดี๋ยวโดนตัวกินคนลากไปแดกในป่าไม่รู้เรื่องกันพอดี

    เราต่างคนต่างเดินก็ได้นะ

    หมายความว่า?

    หมายความว่าเราไม่จำเป็นต้องคุยกัน มินซอกหันมาเลิกคิ้วมองเขาด้วยแววตาเย่อหยิ่งเห็นแล้วคันตีนเป็นอย่างมาก นี่เหรอวะเด็กที่ไอ้ลู่หานชอบขึ้นไปเล่นด้วย

    พูดแล้วดอกพิกุลมันจะร่วงเหรอครับน้องเด็กดาดฟ้า

    พูดเรื่องไร้สาระแล้วมันเหนื่อยน่ะ

    ... สัด

     

    เพิ่งเข้าใจคำว่าเคมีไม่เข้ากันก็วันนี้ ว่าโอเซฮุนเป็นเด็กที่เข้าใจยากแล้วแต่ยังมีสายโหดกว่านั้น...ไม่รู้ว่าคิมมินซอกเป็นคนเข้าใจยาก...หรือว่าเป็นคนกวนตีนหน้าหยิ่งกันแน่ คิดสภาพไม่ออกว่าถ้าอยู่กับเด็กนี่อีกสักสามสี่วันจะเป็นยังไง ประสาทแดกตายแน่ ๆ คิมจงอิน

    นี่เด็กดาดฟ้า

    อะไร

    พูดกับผู้ใหญ่หัดตอบให้มันมีหางเสียงหน่อย นี่อายุยี่สิบหกแล้วนะยี่สิบหก

    ครับคุณลุง?

    ปาก... จงอินขยับปากบ่นอุบอิบ ตีนนี่คันยิ๊บ ๆ เข้าไปทุกที อดใจไว้จงอิน นั่นเด็ก...นั่นเด็ก...อย่าโดนกัดนะมึง โดนกัดเมื่อไหร่ไขควงกูลอยเมื่อนั้น ร่างหนาหยุดฝีเท้าเมื่อจู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงท้องของอีกคนร้องขึ้นมา

    ...

    แหม่...ซะเสียงดังเชียวดูเหมือนว่ามินซอกจะอายที่ถูกแซว เด็กน้อยเอามือกุมท้องตัวเองแล้วเดินดุ่ม ๆ ไปข้างหน้า เฮ้ย รีบไปไหน จงอินกลั้นขำแล้วเร่งฝีเท้าตามไป

    มันแค่ร้องเฉย ๆ ผมไม่ได้หิวหรอก

    หิวก็บอกว่าหิวดิ ร่างหนาปล่อยสายสะพายเป้ออกมาข้างหนึ่งแล้วรูดซิบออกก่อนจะหยิบซองขนมขบเคี้ยวออกมาเขย่าโชว์ พวกเขาออกเดินทางกันมาตั้งแต่ช่วงบ่ายล่าสุดที่มีอาหารตกลงท้องก็นั่นแหละเส้นหมี่น้ำเปล่าร่วมสาบาน คงไม่แปลกถ้าเด็กนี่จะหิว

    ...

    อย่าเล่นตัวครับหนู ไว ๆ

    ...

    อย่ามาทำตัวโอเซฮุนได้ไหม? พอเห็นคนข้าง ๆ วางฟอร์มมากเขาก็นึกหงุดหงิดขึ้นมา เห็นแล้วนึกถึงเด็กหน้าตายนั่นจริง ๆ ทำตามคำสั่งเขาบ้างแล้วมันจะตายยยยย

     

     

    เอาไบเบิ้ลไหม เผื่ออยากสวดอะไรทำนองนั้น

    คุณเก็บไว้ต้มกินเถอะครับ คนใกล้ตายอย่างผมสิ่งที่อยากได้ที่สุดคือหลุมกว้าง ๆ ไว้ใช้ฝังร่างตัวเอง

    เดี๋ยวขุดสระว่ายน้ำให้เลยเป็นไง

    ก็ดีนะครับ

     

     
     

    เพียงแค่นึกถึงใครอีกคนคิมจงอินก็ดูเหมือนจะหลุดเข้าไปอยู่ในห้วงของความคิดง่าย ๆ นี่ก็หลายวันแล้วที่ไม่มีเด็กคนนั้นคอยเดินตามหลัง...หลายวันที่ตื่นมาแล้วไม่เห็นเซฮุนนอนอยู่ข้าง ๆ รู้สึกไม่ชินเลยสักนิดเดียวและคิมจงอินได้แต่บอกตัวเองว่าเขาไม่อยากชินกับความรู้สึกที่ไม่มีโอเซฮุนอยู่ข้าง ๆ มินซอกขมวดคิ้วมองอีกคนที่จู่ ๆ ก็หยุดเดินอีกทั้งยังเหม่อมองไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย เด็กน้อยเดินกลับไปแล้วโบกมือปัดระดับสายตาอีกฝ่ายแล้วก็สงสัย

    นี่?

     

     

    คุณครับ ผมหิว

    สบายจังเลยนะ สั่งเอา ๆ เป็นพระเจ้าไง?’

    ผมยังไม่ตายนะ ผมก็ต้องหิวเป็นธรรมดา แล้วคุณยังมัดผมไว้แบบนี้อีก

     

     

     

    คุณจงอิน?

     

     

     

    คุณจะแกล้งผมแรงเกินไปแล้วนะจงอิน

     

     

     

    ...

     

     
     

    แล้วถ้าเหตุผลที่ทำให้ผมอยากมีชีวิตอยู่คือคุณ...มันจะฟังขึ้นหรือเปล่าครับจงอิน?’

     

     

     

    จง...

    รีบไปกันเถอะ มินซอกสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อจู่ ๆ คนที่ยืนนิ่งเป็นรูปปั้นก็โพล่งออกมาหน้าตาเฉย เด็กหนุ่มขมวดคิ้วสงสัยแต่ร่างหนากลับค่อย ๆ ยิ้มแล้วหัวเราะออกมาคนเดียว

    เป็นอะไรของคุณ?

    ร่างหนาไม่ตอบคำถาม เขายัดซองขนมใส่มือคนตัวเล็กแล้วเดินนำไปข้างหน้าโดยที่ไม่พูดอะไรอีก ความสิ้นหวังระหว่างเดินทางมาถึงที่นี่มลายหายไปเพียงแค่นึกถึงรอยยิ้มตาหยีของใครอีกคนที่เขาคิดถึง...แค่นั้นทางเดินอีกสิบกิโลก็กลายเป็นเรื่องเล็กไปโดยปริยาย

     

     


     

    อดทนรออีกนิดนะเซฮุน...ฉันกำลังจะไปหานายเดี๋ยวนี้แหละ

     

     

     



     

     


     

     

    TBC

     

     
     

     

    ไม่ชินกับพี่หานโหมดมีสาระเหรอคะ?

    แต่พี่หานฟิคซอมบี้เป็นคนมีสาระแต่ไหนแต่ไรแล้วนะ (สาระแนกับสารเลว) #ด่าที่รักทำไม #ขอโทษค่ะ

    ตอนนี้ก็ยังไม่ได้เจอกันนะคะ ที่รักของมลินอย่าเพิ่งกรีดร้องโหยหวนหาว่ามลินใจร้ายไม่พาพี่จงอินไปคืนน้องเซฮุน ปล่อยให้ความคิดถึงมันทำงานบ้างนะคะ ระยะห่างที่เป็นอยู่จะทำให้คนเราคิดถึง โหยหากันมากขึ้น *//////*

     

     

    #ficzombie





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×