ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ZOMBIES HARD CREEPER | KAIHUN CHANBAEK FT.EXO

    ลำดับตอนที่ #29 : Chapter 28 :: Try to...

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 15.36K
      144
      31 มี.ค. 57

    ? Tenpoints!


     

     

    Chapter 28

    Try to...

     

     
     

     

    แซ่ก แซ่ก แซ่ก!!!

    อี้ชิง!”

    แบคฮยอนตะโกนเรียกคนที่ยังวิ่งไปข้างหน้าอย่างไม่มีท่าทีว่าจะหยุดง่าย ๆ ในหัวเต็มไปด้วยคำถามว่าทำไมผู้ชายคนนั้นถึงได้วิ่งเร็วขนาดนี้ทั้งที่เมื่อวานเพิ่งถูกรถชนมาหยก ๆ คนตัวเล็กหอบหนักแต่เขากลับไม่คิดที่จะหยุดพักหายใจ เป็นเพราะว่าแบคฮยอนไม่ใช่คนชอบออกกำลังกาย วิชาพละศึกษาก็ได้เกรดไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ การวิ่งอย่างต่อเนื่องโดยไม่ได้หยุดพักเลยทำให้อี้ชิงทิ้งห่างออกไปไกลเรื่อย ๆ

    อ...อี้ชิง!”

    หนุ่มชาวจีนไม่ได้สนใจเสียงร้องห้ามของเด็กน้อยเลยสักนิด สองขายังคงวิ่งฝ่าต้นไม้ใบหญ้าไปเรื่อย ๆ โดยไม่มีท่าทีว่าจะลดความเร็วลง เบื้องหน้ามีตัวกินคนที่ยืนหันหลังให้อยู่ ถือว่าเป็นข้อดีที่พวกมันเชื่องช้าจนคว้าตัวอี้ชิงไว้ไม่ทัน แต่ความซวยมันตกมาอยู่กับคนที่วิ่งตามมาทีหลังอย่างเขาแทน

    แบคฮยอนก้มตัวลงต่ำเมื่อตัวกินคนเอื้อมสองมือมาหวังจะคว้าตัวเขาเอาไว้ เด็กหนุ่มเหวี่ยงกระเป๋าเป้ของอี้ชิงใส่จนมันเซไปด้านหลังเล็กน้อยก่อนจะตัดสินใจวิ่งตามอี้ชิงที่วิ่งทิ้งห่างไปไกลมากแล้ว มีเพียงแค่เสียงนกร้องกับเสียงต้นไม้ที่ถูกปัดออกให้พ้นทางเท่านั้นที่กรอกเข้าหูคนตัวเล็ก แบคฮยอนหอบหายใจหนัก เขากำลังรู้สึกหมดแรงจนแทบวิ่งต่อไปไม่ไหว สองมือเล็กแหวกโพรงไม้ออกแล้วหยุดยืนอยู่กับที่เมื่อเห็นอี้ชิงยืนนิ่งอยู่ตรงโขดหิน

    ...อี้ชิง คนตัวเล็กหอบหายใจหนัก นัยน์ตาเรียวจดจ้องไปยังแผ่นหลังบางที่ยืนก้มหน้านิ่งราวกับมองหาอะไรสักอย่างที่อยู่เบื้องล่างหน้าผา

    สองขาค่อย ๆ ก้าวไปข้างหน้า ลิ้นเล็กเลียริมฝีปากแห้งผากที่กำลังสั่นเครือ หยาดเหงื่อจากความเหนื่อยล้าไหลออกมาทุกอณูร่างกายแต่สิ่งที่เพิ่มมาในตอนนี้คือความกลัวและความกดดันกับภาพตรงหน้า

     

     
     

    อี้ชิงกำลังจะฆ่าตัวตาย...

     
     

     

    อี้ชิง...

    ...

    ผมไม่รู้ว่าคุณฟังที่ผมพูดออกหรือเปล่า ผมไม่รู้ว่าคุณเจออะไรมาบ้าง แต่ตอนนี้คุณถอยออกมาจากตรงนั้นเถอะนะ...

    “Get away from me” สองขาหยุดยืนกับที่เมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูดกับเขา อี้ชิงหันกลับมามองอีกฝ่ายด้วยแววตาเรียบเฉย...มันดูสิ้นหวังจนเขารู้สึกได้ “Don't come any closer...

    อี้ชิง อย่า!!!”

    แบคฮยอนโผเข้ารวบตัวคนตรงหน้าที่จู่ ๆ ก็เอนหลังทิ้งตัวลงไปข้างล่างหน้าผา ทั้งสองคนกลิ้งลงมาจากเนินที่เต็มไปด้วยก้อนหินกับโคลนดินอย่างทุลักทุเลและแน่นอนว่าร่างของคนที่ได้รับบาดเจ็บมากที่สุดคือคนที่กอดรัดอีกฝ่ายไว้แน่น

    ความเจ็บปวดแล่นปราดไปทั่วร่างกาย แบคฮยอนงอเข่าเข้าหาตัวพร้อมกับร้องโอดครวญเบา ๆ เปลือกตาบางปรือมองภาพตรงหน้าแล้วก็พบว่าคนที่ตกมาด้วยกันก็มีสภาพไม่ต่างจากเขาสักเท่าไหร่ ใบหน้าของอี้ชิงเปื้อนโคลนดินเล็กน้อยแต่ถึงอย่างนั้นร่างผอมก็ยังมีสีหน้านิ่งเฉย

    ทั้งคู่มองหน้ากันโดยที่ไม่พูดอะไร อาจเป็นเพราะแบคฮยอนรู้สึกเจ็บจนพูดไม่ออก คนตัวเล็กค้ำมือลงบนพื้นพร้อมกับยันตัวลุกขึ้นอย่างลำบาก ใบหน้าเรียวของเด็กหนุ่มเลอะไปด้วยโคลนดินไม่ต่างจากคนตรงหน้าแต่คงมีแค่รอยแผลสดตรงหัวคิ้วที่เป็นสิ่งยืนยันได้ว่าจางอี้ชิงทำให้คนอื่นต้องมาเจ็บตัวเพราะเขา

    ร่างผอมจ้องมองอีกฝ่ายที่กำลังกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ก่อนจะหยุดลงตรงเนินผาที่ทั้งคู่ตกลงมา ถึงมันจะไม่สูงมากสักเท่าไหร่แต่มันก็เป็นเรื่องยากที่จะปีนกลับขึ้นไปได้ สีหน้าของแบคฮยอนดูเป็นกังวล นัยน์ตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวนั้นจางอี้ชิงเข้าใจดี...เพราะเขาเองก็เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน...

    จะกลับขึ้นไปยังไงดีนะ... เด็กหนุ่มพูดกับตัวเอง คิ้วทั้งสองข้างขมวดเข้าหากันจนแทบจะผูกเป็นปม แบคฮยอนเม้มริมฝีปากแน่นก่อนจะเดินกะเผลกเข้ามาดึงอีกฝ่ายให้ลุกขึ้นยืนลุกขึ้นไหว...

    “What da fuck is wrong with you?!” แบคฮยอนสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อถูกตะคอกใส่หน้า เด็กหนุ่มค่อย ๆ ปล่อยมือออกเมื่อเห็นดวงตาที่แดงก่ำของอีกฝ่าย

    “I’m sorry...

    “For  what?”

    “I...I just... ไม่รู้จะอธิบายยังไงให้คนตรงหน้าเข้าใจ ภาษาอังกฤษที่เคยร่ำเรียนมาเขาก็ไม่ได้ถึงกับโง่ แต่พอเอามาใช้สนทนากับชาวต่างชาติจริง ๆ ประโยคที่เคยผ่านหูผ่านตาก็เลือนหายไปหมด แบคฮยอนงุดหน้าลงด้วยความรู้สึกผิดทั้งที่ไม่รู้ว่าผิดตรงไหน ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่บยอนแบคฮยอนเอาแต่โทษตัวเองว่าที่ทุกอย่างมันแย่ลงก็เพราะเขา

    “You... ปากยู่เข้าหากันเมื่อพูดคำต่อไปไม่ออก มันต้องใช้คำถามแบบไหนถึงจะถูกไวยกรณ์ล่ะ ตอนนี้บยอนแบคฮยอนกำลังเจอปัญหาระดับโลกคือการสื่อสารกับชาวต่างชาติด้วยภาษาที่สอง...เก็ท เฮิร์ททึ? แบคฮยอนปะป่ายไปตามตัวเพื่ออธิบายด้วยท่าทาง อี้ชิงขมวดคิ้วมองคนตรงหน้าที่กำลังพยายามสื่อสารกับเขาด้วยประโยคแปลก ๆ

    “What?”

    “I mean I ask you คุณน่ะ...เจ็บ...ตรง...ไหน...หรือ...เปล่า? แบคฮยอนพยายามพูดช้า ๆ เฮิร์ททึ...mean อาพา in korea...

    ...

    “If you hurt...you sit here...I will go survey for find our group โอเคไหม? นั่งรอตรงนี้นะ ผมจะออกไปดูแถว ๆ นี้เผื่อว่าคนอื่น ๆ กำลังตามหาเราอยู่ อย่าวิ่งอีก คุณเจ็บอยู่... Don’t run anymore because you get hurt” แบคฮยอนย้ำทุกภาษาแม้ว่ามันจะผิด ๆ ถูก ๆ นิ้วเรียวชี้ลงพื้นบอกพิกัดก่อนจะวางกระเป๋าเป้ลงแล้วเดินสำรวจละแวกนั้น

    อี้ชิงมองตามคนตัวเล็กที่กำลังเดินไปตามทางพร้อมกับเงยหน้าขึ้นไปข้างบนเพื่อมองหากลุ่มที่เพิ่งพลัดหลงมา เด็กผู้ชายคนนั้นดูเปราะบางมากแต่ทำไมถึงได้มีความกล้าขนาดนี้นะ...เปลือกตาบางหลุบลงมองมือตัวเอง ความเจ็บปวดทางจิตใจที่ได้รับเมื่อหลายวันก่อนทำให้เขาลืมความเจ็บปวดทางร่างกายไปหมด กลับกันแล้วจางอี้ชิงรู้สึกดีกับมันด้วยซ้ำ...อยากเจ็บมากกว่านี้...เจ็บเพื่อลืมเรื่องทุกอย่างแล้วก็ตายไปสักที

    ไม่มีทางขึ้นเลย...ทำไงดีนะ... แบคฮยอนเดินกลับมาทิ้งตัวนั่งลง อี้ชิงหันไปมองอีกคนที่มีสีหน้าคิดไม่ตก

    “You don't have to do this.”

    ...

    “Just leave me”

    มีเพียงแค่แววตาเฉยชาที่ส่งไปยังอีกฝ่าย ทั้งคู่นั่งนิ่งปล่อยให้ความเงียบและเสียงของธรรมชาติเข้าครอบคลุม แบคฮยอนคว้ากระเป๋าเป้ของอี้ชิงมาวางไว้บนตักพร้อมกับรูดซิบออก คว้าเสื้อยืดสีดำตัวบางที่เก็บมาได้ขึ้นมาถือไว้แล้วเดินไปหยุดอยู่ข้างริมแม่น้ำ อี้ชิงมองตามการเคลื่อนไหวอีกคนที่ยังคงดื้อดึงไม่ไปไหน เด็กคนนี้นี่...

    หน้าคุณมอมแมมไปหมดแล้ว แบคฮยอนบิดเสื้อให้หมาด ๆ แล้วพับทบกันจนเหลือขนาดเหมาะมือก่อนจะนั่งลงยอง ๆ แล้วยื่นให้อีกคน

    “...”

    “For clean your face” แบคฮยอนยื่นไปตรงหน้าเพื่อย้ำให้อี้ชิงรับไปสักที ร่างผอมถอนหายใจหน่าย ๆ แล้วรับมาเช็ดหน้าตัวเองแบบขอไปทีเพื่อตัดปัญหา ไม่อย่างนั้นเจ้าเด็กนี่คงขุดคำพูดงู ๆ ปลา ๆ ขึ้นมาจนเขาหลุดขำแน่

    “You’re hungry?”

    “No”

    ดีเลย เพราะถ้าหิวตอนนี้คงแย่แน่เพราะเราไม่มีอะไรติดตัวมาเลยสักอย่าง...อูย... พูดจบก็ก้มลงมองท้องตัวเองที่จู่ ๆ ก็ส่งเสียงร้องขึ้นมา แบคฮยอนเงยหน้าขึ้นหัวเราะแห้ง ๆ ก่อนจะลูบท้อง

    ...

    “We can’t go back now...โอ๊ย ผมจะพูดยังไงดีเนี่ย ผมอยากจะบอกคุณว่าตอนนี้เรากลับไปไม่ได้แล้ว เพราะงั้นเราคงต้องหยุดพักที่นี่กันก่อนอ่ะ... แบคฮยอนงอหน้า นึกแล้วก็หงุดหงิดในความโง่ของตัวเองจริง ๆ “We’re can’t go anywhere เดี๋ยวก็จะฟ้ามืดแล้วด้วย...I mean the sky near darkness and we can’t go outside darkness have many dangerous. แบคฮยอนชี้ขึ้นฟ้าแล้วกลับมาอธิบายให้อี้ชิงฟัง

    “You can” อี้ชิงชี้ไปทางด้านข้างที่เป็นทางเลียบไปตามแม่น้ำ เชื่อว่าถ้าตรงไปอีกหน่อยคงพบทางขึ้นไป

    “No. Not me not you...you and me call ‘us’ ” แบคฮยอนทำหน้าจริงจัง

    “You jerk”

    เอ๋? แบคฮยอนเลิกคิ้วขึ้นสูง อี้ชิงเบือนหน้าหลบไปอีกทางแล้วเม้มปากกลั้นหัวเราะเมื่อเห็นสีหน้างง ๆ ของอีกฝ่าย เอาเป็นว่าผมจะไม่ไปไหนทั้งนั้น ถ้าเราจะไปก็ต้องไปด้วยกัน I never leave you here we should go together.” แบคฮยอนหายใจฮึดฮัดเพราะคนตรงหน้าดื้อมากจนทำให้เขาเสียพลังงานไปเยอะ

    ...

    “You not hungry but I’m hungry and I don’t wanna die because hungry ผมจะไปหาอาหาร คุณต้องนั่งอยู่ตรงนี้จนกว่าผมจะกลับมานะ I said you should sit here until I come back” แบคฮยอนเบ้ปากมองคนตรงหน้าที่ยังคงมีท่าทีเมินเฉยเขาก่อนจะลุกขึ้นยืนพลางกวาดสายตามองไปรอบ ๆ อีกครั้ง ตรงหน้าคือแม่น้ำที่ไม่รู้ว่าจะไปสิ้นสุดตรงไหนส่วนข้างหลังคือเนินผาที่เขาเพิ่งตกลงมาเมื่อครู่

    แน่นอนว่าคงหวังหาอาหารกระป๋องในละแวกนี้ไม่ได้...ดูเหมือนว่าบยอนแบคฮยอนต้องออกล่าสิ่งมีชีวิตสักอย่างมาเป็นมื้อเย็นให้ปากท้องตัวเองกับอี้ชิงซะแล้วล่ะ ไม่ว่าจะเป็นกระต่าย กระรอก นก หรืออะไรสักอย่างแต่สิ่งเดียวที่เขาจะไม่มีวันเข้าใกล้คือ ลิง

     

     

     

    ว่าแต่ตอนนี้คนอื่น ๆ จะเป็นยังไงบ้างนะ...

     

     

     

     

     

     

     

    ใช้เวลาหลบอยู่ใต้ท้องรถอยู่นานพอสมควรสุดท้ายทุกคนก็เคลื่อนตัวออกมาข้างนอกจนได้ ร่างหนาสังเกตมองรอบ ๆ ข้างเพื่อดูให้แน่ใจอีกครั้งว่าไม่มีพวกตัวกินคนหลงเหลืออยู่แถวนี้ ลู่หานเอามีดพกแทงเข้ากลางหูตัวกินคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ รถของเขาก่อนจะหันไปมองชานยอลที่ยืนทำหน้านิ่งราวกับใช้ความคิดอยู่

    เราต้องออกตามหาแบคฮยอนกับอี้ชิง จงอินพูดขณะที่เขาเดินไปเอาปืนลูกซองที่วางอยู่ท้ายรถมาแล้วโยนให้กับอี้ฟานที่อยู่ใกล้ที่สุด ป่านนี้ไม่รู้หนีไปไกลถึงไหนละ กลุ่มเราไม่มีใครสักคนแกะรอยเท้าได้ด้วยสิ งานหยาบจงอินถอนหายใจแล้วยื่นปืนพกให้เซฮุนกับชานยอล

    เรื่องแกะรอยคงต้องช่วยกันหน่อย แต่อย่าเดินแตกกลุ่มเพราะมันจะทำให้สับสนรอยเท้า อี้ฟานพูดแล้วทุกคนก็พยักหน้ารับ ตอนนี้เป็นชานยอลที่สภาพจิตใจตกอยู่ในสภาวะย่ำแย่ที่สุด ทั้งเรื่องเจ้าหมาโกลเด้นตัวนั้นกับเรื่องที่แบคฮยอนวิ่งตามอี้ชิงเข้าไปในป่า

    แน่นอนว่าทุกคนต่างก็รู้สึกหดหู่กับการสูญเสีย ถึงจะไม่ได้ผูกพันกันเหมือนเพื่อนมนุษย์...แต่ถ้าไม่ได้เจ้าหมาตัวนั้นพวกเขาคงหาที่ซ่อนไม่ทันแน่...

    จงอินเป็นคนข้ามเข้ามาในป่าก่อนและที่ตามมาคืออี้ฟานกับลู่หานส่วนเซฮุนกับชานยอลเดินรั้งท้ายอยู่ข้างหลัง ทุกคนมองไปรอบ ๆ แต่ก็ไร้วี่แวว ร่างหนานั่งลงยอง ๆ พร้อมกับส่องไฟฉายไปยังรอยเท้าที่ยุบลงบนโคลนดินเพื่อเน้นความสว่างแม้ว่าจะตอนกลางวันอยู่

    น่าจะเป็นของแบคฮยอน

    ตรงนี้ด้วย ลู่หานก้มลงมองรอยเท้าจาง ๆ พร้อมกับหันไปมองตามทางที่น่าจะเป็นไปได้กูว่าน่าจะไปทางนี้

    งั้นมึงนำ ลู่หานพยักหน้าแล้วทุกคนก็ออกเดินอีกครั้งอย่างไม่เร่งรีบ เพราะถ้ามาผิดทางพวกเขาคงต้องเสียเวลาหาทางกลับอีก ชานยอลที่เคยเดินรั้งท้ายหันหลังกลับไปมองร่างบางที่กำลังง่วนอยู่กับอะไรบางอย่าง พอเห็นแบบนั้นเซฮุนก็รีบเดินตามมาติด ๆ พร้อมกับยิ้มให้

     

     

     

     

     
     

     

    ทุกคนหยุดฝีเท้าเมื่อคนที่เดินอยู่ข้างหน้าสุดยืนอยู่กับที่ ลู่หานหันมาหาจงอินพร้อมกับขมวดคิ้ว

    รอยเท้าหายไปแล้วว่ะ

    ว่าไงนะ?

    มึงดูนะ ลู่หานเดินกลับไปยังรอยเท้าก่อนหน้านี้แล้วหันไปมองรอบข้างมันก็หายไปแล้ว

    ...

    ชานยอล ไหนบอกหน่อยซิว่าสองคนนั้นจะไปทางไหน? ลู่หานมองไปยังคนตัวสูงที่ยืนใช้ความคิดอยู่ ความน่าจะเป็นไปได้ที่นายเคยเรียนมาน่ะ

    ความน่าจะเหี้ยอะไรก็ช่างมันเหอะ แต่ตอนนี้ฟ้าจะมืดแล้ว จงอินเงยหน้าขึ้นมองแสงแดดที่ทะลุผ่านต้นไม้สูง เขาถอนหายใจพลางเสยผมขึ้นอย่างหัวเสียแม่งไปทางไหนวะ

    เราเข้ามาลึกเกินไปแล้ว ผมว่าเราควรกลับไปที่รถก่อนฟ้าจะมืดไม่อย่างนั้นเราอาจจะหลงไปอีกทางถ้าต้องหาทางกลับตอนกลางคืน ทุกคนยืนนิ่งเมื่อได้ยินที่อี้ฟานพูด

    แล้วแบคฮยอนล่ะครับ คำถามของเซฮุนทำให้พวกเขาคิดไม่ตก ใจจริงก็อยากจะตามหาจนกว่าจะเจอ เพราะขืนดันทุรังตามหาต่อไปคนที่จะแย่ก็คงเป็นพวกเขาเองเพราะระหว่างทางที่ผ่านมาใช่ว่าจะเดินกันตัวเบาเสียเมื่อไหร่ ต้องฆ่าฟันพวกตัวกินคนระหว่างทางจนสับสนกับรอยเท้าก็หลายครั้ง

    กลับไปตั้งหลักกันที่รถก่อนดีป่ะวะ เผื่อแบคฮยอนกับอี้ชิงกลับไปรอที่นั่นแล้ว ลู่หานเสนอความคิดเห็นแล้วดูเหมือนว่าทุกคนจะเห็นด้วย

    เออ ถ้าอยู่นานกว่านี้คงหาทางกลับกันลำบาก จงอินเสริมเพราะอย่างที่รู้ ๆ กันว่าในนี้ไม่มีใครเซียนเดินป่าเลยสักคนเดียว

    คงไม่หรอก ทุกคนหันไปมองชานยอลเพราะเซฮุนพ่นสีใส่ใบไม้มาตลอดทางน่ะ ถ้าแบคฮยอนกับอี้ชิงผ่านมาเห็นคงตามกลับไปได้ง่ายขึ้น ชานยอลหันไปยิ้มบาง ๆ ให้กับคนข้าง ๆ

    ทำดีมากเด็กกรงหมา ลู่หานตบบ่าเด็กหนุ่มปุ ๆ แล้วเดินนำไปก่อนใครอื่นจนเหลือเพียงแค่จงอินที่ยืนอยู่ตรงนั้น ร่างหนาเดินเข้าไปยีหัวเซฮุนเบา ๆ ก่อนจะโน้มใบหน้าเข้าไปกระซิบข้างหู

    แสนรู้จริงนะ

     

     

     

     

     
     

     

    ฮึ่บ!”

    หอกกิ่งไม้ที่ถูกเหลาให้แหลมทิ่มลงในน้ำที่สูงขึ้นเหนือเท้าขึ้นมาเล็กน้อย เป้าหมายคือปลาที่แหวกว่ายอยู่ในน้ำและมันก็ว่ายหนีได้ทุกครั้งที่คนตัวเล็กจ้องจะเอาชีวิตมัน

    โธ่...ทำไมไม่ได้สักทีนะ แบคฮยอนพึมพำกับตัวเองเมื่อความพยายามที่จะหาปลาในแม่น้ำเป็นอันล้มเหลว เห็นในหนังเขาหาปลาด้วยวิธีเหลาปลายไม้ให้แหลมแล้วทิ่มลงไปแต่ดูเหมือนว่าจะยากกว่าที่คิด

    อี้ชิงมองคนตัวเล็กที่ถลกขากางเกงขึ้นถึงหัวเข่า แบคฮยอนพยายามหาปลาด้วยวิธีโง่ ๆ นั่นมาเกินครึ่งชั่วโมงแล้ว แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องของเขาอีกนั่นแหละที่จะเข้าไปห้าม ในเมื่อเด็กคนนั้นมีความพยายามที่จะให้เขามีชีวิตอยู่นัก...เขาก็จะรอดู

    โอ๊ะ!!” เด็กหนุ่มทำตาโตเมื่อนึกอะไรดี ๆ ได้ แบคฮยอนลุยน้ำกลับมาหยุดอยู่ข้าง ๆ เขาผมยืมนะ เอ่ยขอตามมารยาทแล้วเอาของทุกอย่างออกจากกระเป๋าจนหมดก่อนจะเดินไปเก็บก้อนหินใส่จนหนักพอที่คนตัวเล็กจะแบกได้

    อี้ชิงปรายตามองคนที่กำลังเอาก้อนหินที่เพิ่งเก็บใส่กระเป๋าไปวางเรียงขวางทางน้ำ ใช้เวลาพักนึงในการสร้างกำแพงยาว มีเพียงแค่ช่องว่างตรงกลางที่ทำให้สายน้ำลอดผ่านไปได้ แบคฮยอนยืนยิ้มกับผลงานของตัวเองพลางเอาแขนเช็ดเหงื่อออก

    ร่างเล็กเดินกลับมาหยิบกระเป๋าเป้ที่วางอยู่ข้างริมน้ำแล้วกลับมาที่เดิม เขาเอากระเป๋าวางรองไว้ตรงช่องทางน้ำผ่านแล้วเอาก้อนหินทับไว้เพื่อไม่ให้ลอยไปตามกระแสน้ำ ใช่...แบคฮยอนกำลังจะจับปลาด้วยวิธีไล่ต้อนมันให้เข้าไปในกระเป๋า

    ไม่นะ!” แบคฮยอนเบิกตาโพลงเมื่อกระเป๋ากำลังลอยไปตามน้ำแม้ว่าเขาจะเอาก้อนหินทับไว้แล้วก็ตาม เด็กหนุ่มรีบวิ่งไปคว้ามันเอาไว้ก่อนที่มันจะลอยไปไกลกว่านี้ และผลที่ได้รับจากการวิ่งในน้ำคือร่างกายที่เปียกโชกไปหมดอ่า...มันไม่มีช่องระบายน้ำออกสินะ แบคฮยอนเกาหัวแล้วไปเอามีดที่อยู่กับสายสนับขาข้างริมน้ำขึ้นมาแทงเข้าที่ฐานกระเป๋า เด็กหนุ่มเจาะประมาณสิบรูก่อนจะมุดหน้าเข้าไปดูใกล้ ๆ

    อี้ชิงหลุดยิ้มออกมาเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัวกับความพยายามของแบคฮยอน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่มีกระจิตกระใจลุกขึ้นไปหยิบยื่นความช่วยเหลือให้เพราะความเศร้าที่ยังไม่จางหายไป

    แบคฮยอนลองใช้วิธีเดิมอีกครั้งและคราวนี้มันได้ผล กระเป๋ายังคงยึดอยู่กับที่ด้วยก้อนหินใหญ่ที่ทับเอาไว้ พอแน่ใจแล้วว่ามันไม่ลอยไปตามสายน้ำเด็กน้อยก็เดินถอยออกมาเพื่อต้อนปลาไปทางกระเป๋า

    ได้แล้ว!!!”

    ...

    อี้ชิง!! ผมจับปลาได้แล้ว!!!” แบคฮยอนยิ้มกว้างแล้ววิ่งกลับมาพร้อมกับกระเป๋าเป้ใบนั้น อี้ชิงมองสีหน้าของคนตัวเล็กที่เต็มไปด้วยความสุขกับความสำเร็จที่มาจากความพยายามของเขา

     

     
     

    เด็กคนนี้...

     

     

     

     

     

     
     

     

    เราจะกินมันยังไงกันล่ะ แบคฮยอนนั่งกอดเข่ามองปลาที่กำลังดิ้นอยู่เราจะก่อกองไฟยังไง เด็กหนุ่มถอนหายใจ อย่าพูดถึงไฟแช็คเลยแค่น้ำสักขวดยังไม่มีลองวิธีนี้ดูแล้วกัน แบคฮยอนยังคงพูดกับตัวเอง เด็กหนุ่มเอาท่อนไม้ท่อนใหญ่มาวางไว้ก่อนจะเอากิ่งไม้ที่ไม่เล็กมากมาหมุนวนบนท่อนไม้ใหญ่

    ติดสิ...เร็วเข้า เสียงท้องร้องของแบคฮยอนดังขึ้นอีกครั้ง เพราะเสียพลังงานไปเยอะเลยทำให้คนตัวเล็กทั้งเพลียและก็หิว แต่วิธีที่ทำอยู่มันช่างริบหรี่เสียเหลือเกินเมื่อท่อนไม้ที่วางราบกับพื้นมันไม่มีท่าทีว่าจะจุดติดเลย

    เฮ้ออออออ แบคฮยอนทิ้งตัวลงนอนหงายกับพื้นดิน ตอนนี้ทั้งใบหน้าและเสื้อผ้าของเด็กหนุ่มมอมแมมไปหมดจนไม่เหลือคราบลูกคุณหนู ดวงตาเรียวกระพริบมองท้องฟ้าในช่วงเวลายามบ่ายแก่ ๆ ถ้าเกิดเขาไม่รีบจุดไฟให้ติด...คืนนี้คงลำบากแน่

    ไม่ได้...ยังมีอีกตั้งหลายวิธีนี่นา เด็กหนุ่มเม้มริมฝีปากแล้วเหลือบไปเห็นกล้อง DSLR ที่วางอยู่ข้าง ๆ อี้ชิง ผมขอยืมแปปนึงนะ แล้วจะมาใส่คืนให้แบคฮยอนรอคำอนุญาตแต่ก็เหมือนเดิม อี้ชิงยังคงนั่งเฉย “I rent” ถือว่าขอแล้ว ถ้าอี้ชิงไม่พอใจก็ช่วยไม่ได้ มือเล็กหยิบมันขึ้นมาหมุนเลนส์ออกแล้วถอนหายใจได้โปรด ช่วยฉันทีเถอะ พูดกับเลนส์ใสแล้วเดินไปหามุมที่มีแสงแดดส่องมา อี้ชิงมองคนตัวเล็กที่เก็บเศษใบไม้แห้งไปกองไว้พร้อมกับยื่นเลนส์ออกมาตรงหน้า แดดที่ไม่แรงมากในช่วงฤดูใบไม้ร่วงทำให้แบคฮยอนค้างอยู่ในท่านั้นเกือบสิบนาที ใบหน้าเรียวเงยขึ้นมองท้องฟ้าแล้วก็ปาดเหงื่อตรงขมับชื้นออกจนกระทั่งควันสีขาวลอยขึ้นมา...

     “อี้ชิง! ไฟติดแล้ว!” เป็นอีกครั้งที่รอยยิ้มแต่งแต้มบนหน้าคนตัวเล็ก เด็กหนุ่มหันมายิ้มจนตาหยี นั่นทำให้คนที่นั่งมองทุกอย่างตั้งแต่ทีแรกอึ้งกับความตั้งใจของแบคฮยอน

    ทั้งคู่ย้ายมานั่งหน้ากองไฟในเวลาถัดมา ท้องฟ้ามืดครึ้มเพิ่มความน่ากลัวให้ป่าลึกอีกเป็นเท่าตัว หากแต่คน ๆ หนึ่งกลับไม่ได้สนใจอะไรไปมากกว่าปลาตัวขนาดฝ่ามือที่ถูกเสียบด้วยกิ่งไม้และกำลังหอมได้ที่ เด็กน้อยยังคงยิ้มแล้วพูดจ้อแจ้ไม่หยุดกับผลงานของตัวเองเหมือนกับเด็กสอบได้ที่หนึ่งแล้วมาอวดพ่อแม่ แบคฮยอนขยับไปนั่งข้าง ๆ พร้อมกับค่อย ๆ ลอกหนังปลาออก อี้ชิงมองร่างเล็กที่เดี๋ยวลอกหนังเดี๋ยวผละออกไปเป่านิ้วตัวเองเพราะความร้อนโดยที่ไม่ปริปากบ่นสักคำ

    “I’m not hungry.” อี้ชิงพูดสั้น ๆ

    “But you ต้อง eat นะแบคฮยอนยื่นปลาย่างที่ส่งกลิ่นหอมฉุยไปอีกเพื่อย้ำให้อีกคนกิน แม้ว่าเขาจะหิวมากแค่ไหนแต่ถ้าอี้ชิงยังไม่ยอมกินแบบนี้แล้วเขาจะกินคนเดียวได้ยังไง “eat...eat”

    ฮึ... เด็กหนุ่มชะงักเมื่อจู่ ๆ อี้ชิงก็หลุดหัวเราะออกมาเบา ๆ ลักยิ้มที่บุ๋มลงไปบนแก้มนั้นเหมือนกับตอนที่เขาเห็นในคลิปวิดีโอไม่มีผิด อี้ชิงยอมยิ้มแล้ว!

    “You laugh me เหรอ... แบคฮยอนยิ้มน้อย ๆ เมื่อคนตรงหน้าหัวเราะออกมาได้เพราะเขา

    เปล่านี่

    ห๊ะ!”

    ...

    คุณพูดเกาหลีได้?!” แบคฮยอนทำตาโต เขาแทบไม่อยากจะไม่เชื่อหูตัวเอง

    เปล่า...

    นั่นไง คุณยังพูดอยู่เลย!”

    พาโบ

    เฮ้!” แบคฮยอนเลิกคิ้วขึ้นสูงจะพูดได้ทั้งทีทำไมไม่หัดพูดคำดี ๆ กว่านี้เล่าเด็กหนุ่มบ่นก่อนจะยิ้มออกมาเมื่ออี้ชิงหัวเราะอีกครั้งบ้าก็ได้อ่ะ เด็กน้อยหัวเราะแล้วหยิบเนื้อปลามาตรงหน้า กินเร็ว

    “I’m not a baby. สิ้นสุดประโยคอี้ชิงก็หยิบเนื้อปลาขึ้นมากินคำหนึ่งเพื่อตัดปัญหา แบคฮยอนยังคงค้างอยู่ท่านั้นก่อนจะค่อย ๆ ดึงมือกลับมาแล้วยัดปลาใส่ปากตัวเองแก้เก้อ

    คุณมาจากไหนเหรออี้ชิง? แบคฮยอนถามขณะที่ทั้งคู่ค่อย ๆ กินปลาตัวเดียวที่แบคฮยอนหามาได้ ร่างผอมขมวดคิ้วเพราะฟังไม่รู้เรื่อง

    “What?”

    ผมถามว่า Where are you come from?”

    “Why do you want to know?” อี้ชิงถามเสียงเรียบ เขาก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าแบคฮยอนจะอยากรู้ที่มาที่ไปของเขาไปทำไม

    “Because you’re เป็นส่วนหนึ่งของพวกเรา...เอ่อ... a piece of us อ่ะ 

    ...

    “You อยู่ alone ในโลกแบบนี้คงลำบาก hard to live in the world ที่ people ติดเชื้อ...เอ่อ infected กันหมดแล้ว

    อาฮะ

    “But you can stay with us นะ we’re family” แบคฮยอนยิ้มแล้วดูดนิ้วชี้กับนิ้วหัวแม่มือก่อนจะยื่นมือมาตรงหน้า “I’m Baekhyun บยอนแบคฮยอน

     

     
     

    Family...ครอบครัว...

     

     
     

    ...

    เชคแฮนด์กัน...เร็วสิ~” แบคฮยอนเขย่ามือขณะรอให้คนตรงหน้าสานความสัมพันธ์ให้มากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ ถ้าทำตัวตลกแล้วอี้ชิงจะหัวเราะเขาก็ยอม

    “Stupid...”

    ...

    “No family anymore...” ตอนนี้แบคฮยอนถึงรู้ว่าได้หลุดปากพูดแทงใจอี้ชิงออกไปโดยไม่ตั้งใจ เด็กหนุ่มคิ้วตกพลางมองหน้าอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกผิด

    อี้ชิง ผมขอโทษ

    ...

    “I’m sorry”

    “SHUT - THE - FUCK - UP” อี้ชิงออกเสียงเน้นประโยคนี้พลางหายเข้าลึก ๆ เพื่อสงบสติอารมณ์

    ผมแค่อยากให้คุณรู้สึกดีขึ้นน่ะ ผมขอโทษ แบคฮยอนหลุบสายตาลง ผมไม่อยากให้คุณตายจริง ๆ นะ

    ...

    “I don’t want to see you die same my brother.” อี้ชิงมองเด็กน้อยข้าง ๆ ที่แววตาเต็มไปด้วยความเศร้าทุกคนล้วนแต่พบเจอความเจ็บปวดมาทั้งนั้น but you should stay strong for them นะ

    “So? But I’m not your brother.”

    ใช่ ผมรู้ว่าคุณไม่ใช่พี่ชายผม... My father my mother and my brother everyone จากผมไปแล้ว อี้ชิงยังคงนิ่งเฉย เขาจ้องหน้าเด็กน้อยที่กำลังพยายามสื่อสารกับเขาด้วยภาษาแปลก ๆ นั่น “We’re the same”

    ...

    “Lost everything สูญเสียทุกอย่างจนไม่อยากมีชีวิต I ever think to die many time แต่พวกเขาน่ะ จงอิน อี้ฟาน ชานยอล เซฮุน ลู่หาน พวกเขาอยากให้ผมมีชีวิตอยู่ต่อไป I mean they want to ให้ผม alive”

    “and?”

     

     

     

    “Go with us...We’re can be FRIENDS”

     

     

     

     

     

     

     

    เซฮุนเก็บซากอาหารกระป๋องมากองไว้เมื่อวันนี้ทุกคนไม่มีกระจิตกระใจตั้งแคมป์ทำอาหารเหมือนกับเมื่อวานนี้ คนที่เป็นห่วงสองคนนั้นจนนั่งไม่ติดพื้นคือชานยอลกับลู่หานที่เอาแต่ชะเง้อหน้ามองทางที่แบคฮยอนวิ่งเข้าไป ร่างบางเดินไปหยุดอยู่ข้างอี้ฟานกับจงอินกำลังเครียดกับแผนที่ที่กางอยู่บนกระโปรงรถ จงอินส่องไฟฉายลงไปขณะที่อี้ฟานกำลังอธิบายถึงแผนการออกตามหาแบคฮยอนกับอี้ชิงในวันพรุ่งนี้

    ข้างในนี้เป็นป่าลึก มีแม่น้ำเป็นทางยาวมาจากตรงนี้ จงอินพยักหน้าเข้าใจถ้าพวกเขายังมีชีวิต... อี้ฟานเงียบไปชั่วอึดใจก่อนจะเงยหน้ามองจงอินกับเซฮุนก็น่าจะอยู่แถวนั้น

    ทำไมล่ะครับ? เซฮุนถาม

    จากที่เห็นวันนี้ว่ามีพวกกินคนออกมาจากในป่าฝั่งนั้น และตอนที่เราออกตามหาแบคฮยอนก็เจอพวกมันอยู่ประปรายไหนจะพวกสัตว์มีพิษอีก ผมคิดว่าพวกเขาคงไม่ค้างคืนในป่าที่มีอันตรายรอบด้านแบบนี้ ร่างบางพยักหน้าเข้าใจเมื่อได้ฟังอี้ฟานอธิบาย

    แล้วถ้าเกิดสองคนนั้นไม่ได้อยู่ด้วยกันล่ะ? ทุกคนเงียบเมื่อจงอินยิงคำถามนี้ขึ้นมา มันคือสิ่งที่พวกเขากลัวที่สุด...กลัวว่าใครสักคนหนึ่งจะเป็นอะไรไปโดยเฉพาะแบคฮยอนที่พวกเขารับปากแบคโฮเอาไว้แล้วว่าจะดูแลให้ดีที่สุด

    ผมได้แต่ภาวนาว่าทั้งคู่จะปลอดภัย ทุกคนต่างเป็นห่วงเมื่อคนที่วิ่งตามอี้ชิงไปคือแบคฮยอน คนที่มีประสบการณ์เรื่องเอาตัวรอดน้อยที่สุดในกลุ่ม ยิ่งไม่มีอาวุธติดตัวไปแบบนั้น...แบคฮยอนจะทำยังไงนะ?

    เฮ้ยจงอิน!” ทั้งสามคนหันไปหาลู่หานที่ถือไฟฉายมาทางนี้กูว่าจะลองเข้าไปตามหาดูอีกรอบว่ะ นอนไม่หลับ เขาสังเกตได้ถึงสีหน้าเป็นกังวลของลู่หาน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะห่วงแบคฮยอนหรือเพราะมันดูหน่วง ๆ ตั้งแต่เมื่อวานนี้กันแน่

    แต่มันดึกแล้วนะลู่หาน อี้ฟานไม่เห็นด้วยกับการติดสินใจของร่างโปร่ง ผมกับจงอินวางแผนกันแล้วว่าพรุ่งนี้จะออกตามหาที่จุดไหน ผมว่ารอให้เช้าก่อนดีกว่าไหม?

    ไม่รอแล้ว คิดดูดิว่าสองคนนั้นจะอยู่ยังไง จะกินอะไร จะนอนตรงไหน ที่ลู่หานพูดก็ถูก

    แต่ในที่มืดแบบนั้นมันอันตราย ผมไม่อยากให้คุณหายไปอีกคน

    ไม่เป็นไร ผมจะไปกับเขาเอง ทุกคนหันไปมองชานยอลที่เดินตามมาพร้อมกับไฟฉาย ร่างสูงปลดเซฟตี้ปืนแล้วพยักหน้าบอกลู่หานให้เดินตามมาด้วยกัน

    พระเอกทั้งคู่...

     

     

     
     

     

     

     
     

    สองหนุ่มก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่เร่งรีบพร้อมกับส่องไฟฉายไปรอบตัว พวกเขาให้ความเงียบทำหน้าที่สนทนากับอีกฝ่ายแทนที่จะปริปากชวนคุย ตั้งแต่ไหนแต่ไรเขากับชานยอลก็ไม่ได้สนิทสนมกัน ระดับความสนิทก็พอ ๆ กับอี้ฟานนั่นแหละ แต่อย่างที่รู้ ๆ กันอยู่ว่าทำไมเขาถึงได้รู้สึกอึดอัดนักเวลาอยู่กับหมอนี่

    นายกับแบคฮยอนไปถึงไหนแล้วล่ะ สุดท้ายคนแพ้ก็คือเขา ลู่หานถามประโยคปลายเปิดพลางชำเลืองมองร่างสูงที่เดินอยู่ข้าง ๆ

    หมายความว่ายังไงครับ ระดับความสัมพันธ์หรือว่าอะไร?

    จะอะไรก็พูดมาเถอะ ฉันแค่อยากรู้ว่านายจริงจังกับเด็กนั่นมากแค่ไหนก็เท่านั้น ลู่หานพูดติดรำคาญ เขาล่ะเบื่อจริง ๆ กับนิสัยแกล้งโง่ทั้งที่รู้อยู่เต็มอก

    ไม่รู้สิครับ

    ...

    ผมรู้สึกดีกับแบคฮยอน แต่มันยังไม่ใช่ความรักอย่างที่คุณเคยบอก ตอนนี้ลู่หานไม่รู้ว่าปาร์คชานยอลกำลังอยู่ในสีหน้าแบบไหน แต่คำตอบที่ได้ฟังมันชักจะหงุดหงิดแปลก ๆ

    นายรู้ใช่ไหมว่าฉันคิดยังไงกับเด็กนั่น

    ครับ ผมรู้

    อืม

    จะขอให้ผมหลีกทางเหรอ?

    คิดว่าไงล่ะ?

    ละครน่ะลู่หาน ชานยอลหัวเราะในลำคอเบา ๆ ราวกับว่าที่ได้ยินมันเป็นเรื่องน่าตลกเสียเต็มประดาทุกวันนี้ผมก็อยู่เฉย ๆ นะครับ

    ...

     

     

    หมายความว่าไงที่บอกว่าอยู่เฉย ๆ มันจะสื่อว่ามีแค่เขาคนเดียวเหรอที่ดิ้นพล่านอยู่ตลอด?

     
     

     

    ความรักมันบังคับใจกันไม่ได้ คุณอาจจะบอกว่าผมผิดที่ผมมีใจให้กับแบคฮยอนทั้งที่ยังไม่ลืมโฮจอง แต่สิ่งหนึ่งที่คุณควรรู้เอาไว้นะลู่หาน ร่างสูงหยุดยืนอยู่กับที่ก่อนจะส่องไฟฉายไปหาร่างโปร่งว่าคุณควรย้อนมองดูตัวเองก่อนแล้วค่อยพิพากษาคนอื่น

    นายรู้เรื่องมินซอกได้ยังไง? ถึงจะหน้าชากับประโยคเมื่อครู่แต่ลู่หานก็ยังสวนคำถามที่ค้างคาใจกลับไป  

    อ๋อ...เรื่องนั้น...

    บอกฉันมาให้หมด

    คุณจะสนใจทำไมล่ะครับ ร่างสูงพูดด้วยน้ำเสียงไม่ยี่หระ ตอนนี้คนที่ถือไพ่เหนือกว่าก็คือปาร์คชานยอลยังไงตอนนี้เป้าหมายของคุณก็คือแบคฮยอนไม่ใช่เหรอ?

    หยุดเล่นลิ้นแล้วตอบคำถามฉันมา

    เด็กที่ภายนอกมีสีหน้านิ่งเฉย แต่ใครจะรู้ว่าลึก ๆ แล้วเป็นคนอ่อนไหวมากแค่ไหน

    ...

    ตัวเล็กแค่นั้น กอดทีคงหายเข้าไปในอ้อมกอดเลยสินะครับ?

    นายทำอะไรมินซอก? ลู่หานกำหมัดแน่น ตอนนี้ที่น่ากลัวที่สุดไม่ใช่ตัวกินคนหรือเชื้อระบาด...แต่มันคือคนที่ใส่หน้ากากผู้ชายแสนดีเพื่อปิดบังความชั่วร้ายไว้ต่างหาก

    เปล่าครับ คนที่ทำเขาไม่ใช่ผมหรอก ชานยอลหัวเราะ

    นาย...

    คุณคงคิดว่าผมร้ายกาจสินะ ใช่ครับ คุณคิดไม่ผิด ร่างสูงยิ้มทุกคนล้วนมีปีศาจร้ายอยู่ในตัวทั้งนั้น แต่อยู่ที่ว่ามันจะออกมาแสดงตัวเมื่อไหร่และกับใคร

    ...

     

     

     

    “และผมก็ต้องขอโทษด้วยนะครับลู่หาน...ที่ปีศาจร้ายในตัวผมมันได้เลือกคุณแล้ว

     

     
     

     

     

     

     
     

    ท้องฟ้ามืดเต็มไปด้วยกลุ่มดาวที่ส่องแสงระยิบระยับเป็นจุด ตั้งแต่จำความได้ก็ไม่เคยมานอนดูอะไรแบบนี้หรอกเพราะคิดว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระสิ้นดี ยิ่งเห็นในละครน้ำเน่าตอนไปนั่งกินต๊อกข้างทางแล้วยิ่งอยากอ้วกเข้าไปใหญ่

     

     
     

    แต่ว่าตอนนี้...คิมจงอินกำลังนอนดูดาวกับเด็กหน้าตายบนกระโปรงรถว่ะครับ

     

     
     

    รู้เหรอว่านั่นคือดาวอะไร ร่างหนาชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้าขณะหันไปถามคนข้าง ๆ เซฮุนขมวดคิ้วเล็กน้อยพร้อมกับเอียงหัวเข้าไปใกล้ ๆ เพื่อมองตามนิ้วเรียวยาวของอีกคน พอเห็นแบบนั้นจงอินก็ชะงักไปเล็กน้อย

    ไหนครับ?

    นั่นน่ะ ที่อยู่ติดกันห้าดวง

    ...ผมไม่รู้หรอก เซฮุนเงยหน้าสบตากับอีกฝ่ายที่อยู่ห่างกันแค่คืบเดียว ตอนนี้อี้ฟานนั่งอยู่ท้ายกระบะเพื่อรอการกลับมาของทุกคน ทั้งที่จงอินบอกแล้วว่าจะเฝ้ายามให้แต่ร่างสูงก็ไม่ยอมนอนเพราะเป็นห่วง

    เห็นมองอยู่นาน นึกว่าจะรู้ซะอีก

    แต่มันก็สวยดีไม่ใช่เหรอครับ เซฮุนยิ้มแล้วเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าอีกครั้ง

    ไปนอนไป ดึกแล้ว จงอินผลักหัวอีกคนเบา ๆ

    ผมนอนไม่หลับหรอกครับ เป็นห่วงแบคฮยอนกับอี้ชิง

    ฉันรู้ ทุกคนก็เป็นห่วงเด็กนั่นทั้งนั้นแหละ ยิ่งวิ่งตามคนสติแตกกึ่งคนเหล็กแบบนั้นนะ ถ้าทันก็พระเจ้าแล้ว นึกแล้วก็สงสัยว่าอะไรทำให้ไอ้หนุ่มคนจีนวิ่งเข้าป่าเร็วขนาดนั้น ชาติก่อนเป็นนักวิ่งร้อยเมตรชายเหรอ

    ลู่หานบอกว่าตอนชนเขาไม่ได้ขับเร็วไม่ใช่เหรอครับ

    ใครจะรู้ โดนรถชนจนสลบแบบนั้นมันต้องมีเจ็บบ้างแหละ เซฮุนพยักหน้าช้า ๆ

    จงอิน

    อือ

    ถ้าต้องอยู่คนเดียวแบบอี้ชิง คุณจะทำยังไงเหรอ? ร่างบางหันไปถาม จงอินทำหน้าคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะปัดจมูกเบา ๆ

    เรื่องการอยู่คนเดียวมันไม่ใช่ปัญหาสำหรับฉัน จงอินตอบไม่ตรงประเด็น เขานึกย้อนไปเมื่อตอนเป็นเด็กจนถึงปัจจุบัน ว่าการเอาชีวิตรอดตามลำพังมันก็ไม่ได้แย่สักเท่าไหร่

    แม้กระทั่งหลังจากนี้เหรอครับ?เซฮุนยังคงคาดหวังกับคำตอบ แม้ว่าคนอย่างจงอินจะไม่มีทางพูดคำนั้นออกมา ร่างหนาเงียบไปชั่วอึดใจ เขาหันมามองใบหน้าเรียวด้วยแววตาเรียบเฉย

    ฉันจะไม่มีวันอยู่คนเดียวหลังจากนี้

    ...

    นายเองก็เหมือนกัน พูดจบก็เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าอีกครั้ง เซฮุนยิ้มบาง ๆ แล้วประสานมือไว้บนหน้าท้องตัวเอง

    ถ้าคุณเป็นคนวิ่งตามอี้ชิงเข้าไปจะเป็นยังไงนะ?

    ฉันจะลากคอหมอนั่นกลับมาแล้วเหวี่ยงติดกับประตูรถดังโครมเลยล่ะ เป็นไง? โหดMAX” จงอินแค่นหัวเราะ นึกแล้วก็โมโหกับความบ้าบอของไอ้หมอนั่นจริง ๆ

    ฮึ... ใบหน้าคมหันไปมองคนข้าง ๆ ที่กำลังหัวเราะอยู่ มีอะไรน่าขำกันวะ?

    ขำไร?

    ผมขำดาวดวงนั้นครับจงอิน

    อย่ามาเฉไฉ นายกำลังหัวเราะฉันอยู่

    งั้นผมขอโทษนะครับ

    ถ้าขอโทษแล้วหายพวกขี้เรื้อนนั่นจะแดกตับคนทำไมวะ ไว้วันหลังเดินไปหาพวกมันแล้วพูดว่าขอโทษดิ ดูซิว่ามันจะพูดว่า โอเค ไม่เป็นไรอย่าซีเรียส นายอุตส่าห์พูดว่าขอโทษทั้งที ฉันจะไม่กัดนายแล้ว อันนยอง~’ ป่ะ?คราวนี้เซฮุนหลุดหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ จงอินเอาลิ้นดันกระพุ้งแก้มเมื่อคนข้าง ๆ เอาแต่หัวเราะตาหยีอยู่นั่น

     

     
     

     

    แม่ง...กูยิ่งแพ้รอยยิ้มแบบนี้อยู่

     

     
     

    ขำให้สำลักน้ำลายตายไปเลยนะ

    คุณไม่อยากให้ผมตายหรอกครับจงอิน

    มั่นใจเหลือเกิน อดไม่ไหวหันไปขยี้หัวเด็กปากดีแรง ๆ สักที เซฮุนยังคงหัวเราะพอใจและปล่อยให้คนข้าง ๆ เล่นหัวต่อไป

    ถ้าเปลี่ยนจากแบคฮยอนเป็นผม ตอนนี้ผมจะเจออี้ชิงหรือยังนะ... เด็กหนุ่มพูดเบา ๆ อดคิดไม่ได้เลยว่าถ้าตกอยู่ในสภาพแบบนั้นแล้วเขาจะทำยังไง

    ไม่เจอหรอก

    ครับ?

    เพราะฉันคงไม่ปล่อยให้นายวิ่งเข้าไปในนั้นโดยที่ไม่มีฉันแน่

    ...

    เลิกจิตนาการไร้สาระได้แล้ว

     
     

    ขอบคุณความมืด ขอบคุณที่ตรงนี้ไม่มีแสงไฟ ไม่อย่างนั้นจงอินคงมองเห็นสีหน้าของเขาที่กำลังขึ้นสีในตอนนี้แน่ ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่น จะทำยังไงดีนะ...ในเวลาที่ต้องพยายามกลั้นยิ้มทั้งที่กำลังมีความสุขแบบนี้น่ะ...มันลำบากจริง ๆ

     
     

    งั้นถ้าผมหายตัวไป...คุณจะ

    ยังอีก?

    คุณจะตามหาผมไหมครับ?

    ไม่อ่ะ ปล่อยให้หาทางกลับมาเอง ไม่ตามแล้วเหนื่อย

    จริงเหรอครับจงอิน

    นี่คือเรื่องจริงที่สุดตั้งแต่ฉันเกิดมาเลยล่ะ

    ใจร้ายจัง

    อยากได้คำตอบหล่อ ๆ ก็ไปคุยเรื่องนี้กับอี้ฟานไม่ก็ชานยอลนะครับ โน่นเลย พระเอกหมายเลขหนึ่งนั่งอยู่ตรงนั้น จงอินชี้ไปข้างหลังรถที่เขานอนอยู่

    คำตอบถ่อย ๆ ผมก็อยากได้ยินนี่ครับ

    โอเซฮุน? คิ้วหนาขมวดมุ่น เมื่อกี้มึงเกือบน่ารักแล้วนะครับ...

    ไปนอนดีกว่า... เด็กหนุ่มอมยิ้มแล้วกระโดดลงจากกระโปรงรถ ทิ้งให้ใครอีกคนหงุดหงิดหมั่นเขี้ยวอยู่ตรงนั้นตามลำพัง

     

     

     
     

    ชักจะเอาใหญ่แล้วนะไอ้เด็กคนนี้!

     

     

     

     

     

    TBC

     

     

    มีหลายคนคิดว่าแบคฮยอนไม่ก็อี้ชิงจะตายเหมือนกับโซเฟียใน The Walking Dead หรือเปล่า เราจะขอตอบตรงนี้ว่า เรายืมฉากถนนมาเขียนเฉย ๆ น๊า ไม่ต้องกลัวว่าจะเขียนเหมือนในซีรี่ย์ *////*

    ตอนเขียนเราหมั่นเขี้ยวความน่ารักของน้องแบคมาก คือเกือบดราม่าละ แต่ขำภาษาอังกฤษของนาง 555555555555 ขอขอบคุณ Trans English ของอี้ชิงโดยน้องมายด์ @Ponggosama แห่งแจ่มใสเลิฟซีรี่ย์ด้วยนะคะ #กอดรัด (จะเขียนประโยคให้ถูกต้องทีต้องทักไปถามนางค่ะ ส่วนแบคฮยอนไม่ต้องพึ่งทรานสเลท ซุยเดี่ยวเลยทีเดียว 5555)

    อี้พูดได้แล้วนะคะ ส่วนตัวแล้วมลินชอบคาแรคเตอร์อี้ชิงนะ เป็นชาวต่างชาติที่ต้องสื่อสารกับคนอื่นด้วยภาษาอังกฤษ หลายคนคงกำลังสงสัยในตัวอี้ชิง เราอยากให้สังเกตนางไว้ดี ๆ ค่ะ อย่าเพิ่งตัดสินนางว่า ทำไมถึงเป็นงี้ เป็นงี้ๆๆ อะไรหลายอย่างจะค่อย ๆ คลายออกมาทีละนิด

    ขอบคุณทุกคนอีกครั้งนะคะ เจอกันตอนหน้าค่า #มูนวอร์คออกจากเพจฟิค

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×