ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ZOMBIES HARD CREEPER | KAIHUN CHANBAEK FT.EXO

    ลำดับตอนที่ #20 : Chapter 19 :: Heart Attack

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 19.49K
      221
      20 มี.ค. 57

    ? Tenpoints!

     

     

     

    Chapter 19

    Heart Attack

     

     

     

     

    และแล้วผลการทดลองระเบิดขวดของชานยอลก็เป็นผลสำเร็จ ทั้งสามคนดูพอใจกับอาวุธชิ้นใหม่ที่อาจจะได้เอาไว้ใช้งานในอนาคต รถทั้งสองคันขับเข้ามาในโรงเรียน ทันทีที่เครื่องดับลงเด็กที่อยู่ในระแวกนั้นต่างมองมาที่ท้ายกระบะเป็นตาเดียวกัน

    ชานยอลตรงดิ่งไปหาเจ้าหมาแล้วแก้มัดเชือกที่ผูกกับท้ายรถเพื่อจูงมันลงมาข้างล่าง นักเรียนจับกลุ่มซุบซิบกันอย่างตื่นตระหนก ทุกคนต่างมีคำถามว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมพวกเขาถึงได้พาหมาเข้ามาในโรงเรียนทั้งที่เพิ่งมีเรื่องร้าย ๆ ผ่านไปเมื่อไม่นานมานี้ จงอินกับเซฮุนยืนมองการกระทำของผู้ชายรักสัตว์แล้วก็ได้แต่ทำหน้าเนือย

    ผมจะพามันไปผูกไว้ในลานอเนกประสงค์เอง

    เออไปเหอะ มาถึงขั้นนี้แล้วใครจะไปแตะต้องหมาของมันได้ จงอินพยักหน้าส่ง ๆ ก่อนจะหันไปเห็นแบคฮยอนที่กำลังเดินเข้ามาด้วยสีหน้าตกใจไม่แพ้เด็กคนอื่น ๆ

    นั่นอะไรน่ะครับ?

    หมาไง

    ผมรู้แล้วน่า แต่ที่ถามก็เพราะสงสัยว่าทำไมคุณชานยอลถึงได้พามันเข้ามาในโรงเรียนแบบนั้น แบคฮยอนถามทั้งที่ยังมองตามแผ่นหลังของร่างสูง

    ดูเหมือนว่ามันจะเป็นแค่หมาธรรมดา ๆ ทั่วไปแหละ เพราะชานยอลยื่นแขนไปให้แดกถึงที่แล้วแต่มันเสือกเมิน สงสัยจะเป็นหมามังสวิรัติ

    หรือว่ามันจะไม่ได้ติดเชื้อ?

    ตอนนี้ยังพูดอะไรไม่ได้ วันดีคืนดีจะกัดใครเข้าหรือเปล่าก็ไม่รู้ ยังไงก็ต้องรอดูอาการไปก่อนจงอินตอบ ทั้งสามคนยังมองไปยังผู้ชายตัวสูงที่กำลังจูงหมาไป

    นายไปดูสิ คุณชานยอลคงภูมิใจเสนอมันให้นายฟังแน่ ๆ เซฮุนยิ้ม แบคฮยอนทำตาปริบ ๆ แล้วก็หันไปมองแผ่นหลังกว้างที่กำลังจะหายลับไปตรงลานอเนกประสงค์ ร่างเล็กยิ้มให้กับคนตรงหน้าก่อนจะวิ่งไปหาชานยอล

    เด็กน้อยจริง ๆ

    ผู้ใหญ่อย่างคุณคงไม่เข้าใจความรักของเด็ก ๆ หรอกครับ ทันทีที่ได้ยินร่างบางพูด จงอินก็หันควับพร้อมกับขมวดคิ้วมอง

    ว่าไงนะ?

    อา... พอมาถึงตอนนี้โอเซฮุนถึงได้รู้ตัวว่าเผลอหลุดปากพูดความลับออกไป เด็กหนุ่มยิ้มแห้ง ๆ แล้วก็ทำตาโตอ้อ...ผมควรไปอธิบายเรื่องหมาให้ทุกคนฟัง

     

     

    หมั่บ

     

     

    ขาทั้งสองข้างหยุดอยู่กับที่เพราะถูกจงอินคว้าข้อมือเอาไว้ เซฮุนหันไปมองอีกฝ่ายที่กำลังรอคำตอบจากเขาด้วยสีหน้าหาเรื่อง ใบหน้าคมเลื่อนเข้ามาใกล้ราวกับจ้องจับผิดจนร่างบางต้องถอยออก

    ในปากนายมันมีความลับอะไรอยู่สินะ?

    เปล่าครับ เซฮุนตอบหน้านิ่ง ไม่ให้อีกฝ่ายจับผิดพิรุธได้ จงอินกระตุกยิ้มมุมปากขณะที่ยังจ้องจับผิดคนตรงหน้าอยู่

    นายจะบอกว่าแบคฮยอนกำลังมีความรักอยู่งั้นเหรอ

    ผมยังไม่ได้พูดแบบนั้นเลยนะครับ

    แต่สายตานายมันพูดออกมาจนหมดเปลือกแล้วโอเซฮุน ร่างหนาเอานิ้วเขี่ยจมูกอีกฝ่ายจนคนถูกกระทำต้องเบี่ยงหน้าหลบ คิ้วเรียวขมวดมุ่นมองคนตรงหน้าอย่างไม่สบอารมณ์

    คุณจะอยากรู้เรื่องของคนอื่นไปทำไมครับ ปกติเห็นสนใจแต่เรื่องของตัวเอง

    อ้าว นี่หลอกด่า

    ความจริงทั้งนั้น...

    เออช่างเหอะ ร่างหนาทำหน้าเซ็งก่อนจะยักไหล่ ไม่บอกก็ไม่อยากรู้หรอกว่ะ เชิญเก็บไว้เป็นความลับไปจนวันตายเลยนะ อย่าได้ปริปากเล่าให้ใครฟังล่ะ

    ผมก็คิดว่างั้นครับ

    เดี๋ยวก่อนเดี๋ยว... จงอินชี้หน้าคาดโทษร่างบางที่ยังคงกวนตีนเขาไม่เลิก ถ้าไม่ติดว่าเรื่องความรู้สึกของไอ้ลู่หานเป็นความลับเขาคงเล่าเรื่องมันให้แบคฮยอนรู้สึกผิดเล่น ๆ ไปแล้ว แต่บังเอิญเลือดคนดีมันเข้าตา เลยต้องแดกความลับแล้วกลืนลงท้องให้หมด

     

     

     

    ไหน ๆ มันก็จากไปแล้ว ก็ให้ความรู้สึกที่มันมีต่อแบคฮยอนตายตามมันไปเลยแล้วกัน

     

     

     

    หันไปมองหลุมศพที่เขาไปยืนไว้อาลัยทุกวันแล้วก็สลด เรื่องระหว่างชานยอลกับแบคฮยอนใช่ว่าเขาจะดูไม่ออก จริงอยู่ที่ในตอนแรกสองคนนั้นแทบจะไม่มองหน้ากันเลยด้วยซ้ำ แต่อาจเป็นเพราะว่าทั้งคู่ต่างสูญเสียคนสำคัญไปเหมือนกัน ความสัมพันธ์เลยเริ่มต้นที่ความเห็นอกเห็นใจ

    คุณจะไปอธิบายเรื่องหมาให้ทุกคนฟังใช่ไหมครับจงอิน?

    ก็ไปด้วยกันนี่แหละ นายจะไปไหนหรือไง?

    ผมจะไปไหนได้

    อ้าว ก็รู้นี่ จงอินทำหน้าตาเฉยแล้วก็เดินนำไปก่อน พอได้ยินอย่างนั้นเซฮุนก็แค่นหัวเราะ เขาชำเลืองมองไปยังผู้ชายชอบเผด็จการแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้าก่อนจะเดินตามหลังเข้าไป

     

     


     



     

     

    คืนวันนั้นในห้องโถง เทียนไขเล่มใหญ่วางอยู่เป็นจุดเพื่อให้ความสว่างกับตัวห้อง เสียงพายุฝนจากข้างนอกลอดเข้ามาให้ได้ยินอย่างต่อเนื่อง นักเรียนทุกคนนั่งบนพื้นเมื่อได้รับรู้ว่าวันนี้มีประชุม แต่คนที่มาถึงช้าที่สุดก็คือปาร์คชานยอล เพราะเจ้าตัวมัวแต่ยุ่งอยู่กับการสร้างที่นอนให้กับสมาชิกใหม่ในโรงเรียน ครั้นจะขังไว้ในลานกว้างให้นอนตากแดดตากฝนแบบนั้นก็คงไม่ดีสักเท่าไหร่ แบคฮยอนมองร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างหลังสุดพร้อมกับยีผมที่เปียกลู่ให้เข้าทรงด้วยความเป็นห่วง

    เรื่องที่ครูจะแจ้งให้ทราบในวันนี้ก็คือเรื่องสุนัขที่คุณจงอินไปเจอเข้าตอนออกไปหาเสบียง

    เด็กหลายคนส่งเสียงฮือฮาในขณะที่เด็กบางคนหันไปบอกต่อถึงรูปร่างหน้าตาของมันเพื่อให้คนที่ยังไม่เห็นกับตัวได้รับรู้ พวกเขามองไปยังกลุ่มเด็ก ๆ แล้วก็หันมามองหน้ากัน

    ครูไม่อยากให้ทุกคนตื่นกลัว เพราะมันไม่เหมือนกับลิงตัวนั้นที่กัดแตอิน

    แล้วเราจะวางใจได้ยังไงครับว่ามันจะไม่แว้งกัดพวกเราเข้าสักวัน? เด็กหนุ่มคนนึงยกมือขึ้นถาม

    ตามสักษณะนิสัยของพวกกินคนมันไม่รอเหยื่อนานขนาดนี้หรอก ถ้าหมาติดเชื้อเหมือนกับพวกที่เดินป้วนเปี้ยนอยู่ข้างนอก แน่นอนว่ามันคงกัดเราไปแล้ว ตอนที่เจอมัน...ท่าทางก็ไม่เหมือนหมาติดเชื้ออะไร หนำซ้ำยังกลัวเราอีกด้วย จงอินพูด

    มันอาจจะอิ่มอยู่ก็ได้

    พวกมันอิ่มไม่เป็นหรอก ทุกคนหันไปมองเซฮุนเป็นตาเดียวกันราวกับสนใจในประโยคที่เอ่ยไปก่อนหน้านี้พวกมันหิวตลอดเวลาและพร้อมที่จะฆ่าเราได้ทุกเมื่อ กินเท่าไหร่ก็ไม่มีวันอิ่ม ถึงจะเดินเชื่องช้าแต่พวกมันสะกดคำว่าเหนื่อยไม่เป็น นั่นแหละคือตัวกินคน

    ที่ฉันพามันกลับมาที่นี่ เพราะอยากทดสอบว่ามันติดเชื้อเหมือนกับลิงตัวนั้นหรือเปล่า และถ้าใช่ฉันรับรองว่าจะฆ่ามันในทันที แต่ถ้าไม่ใช่...เราก็จะได้เริ่มพิสูจน์กันอีกครั้งเกี่ยวกับเรื่องสัตว์

    หมายความว่าถ้าเกิดหมาตัวนั้นไม่ได้ติดเชื้อ เราก็สามารถกินเนื้อสัตว์ได้แล้วใช่ไหมคะ? จองอึนจียกมือขึ้น

    อี๋! เธอจะกินมันจริง ๆ เหรอ?

    ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้นสักหน่อย!”

    ที่ยัยนั่นพูดก็ถูก เพราะถ้าหมาตัวนั้นไม่ได้ติดเชื้อ สัตว์ชนิดอื่นก็อาจจะไม่ติดเหมือนกัน จงอินยังคงอธิบายต่อ

    ยังไงเราก็ต้องขังมันไว้ให้ห่างจากเด็ก ๆ เพื่อความแน่ใจ อี้ฟานพูดขึ้นมาหลังจากที่ยืนฟังอยู่นาน จงอินพยักหน้าตกลงก่อนที่จะหันกลับไปมองเด็ก ๆ อีกครั้ง

    เราจะดูมันไปอีกสักอาทิตย์นึง เพราะฉะนั้นฉันขอห้ามทุกคนอย่าเข้าใกล้มันเกินห้าเมตร ห้ามลูบหัว ห้ามเกาคาง ห้ามเล่น ห้ามแลบลิ้นตามมัน ห้ามทุกสิ่งทุกอย่างจนกว่าฉันจะแน่ใจแล้วว่ามันเป็นมิตรต่อมนุษย์จริง ๆ นักเรียนเงียบกริบขณะมองจงอินออกคำสั่งเชิงเผด็จการ

    เห็นหลุมศพตรงสนามหญ้าไหม?

    เห็นครับ/ค่ะ

    นั่นแหละ ถ้าไม่อยากเข้าไปนอนในนั้นก็อย่าแหกกฏ จงอินพูดแล้วก็ต้องหันไปมองข้างหลังเมื่อถูกเซฮุนสะกิดอะไร?

    พูดให้มันลื่นหูกว่านี้ไม่ได้หรือไงครับ

    เอ้า! แล้วมันไม่ลื่นหูตรงไหน จะสั่งสอนเด็กทั้งทีก็ต้องทำให้มันกลัวตายสิ ไม่งั้นคงแห่กันไปเล่นกับไอ้ขนทองนั่นกันยกหอ จงอินบ่นขณะมองเซฮุนที่มองเขาด้วยสายตาคาดโทษ แบคฮยอนหลุดขำออกมาเล็กน้อยเมื่อเห็นทั้งคู่ปะทะฝีปากกันอีกแล้ว

    ผมมีเรื่องจะชี้แจงอีกสักเรื่องคราวนี้เป็นอี้ฟานที่ออกมายืนข้างหน้า จงอินกับเซฮุนยังคงทะเลาะกันอยู่ข้างหลังร่างสูง แม้ว่าเสียงทั้งคู่จะเบาบางจนแทบจับใจความไม่ได้ แต่ยังไงมันก็ดูตลกในสายตาใครหลาย ๆ คนอยู่ดี

    เรื่องการอาบน้ำ การทานอาหาร ผมอยากให้พวกเรามีกฏสำหรับสองเรื่องนี้ก่อน

    ยังไงเหรอคะ?

    ก่อนหน้านี้พวกคุณอยู่กันแบบสบาย ๆ จะอาบน้ำตอนไหนก็ได้จริงไหม? แต่เคยคิดกันบ้างหรือเปล่าว่าแทงค์น้ำข้างบนนั้นอาจจะหมดเข้าสักวัน

    อ่า...นั่นสินะ

    แย่แล้วสิ ฉันลืมคิดเรื่องนี้ไปเลย

    นักเรียนส่งเสียงฮือฮาอีกครั้ง ทุกคนต่างพะวงกับเรื่องนี้ที่มองข้ามไปซะสนิทใจ ปาร์คกาฮีหลุบสายตาลงราวกับใช้ความคิดอยู่ พอเห็นอย่างนั้นอี้ฟานถึงได้เริ่มชี้แจงต่อ

    ผมอยากให้พวกคุณอาบน้ำสองวันครั้งหนึ่ง สำหรับคนที่ไม่ได้ออกไปใช้แรงงานอะไรมากมาย แต่สำหรับคนที่ออกไปเจอแดดเจอฝนข้างนอกและใช้แรงงานอย่างหนัก แบบนั้นอนุโลมให้อาบได้วันละหนึ่งครั้ง

    สองวันอาบครั้งหนึ่งงั้นเหรอ?

    อี๋ เหม็นเน่าตายแน่ ๆ

    ผมรู้ว่ามันยาก แต่ในตอนนี้พวกคุณต้องคำนึงถึงความยากลำบากในการหาน้ำมาใช้ด้วย ถ้าเกิดน้ำในแทงค์บนดาดฟ้าหมด พวกคุณจะใช้น้ำจากที่ไหน?

    ...

    ทุกคนเงียบกริบ ดูเหมือนว่าสิ่งที่ได้รับรู้มันจะทำให้นักเรียนเหล่านี้รู้สึกแย่ไม่น้อย อี้ฟานกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ห้อง เขารู้สึกได้ว่าเด็ก ๆ ไม่ค่อยเห็นด้วยกับเรื่องนี้

    เพราะถ้าน้ำหมด เราอาจจะต้องย้ายไปอยู่ที่หอพักหญิง หรือไม่ก็ต้องขนน้ำจากที่นั่นมาใช้ ซึ่งมันคงลำบากกว่าการย้ายเข้าไปอยู่

    แต่หอหญิงเต็มไปด้วยพวกนั้นนะเทาแย้งขึ้นมา

    ใช่ ก็คิดซะว่าปัดกวาดโรงเรียนไปในตัวสิ จงอินพูด

    ช่วงนี้เป็นฤดูฝน ผมว่าเราควรหาแทงค์น้ำใหญ่ ๆ เอามารองน้ำเก็บไว้ใช้ ดูเหมือนว่าหลายคนจะเห็นด้วยกับเรื่องนี้โดยเฉพาะเด็กผู้ชายที่ชอบเล่นน้ำฝนเป็นชีวิตจิตใจ

    ถัดไปสามบล็อกที่นั่นมีร้านขายของแบบนั้นอยู่ พรุ่งนี้ผมจะพาไปดู เทาพูดแล้วทุกคนที่ยืนอยู่ก็พยักหน้าตกลง

    ส่วนเรื่องที่จะเคลียร์พวกกินคนที่หอหญิงไว้ค่อยตกลงกันอีกทีแล้วกัน...ตอนนี้เรื่องอาบน้ำถือว่าผมชี้แจงจบไปแล้ว ตอนนี้มาคุยเรื่องอาหารการกินกันบ้าง ร่างสูงพูดขณะกึ่งนั่งกึ่งยืนกับโต๊ะพร้อมกับแขนทั้งสองข้างที่เท้าไว้ข้างหลัง

    เราจะกินกันเป็นเวลา เช้า เที่ยง เย็น และจะไม่มีการหิวนอกเวลาใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่มีการลุกขึ้นมาแงะห้องเก็บเสบียงกลางดึกเป็นอันขาด คนอื่นอดได้คุณก็ต้องอดได้ แต่มีข้อยกเว้นพิเศษให้กับเด็กที่เฝ้าเวรกะดึกบนดาดฟ้าไว้คนหนึ่ง รายนั้นสามารถกินมื้อดึกได้เพราะตอนกลางวันเขาไม่ได้ใช้สิทธิ์นั้น จงอินพูดและเด็ก ๆ ก็พยักหน้าเข้าใจ

    เข้าใจแล้วใช่ไหม? ปาร์คกาฮีถามและเด็กนักเรียนทุกคนก็ขานตอบพร้อม ๆ กัน แยกกันไปนอนได้แล้วจ๊ะ ครูสาวยิ้มแล้วเด็ก ๆ ก็ลุกขึ้นแยกย้ายไปตามห้องของตัวเอง เหลือไว้เพียงแค่ผู้ใหญ่กลุ่มนั้นที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม

    ขอบคุณพวกคุณมากเลยนะคะ

    ผมต้องขอโทษด้วยนะครับที่ต้องเผด็จการแบบนั้น อี้ฟานบอกกับหญิงสาวหากแต่คำว่าเผด็จการกลับกระทบคนอย่างคิมจงอินเข้าอย่างจัง

    ฉันคิดว่ามันดีซะอีกค่ะที่เราจะอยู่กันแบบมีกฎระเบียบ ทั้งที่เป็นครูคุมหอแท้ ๆ แต่ความเป็นผู้นำของฉันมันไม่ได้เรื่องเอาซะเลย

    เอาน่า คุณก็แค่ผู้หญิงคนนึง การดูแลเด็กมากมายขนาดนี้มันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ผมเข้าใจ จงอินพูดปลอบใจอีกฝ่ายแม้ว่าเขาจะไม่ค่อยถนัดเรื่องนี้ก็เถอะ

    ถ้าพวกคุณอยากให้ฉันทำอะไรก็บอกได้เสมอนะ ฉันยินดีรับฟังค่ะ

     

     

     

     




     

     

     

    ...

    เป็นอีกวันที่คิมมินซอกรู้สึกไม่เจริญอาหารเพราะเห็นใครอีกคนถือถาดข้าวขึ้นมาเหมือนกับทุกวัน คนตัวเล็กวางช้อนลงทันทีเมื่อบยอนแบคฮยอนทิ้งตัวนั่งลงข้าง ๆ เขา รอยยิ้มเจื่อน ๆ ที่ดูก็รู้ว่าฝืนใจกลั่นมันออกมา แต่ที่ไม่เข้าใจอย่างนึงก็คือว่า...ทำไมหมอนี่ต้องขึ้นมาบนนี้ทุกวันด้วย?

    เห็นอึนจีเอาถาดอาหารขึ้นมาให้ตั้งนานแล้ว แต่นายเพิ่งกินไปแค่นี้เองเหรอ แบคฮยอนถามพร้อมกับดันขวดน้ำอัดลมไปให้แม้ว่าสีหน้ามินซอกจะดูไม่ต้อนรับเขาเหมือนกับทุกครั้ง

    อยู่ข้างบนนี้คงร้อน ตอนที่โลกยังไม่เปลี่ยนไป น้ำอัดลมคือสิ่งที่ช่วยทำให้สดชื่นได้ดีเลยเนอะ แบคฮยอนยังคงยิ้มอยู่อย่างนั้น มินซอกดื่มน้ำในขวดของตัวเองราวกับจะสื่อว่ามื้อเที่ยงนี้ได้อวสานไปแล้ว แบคฮยอนสีหน้าเจื่อนไปในทันทีขณะมองหน้าอีกคน

    มินซอก

    อะไร

    นายเพิ่งกินไปแค่นิดเดียวเองนะ

    ฉันไม่ค่อยหิวน่ะ

    กินอีกหน่อยสิ นายผอมมากเลยนะรู้ไหม?

    ...

    ถ้าไม่อย่างนั้นก็คิดซะว่าทำเพื่อคนที่ออกไปหาเสบียงมาให้พวกเรานะ กินเถอะ แบคฮยอนยิ้มแล้วทำท่าจะจัดช้อนให้อีกฝ่ายแต่ก็ต้องชะงักเมื่อมินซอกกำปลายช้อนไว้ก่อน

    ไม่เคยมีใครบอกเหรอว่าถ้าไม่สนิทอย่ามาบังคับคนอื่น?

    ... แบคฮยอนชะงักเมื่อสบตากับคนตรงหน้า มินซอกปล่อยมือออกแล้วถอนหายใจเบา ๆ

    ถ้าหิวก็กินไปเถอะพอเห็นสีหน้าเหมือนจะร้องไห้ของอีกฝ่ายแล้วถึงได้บอกตัวเองให้ใจเย็นกว่านี้ แบคฮยอนพยักหน้าน้อย ๆ แล้วตักข้าวขึ้นมากิน

    ก่อนหน้านี้ฉันไม่ชอบกินผักเลย มินซอกชำเลืองมองคนข้าง ๆ ที่กำลังมีท่าทางกล้ำกลืนฝืนกินข้าวผัดกิมจิเข้าไป ดูจากสีหน้าแล้วก็คงเป็นอย่างที่พูดจริง ๆฉันเขี่ยมันไว้ขอบจานทุกครั้งแล้วพี่แบคโฮก็จะจัดการกับมันจนหมด แบคฮยอนยิ้มเศร้า ๆ

     

     

     

    เอาแล้วไง...จะร้องไห้อีกแล้วใช่ไหม?

     

     

     

    เขาล่ะอยากจะด่าหมอนี่จริง ๆ เอะอะก็ร้องไห้ตลอด กี่วันแล้วล่ะที่บยอนแบคฮยอนขึ้นมาบนนี้แล้วเอาแต่พร่ำพรรณาถึงเรื่องราวในอดีต คิดว่าเขาอยากฟังมากหรือไง เพื่อนสนิทก็ไม่ใช่ มีอย่างที่ไหนมาทำให้คนอื่นรู้สึกแย่ตามไปด้วยเพราะได้ฟังเรื่องเศร้า ๆ แบบนั้น

    พี่แบคโฮอย่างนั้น ลู่หานอย่างนี้ ก็รู้หรอกนะว่ารักว่าเสียใจมาก แต่ใช่ว่าบยอนแบคฮยอนจะเสียใจเป็นคนเดียวเสียเมื่อไหร่ เขาเองก็รู้สึกแย่ไม่ต่างกันนักหรอก

    รีบกินเถอะ ข้างบนนี้ลมแรง ข้าวผัดของนายจะแข็งเป็นก้อนหินไปซะก่อน มินซอกพูดแล้วแบคฮยอนก็พยักหน้าจนน้ำตาร่วงเผาะลงบนถาอาหาร มินซอกจิ๊ปากอย่างหัวเสียแล้วยื่นผ้าขนหนูที่เขามักจะพกขึ้นมาทุกวันให้อีกคน แบคฮยอนรับมาแล้วซับน้ำตาลวก ๆ ก่อนจะช้อนตามองอีกฝ่าย

    ขอบคุณนะมินซอก

    กองไว้ตรงนั้นแหละ มินซอกเบือนหน้าหลบไปอีกทางแล้วถอดแว่นออกมาเช็ดเลนส์ แบคฮยอนตักข้าวคำต่อไปเข้าปาก ฝืนกินมันเข้าไปเพราะของทุกอย่างในถาดล้วนแต่มาจากความเสี่ยงของทุกคนที่ออกไปหาอาหาร ถึงเขาจะไม่ชอบผักแต่กิมจิกระป๋องมันก็ช่วยเพิ่มรสชาติให้กับอาหาร ถึงจะพูดได้ไม่เต็มปากว่ามันอร่อยแต่ก็ยังดีกว่าการกินข้าวเปล่าเป็นไหน ๆ ตอนนี้อาจจะยังไม่ชอบแต่ในอนาคตเขาต้องกินมันแบบไม่ต้องฝืนใจให้ได้

     

     

     

    แบคฮยอนอา ผักมีประโยชน์นะ

     

     

     

    นึกถึงพี่ชายทีไรแล้วก็หงอยทุกที ตอนนี้บยอนแบคฮยอนรู้สึกเหมือนตัวคนเดียวบนโลก เขาไม่อยากอยู่คนเดียวและคิดว่ามินซอกเองก็คงรู้สึกแบบนี้ถึงได้ขึ้นมาชวนคุยทุกวัน แต่ดูเหมือนว่ามินซอกจะไม่ชอบขี้หน้าเขาสักเท่าไหร่

    ขอถามอะไรหน่อยได้ไหม

    ...

    มินซอกเกลียดฉันเหรอ? แบคฮยอนถามทั้งที่สายตายังคงจดจ้องอยู่กับข้าวผัดที่เหลือในถาด ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายเพราะกลัวคำตอบที่จะได้รับ คนเราก็แปลก...ทั้งที่รู้ว่าคำตอบจะออกมาเป็นแบบไหนแต่ก็เลือกที่จะถามมันออกไป

    ที่มินซอกไม่คุยแล้วก็เมินฉันแบบนี้เพราะโกรธเรื่องลู่หานใช่ไหม?

    หมายความว่ายังไงที่บอกว่าฉันโกรธนายเรื่องลู่หาน?

    คือฉันหมายความว่า...มินซอกยังโกรธเรื่องที่ฉันช่วยลู่หานเอาไว้ไม่ได้ใช่หรือเปล่า... แบคฮยอนก้ม ๆ เงย ๆ เพราะกลัวสายตาอีกฝ่าย มินซอกแค่นหัวเราะแล้วหันไปมองอีกทาง จนถึงตอนนี้บยอนแบคฮยอนก็ยังขุดเรื่องนี้ขึ้นมาพูด

    เปล่าเลย

    ...

    ฉันก็แค่รำคาญคนไม่เข้าใจโลกอย่างนายก็เท่านั้นเอง มันไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องของเขาเลยสักนิด ประโยคนี้ทำเอาแบคฮยอนจุกจนพูดไม่ออก คนตัวเล็กจ้องแววตาเย็นชาของอีกฝ่ายแล้วก็รู้สึกชาไปทั้งตัว

    ที่นายขึ้นมาบนนี้ทุกวัน เล่าเรื่องบ้าบอคอแตก บรรยายว่าคนรอบข้างของนายช่างแสนดีแค่ไหนเพื่ออะไรเหรอบยอนแบคฮยอน?

    ...

    เพื่อดึงเอาความสุขในอดีตกลับมาปลอบใจตัวเองหรือเพื่อแสดงให้ฉันเห็นว่านายมันอ่อนแอจนต้องมีคนคอยปกป้องอยู่ตลอดเวลาเหมือนไข่ในหินหรือไงกัน?

    ...

    แล้วนี่อะไร? มานั่งสำนึกผิด ร้องไห้ถึงพี่ชายที่จากไปแล้วกับผู้ชายคนหนึ่งที่ช่วยชีวิตนายจนตัวเขาต้องตายแทน...เพื่อที่จะให้ฉันพูดว่า อย่าเสียไปเลยน่ะ...มันไม่ใช่ความผิดของนายสักหน่อย งั้นเหรอ? ตลกน่ะ...คำพูดพวกนั้นเอาไว้ให้ปาร์คชานยอลใช้กับนายคนเดียวเถอะ

    ...

    อ้อ แล้วก็คนอื่น ๆ ที่มากับนายด้วย

    เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่ากำลังร้องไห้ทั้งที่น้ำตาไม่ไหล คำพูดของคิมมินซอกเหมือนกับมีดเป็นร้อยเป็นพันเล่มที่กำลังทิ่มแทงร่างของเขาจนไม่เหลือชิ้นดี แบคฮยอนกำชายเสื้อไว้แน่น มันเจ็บจนพูดอะไรไม่ออก

    งั้นฉันขอถามนายสักข้อสิ มินซอกหันมามองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเรียบเฉย แววตาเรียวรีคู่นั้นที่ไม่มีเลนส์แว่นกั้นขวางกำลังมองมาที่เขา

     

     

     

    ว่าถ้านายเป็นลู่หานในตอนนั้น...นายจะยอมตายแทนเขาได้หรือเปล่าบยอนแบคฮยอน?

     

     

     

     

     

     

     

     

    ตึก ตึก ตึก!

     

     

    แบคฮยอน?

    ชานยอลเรียกรั้งท้ายคนตัวเล็กที่กำลังวิ่งลงไปข้างนอกตึกโดยที่ไม่สนใจหันกลับมามองเขาเลยสักนิด เทาที่กำลังตัดฟืนอยู่ก็ได้แต่มองตามด้วยความสงสัยจนกระทั่งแบคฮยอนหายเข้าไปในลานอเนกประสงค์

    นั่นน้องหงิมเพื่อนนายนี่ เทาหันไปพูดกับเซฮุนที่นั่งลับมีดอยู่ข้างหลัง ร่างบางชะเง้อหน้ามองแล้วก็ลุกขึ้นยืนก่อนที่ใครอีกคนจะเลื่อนตัวออกมาจากใต้ท้องรถพร้อมกับปากที่คาบไฟฉายไว้อยู่

    ใครเป็นอะไร? จงอินเอาไฟฉายออกแล้วชะเง้อมองตามซึ่งก็ได้รับคำตอบเป็นสีหน้างง ๆ ของเซฮุนกับเทา

    แบคฮยอนน่ะ

    ใครไปว่าอะไรอีกล่ะนั่น ร่างหนาหยัดตัวลุกขึ้นพร้อมกับกระพือเสื้อไล่ความร้อนหลังจากใช้เวลาหมกมุ่นกับการเช็คตัวเครื่องอยู่นานสองนาน เซฮุนเห็นคราบน้ำมันเครื่องที่เลอะอยู่ตามมือกับใบหน้าจงอินแล้วก็ยื่นผ้าขนหนูที่พาดอยู่บนเก้าอี้ไม้ให้

    นายไปดูหน่อยดิ สนิทกันนี่ได้ข่าว

    คุณชานยอลไปดูแล้ว เซฮุนตอบขณะมองอีกคนที่กำลังเช็ดหน้าเช็ดตา แต่สุดท้ายก็ต้องแย่งผ้าขนหนูมาจากมือหนาเพราะเห็นแล้วขัดหูขัดตาเหลือเกิน

    อย่างกับเด็ก พูดสั้น ๆ แต่คนได้ฟังถึงกับชะงัก จงอินขมวดคิ้วแล้วเบี่ยงหน้าหลบเมื่อเซฮุนกำลังเช็ดหน้าเช็ดตาให้เขา

    ว่าใครเด็ก เดี๋ยวปั๊ด! ถอยไปเลยไป เดี๋ยวเช็ดเอง ร่างหนามองคาดโทษอีกฝ่ายแล้วทำท่าจะแย่งผ้าขนหนูคืนแต่เซฮุนยื้อเอาไว้

    ไม่อายเด็กเหรอครับ เช็ดหน้ายังไงคราบน้ำมันเครื่องยังติดอยู่เต็มไปหมดอย่างกับพวกทหารราบตอนไปรบ

    เออ เท่ดี มันเป็นสไตล์ไม่รู้เหรอ? แถไปหน้าด้าน ๆ แต่สุดท้ายก็ยืนนิ่งให้ร่างบางเช็ดให้อยู่ดี เดี๋ยวนี้โอเซฮุนชักจะแกร่งเกินไปแล้ว ไม่รู้ไปเอาความกล้ามาจากไหนถึงได้เถียงเขาฉอด ๆ แบบนี้

    โอ๊ย...เลี่ยนโว๊ย

    ...

    ...

    ทั้งสองคนหันไปมองบุคคลที่สามที่ยืนอยู่ตรงนั้นตั้งแต่แรกเริ่ม เทายังคงเอาขวานเฉาะท่อนไม้ให้ขาดเป็นสองท่อน พอรู้ตัวว่าถูกทั้งคู่มองเทาก็เมินหน้าไปทางอื่นราวกับไม่สนใจ

    ไว้กูครางก่อนนะแล้วค่อยแซะ

    อย่าเลยครับ ไม่อยากฟังเสียงหมาเยี่ยวใส่สังกะสี เทาพูดจบก็อ้าปากหาวหวอด ๆ จงอินหรี่ตามองอีกคนแล้วก็คันตีนแบบมีสาเหตุ

    แล้วนั่นทำอะไร ฟืนเบี้ยวไปหมด นี่มึงรู้จักคำว่าเสถียรไหม? หาเรื่องแม่งซะเลยเพราะไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาด่ามันดี

    ผ่าให้มันขาดออกจากกันได้ก็ดีถมถื่นแค่ไหนแล้ว ก่อนหน้านี้กูเป็นนักเรียนนะครับ ไม่ใช่กรรมกรหรือชาวสวนชาวไร่จะได้เชี่ยวชาญเรื่องการผ่าฟืน

    มันก็แค่ข้ออ้างของคนไม่มีความสามารถเท่านั้นล่ะวะ ถอยไปเลยเดี๋ยวพี่จะแสดงให้ดู จงอินว่าแล้วเดินไปหาอีกคน เทายื่นด้ามขวานให้แล้วถอยหลังไปยืนล้วงกระเป๋ากางเกงเพื่อรอดูโชว์ของคนปากดี

     

     

     

    ปั่ก!!!

     

     

     

    อุ่บ!”

    ...

    ทั้งเทาทั้งเซฮุนเกือบหลุดหัวเราะออกมาหลังจากที่คนอวดดีพยายามโชว์เท่แต่ดันฟันพลาดจนขอนไม้บิ่นไปเล็กน้อย จงอินค้างอยู่ท่านั้น รู้สึกเหมือนมีใครเอาก้อนหินมาทุบหัวทันทีที่เห็นเศษไม้กระเด็นตกลงมาอยู่หน้ารองเท้าของเขา เซฮุนเม้มปากแน่นเมื่อจงอินหันมามองคาดโทษ

    เวรเอ๊ย...จะโชว์เหนือสักหน่อย

    เห้ย ไม่มีความสามารถจริง ๆ ผ่าฟืนให้บิ่นแบบนี้ไม่ได้นะเนี่ย หลังจากพูดจบเทาก็หัวเราะออกมา จงอินเอาลิ้นดันกระพุ้งแก้มก่อนจะวางขวานลงแล้วเอามือทั้งสองข้างถากขากางเกงรัว ๆ

    เมื่อกี้มันลื่นคราบน้ำมันเครื่องหรอก

    เออ จะคราบน้ำอะไรก็เอาเถอะ กูอยากดูคนมีความสามารถโชว์เด็ดแล้ว

    เอาผ้าไหมครับจงอิน?

    เงียบไปเลย จงอินหันไปชี้หน้าคาดโทษร่างบางที่ยื่นผ้ามาให้เขาด้วยสีหน้ากลั้นขำสุดชีวิต ไม่รู้ว่ามันมีอะไรน่าตลก ก็แค่บิ่นนิด ๆ หน่อย ๆ คนเรามันต้องเคยผิดพลาดกันมาก่อนทั้งนั้นป่ะวะถึงจะประสบความสำเร็จ

    ชานยอลเดินเข้าไปในลานอเนกประสงค์แล้วก็เห็นแบคฮยอนกำลังนั่งกอดเข่าอยู่ข้าง ๆ เจ้าหมาโกลเด้นที่เพิ่งพามันเข้ามาอยู่ที่นี่ได้ไม่กี่วัน ร่างสูงยืนนิ่งอยู่แค่ครู่เดียวก็ตัดสินใจเดินเข้าไปหาแบคฮยอนพร้อมกับรอยยิ้ม

    เมื่อกี้ผมเรียกคุณ ไม่รู้ว่าได้ยินหรือเปล่า

    ...อ๋อ แบคฮยอนเงยหน้าขึ้นพร้อมกับยิ้มแห้ง ๆ เขาเลือกที่จะไม่ตอบคำถามเพราะไม่รู้จะตอบว่ายังไง ได้ยินเสียงของชานยอลชัดเต็มสองหู แต่ขามันกลับพาวิ่งหนีออกมาถึงที่นี่ ชานยอลนั่งยอง ๆ ลงตรงหน้าคนตัวเล็กพลางมองไปยังลูกหมาที่กำลังปรือตามองพร้อมกับแลบลิ้นเมื่อถูกลูบหัว

    แม่เคยบอกผมว่าหมาเป็นสัตว์ที่ซื่อสัตย์กับมนุษย์มากที่สุด มันไม่เคยด่า ไม่เคยทำให้เสียใจ ซึ่งผมคิดว่ามันน่าจะจริง คุณถึงได้เลือกที่จะอยู่กับมันในเวลาที่รู้สึกไม่ดี ร่างสูงยิ้มบาง ๆ

    ที่ประชุมกันไว้ จงอินสั่งห้ามไม่ให้เข้าใกล้มันเกินห้าเมตรแต่ผมก็ยังแหกกฎ แบคฮยอนหัวเราะ คุณจะมาดุผมใช่ไหมล่ะ

    ...

    แต่ถ้าผมจะถูกมันกัดจริง ๆ ก็ไม่เป็นไรหรอก คุณก็แค่เล็งปืนมาตรงนี้ แล้วเหนี่ยวไก แบคฮยอนทำมือเป็นรูบปืนจ่อที่หน้าผากตัวเอง ร่างสูงลดสีหน้าลงเมื่อเห็นคนตัวเล็กเริ่มพูดจาออกนอกทะเลไปไกลจนไม่หลงเหลือบยอนแบคฮยอนคนเดิม

    คุณอยากเล่าให้ผมฟังไหมครับ?

    ...

    ชานยอลนั่งลงกับพื้นพร้อมกับดีดนิ้วเรียกเจ้าโกลเด้นที่นอนอยู่ให้เข้ามาหา ในทีแรกมันดูลังเลอยู่แต่สุดท้ายก็ลุกขึ้นไปนั่งอยู่ตรงหน้าร่างสูงพร้อมกับเอาคางเกยหน้าขาแกร่งเอาไว้ราวกับกำลังอ้อนขอความรักจากเจ้านาย แบคฮยอนมองภาพตรงหน้าแล้วก็นึกอิจฉาไม่น้อย

    ดูสิ ขนาดหมายังรักคุณเลย

    เพราะผมเป็นคนเดียวที่อยู่กับมันน่ะ ถ้าคุณมาเล่นกับมันบ่อย ๆ ผมเชื่อว่ามันต้องสนิทใจกับคุณเข้าสักวัน ชานยอลยิ้มพร้อมกับลูบหัวลูกหมา

    อาจจะไม่ก็ได้

    ...

    ไม่มีใครอยากเป็นเพื่อนผมหรอก แม้กระทั่งลูกหมาตัวนี้

    ...

    ผมเป็นตัวปัญหา ผมเบื่อตัวเองครับชานยอล แบคฮยอนมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเจ็บปวดหากแต่ไม่มีน้ำตาไหลออกมาสักหยด

    ผมไม่มีเพื่อนมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว คุณคิดว่าผมควรจะชินใช่ไหมล่ะ ใช่...แต่ทำไมผมถึงไม่ชินสักที? ผมเคยบอกตัวเองให้ชินตอนที่ยังมีพี่แบคโฮอยู่ข้าง ๆ อย่างน้อยเขาก็เป็นคนหนึ่งที่ไม่เคยทิ้งให้ผมอยู่ตามลำพัง

    ...

    คุณอาจจะคิดว่าแล้วยังไงล่ะ ผมมันก็แค่เด็กติดพี่ชายที่ไม่รู้จักโตเรียกร้องหาความรักอยู่ได้ ก็ใช่สิ...พวกคุณเคยได้รับในสิ่งที่ผมไม่เคยได้มาตลอดชีวิต พวกคุณเคยมีเพื่อนที่เคยหัวเราะ เคยใช้เวลาด้วยกัน เคยทำอะไรสนุกร่วมกันมาแล้ว ทุกคนถูกเติมเต็มทุกอย่าง แต่ผมไม่

    ชานยอลเงียบและปล่อยให้แบคฮยอนระบายออกมาจนหมด เขานั่งมองคนตรงหน้าที่กำลังพ่นความในใจออกมาราวกับอัดอั้นมานาน

    ผมไม่เคยมีความกล้าที่จะเข้าหาคนอื่น ทั้งที่อยากเป็นเพื่อนด้วย แต่สิ่งที่ผมได้รับกลับมาคือคำพูดถากถางและแววตารังเกียจ

    ...

    อยู่เฉย ๆ ก็ดูไร้ค่า พอจะยืนด้วยขาตัวเองก็ทำให้เพื่อนตายอีก ผมทำอะไรได้บ้างเหรอ? แค่ขยับตัวก็ผิดไปหมด

    ...

    ต่อไปนี้คุณไม่ต้องปกป้องผมแล้วล่ะ ไม่ต้องพะวงว่าผมจะอยู่ไหน ทำอะไร ว่าที่ ๆ ผมยืนอยู่มันอันตรายแค่ไหน ถ้าผมจะตายก็ให้ผมตายเพราะความโง่ของตัวเองหรือไม่ก็ตายอย่างมีค่าแทนคนอื่นก็ได้ ผมไม่อยากมีชีวิตแบบนี้อีกแล้ว

    ครับ

    ผมพูดอะไรออกไปนะ...ทั้งที่ยังไงซะคุณก็ไม่มีทางเข้าใจแบคฮยอนเสหน้าหันไปมองทางอื่น ไม่รู้ว่าจะพูดไปทำไม ในเมื่อพูดไปแล้วก็มีค่าเท่าเดิม ไม่มีใครเข้าใจถึงความพยายามของบยอนแบคฮยอน ไม่มีใครเข้าใจว่าเขารู้สึกยังไง

    ทำไมถึงคิดว่าผมไม่เข้าใจคุณ

    เพราะคุณไม่ได้ยืนอยู่จุดเดียวกับผมในตอนนี้ไง

    ...

    คุณกลับไปนอนห้องของคุณได้แล้วล่ะ ผมจะไม่งี่เง่าร้องขอให้คุณมาอยู่เป็นเพื่อนอีก ก็ให้มันรู้ไป...ว่าความมืดและความเงียบตอนกลางคืนมันจะฆ่าผมให้ตายได้ไหมประโยคตัดพ้อแบบนี้อาจทำให้หงุดหงิดได้ถ้าคนตรงหน้าบยอนแบคฮยอนไม่ใช่ปาร์คชานยอล ร่างสูงยังคงมองคนตัวเล็กที่ยังคงระบายความในใจออกมาโดยไม่มีการตอบโต้ใด ๆ

    ไม่ต้องปกป้องคนอย่างผมอีก ถ้าจะเกิดอะไรขึ้นกับผมก็ปล่อยให้มันเป็นไปเถอะ

    ถ้าจะเอาอย่างนั้นก็ได้ แต่ก่อนที่จะให้ผมปล่อย...คุณก็ต้องดูแลตัวเองให้ได้ก่อน

    ... แบคฮยอนค่อย ๆ หันมามองคนตรงหน้าที่กำลังจ้องเขาอยู่ ชานยอลลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วยื่นมือมาตรงหน้า ร่างเล็กได้มองมือแกร่งสลับกับใบหน้าอีกคนอย่างไม่เข้าใจ

    ลุกขึ้นมาสิ ผมจะพาคุณไปเรียนยิงปืนข้างนอก

     

     

     

     

     

     

     

     

    บนเรือจับปลาที่ได้ยินเพียงแค่เสียงน้ำกระทบฝั่งกับเสียงหมุนเบ็ดของชายหนุ่มเจ้าสำราญ ลู่หานมองสองพ่อลูกที่แต่งองค์ทรงเครื่องเวิ่นเว้อเหมือนกับทุกวันจนกลายเป็นเรื่องปกติ คนเป็นพ่อใส่เสื้อเชิร์ตลายดอกกับกางเกงขาสั้นพร้อมกับแว่นเรย์แบนและหมวกฟางแต่ทุกอย่างล้วนแต่เป็นของแบรนด์เนมทั้งนั้น ส่วนคนเป็นลูกนี่ไม่ต้องพูดถึง อย่างกับถอดรูปกันมาเป๊ะ ๆ

    อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ ผมกำลังหาของขวัญให้คุณเป็นการส่งท้ายอยู่นะ ร่างสูงพูดขณะที่ยังคาบไปป์ไว้ในปาก ซูโฮหันไปยิ้มให้กับชายหนุ่มที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่ตรงหัวเรือแล้วก็นึกขำเพราะลู่หานก็อยู่ในคอสตูมเดียวกับเขาทั้งคู่

    ของขวัญอะไร?

    ปลาไงครับ! ก็พี่ไม่อยากได้นาฬิกา ไม่อยากได้เสื้อผ้าแบรนด์เนม พ่อก็เลยพามาตกปลานี่ไง โอ๊ะ!! พ่อครับ ปลากินเบ็ดแล้ว!!” ซูโฮเบิกตาโพลงพร้อมกับรีบหมุนเบ็ด คนเป็นพ่อได้ยินอย่างนั้นก็รีบหันมาช่วยดึงจนกระทั่งปลาตัวใหญ่กว่าฝ่ามือลอยขึ้นพ้นผืนน้ำ

    โว้ว ไม่ธรรมดาเลยนะเนี่ย

    ฮ่า ๆ เห็นไหมล่ะว่าผมทำได้

    เสียงเยินยอของสองพ่อลูกดังเข้ามาในโสตประสาทไม่ได้ขาดช่วง ลู่หานเอนหลังนอนราบลงกับเรือแล้วหลับตาลง อากาศเย็นสบายชวนให้ง่วงเหงาหาวนอน พอลืมตาขึ้นสิ่งแรกที่เห็นก็คือท้องฟ้าสีเข้มกับก้อนเมฆสีขาวปนเทา

    ทั้งที่เพิ่งจะแดดออกเมื่อไม่นานนี้แท้ ๆ แต่ฝนก็ทำท่าจะตกลงมาอีกแล้ว ก็แน่ล่ะเพราะนี่ยังอยู่ในฤดูฝน แต่พอมองเห็นท้องฟ้าทีไรมันก็ทำให้เขานึกถึงคน ๆ หนึ่งทุกครั้ง ถึงแม้ว่าจะไม่บ่อยเท่ากับตอนที่คิดถึงแบคฮยอนก็เถอะ

    ถ้าพี่กลับไปถึงโรงเรียนแล้วจะทำยังไงต่อ พวกเขาคงคิดว่าพี่เป็นพวกผีดิบแน่ ๆ ซูโฮพูดพร้อมกับเหวี่ยงเบ็ดลงไปในน้ำอีกครั้ง

    เออ กลัวแม่งเอาขวานเฉาะหัวมาก

    ประเด็นสำคัญอยู่ที่ว่าคุณกลับไปถึงแล้วจะไปหาใครก่อนระหว่างคนที่ชอบกับคนที่ชอบมากกว่า

    เป็นอีกครั้งที่ชเวซีวอนต่อยหน้าเขาด้วยคำพูด ลู่หานหยัดตัวลุกขึ้นพร้อมกับนั่งชันขาขึ้นทั้งสองข้าง ร่างสูงหัวเราะในลำคอเบา ๆ เมื่อเห็นปฏิกิริยาของร่างโปร่ง

    หลายวันนี้รู้สึกว่าชเวซีวอนจะเอาเรื่องความรักของเขามากวนตีนอย่างหนัก ปกติหน้าหล่อ ๆ ของมันก็กวนส้นตีนอยู่แล้วยิ่งมีไปป์มาเป็นพร๊อบอีกยิ่งน่าหมั่นไส้เข้าไปใหญ่

    ก็ต้องไปหาคนที่ชอบมากกว่าอยู่แล้วสิครับ พ่อไม่น่าถามเลย

    อ่า...พ่อขอโทษครับลูก

    ...

     

     

     

    บางทีเขาก็ลืมนับไอ้เด็กซูโฮนี่เข้าไปอีกคน

     

     

     

    แต่ผมว่าคุณน่าจะลองดูสักตั้งนะลู่หาน

    หะ?

    สารภาพรักไปเลยสิ ต่อให้แบคฮยอนอาจจะมีใจให้พ่อหนุ่มม่ายขันหมากนั่นก็เถอะ แต่ในเมื่อความสัมพันธ์ของสองคนนั้นยังไม่คืบหน้า คุณก็ควรทำให้อีกฝ่ายไปไหนไม่ได้หลังจากรับรู้ถึงความรู้สึกของคุณแล้วสิ

    หมายความว่ายังไงที่บอกว่าทำให้อีกฝ่ายไปไหนไม่ได้หลังจากได้รับรู้ถึงความรู้สึกของผมแล้ว?

    ก็หมายความว่าถ้าคุณสารภาพรักไปเมื่อไหร่ แบคฮยอนก็จะไม่กล้าทำอะไรมากไปกว่านี้เพราะเกรงใจคุณ จะเข้าไปอยู่ใกล้ ๆ หนุ่มม่ายขันหมากก็ต้องคิดแล้วคิดอีกว่าคุณจะรู้สึกยังไง คุณชอบเขาอยู่นะ ทำแบบนั้นแล้วคุณจะเสียใจหรือเปล่า? ผมค่อนข้างที่จะมั่นใจว่าเขาต้องแคร์ความรู้สึกของคุณ ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาอาจจะ ไม่ได้คิดอะไรกับคุณเลยก็ตาม

     

     

     

    ประโยคหลังนี่เหมือนถูกหอกแทงกลางอก...

     

     

     

    ตรงไปไหมครับพ่อ

    อ้อมค้อมไปก็เท่านั้นลูก ความจริงมันเจ็บกว่านี้หลายเท่า ซีวอนหัวเราะ

    ...

    รักแท้แพ้ใกล้ชิดกับตื้อเท่านั้นที่ครองโลก สองประโยคนี้คุณควรลองเอาไปใช้สักอย่างนะ ทำให้มันชัดเจนดีกว่าอยู่กับความรู้สึกครึ่ง ๆ กลาง ๆ แบบนี้ ความรักก็เหมือนกับธุรกิจ มันต้องมีการลงทุน จะได้กำไรหรือขาดทุนมันอยู่ที่ว่าคุณกล้าที่จะเสี่ยงหรือเปล่า? ถ้าบอกไปแล้วสมหวังก็มีแต่ความสุขแต่ถ้าผิดหวังก็แค่อกหัก มันเป็นเรื่องธรรมชาติของความรักอยู่แล้ว

    เรื่องใกล้ชิดคงหมดหวังว่ะคุณ เดี๋ยวนี้หาจังหวะอยู่ด้วยกันสองต่อสองยากเหลือเกิน ลู่หานทำหน้าเนือย

    จะลงทุนก็ต้องมีการวางแผน ถึงมันจะดูชั่วไปสักนิด แต่คุณจะไม่สามารถหาเรื่องแยกเขาออกจากแบคฮยอนได้เลยหรือไง? ซีวอนพูดกลั้วหัวเราะ

    ...

    อย่างเช่น...หนุ่มม่ายขันหมากนั่นชื่ออะไรนะ?

    ชานยอล

    อ่า นั่นแหละ...อย่างเช่นหาเรื่องให้ชานยอลออกไปข้างนอก หรือไม่ก็ใช้สูตรโง่ ๆ ว่ามีคนเรียกให้ไปหา แค่นั้นเขาก็แยกจากแบคฮยอนได้แล้ว แผนชั่วที่มาจากคนชั่ว ๆ ทำให้ลู่หานเก็บเรื่องนี้มาคิดเป็นจริงเป็นจัง

    ถึงรู้ว่ามันเป็นวิธีสกปรกแต่มันก็ถูกอย่างที่ซีวอนพูดว่าเขาควรจะทำอะไรสักอย่างดีกว่าปล่อยให้เรื่องมันผ่านไปแบบนี้เฉย ๆ โดยที่ไม่ได้ลงมือทำอะไรเลย

    คุณมีเมียมาแล้วกี่คน

    โอ้...เล่นถามแบบนี้ต่อหน้าลูกผมเลยเหรอ... ซีวอนลดสีหน้าลงก่อนจะหันไปมองลูกชายที่กำลังหรี่ตามองจับผิด

    พ่อครับ...

    ใส่หูฟังไว้ลูก ซีวอนยื่นหูฟังให้แต่กลับถูกลูกชายปัดจนตกลงบนเรือ

    พ่อจะพกมันไว้ทำไมเนี่ย! เห็น ๆ อยู่ว่ามันแบตหมดเป็นชาติแล้ว!” ซูโฮขมวดคิ้วมองซีวอนอย่างหัวเสีย

    ให้ตายเถอะ! พ่อเคยตัวไปแล้วว่าต้องโทรติดต่องานกับบริษัทอื่น บ้าเอ๊ย! ไอ้มือถือเฮงซวย!” ซีวอนปามือถือราคาแพงไปกลางทะเลจนได้ยินเสียงดังจ๋อม ซูโฮยังคงหรี่ตามองคนเป็นพ่อที่ดูยังไงก็รู้ว่ากำลังพยายามแถไปเรื่องอื่น

    แต่ไม่ว่าจะยังไงผมก็เชียร์ให้คุณบอกรักแบคฮยอนนะ เราไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคตจะตายวันตายพรุ่ง อย่างตอนที่คุณเจ็บหนักถ้าผมไม่ไปเจอคุณก็คงเป็นผีเฝ้าตรอกนั่นไปแล้วและคงไม่มีโอกาสได้กลับไปสารภาพรักกับเขาหรอก

    ท่าทางคุณจะเชียร์ผมเหลือเกินนะซีวอน

    ผมก็เชียร์นะ แต่เชียร์มินซอก ซูโฮพูดแล้วชายหนุ่มอีกสองคนก็หันไปมองเด็กที่อายุน้อยสุดพร้อมกันจากที่ฟังพี่เล่า...แบคฮยอนยังมีคนอื่นคอยดูแลแต่มินซอกไม่มีใครเลย ไหนจะใช้เวลาทั้งวันอยู่บนดาดฟ้าอีก ไม่เบื่อไม่เหงาให้มันรู้ไปสิ

    ...

    ถ้าพี่จะเลือกแบคฮยอน พี่ต้องปล่อยมินซอกนะ เขาน่าสงสารอ่ะ

    ซูโฮอย่าไปกดดันพี่เขาแบบนั้นสิลูก เพราะถ้าลู่หานจะควบสองจริง ๆ มันจะเป็นกำไรในชีวิตเลยนะ

    เหมือนที่พ่อทำใช่ไหมครับ -_-”

    คนเราควรจะรักเดียวใจเดียวถึงจะดีที่สุดอย่างที่ลูกว่านั่นแหละ ซีวอนพูดหน้านิ่งแล้วหันกลับไปคาบไปป์ต่อ ลู่หานนั่งใช้ความคิดแล้วก็ถอนหายใจออกมาอีกครั้ง ทำไมเขาถึงรู้สึกกลัวกับการกลับไปครั้งนี้นะ?

    ทั้งที่คิดไว้แล้วว่าจะกลับไปหาแบคฮยอน แต่พอนึกถึงมินซอกแล้วก็รู้สึกผิด จริงอยู่ที่มินซอกอาจจะไม่ได้ชอบเขา แต่สิ่งที่กวนใจผู้ชายที่ชื่อลู่หานมาจนถึงทุกวันนี้ก็คือรสจูบครั้งนั้นที่เกิดขึ้นเพราะความงี่เง่าของเขาเอง

     

     

     

    ยังไงก็ต้องไปขอโทษ...

     

     

     

    แค่เอาชีวิตรอดไปวัน ๆ มันคงไม่พอจริง ๆ สินะ ลู่หานพึมพำก่อนจะหลับตาลง ทั้งที่ก่อนหน้านี้แค่คิดว่าจะต้องทำยังไงถึงจะผ่านวัน ๆ นึงไปได้ จะทำยังไงถึงจะมีอาหารกินในมื้อถัดไปเท่านั้นแท้ ๆ

     

     

     

    ตั้งแต่เริ่มมีความรัก อะไร ๆ ก็ดูยุ่งยากไปหมด...

     

     

     

    พวกคุณไม่ต้องมานั่งตกปลาให้เสียเวลาก็ได้นะ แค่ไปส่งผมตรงทางเข้าโรงเรียนก็พอ

    โธ่...ผมก็อยากให้อะไรคุณติดไม้ติดมือไปบ้าง อีกอย่าง...พระเจ้าได้ผลักเราให้มาเจอกันทั้งที จะจากไปแบบไร้เยื่อใยเลยก็ยังไงอยู่ ผมว่าเราควรจะใช้เวลาด้วยกันให้คุ้มค่าจวบจนกระทั่งวินาทีสุดท้ายนะ ซีวอนพูด ลู่หานแค่นหัวเราะแล้วมองปลาในถังน้ำที่ตกมาได้เกือบครึ่งแล้ว

    จะเอาไปต้ม ไปย่าง เอาไปทำอะไรก็อร่อยทั้งนั้น แต่ทานปลาดิบก็ดีต่อสุขภาพนะครับซูโฮพูดเสริม

    พวกคุณน่าจะเก็บไว้กินเอง การหาอาหารในตอนนี้เป็นเรื่องลำบากพวกคุณก็รู้ดี พอมานึกดูแล้วสองคนนี้จัดว่าเป็นคนดีในระดับหนึ่งถ้าไม่ติดว่าชอบทำตัวบ้าบิ่นไปในบางครั้ง จะมีสักกี่คนที่คิดจะช่วยคนที่กำลังลำบากในสภาวะแบบนั้น ไหนจะดูแล หาข้าวหาน้ำให้กินอีก

    ลืมคติประจำใจของเราสองคนไปแล้วเหรอ? ซีวอนพูดทั้งที่สายตายังคงทอดมองไปยังทะเลกว้างก่อนจะหันมายิ้มให้คนที่นั่งอยู่ตรงหัวเรือว่าเรื่องหิวมันเป็นเรื่องของอนาคต

    ...

    จากที่ฟังพี่คงลำบากกว่าเราเยอะเพราะต้องหาของกินของใช้ไปให้นักเรียนตั้งห้าสิบกว่าคน ปลาในถังนี่ก็ใช่ว่าจะพอกิน แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้กินอะไรเลยล่ะนะ ซูโฮยิ้ม

    หลังจากที่เราแยกกันแล้วพวกคุณจะไปไหนกันต่อเหรอซีวอน?

    อาจจะชมวิวอยู่แถวนี้อีกสักอาทิตย์แล้วค่อยกลับบ้านที่โซล ป่านนี้แม่บ้านคงอู้ไม่ยอมปัดกวาดทำความสะอาดจนบ้านผมมีแต่เศษฝุ่นกับหยากไย่เต็มไปหมดแล้ว ร่างสูงหัวเราะ

    คุณคงรวยมาก

    ไม่หรอกครับ ก็พอมีอยู่มีกินไปวัน ๆ ซูโฮหันมาตอบ

    ไว้ถ้าโลกกลับไปเป็นเหมือนเดิมเมื่อไหร่ ผมจะไปปล้นบ้านคุณหลังแรก เขียนที่อยู่ไว้ให้ด้วยนะ

    รีบมาล่ะ แล้วจะเปิดประตูรอพร้อมปูพรมแดงให้ ทั้งสามคนหัวเราะเบา ๆ แม้ว่าจะไม่หันมามองหน้ากันเลย

    ช่วงเวลาครึ่งเดือนที่อยู่กับสองพ่อลูกคู่นี้มันทำให้ผู้ชายที่ชื่อลู่หานคิดอะไรได้มากมาย ทั้งเรื่องการใช้ชีวิต มุมมองความคิดเห็นของคนอื่นไปจนถึงเรื่องความรัก เขาเคยคิดมาตลอดว่าชีวิตมันคงไม่มีอะไรมากมายนัก แค่ใช้เวลาให้ผ่านไปวัน ๆ ก็คงจบ จนกระทั่งที่คนอย่างเขาได้รู้จักกับคำว่าความรัก มิตรภาพ ความตาย การลาจากและความคิดถึง

     

     


     

    แค่นั้นแหละ...ที่ทำให้คำว่าชีวิตมันมีความหมายมากขึ้น

     

     


     

     


     

     

    รถยนต์คันสีดำจอดลงตรงช่องจอดรถในสวนสาธารณะร้างที่อยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนสักเท่าไหร่ กว่าจะออกมาได้ต้องปล่อยให้จงอินยืนบ่นจนหูแทบชาไปข้างจนกระทั่งชานยอลออกปากรับผิดชอบนั่นแหละจงอินถึงได้ยอม

    แบคฮยอนปลดเข็มขัดนิรภัยในขณะที่ชานยอลเดินไปเปิดท้ายรถพร้อมกับเลือกปืนที่เหมาะสมกับคนตัวเล็ก แบคฮยอนเดินลงมาพร้อมกับกวาดสายตาไปรอบ ๆ แล้วก็เห็นตัวกินคนเดินอยู่ในสวนประปราย พวกมันไม่ได้อยู่กันเป็นฝูงจนน่ากลัว

    หมายถึงในระยะสายตาที่เขามองเห็นน่ะนะ...

    มันน่าจะเหมาะกับคุณ ร่างสูงวางปืนพกลงจนมือเล็กแทบทรุดเพราะความหนักของมัน ชานยอลหัวเราะเบา ๆ กับท่าทางของคนตรงหน้า

    ทำไมมันหนักกว่าอันที่ผมเคยลองในโรงเรียนล่ะ แบคฮยอนถามพร้อมกับทดลองตั้งท่าเล็งเป้าไปข้างหน้า

    ความหนักของปืนจะทำให้ทรงตัวได้ดียิ่งขึ้นนะ

    เหมือนกับยกเวทเลย

    หืม? คุณเคยด้วยเหรอ?

    ของพี่แบคโฮน่ะ ผมเคยลองเล่นตามเขาอยู่ครั้งนึง โหมยกไปกี่ครั้งก็ไม่รู้ ตื่นขึ้นมาแล้วปวดแขนมากเลยล่ะชานยอลยิ้มขำขณะที่แบคฮยอนยังคงพยายามตั้งท่าเล็งปืนในท่าที่เหมาะสม

    คุณลุงแก่ ๆ ที่ยืนอยู่ตรงนั้นท่าทางจะเดินช้ากว่าตัวอื่น ผมว่าเราเริ่มต้นจากเขาน่าจะดี ชานยอลชี้ไปยังตัวกินคนชายแก่ที่เดินอืดอาดอยู่ทางด้านซ้ายมือ แบคฮยอนเม้มปากแน่นพร้อมกับพยักหน้าหลังจากทำใจตั้งแต่ขึ้นมาบนรถแล้ว

    ทั้งคู่เดินไปอย่างเงียบเชียบ ข้างซ้ายมีต้นไม้กับหญ้าสีเขียวและเศษใบไม้แห้งที่ร่วงลงมาเต็มไปหมดและม้านั่งไม้สีเข้มที่มีแต่เศษฝุ่นเกรอะกรัง ส่วนทางด้านขวาคือแม้น้ำที่กว้างขวางไปเกือบสุดลูกหูลูกตาพร้อมกับเรือถีบที่ลอยออกจากฝั่ง

    พร้อมหรือยังครับ?

    อื้อ แบคฮยอนพยักหน้าแล้วเล็งปืนไปยังผีดิบชายแก่คนนั้น คนตัวเล็กเบิกตากว้างเมื่อได้ยินเสียงชานยอลผิวปากเรียกความสนใจให้มันหันมาทางนี้ ใบหน้าเละกับริมฝีปากปากที่เหวอะกว้างนั่นทำให้แบคฮยอนตกใจจนไม่กล้าเหนี่ยวไก

    มีสติหน่อย ร่างสูงพูดเสียงเรียบขณะยืนขนาบข้างคนตัวเล็ก ตัวกินคนที่เดินอืดอาด เซซ้ายเซขวากำลังร้องโหยหวนมาทางนี้ ชานยอลหลุบสายตามองมือเล็กที่กำลังสั่นเทาแล้วก็ต้องเตือนสติอีกครั้ง

    แบคฮยอน ถ้าคุณไม่ยิงตอนนี้ตัวกินคนที่อยู่ข้างหลังอีกสามตัวมันจะเข้ามากัดผม ร่างสูงโน้มใบหน้าลงไปกระซิบข้างหูอีกคนเบา ๆ จนกระทั่งเจ้าตัวเหนี่ยวไกปืน

     

     

     

    ปัง! ปัง!

     

     

     

    ริมฝีปากหยักยิ้มพอใจเมื่อตัวกินคนทรุดลงไปกับพื้นซีเมนต์ที่ก่อนหน้านี้เคยมีเอาไว้เป็นทางสำหรับจักรยาน แม้ว่าแบคฮยอนจะเล็งพลาดไปในครั้งแรกแต่ครั้งที่สองเขาก็ยิงเข้ากลางหน้าผากมันพอดี

    คุณทำดีแล้ว ต่อไปให้มีสติมากกว่านี้เพราะพวกมันไม่ได้มีกันแค่ตัวเดียว มันอยู่ทั้งข้างหน้า ข้างหลัง และกำลังจะกัดเพื่อนของคุณ

    ครับ... แบคฮยอนหายใจเข้าลึก ๆ ตั้งใจฟังคำบอกสอนของร่างสูง ถ้าตัวกินคนเพียงแค่ตัวเดียวเขายังกลัวแบบนี้ อนาคตคงปกป้องใครไม่ได้แน่

    คุณเคยสู้กับพวกมันมาแล้วนี่ แถมออกไปตัวคนเดียวด้วย ชานยอลยิ้มให้กำลังใจแบคฮยอนขณะเดินไปข้างหน้าด้วยกัน พอได้ยินแล้วก็นึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้นที่เขาสติแตกวิ่งออกไปข้างนอกเพื่อตามหาหมอสักคนให้มาช่วยแบคโฮอย่างไร้ความหวัง

    คุณลุงคนเมื่อกี้แค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น คุณรู้ใช่ไหมว่าพวกมันมีหลายประเภท ทั้งเดินช้าอืดอาดและเร็วมากเหมือนนักวิ่งทีมชาติ

    ครับ ผมรู้ แบคฮยอนพยักหน้าแล้วทั้งคู่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นตัวกินคนสามตัวเดินออกมาจากพุ่มไม้ในสวน ชานยอลควักปืนขึ้นมาแต่ยังไม่ทันเล็งเป้าก็ต้องค้างอยู่ท่านั้นเมื่อเห็นแบคฮยอนเดินไปข้างหน้าสองก้าวพร้อมกับเล็งไปยังตัวกินคนที่กำลังเดินมาทางนี้ด้วยระดับความเร็วปกติ

     

     

     

    ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง!

     

     

     

    ไม่รู้กี่นัดที่แบคฮยอนรัวเหนี่ยวไกออกไปแต่นั่นก็แสดงให้เห็นได้ว่าคนตัวเล็กใจไม่นิ่งพออย่างที่เขาได้เตือนไปก่อนหน้านี้ ชานยอลหันไปมองระวังหลังให้พอหันกลับมาอีกทีพวกมันก็ตายหมดแล้วในระยะที่ใกล้พอสมควร

    คุณคงอยากบอกให้ผมใจเย็นมากกว่านี้

    ใช่ เพราะถ้ามันมากันเยอะคุณคงเปลี่ยนแม็กกาซีนไม่ทัน

    ...  แบคฮยอนรู้สึกท้อกับความสามารถของเขาและเอาแต่ก่นด่าความโง่เง่าของตัวเองที่สอนเท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้จักจำ

    แบคฮยอน ข้างหน้าคุณ

    คนตัวเล็กเบิกตากว้างเมื่อเห็นตัวกินคนวิ่งมาด้วยความเร็วสูง ชานยอลควักปืนออกมาปลดเซฟตี้เตรียมพร้อมในสถานการณ์ฉุกเฉิน แบคฮยอนมือสั่นเพราะทำอะไรไม่ถูกเพราะมันวิ่งเข้ามาใกล้ทุกที

    อีกสามร้อยเมตรมันจะเข้ามาถึงตัวคุณแล้วแบคฮยอน

     

     

     

    ปัง!!

     

     

     

    ...!!!”

    คนตัวเล็กหลับตาลงหลังจากเหนี่ยวไกไปแล้วครั้งหนึ่งแต่ก็ทำได้แค่ให้มันหยุดชะงักเท่านั้นเพราะกระสุนเข้าไปตรงกลางอกข้างขวาของมัน แบคฮยอนเลิกลั่กทำตัวไม่ถูกแล้วยิงออกไปอีกนัดแต่ก็พลาดอีก ร่างเล็กยิงไม่ยั้งแต่ก็ไม่เข้ากลางหัวเป้าหมายสักทีเพราะความกดดันทุกอย่างกำลังขับไล่สมาธิที่เคยมีอยู่น้อยนิดให้เลือนหายไปหมดสิ้น

     

     

     

    แกร่ก ๆ แกร่ก ๆ

     

     

     

     

    เสียงเหนี่ยวไกไม่ออกเป็นเชิงบอกให้คนตัวเล็กรีบคว้าแม็กกาซีนอันใหม่ขึ้นมาเปลี่ยนให้เร็วที่สุด แบคฮยอนลนลานล้วงกระเป๋ากางเกงหาแม็กกาซีนสำรองขึ้นมาใส่ทั้งที่มือยังคงสั่นไม่หยุดพร้อมกับเงยหน้ามองตัวกินคนที่กำลังวิ่งมาเป็นระยะ

    ชานยอล...

    อีกสองร้อยเมตร

    “!!!”

    ตอนนี้เซฮุนกับอี้ฟานกำลังจะถูกกัด ถ้าคุณยังยิงไม่โดนแบบนี้พวกเขาจะต้องตาย

    ...

    รวมถึงตัวผมด้วย

     

     

     

    ปัง!!!

     

     

     

    อึ่ก...!!!”

    ร่างผีดิบร่วงลงไปกับพื้นในระยะเกือบเข้ามาถึงตัวเขา แบคฮยอนใจหายวูบเมื่อความตายเข้ามาใกล้จมูกแค่นี้ คนตัวเล็กลดปืนลงก่อนจะหันไปมองคนข้าง ๆ ที่วางมือลงบนไหล่เขา แบคฮยอนเบี่ยงตัวหลบแล้วเดินกลับทั้งที่ไม่พูดอะไรทั้งนั้น

    แบคฮยอน

    ...

    แบคฮยอน!” ร่างสูงคว้าข้อมืออีกฝ่ายเอาไว้ให้หันกลับมามองหน้ากัน คนตัวเล็กพยายามสะบัดออกแต่ก็ไม่เป็นผล

    คุณไม่ได้สนใจเลยใช่ไหมว่าผมอาจจะถูกกัด แบคฮยอนยังคงดันทุรังแกะมือแกร่งออกหากแต่คนตัวสูงกลับยืนมองเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉย

    มันคือความตั้งใจของคุณไม่ใช่เหรอ?

    ...

    ในเมื่อตั้งใจยืนด้วยขาของตัวเอง คุณจะหวังพึ่งคนอื่นไม่ได้หรอกนะ เพราะในสถานการณ์จริงมันคงไม่ได้มากันทีละตัวสองตัวแบบนี้ คุณต้องมีสติให้มากเพื่อกำจัดพวกมันที่กำลังจะเข้ามาหาคุณและเพื่อนของคุณด้วย

    ...

    พอถึงตอนนั้นคุณจะหันไปคาดโทษเพื่อนของคุณแบบนี้ทั้งที่เขากำลังแย่เหมือนกันอย่างนั้นเหรอ? คำพูดของปาร์คชานยอลทำให้รู้สึกผิดขึ้นมาเพียงเพราะความเอาแต่ใจของเขา แบคฮยอนค่อย ๆ ผ่อนแรงลงและปล่อยให้อีกคนจับข้อมือไว้โดยที่ไม่มีการขัดขืนอะไรอีก

    นั่นสินะ...ทั้งที่ตั้งใจลองฮึดสู้สักครั้งแท้ ๆ แต่พอเอาเข้าจริง ๆ เขาก็ยังหวังให้คนอื่นยื่นมือเข้ามาช่วยอยู่ดี

    ถ้าคุณจะโกรธ ผมก็ไม่ว่าอะไร ร่างสูงยิ้มซึ่งดูแล้วมันต่างไปจากทุกครั้ง แบคฮยอนยังคงยืนอยู่ที่เดิมในขณะที่ชานยอลเดินกลับไปแล้ว ร่างเล็กเม้มริมฝีปากแน่นแล้วปาดน้ำตาออกลวก ๆ เขานี่มันเหลือทนจริง ๆ ที่ผิดหวังกับตัวเองก็ว่าแย่พอแล้วยังมีหน้าไปพาลชานยอลแบบนั้นอีก...

    แบคฮยอนรีบวิ่งตามหลังร่างสูงที่เดินทิ้งห่างไปไกลพอสมควร แต่พอไปถึงก็ต้องหยุดกระทันหันเมื่อเห็นตัวกินคนสามตัวนอนอยู่บนพื้นซึ่งดูการแต่งตัวแล้วคนหนึ่งคงเป็นเจ้าบ่าวและอีกคนน่าจะเป็นช่างภาพเพราะเห็นมีซากขาตั้งกล้องกับฉากที่อยู่ทางด้านหลัง ดูเหมือนว่าเมื่อก่อนจะมีการถ่ายรูปพรีเวดดิ้งกันตรงนั้น

    แต่ที่ทำให้ต้องตกใจก็คือร่างสูงที่กำลังเล็งปืนไปตรงหน้าและมีตัวกินคนในชุดเจ้าสาวโชกเลือดกำลังเดินเข้าไปหา แบคฮยอนมองทั้งคู่สลับกันไปมาหากแต่ปาร์คชานยอลกลับยืนนั่งราวกับเวลาหยุดหมุน สีหน้าของชายหนุ่มเต็มไปด้วยความเจ็บปวดกับภาพที่เห็นนั่นพอจะทำให้เขาจับต้นชนปลายได้ถูก

    ช...ชานยอล!!!”

    เด็กหนุ่มตะโกนเรียกสติอีกฝ่ายก่อนจะหันกลับไปยิงตัวกินคนที่วิ่งมาหาเขาจากทางด้านซ้ายให้ตายภายในสามนัด แบคฮยอนหันไปมองร่างสูงอีกครั้งแล้วก็คิดว่ามันคงไม่ดีแน่ถ้าจะปล่อยให้ชานยอลเป็นคนลงมือยิงเธอเอง

    สุดท้ายแบคฮยอนก็เล็งปืนไปยังเป้าหมายแล้วเหนียวไก ร่างผีดิบสาวเซล้มลงไปกับพื้นหญ้าพร้อมกับกระโปรงบานสีขาวที่สยายออก ชานยอลยังคงค้างอยู่ในท่านั้นแม้ว่าสายตาของเขายังคงจดจ้องไปยังร่างไร้วิญญาณของเธอ

    ...

    ...

    ไม่มีบทสนทนาใด ๆ เกิดขึ้นระหว่างเขาทั้งคู่ ชานยอลกำลังช็อกกับภาพตรงหน้าจนไม่สามารถเรียกสติตัวเองกลับมาได้ในตอนนี้

    คุณเพิ่งบอกให้ผมมีสติ...

    ...

    ภาพของอีโฮจองซ้อนทับขึ้นมาทำให้หัวใจของเขาเจ็บปวดอีกครั้ง ปาร์คชานยอลไม่มีคำพูดดี ๆ ที่จะอธิบายให้บยอนแบคฮยอนฟังได้เลย ทั้งที่คิดว่าความเจ็บปวดมันจะเลือนหายไปตามกาลเวลา และเหลือไว้เพียงความทรงจำดี ๆ ให้คิดถึง

    ทั้งที่ผมสอนคุณซะดิบดี แต่พอถึงคราวตัวเองกลับทำอะไรไม่ได้

    ...

    ผมขอโทษนะ

    ร่างสูงพูดทั้งที่ไม่หันกลับมามองหน้าใครอีกคน เขาเดินออกไปจากตรงนั้นโดยที่ไม่พูดอะไรอีก นัยน์ตาเรียวสั่นคลอนก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าเมื่อรู้สึกว่าน้ำตามันกำลังจะไหลออกมา

     

     

    แค่นี้เองบยอนแบคฮยอน...

    จะร้องไห้ทำไมน่ะ?

     

     

    ก็แค่ยิงปืนโง่ ๆ ...ก็แค่เกือบตายเพราะความปอดแหกของตัวเอง...

    ก็แค่นั้นเอง...จะร้องไห้ทำไม...

     

     

    หรือว่าที่อยากร้องไห้...

    เพราะรู้ว่าปาร์คชานยอลยังคงคิดถึงอีโฮจองอยู่อย่างนั้นเหรอ?

     

     

     

     

     

     


     

    ขอบคุณมาก ลู่หานยิ้มให้กับผู้ชายสองคนที่จอดรถอยู่ห่างโรงเรียนไปแค่ร้อยเมตร ร่างสูงยักคิ้วให้พร้อมกับโบกมือลา

    ถ้าโชคดีคงได้เจอกันอีก อย่าไปวิ่งลงท่อที่ไหนอีกล่ะ ซีวอนกอดคอซูโฮที่ยืนทำหน้าหงอยอยู่ข้าง ๆ

    บอกลูกชายคุณอย่าเที่ยวเอาปืนปลอมไปขู่ใครอีกนะ ร่างโปร่งหัวเราะแล้วโบกมือลาขณะมือข้างขวาถือถุงพลาสติกที่ห่อไว้สามชั้นเพื่อกันกลิ่นเหม็นคาวของปลา

    พี่ครับ!! สู้ ๆ นะ!!!” ซูโฮตะโกนบอกลู่หานแล้วทำหน้าเหมือนคนจะร้องไห้ พอถึงเวลาต้องจากกันจริง ๆ แล้วก็เหงาอย่างบอกไม่ถูก

    ลู่หานยิ้มกว้างแล้วเอี้ยวตัวหันหลังกลับ อีกไม่กี่เมตรก็จะถึงประตูทางเข้าโรงเรียนแล้ว อีกแค่นิดเดียวเท่านั้นที่เขาจะได้สัมผัสกับคำว่าความสุขอีกครั้ง แค่นึกถึงสีหน้าของแต่ละคนตอนที่ได้เจอเขาแล้วก็หุบยิ้มไม่ได้ เขาเพิ่งรู้วันนี้นี่เองว่าชีวิตมันมีค่ามากแค่ไหน

    โยนถุงปลาข้ามรั้วแล้วปีนขึ้นไปอย่างง่ายดายแต่พอกระโดดลงพื้นเท่านั้นก็ต้องหยุดอยู่กับที่เมื่อได้ยินเสียงตะโกนมาทางนี้

    นั่นใครน่ะ?!!”

    ...

    ฉันถามว่าใคร?!!”

    ...

    หูแตกไงวะ?!”

    ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายแบบนี้ต่อให้ไม่เห็นหน้าเขาก็พอจะรู้ว่าใครเป็นเจ้าของเสียง ลู่หานค่อย ๆ ยกมือขึ้นเหนือศีรษะทั้งที่ยังหันหลังให้อีกฝ่าย

    ถามทำไมไม่ตอบ แล้วยกมือขึ้นหาพ่อ?

    ลู่หานกลั้นหัวเราะจนตัวสั่น เขาลุกขึ้นยืนอย่างช้า ๆ ก่อนจะเดินถอยหลังเข้าหาอีกฝ่ายทีละก้าว

    ใครสั่งให้มึงเดินเข้ามา หยุดอยู่ตรงนั้นเลยนะถ้าไม่อยากสมองกระจุย

    ลู่หานหัวเราะแล้วค่อย ๆ หันหน้าเข้าหาแล้วก็พบว่าจงอินกำลังเล็งปืนมาที่เขาด้วยสีหน้าตกใจสุดขีดและคิดว่าถ้ามันช็อกได้คงช็อกไปแล้ว

    ...

     

     

     

    อยากรู้ไหมว่าหวยงวดนี้ออกอะไร?

     

     

     

    ...

    ลู่หานหัวเราะซึ่งผิดกับอีกคนที่ค่อย ๆ ลดปืนลงทั้งที่สีหน้ายังคงไม่ต่างไปจากทีแรก จงอินเสยผมขึ้นขณะที่จ้องมองไปยังร่างโปร่งที่ยืนยิ้มอยู่ตรงนั้น จมูกของเขาแดงระเรื่อเหมือนคนจะร้องไห้แล้วก็เข้าไปกอดลู่หานในทันทีที่เรียกสติกลับมาได้

    เหี้ยเอ๊ย!!!”

    เห้ย ขนลุก ออกไปห่าง ๆ เลยสัด!” ลู่หานยังคงหัวเราะแม้ว่าปากของเขาจะก่นด่าคนตัวสูงกว่าที่กำลังจะทำให้เขาขาดอากาศหายใจตายเดี๋ยวนี้  ร่างของทั้งคู่ล้มกลิ้งลงไปกับผืนหญ้าซึ่งนักเรียนที่อยู่ระแวกนั้นต่างก็ตกใจไม่แพ้จงอินที่ได้เห็นลู่หานตัวเป็น ๆ

    เซฮุนกับอี้ฟานที่เพิ่งเดินลงมาจากตึกถึงกับต้องเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ อย่างไม่เชื่อสายตาจนกระทั่งจงอินล็อคคอลู่หานให้ลุกขึ้นมาด้วยกัน

    ว่าไงอี้ฟาน เซฮุน

    ให้ตายสิ อี้ฟานยิ้มก่อนจะเข้าไปกอดต้อนรับการกลับมาของลู่หาน มือเรียวตบแผ่นหลังกว้างปุ ๆ แล้วผละออกมากอดเซฮุนต่อ

    คุณผอมลงนะ

    นายก็เหมือนกันแหละน่า เอวคอดแค่นี้วัน ๆ กินอะไรบ้างป่ะเนี่ย? ลู่หานผละตัวออกจากคนตรงหน้าก่อนจะหันไปหาจงอินกับอี้ฟานที่ยังคงยืนยิ้มอยู่ตรงนั้น

    เห็นทีว่าคงต้องเอาป้ายหลุมศพออกแล้วล่ะครับจงอิน พอเห็นเซฮุนหัวเราะแล้วเจ้าตัวถึงได้นึกออกว่าก่อนหน้านี้เขาได้ขุดหลุมศพไว้

    เออว่ะ

    หลุมอะไรวะ? ลู่หานขมวดคิ้วก่อนที่จะหันไปมองตามนิ้วเรียวของเซฮุนที่ชี้ไปยังสนามหญ้า

    ...

    กูคิดว่ามึงตายห่าแล้วก็เลยขุดหลุมให้น่ะ วิญญาณมึงจะได้มีที่สิงสถิต

    ก็แย่ละ ลู่หานพึมพำเบา ๆ ก่อนจะหันไปมองเพื่อนสนิทที่ยืนทำหน้ากวนตีนอยู่ห่างแค่หนึ่งช่วงแขน สัด!!!!”

    ฮ่า ๆ ๆ

    ลู่หานวิ่งไล่เตะจงอินไปทั่วสนามท่ามกลางความมึนงงของนักเรียนหลายคน อี้ฟานกับเซฮุนได้แต่ยืนหัวเราะกับคนสองคนที่ทำตัวเป็นเด็กจนกระทั่งลู่หานเหนื่อยไปก่อน

    พอเหอะ ขากูเพิ่งหายเจ็บ

    เออ ว่าแต่มึงรอดมาได้ยังไงวะ ตอนนั้นกูไปตามหามึง เจอแต่คาตาน่าบวกสิบกับทางตัน

    สวมวิญญาณหนูไงครับ มุดลงท่อ นาทีชีวิตชิบหาย ลู่หานบ่นอุบอิบแล้วเดินไปเอาถุงปลามาวางไว้ตรงหน้าชายหนุ่มทั้งสามเอ็นข้อเท้ากูฉีก พอหนีออกมาจากท่อได้ก็มีคนช่วยกูไว้

    ถือว่าเป็นโชคของคุณนะที่ได้เจอคนดี ๆ ช่วยเอาไว้ อี้ฟานพูด

    แล้วมึงหอบอะไรมามาเยอะแยะ เดี๋ยวนี้หัดเก็บขวดขายเหรอ

    ขวดใส่เบ้าพ่อมึงไงครับ ปลาพอ

    ปลา? มันกินได้เหรอวะ? จงอินถามก่อนจะก้มลงแกะดูปลาในถุง

    ทำไมจะกินไม่ได้ ถามอะไรโง่ ๆ อีกแล้ว ละนั่นหลุมห่าอะไรเยอะแยะ ถ้าตอบว่าขุดหลุมเผื่อกูชาติหน้านี่มีถีบอ่ะ ลู่หานมองหลุมศพที่เรียงกันเป็นทางยาวแล้วทุกคนก็หุบยิ้ม

    มันเกิดเรื่องแย่ ๆ ขึ้นตอนที่คุณไม่อยู่น่ะ เซฮุนพูด

    เออ...แล้วเกิดอะไรขึ้นล่ะ

    ไว้เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟังนะ ว่าแต่คนที่ช่วยคุณน่ะเขาไม่มาด้วยเหรอ? อี้ฟานถามพลางมองออกไปยังนอกประตูทางเข้าหลังโรงเรียน

    ไม่อ่ะ เขาแค่แวะมาส่งเฉย ๆ เขามีกันสองคนพ่อลูก เป็นคนดีมากแต่ติสม์แตกชิบหาย ให้เล่าวันนี้คงไม่หมดหรอก ว่าแต่แบคฮยอนอยู่ไหนวะ?จะหาว่าเหี้ยก็ได้ที่ไม่ถามหาชานยอลด้วยแต่นาทีนี้ขอเห็นหน้าเด็กนั่นให้ชื่นใจทีเถอะ จงอินกับเซฮุนหันมามองหน้ากันอย่างไม่ได้นัดหมายแล้วรอยยิ้มบนใบหน้าก็จางหายไป

    ในห้องป่ะ?

    เปล่า จงอินตอบแล้วก็ต้องอ้าปากหวอเมื่อถูกร่างบางหยิกแขนเข้าให้อะไรเล่า!”

    งั้นอยู่ไหน ลานอเนกใช่ไหม?

    ...

    ...

    ...

    ดูเหมือนว่าตอนนี้จะเป็นอี้ฟานคนเดียวที่เก็บอาการได้ดีที่สุด จงอินยืนสงบนิ่งในขณะที่เซฮุนยังคงมองคาดโทษเขาอยู่ ลู่หานมองทั้งสามคนที่ทำตัวมีพิรุธแล้วก็ตัดสินใจเดินไปที่ลานอเนกประสงค์เพื่อตามหาแบคฮยอน

    ไปห้ามดีไหมวะ?

    ไม่ต้องหรอกมั้ง แค่ชานยอลอยู่กับแบคฮยอนคงไม่มีอะไรหรอก อี้ฟานพูดอย่างไม่ยี่หระตามประสาคนไม่รู้เรื่อง แต่คนที่รู้เรื่องเต็มอกอย่างจงอินกับเซฮุนนี่สิลำบากใจ เห็นทีว่าอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้รอยยิ้มบนหน้าลู่หานจะหายไปหมดสิ้น

     

     

     

     

     


     

     

    หลังจากกลับมาถึงโรงเรียนร่างสูงก็เอาแต่เงียบไม่ยอมพูดอะไร ผู้ชายคนนั้นเขากลับมาแล้วสินะ...ผู้ชายเย็นชาชื่อปาร์คชานยอลที่เอาแต่จมปลักอยู่กับความเศร้าหลังจากลงมือยิงภรรยาของตัวเอง แบคฮยอนยืนมองร่างสูงที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เจ้าหมาตัวนั้นด้วยสีหน้าผิดหวัง

    คุณคิดอะไรอยู่ชานยอล

    ...

    คุณทำแบบนี้มันดีแล้วเหรอ?

    ...

    คุณบอกให้ผมสู้ ให้ผมพยายาม ผมก็ทำตามที่คุณบอกทุกอย่างแม้ว่ามันจะยากจนบางครั้งผมคิดว่ามันอาจจะเกินความสามารถของผม

    ...

    แล้วนี่มันคืออะไร...

    คุณไปอาบน้ำเถอะ ร่างสูงลุกขึ้นแล้วเดินออกมาจากตรงนั้นแต่ก็ถูกคนตัวเล็กใช้สองมือดึงแขนเขาเอาไว้

    คุณจะทำเป็นไม่สนใจผมเหมือนตอนที่เรารู้จักกันแรก ๆ หรือไง...

    ...

    คุณเคยบอกผมว่าทุกคนที่จากไปจะอยู่ในความทรงจำของคนที่ยังอยู่ และคนที่ยังมีชีวิตอยู่ก็ต้องเดินต่อไปข้างหน้า แบคฮยอนก้มหน้าพูดกับแผ่นหลังกว้างของอีกฝ่าย เขารู้สึกเจ็บปวดเหลือเกิน...เจ็บปวดกับความรู้สึกที่เป็นอยู่ในตอนนี้จนแยกแยะไม่ออกแล้วว่ามันมีเรื่องอะไรบ้างที่กำลังกัดกินหัวใจของเขา

    ผมรู้ว่าคุณรักคุณโฮจองมาก... หยดน้ำตาอุ่นร่วงลงบนพื้นซีเมนต์โดยที่ไม่ได้บีบมันออกมาเลยสักนิด แบคฮยอนกลืนก้อนสะอื้นลงคอแล้วพยายามปรับน้ำเสียงให้เป็นปกติแต่คุณจะปล่อยให้ตัวกินคนในชุดเจ้าสาวกัดเพียงแค่นึกถึงเธอได้ลงคอเชียวเหรอ...

    ...

    ถ้าคุณถูกกัดผมจะทำยังไง...

    ...

    ถ้าคุณจากไปอีกคนผมจะทำยังไง...

    ...

    ถ้าไม่มีคุณ ผมจะอยู่ยังไงครับชานยอล... แบคฮยอนปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาก่อนที่ร่างสูงจะเอี้ยวตัวหันหน้าเข้าหาคนตัวเล็กที่กำลังร้องไห้อย่างหนัก

    ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้ถึงความงี่เง่าของตัวเองที่ไม่ได้เหนี่ยวไกใส่ตัวกินคนในชุดเจ้าสาว วูบหนึ่งภาพของอีโฮจองกลับซ้อนทับขึ้นมาให้เขาหยุดการกระทำทุกอย่าง ได้ยินเสียงของแบคฮยอนแต่ความกล้าที่เคยมีกลับเลือนหายไปหมดสิ้นจนกระทั่งร่างของเธอล้มลงไป

    ถ้าคุณจะผิดหวังในตัวผมมันก็คงไม่แปลกอะไร ผมมันเป็นแค่ผู้ชายคนหนึ่งที่ดีแต่ปากเท่านั้น ชานยอลยังคงมองไปยังคนตัวเล็กที่ก้มหน้าร้องไห้อยู่

    อย่าร้องไห้เพราะผมอีกเลยนะครับ ร่างสูงเชยคางอีกฝ่ายขึ้นมาพร้อมกับใช้นิ้วหัวแม่มือไล้น้ำตาออกให้อย่างเบามือ รอยยิ้มเศร้าของชานยอลกำลังกรีดแทงหัวใจของเขาซ้ำ ๆ เพื่อตอกย้ำความเจ็บปวด

    คุณอย่าทำแบบนั้นอีกได้ไหม... แบคฮยอนสะอื้นจนตัวโยนอย่าทำเหมือนว่าคุณพร้อมจะตายได้ทุกเมื่อเพียงแค่นึกถึงเธอ...

    ...

    ช่วยมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อคนไม่เอาไหนอย่างผมได้ไหมครับชานยอล...

    ...

    ชานยอลยืนนิ่งเมื่อแบคฮยอนโผเข้ากอดเขาเต็มแรงจนเซถอยหลังไปเล็กน้อย ร่างสูงไม่ได้กอดตอบ ได้เพียงแค่มองหัวทุยที่กำลังซบหน้าลงกับแผงอกของเขาพร้อมกับร่างที่กำลังสั่นเทา มือแกร่งค่อย ๆ ยกขึ้นมาวางไว้บนหัวคนตัวเล็กแล้วลูบหัวปลอบใจ แบคฮยอนกอดร่างสูงแน่นยิ่งขึ้นเพื่อให้แน่ใจว่าปาร์คชานยอลยังคงยืนอยู่ตรงนี้จริง ๆ

    ...

    สัญญากับผมนะ...

    ...

    ร่างสูงไม่ได้ตอบตกลงกับคำร้องขอของคนตัวเล็ก ชานยอลลดสีหน้าลงก่อนจะกอดตอบอีกฝ่าย ในตอนนี้เขาไม่สามารถเข้มแข็งต่อหน้าแบคฮยอนได้...ไม่เลย

    ผมจะพยายามครับ ร่างสูงกระซิบเบา ๆ พลางกระชับกอดให้แน่นยิ่งขึ้น คนตัวเล็กพยักหน้าเร็ว ๆ แล้วพูดอู้อี้ในลำคอจนจับใจความฟังไม่ได้

    ผมขอโทษที่ทำให้คุณรู้สึกไม่ดีแบบนี้

    พอแล้ว...ไม่ต้องขอโทษอะไรผมทั้งนั้น

    แล้วผมจะต้องทำยังไงคุณถึงจะหยุดร้องไห้ล่ะหืม? ร่างสูงกระซิบถามคนตัวเล็กที่ยังคงสะอื้นอยู่ในอ้อมกอดของเขา แบคฮยอนเอาแต่ส่ายหน้าแล้วพูดเสียงอู้อี้

    ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น...แค่กอดผมให้แน่น ๆ ก็พอ...

     

    ...

    เพิ่งอยากเป็นคนหูหนวกก็วันนี้หลังจากได้ยินบทสนทนาระหว่างคนสองคนที่ยืนกอดกันแน่นราวกับขาดความอบอุ่นมาจากไหน...ลู่หานยืนตัวชาอยู่กับที่จนกระทั่งจงอินกับเซฮุนจะวิ่งตามมาหยุดอยู่ข้างหลัง ร่างหนาหอบหายใจก่อนจะหลับตาลงเมื่อเห็นลู่หานกำลังยืนช็อกกับภาพตรงหน้า

    ...

    ที่พยายามไม่ขยับตัวตอนขาเจ็บ...ก็เพราะว่าอยากหายเร็ว ๆ จะได้กลับมาที่นี่ ทุกอย่างที่วาดฝันเอาไว้ว่าจะสารภาพรักดูเหมือนมันจะพังทลายไปจนไม่เหลือชิ้นดี เป็นครั้งแรกที่ผู้ชายอย่างลู่หานรู้สึกเจ็บปวดตรงหน้าอกข้างซ้ายได้ถึงเพียงนี้หลังได้ยินคำร้องขออ้อนวอนจากปากแบคฮยอนที่บอกได้ถึงความหวาดกลัวต่อการสูญเสียปาร์คชานยอลไป

    วงแขนเล็กที่โอบกอดร่างสูงไว้แน่นราวกับกลัวว่าคนตรงหน้าจะหายไปแบบที่เขาไม่เคยได้รับ...กับน้ำตาที่ฟูมฟายจนเขากลัวว่ามันจะเหือดแห้งไปจากดวงตาคู่นั้นที่เขาชอบมอง

     

     

    ทุกอย่าง...ที่ผู้ชายอย่างลู่หานไม่เคยได้รับจากบยอนแบคฮยอนแต่ปาร์คชานยอลกลับได้มันไปทั้งหมด...

     



     

     

    เวลาแค่ครึ่งเดือน...

    มันทำให้ทุกอย่างชัดเจนได้ถึงขนาดนี้เลยเหรอ...

     

     


     

     

     







     

    TBC

     

     



     

     

    กลับบ้านเรารักรออยู่

    พี่หานจะทำยังไงต่อไป สงสารเมนจับใจแต่ก็ทำร้ายนางได้ทุกตอน orz

    ขอโทษที่มาอัพช้านะคะ ต่อไปนี้คงไม่ทิ้งห่างเกินสามวันแล้ว กลัวคนอ่านลืม 5555 คำผิดเยอะขออภัยด้วยนะคะ เขียนเองก็ตาลายเอง orz ต้องให้คนอื่นคอยตักเตือนตลอด TvT

    #ficzombie


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×