ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ZOMBIES HARD CREEPER | KAIHUN CHANBAEK FT.EXO

    ลำดับตอนที่ #12 : Chapter 11 :: Prank

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 19.75K
      248
      28 พ.ย. 56

    © Tenpoints!

     

     

     

     

     

    Chapter 11

    Prank

     

     

     

     

    ตึกตึก...

     

    เซฮุนนา...หยิบผักในตู้เย็นให้แม่หน่อยสิจ๊ะ

     

    ตึกตึก...

     

    เซฮุนแม่งเจ๋งว่ะ ขนาดไม่ค่อยมาเรียนยังได้คะแนนดีกว่ากูอีก

     

    ตึกตึก...

     

    อี้ฟาน ถอยออกมาเร็วเข้า!’

    นายวิ่งไหวไหม รีบวิ่งกลับไปที่รถ...เดี๋ยวนี้!’

     

    ตึกตึก...

     

    โดนกัดพร้อมกันกับพี่ชายฉัน แต่นายกลับรอด มันน่าหมั่นไส้ไหมล่ะ

     

    ตึกตึก...

     

    ผมไม่ได้อยากใจร้ายหรอกนะ แต่ในห้องนี้มีคนถูกกัดอยู่ถึงสองคน ถ้าเกิดพวกเขาเปลี่ยน...แน่นอนว่าพวกเราอาจจะตายห่ากันหมด

     

    ตึกตึก...

     

    แล้วแผลแค่นี้ทำให้นายตายไหม? หา? ตายหรือยัง?’

     

    ตึกตึก...

     

    กูน่าจะปล่อยให้มึงโดนแดกตายตั้งแต่วันนั้น โอเซฮุน!

     

    ตึกตึก...

     

    เดี๋ยวฉันจะทำแผลให้ ดีใจไหม?’

     

    ตึกตึก...

     

     

    แข็งใจไว้นะ ห้ามหลับเด็ดขาด ได้ยินที่ฉันพูดหรือเปล่าโอเซฮุน!’

     

     

    เปลือกตาบางค่อย ๆ ลืมขึ้นและสิ่งแรกที่เห็นคือใครคนหนึ่งที่กำลังเปลี่ยนเสื้ออยู่หน้าตู้เสื้อผ้าที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ความเหนื่อยล้ายึดให้ร่างของเขายังคงนอนอยู่ในท่าเดิมไม่ขยับตัวไปไหน มีเพียงอย่างเดียวที่ขยับได้คือเปลือกตาที่กระพริบตามหน้าที่ของมัน

    ...

    ...

    ผู้ชายที่คิดว่าป่าเถื่อนที่สุดในโลกหันมาสบตากับเขาพร้อมกับดึงชายเสื้อยืดสีเทาลงจนคลุมหัวกางเกงยีนส์สีดำ ไม่มีบทสนทนาอะไรใด ๆ เกิดขึ้นราวกับว่าอีกฝ่ายให้โอกาสเขาได้ทบทวนเรื่องราวต่าง ๆ

    ผมยังไม่ตายใช่ไหม?

    ฉันยังไม่เคยเห็นตัวกินคนพูดได้ แต่ถ้าใช่ ฉันจะเอาไอ้นี่เป่าหัวนายซะ ปัง ๆ!” จงอินหันกลับมาพร้อมกับหน้ากวนประสาท ทำมือเป็นรูปปืนแล้วยิงมาที่เขา

    คุณอายุเท่าไหร่แล้วครับ

    อะไร? นายจะหาว่าฉันปัญญาอ่อนงั้นเหรอ ยังซ่าได้อยู่นะครับ...ยังซ่าได้ ช่วยดูสังขารตัวเองก่อนจะปากดีนิดนึง จงอินแค่นหัวเราะกับเด็กที่นอนอยู่บนเตียง ร่างหนาหันกลับไปคว้าเสื้อตัวนอกในตู้เสื้อผ้าแล้วก็ได้แต่บ่นอุบอิบกับตัวเอง

     

    กวนตีนตาใสแบบนั้นคิดว่าน่ารักเหรอวะแม่ง

     

    ก็ดูเล่นมุข... เซฮุนงึมงำแล้วอมยิ้มคนเดียว แต่ก็ต้องหุบยิ้มลงทันทีเมื่ออีกฝ่ายหันกลับมา

    อยู่ในนี้ ห้ามออกไปไหน ยังฟังภาษาคนรู้เรื่องใช่ไหม?

    ทำไมล่ะครับ...ว่าแต่นี่...มันห้องคุณกับลู่หานไม่ใช่เหรอ?

    ใช่ นายเพิ่งถูกกัดรอบสองและฉันก็ไม่คิดว่านายจะดวงดีเหมือนกับคราวที่แล้ว เพราะฉะนั้นห้ามออกไปข้างนอกเด็ดขาดจนกว่าฉันจะแน่ใจว่านายปลอดภั... ประโยคสุดท้ายหลุดออกมาโดยไม่ตั้งใจ ร่างหนาชะงักไปชั่ววินาทีขณะสบตากับใครอีกคนที่อยู่บนเตียง แววตาคู่นั้นราวกับรอให้เขาพูดต่อให้จบ มือสากเลื่อนขึ้นนวดท้ายทอยแก้โง่ทั้งที่ยังปั้นหน้าเป็นปกติ เหี้ยแล้วกู พูดอะไรออกไป

    ฉันหมายถึงว่านายต้องอยู่ที่นี่จนกว่าฉันจะแน่ใจแล้วว่านายปลอดภัยสำหรับคนอื่น ฉันเป็นห่วงแบคฮยอน เกิดอยู่ ๆ นายเปลี่ยนขึ้นมา โดนไม้เบสบอลตะปูของเด็กนั่นหวดหน้าให้แล้วศพจะไม่สวยแก้ตัวไปหน้าด้าน ๆ แล้วก็เผลอไปสบตาใส ๆ ของคนที่นอนอยู่บนเตียงเข้าให้ ร่างหนาเบือนหน้าหลบไปอีกทางแล้วเอาดิ้นดันกระพุ้งแก้ม

     

     

    กูประหม่าเชี่ยไร หันกลับมองไปดิ มองให้ชนะมัน!

     

     

    ครับ ผมจะไม่ออกไปไหน

    เออดี พูดง่าย ๆ โตไว ๆ พูดทั้งที่ยังหันหน้าไปอีกทาง

    คือเพิ่งแซวไอ้เชี่ยลู่หานไปหยก ๆ เรื่องชอบผู้ชาย แต่นี่อะไร...ไม่ดิ เขาไม่ได้ชอบไอ้เด็กนี่สักหน่อย ก็แค่รู้สึกวูบวาบตอนมองหน้ามันบางครั้งเองนะเว้ย

    มันก็ต้องมีบ้างเปล่าวะที่ผู้ชายจะมองว่าผู้ชายด้วยกันหล่อ ดูดี น่ารัก เท่ อะไรทำนองนั้นน่ะ แต่มันไม่ใช่ความชอบสักหน่อย เออใช่ เขาไม่ได้รู้สึกดีอะไรกับเด็กนี่เลยด้วยซ้ำ โอเซฮุนก็แค่น่ารักตอนยิ้มตาปิด ตอนทำหน้ากวนตีนหน้าตาย ตอนหลับ ตอนงัวเงียเพิ่งตื่น ตอนหัวเราะ

     

     
     

    ...เดี๋ยว

    กูว่าชักจะเยอะไปละ

     
     

     

    คุณตามไปช่วยผมใช่ไหม

    ...

    ร่างบางจ้องมองแผ่นหลังกว้างของคนที่ยืนหันหลังให้กับเขาอยู่ ทั้งที่รู้ ทั้งที่จำได้ แต่แค่อยากได้ยินจากปากคน ๆ นี้ว่ามันเป็นเรื่องจริง เซฮุนก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องรู้สึกดีด้วยที่จงอินไปช่วยเขากลับมา

    อะไร?

    เมื่อคืนน่ะ

    อ๋อ ถ้าเป็นเรื่องที่นายไปวิ่งเล่นในโรงเรียนโดยไม่บอกฉันล่ะก็...อี้ฟานเป็นคนไปช่วยน่ะ พอดีหมอนั่นบอกว่าต้องการมือดีจากพระนครให้ไปช่วยเคลียร์ทางไง ฉันก็ฟันคอซอมบี้ส่วนไอ้หมอนั่นก็หิ้วนายออกมา มีแอบบ่นด้วยนะว่าตัวนายหนักมากอย่างกับกินควายมาทั้งตัว

    เหรอครับ...งั้นแสดงว่าผมคงฝันไป น้ำเสียงดูผิดหวังจนคนได้ฟังแอบหันกลับไปมอง เห็นสีหน้าหงอย ๆ นั่นแล้วก็รู้สึกผิดขึ้นมาแต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร

    ฉันจะไปทำธุระหน่อย เดี๋ยวมีคนเอามื้อเที่ยงมาให้กิน ถ้าง่วงก็นอนรอไปก่อนแล้วกัน พูดแค่นั้นแล้วก็เดินออกไปจากห้อง เซฮุนได้เพียงแค่มองประตูที่ปิดลงแล้ว ร่างบางถอนหายใจเล็กน้อยแล้วมองข้อมือตัวเองที่ถูกพันแผลไว้เป็นอย่างดี

     

     
     

    นี่เขาถูกกัดอีกครั้งแล้วสิ...

    ว่าแต่คราวนี้...เขาจะเปลี่ยนเป็นเหมือนพวกนั้นหรือเปล่านะ?

     

     
     

    ความหวาดกลัวเหมือนตอนนั้นกลับมาอีกครั้ง แต่มันแปลกไปจากเดิมคือความรู้สึกที่ต่างออกไป คราวนั้นเขายอมที่จะตายไปได้ง่าย ๆ เพราะไม่มีเหตุผลที่ต้องอยู่ แต่ตอนนี้...เขากลับรู้สึกกลัวขึ้นมาเสียอย่างนั้น

     
     

    เพราะตอนนี้โอเซฮุนมีความสุขที่ได้อยู่กับทุกคนสินะ...

     
     

    แอ๊ด...

    เสียงประตูเปิดออกพร้อมกับชายหนุ่มร่างสูงที่เดินเข้ามาพร้อมกับถาดอาหารในมือ ยิ้มทักทายเป็นเชิงให้กำลังใจกับคนที่นอนอยู่ก่อนจะวางอาหารลงบนโต๊ะแล้วลากเก้าอี้มานั่งข้างเตียง

    อรุณสวัสดิ์

    ไม่ใช่เที่ยงแล้วเหรอครับเซฮุนถามเมื่อนึกขึ้นได้ว่าจงอินเพิ่งพูดถึงเรื่องมื้อเที่ยงไปเมื่อครู่ อี้ฟานหัวเราะแล้วลูบหัวคนที่นอนอยู่เบา ๆ

    ตอนนี้บ่ายโมงกว่าแล้วล่ะ นี่ผมเอาโจ๊กมาให้ทาน ถึงมันจะไม่มีอะไรเลยนอกจากข้าวเหลว ๆ แต่คุณก็ควรทานรองท้องเอาไว้บ้างนะ

    ขอบคุณครับ

    แล้วคุณเป็นยังไงบ้าง? ร่างสูงถามพลางหลุบสายตาลงมองแผลตรงข้อมืออีกฝ่าย

    ตอนนี้ยังครับแต่อีกชั่วโมงข้างหน้าก็ไม่แน่... เด็กหนุ่มพูดติดตลกเรียกรอยยิ้มจากริมฝีปากของทั้งคู่ แต่รอยยิ้มบนใบหน้าคมก็เริ่มจางลงเมื่อมองดวงหน้าหวานอีกครั้ง

    ผมขอโทษที่ทิ้งคุณไว้ตรงนั้นตามลำพัง

    ไม่ใช่ความผิดของคุณหรอกครับ อย่าขอโทษเลย ผมเลือกที่จะทำแบบนั้นเอง

    ...

    แต่คุณก็ไปช่วยผมกลับมา ผมยังไม่ตาย ยังคุยกับคุณได้อยู่เลย ขอบคุณนะครับอี้ฟาน เซฮุนยิ้มเพราะไม่อยากให้ร่างสูงรู้สึกผิด

    เปล่าหรอก จงอินต่างหากที่ไปช่วยคุณ

    ...ร่างบางลดสีหน้าลง ราวกับรอยยิ้มลอยหายไปตามสายลม นัยน์ตาเรียวมองอีกคนที่กำลังทำหน้าคิดไม่ตก

    ผมเจอจงอินระหว่างทาง เขาฝ่าฝูงพวกกินคนมาเพื่อช่วยพวกเรา ขากลับเราเกือบไม่รอดแล้วถ้าไม่ได้ลู่หานตามมาช่วยอีกคน ร่างสูงยิ้มเศร้าเมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อคืน

    ...

     

     

    แล้วคนที่ให้คุณขี่หลังกลับมาที่นี่...ก็ไม่ใช่ผมหรือลู่หานหรอกนะเซฮุน

     

     

     

     

     

     

     

     

    อึ่ก... เทานิ่วหน้าเจ็บเมื่อรู้สึกได้ถึงแรงกดจากปลายเข็มแหลม ๆ ที่ทิ่มลงตรงนิ้วกลาง ร่างสูงหันไปมองเมื่ออาจารย์สาวเอาสำลีกดห้ามเลือดที่เพิ่งเจาะไปเมื่อกี้ให้

    ไม่คิดว่าเธอจะกลัวเข็ม

    ให้ผมไปเจ็บเพราะอะไรก็ได้ยกเว้นของแหลมแบบนี้ครับครู เทาถอนหายใจขณะมองหญิงสาวในชุดกาวน์ที่กำลังหยดเลือดของเขาลงบนแผ่นฟิล์มใส ท่ามกลางคนป่วยที่นอนหลับไม่รู้เรื่องหลังจากได้รับยาไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้ว

    เทามองเพื่อนของเขาที่นอนหลับสนิทแล้วก็โล่งอก เขาคงทนไม่ได้แน่ถ้าต้องมีคนตายเพิ่มขึ้นอีก ตอนนี้เขาจะคิดแค่เรื่องอยู่ไปวัน ๆ ไม่ได้แล้ว นอกจากอาหาร เครื่องดื่ม ที่สำคัญอีกอย่างก็คือยารักษาโรค เห็นทีว่าเขาต้องออกไปร้านยาสักหน่อย

    ตอนนี้ไม่รู้ว่าเซฮุนเป็นยังไงบ้าง เพราะตั้งแต่กลับมาถึงโรงเรียนก็ตรงดิ่งมาช่วยคนป่วยในห้องนี้เลย หลายคนที่เกือบตายเพราะพิษไข้ ถึงมันจะไม่ร้ายแรงนัก แต่เป็นเพราะสภาพจิตใจที่ติดลบเลยทำให้อาการทรุดตัวลงจนน่าเป็นห่วง

     

     

    แกร่ก...

     

     

     

    ...ทั้งคู่หันกลับไปมองผู้มาใหม่ที่มีสีหน้าไม่ต่างจากเขา คิมจงอินในสภาพอิดโรยแบบสุด ๆ เดินเข้ามาในห้องก่อนจะหยุดอยู่ข้าง ๆ เทา

    ยังไม่ได้นอนเหรอ?

    เออดิ ถ้าหลับกลางอากาศได้ทำไปแล้ว ว่าแต่นายเป็นไง?

    เพิ่งเจาะเลือดไปเมื่อกี้ ร่างสูงหันไปมองครูสาวที่กำลังส่องกล้องจุลทรรศน์อยู่ โชคดีที่ปาร์คชานยอลฉลาดเลือกกล้องแบบอิเล็กตรอนมาไม่งั้นคงตรวจอะไรไม่ได้

    อืม

     

     

    เทาเล่าให้ฟังถึงเรื่องราวต่าง ๆ เหตุการณ์ชลมุนวุ่นวายไปหมดนักเรียนจำนวนมากที่ถูกกัด เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงโรงเรียนของเขาได้กลายเป็นสุสานอย่างไม่ตั้งใจ หวงจื่อเทาไม่สามารถทำอะไรได้เลยนอกจากหาทางหนีเอาตัวรอดอย่างหัวซุกหัวซุน ร่างสูงปิดประตูทางเข้า-ออกหอพักชายและให้เพื่อนที่อยู่ระแวกนั้นยื้อเอาไว้ส่วนเขาก็วิ่งไปหาโซ่กับแม่กุญแจมาล็อคก่อนที่พวกมันจะบุกเข้ามา

    แต่เหตุการณ์มันแย่กว่านั้นคือพวกกินคนมันไม่ได้มีอยู่แค่ในโรงเรียน...

    เหล่าผีดิบแห่กันมาทางประตูหลังกัดกินคนผู้คนอย่างหิวโหย จังหวะนั้นเองที่เขาหันไปเห็นผู้หญิงคนนั้น...ปาร์คกาฮี ครูคุมหอที่เขาเคารพเหมือนแม่คนหนึ่ง

    เทาเข้าไปช่วยเธอออกมาจากรถพร้อมกับชกผีดิบจนเซไปข้างหลัง มือข้างหนึ่งคว้าข้อมือหญิงสาวเอาไว้ท่ามกลางเสียงหวีดร้องแห่งความเจ็บปวดของนักเรียนที่อยู่รอบข้าง มองไปข้างไหนก็เห็นไอ้พวกเวรนั่นอยูเต็มไปหมด...

     
     

    ครูเป็นอะไรไหม?

    ครูไม่เป็นไร เทา! ข้างหลังเธอ!’

     
     

    เขาคิดว่าจะไม่รอดแล้ว แต่น่าแปลกที่หวงจื่อเทากลับยังมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ พวกเขากันรั้วเอาไว้จนพวกที่รอดมาได้ถูกกัดตายเป็นจำนวนมาก และวิธีเดียวที่จะกำจัดพวกมันได้คือการเผา เด็กนักเรียนอย่างเขารู้แค่นี้ คนเป็นร้อยลดลงไปจนเหลือไม่ถึงห้าสิบเพราะไม่รู้วิธีกำจัดมัน...

     

     

    ครูเอาเลือดของครูกาฮีกับของคนอื่น ๆ มาตรวจดูตอนที่เธอหลับไปเมื่อชั่วโมงที่แล้ว ฮโยรินพูดขณะที่เธอกำลังทำการย้อมสี Giemsa กับเลือดบนฟิล์ม อย่างที่รู้กันว่าหน้าที่ของเม็ดเลือดขาวคือตรวจจับทำลายสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาในร่างกาย เธอย้อมสีให้เม็ดเลือดขาวต่างจากเม็ดเลือดอื่นเพื่อให้ง่ายต่อการนับ

    แล้วเป็นยังไงบ้างครับ?

    ...คุณพระช่วย ยังไม่ทันตอบคำถามหญิงสาวก็ต้องชะงักเมื่อเห็นภาพบางอย่างในกล้องที่ส่องอยู่

    แทนที่จะเป็นเม็ดเลือดขาวที่ต้องกำจัดสิ่งแปลกปลอมจากร่างกาย แต่ภาพที่เห็นคือไวรัสกำลังพยายามเกาะเม็ดเลือดขาวราวกับจะทำลายมัน ไวรัสสีดำหน้าตาแปลก ๆ บางตัวมีรูปร่างเหมือนเม็ดเลือดขาวหากแต่มันนิ่งเฉยไม่มีปฏิกิริยาเหมือนกับไวรัสตัวอื่น ๆ ราวกับว่าไวรัสส่วนนั้นได้ตายไปแล้ว และพอส่องต่อไปอีกแค่ครู่เดียวก็ได้คำตอบ...เมื่อเธอพบสิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่า...

    ว่าไวรัสพวกนั้น...กำลังพยายามทำลายและโคลนนิ่งเม็ดเลือดขาว...

    เธอผละตัวออกแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ตัวข้าง ๆ พลางเท้าศอกลงบนโต๊ะพร้อมกับกุมขมับ จนชายหนุ่มทั้งสองต้องเข้ามาดูอาการด้วยความเป็นห่วง

    เกิดอะไรขึ้นกับเลือดผมเหรอครับครู?

    ... ฮโยรินใช้เวลาประมวลผลสมองอยู่ราว ๆ ครึ่งนาที เธอเม้มริมฝีปากก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเด็กหนุ่ม

    เลือดของเธอ...มีไวรัสอยู่เต็มไปหมด

    ...

    ครูไม่แน่ใจว่ามันเกี่ยวกับเรื่องภูมิคุ้มกันทางร่างกายหรือเปล่า เธอถึงได้...

    หมายความว่าในร่างกายของผมมีเชื้อ...

    ใช่...และของคนอื่นก็ด้วย เธอจ้องหน้าอีกฝ่ายด้วยแววตาจริงจัง ชายหนุ่มทั้งสองเบิกตาโพลงเมื่อได้ยินประโยคดังกล่าว

    หมายความว่า?

    ครูไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้ โอเค...แน่นอนว่าต้องทำการตรวจในแลปอย่างถูกต้องถึงจะได้ผลลัพท์ แต่ว่าสิ่งที่ครูเห็น...มันก็พอจะทำให้รู้ว่าพวกเราทุกคนติดเชื้อกันหมด...

    ...

    “...”

    เลือดของครูกาฮี ของนักเรียนคนอื่น ๆ หรือแม้กระทั่งตัวครูเอง...มีไวรัสเจือปนอยู่ในเลือดทั้งนั้น แต่ว่าพวกมันอ่อนแอและดูเหมือนว่าจะถูกเม็ดเลือดขาวกำจัดไปตามระยะเวลา

    หมายความว่ายังไง? ถึงแม้ว่าเราไม่ถูกกัด เราก็ติดเชื้อแล้วงั้นเหรอ?จงอินขมวดคิ้วถาม

    ฉันไม่รู้ ฉันเป็นแค่ครูห้องพยาบาล ที่ทำไปก็แค่ความรู้ตอนสมัยเรียนเท่านั้น

    ให้ตายเถอะ นี่มันเรื่องบ้าชัด ๆ จงอินกัดฟันกรอด ถ้ามันเป็นอย่างที่เธอพูดจริง ๆ นั่นก็แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่าทุกคนต้องกลายเป็นเหมือนพวกนั้นอยู่ดีไม่ว่าจะตายด้วยวิธีไหน

    อย่างน้อยเราก็ได้รู้อะไรเพิ่มขึ้นแล้วนี่... ถึงจะช็อคกับสิ่งที่ได้ฟังแต่หวงจื่อเทาก็ได้แค่ปลอบใจตัวเองแบบนี้ ร่างสูงถอนหายใจก่อนจะหันไปมองคนข้าง ๆ ที่มีสีหน้าคิดไม่ตกเหมือนกัน

     

     
     

     

     

     
     

     

    พรึ่บ พรึ่บ!!

     

    อย่าสะบัดผ้าใส่ฉันสิอึนจีอา~”

    ฮ่า ๆ ก็เธอเอาแต่ใจลอยอยู่นั่น เมื่อไหร่จะตากเสร็จล่ะยัยซื่อบื้อ อึนจียิ้มพอใจเมื่อเห็นเพื่อนสนิทยืนงอหน้าอยู่ฝั่งตรงข้าม ตอนนี้เด็กสาวกลุ่มเดียวในโรงเรียนกำลังช่วยกันตากผ้าในวันที่แดดออกหลังจากฝนตกมาตลอดทั้งคืน

    ว่าแต่คิมฮาเน่าไปไหน ยัยนั่นชักจะสบายไปแล้วนะ...นั่นไง...มานู่นละ ฮู้ยยยย จองอึนจีจิ๊ปากขณะมองไปยังร่างระหงที่เดินทอดน่องไปหาชายหนุ่มร่างสูงอยู่ฝั่งด้านขวา

    เมื่อวานก็เพิ่งไปให้ท่าผู้ชายหน้าโหดคนนั้น มาวันนี้เปลี่ยนคนอีกแล้ว ยัยนี่กะจะทำแต้มให้ครบทุกคนภายในสองวันเลยหรือไงนะ โชรงส่ายหน้าเอือมระอา

    งานการไม่รู้จักช่วย น่าจิกหัวตบจริง ๆ อึนจีพูดลอดไรฟัน บ้านเมืองพินาศขนาดนี้แล้วแทนที่จะช่วยกันทำมาหากิน นี่ไม่ช่วยแล้วยังเพิ่มภาระ มันน่านัก!

    นั่นเพื่อนใหม่เธอไม่ใช่เหรออึนจี เขาชื่ออะไรนะ? โชรงถามพร้อมกับมองไปยังเป้าหมายที่กำลังก้มหน้าก้มตาทำอะไรสักอย่างกับพื้นดินอยู่ข้าง ๆ ผู้ชายตัวสูงอีกคน

    แบคฮ๊อก ไม่ดิ...แบคอะไรสักอย่างนี่แหละจำไม่ได้

    ยัยขี้ลืมเอ๊ย!”

    อะไรเล่า! ประเด็นมันอยู่ที่ยัยคิมฮานาต่างหาก!”

    อย่าไปใส่ใจเลยน่า ยัยนั่นพูดหูซ้ายก็ทะลุหูขวา พวกเรารีบ ๆ ตากให้เสร็จเถอะ บิดให้แห้งนะเดี๋ยวแดดหมดแล้วผ้าจะเหม็นอับเอา โชรงสั่งเด็กสาวข้าง ๆ

    อึนจีแค่นยิ้มขณะมองไปยังตัวปัญหาที่กำลังนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับผู้ชายท่าทางเหมือนผู้ดีคนนั้น ชื่ออะไรนะชาน ๆ อะไรสักอย่าง แต่ที่รู้คือหมอนั่นกำลังเป็นเหยื่อรายต่อไปของยัยฮานา

    สิ้นสุดความอดทนอึนจีถลกแขนเสื้อย่างสามขุมไปหาเป้าหมาย เธอยืนหยุดอยู่ตรงหน้าคิมฮานาพร้อมกับเลิกคิ้วมอง

    คิมฮานา

    มีอะไร? จากสีหน้ายิ้มแย้มแปรเปลี่ยนเป็นบูดบึ้งไม่พอใจ ชายหนุ่มทั้งสองเงยหน้าขึ้นมองเธอ

    หล่อนมาทำอะไรอยู่ตรงนี้มิทราบ?

    ฉันก็มาช่วยคุณชานยอลขุดดินน่ะสิ ใช่ไหมคะ~” เธอหันไปกระแซะคนข้าง ๆ ซึ่งดูเหมือนว่าปาร์คชานยอลจะพยายามแกะมือปลาหมึกนี่ออกตลอด แบคฮยอนได้เพียงแค่มองการกระทำของผู้หญิงคนนี้โดยที่ทำอะไรไม่ได้

    ผ้าก็ไม่ช่วยซัก เอาแต่เดินแรดไปวัน ๆ อยู่ได้

    ว่าไงนะ นี่เธอด่าว่าฉันแรดงั้นเหรอจองอึนจี?!” เด็กสาวลุกขึ้นเต็มความสูง ใบหน้าบึ้งตึงเพราะความโมโหเมื่อเห็นอีกฝ่ายยิ้มกวนประสาท

    เอ้อ~ ต้องให้คนอื่นช่วยย้ำใช่ไหมถึงจะรู้ตัวว่าเธอน่ะแรดมากกกกก แรดสุด ๆ แรดอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

    ธ...เธอ?!”

    แล้วนี่อะไร? มานั่งอ่อยผู้ชายอยู่ได้ทั้ง ๆ ที่แฟนเขานั่งหัวโด่อยู่นี่

    แฟน? ไหนแฟน?

    โน่นไงโน่น หัดเกรงอกเกรงใจเขาซะบ้างนะ แสดงความเสร่ออยู่ได้ฉันล่ะอายแทนจริง ๆ

    อะไรนะ? ผู้ชายคนนี้น่ะเหรอแฟนคุณชานยอล?!” แบคฮยอนเบิกตาโพลงเมื่อถูกพาดพิง เด็กหนุ่มชี้หน้าตัวเองงง ๆ ก่อนจะหันไปมองหน้าชานยอลทั้งที่หน้าแดงระเรื่อ

    ป...เปล่านะครับ

    เออดิ คิดดูเอาเองแล้วกันนะว่าผู้ชายเขายังสนใจกันเองทั้งที่มีชะนีอย่างเธออยู่บนโลกใบนี้ 555555

    จองอึนจี!!!”

    เอ้อ! แล้วก็ไม่ต้องกลัวนะว่าเธอจะถูกกัดตายน่ะ ไม่ต้องกลัวเลย เด็กสาวปั้นหน้าปั้นตาไร้เดียงสาพร้อมกับวางมือลงบนลาดไหล่อีกคน

    ทำไม?!”

    อย่างเธอโดนกัดตายไม่ได้หรอก แต่คงได้ตายห่าเพราะไม่มีน้ำยาล้างคอนแทกเลนส์ซะมากกว่าอ่ะ จริงไหมพวกเรา?! 5555555555555555” ประโยคสุดท้ายที่หันไปถามความเห็นจากกลุ่มเด็กสาวที่กำลังตากผ้าอยู่ เด็กสาวกลุ่มนั้นชูนิ้วหัวแม่มือขึ้นสุดแขนก่อนที่เสียงหัวเราะจะดังขึ้นตาม ๆ กัน

    คิมฮานากำหมัดแน่น เธอโกรธที่ถูกหักหน้าจนทนไม่ไหว หญิงสาวร่างเล็กเข้าไปจิกหัวจองอึนจีทันทีก่อนที่ทั้งคู่จะกอดรัดกันกลิ้งขลุก ๆ ไปตามพื้นหญ้าในเวลาถัดมา

    กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

    ย๊าห์! เธออยากตายนักใช่ไหมคิมฮานา ได้เลย! ฉัน! รอ! เว! ลา! นี้! มา! นาน! แล้ว!”

    ฉันจะฆ่าเธอ!!!!”

    ให้ตายเถอะ ชานยอลยืนแก้ ๆ กัง ๆ เพราะทำตัวไม่ถูกเมื่อเห็นเด็กผู้หญิงตีกัน เขาก็พอจะจำภาพตอนผู้หญิงตบตีกันในสมัยเรียนได้หรอกนะ มันมีให้เห็นอยู่บ่อย ๆ แต่ใช่ว่าเขาจะชินกับมันเสียเมื่อไหร่

    อ...อึนจี พอเถอะ!” แบคฮยอนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ได้แต่ตะโกนห้ามขณะที่เด็กสาวทั้งสองยังคงเกลือกกลิ้งไปบนพื้นหญ้าแล้วทึ้งหัวกันอย่างบ้าคลั่ง ลู่หานกับจงอินที่นั่งอยู่บนขั้นบันไดทางขึ้นตึกได้เพียงแค่หัวเราะกับสิ่งที่เห็น

    เพศหญิงนี่แม่งโหดสัดจริง ๆ คนนั้นป่ะวะที่มึงจ้ำบ๊ะด้วยเมื่อคืน

    เออ กูเชื่อแล้วว่าเค้าเป็นแม่เสือสาวอย่างที่พูดจริง ๆ ห่าลาก กูว่าไม่ใช่ละ นั่นมันหมีขั้วโลกสู้กับแมมมอธท้องแก่ชัด ๆ  ร่างหนาหัวเราะแล้วหันไปแท๊กมือกับคนข้าง ๆ ดูเหมือนว่าจะกลายเป็นเรื่องตลกสำหรับใครหลาย ๆ คนในเวลาแบบนี้

    นักเรียนคนอื่น ๆ โผล่หน้าออกมาจากหน้าต่างแล้วส่งเสียงเชียร์เบา ๆ บ้างก็ตะโกนเรียกอึนจี บ้างก็ตะโกนเรียกชื่อคิมฮานา

    จัดว่าโหด คิดสภาพถ้าคบกับมึงคงมีตบเช้าเย็นอ่ะ มึงดูแข้งซะก่อน กูนึกว่าสึบาสะ

    โห อย่าให้เป็นเมียเลยครับ มีทติ้งชั่วคราวพอ จงอินส่ายหน้าหน่าย ๆ ก่อนจะสูบเอาควันเข้าปอดแล้วปล่อยให้มันลอยขึ้นบนอากาศ

    ใส่ถุงป่ะวะ

    ใส่ พอดีมีในลิ้นชักไอ้เทา

    โห...อดสวัสดีวันพ่อเลย

    วันพ่อที่เบ้าหน้ามึงเถอะครับ พูดจบก็ยกเท้าขึ้นเตรียมจะถีบคนข้าง ๆ ลู่หานหัวเราะชอบใจขณะที่กลางสนามหญ้ายังคงโชว์มวย K-ONE อยู่อย่างต่อเนื่อง

    รีบถอยออกมาเร็ว เดี๋ยวถูกหมากัดเข้านะคะพี่!” เด็กสาวทีกำลังตากผ้าตะโกนบอกทั้งหัวเราะ ชานยอลหันไปมองคนตัวเล็กที่ยังคงหน้าขึ้นสีอยู่ก่อนจะตัดสินใจจูงมือแบคฮยอนออกมาจากตรงนั้น

    ...อ้าวสัด

    รอยยิ้มบนใบหน้าจางหายเพียงแค่เห็นชานยอลจูงมือคนที่เขานั่งมองมาตั้งนานไปต่อหน้าต่อตา ลู่หานลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วชักสีหน้าด้วยความไม่พอใจ

    กู๊ดบายมายเลิฟฟฟฟ~~~~~” เสียงเยาะเย้ยมาจากคนข้าง ๆ ที่เขาเพิ่งแซวไปเมื่อครู่ พอหันไปก็เห็นจงอินทำหน้าแป้นแล้นราวกับสะใจที่เห็นเขาเป็นแบบนี้

    สัดด่าทิ้งท้ายอย่างเหลืออดแล้วเดินหายเข้าไปในตึก ตอนแรกก็หงุดหงิดที่เห็นแบคฮยอนเกาะติดชานยอลมันแล้วนะ ละนั่นอะไร? มีจับมงจับมือ...โมโหโว้ย

     

     


     

     

     

     

    เดินฟึดฟัดขึ้นไปบนดาดฟ้าเพื่อให้ลมเย็น ๆ ช่วยเอาความหงุดหงิดพัดไปตามสายลม แต่พอขึ้นไปถึงก็พบคน ๆ เดิมที่ยืนอยู่ตรงนั้น ใบหน้าขาวหันมามองเขาด้วยแววตานิ่งเฉยผ่านเลนส์แว่นที่แตกร้าวข้างหนึ่งก่อนจะส่องกล้องทางไกลลงไปข้างล่าง

    ชอบยุ่งเรื่องของชาวบ้านหรือไงเรา?

    มันคือสัญชาติญาณของมนุษย์ต่างหาก เด็กหนุ่มตอบทั้งที่ยังส่องกล้องไปข้างล่าง ลู่หานขยับเข้าไปใกล้จนชิดกับคนตัวเล็กก่อนจะฉวยโอกาสกอดคอโดยที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัว

    คึ... มินซอกหลุดหัวเราะออกมาเมื่อเห็นอึนจีเขย่าหัวอีกฝ่ายจนยุ่งเหยิงไปหมด กระโปรงที่คิมฮานาใส่ก็ถลกขึ้นมาจนถึงเอวจนเธอต้องละมือออกจากหัวอึนจีลงมาเพื่อดึงกระโปรงลง ลู่หานยิ้มขำเมื่อเห็นมินซอกดูสนุกกับมัน

    ขอดูมั่งดิ

    ไม่เอา

    น่านะ~” ก็ไม่ได้อยากดูอะไรหรอก จริง ๆ แล้วเขาก็แค่อยากแกล้งมินซอกเท่านั้น ร่างโปร่งอมยิ้มขณะจ้องมองคนข้าง ๆ ที่กำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่

    เดี๋ยว...อีกแปปนึง อย่าเพิ่งกวนได้ไหม

    เปาจื่ออา...สนใจพี่หน่อยสิ พี่เบื่อ

    เรื่องของคุณสิ มินซอกหันมาขมวดคิ้วมองอย่างรำคาญ ผู้ชายคนนี้นี่ยังไงนะ เอาแต่ใจจริง ๆ

    ไม่คุณสิครับ ไหนบอกว่าจะเรียกพี่ไง?

    ผมไม่ได้พูดสักหน่อย คุณพูดเองเออเองทั้งนั้น พอรู้ตัวว่าถูกกอดคออยู่ก็รีบแกะมือออกในทันที มินซอกถอนหายใจพรืดแล้วขยับไปทางซ้ายก้าวหนึ่งก่อนจะส่องกล้องลงไปข้างล่างอีกครั้ง

     

     

    ที่ส่อง...ไม่ใช่เพราะอยากดูหรอกนะ...

    คิมมินซอกก็แค่ไม่รู้ว่าจะต้องทำหน้ายังไงตอนที่ลู่หานยืนอยู่ตรงนี้ก็เท่านั้น

     

     

    เป่าจื่อ

    อือ

    ชอบสีอะไร

    ดำ

    ไม่เห็นจะเข้ากับหน้าเลย ชอบสีชมพูดีกว่านะ

    ตลกไหม? คนตัวเล็กหันไปชักสีหน้าใส่คนข้าง ๆ ลู่หานหัวเราะแล้วบีบจมูกรั้นเบา ๆ ก่อนที่มินซอกจะปัดออก

    เปาจื่อสายตาสั้นเท่าไหร่น่ะ

    หกร้อย

    ตาบอดเลยดีกว่า

    อะไร? เด็กน้อยหันมาปั้นหน้าตึงใส่จนร่างโปร่งต้องรีบเม้มปากเมื่อรู้ตัวว่าเผลอพูดไม่เข้าหูมินซอกไป

    หลังจากนั้นก็กลับเข้าสู่ความเงียบ สายตายังคงมองไปยังเบื้องล่างผ่านเลนส์กล้องหากแต่มินซอกไม่ได้สนใจอยู่กับภาพเหล่านั้น เขาก็แค่รอว่าผู้ชายคนนี้จะพูดอะไรต่อ...

    มินซอกเคยมีแฟนเปล่า?

    เคย

    สวยไหม? 

    ... เด็กหนุ่มลดระดับกล้องลง ยืนใช้ความคิดครู่หนึ่งก่อนจะหันไปมองคนที่ยืนรอคำตอบอยู่

    ในรูปน่ะสวย

    หา?

    ผมคบกับเธอทางอินเตอร์เนตน่ะ มินซอกพูดอู้อี้เมื่อนึกไปถึงเรื่องนั้น ผิดกับคนข้าง ๆ ที่ได้ยินแล้วแทบจะขำพรืดออกมา

    แล้วไม่เคยเจอกันเลยเนี่ยนะ แฟนประสาอะไร

    เจอสิ แต่ผมเจอเขาฝ่ายเดียวน่ะ

    อ้าว แล้วไม่ได้ไปเดทกันหรอกเหรอ?

    เดทไม่ลงหรอก

    ทำไมล่ะ เธอไม่น่ารักเหมือนในรูปล่ะสิ? ลู่หานยิ้ม

    เปล่า เขาเป็นผู้ชายต่างหาก -_-”

    ห๊า?!”

    สูงเท่าคุณชานยอลที่มากับคุณเลย แต่ตัวอ้วนกว่านั้นสองคนโอบ อย่างงี้ มินซอกทำท่าอ้าแขนออกประกอบ ลู่หานยืนมองคนตรงหน้าแล้วก็ยิ้มขำกับท่าทางแบบนั้น

     

     
     

    แต่ทำไมพอเขายิ่งหัวเราะ ก็ยิ่งรู้สึกหน่วง ๆ ตรงหัวใจกันนะ?

    เลิกตามมาหลอกหลอนกันสักทีเถอะบยอนแบคฮยอน...

     
     

     

    หมั่บ...

    ...

    ขอกอดหน่อย ไม่มีแรงแล้วลู่หานหลับตาลงพร้อมกับซุกหน้าลงกับไหล่เล็ก มือเรียวดันแผ่นหลังบางเข้าหาตัวเพื่อให้อ้อมกอดแนบแน่นยิ่งขึ้น มินซอกเบิกตาโพลงทั้งที่ยังค้างอยู่ในท่าเดิม ได้เพียงแค่ทำตาปริบ ๆ ขณะที่คางของเขากำลังเกยอยู่บนไหล่คนขี้แกล้ง

    เป็นอะไรทำไมไม่มีแรง ไม่สบายเหรอ ห้องพยาบาลก็อยู่ชั้นหนึ่งไง ไปขอยากินสิ มินซอกพยายามปรับน้ำเสียงให้เป็นปกติที่สุดแม้จะรู้ดีว่าตอนนี้ตัวเขากำลังรู้สึกผิดปกติ

    ไม่ได้ป่วย

    อือ

    เปาจื่อ...

    อะไร

    กอดพี่บ้างสิครับ

    ประโยคนี้ทำให้หัวใจที่เต้นแรงอยู่แล้วเต้นแรงยิ่งขึ้นอีก คนตัวเล็กยังคงยืนนิ่งเฉยราวกับให้สมองประมวลผลกับคำพูดนั่นแล้วชั่งน้ำหนักว่าควรทำตามคำขอนั้นหรือเปล่า ลู่หานกระชับกอดแน่นยิ่งขึ้นราวกับเร่งให้เขารีบตัดสินใจ มือเรียวเล็กเอื้อมขึ้นมาอย่างช้า ๆ เปลือกตาบางปิดลงพร้อมกับมอบอ้อมกอดให้คนตัวโตกว่า

    ชอบจัง กลิ่นแป้งเด็กใช่ไหม?

    อือ

    ฮึ... ลู่หานหัวเราะในลำคอก่อนจะหลับตาลง

     

     

    ลู่หานไม่รู้ว่าสิ่งที่ทำอยู่มันผิดหรือถูก

    แต่ในเมื่อมีรอยแผลเกิดขึ้น...เขาก็แค่ต้องการยารักษามันก็เท่านั้น...

     

     
     

     

      

     

     
     

     

    ซ่า...

    เด็กหนุ่มกวักน้ำขึ้นมาล้างหน้าอยู่สองสามครั้งแล้วเงยขึ้นมองกระจก ปล่อยให้หยดน้ำไหลลงจากปลายคางทั้งที่ยังมองใบหน้าตัวเองผ่านกระจกตรงหน้า คำพูดของอี้ฟานยังคงก้องอยู่ในหัวเขา ทั้งที่ตอนแรกคิดว่าคงฝันไปอย่างที่จงอินพูดจริง ๆ แต่ทำไมพอรู้ว่ามันไม่ใช่ความฝัน...เขาถึงได้คิดอะไรเยอะแยะแบบนี้

     

    แอ๊ด...

     

    ผมใช้ห้องน้ำอยู่ เซฮุนมองผู้มาใหม่ผ่านกระจกที่จู่ ๆ ก็เปิดประตูเข้ามาอย่างถือวิสาสะ จงอินยักไหล่อย่างไม่ยี่หระแล้วถอดเสื้อออกวางไว้ตรงซิงค์หินขัดตรงหน้า

    กินข้าวยัง?

    ครับ

    ปวดแผลมากเปล่า?

    ปวด

    อดทนเอา โตแล้ว เหมือนจะเป็นห่วงแต่สุดท้ายก็ตบหน้ากันด้วยคำพูดกวนประสาทเหมือนกับทุกครั้ง เซฮุนหยิบผ้าขนหนูขึ้นมาซับหน้าอยู่ในทีแล้วเหลือบมองคนข้าง ๆ ที่เปลือยท่อนบนอยู่

    คุณจะอาบน้ำเหรอ?

    เออ จะยืนดูไหมล่ะ?

    ... พอได้ยินแบบนี้แล้วก็นึกถึงฉากเร่าร้อนระหว่างจงอินกับผู้หญิงคนนั้นขึ้นมา เซฮุนส่ายหัวไล่ความคิดแล้วก็ชะงักเมื่อพบว่าร่างหนากำลังจ้องเขาผ่านกระจก

    เห็นใช่ไหม?

    ...

    หืม? ไม่พูดอย่างเดียว จงอินเดินเข้ามาประชิดตัวอีกฝ่ายไล่ต้อนให้จนมุม แผ่นหลังบางมีเพียงแค่เสื้อยืดสีขาวเท่านั้นที่กั้นความเย็นของผนังห้องน้ำเอาไว้

    ผมล้างหน้าเสร็จแล้ว คุณก็อาบน้ำไปแล้วกัน ยังไม่ทันเดินออกไปไหนมือหนาก็วางทาบทับบนผนังกั้นขวางไม่ให้เขาหนีไปได้ เซฮุนหยุดยืนกับที่แล้วค่อย ๆ หันไปมองแววตาคู่นั้นที่มองมาด้วยสายตาแปลก ๆ

    ...

    ทำไมไม่เรียก?

    อะไรครับ เซฮุนพยายามทำตัวปกติแม้ว่าเขาจะรู้สึกแปลก ๆ กับท่าทางแบบนี้ของจงอิน

    ทำไมถึงตัดสินใจเอาเอง ทำไมไม่เปิดประตูเข้าไปแล้วลากฉันออกมาจากตรงนั้น? นัยน์ตาคมจ้องเข้ามาอย่างมีความหมาย เซฮุนหลุบสายตาลงแล้วดันแผงอกแกร่งออกหากแต่มือของเขากลับถูกจับเอาไว้

    ตอบ

    ผมก็เห็นคุณมีความสุขอยู่ เลยไม่อยากรบกวนร่างบางตอบทั้งที่ไม่มองหน้าอีกฝ่าย ทำไมเขาต้องรู้สึกไม่ดีกับสถานการณ์แบบนี้ด้วยนะ ไม่เห็นต้องมาพูดอะไรแบบนี้เลยนี่ มันผ่านไปแล้ว ผมก็ยังไม่ตาย ทุกคนในห้องคนป่วยก็ปลอดภัย

    แล้วถ้าฉันไม่ตามไปนายจะเป็นยังไง โดดตึกตายว่างั้น?

    ...

    แล้วเรื่องที่บอกว่าฉันกำลังมีความสุขอยู่น่ะ... ใบหน้าคมเลื่อนเข้ามาใกล้จนเซฮุนต้องเบี่ยงหน้าหลบ ข้อมือข้างที่ถูกจับเมื่อครู่ถูกตรึงไว้กับผนังห้องน้ำ ร่างบางหันควับกลับมาด้วยความตกใจแล้วก็พบว่าใบหน้าของเขาทั้งสองคนห่างกันเพียงแค่ปลายจมูกเท่านั้น

    รู้ดีจังนะ?

    ...

    แสดงว่าเคยมีความสุขแบบนั้นเหมือนกันล่ะสิ?

    คุณจะแกล้งผมแรงเกินไปแล้วนะจงอิน

    เออ จะแกล้งให้หนักกว่านี้อีก

    ถึงผมจะตายมันไม่เห็นสำคัญอะไรไม่ใช่เหรอ ทั้งที่ตอนนั้นคุณก็ดูเตรียมพร้อมที่จะเอาไฃควงแทงเข้ากลางสมองผมอยู่เลยนี่ครับ เซฮุนจ้องเข้าไปยังนัยน์ตาอีกฝ่าย บทสนทนาระหว่างเขาทั้งคู่มันชักจะไม่ตลกเหมือนกับทุกครั้งแล้วสิ

    ขอถามอะไรสักข้อสองข้อ...

    ...

    หนึ่ง...ถ้าฉันอยากให้นายตาย วันนั้นฉันจะเข้าไปในบ้านที่กำลังไฟไหม้อยู่ทำไม?

    ...

    สอง...ถ้าฉันอยากให้นายตาย ฉันจะฝ่าพวกกินคนเป็นร้อยเพื่อไปตามหาไอ้เด็กอวดดีที่ไม่รู้ว่าอยู่ส่วนไหนของโรงเรียนเพื่ออะไร?

    ...

    ร่างบางยืนนิ่ง เขาไม่สามารถโต้ตอบจงอินได้เลยเพียงแค่ได้ยินประโยคนั้น มันกลับมาอีกแล้วไอ้ความรู้สึกบ้า ๆ นี่...ความรู้สึกดีที่ไม่เข้าใจความหมายแบบนี้

    คุณก็พูดง่าย ผมจะเข้าไปหาคุณในตอนนั้นได้ยังไง

    ไม่ได้ก็ต้องได้

    คุณจะบ้าเหรอ ผมไม่ได้อยากดูคุณทำเรื่องแบบนั้นกับผู้หญิงที่ไหนหรอกนะ

    แสดงว่ากับผู้ชายได้ใช่ไหม? จงอินสวนกลับในทันทีจนร่างบางพูดไม่ออก

    ได้ งั้นถ้ามีครั้งต่อไปคุณอย่ามาว่าผมแล้วกัน เด็กหนุ่มจ้องคนตรงหน้าเขม็ง จงอินกระตุกยิ้มมุมปากแล้วใช้นิ้วหัวแม่มือคลึงริมฝีปากร่างบางเบา ๆ

    ไม่ต้องหรอก...”

    ...

    เพราะฉันขี้เกียจไปมีอะไรกับใครแล้ว

    ...

    ถ้าเป็นนายก็ไม่แน่

    ยังไม่ทันได้งงกับคำพูดนี้ร่างหนาก็เอียงใบหน้าปรับองศากดจูบลงมาบนริมฝีปากของเขาเสียแล้ว เซฮุนผงะเล็กน้อยจนแผ่นหลังของเขาแนบชิดกับผนังเย็น แต่มันก็แค่ไม่กี่วินาทีเท่านั้นที่เขาสัมผัสได้ถึงความนุ่มนิ่มของริมฝีปาก จงอินผละใบหน้าออกมาเล็กน้อยพร้อมกับยิ้มพอใจเมื่อเห็นสีหน้าตื่นตูมของเซฮุน

     

     

     

    สมน้ำหน้า...พูดมากดีนัก

     

     

     

     

     

     

      









     

    TBC

     

     

     

    เรามาผ่อนคลายกันค่ะ หลังจากวิ่งหนีซอมบี้กันจนขาหล่อยกันแล้ว

    ตอนนี้วายกันไปก่อน ห้ามว่าพี่ลู่ของมลินนะคะ พี่ลู่ อิส มายน์ ปล.ถ้าข้อมูลผิดพลาดตรงไหนท้วงได้เลยนะคะ มลินจะได้แก้ไขค่ะ TT


     

    EDIT. ต้องขอบคุณ คุณ MUU POR  ด้วยนะคะที่มาให้คำแนะนำเรื่องกล้องจุลทรรศน์ อันนี้มันเป็นความผิดพลาดของมลินเองที่ไม่ได้หาข้อมูลให้ดีก่อน แหะ ๆ คราวหน้าจะพยายามระวังให้มากกว่านี้นะคะ ขอบคุณมาก ๆ เลยค่ะ! 

    #ficzombie -/-

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×