ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ZOMBIES HARD CREEPER | KAIHUN CHANBAEK FT.EXO

    ลำดับตอนที่ #105 : Chapter 100 :: Echo

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 7.19K
      108
      22 มิ.ย. 59

    ? Tenpoints!

     

    Chapter 100

    Echo

     

     

     


     

    ถ้าไม่นับมีดในครัว จางอี้ชิงก็ไม่เคยจับมีดเล่มใหญ่ขนาดนี้มาก่อนในชีวิต หนุ่มชาวจีนหอบหายใจพลางมองเลือดที่หยดลงจากปลายมีด โดยมีเสียงผีดิบลอยเข้าหูไม่ได้ขาด แม้ว่าเขาและคนอื่น ๆ จะออกมาจากที่พักได้ไกลพอสมควรแล้ว

    ด้านข้างเป็นป่าและธารน้ำ ซีวอนเข้าไปช่วยจงแดประคองร่างคยองซูให้นั่งพิงกับต้นไม้ ก่อนจะก้มหัวลงเพื่อวางกระเป๋าอาวุธ ชายวัยกลางคนลุกขึ้นพร้อมกวาดสายตาไปโดยรอบ เขาไม่สามารถวางใจได้แม้ละแวกนี้จะไม่มีเสียงกิ่งก้านไม้ดังกุกกักเป็นลางบอกเหตุ

    ซีวอนค้นหากระบอกใส่น้ำในกระเป๋าแล้วเขย่า ก่อนจะตรงไปเติมน้ำข้างลำธาร อี้ชิงทิ้งตัวนั่งลงอย่างเหนื่อยอ่อน นอกจากตอนค่ายนรกของพวกคิมนัมจุนแล้ว นี่ก็เป็นอีกครั้งที่เขารู้สึกเหน็ดเหนื่อยกับการหนี

    คยองซูมองแผ่นหลังของชายวัยกลางคน ซึ่งเขามองไม่เห็นอะไรมากไปกว่าความว่างเปล่า เด็กหนุ่มถามตนเองว่าทำไมพระเจ้าถึงไม่ปลดปล่อยเขาเสียที ทำไมถึงให้โอกาสคนไร้ค่าที่หาเหตุผลให้ตัวเองไม่ได้ว่าควรใช้ชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไร

    เสียงหอบหายใจของคิมจงแดเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เจ็บปวด และสิ้นหวัง มันดังก้องอยู่ในหูโดคยองซูเพื่อตอกย้ำว่าเราทุกคนล้วนไม่ควรดันทุรังมีชีวิตอยู่ต่อเพื่อพบเจอเรื่องแบบนี้อีก

    เราหยุดพักนานไม่ได้ ตรงนี้ยังไม่ปลอดภัย ซีวอนย่อตัวลงพลางยื่นขวดน้ำให้อี้ชิง หนุ่มชาวจีนดื่มดับความกระหายเสียอึกใหญ่ ก่อนจะยื่นต่อให้จงแด เราต้องหาทางออกไปข้างนอก

    ... คนฟังชะงัก หลังจากดื่มน้ำไปเพียงนิดเดียว เจ้าหน้าที่หนุ่มไม่ได้เงยหน้าขึ้นเพื่อค้านเสียงแข็งว่าจะดันทุรังอยู่ที่นี่ต่อ คิมจงแดจุกกับความจริงที่ไม่อยากยอมรับ แต่มันก็เป็นเรื่องยากที่จะหลีกเลี่ยง

    อี้ชิงประคองท้ายทอยคนเจ็บให้ดื่มน้ำ จนถึงตอนนี้สีหน้าของคยองซูยังไม่ต่างไปจากเดิม และต่อต้านความหวังดีของเขาอยู่เล็กน้อย

    ฝั่งนั้นเป็นยังไง? ชายวัยกลางคนชี้ไปยังป่าไม้ฝั่งตรงข้ามธารน้ำ จงแดเงยหน้าขึ้น ทอดสายตามองไปยังความสวยงามเหล่านั้น

    ป่าชั้นใน

    มีสัตว์ประเภทไหนอยู่บ้าง?

    เสียงผีดิบดังมาจากที่ไกล กลบความเงียบข้างริมธารที่กำลังถูกความกดดันเล่นงาน เจ้าหน้าที่หนุ่มนิ่งค้างอยู่ท่านั้น ซีวอนกับอี้ชิงจึงมองหน้ากันแต่ไม่ถามย้ำจนจงแดต้องรู้สึกกดดัน

    ถ้าคุณอยากไปฝั่งนั้นล่ะก็ เลิกคิดไปได้เลย ชายหนุ่มเว้นจังหวะไปครู่หนึ่ง แล้วหันไปทางบุรุษพยาบาลที่กำลังจับจ้องสายตามายังเขา คุณจำจูมงได้ไหมอี้ชิง? เจ้าของชื่อพยักหน้าช้า ๆ เป็นคำตอบ จงแดจึงชี้นิ้วไปยังฝั่งตรงข้ามธารน้ำฝั่งนั้นมีพี่น้องของมันอยู่อีกประมาณสี่ห้าตัว

    ...

    ที่นั่นมีสัตว์หลายประเภทที่ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่อง ถ้าเราข้ามไปได้ ก็อาจจะตายเพราะถูกกินเหมือนกัน

    เสียงของจงแดกำลังสั่น กับความจริงที่ว่าสัตว์ที่เขาพยายามปกป้องมาตลอดสามารถทำให้เราทุกคนตายได้ไม่ต่างจากพวกกินคนข้างนอกเลย ซีวอนจ้องใบหน้ามอมแมมของเจ้าหน้าที่ประจำอุทยาน ปล่อยให้อีกฝ่ายจมอยู่กับความคิด ขณะที่เขาเองกำลังหาทางออกที่ดีที่สุดให้กับทุกคน

    “Why did you come back?” (ทำไมคุณถึงกลับมา)

    รู้ว่าถ้าเจอคนเหลือรอดอยู่ที่นี่ เขาก็ต้องเจอกับคำถามนี้ ซีวอนสบตากับอี้ชิง พร้อมนึกไปถึงเหตุผลต่าง ๆ นานาที่ทำให้เขาเลือกจากไป และตัดสินใจกลับมาที่อุทยานอีกครั้ง

    “I'm done being with myself.” (ผมใช้เวลาอยู่กับตัวเองพอแล้ว) ชายวัยกลางคนยิ้ม เขาเลือกที่จะตอบคลุมเครือมากกว่าอธิบายความรู้สึกที่แสนซับซ้อนของตนเอง ระหว่างทางผมเห็นพวกมันมาเยอะเรื่อย ๆ อ่า... อันที่จริงผมไม่ได้ไปไกลจากที่นี่สักเท่าไหร่ มันอาจเป็นความอ่อนแออย่างหนึ่งที่ทำให้ผมหันหลังให้ที่นี่ไม่ได้

    ซีวอนพยายามพูดช้า ๆ เพื่อให้ทั้งคนเกาหลีและคนจีนเข้าใจไปพร้อม ๆ กัน อี้ชิงปล่อยให้อีกฝ่ายอธิบาย พร้อมเข้าไปดูอาการของคยองซู ซึ่งบาดแผลยังไม่เยินขนาดที่ต้องเปลี่ยนผ้า

    ผมยังคงคิดเรื่องลูก แต่ก็กังวลถึงพวกคุณในเวลาเดียวกัน ว่าจะอยู่กันยังไง ปลอดภัยดีไหม ผมเลยแอบปีนเข้ามาทางประตูอีกฝั่งที่มีกระสอบทรายขวางอยู่ อย่างน้อยก็อยากดูให้สบายใจ

    ชายวัยกลางคนพูดอย่างไม่โกหก และเขารู้สึกขอบคุณเซนส์ตัวเองที่พาขาทั้งสองข้างกลับมาที่นี่อีกครั้ง เพื่อช่วยชีวิตทั้งสามคนที่ยังไม่รู้เหตุผลว่าทำไมถึงยังอยู่ที่นี่

    คนอื่น ๆ ย้ายออกไปแล้วสินะ ไม่มีใครขานตอบ จงแดเอาแต่ก้มหน้าจมอยู่กับความรู้สึก ตั้งแต่เมื่อไหร่?

    เช้า

    ผมไม่แปลกใจที่จงแดอยู่ที่นี่ แต่คุณสองคนทำไมไม่ไปกับพวกเขา?

    ผมเลือกที่จะอยู่เอง ส่วนอี้ชิงก็เป็นคนดีไม่รู้จักเวล่ำเวลา คยองซูตอบเสียงเรียบ

    ผมไม่ได้ – ทำเพราะอยาก – ให้คุณชม – ว่า – เป็นคนดี บุรุษพยาบาลกำลังขึ้นเสียง เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเห็นจางอี้ชิงหมดความอดทนเลิก – ใช้คำพูด – แย่ ๆ – ทั้งกับตัวเอง – และคนอื่น – ได้แล้ว

    ใจเย็น ๆ ...อี้ชิง จงแดวางมือลงบนไหล่อีกฝ่ายพร้อมบีบเบา ๆ

    คุณควรขอบคุณเขามากกว่าอะไรทั้งหมดนะคยองซู ซีวอนหยุดสายตาอยู่ที่ใบหน้าซีดเผือดของเด็กหนุ่ม

    สิ่งเดียวที่จะทำให้ผมรู้สึกขอบคุณพวกคุณก็คือปล่อยผมไว้ที่นี่

    别再胡说八道了!

    ...

    ...

    ทั้งสามคนนั่งนิ่ง ขณะมองไปยังบุรุษพยาบาลหนุ่มที่โพล่งคำพูดเหล่านั้นออกมาเป็นภาษาจีน ซึ่งไม่มีใครเข้าใจ ไม่มีใครพ่นคำพูดแย่ ๆ ออกมาอีก ไม่แม้แต่จะโทษว่าเป็นเพราะตัวเองที่ทำให้ทุกคนต้องมาตกระกำลำบากอยู่ที่นี่ ทั้งสี่คนนั่งเงียบและปล่อยให้ความว่างเปล่ากลืนกิน ก่อนอี้ชิงจะเดินหายไปจากตรงนี้ และจงแดเลือกที่จะเป็นคนตามไป

     

     
     

     
     

     

    แบคฮยอนตีกระบอกไฟฉายลงกับฝ่ามือ พลางส่องไปรอบ ๆ เพื่อหาอุปกรณ์ที่จะช่วยพาเขาและชานยอลไปถึงที่หมายได้ นึกแล้วก็หงุดหงิดอยู่ในใจที่คนเหล่านั้นไม่ให้ปืนติดตัวมาสักกระบอก แต่พอคิดดูอีกที... ถ้าเขาใช้ปืนในพื้นที่ซึ่งเต็มไปด้วยพวกผีดิบอย่างนี้ก็คงไม่ใช่การเอาตัวรอดที่ดีสักเท่าไหร่

    เจออะไรบ้างไหม? เด็กน้อยส่องไฟฉายไปยังลิ้นชักที่อีกคนกำลังค้นอยู่ เพียงครู่เดียวชานยอลก็เงยหน้าขึ้นมาพร้อมอุปกรณ์ชิ้นหนึ่ง มันเป็นสีแดง และขนาดเล็กกว่าฝ่ามือเขา มันคืออะไรเหรอ?

    อ่า... มันชื่อเรสคิวมี ชายหนุ่มหมุนข้อมือดูสิ่งของขนาดเล็กตรงนี้เอาไว้ตัดเข็มขัดนิรภัย และส่วนนี้เอาไว้ระเบิดกระจก มันเป็นอุปกรณ์เอาตัวรอดในกรณีรถพุ่งตกน้ำน่ะครับ

    แบคฮยอนพยักหน้าช้า ๆ แล้วมันจะระเบิดกระจกได้ยังไง

    แบบนี้ ชานยอลยื่นอุปกรณ์เข้ามาใกล้จมูกจนเขาต้องเอนตัวถอยหลังเล็กน้อย ทั้งคู่สบตากัน ก่อนคนตัวสูงจะขยับปากพูดคำว่าปัง เบา ๆ

    ...

    ไปกันเถอะครับ เราหมดธุระกับที่นี่แล้ว

    ชายหนุ่มตบบ่าเด็กน้อยเพียงสองครั้งแล้วเดินสวนออกไป ปล่อยให้คนถูกไอ้เครื่องระเบิดกระจกจี้ใจยืนอยู่ตรงนี้โดยที่ก้าวขาไม่ออกไปชั่วขณะหนึ่ง ปาร์คชานยอลเอาอีกแล้ว... ไอ้ท่าทีธรรมดา ๆ เหมือนว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้แบบนั้นน่ะ ไม่รู้หรือไงว่ามันเป็นภัยต่อความรู้สึกคนอื่น...

    คุณเคยคิดไหมว่าคนที่อยู่อุทยานจะคิดยังไงกับเรื่องที่เราหายไปอย่างนี้ แบคฮยอนคิดว่าควรเปิดบทสนทนาขึ้นมาทำลายความเงียบสักหน่อย ในช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความกดดัน ซึ่งเราต่างไม่รู้เลยว่าจะไปถึงรถบรรทุกคันนั้นได้ยังไง

    เขามองชายหนุ่มที่เดินไปหยุดอยู่หน้ากระจกใสบานใหญ่ที่ทำให้มองเห็นสินค้าในร้านได้หากมองจากข้างล่างขึ้นมาชั้นสอง แบคฮยอนเดินไปหยุดอยู่ข้าง ๆ อีกฝ่าย พร้อมมองไปยังเหล่าผีดิบมากมายที่อยู่ด้านล่าง ซึ่งเราต่างจินตนาการไม่ออกเลยว่าจะหาทางเดินบนถนนได้ยังไง

    หลายครั้งที่ผมมักจะคาดเดาเอาเอง แต่กับบางเรื่อง ผมก็ไม่อยากเก็บมาคิดถ้าคำตอบมันออกมาบั่นทอนความรู้สึกตัวเอง

    พวกเขาคิดว่าเราหนี นั่นคือสิ่งที่คุณคิดใช่ไหม? คนตัวเล็กชำเลืองมองเสี้ยวหน้าคนตัวสูงที่เงียบไป

    ถ้าเป็นคุณล่ะครับ? ชายหนุ่มหันมาสบตากับเขา ซึ่งแบคฮยอนไม่รู้ว่าดวงตาคู่นั้นกำลังคาดหวังคำตอบหรือแค่หาที่หยุดสายตากันแน่คุณจะคิดว่าผมหนีหรือเปล่า?

    ถ้าเป็นช่วงปลายปีที่ผ่านมา บยอนแบคฮยอนคงตอบอย่างฉะฉานได้โดยไม่กลัวว่าผู้ชายคนนี้จะรู้สึกแย่แค่ไหน ตลกดีเหมือนกันที่เขากำลังเรียบเรียงคำพูดในหัว เพื่อชั่งน้ำหนักว่าควรพูดอย่างที่คิดหรือตอบเลี่ยง ๆ เพื่อไม่ให้ความอึดอัดเกิดขึ้นระหว่างภารกิจที่เราทั้งคู่ต้องตัวติดกัน

    ถ้าตอบแบบไม่โกหก แน่นอนว่าผมคิด แบคฮยอนพยายามหาเหตุผลให้ตัวเองแล้วว่ามีความจำเป็นอะไรที่ต้องตอบรักษาน้ำใจชานยอล ในเมื่อเขาคิดอย่างนั้นจริง ๆ คนเรามีสิทธิ์คิดไปเองในเรื่องที่ไม่รู้ ไม่เห็น และไม่เข้าใจ ผมพูดถูกไหม?

     

     

    อยากตบปากตัวเองจริง ๆ ที่สุดท้ายก็ต้องมาพูดแก้ตัวเอาทีหลัง

     

     

    ดูเหมือนว่าเขาจะพูดผิด ไม่สิ... ต้องเรียกว่าพูดไม่ถูกใจอีกฝ่ายถึงจะถูก ไม่งั้นปาร์คชานยอลคงไม่เอาแต่จ้องเขาโดยไม่พูดไม่จาอย่างนี้ แบคฮยอนเลียริมฝีปาก เขาพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ โดยไม่ให้อีกฝ่ายรู้ว่ากำลังกังวลถึงเรื่องบ้าบออะไรอยู่

     

     

    แต่สุดท้าย ผู้ชายคนนี้ก็หลุดยิ้มออกมาโดยที่เขาไม่เข้าใจ

     

     

    ถ้าอย่างนั้น การที่เราอยู่ตรงนี้ด้วยกันมันก็คงเป็นเรื่องที่ดีนะครับว่าไหม?

     
     

     

     
     

     

    เอาล่ะ เราต้องทำอะไรสักอย่าง

    แบคฮยอนหลับตาลงพลางถอนหายใจ หลังจากชะโงกหน้าออกไปด้านนอกระเบียงเพื่อพบความน่าสยดสยองของจำนวนเหล่าผีดิบที่กระจายตัวกันอยู่เต็มท้องถนน เขากับชานยอลมีแค่มีดคนละเล่ม กับพลุแฟร์โง่ ๆ อีกสี่อัน ซึ่งดูจากสภาพแล้วคงไม่ได้เอาไว้ใช้จัดการพวกมัน

    เราข้ามไปไม่ได้แน่ ไม่มีทาง แบคฮยอนเสยผมขึ้นอย่างหัวเสีย ขณะที่ชานยอลกำลังง่วนอยู่กับแผนที่ที่ซงมินโฮเป็นคนวาดให้เองกับมือ และดูเหมือนว่าตอนนี้พวกเขาจะมาได้สุดทางอย่างที่คนกลุ่มนั้นพึงจะมาได้แล้ว

    คนตัวเล็กไม่อยากให้ประวัติซ้ำรอย เหมือนวันนั้นที่เขาเผลอขึ้นเสียงใส่ชานยอลแล้วเดินหนีออกมาจนเจอพวกนรกกินคนจับตัวไป ตอนนี้อีกฝ่ายคงต้องการเวลาเพื่อใช้ความคิด ซึ่งบยอนแบคฮยอนก็ยินดีให้อย่างเต็มที่ ถ้าชานยอลสามารถคิดหาทางดี ๆ ออกได้

     

     

    กึง... กึง... กึง...

     

     

    เสียงนาฬิกาโบราณดังขึ้นเมื่อเข็มยาวหมุนวนมาจนถึงเลขสิบสอง เรียกความสนใจจากทั้งคู่ให้หันกลับไปมอง แบคฮยอนยกมือขึ้นทาบหน้าผากอย่างโล่งใจที่มันไม่ใช่ตัวประหลาดเดินลากไส้ออกมาจากมุมไหนมุมหนึ่งของร้านนาฬิกา ตอนที่เขาทั้งคู่กำลังตกอยู่ในห้วงความคิด

    มันจะดังไปข้างนอกไหมนะ? เด็กน้อยสบถพร้อมส่องไฟฉายไปยังตัวต้นเหตุ ก่อนจะชะโงกหน้ามองออกไปด้านนอกอีกครั้ง และเขาก็ได้คำตอบว่าพวกกินคนด้านนอกนั่นไม่ได้ยินเสียงนาฬิกา

    แบคฮยอนหันไปทางคนตัวสูงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ตอนนี้ชานยอลกำลังยืนนิ่งราวกับถูกสะกดจิต คนตัวเล็กขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะเอื้อมไปจับท่อนแขนแกร่ง

    คุณ

    แบคฮยอน คุณไปหากล่องกับสายไฟมาให้ผม ชายหนุ่มกล่าว พร้อมกำไฟฉายขึ้นระดับใบหน้าและตรงเข้าไปยังตู้กระจกซึ่งมีนาฬิกาหลากหลายรูปแบบวางเรียงกันอยู่

    กล่อง... เหรอ? เขากำลังงงกับความปุบปับของอีกฝ่ายที่อยู่ ๆ ก็เดินเครื่องตรงเข้าไปในด้านในและค้นหาสิ่งที่เขาไม่รู้ว่ามันคืออะไร คนตัวเล็กเกาแก้มแล้วเดินไปค้นหาสิ่งของตามที่อีกฝ่ายสั่ง

    ในตู้มีนาฬิกาปลุกหลากหลายรูปแบบวางอยู่เต็มไปหมด ใช่ มันมากกว่าสิบอัน ซึ่งมันคงดีถ้าชานยอลจะอธิบายให้เขาฟังระหว่างค้นตู้ไปด้วย

    คุณจะทำอะไร แบคฮยอนวางกล่องลังกระดาษที่หามาได้จากหลังร้านลงบนตู้กระจก ก่อนคนตรงหน้าจะหยุดมือและหันมาสบตากัน

    แผนของผม

    จะลงไปแจกนาฬิกาปลุกให้พวกมันหรือไง ถ้าชานยอลอธิบายมากกว่าตอบสั้น ๆ ในเรื่องที่เขารู้อยู่แล้วมันก็คงดีหรอก เล่นก้มหน้าก้มตาทำอย่างเดียวโดยไม่เล่าว่าในหัวมีแผนอะไรอยู่ได้ยังไงกัน

    ตัดเอาปลั๊กทิ้งให้เหลือแค่สายไฟพอครับ

    อ่า... ให้ตายเถอะ แบคฮยอนจิ๊ปาก นอกจากจะไม่เล่าแล้วยังสั่งซ้ำอีก แต่ถามว่าทำไหม ใช่ เขาทำ

    ผมไม่รู้ว่ามันจะได้ผลหรือเปล่า แต่จะลองดูสักตั้งก็คงไม่เสียหาย ชานยอลหยุดนิ่งขมวดคิ้วใช้ความคิดระหว่างคำนวณเวลาที่เหมาะสม แล้วหมุนไขลานหลังนาฬิกาปลุกให้เข็มสีแดงชี้ไปข้างหน้าเล็กน้อย ก่อนจะใส่มันเข้าไปในลังทีละอัน และปิดท้ายด้วยการตั้งเวลานาฬิกาข้อมือตนเอง

    ชานยอล มันจะเสียงดังนะ คนตัวเล็กมองอย่างหวาด ๆ ซึ่งอีกฝ่ายก็ยิ้มเป็นคำตอบพร้อมยกลังกระดาษขึ้นมาแนบอก

    นั่นแหละครับที่ต้องการ ขายาวเดินไปข้างหน้าเพียงสามก้าว ก่อนจะหยุดแล้วหันเข้าหาคนตัวเล็กที่ยืนงงอยู่ข้างหลัง เราทำกันเป็นทีม ถูกไหม?

    ใช่ แต่ต้องหลังจากที่ผมเข้าใจแผนของคุณก่อน

    ชานยอลอมยิ้มกับคำพูดคำจาอีกฝ่าย เพียงครู่เดียวเขาพยักหน้าช้า ๆ และเริ่มต้นอธิบายแผนที่เพิ่งฉุกคิดขึ้นมาได้เมื่อครู่นี้

     

     
     

     
     

     

    แบคฮยอนเลื่อนประตูระเบียงออก ก่อนจะย่อตัวลงแล้วก้าวออกไปเงียบ ๆ ริมฝีปากเด็กน้อยยังสบถไม่หยุดกับเรื่องบ้าบอคอแตกที่ทำให้เขาทั้งคู่มาอยู่ตรงนี้ได้ คนตัวเล็กยังคงหวั่นใจกับแผนของชานยอล ที่ต้องเอานาฬิกาปลุกเหล่านั้นไปทิ้งใต้ท้องรถซึ่งอยู่เยื้อง ๆ กับร้านกาแฟที่เป็นจุดเริ่มต้นของเรา ส่วนเขาแสตนด์บายรอตรงนี้ ซึ่งอยู่ถัดจากร้านกาแฟเพียงสามบล็อก

    เด็กน้อยชะโงกหน้ามองอย่างใจจดใจจ่อ จากการคำนวณเวลาแล้วคาดว่าอีกไม่ถึงสามนาทีชานยอลคงถึงที่หมาย แบคฮยอนลุกขึ้นจุดพลุแฟร์อันแรก โบกสะบัดเหนือศีรษะพร้อมตะโกนเรียกร้องความสนใจ

    เฮ้!!!!!!!!!!!”

    เหล่าผีดิบไร้สมองหันมาตามเสียงและแสงสีแดงซึ่งลอยอยู่บนระเบียงชั้นสองของอาคารพาณิชย์ ริมฝีปากเคลือบไปด้วยเลือดเหนียวอ้ากว้าง ส่งเสียงโหยหวนพร้อมยื่นมือขึ้นมาหวังว่ากินเหยื่อบนที่สูง

    มาทางนี้สิ หิวมากนักใช่ไหม?!”

    ชานยอลเปิดผ้าม่านออกเพียงเล็กน้อยเพื่อสอดส่องสถานการณ์ด้านนอก ขั้นตอนเรียกความสนใจสำเร็จแล้วและตอนนี้เป็นจังหวะดีที่เขาจะออกไปข้างนอกเพื่อทำขั้นตอนต่อไปต่อ

    ชายหนุ่มผลักประตูออกไปอย่างเงียบเชียบ พร้อมกล่องลังกระดาษที่กอดอยู่ข้างเอว เขาหันซ้ายขวาเพื่อสังเกตท่าที ก่อนจะวางของลงแล้วใช้มีดแทงเสยคางผีดิบที่อยู่ในระยะอันตรายและกระชากออกอย่างรวดเร็ว

    ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างเงียบเชียบ ชานยอลอุ้มลังกระดาษขึ้นมาอีกครั้ง เขาเล็งไว้แล้วว่ารถคันนั้นเหมาะที่สุดสำหรับแผนนี้ เขาพยายามก้มตัวลงต่ำ ตรงไปยังจุดนั้นและเทนาฬิกาปลุกชนิดไขลานจำนวนสิบอันเข้าไปใต้ท้องรถ ก่อนที่มันจะกระจัดกระจายออก

    ขายาวรีบวิ่งกลับเข้ามาในร้าน แบคฮยอนยังคงขยันทำภารกิจที่เขามอบหมายให้ กระทั่งแสงไฟสีแดงหมด เพียงชั่วอึดใจนาฬิกาปลุกทุกตัวก็ทำงานเมื่อเข็มเดินทางไปจนถึงเวลาที่ตั้งไว้

     

     

    หวอ! หวอ! หวอ!

     
     

    เสียงสัญญาณกันขโมยรถแผดลั่นไปทั่วอาณาบริเวณ แบคฮยอนมองไปยังต้นเหตุของเสียงนั่นซึ่งไม่ได้เกิดแค่คันเดียว สัญญาณเตือนของรถที่จอดอยู่ละแวกนั้นก็พร้อมใจกันทำงานแม้ว่ามันจะถูกจอดไว้นิ่ง ๆ มานานโดยไม่ได้ใช้งาน

    คนตัวเล็กก้มหัวลงต่ำและทิ้งพลุแฟร์ที่ใช้แล้วทิ้งไป เพราะตอนนี้จุดที่เรียกความสนใจพวกกินคนได้ดีที่สุดนั้นไม่ใช่ควันสีแดงที่กำลังจางหายไปกับอากาศอีกแล้ว

    บ้าเอ๊ย เราต้องถอยออกจากที่นี่ หนึ่งในกลุ่มชายชุดดำว่า เมื่อตอนนี้เหล่าผีดิบจำนวนหนึ่งกำลังเดินไปตามเสียงสัญญาณกันขโมย ซึ่งทำให้จุดที่พวกเขายืนอยู่ไม่ปลอดภัยอีกต่อไป

    ...เริ่มแล้วสินะ มินโฮมองไปยังท้องฟ้าที่มีแสงสีแดงอ่อน ๆ ลอยคลุ้งอยู่ ขายาวของกลุ่มชายหนุ่มก้าวถอยหลังเรื่อย ๆ เพื่อหาที่ปลอดภัย ขณะที่เสียงสัญญาณเหล่านั้นยังคงทำงานได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง

     

     
     

     
     

     

    นาฬิกาไขลานเหลือแค่อันเดียวเอง แบคฮยอนชูสิ่งของในมือให้อีกฝ่ายดู ซึ่งคนตัวสูงก็ไม่ได้แสดงทีท่าว่าลำบากใจนัก หลังจากพบว่าอุปกรณ์ที่ใช้เป็นประโยชน์ได้ดีที่สุดเหลืออันสุดท้าย ซึ่งลำพังแค่ตัวเดียวคงดังเรียกร้องความสนใจได้ไม่ดีพอ

    ไม่เป็นไร คุณเข้าไปเก็บนาฬิกาดิจิตอลใส่กระเป๋าให้ได้มากที่สุดก็พอ

    แต่รุ่นดิจิตอลมันดังได้ไม่นานนะ? เด็กน้อยแย้ง พร้อมยัดนาฬิกาปลุกใส่กระเป๋าเป้ที่เก็บมาจากร้านอุปกรณ์กีฬา

    มานี่ครับ ชานยอลกระดิกนิ้วชี้เรียก คนตัวเล็กจึงละมือแล้วเดินไปหยุดอยู่หน้ากระจกใสบานใหญ่อีกครั้งเราไม่ได้ตั้งใจลากพวกมันออกมาที่จุดแรกแค่อย่างเดียว จุดต่อไปที่เราจะวางนาฬิกาอีกคือถัดไปอีกบล็อก และหาจังหวะข้ามถนนไปอีกตึกเพราะไม่มีทางเชื่อมให้เราเดินต่อแล้ว

    อือ แบคฮยอนพยักหน้าเข้าใจ

    เราจะวางนาฬิกาปลุกอีกจุดหนึ่ง จากตรงนั้น ชานยอลชี้นิ้วไปยังตรอกแคบถัดไปอีกสองบล็อกก็วางอีก ทำอย่างนั้นให้ได้มากที่สุด การล่อให้พวกมันเข้าไปในตรอกแคบจะทำให้ถนนเส้นหลักโล่งขึ้น

    แต่นาฬิกาดิจิตอลมันจะดังพักนึงแล้วหยุด อีกประมาณห้านาทีมันถึงจะดังอีกครั้ง ถ้าเป็นอย่างนั้นมันจะไม่เดินกลับหลับไปหานาฬิกาตัวหลังเหรอ?

    นาฬิกาดิจิตอลดังไม่นานก็จริง คุณลองนึกภาพตามดูนะครับ รถจอดอยู่ฝั่งนั้นและมีพวกกินคนอยู่เต็มไปหมด ตอนนี้พวกที่อยู่ในละแวกใกล้เคียงกำลังทยอยเดินมาตรงนี้

    ชายหนุ่มแสดงให้คนตัวเล็กเห็นด้วยภาพ และมันก็ใช่อย่างที่ว่าไว้จริง ๆ เพราะเหล่าผีดิบกำลังค่อย ๆ เดินโซซัดโซเซมาทางนี้ อ้าปากส่งเสียงโหยหวน ไขว่คว้ามือไปข้างหน้า ตามเสียงนาฬิกาไขลานที่จะดังไม่หยุดจนกว่าใครสักคนจะกดปิดมัน

    ต่อให้นาฬิกาที่อยู่จุดอื่นดังอีกครั้ง พวกมันก็เดินกลับหลังไม่ได้แล้ว

    กรรรรซ์...

    ภาพเหล่าผีดิบจำนวนมากล้อมรถยนต์ที่ยังคงแผดเสียงก้องละแวกนี้เป็นระยะ บวกกับเสียงนาฬิกาปลุกรุ่นไขลานที่กระจายอยู่ใต้ท้องรถ ที่ทำให้พวกกินคนพยายามหาต้นเหตุต่อไปโดยไม่รู้ว่าจุดนั้นไม่มีอาหารให้มัน ถนนเส้นนี้อัดแน่นไปด้วยรถและซากศพไร้วิญญาณ จึงทำให้พวกมันเคลื่อนที่ได้ยากขึ้น

    เยี่ยม

    พร้อมจะไปต่อหรือยังครับ? ชายหนุ่มหันไปถาม ซึ่งเด็กน้อยก็พยักหน้าช้า ๆ ก่อนจะหลุดยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่ได้ กับแผนการที่เสี่ยงน้อยกว่าการพยายามวิ่งฝ่าเข้าไปโดยไม่ให้พวกกินคนเห็น

     

     
     

     

     
     

    อี้ชิงเทน้ำจากขวดราดลงไปคมมีดเพื่อล้างความสกปรก แม้รู้ดีว่าต้องใช้มันอีก เขาเลือกที่จะล้างบนพื้นมากกว่าในน้ำ เพราะไม่อยากให้คราบสกปรกเหล่านี้ปะปนอยู่กับธรรมชาติ

    อีกสามคนนั่งเหม่อมองไปยังเบื้องหน้า หลังจากจัดการปลาสองตัวที่จับได้อย่างยากลำบาก แต่ปัจจุบันเหลือแต่ก้างเพราะความหิวโหย

    คุณทำให้อี้ชิงอารมณ์เสีย ซีวอนพูดเสียงเรียบ ซึ่งคยองซูก็ไม่ปฏิเสธ เพราะตั้งแต่อีกฝ่ายตะคอกเป็นภาษาจีน เขาก็ไม่เห็นว่าอี้ชิงจะพูดอะไรอีกเลยหลังจากนั้น

    ดีแล้ว คนอย่างเขาควรระเบิดออกมาบ้าง คนเจ็บไม่ได้รู้สึกผิดเลยสักนิด กลับกันเขายังรู้สึกดีเสียด้วยซ้ำที่ให้คนเงียบ ๆ ได้พ่นความรู้สึกออกมา แทนที่จะพยายามประนีประนอมหว่านล้อมให้คนอยากตายอย่างเขาใจเย็นลง

    ถ้าให้อี้ชิงนั่งด่าทั้งวัน คุณคิดว่าตัวเองจะทนฟังไหวไหม คยองซูชำเลืองมองชายวัยกลางคนที่ถามอะไรแบบนั้นออกมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย

    ทำไมผมต้องทำอย่างนั้น

    แค่อยากรู้

    เอาเวลาไปคิดหาทางหนีออกจากที่นี่ดีกว่าไหม คุณกำลังชวนผมคุยเรื่องอะไร เด็กหนุ่มคาดโทษคนอายุมากกว่า เขายังคงรู้สึกผิดกับชเวซีวอน แต่สำหรับคนอยากตายจนแทบตัวสั่นก็คงไม่มีอารมณ์อยากรักษาน้ำใจใครสักเท่าไหร่

    อ้าว ก็คิดได้นี่ ชายวัยกลางคนหัวเราะทำลายความเงียบละแวกนี้ ซึ่งมันทำให้โดคยองซูรู้สึกหัวเสียยิ่งกว่าเดิมที่อีกฝ่ายเอาคำพูดเขาไปเล่นคำ

    จงแด – ตรงนั้นใช่ไหม – ที่ทำให้จูมง – ข้ามมา – ฝั่งนี้ได้? อี้ชิงชี้ไปยังกลางลำธาร มันตื้นและน้ำสูงกว่าข้อเท้าเล็กน้อย ซึ่งตรงนั้นเป็นจุดที่พวกเขาใช้หาปลาเมื่อครู่

    ใช่

    งั้นจะเป็นไปได้ไหม – ว่าตอนนี้ – ญาติ ๆ ของมัน – จะ? บุรุษพยาบาลหนุ่มเว้นจังหวะไปขณะมองหน้าอีกฝ่าย ซึ่งดูเหมือนว่าจงแดจะเข้าใจและนึกภาพตามเขาได้โดยไม่ต้องอธิบายมากไปกว่านี้

    ...

    ถ้าเป็นอย่างที่คุณคิดจริง ๆ งั้นก็แสดงว่านอกจากพวกข้างนอก เรายังต้องระวังตัวจากสัตว์ดุร้ายที่ไม่รู้ว่าข้ามมาฝั่งนี้แล้วหรือยัง... ใช่ไหม? ซีวอนเลิกคิ้ว และการที่จงแดเอาแต่ยืนเงียบ ก็เป็นคำตอบที่ชัดเจนดี

    นอกจากจะปกป้องที่นี่ไม่ได้... ผมก็ยังคิดไม่ออกเลยว่าจะพาพวกคุณหนีออกไปยังไง จงแดก้มหน้าลง เสยผมขึ้นพร้อมค้างสองมือไว้กลางศีรษะอย่างคนคิดไม่ตก

    ทางเข้าฝั่งที่เคยมีลิงล่ะ? ในเมื่อซีวอนมาจากฝั่งนั้น นั่นก็อาจจะเป็นอีกทางหนึ่งที่อาจทำให้เราทุกคนรอดได้

    อาจจะ เจ้าหน้าที่หนุ่มสบตากับอี้ชิงแต่ปัญหาคือเราต้องผ่านพวกมันก่อนที่จะไปทางนั้นได้

    จงแดพูดถูกซีวอนกล่าวด้วยสีหน้าจริงจังเพราะกว่าจะเข้าไปหาพวกคุณได้ ผมก็ลำบากเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน และนั่นหมายความว่าตอนนี้ป่าชั้นนอกคงมีพวกมันกระจายตัวอยู่

    ทิ้งผมไว้ที่นี่ แล้วไปซะ ทั้งสามคนหันไปมองคนเจ็บที่โพล่งคำพูดไม่น่าฟังออกมา สายตาเหม่อลอยที่หลุบต่ำนั้นทำให้พวกเขาไม่อยากพูดอะไรอีก

    ให้ตาย ผมไม่คิดว่าบุรุษพยาบาลที่ใช้อาวุธไม่ค่อยเป็น กับคนที่รักอุทยานมากกว่าชีวิตจะคิดอย่างนั้น หลังจากที่พยายามหิ้วคุณออกมาด้วย ซีวอนมองอีกฝ่ายอย่างหัวเสีย ถ้าเป็นลูกเป็นหลานคงต้องลงไม้ลงมือกันบ้าง

    ผมรู้ว่ากำลังทำตัวน่ารำคาญ แต่ความจริงก็เห็นกันอยู่ว่าผมเป็นภาระที่จะทำให้พวกคุณเดินทางช้าลง คยองซูกลืนน้ำลาย เราฝืนกันมามากพอแล้ว

    แม้ประโยคนี้จะพูดโดยรวม แต่คิมจงแดก็จุกจนไม่สามารถอ้าปากเถียงได้ เขายังคงเอาแต่โทษตัวเอง แม้ในใจจะคิดว่าสิ่งที่ทำมาตลอดคือความถูกต้อง

     

     

    และถ้ามันเป็นความถูกต้อง... แล้วทำไมเขาถึงรู้สึกผิดอย่างนี้ล่ะ?

     

     

    คุณฝืนเหรออี้ชิง?

    ...ครับ?

    จงแด คุณล่ะ?

    ...

    คนถูกถามต่างเลิกคิ้วอย่างไม่เข้าใจ ชเวซีวอนกำลังคิดอะไรอยู่นั้นทั้งคู่ไม่รู้เลยสักนิด ชายวัยกลางคนหยุดสายตาอยู่ที่คนเจ็บ พร้อมจ้องหน้าอย่างจริงจัง

    เห็นไหมว่าไม่มีใครฝืน

    ...

    ผมคิดว่าคุณกำลังคิดไปเองคนเดียวแล้วล่ะคยองซู ซีวอนไหวไหล่ ก่อนจะลุกขึ้นเตะดินกลบกองไฟเล็ก ๆ ให้ดับลง แล้วยื่นกระเป๋าอาวุธให้อี้ชิงถ้าเราเข้าในป่าชั้นในไม่ได้ งั้นคืนนี้ก็ต้องหาที่ปลอดภัยพักก่อนสักคืน

    ในป่าเนี่ยนะ? จงแดเลิกคิ้ว

    ริมธารน่าจะเวิร์คกว่า แต่ต้องห่างจากตรงนี้หน่อย ชายวัยกลางคนก้าวมาหยุดอยู่ตรงหน้าคนเจ็บ ก่อนจะหันหลังแล้วย่อตัวลงเอาเขาขึ้นมา

    คุณจะทำอะไร? คยองซูขมวดคิ้วมองแผ่นหลังกว้าง ซึ่งแม้แต่จงแดกับอี้ชิงก็ยังไม่เข้าใจ

    พาเข้าขึ้นมา

    ที่ผมพูดโง่ ๆ มาตลอดทั้งทาง มันไม่ทำให้คุณเข้าใจเลยใช่ไหม? เด็กหนุ่มนิ่วหน้าเจ็บกับบาดแผล

    ผมเข้าใจ แต่ถ้าคุณกำลังฝืน ผมกับเขาสองคนจะพาคุณออกไปจากที่นี่เอง

    ...

    ทั้งสามมองไปยังชายวัยกลางคนซึ่งดูเหมือนว่าจะมีความกังวลน้อยที่สุด หรืออาจจะมี... แต่เจ้าตัวนั้นเลือกซ่อนมันเอาไว้ใต้ใบหน้าเรียบเฉยนั้น

    อี้ชิงพยักหน้าเป็นเชิงบอกจงแดให้ช่วยกันประคองร่างคยองซูให้ขึ้นขี่หลังชายร่างสูงโปร่ง สีหน้าคนเจ็บดูไม่สู้ดีนัก ซึ่งคงมาจากสิ่งที่คนรอบข้างแสดงออกต่อเขามากกว่าความเจ็บปวดทางร่างกาย

    คุณใช้หน้าไม้ได้ใช่ไหมจงแด?

    ถ้าระยะไกลผมคงยิงไม่โดน แต่ถ้าเป็นระยะใกล้ก็น่าจะ... มั้งนะ เขาตอบอย่างไม่มั่นใจ แต่ซีวอนก็พยักหน้าบอกให้เขาคว้ามันขึ้นมาถือไว้

    หาทางออกไปจากที่นี่กันเถอะ ชายวัยกลางคนมองเจ้าหน้าที่หนุ่มและบุรุษพยาบาลสลับกันแล้วหลังจากนั้น เราค่อยคิดหาวิธีกลับมาเอาอุทยานคืน

     

     

     

     

     
     

    สายไฟสีดำถูกสอดเข้าไปในหูกล่องกระดาษที่ตัดเป็นรูไว้ ก่อนจะหย่อนลงจากชั้นสองไปอย่างช้า ๆ ขณะที่เสียงโหยหวนรอบข้างยังกดดันไม่ได้ขาด จนถึงตอนนี้พวกผีดิบก็ยังทยอยไปตามเสียงสัญญาณกันขโมยเรื่อย ๆ แม้เขาทั้งคู่จะข้ามมาอีกฝั่งได้แล้ว

    ชานยอลจงใจคว่ำกล่องลงเพื่อให้นาฬิกาดิจิตอลกระจายออก เขาตั้งเวลาเผื่อไว้แค่สามนาทีก่อนที่เสียงมันจะดังเรียกความสนใจ สายไฟถูกเก็บขึ้นมาเผื่อเอาไว้ใช้อีก แต่การหาลังกระดาษนั้นไม่ยากนักสำหรับละแวกนี้ที่ต้องใช้กล่องใส่พัสดุสินค้า

     

     

    หวอ! หวอ! หวอ!

     

     

    เสียงสัญญาณกันขโมยดังขึ้นเป็นจุดที่สี่ ซึ่งตอนนี้ชายหนุ่มมองเห็นรถบรรทุกที่เป็นเป้าหมายแล้วว่ามันอยู่ตรงไหน แต่ความลำบากอยู่ที่เราทั้งคู่ไม่สามารถข้ามผ่านชั้นดาดฟ้าได้อย่างเช่นก่อนหน้านี้แล้ว และการเดินบนท้องถนนก็ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนัก เพราะตอนนี้พวกมันกำลังทยอยมาตามเสียงที่เขาเป็นคนก่อขึ้น

    เอาไงต่อดี

    นั่นเป็นอีกคำถามหนึ่งที่ทำให้ชานยอลต้องใช้เวลาคิด ซึ่งมันอีกแค่นิดเดียวเท่านั้นพวกเขาก็จะผ่านพ้นจุด ๆ นี้ไปได้ แต่ในเมื่อไม่มีทางเชื่อมต่อ ไม่มีชั้นดาดฟ้า นั่นอาจจะเป็นการบีบทั้งคู่ว่าให้เลือกเส้นทางบนถนนแทน

    คุณทำอะไร? แบคฮยอนเปิดหน้าต่าง พร้อมชะโงกหน้าออกไปข้างนอกเพื่อสังเกตการณ์ แบคฮยอน?

    ไม่ใช่แค่คุณที่มีไอเดียคนเดียวหรอกนะ คนตัวเล็กยิ้มพร้อมปีนขึ้นไปนั่งยอง ๆ อยู่บนหน้าต่าง โยนกระเป๋าที่หมดประโยชน์ทิ้งไปและเก็บแค่พลุแฟร์เหน็บไว้ข้างหลัง

    ...

    ชายหนุ่มขมวดคิ้ว วางสองมือลงบนหน้าต่างและชะโงกมองอีกคนที่กำลังปีนเป็นลิงเป็นค่างทั้งที่ข้อเท้าก็ยังเจ็บอยู่ ระเบียงที่ยื่นออกมานั้นคงแค่ครึ่งเท้าเขาเห็นจะได้ แต่ถ้าให้เลือกระหว่างฝ่าพวกกินคนจากข้างล่างไปหาจุดหมายล่ะก็... การเสี่ยงกับที่สูงอาจจะมีเปอร์เซ็นต์ปลอดภัยกว่า

    อะไรที่ทำให้ผมคิดว่าวิธีนี้ดีที่สุดนะ... แบคฮยอนพึมพำกับตัวเอง พลางหลุบสายตามองด้านล่างที่พวกตัวกินคนสามารถมองเห็นได้ และกำลังยื่นมือไม้ขึ้นมาราวกับว่าพวกมันพร้อมจะอ้าแขนรับ ถ้าหากเขาหรือชานยอลร่วงลงไป

    อย่ามองข้างล่างครับ

    เด็กน้อยเม้มริมฝีปากแน่น หายใจเข้าลึก ๆ แล้วก้าวไปจนถึงหน้าต่างตึกด้านขวามือ ทันทีที่ผ่านหน้าต่างเข้าไปข้างในได้ สองขาก็แทบทรุดกับพื้น คล้ายว่าหมดเรี่ยวแรงไปกับความบ้าบิ่นของตนเองเมื่อครู่

    ชานยอลยื่นมือมาพร้อมรอยยิ้ม ซึ่งคนตัวเล็กไม่รู้หรอกว่าอีกฝ่ายกำลังสมเพชอยู่หรืออะไรกันแน่ แบคฮยอนคว้ามือแกร่งไว้เป็นหลักแล้วดึงตัวเองให้ลุกขึ้น ตรงนี้ไม่มีผีดิบให้ต้องสู้ แต่เสียงครางฮือที่ดังมาจากข้างนอกก็ทำให้คนตัวสูงชักมีดออกมา

    ...

    ทั้งคู่หยุดยืนอยู่หน้าประตู แบคฮยอนกำลูกบิดไว้และสบตากับอีกฝ่าย พอชานยอลพยักหน้าเขาจึงหมุนและดึงมันเข้าหาตัว ก่อนคนตัวสูงจะเดินออกไปพร้อมถือไฟฉายขนาดเล็กไว้ระดับปลายคางและไขว้มือที่ถืออาวุธไว้ด้านบนอีกที

    ชายหนุ่มส่งสัญญาณมือบอกให้เด็กน้อยแยกไปจัดการผีดิบในชุดพนักงานที่อยู่ฝั่งซ้าย ส่วนเขาเข้าไปจัดการอีกตัวที่อยู่ด้านขวา ทุกอย่างจบลงอย่างรวดเร็วเมื่อพวกเขาต้องทำเวลา และการปีนป่ายไปตามที่สูงคงไม่ใช่เรื่องจำเป็นอีกต่อไป เพราะพวกเขาเริ่มเข้าใกล้รถบรรทุกคันนั้นจนเห็นได้ในระยะสายตา

    ตรงนั้นยังเยอะอยู่เลย เราฝ่าเข้าไปไม่ได้แน่ นาฬิกาปลุกก็หมดแล้วด้วย แบคฮยอนขมวดคิ้วอย่างคิดไม่ตก

    บนถนนเส้นใหญ่เต็มไปด้วยรถ ซากศพบนพื้น และเหล่าผีดิบที่กำลังหิวโหย คนตัวเล็กถูจมูกและปล่อยให้ความเงียบทำงาน เขากำลังพยายามคิดหาทางออกที่ดีที่สุด แต่มันก็เป็นเรื่องยากเหลือเกิน

    เราต้องทำอาวุธเพิ่ม

    คุณหมายถึง? เด็กน้อยขมวดคิ้ว ก่อนจะหันไปทางด้านซ้ายตามจุดที่ชานยอลกำลังจ้องอยู่ ซึ่งนั่นก็คือมินิมาร์ท GS25

    ผมจะสร้างโมโลทอฟ

     

     

     

     
     

     

    แฟร์อันที่สองดับลงหลังจากใช้มันเป็นตัวล่อความสนใจเมื่อทั้งคู่วิ่งข้ามถนนเส้นเล็กมาอย่างทุลักทุเล แต่สุดท้ายเขาก็เข้าไปในร้านได้ในที่สุด แม้ต้องจัดการผีดิบที่ตามตื๊อไม่เลิกไปหลายตัว

    วัตถุดิบไม่ครบแน่ ผมเห็นแค่น้ำตาล แบคฮยอนกวาดสายตาไปตามชั้นวางของซึ่งมีของเหลือกินเหลือใช้มากมายจนน่าแปลกใจ แต่พอนึกขึ้นได้ว่าที่นี่อยู่กลางเมือง และกลุ่มซงมินโฮก็ไม่เคยเข้ามาลึกขนาดนี้ เสบียงจึงยังคงเหลืออยู่มากมาย ซึ่งมันยากที่เขาจะหันหลังให้เฉย ๆ อยากเอากลับไปด้วยจัง ทำได้แค่คิดแต่ลงมือทำไม่ได้ เพราะถ้าขนเสบียงไปก็รังแต่จะเป็นภาระทำให้เคลื่อนตัวได้ช้าลง

    เอาผงซักฟอกมาให้ผม ชานยอลตรงเข้าไปหลังเคาน์เตอร์ พร้อมเปิดตู้ซึ่งมีแผงบุหรี่และเหล้าหลากชนิดวางเรียงอยู่

    คุณจะทำยังไงกับมัน? คนตัวเล็กวางของตามที่อีกฝ่ายสั่งลงบนเคาน์เตอร์ พลางมองออกไปข้างนอกกระจกมินิมาร์ทเป็นระยะ

    เหล้าทำให้เกิดไฟได้ ส่วนผงซักฟอกมีสารฟอสฟอรัส มันจะทำให้ไฟกระจายเป็นวงกว้างขึ้นครับ พูดจบก็ใช้ฟันกัดซองไว้แล้วฉีกออก ก่อนจะเทผงซักฟอกใส่เข้าไปในขวดเหล้าและปิดท้ายด้วยการยัดผ้าเข้าไป

    อ่า แบคฮยอนอ้าปากค้าง เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสารบ้าบออะไรนั่นมันมีปฏิกิริยายังไงบ้าง

    ผมไม่รู้ว่าแค่นี้จะระเบิดรถได้ไหม เพราะฉะนั้นผมจะไม่เสี่ยงกับรถยนต์ ชายหนุ่มว่าพลางกวาดสายตาด้านนอกคงต้องใช้มอเตอร์ไซค์สักคัน

    คุณจะขับมันเหรอ

    แบคฮยอนครับ ชายหนุ่มมองอีกฝ่ายอย่างถอดใจ ซึ่งคนตัวเล็กก็ไม่เข้าใจว่าเขาถามผิดตรงไหน จึงเลิกคิ้วพร้อมแบมือทั้งสองข้างออก

    ชานยอลผลักประตูมินิมาร์ทช้า ๆ พร้อมก้มตัวลงต่ำ เขาให้แบคฮยอนตามอยู่ข้างหลังและถือโมโลทอฟกับไฟแช็กไว้ รถที่จอดอยู่ข้างฟุตปาธเป็นกำบังชั้นยอด แต่จะดีกว่านี้ถ้าหากว่ามันจอดเรียงยาวไปจนสุดมุมถนนโดยไม่ทำให้พวกกินคนเห็นพวกเขา

    เอาไง

    ขอผมคิดหนึ่งนาที ชายหนุ่มขมวดคิ้ว พลางชะโงกหน้าออกไปด้านนอกเพื่อหาช่องทางเอาตัวรอดให้ไปถึงรถบรรทุกคันนั้นได้โดยไม่ถูกกัดไปก่อน

    นานไป แบคฮยอนหันไปมองข้างหลังพลางเขย่าแขนอีกคนเบา ๆ ให้หันไปทางผีดิบสามตัวที่กำลังตรงมาทางนี้

    ยี่สิบวิ

    ก็ยังนานอยู่ดี...

    ให้ตายสิ ชายหนุ่มสบถ ก่อนคว้าขวดโมโลทอฟพร้อมคว้ามือเล็กให้วิ่งหลบโค้งมาด้วยกัน ระหว่างทางเจอตัวกินคนในชุดสูทเก่า ๆ ยืนอ้าปากรออยู่ เขาจึงถีบเข้ากลางอกอย่างแรงจนมันเสียหลักล้มลงไปกับพื้น

    ชานยอลใช้ไหล่ดันประตูร้านอาหารเข้าไปเพื่อหาที่หลบภัย ทั้งคู่ยกมือขึ้นปิดจมูก หลังจากได้กลิ่นเหม็นเน่าที่ทำให้รู้สึกอยากอาเจียนออกมาเสียให้รู้แล้วรู้รอด จากที่มองเห็นผ่านแสงแดดที่ส่องเข้ามา ก็คงไม่สงสัยแล้วว่ากลิ่นนั้นคืออะไร หลังจากได้เห็นซากศพท้องโหว่อยู่บนพื้นราว ๆ สี่คน และมีแมลงวันมากมายบินตอมอยู่

    แบคฮยอน ทันทีที่ได้ยิน เจ้าของชื่อก็หันไปสบตากับคนตัวสูง เราคงไปเอารถคันนั้นด้วยกันไม่ได้ คุณรู้ใช่ไหม?

    ...

    เราคงโดนกัดแน่ถ้าวิ่งฝ่าพวกมันเข้าไปเอารถที่ไม่รู้ว่ามีกุญแจเสียบอยู่หรือเปล่า แฟร์ที่เหลืออยู่ก็ช่วยอะไรได้ไม่มาก และนั่นหมายความว่าใครคนหนึ่งต้องล่อพวกมันออกห่างจากรถบรรทุก

    โอเค งั้น --

    ไม่ใช่คุณ

    ...

    คนอายุน้อยกว่ายืนนิ่ง กับทางที่ชานยอลไม่เปิดโอกาสให้เขาได้เลือก ทั้งคู่สบตากันท่ามกลางความเงียบและกลิ่นความตายซึ่งเข้าใกล้จมูกเราเรื่อย ๆ

    ไม่รู้ว่าจะเป็นโอกาสสุดท้ายในชีวิตปาร์คชานยอลหรือเปล่าหลังจากเอาตัวรอดมาได้หลายครั้ง ไม่ว่าจะเพราะปาฏิหาริย์หรือฝีมือที่พอมีอยู่ แต่เขาก็ไม่มั่นใจว่าจะรอดกลับไปได้

    เบื้องลึกบอกให้หาทางหนีไปจากที่นี่แทนที่จะตอบแทนกลุ่มชายชุดดำ แต่พอทบทวนแล้ว... ปาร์คชานยอลก็ยังอยากเป็นมนุษย์ที่มีจิตสำนึกอยู่บ้าง สักนิดก็ยังดี

    ชายหนุ่มเอื้อมมือขึ้นมาอย่างลังเลขณะสบตากับคนตรงหน้า ก่อนจะตัดสินใจวางลงบนศีรษะทุยแทนแก้มขาวที่ยังเป็นพื้นที่ต้องห้ามสำหรับคนแย่ ๆ อย่างเขา

    ถ้าเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้น อย่าลังเลที่จะหนี เข้าใจที่ผมพูดใช่ไหมครับ?

    อย่าทำแบบนี้สิ ผมเริ่มใจไม่ดีแล้วนะ

    แบคฮยอนไม่ชอบความรู้สึกนี้เลยสักนิด ที่พูดมามันเหมือนสั่งลาเลยไม่ใช่หรือไง คนตัวเล็กคว้าข้อมืออีกคนไว้ทั้งที่ยังไม่ละสายตาออกห่าง ไม่ว่ายังไงเขาก็อยากให้ผู้ชายเข้าใจยากได้รู้ว่าบยอนแบคฮยอนอยากให้เราอยู่ด้วยกันมากกว่าให้ใครสักคนตายเพราะการเสียสละ

    เรามาถึงตรงนี้ได้ มันไม่ใช่เพราะดวงนะ

    ...

    มันไม่ใช่นิสัยของคุณเลย ทำไมถึงพูดอย่างนั้น

    คนตัวเล็กสบตากับอีกฝ่าย ซึ่งดูเหมือนว่าจะไม่อยากทำความเข้าใจสิ่งที่เขาพูดสักเท่าไหร่นัก

    ผมขอร้องนะ ชานยอล

    ...

    อย่าถอดใจคนตัวเล็กเว้นจังหวะไปครู่หนึ่ง เพื่อปรับเสียงให้อยู่ในโทนปกติ โดยไม่ให้อีกฝ่ายรู้ว่าเขากำลังกลัวแค่ไหนเราต้องกลับไปด้วยกัน สัญญากับผม

    ...

    พูดมาสิ พูดอะไรก็ได้อย่าเอาแต่ --

    ริมฝีปากสีเชอร์รี่ถูกห้ามให้หยุดโดยที่ยังพูดไม่จบ ชายหนุ่มโอบกอดร่างตรงหน้าเข้าแนบชิดแผงอกตน พร้อมบดขยี้จูบริมฝีปากที่เขาชอบมอง ชานยอลเอียงคอปรับองศาจูบให้แนบแน่นยิ่งขึ้นจนตอนนี้ได้ยินเพียงเสียงลมหายใจของเราที่ประสานกัน

    แบคฮยอนกะพริบตากับความงุนงงที่เกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว สองมือค้างอยู่กลางอากาศ ก่อนจะค่อย ๆ กอดตอบและหลับตาลงในวินาทีถัดมา

    จูบที่ร้อนแรงในทีแรกสื่อถึงความอดทนที่สิ้นสุดลง กับโลกที่เปลี่ยนไปจนทำให้ทุกอย่างล้วนมีแต่ความน่ากลัว ปาร์คชานยอลไม่อยากอดทนรออีกแล้ว เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพรุ่งนี้มันจะมีจริงอย่างที่เขาพูดอย่างฉะฉานหรือไม่

    จากบดขยี้จูบแปรเปลี่ยนเป็นความอ่อนโยน ลิ้นร้อนกวาดซึมซับเอาความรู้สึกมากมายเอาไว้ ก่อนจะค่อย ๆ ถอนริมฝีปากออกมาสบตากัน

    ยังอยากสั่งลาอยู่อีกไหม... แบคฮยอนถามเสียงแผ่ว มองจากตรงนี้แล้วปาร์คชานยอลไม่รู้เลยว่าคนตัวเล็กกำลังหน้าแดงหรือไม่ แต่ถ้าให้ใช้ความรู้สึกเป็นตัวคาดเดา... เขาคงคิดว่ามันคงพอสมควร

    เรื่องเสียสละน่ะ... ผมว่าปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฮีโร่คงดีกว่า

    ทั้งคู่หลุดหัวเราะออกมาเบา ๆ ก่อนชานยอลจะกดริมฝีปากลงไปอีกครั้งแล้วผละออกมาจ้องดวงหน้าขาว แบคฮยอนไม่ได้แสดงท่าทีว่ารังเกียจจูบของเขา และนั่นเป็นกำลังใจชั้นเยี่ยมที่ทำให้ปาร์คชานยอลอยากพาตัวเองและอีกฝ่ายรอดจากตรงนี้ไปด้วยกัน

     

     
     

     

     
     

    ชานยอล นั่น คนตัวเล็กชี้ไปยังมอเตอร์ไซค์ส่งอาหารซึ่งจอดอยู่ไม่ห่างจากตรงนี้มากนัก ชายหนุ่มพยักหน้าช้า ๆ พร้อมกวาดสายตาเก็บรายละเอียดสิ่งรอบข้าง ก่อนจะหันเข้าหาอีกฝ่าย

    คุณจำแผนได้ใช่ไหม? เขาหันไปถามย้ำ ซึ่งแบคฮยอนก็พยักหน้าเป็นคำตอบ ดี เราไม่มีเวลาเตรียมตัวหรือลังเล เพราะฉะนั้นทุกอย่างต้องเร็ว

    ผมพร้อมแล้ว

    ทั้งคู่สบตากันระหว่างรวบรวมความกล้า อาจจะสักห้าหรือสิบวินาทีเห็นจะได้ ชานยอลจึงจุดไฟปากขวดเหล้าและปาไปยังมอเตอร์ไซค์คันนั้นอย่างแรงจนเกิดเพลิงไฟขึ้น กระทั่งมันระเบิดในที่สุด

    ดวงตาคมมองไปยังเหล่าผีดิบที่กำลังเดินโซซัดโซเซไปหามอเตอร์ไซค์คันนั้น ชายหนุ่มรอจังหวะอยู่ราว ๆ อึดใจ ก่อนจะทำสัญญาณมือเพื่อบอกให้แบคฮยอนวิ่งเข้าไปในรถคันที่เปิดประตูทิ้งไว้โดยมีซากศพแห้งกรังพาดอยู่ ตามความน่าจะเป็นที่ชานยอลบอกไว้ว่าน่าจะมีกุญแจอยู่ในนั้น

    ขายาววิ่งไปขึ้นรถอีกคันและแทงมีดเข้าไปกลางลูกตาผีดิบที่ดิ้นพล่านอยู่ตรงเบาะคนขับ ก่อนจะปลดสายรัดเข็มขัดนิรภัยออกให้และถีบศพไร้วิญญาณออกไปอย่างไม่ใยดี ก่อนจะเข้าไปแทนที่

    เสียงสตาร์ทรถอีกคันดังขึ้น แบคฮยอนที่นอนหลบอยู่ในรถกลืนน้ำลายเอาความกดดันลงคอ กระทั่งชานยอลขับรถออกไปเขาจึงค่อย ๆ เลื่อนตัวขึ้นเพื่อมองภาพเบื้องหน้า รถยนต์สีขาวขับเลี้ยวไปทางรถบรรทุก เหยียบคันเร่งเรียกความสนใจจนพวกกินคนเดินไปห้อมล้อม แล้วขับถอยหลังเพื่อลากพวกมันออกมาจากตรงนั้นตามแผนที่วางไว้

    แบคฮยอนยันตัวลุกขึ้นนั่ง ตบแก้มเรียกสติตนเองอยู่ในทีก่อนจะสตาร์ทเครื่องแล้วขับไปหารถบรรทุก รอบข้างยังคงมีผีดิบกระจายตัวอยู่ แม้ชานยอลจะขับลากออกไปบ้างแล้ว แต่มันก็บางตาลงจนทำให้คนตัวเล็กกะเผลกขาออกมาและขึ้นไปบนรถบรรทุกได้ภายในเวลาไม่กี่วินาที

     

    กร๊าซซซซซซซซซซซซ!!!”

     

    เสียงของพวกมันและภาพชานยอลที่กำลังขับถอยหลังจนโดนล้อมกดดันยิ่งขึ้นเป็นร้อยเท่า แบคฮยอนพยายามตั้งสติให้มากที่สุดแม้ว่าความกลัวจะเล่นงานเขาจนสองมือมันสั่นไปหมด

    เด็กน้อยบิดกุญแจ ความรู้สึกแรกคือหัวใจหยุดเต้นเมื่อพบว่าไม่มีเสียงเครื่องยนต์ติดอย่างที่คาดหวังไว้ อาจเป็นเพราะเครื่องเย็นหรืออะไรก็ตามแต่ นัยน์ตาเบิกโพลงอย่างตกใจ พร้อมหมุนข้อมือบิดกุญแจซ้ำ ๆ แต่รถบรรทุกก็ไม่มีทีท่าว่าจะสตาร์ทติด

     

     

    แกร่ก แกร่ก แกร่ก!

     

     

    ไม่สิ... ขอร้องล่ะ... ติดสิ! ติด!”

     

    คล้ายว่าเสียงบิดกุญแจรถคือสัญญาณของความสิ้นหวังที่มาพร้อมภาพผีดิบจำนวนมากที่กำลังล้อมรถยนต์ของชานยอลไว้จนมองเห็นเพียงหลังคาสีขาวเท่านั้น และใกล้เข้ามาหน่อยคือพวกมันที่กำลังตรงเข้ามาหาเขา หลังจากเห็นสิ่งมีชีวิตเคลื่อนไหวขึ้นมาบนรถคันนี้

    ความกดดันตีตื้นเข้ามาจนรู้สึกหายใจไม่ออก ริมฝีปากบางสั่นระริกพร้อมมือที่ยังคงบิดกุญแจรถไม่หยุด

     

    กร๊าซซซซซซซซ!!”

     

    ไม่ใช่แค่ชานยอลที่กำลังเผชิญหน้ากับอันตราย แต่ตัวเขาเองก็เช่นกัน กระจกประตูถูกทุบซ้ำ ๆ จากตัวกินคนที่อยู่ด้านนอก และมันยังคงพยายามอย่างไม่ย่อถอยจนกว่าจะได้กินเขา

     

     

    ครืน...

     
     

    ...

    ไม่อยากเชื่อ... แบคฮยอนกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอก่อนจะเข้าเกียร์และเหยียบคันเร่งไปข้างหน้าทันทีที่รถสตาร์ทติด สองมือยังคงสั่นเทาจนไม่รู้ว่าต้องทำยังไงถึงจะกลับเข้าสู่สภาพปกติได้ เขาไม่มีเวลาให้ความตกใจหรือความกลัวอีกแล้ว เด็กน้อยเลือกขับตรงเข้าหารถคันสีขาวที่ถูกห้อมล้อมมากกว่าขับหนีหาทางออก

    ...

    ชายหนุ่มที่กำลังถอดใจว่าคงไม่รอดกำลังเบิกตากว้าง เพราะสิ่งที่เขามองเห็นตอนนี้กลับไม่ใช่เหล่าตัวกินคนจำนวนมากที่พยายามทุบกระจกและปีนป่ายกระโปรงหน้า แต่กลับเป็นรถบรรทุกคันใหญ่ที่พุ่งตรงมาทางนี้และไม่มีท่าทีว่าจะเหยียบเบรก

    ชานยอลเด้งตัวไปข้างหน้าจนหัวโขกกับพวงมาลัยอย่างแรงทันทีที่รถของเขาถูกชนด้วยรถบรรทุกที่คนตัวเล็กขับอยู่ เพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้นที่ชายหนุ่มใช้เวลาไปกับการสะบัดหัวไล่ความมึนงง รถบรรทุกสีขาวก็ขับถอยหลังไป พร้อม ๆ ร่างผีดิบด้านหน้าที่ถูกบดขยี้จนขาดครึ่ง ซึ่งนี่คือโอกาสทองที่เขาจะขับหนี

    ชายหนุ่มเข้าเกียร์และเหยียบคันเร่ง เขาเห็นแล้วว่าตอนนี้แบคฮยอนจอดลงที่ทางโค้งและเปิดประตูรออยู่ ชานยอลเหยียบเบรกและรีบลงจากรถ พร้อมกระโดดถีบผีดิบที่ขวางทางไปให้พ้น

    ขายาววิ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วทั้งหมดที่เขามี ก่อนจะปีนขึ้นไปบนที่นั่งคนขับทางด้านซ้ายโดยไม่ลังเลที่จะเหยียบคันเร่งเดินหน้า

    พระเจ้า... เมื่อกี้ผมเกือบเป็นบ้าตายเพราะกลัวว่าถุงลมรถคุณมันจะทำงาน แบคฮยอนมองคนตัวสูงเพื่อเก็บรายละเอียด ชานยอลไม่โดนกัด... ไม่มีรอยแผลอะไรนอกจากหน้าผากที่เป็นรอยแดง

    ถือว่าเป็นโชคของผมใช่ไหม? ชายหนุ่มหอบหายใจ พลางหันไปยิ้มให้กับคนตัวเล็กที่มีสภาพไม่ต่างกัน ขอบคุณที่ช่วยเปิดทางให้ผม

    ด้วยความยินดี...

    เสียงนาฬิกาปลุกประสานสัญญาณกันขโมยยังคงดังอย่างต่อเนื่อง รถบรรทุกสีขาวเร่งความเร็วขับชนสิ่งกีดขวางออกมาโดยไม่สนใจเสียงหวีดร้องซึ่งไล่ตามมาจากทางด้านหลัง รวมไปถึงซากศพมีชีวิตที่ยืนอยู่บนท้องถนน

    คราบเลือดกับชิ้นเนื้อติดเป็นวอลเปเปอร์รถ เขาพยายามเลี่ยงเส้นทางที่มีพวกมันอยู่เยอะ ซึ่งก็คือจุดที่มีเสียงนาฬิกาปลุก กระทั่งมาถึงจุดที่เลี่ยงไม่ได้ รถบรรทุกขับฝ่าวงล้อมผีดิบมากมายไปอย่างเชื่องช้า แต่หัวใจของคนที่อยู่ในรถกลับเต้นเร็วแรงจนแทบจับจังหวะไม่ได้

    กี่นาทีกันที่ทั้งคู่ต้องลุ้นว่าจะรอดจากวงล้อมหรือไม่ มันอาจจะเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ แต่ก็ยาวนานเหลือเกินสำหรับความกลัวทั้งหมดที่ต้องเผชิญกับตัวกินคนจำนวนมาก

    เราสองคนนี่บ้าบิ่นกันจริง ๆ

    เขาหันไปมองคนตัวเล็กที่ยิ้มขำทั้งสีหน้าอิดโรย จึงเอื้อมมือไปยีศีรษะทุยเบา ๆ แล้วหันไปให้ความสนใจถนนเบื้องหน้าหลังจากขับผ่านพ้นฝูงนรกออกมาได้แล้ว แบคฮยอนเอนหัวซบกับไหล่กว้างอย่างเหนื่อยอ่อน โดยไม่นึกถึงทิฐิหรือความกังวลใด ๆ ที่เคยเป็นกำแพงต่อเราสองคนอีก

    กลุ่มชายชุดดำเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อสิ่งที่เห็น บ็อบบี้เสยผมขึ้นค้างไว้กลางศีรษะพร้อมสบถคำหยาบคายออกมาซ้ำ ๆ ขณะที่ซงมินโฮกับนัมแทฮยอนยืนอึ้งโดยที่พูดอะไรไม่ออก

     

     

    สองคนนั้นเป็นใครกันแน่?

    นั่นคือคำถามแรกที่ผุดเข้ามาในความคิดของเขา

     

     

    นัยน์ตาคมจับจ้องไปยังทั้งสองคนที่ลงมาจากรถบรรทุกในสภาพอิดโรย ก่อนที่ปาร์คชานยอลจะโยนแฟร์อันสุดท้ายออกมาข้างหน้าเพื่อย้ำให้คนเหล่านี้ประหลาดใจยิ่งขึ้นไปอีก บ็อบบี้และคนที่เหลือรีบเข้าไปเปิดท้ายรถเพื่อเช็กสิ่งของว่าเสบียงมีอยู่จริงหรือไม่ ก่อนคำตอบจะเป็นเสียงเฮฮาของเด็กหนุ่มอารมณ์ขัน

     

    ชานยอลและมินโฮสบตากันอย่างหยั่งเชิง ขณะที่แทฮยอนและบ็อบบี้เข้าไปดูอาการแบคฮยอน กอดคอพร้อมพูดจาหยอกล้อ ทั้งที่ปาร์คชานยอลจะหนีไปก็ได้... แต่หมอนั่นเลือกที่จะกลับมาพร้อมสิ่งของที่แม้แต่คนในกลุ่มเขายังไม่รู้เลยว่ามันมีจริงอย่างที่คนในละแวกนี้ลือไว้หรือเปล่า

     

    บยอนชานยอลและบยอนแบคฮยอนกล้าเดินเข้าหาความตายโดยไม่มีอาวุธ และกลับมาได้โดยไม่สูญเสียใครไปสักคน ซึ่งมันทำให้ซงมินโฮนึกถึงประโยคหนึ่งที่อีกฝ่ายพูดกับเขาก่อนออกมาว่า...

     

     

     

    และคุณจะได้เห็นว่าผมมีทางเลือกให้ตัวเองอยู่เสมอ

     

     

     

     

    TBC

     

    เป็นตอนที่เขียนแล้วเหนื่อยมาก เหนื่อยแรง เกือบหมื่นคำ เป็นไงบ้างคะ บู๊สะใจไหม พฮึก ขอบคุณกิ๊งกับติ๋มที่ช่วยคิดไอเดีย คิดฉากในตอนนี้นะคะ ไปกินข้าวละ หิวมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ จะติดเทรนด์อีกปะอยากรู้ มาอัพไวเกิน

     

     #พี่เล่ยด่าว่าไร #งงกัน #เปโกะเป็นคนแปลจีนให้

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×