ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] MIDNIGHT FIEND #มิดไนท์ฟีนด์ | KAIHUN

    ลำดับตอนที่ #7 : CHAPTER 07 :: The Wolfpack

    • อัปเดตล่าสุด 4 มิ.ย. 59


    (c) Chess theme

     

     

     

    CHAPTER 07

    The Wolfpack

     

     



     

    ภาพโดยรอบพร่ามัว ลมหายใจผะแผ่ว ร่างกายสิ้นแรงถูกตรึงไว้ด้วยเข็มเข็ดนิรภัย มีเพียงศีรษะที่ส่ายสะบัดยามรถหักเลี้ยวหลบซ้ายขวาราวกับว่าคนขับกำลังเมา สิ่งที่มองเห็นตอนนี้คือท้องฟ้าสีเทาเข้มกับต้นไม้ที่อยู่ข้างทาง เป็นช่วงเวลาสั้น ๆ ก่อนหยดน้ำบนท้องฟ้าจะร่วงลงมา

     

    ที่ปัดฝนเริ่มทำงานทันทีที่ฝนเทลงมาอย่างหนักราวกับอยากจูบลาฤดูร้อนเป็นครั้งสุดท้าย อากาศในรถหนาวเหน็บจนตัวสั่น เขาไม่มีเรี่ยวแรงยกมือขึ้นกอดตัวเองเลยด้วยซ้ำหลังจากถูกอีกฝ่ายทำอะไรบางอย่าง

     

    แวมไพร์หนุ่มยังคงยิ้มอย่างพอใจ ขณะจับจ้องสายตาอยู่กับถนนเบื้องหน้า ก่อนจะมองกระจกมองหลังเพื่อดูลูกเล่นของพอร์ชสีขาวและบีเอ็มสีดำซึ่งขับไล่ต้อนเขามาตั้งแต่สี่สิบห้านาทีที่แล้ว

     

    รถยนต์ทั้งสามคันยังคงขับแข่งกับสายฝนจนออกนอกเมืองไร้ซึ่งรถขับผ่าน ไคขับหักขวาแกล้งพอร์ชสีขาวจนเกือบเสียหลัก แต่ฝั่งนั้นก็มีฝีมือในการขับรถอยู่พอสมควรจึงสามารถหักพวงมาลัยกลับมาได้ก่อนจะตกไหล่ถนน

     

    บีเอ็มสีดำเหยียบคันเร่งขนาบซ้าย และตามด้วยพอร์ชขาวที่ขับขนาบขวา ไคถอนหายใจพลางหันไปด้านซ้ายมือเพื่อสบตากับเจ้าของบีเอ็ม ก่อนจะยกยิ้มแล้วหันไปเล่นหูเล่นตาใส่หญิงสาวผมบลอนด์น้ำตาลดัดเป็นลอน ผู้ซึ่งเป็นเจ้าของพอร์ชขาว

     

    หนึ่งคือนักรบหมารับใช้พี่ชายแท้ ๆ อีกหนึ่งคือจ่าฝูงสาวฝั่งพันธมิตรที่เขาคิดว่าต้องใช้เวลาสักกี่วิในการบีบคอเธอให้หักด้วยมือขวาข้างเดียว สักสามวิ หรือสองวิกันนะ?

     

     แวมไพร์หนุ่มยังคงขับรถอย่างอารมณ์ดี เขาเร่งเสียงเพลงร็อคขึ้นจนดังกระหึ่มทั่วรถ ซึ่งคนที่เคยพยายามหนีเมื่อหลายชั่วโมงที่ก่อนก็ยังคงนั่งคอพับ ปรือตามองสายฝนนอกกระจกอย่างไร้เรี่ยวแรง ไม่มีการหันหันมาเถียงหรือแสดงความอวดดีอย่างไม่เจียมว่าแวมไพร์นั้นสูงส่งกว่าตนแค่ไหน

     

    เชฟโรเลตคาเมโรสีน้ำเงินถูกไล่ต้อนด้วยหมาป่าสองตัวจนต้องเลี้ยวไปตามที่รถสองคันที่ขับขนาบข้างชักนำ ไคไม่ได้มีความตื่นตระหนกเลยสักนิด แม้ว่าเผ่าพันธุ์แวมไพร์และหมาป่าต่างอ่านความรู้สึกและดมกลิ่นอีกฝ่ายไม่ได้ แต่เขาก็พอจะรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้า

     

    ล้อยางชั้นดีเสียดสีกับถนนจนหยุดอยู่กับที่เมื่อคนขับเหยียบเบรก ก่อนรถอีกสองคันจะหักหลบขวางถนนด้านหลังไว้กันไม่ให้ถอยกลับ เบื้องหน้าคือเบนท์ลี่ย์สีดำจอดขวางทางอยู่ โดยมีชายหนุ่มเชิ้ตขาวพับแขนถึงข้อศอกยืนอยู่หน้ารถ เสื้อขาวนั้นเปียกโชกไปด้วยน้ำฝนจนเห็นกล้ามหน้าอกและหน้าท้อง พร้อมดวงตาสีแดงเข้มที่กำลังมองมาทางนี้ ซึ่งแวมไพร์หนุ่มคุ้นชินกับมันเป็นอย่างดี

     

    พระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยแล้ว ดีใจไหม? ไคหันไปถามคนตัวผอมที่ยังคงนั่งหายใจอย่างไร้เรี่ยวแรง เขาเอื้อมมือไปอังแก้มขาวที่เคยอุ่นมาก่อน แต่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นความเย็นไปแล้ว

     

    เซฮุนกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ เขายังคงไม่สามารถยันตัวลุกขึ้นนั่งตรง ๆ เพื่อมองภาพตรงหน้าได้ เสียงฝนด้านนอกนั้นดังเหลือเกิน คล้ายว่ามันกำลังตะโกนกรอกหูเพื่อเรียกสติโอเซฮุนให้กลับคืนมา

     

    ลิ่วล้อก็ด้วย แวมไพร์หนุ่มไหวไหล่ ขณะมองหมาป่าสองตัวที่เพิ่งลงจากรถผ่านกระจกมองหลัง จ่าฝูงสาวผอมบางและนักรบดวงตาสีเหลืองกำลังแยกเขี้ยวและเผยกรงเล็บข่มขู่ ซึ่งมันน่าเอ็นดูเกินกว่าที่เขาจะนึกกลัว

     

    ตาสีฮาเซลละความสนใจไปทางผู้ชายหน้าเหมือนซึ่งยืนตากฝนอยู่ฝั่งตรงข้าม คมเขี้ยวที่งอกออกมาบวกกับดวงตาสีแดงเข้มบ่งบอกถึงการเป็นผู้นำ อีกทั้งกรงเล็บที่กางออกเช่นเดียวกับหมาป่าอีกสองตัวที่อยู่ด้านหลัง ระหว่างรอให้เขาลงไปเจรจา

     

    ไคเปิดประตูรถ เดินล้วงกระเป๋ากางเกงตรงเข้าหาซีอีโอหนุ่มซึ่งอยู่ในสภาพครึ่งคนครึ่งหมาป่า ทุกอย่างเกิดขึ้นท่ามกลางสายฝน แวมไพร์ตาสีฮาเซลยังคงแสดงให้เห็นถึงความผ่อนคลาย ผิดกับอีกฝ่ายที่กำลังแยกคมเขี้ยวอย่างกราดเกรี้ยว

     

    แกคิดว่าหมาป่าแค่สามตัวจะทำอะไรฉันได้จริง ๆ เหรอจงอิน?

     

    ไครู้ว่าตอนนี้พวกลิ่วล้อกำลังเข้าไปช่วยเลขาคนใหม่ ซึ่งเขาไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องนั้นนัก กับจุดประสงค์ในครั้งนี้ที่ตั้งใจมาเพื่อกระตุกหางหมาเล่น มากกว่าการหลอกให้หลงและฆ่าทิ้งเป็นผักปลาเหมือนคนก่อน

     

    ฉันคนเดียวก็ทำแกคลานกลับโลงได้แล้ว คงไม่ต้องถึงมือคนอื่น คนฟังแค่นหัวเราะ เสยผมดำขลับซึ่งเปียกไปด้วยน้ำฝนขึ้นกลางศีรษะ ก่อนที่เสียงรถยนต์ทั้งสองคันจะขับออกไปหลังจากพาตัวเลขาหนุ่มผู้ซึ่งเป็นเพื่อนคุยแก้เหงาของเขาหนีได้สำเร็จ

     

    สัญชาตญาณหมาหมู่ของพวกแกนี่ช่างน่ายกย่องจริง ๆ เลยนะ แต่ดูสิ? พอไม่มีพรรคพวก แกก็ไม่มีปัญญาหิ้วเลขาคนใหม่กลับไปด้วยตัวเองได้

     

    ศพเน่า ๆ ที่ดีแต่ส่งมลภาวะทางกลิ่นปากอย่างแกจะไปเข้าใจการมีครอบครัวได้ยังไง กลับบ้านไปนอนในโลงดีกว่า อีกหลายชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาผีออกเร่ร่อน แวมไพร์หนุ่มคิ้วกระตุก คมเขี้ยวค่อย ๆ งอกออกมาขณะมองไปยังหมาป่าหนุ่มที่พูดจายั่วโมโหอยู่ฝั่งตรงข้าม

     

    ไอ้ลูกหมา

     

     

     

    *

     

     

     

    ไม่ได้ผล เห็นชัดแล้วว่าต่อให้เปลี่ยนเลขาเป็นผู้ชาย ไอ้สวะนั่นก็ตามจองล้างจองผลาญเราอยู่ดี

     

    แม่ครับ ใจเย็นก่อน

     

    เขาจะไม่หยุดจนกว่าจะเข้าถึงตัวพ่อได้แน่ เขาจะฆ่าพ่อ

     

    และนั่นคือเหตุผลที่เราต้องหาทางฆ่าเขาก่อน รยูชิน แกติดต่อจ่าฝูงฝั่งที่อยู่อเมริกาได้หรือยัง?

     

    เรียบร้อยครับแม่ ทางนั้นจะรีบมาทันทีหลังจากเราวางแผนเรียบร้อยแล้วว่าจะเอายังไง

     

    แล้วฝั่งจีนล่ะ

     

    พวกเขาขอไม่ยุ่งกับแวมไพร์ครับ

     

    ให้ตายเถอะ! หมาป่าพวกนั้นเคยสำนึกบุญคุณบ้างไหม ฉันเคยช่วยมัน ให้ชีวิตใหม่กับมัน!”

     

    ใจเย็นก่อนเถอะคุณ ตอนนี้ผมก็ยังไม่โดนฆ่า รอจงอินกับเด็กคนนั้นฟื้นแล้วค่อยคุยกันอีกทีก็ได้

     

    ฉันรอไม่ได้หรอก ลูกชายแท้ ๆ ของคุณมันคิดจะฆ่าคุณนะ ที่จงอินเจ็บหนักขนาดนั้นเพราะอะไร? จะให้อยู่เฉย ๆ โดยที่ไม่ทำอะไรสักอย่างเลยไม่ได้หรอก

     

    “ตอนนี้จงอินเป็นผู้นำจ่าฝูงแล้ว ถึงคุณจะเป็นแม่ แต่ก็ไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจด้วยตัวเอง คุณต้องฟังเขา นั่นคือกฎของฝูงเรา

     

    เป็นอีกครั้งที่เซฮุนตื่นขึ้นมาท่ามกลางเสียงบทสนทนาของคนแปลกหน้า นัยน์ตาที่เคยปิดสนิทกำลังค่อย ๆ ปรือมองก่อนจะปรับให้มันชัดเจน และสิ่งแรกที่มองเห็นคือแมวสีส้มตากลมซึ่งนั่งจ้องเขาอยู่บนตู้โชว์ซึ่งทำด้วยไม้ชั้นดี ก่อนจะหันไปพบกับใครอีกหลายคนที่กระจายตัวอยู่ในห้องโถงกว้าง

     

    เขาฟื้นแล้ว

     

    ...

     

    ทุกคนหันมาให้ความสนใจคนตัวผอมที่กำลังพยายามยันตัวลุกขึ้น ก่อนชายผิวขาวสะอาดในชุดสุภาพพร้อมแว่นตากรอบดำจะช่วยประคองเขา ค่อย ๆ นะ

     

    เซฮุนกวาดสายตาไปโดยรอบ ความรู้สึกหวาดกลัวยังคั่งค้างและคงไม่หายไปง่าย ๆ แม้ว่าโดคยองซูจะเป็นหนึ่งคนที่เขาคุ้นหน้ามากที่สุดในตอนนี้ก็ตาม ชายคนหนึ่งซึ่งมีส่วนคล้ายจงอินกำลังมองมาทางนี้ เซฮุนจำได้ว่าเขาเคยเห็นผู้ชายคนนั้นลงข่าวหนังสือพิมพ์ธุรกิจ และฉบับสุดท้ายคือการอำลาวงการเพื่อให้ลูกชายสานต่อ

     

    ดื่มน้ำหน่อย น้ำเสียงทุ้มนุ่มของชายสวมแว่นมาพร้อมแก้วน้ำ เซฮุนรับมาอย่างหวาด ๆ ก่อนจะดื่มจนหมดแก้วเพราะความกระหาย ครอบครัวหมาป่ายังไม่ละสายตาจากมนุษย์ที่นั่งอยู่ตรงนั้น โอเซฮุนยังคงมือสั่น และพวกเขาต้องการคำตอบ

     

    อาการของเขาเป็นยังไงบ้างจุนมยอน?

     

    เป็นผลข้างเคียงหลังจากโดนดูดพลังชีวิตน่ะครับ ต้องปล่อยให้ร่างกายปรับสภาพสักคืน พรุ่งนี้อาจดีขึ้น แต่จะกลายเป็นมีไข้แทน ชายผิวขาวกล่าวด้วยน้ำเสียงในโทนเดิม ทุ้มนุ่ม และไม่มีสีหน้ากังวลราวกับว่าเคยรับมือกับกรณีนี้มาแล้ว

     

    พอพูดถึงการดูดพลังชีวิต เขาก็นึกไปถึงภาพแวมไพร์หนุ่มที่งับต้นคอเขาหากแต่ไม่ได้ฝังคมเขี้ยวลงไป หลังจากนั้นเรี่ยวแรงที่เคยมีก็เริ่มหดหายไปทีละนิดจนกลายเป็นหุ่นเชิดที่จะถูกลากไปไหนก็ได้ ในวินาทีนั้นโอเซฮุนคิดว่าจะตายแล้วด้วยซ้ำ

     

    เขาไม่ได้ถูกกัดใช่ไหม?

     

    เปล่าครับ จุนมยอนมองใบหน้าซีดเผือดของคนข้าง ๆ ก่อนจะหันไปทางครอบครัวคิม ถ้าถูกกัดป่านนี้เขาคงตายไปแล้ว และพวกคุณก็รู้ดีว่าแวมไพร์ไม่กัดเพื่อเปลี่ยนใครง่าย ๆ แน่

     

    แวมไพร์เชื่อว่าตนเองเป็นเผ่าพันธุ์ชั้นสูง จึงไม่กัดใครซี้ซั้วเพื่อเปลี่ยนให้เป็นพวกเดียวกัน เลือดแวมไพร์นั้นเป็นพิษ ถ้าหากถูกกัดคงทนได้ไม่ถึงยี่สิบนาที ซึ่งคนตัวผอมผ่านมันมาได้แล้วหลายชั่วโมง

     

     แต่ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมไคถึงเลือกดูดพลังชีวิตเลขาโอ แทนที่จะฆ่าเขาเหมือนกับคนอื่น ๆ

     

    นั่นสิ ความสงสัยของจุนมยอนเป็นอีกคำถามหนึ่งที่ค้างคาใจครอบครัวหมาป่าที่คิดยังไงก็ไม่ตก

     

    มันจะเป็นไปได้ไหม... ทันทีที่ได้ยินเสียงเซฮุน ทุกคนก็หันมาให้ความสนใจเขาอีกครั้ง “ที่เป็นเพราะว่าเขา... อ่านความคิดผมไม่ได้

     

    ...

     

    ผมไม่เข้าใจ เขาเอาแต่บังคับให้ผมบอกว่าพ่อแม่ผมเป็นใคร หมาป่า ผู้รักษา หรือฮันเตอร์อะไรก็ไม่รู้ คนตัวผอมขมวดคิ้ว พลางนึกไปถึงแวมไพร์หนุ่มที่บังคับให้เขาพูดความจริง ทั้ง ๆ ที่ความจริงก็คือพ่อของโอเซฮุนตายเพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์ในวันที่แม่คลอดเขา ส่วนแม่ก็เป็นมะเร็ง เพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อสี่ปีก่อน

     

    แล้วมันใช่สักอย่างหรือเปล่า? คนถามคือผู้หญิงที่ดูเหมือนว่าจะอายุมากกว่าร้อยปีถ้าหากเจ้านายอายุเจ็ดสิบเจ็ด แต่ใบหน้าของเธอกลับดูสาวจนดูเหมือนว่าเพิ่งอายุห้าสิบต้น ๆ

     

    ผมเป็นแค่คนธรรมดาครับ... คุณหญิง

     

    เขาไม่ได้โกหก ผมไม่รู้สึกได้ถึงความเหนือมนุษย์ในตัวเลขาโอเลย เซฮุนรู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมา กับความช่วยเหลือของชายหนุ่มที่ชื่อจุนมยอน ซึ่งยังคงนั่งอยู่ข้างตัวเขา

     

    แต่แม่ของเจ้านายก็ยังคงดูไม่พอใจ สายตาของคุณหญิงยังคงติดรำคาญ และหัวเสียซึ่งไม่รู้ว่าเป็นเพราะเขาหรือเรื่องของไคกันแน่ งั้นก็พาเขาไปส่งที่บ้าน

     

    ไม่ได้ครับแม่ เสียงค้านของคยองซูนั้นหนักแน่น และคงเป็นคนเดียวที่กล้าหือ นอกจากสามีของเธอจงอินบอกว่าห้ามพาคุณเซฮุนไปไหนจนกว่าเขาจะตื่น

     

    ตกลง งั้นแกช่วยหมอจุนมยอนพาเลขาโอขึ้นไปห้องจงอินซะ ถ้าพี่แกฟื้นเมื่อไหร่ก็ไปเคาะประตูเรียกพ่อ

     

    เดี๋ยวสิคุณ?

     

    ครับพ่อ เสียงทุ้มตอบพร้อมพยักหน้ารับ ก่อนชายที่เคยเป็นผู้นำจะเดินขึ้นบันไดชั้นสองไปโดยไม่เรียกภรรยาที่กำลังหัวเสียไปด้วยกัน

     

    แม่ครับ หายใจเข้าลึก ๆ รยูชิน ลูกชายคนโตที่ไม่เคยออกสังคมกุมมือมารดาของตน พร้อมคลึงเบา ๆ เป็นการปลอบให้ใจเย็นลง เมื่อดวงตาของเธอกำลังเปลี่ยนเป็นสีเขียว พร้อมกรงเล็บที่งอกออกมา ขณะที่คยองซูกับจุนมยอนกำลังช่วยหิ้วปีกเลขาโอไปยังห้องผู้นำจ่าฝูงที่แท้จริงในตอนนี้

     

     

     

    *

     

     

     

    พักตรงนี้ก่อน

     

    คนที่ยังไม่แข็งแรงถูกวางลงบนโซฟาตัวใหญ่ มันนุ่มเหมือนเตียงนอนชั้นดีซึ่งโอเซฮุนไม่เคยสัมผัสมาก่อน ในห้องนี้มีกลิ่นหอมแปลก ๆ แต่คงไม่ใช่กลิ่นสมุนไพรอย่างแน่นอน มันถูกปล่อยออกมาเป็นควันเหมือนอโรม่า คาดว่าคงเป็นตัวช่วยให้ชายหนุ่มผิวแทนที่นอนเปลือยท่อนบนอยู่บนเตียงสมานแผลที่เป็นรอยฟันและรอยเล็บตรงช่วงแขนและอกได้เร็วขึ้น หรือไม่ก็แค่ทำให้หลับอย่างสบาย

     

    คยองซู ช่วยหยิบกระเป๋าตรงนั้นให้ผมที เจ้าของชื่อทำตามอย่างว่าง่าย เพียงครู่เดียวกระเป๋าสีดำก็ถูกเปิดออก แม้จะใบเล็ก แต่ข้างในก็มีอุปกรณ์หลายอย่างที่ไม่คิดว่ามนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งจะพกมันไปไหนมาไหนด้วย

     

    คุณจะทำอะไร

     

    ทำให้คุณเดินได้เองโดยไม่ต้องให้ผมช่วยพยุง เจ้าของแว่นกรอบดำตอบโดยไม่มองหน้าอีกฝ่าย เขากำลังหยุดสายตาอยู่ที่หยดน้ำซึ่งไหลออกมาจากปลายเข็ม ก่อนคยองซูจะเข้ามาช่วยจัดแจงท่อนแขนเพื่อให้ง่ายต่อการฉีดยา

     

    เขาสู้กับไคเหรอ เซฮุนมองไปยังคนเอาแต่ใจที่หลับไม่ได้สติอยู่บนเตียง ก่อนเจ้าแมวสีส้มจะเข้ามาในห้อง และกระโดดขึ้นไปนอนข้าง ๆ จงอิน

     

    อืม จุนมยอนขานตอบในลำคอ แต่หมาป่าสมานแผลเองได้ ไม่ต้องเป็นห่วง

     

    เจ้านายแพ้เหรอ ทำไมเขาเจ็บหนักขนาดนั้น? อดคิดไม่ได้ว่าสงครามระหว่างหมาป่ากับแวมไพร์ ใครจะเป็นผู้ชนะ เพราะเขารู้สึกว่าทั้งสองเผ่าพันธุ์ต่างมีความน่ากลัวที่แตกต่าง

     

    เรื่องชนะคงอยู่ที่ใจ เพราะต่างฝ่ายต่างก็เจ็บหนักกลับรังเหมือนกัน คำตอบของอีกฝ่ายคงเรียกว่าเรื่องดี เพราะเขาคงรู้สึกแย่แน่ ๆ ถ้ารู้ว่าเจ้านายเป็นฝ่ายแพ้ ถึงได้นอนหมดสภาพอยู่ตรงนั้น

     

    เมื่อไหร่เขาจะหาย เป็นครั้งแรกที่เซฮุนรู้สึกเป็นกังวลต่อชายคนนั้น รอยแผลสดที่เด่นชัดจนเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นสด ๆ ร้อน ๆ ซึ่งเขาคาดว่ามันคงเจ็บไม่แพ้รอยแผลจากกรงเล็บในวันแรกที่เราเจอกัน

     

    ปกติก็สองสามนาที แต่เขี้ยวแวมไพร์เป็นพิษ เขาเลยต้องใช้เวลาหน่อย คยองซูตอบพลางมองไปยังพี่ชาย

     

    ปกติแวมไพร์อ่านความคิดคนอื่นได้ใช่ไหม มันคล้ายกับการอ่านกลิ่นของหมาป่าหรือเปล่า?

     

    แน่นอนว่าต่าง คยองซูเว้นจังหวะไปครู่หนึ่งพวกนั้นสามารถสบตาคุณแล้วรู้ได้เลยว่ากำลังคิดอะไร อยากทำอะไร ไม่เหมือนเราที่แค่ได้กลิ่นความรู้สึก ทั้งสองฝั่งสามารถใช้มันกับมนุษย์ได้ทุกคน แต่หมาป่ากับแวมไพร์ใช้ทักษะนี้ต่อกันไม่ได้ และหมาป่าทั่วไปไม่สามารถอ่านความรู้สึกจ่าฝูงได้

     

    งั้นจะผิดไหม ถ้าผมจะสงสัยว่าทำไมไคถึงอ่านความคิดผมไม่ได้ ทั้งที่ผมเป็นแค่คนธรรมดา?

     

    ผมกับคนอื่น ๆ ก็สงสัยอยู่เหมือนกัน หมายถึง -- ถ้าคุณเป็นมนุษย์จริง ๆ มันก็น่าสงสัยว่าทำไม? จุนมยอนเป็นคนตอบ ก่อนจะเก็บอุปกรณ์เข้ากล่องแล้วนั่งลงข้าง ๆ เลขาโอ แต่ผมเชื่อว่าไคจะเป็นคนมาให้คำตอบคุณถึงที่แน่

     

    ประโยคนี้ชวนให้ผวา ราวกับเป็นคำเตือนว่าชีวิตของโอเซฮุนจะไม่ปลอดภัยอีกต่อไปแล้ว คุณเป็นหมอเหรอครับ?

     

    ผมเป็นครูห้องพยาบาล แต่ถ้าในโลกเหนือธรรมชาติเขาเรียกผมว่าผู้รักษา จุนมยอนยิ้มบาง ๆ ขณะทำความรู้จักกับอีกคน

     

    แล้วผู้รักษาเป็น...

     

    คนเหมือนคุณ ชายหนุ่มแว่นกรอบดำเว้นจังหวะไปครู่หนึ่ง ผมอายุสามสิบ แก่ตัวไปตามวัย ครอบครัวเราสืบต่อการเป็นผู้รักษามารุ่นสู่รุ่น ถ่ายทอดวิชาเกี่ยวกับศาสตร์เหล่านี้สู่ลูกหลาน

     

    เพื่อรักษาหมาป่าเหรอครับ? เซฮุนเลิกคิ้ว ฉายแววตาสงสัย

     

    เปล่า ผมถูกสอนให้รักษาสิ่งที่อยู่เหนือธรรมชาติ แต่ไคฆ่าพ่อแม่ผม ผมเลยตัดสินใจช่วยหมาป่า

     

    ขอโทษ ผมไม่รู้ว่า -- คนตัวผอมกล่าวอย่างรู้สึกผิด

     

    ไม่เป็นไร คุณพูดได้ เลขาโอจุนมยอนยิ้ม

     

    เอ่อ ไม่ได้ตั้งใจจะมาขัดจังหวะนะ แต่ฉันมีเรื่องจะคุยกับนายหน่อย ด่วนเลย ทั้งสามคนมองไปยังหญิงสาวผมบลอนด์น้ำตาลซึ่งยืนพิงศีรษะอยู่หน้าประตู เชิ้ตสีดำกับกางเกงยีนส์เข้ารูปตัวนั้นทำให้เธอดูสง่าและน่าเกรงขามไปพร้อม ๆ กัน

     

    คยองซูมองเขาแล้วพยักหน้าราวกับอยากบอกว่าเรื่องนี้จะไม่เป็นไร ก่อนจะตามหญิงสาวออกไปพร้อมปิดประตูเพื่อให้บทสนทนาของหมอจุนมยอนและเลขาโอเป็นความส่วนตัวยิ่งขึ้น

     

    ผมเคยเห็นผู้หญิงคนนั้น

     

    ไอรีนน่ะ เป็นลูกสาวอดีตจ่าฝูง เธอเลยสืบทอดตำแหน่งต่อ สนิทกับคยองซูมาตั้งแต่เด็ก และเธอเพิ่งไปช่วยคุณกลับมา

     

    อ๋อ... คนตัวผอมพยักหน้าขอบคุณมากนะครับ ถ้าไม่ได้พวกคุณป่านนี้ผมคงตายไปแล้ว

     

    ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นหรอก ต่อให้ไม่ใช่คุณ จงอินก็ต้องทำแบบนี้อยู่ดี เขาปกป้องทุกคนที่อยู่รอบตัวเขา ไม่มีใครสำคัญมากน้อย พนักงานบริษัทก็เปรียบเหมือนหมาในฝูงที่เขาต้องดูแล

     

    เจ้านายที่เคยดีแต่กวนประสาทกลายเป็นคนอ่อนโยนขึ้นมาภายในเสี้ยววิได้อย่างไร เซฮุนนิ่งไปขณะฟังอีกฝ่ายพูด ก่อนจะมองไปยังคนเจ็บบนเตียง

     

    เรื่องนี้จะหนักขึ้นเรื่อย ๆ ใช่ไหมครับ

     

    จุนมยอนไม่ได้ตอบคำถามในทันที ซึ่งเขาคิดว่าการพยายามอธิบายทางอ้อมหรือปลอบใจด้วยคำพูดดี ๆ คงไม่ช่วยอะไรสำหรับคนที่รอดตายมาได้พร้อมความสงสัยว่าเพราะอะไรแวมไพร์คิมไคถึงไม่สามารถอ่านความคิดของโอเซฮุนได้      

     

    อืม แต่ผมเชื่อว่าจ่าฝูงของเราต้องมีทางออกให้กับเรื่องนี้

     

     

     

    *

     

     

     

    คนตัวผอมปิดประตูลงหลังจากเดินออกไปสำรวจด้านนอก แล้วก็พบว่าในเวลาเที่ยงคืน ครอบครัวหมาป่าก็ยังคงพูดคุยกันถึงเรื่องการถูกแวมไพร์คุกคาม ซึ่งดูเหมือนว่าจะไม่ได้เกิดขึ้นเพียงครั้งสองครั้ง

     

    เขาถอนหายใจพลางพิงแผ่นหลังลงกับประตู มองเข้าไปยังห้องสีสลัวปะปนกับกลิ่นหอมของอโรม่า จนถึงตอนนี้เจ้านายก็ยังไม่ตื่น แต่รอยแผลบนแผงอกนั้นค่อย ๆ เล็กลงแล้วหลังจากเวลาผ่านไปหลายชั่วโมง

     

    เมี๊ยว... เจ้าแมวส้มกระโดดลงจากเตียงแล้ววิ่งตรงเข้ามาหาเขา เซฮุนอุ้มมันขึ้นมาตรงระดับสายตาพร้อมยิ้มบาง ๆ กับความน่ารักของมันซึ่งดูเหมือนว่าจะเชื่องพอสมควร

     

    เป็นห่วงเจ้านายของแกใช่ไหม ฉันก็เป็นห่วงเจ้านายของฉันเหมือนกัน

     

    เมี๊ยว

     

    น่ารัก ฉันจะถามใครได้บ้างนะว่าแกชื่ออะไร เซฮุนกอดแมวส้มไว้แนบอก แล้วเดินไปหยุดอยู่บนโซฟาตัวเดิม ยาของหมอจุนมยอนช่วยให้เดินเหินได้จริง ๆ แต่ในร่างกายของเขากลับรู้สึกเหมือนกำลังมีไข้ และตัวยังคงเย็นเหมือนตอนถูกไคสัมผัส

     

    มันชื่อเจ้าหญิงน้อย

     

    ม่าว!”

     

    เป็นตัวเมียเหรอ? อะ -- อ้าว... เซฮุนเลิกคิ้วมองชายหนุ่มที่นอนเปลือยท่อนบนอยู่บนเตียงพร้อมมองมายังเขา โดยไม่ได้สนใจว่าตอนนี้เจ้าแมวส้มที่เคยอุ้มอยู่แนบอกเมื่อครู่กระโดดหายไปไหน

     

    เสียงหัวใจคุณเต้นช้า

     

    ...

     

    คนเป็นเลขาไม่รู้ว่าต้องทำสีหน้าอย่างไร หลังจากรู้ว่าเจ้านายสุดเรื่องมากคือคนที่ไปช่วยเขาจากแวมไพร์จนได้รับบาดเจ็บสาหัส และต้องนอนพักฟื้นอยู่หลายชั่วโมง เราควรจะต่อล้อต่อเถียงกันด้วยคำพูดน่าชวนหงุดหงิด มากกว่าการต่างคนต่างมองแบบนี้สิ

     

    คุณก็คงเหมือนกัน เซฮุนเบือนสายตาหลบไปอีกทาง

     

    คุณไม่รู้หรอกว่าหัวใจผมเต้นยังไง

     

    ...

     

    แต่ถ้าอยากรู้ ก็มานั่งตรงนี้ชายหนุ่มผิวแทนเคาะปลายนิ้วชี้ลงบนเตียง ซึ่งโอเซฮุนคิดว่าอีกฝ่ายคงอ่านกลิ่นความรู้สึกของเขามาดีแล้ว ถึงได้พูดออกมาอย่างนั้น และมันเป็นเรื่องบ้าชะมัดที่เขากำลังทำตาม

     

    คนตัวผอมรินน้ำให้แก้เก้อ แน่นอนว่าเขาคงไม่คิดวางมือลงบนแผงอกเจ้านายเพื่อวัดอัตราการเต้นของหัวใจแน่ ๆ เซฮุนไม่ได้อยากรู้ว่าหัวใจของหมาป่าที่เกิดราศีธนูจะเต้นแรงเท่าไหร่ ถ้ามันจะทำให้เขารู้สึกแปลก ๆ

     

    คนเป็นเลขาใช้มือข้างหนึ่งประคองร่างคนเจ็บให้ลุกขึ้นนั่งพิงกับหัวเตียง และยื่นแก้วน้ำให้ดื่ม จังหวะที่เจ้านายเงยหน้าขึ้น เขาจึงถอนหายใจออกมาซึ่งไม่รู้ว่าทำไมถึงสูญเสียความเป็นตัวเองถึงขนาดนี้

     

    รู้จากสัมผัสปลายนิ้วเมื่อกี้ ตัวคุณค่อนข้างเย็น

     

    หมอจุนมยอนบอกว่ามันเป็นผลจากการถูกดูดพลังชีวิตน่ะ แต่พรุ่งนี้น่าจะดีขึ้น

     

    หนาวไหม?

     

    คนที่เคยเห็นแต่มุมกวนประสาทของเจ้านายกำลังประหลาดใจจนพูดไม่ออก ทั้งแววตาคู่นั้นและน้ำเสียงที่ต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง เขาไม่อยากพูดหรอกนะว่ามันจะเกี่ยวกับทรงผมที่ปรกหัวคิ้วเอาไว้ จนทำให้ผู้ชายคนนี้ดูเป็นคนธรรมดามากกว่าประธานบริษัทน้ำหอมสุดฮอต

     

    คุณกำลังรู้สึกแย่

     

    เซฮุนปล่อยให้อีกฝ่ายกุมมือตนเองไว้หลวม ๆ กระทั่งรู้สึกได้ถึงไอร้อนที่ค่อย ๆ ซึมเข้ามาในร่างกายทีละนิด ใบหน้าหล่อขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาเห็นว่าเส้นเลือดตามข้อมืออีกฝ่ายกำลังขึ้นสีเข้มราวกับกำลังดูดเอาความเย็นจากร่างกายเขาเข้าไปอย่างไรอย่างนั้น

     

    คุณกำลังทำอะไร? จงอินไม่ได้ตอบคำถาม หมาป่าหนุ่มขบกรามแน่นพร้อมกลั้นหายใจช่วงเวลาหนึ่งก่อนจะปล่อยมือออก เซฮุนมองอีกคนที่กำลังหอบหายใจ สองมือหนาสั่นเทาอย่างน่าเป็นกังวล เขาจึงรีบจับเอาไว้

     

    สีหน้าคนเป็นเลขาลดลงไปยิ่งกว่าเดิมเมื่อเห็นอาการเจ้านายแย่ลงเพราะตัวเอง เซฮุนเอื้อมไปดึงทิชชู่ออกมาจากกล่อง ซับเหงื่อออกจากใบหน้าคมก่อนจะชะงักเพราะถูกคว้ามือเอาไว้

     

    “...เมื่อกี้คุณทำอะไรกับผม แทบจะเป็นครั้งแรก ที่เซฮุนใช้น้ำเสียงแผ่วเบากับคนตรงหน้าแบบนี้ ชายหนุ่มผิวแทนหายใจอยู่ในระดับปกติแล้ว และดวงตาคู่นั้นยังคงจ้องเขาไม่กะพริบ

     

    แบ่งเอาความทรมานมาจากคุณ

     

    ...

     

    ดีขึ้นบ้างไหม? เซฮุนหลุบสายตามองมือตัวเองที่เคยซีดเซียว และพบว่าความเย็นที่เคยทำให้กลัวกำลังค่อย ๆ จางหายไป และแทนที่ด้วยความอบอุ่นจากมือของหมาป่า ผู้ซึ่งเป็นเจ้านายของเขา

     

    คุณยังเจ็บอยู่นะ บ้าเอ๊ย คนเป็นเลขาก้มหน้าลงพลางถอนหายใจ และเจ้านายก็ยังคงจับข้อมือเขาเอาไว้โดยไม่ปล่อย

     

    ให้ผมทำเถอะ เพราะมันคือสิ่งเดียวที่ผมอยากทำมาตลอด แต่ไม่เคยทำสำเร็จเลยสักครั้ง เซฮุนค่อย ๆ เงยหน้าสบตากับอีกฝ่าย ซึ่งแววตาที่มองมานั้นดูเศร้าหมอง ซึ่งเขาไม่รู้ว่าเจ้านายกำลังคิดอะไร

     

    หมายถึงเรื่องช่วยชีวิตคนรอบตัวคุณเหรอ จงอินพยักหน้าช้า ๆ เป็นคำตอบ นี่เป็นครั้งแรกอีกเช่นกัน... ที่อยู่ ๆ เขาก็รู้สึกว่าผู้ชายคนนี้น่าสงสาร กับการแบกรับหน้าที่ผู้นำไว้ และต้องคอยปกป้องคนอื่นเพื่อไม่ให้ตายไปด้วยฝีมือแวมไพร์

     

    คุณคือคนแรกที่ผมช่วยไว้ได้

     

    คนที่ไม่เคยแสดงออกด้านอ่อนแอให้ใครเห็น คนที่เป็นผู้นำของฝูงหมาป่ามาตลอดกำลังซบแก้มลงกับมือเขาอย่างเหนื่อยอ่อน ใบหน้าคมถูกับหลังมือเรียวคล้ายกับสุนัขกำลังออดอ้อนเอาความรักจากเจ้านาย ซึ่งเขาได้แต่ค้างอยู่ท่านั้นแล้วปล่อยให้อีกฝ่ายคลอเคลียจนกว่าจะพอใจ

     

    ขอบคุณที่ยังมีชีวิตอยู่

     

     

     

    TBC

     

     

    เมื่อกี้หนูเจอจ่าฝูงแถว ๆ ตลาด จ่าฝูงเค้าบอกว่าพวกเธอจะมีผัวหลายคนไม่ได้น้ะ /สมมติว่าใช้gifจุ๋มหน้าสั่น

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×