คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ตำแซ่บครกที่ 04 :: เคี้ยง และเพื่อนของเขา (60%)
t
h
e
m
y
b
u
t
t
e
r
ตำแซ่บครกที่ 04
เคี้ยง และเพื่อนของเขา
“อีกละ”
“ใช่ อีกแล้ว”
บิ๊กจุ๋มแค่นยิ้ม มองหนุ่มขับกระป้ออย่างหยามเหยียดเหมือนทุกวันที่เจอกันหน้าร้านของชำน้องหมวยหมิน มารหัวใจเบอร์หนึ่งยังคงไม่ลดละความพยายาม ที่จริงหาญควรจะรู้และเจียมตัวได้แล้วว่าไม่เหมาะสมกับนางฟ้าเลยสักนิด
“วันนี้มาซื้ออะไรอีกล่ะ”
“ซื้ออะไรก็ได้ โตแล้ว”
“อ่า นั่นสินะ โตแล้ว... แต่ก็ไม่มีเงิน แบบนั้นก็น่าคิด” บิ๊กจุ๋มยิ้มอย่างคนมีเงินมากกว่า ควักกระเป๋าสตางค์ออกมากรีดแบงค์พันเป็นตับโชว์เหมือนพวกเก็บเงินดอกตามตลาด นี่งงมากว่ามึงเป็นคนประเภทไหน ถึงได้พกเงินสดติดตัวเยอะขนาดนี้
“กะมาเหมาร้านเหรอวะบิ๊กจุ๋ม”
“ใจก็อยากทำอย่างนั้นนะ ซื้อไว้ทั้งหมด หมวยหมินจะได้อยู่อย่างสบาย ไม่ต้องลุกขึ้นมาช่วยแม่ขายของชำทุกวันหยุดอย่างนี้”
“แต่หมวยหมินคงไม่เอาลื้อหรอกว่ะ ถอยไปซะ” หาญล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงยีนส์ขากระบอกทรงใหญ่ ซึ่งมีโซ่สีเงินเป็นพร็อพเพิ่มความเท่ให้เขาอีกเท่าตัว
“หึ จะพูดแบบนั้นก็ไม่ได้หรอกนะหาญ พอดีว่าฉันไม่ใช่พระเอก แต่ฉันคือตัวจริงของน้องหมวยหมิน” บิ๊กจุ๋มเสยผมพลางกระตุกยิ้มมุมปาก อยากรู้จริง ๆ ว่าไอ้หมอนี่ไปเอาความกล้ามาจากไหน ถึงได้เอากลิ่นน้ำหอมฉุน ๆ กับโซ่กางเกงสุดเทอะทะมาขู่เขาอย่างนี้
หาญยังคงมองมาด้วยสายตาไม่ต่างจากเดิม อะไรจะเดือดดาลขนาดนั้น ขับกระป้ออย่างสุจริตแล้วยังไง คนมีต้นทุนดี ๆ อย่างบิ๊กจุ๋มคะแนนย่อมนำล้ำหน้ากว่าอยู่แล้ว ส่วนคนที่แพ้ก็ต้องดูแลตัวเอง
“อีกไม่กี่วันก็จะถึงงานบุญบ้าน และฉันคุยกับคุณแม่น้องไว้แล้วว่าจะชวนหมวยหมินไปนั่งดูหนังกลางแปลงด้วยกัน พอถึงตอนนั้นนายคงได้กอดขวดสี่สิบดีกรีร้องไห้ตามประสาคนอกหัก แต่ไม่เป็นไรนะ ในงานมีซุ้มสาวน้อยตกน้ำ ถ้านายสนใจล่ะก็ ฉันพอจะสานต่อให้ได้”
“เลอะเทอะว่ะบิ๊กจุ๋ม ดูก็รู้ว่าน้องมีใจให้ใคร เรื่องง่าย ๆ แค่นี้ทำไมมองไม่ออกวะ”
“ก็เพราะมองออกนี่ไง ฉันถึงมานั่งอยู่ตรงนี้ทุกวันจนน้องหมวยหมินใจอ่อน ให้ตายเถอะหาญ หวีรองเรามันคนละเบอร์กัน”
“พวกพี่จะทะเลาะกันอีกนานปะ”
ทั้งสองคนหันไปทางเด็กสาวในชุดกางเกงขาสั้นกับเสื้อยืดตัวโคร่งสีดำสกรีนว่า KAI 88 โอ้ย วันนี้น้องหมวยหมินมาในลุคน่ารักน่าชังอีกแล้ว อยากรู้จังเลยว่าภายใต้เสื้อตัวนั้นจะมาจาเร้ดูม มาจาเร้ดูม ขนาดไหน...
“ไม่ได้ทะเลาะเลย”
“ใช่ ไหนใครทะเลาะกัน ไม่มีครับ”
ทั้งสองเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย ขัดกับเมื่อครู่ที่เหมือนจะอ้าปากแดกหัวกันให้ได้ เด็กสาวถอนหายใจ ยื่นแก้วกาแฟกับ M150 ไปให้ลูกค้าประจำทั้งสองที่สร้างเรื่องปวดหัวให้เธออยู่ตลอด
“เหนื่อยไหมจ๊ะหมวยหมิน”
“เหนื่อย” คนถูกถามกระแทกเสียง หลังจากคนขับกระป้อแสดงความเป็นห่วงเป็นใยไม่เข้าเรื่อง แค่เดินไปเปิดตู้เย็นเอาขวดเอ็มร้อยก็ถาม
“ได้ของแล้วก็รีบไปทำงานทำการซะสิหาญ” บิ๊กจุ๋มนั่งไขว่ห้าง จิบกาแฟซองอย่างใจเย็นตามประสาคนไม่ต้องรีบไปไหนแต่มีเงินใช้
หาญกำหมัดแน่น กัดฟันกรอดอย่างคนแพ้ เมื่อเขาไม่สามารถหมุนฝาขวดเอ็มร้อยแล้วกระดกตรงนี้ได้อย่างที่อีกฝ่ายทำ ถ้าเขาไม่ใช่พวกกินกาแฟแล้วปวดหัว เชื่อเถอะว่าโต๊ะม้าหินอ่อนตัวนั้น หาญต้องเป็นคนนั่งแน่ ๆ
“เอาช้างให้พี่สามขวด”
“แต่เช้าเลยเนี่ยนะ?”
“ใช่ พี่อยากย้อมใจ” หาญเท้าแขนลงกับตู้กระจกวางของ สบตากับคนน่ารักอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนหมวยหมินจะเดินไปเปิดตู้เย็น จัดการเอาขวดเบียร์ใส่ถุงพลาสติกแล้วยื่นให้เขา
“ทำไมกินช้างอะ พ่อบอกว่ามันแรงที่สุดในบรรดาเบียร์เลยนะ” ถึงจะรำคาญอยู่เนือง ๆ แต่เธอก็อดแสดงความเป็นห่วงเป็นใยไม่ได้ พี่หาญต้องขับกระป้อ ถ้าแหกโค้งชนเสาไฟฟ้าก็กลัวผู้โดยสารจะเป็นอะไรไป
“ไว้หมวยหมินขึ้นปกปฏิทินลีโอเมื่อไหร่ พี่หาญจะหันไปเสพทันที”
“หูย เขินเลยอะ น่าเอาตีนฟาดปากจัง” เด็กสาวยืนบิด อมยิ้มอย่างขวยเขินก่อนจะฟาดแขนอีกคนเต็มแรงจนคนซดกาแฟอยู่ถึงกับสะดุ้ง ไม่แสบร้อนก็ให้มันรู้ไป
“หมวยหมิน เอาสบู่นกแก้วให้อ้ายแหน่”
ทั้งสองคนชะงักไป ทันทีที่ได้ยินเสียงผู้มาใหม่ซึ่งรู้ได้ทันทีเลยว่าเป็นใครแม้ไม่ได้เห็นเหง้าหน้า หาญและบิ๊กจุ๋มสบตาอย่างรู้กัน ก่อนจะหันไปทางไอ้กรังในชุดกางเกงขาสั้น เสื้อยืด รองเท้าแตะ ผมเผ้าชี้ฟูเหมือนคนเพิ่งตื่น
“อ้าว พี่อินทร์ เพิ่งตื่นเหรอ”
“แม่น เมื่อคืนเมาคัก ตื่นมาบักเจิ้นล้มหัวสักเลย” อินทร์หัวเราะ เมื่อเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนซึ่งเขาและลูกชายร้านส้มตำทั้งสองอยู่ก๊งกันจนดึกดื่น
“แล้ววันนี้ไม่ต้องทำงานหรือไง แปรงฟันยังเนี่ย”
“ยังบ่ทันสีแข่วอยู่ ถ่าสีพร้อมตอนอาบน้ำหนิล่ะ ไป๋อีหล่า ฟ้าวไปเอามาให้อ้าย”
ไอ้บ้านนอกมันพูดส้นตีนอะไรหาญงงไปหมด พอจับใจความได้คร่าว ๆ ว่าเมื่อคืนมันกินเหล้ากัน แล้วตอนนี้ก็ยังไม่แปรงฟัน ให้ตายเถอะ มันไปเอาความกล้ามาจากไหนถึงได้เดินต่องแต่งตั้งแต่ท้ายซอยมาจนถึงตรงนี้ แล้วชวนคนอื่นคุยทั้งที่ยังไม่แปรงฟัน!
แต่ที่เชี่ยกว่านั้นคือน้องหมวยหมินยังยิ้มแม้ว่าไอ้หอกนี่มันปากเน่า!
“อะนี่ หนูแถมบัตรเติมเงินให้”
“หือ เอาไปเฮดหยัง”
“เติมชั่วโมงเน็ตไง พี่อินทร์จะได้เล่นเฟสบุ๊กสักที” เด็กสาววางบัตรเติมเงินลงบนมือสากหยาบด้าน พร้อมช้อนตามอง ยิ้มเขินเพื่อให้กรรมกรหนุ่มรู้ว่าเธอรู้สึกยังไง
“อ้ายเล่นบ่เป็นดอก เคยลองของบักซาญเบิ่งแล้ว มึนตึบเลย” อินทร์ว่า เขาไม่ถนัดกับการเล่นเน็ตจริง ๆ ลองกี่ครั้ง ๆ ก็มืดแปดด้านไปหมด เห็นมันงม ๆ คุยกับลูกชายร้านผัดไทยก็ปวดหัวแทนแล้ว
“งั้นหมวยหมินสอนเล่น เอาไหม?”
“ไม่ได้นะ!” หาญกับบิ๊กจุ๋มประสานเสียงกันอย่างไม่ได้นัดหมาย บอกเลยว่าแค่ปล่อยให้ยืนสวีทกันตรงนี้ก็เต็มกลืนแล้ว ถ้าจะให้เอาหัวพิงหัว อิงแอบแนบชิดระหว่างสอนเล่นเฟสบุ๊กล่ะก็... ไม่ยอมแน่!
“พวกพี่ยุ่งอะไรด้วย”
“จะไม่ให้ยุ่งได้ยังไง กว่าแม่น้องหมวยหมินจะหาเงินมาซื้อบัตรเติมเงินได้มันไม่ใช่ง่าย ๆ เลยนะ ห้าบาทสิบบาทก็กำไร อย่าเอามาแจกให้คนพรรค์นี้เลยดีกว่า”
“ใช่เลยครับน้องหมวยหมิน มันไม่คุ้มค่าเลยสักนิด” บิ๊กจุ๋มเสริม เขาเห็นด้วยกับที่หาญพูด
“แต่มันเงินหนู” <- หมวยหมิน
“อั่นอีหล่า ส่างมันเถาะ” <- อินทร์
“นั่นไง ได้ยินแล้วใช่ไหมว่าไอ้กรังมันไม่เอา” <- หาญ
“อ้ายไปก่อนเด้อ” <- อินทร์
“อย่าเพิ่งสิ หนูยังไม่ได้สอนพี่เล่นเฟสบุ๊กเลยนะ” <- หมวยหมิน
“สอนอะไรกัน มือถือน่ะมีหรือเปล่าเถอะ ฮะ ๆ” <- บิ๊กจุ๋ม
“มีเด้อ เฮาซื้อมาบักแพง” อินทร์ล้วงกระเป๋ากางเกงขาสั้น เอาสมาร์ทโฟนหน้าตาดีขึ้นมาตบหน้าทุกคนที่บังอาจสบประมาทเขา ทั้งสามคนเบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง ว่ากรรมกรกรัง ๆ แบบนี้น่ะหรือจะใช้ไอโฟนหก!
“เข้”
“มึงปล้นเขามาเปล่าเนี่ย?!” หาญขึ้นเสียง ข่มความตกใจตนเองที่เกิดขึ้นในเวลานี้
“ป๊าด ส่างว่าแท้ อันนี้เฮาซื้อเงินสดเด้อ บ่อยากสิคุย” อินทร์ยิ้มอย่างภาคภูมิใจ เอาชายเสื้อยืดสีดำเช็ดหน้าจออย่างทะนุถนอม
บ้าเอ๊ย... ไอ้หมอนี่ใช้มือถือรุ่นเดียวกับเขางั้นเหรอ บิ๊กจุ๋มเป็นเป็นผู้ใหญ่บ้านเลยนะ ไอโฟนหกราคาไม่ใช่บาทสองบาทที่ใคร ๆ จะซื้อได้ อย่างมากก็ต้องผ่อนศูนย์เปอร์เซ็นต์สิบเดือนสิ แต่อย่างไอ้หมอนี่จะเอาเครดิตจากไหนไปกู้กันล่ะ?!
มันไม่ธรรมดา ผู้ชายคนนี้ต้องมีอะไรแน่ ๆ
“ใช้ไอโฟนหกแต่ไม่เล่นโซเชียลเนี่ยนะ ความจริงพี่อินทร์มีเฟส แต่ไม่ยอมบอกหนูใช่ไหม” หมวยหมินงอหน้าอย่างน้อยใจ
แต่ยังไม่ทันได้ฟังคำอธิบาย กรรมกรหนุ่มก็สร้างความอัศจรรย์ใจอีกครั้ง เมื่ออยู่ ๆ เจ้าตัวก็ดึงเสาออกมา... จากส่วนบนไอโฟนเครื่องนั้น!!!!
“อะ-- ไอโฟนหก-- มะ-- มีเสา” บิ๊กจุ๋มเบิกตาค้าง
“สองซิมพร้อม ดีแถ่กกั๊บวันทูคอว”
เศษใบไม้ปลิวผ่านทำลายความเงียบที่โรยตัวอยู่โดยรอบทั้งสี่คน ไม่มีใครรบเร้าเรื่องการเติมเงินโทรศัพท์เพื่อเล่นโซเชียลอีก ไม่มีแม้แต่การพูดจิกกัด เมื่อทุกคนต่างยืนนิ่ง แล้วปล่อยให้กรรมกรหนุ่มเดินกลับไปพร้อมสบู่นกแก้วสีเขียว
.
.
“ส้มตำปูปลาร้าค่ะพี่ชาญ เอาแบบเผ็ดตายไม่เอาเรื่องเลยนะ” เด็กสาวร่างท้วมยืนแอ่นหน้าอกอยู่หน้าร้านส้มตำ กัดริมฝีปากล่างที่อาบด้วยน้ำยาอุทัยทิพย์หวังให้พ่อค้าหนุ่มมองเห็นความงดงามของเธอ
“เอาข้าวเหนียว น้ำตกหมูด้วยไหม กินส้มตำอย่างเดียวเดี๋ยวแสบท้องนะ”
หัวใจเต้นเร็วแรงเหมือนมีใครสักคนเข้ามาเขย่ามัน และแน่นอนว่าถ้าจะมีใคร คนนั้นก็คงเป็นพี่ชาญนารีคนนี้... เธอรู้สึกได้ถึงความเป็นห่วงเป็นใยของพ่อค้าหนุ่ม ที่ถ้าไม่คิดเข้าข้างตัวเองจนเกินไป ประโยคเมื่อครู่ก็คงมีใจให้กันอยู่ไม่น้อย สังเกตได้จากรอยยิ้มที่อีกฝ่ายส่งมา ทุกครั้งเวลาที่เธอมาอุดหนุน
“ช่วงนี้หนูลดน้ำหนักอยู่น่ะค่ะ...” เด็กสาวยิ้มขวยเขิน
“ลดอะไรกัน นี่ผอมจะแย่อยู่แล้ว จับตรงไหนคงโดนแต่กระดูก...” สายตาพ่อค้าส้มตำที่มองมาชั่งลึกซึ้งเหลือเกิน เด็กสาวรู้สึกเหมือนถูกยิงแสกเข้ากลางหัวใจครั้งแล้วครั้งเล่า คาดว่าถ้าโดนหนักกว่านี้คงได้โทรจองวัด
“เอาตับหวานด้วยเปล่า มีประโยชน์ต่อร่างกายนะ” พี่เจิ้นเสริม แค่น้องชายคนเดียวก็ระทวยจะแย่อยู่แล้ว พอมาเจอคนพี่ว่าแบบนี้สติก็ยิ่งกระเจิง
“เอาหมดเลยค่ะพี่ เอามาให้หมด”
“น่ารัก” ชาญยิ้มขณะสบตากับเด็กสาว พร้อมมือที่ควงสากกระทุ้งลงครกอย่างแรงทั้งที่ยังไม่ละสายตาออกจากเธอ
เด็กสาวริมฝีปากสั่นระริก รู้สึกเหมือนตนเองเป็นครกใบนั้นที่กำลังถูกกระทำชำเราอย่างร้อนแรง โอ้ว... ควงสากเก่งขนาดนี้ ไม่อยากจินตนาการเลยว่าบนเตียงพี่ชาญจะควงสากของตัวเองเก่งแค่ไหน...
นานพอสมควรเลยทีเดียวที่เธอเอาแต่จดจ้องอยู่กับมือใหญ่ที่กำสากขนาดเหมาะมือไว้แน่น พอซื้อทุกอย่างเสร็จก็ขยิบตาสั่งลาพ่อค้า ก่อนจะก้าวขาคาบมอไซค์คู่ใจ บิดออกไปจอดร้านโกวบู้เพื่อซื้อผัดไทยให้แม่
60%
ความคิดเห็น