คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 03 :: Teach me how to bully.
? cactus
Chapter 03
Teach me how to bully
“ไอ้อาจารย์ขี้เก๊กนั่นยอมปล่อยง่าย ๆ จริงเหรอ?”
“ก็ไม่ถึงกับปล่อย” เด็กสาวในชุดนักเรียนผมเปียกชุ่มเล็กน้อยกล่าวพลางไหวไหล่ แม้สายตาของเซฮุนดูจะไม่อยากเชื่อ แต่เธอก็ไม่ได้โกหกสักหน่อย อาจารย์ชานยอลไม่ได้ปล่อย... อย่างน้อยก็ไม่ใช่วันนี้
“เหลือเชื่อเลย พอเข้าไปในสระแล้วไม่เจอใครรู้ไหมว่าเป็นห่วงแทบแย่”
“กลัวฉันจมอยู่ในน้ำหรือไง?”
“ก็ใช่น่ะสิ... อ๊า!” เซฮุนกุมศีรษะตนเองพลางขมวดคิ้วมองคนตัวเล็กที่ฟาดมือลงมาอย่างแรง
“ถ้าฉันตายคงลอยคว่ำหน้ามากกว่าจะหายใจอยู่ใต้น้ำหรือเปล่า คิดบ้างสิ”
“เวลาตกใจใครจะมีสติมายืนคิดว่าเธอจะจมอยู่ในน้ำหรือตะเกียกตะกายขอความช่วยเหลือล่ะ?”
ทั้งคู่เดินออกมาข้างนอกในเวลาฟ้ามืด มีเพียงแสงสว่างจากเสาไฟเท่านั้นที่ทำให้เขาและเธอมองเห็นทางเบื้องหน้าได้ แบคฮีหยุดฝีเท้าหลังจากเซฮุนพูดจบ ดวงตาคู่สวยมองไปยังแสงสว่างเป็นวงกลมเล็ก ๆ จากเสาไฟดวงถัดไปและปล่อยให้ตนเองจมอยู่กับความคิด
“ถ้านายมีสติ นายก็คงเดินมาหาฉันในห้องอาบน้ำโดยไม่ต้องรู้สึกกังวลอะไร”
“แต่บังเอิญว่าฉันไม่มีมันตอนที่ใจกำลังร้อนรนสุด ๆ น่ะสิ” เด็กหนุ่มรูดซิปกระเป๋าเป้เอาผ้าขนหนูผืนเล็กออกมาเช็ดผมให้เด็กสาว
‘มันคือบททดสอบ ถ้าคุณมีสติก็ลอยตัวในน้ำได้ คุณเคยทำให้ผมเห็นแล้วแบคฮี’
“นั่นอาจเป็นเหตุผลที่นายควรฝึกตัวเองให้มีสติมากกว่านี้”
“ฮะ?”
“อ๊า! ความผิดของอาจารย์บ้านั่นคนเดียวเลย” เด็กสาวสบถอย่างหัวเสียเมื่อรู้สึกว่าโดนปาร์คชานยอลล้างสมองเสียแล้ว มันน่าหงุดหงิดจริง ๆ ที่เธอปล่อยให้คำสอนของผู้ชายคนนั้นเข้ามาสั่งการความคิด เหมือนอยู่ ๆ ก็กลายเป็นเด็กเชื่อฟังอาจารย์ขึ้นมา
“เขาพูดจาไม่ดีกับเธอว่าไงบ้าง?”
“ถามทำไม จะตามไปต่อยโชว์เหรอ?”
“เอาไหมล่ะ ขอแค่เธอบอกฉันจะกลับเข้าไปตันท์หน้าอาจารย์ให้ดู”
“ไม่ดูสภาพตัวเองเลย” เด็กสาวจิ๊ปากพลางมองอีกคนหัวจรดเท้า “จริงอยู่ที่นายเป็นคนตัวสูง แต่เชื่อเถอะว่านายจะมีโอกาสได้ต่อยหน้าอาจารย์แค่ครั้งเดียว”
“ใช่ แล้วหลังจากนั้นฉันก็จะโดนซ้อมจนน่วม” เซฮุนทำปากยื่นเถียง
“เอ้า ก็รู้ตัวเองนี่” แบคฮีหัวเราะ
“ถ้าเป็นอย่างนั้นเธอก็ต้องหยุดเรียนมานอนเฝ้าฉัน ป้อนข้าวป้อนน้ำ ทำแผลให้”
“ให้เป็นหน้าที่ของพยาบาลแล้วกัน” เด็กสาวจับปลายคางคนตัวโตกว่าขยับเบา ๆ ซึ่งเซฮุนก็เบ้ปากออดอ้อน กระทั่งแบคฮีพึมพำเบา ๆ ว่า ‘ถ้านายนอนเดี้ยงอยู่โรงพยาบาลฉันคงสบายหูไปหลายวัน’ นั่นแหละ... เขาถึงได้ยิ้มออกมา
“พอเห็นอาจารย์โหมดเอาจริงฉันก็ได้แต่คิดว่าเทอมนี้เธอคงรอดยากแล้วล่ะ”
“ชีวิตฉันเดินมาจนถึงทางตันแล้วสินะ” เซฮุนชำเลืองมองคนข้างตัวที่กล่าวเสียงเอื่อย ผู้หญิงเอาแต่ใจอย่างบยอนแบคฮีถูกบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่ชอบได้ใช่ว่าจะได้เห็นบ่อย ๆ แม้เขาจะไม่เห็นด้วยแต่ตอนยัยนี่ถูกขัดใจก็น่ารักไปอีกแบบ
“หัดว่ายน้ำกับฉันเถอะ อย่างน้อยฉันก็ไม่ทำให้เธอหงุดหงิด”
“...” เด็กสาวหันไปมองคนตัวโตกว่าที่มองมาอย่างจริงจัง จนถึงตอนนี้โอเซฮุนก็ยังไม่ลดละความพยายามแม้เธอจะรู้สึกได้ว่ามันผิดธรรมชาตินิสัยของผู้ชายคนนี้เข้าไปทุกวัน “ตามใจฉันอยู่ได้ ไม่เบื่อหรือไง?”
“เบื่อแล้วจะบอก แต่ตอนนี้ยัง เข้าใจไหมคะ?” แบคฮีเบ้ปากกับคำตอบ พอง้างมือขึ้นจะตบ เซฮุนก็เอียงหน้าเข้าหาพร้อมอมลมไว้ในแก้ม “หอมทีนึงดิ รางวัลของคนรออะ”
“ตั้งแต่เกิดมาเคยไหมที่จะทำอะไรโดยไม่หวังผลตอบแทน”
“ไม่เคย ครั้งนี้ก็เหมือนกัน”
“ซื่อบื้อเอ๊ย” แบคฮีแยกเขี้ยวใส่เด็กหนุ่มกำลังอมยิ้มขณะรอรางวัลจากเธอ เพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้นที่คนตัวเล็กเขย่งขาเลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้ เซฮุนจึงหันเข้าหาเพื่อเปลี่ยนจากหอมแก้มเป็นจูบหวาน ๆ ที่สามารถชดเชยความเบื่อหน่ายไปกับการรอ
แบคฮีไม่ได้ผละออกหรือแสดงท่าทีต่อต้านกับแผนการของคนเจ้าเล่ห์ เธอเพียงยืนนิ่งแล้วปล่อยให้อีกฝ่ายโอบใบหน้าเอาไว้เพื่อจูบที่ล้ำลึกยิ่งขึ้น เซฮุนตวัดกอดเอวคอดเข้าหาตัว กดริมฝีปากย้ำลงไปซ้ำ ๆ และครั้งนี้เขายังคงหวังว่าจะเอาชนะใจแบคฮีได้
เด็กสองคนยืนจูบกันอยู่ไม่ห่างจากสระว่ายน้ำมากนัก มีเพียงอาจารย์หนุ่มเพียงคนเดียวเท่านั้นที่บังเอิญออกมาเห็นภาพมากกว่าเพื่อน ขายาวก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่เร่งรีบพร้อมกระเป๋ากีฬาสีเข้ม ทั้งคู่จึงผละตัวออกเมื่อรู้ว่ามีบุคคลที่สามกำลังตรงมาทางนี้
และผ่านไป... โดยไม่มองหน้าเธอเลย
“ทำเป็นเก๊ก” เซฮุนแค่นหัวเราะ มองตามแผ่นหลังกว้างของอาจารย์หนุ่มที่ตรงไปยังลานจอดรถ
แบคฮีก็เช่นกัน เธอไม่ยอมละสายตาจากผู้ชายคนนั้นกระทั่งหายลับตาไป เด็กสาวไม่แปลกใจกับความรู้สึกในตอนนี้ที่มันกำลังกังวลอยู่ลึก ๆ ว่าอาจารย์จะรู้สึกอย่างไรหลังจากเห็นว่าเธอจูบกับเซฮุนทั้ง ๆ ที่เมื่อครู่เราเพิ่งทำแบบนั้นลงไป ถึงจะยังไม่เกินเลยแต่มันก็เป็นเรื่องที่ทำให้มองบยอนแบคฮีในแง่ลบได้
แต่ถามว่าทำไมต้องแคร์ ในเมื่ออาจารย์ก็คงไม่ได้มองเธอในแง่ดีตั้งแต่แรกแล้ว ปาร์คชานยอลไม่ได้ชอบเธอ ส่วนเธอก็ไม่ได้ชอบเขา เราสองคนไม่ได้รู้สึกอะไรมากกว่าการอยากเอาชนะและสนองความต้องการของกันและกัน
เพราะแบบนั้นอาจารย์ถึงเดินไปเฉย ๆ สินะ
*
วันรุ่นขึ้นแบคฮีก็ยังคงตื่นแต่เช้าและมีโอเซฮุนมาดักรอเพื่อที่จะเดินเข้าไปโรงเรียนพร้อมกัน วันนี้อาจารย์เวรประจำประตูไม่ใช่ปาร์คชานยอล ซึ่งคนตัวเล็กก็ปล่อยให้ผู้ชายคนนั้นเข้ามาในความคิดเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ เท่านั้น
“เฮ้ยเซฮุน! เล่นบาสกัน!”
“เพื่อนเรียกน่ะ” เธอเอาศอกสะกิดแขนคนข้าง ๆ ซึ่งเด็กหนุ่มก็หันมามองเธออย่างเกรงใจ แบคฮีจึงพยักหน้าเพื่อบอกให้เขารู้ว่ามันจะไม่มีความน้อยอกน้อยใจเกิดขึ้นกับผู้หญิงอย่างเธอแน่ ๆ
“งั้นฝากกระเป๋าไปเก็บหน่อย”
“ฉันเป็นขี้ข้านายหรือไง?”
“เป็นเมีย -- อะนั่นแน่” เซฮุนถอยหลบทันก่อนที่คนตัวเล็กจะตบหัวเขาได้ เด็กหนุ่มยิ้มอย่างอารมณ์ดีก่อนจะโยนกระเป๋าเป้ให้พร้อมทำปากจู๋ใส่
“ไม่อยากแก่ตายสินะ”
“คงงั้นอะ เพราะคิดว่าคงตายคาอกเธอ”
“ไอ้ลูกหมานี่...” เด็กสาวกัดฟันพูดพลางถลึงตาขู่ แต่ดูเหมือนว่ายิ่งเธอหัวร้อนและหยาบคายใส่เท่าไหร่เซฮุนก็ยิ่งชอบ
ดวงตาคู่สวยมองผู้ชายที่พยายามเอาชนะใจเธอซึ่งกำลังวิ่งอยู่ในสนามบาส แย่งบอลสีส้มจากทีมตรงข้ามก่อนจะชู้ตมันลงห่วงอย่างสวยงาม รอยยิ้มของเซฮุนที่มีให้เธอนั้นน่ากลัวเกินกว่าจะอบอุ่นใจ ยิ่งผู้ชายคนนั้นให้มากเท่าไหร่ แบคฮีก็ยิ่งกลัวสิ่งที่เรียกว่าความรักมากขึ้นเท่านั้น
เรียวขาก้าวขึ้นบันไดไปอย่างไม่เร่งรีบ ในช่วงเวลาเช้าตรู่แบบนี้ยังไม่ค่อยมีคนมากนัก จึงสะดวกต่อการเปิดกล้องคุยกับจงแด เด็กสาวหยุดยืนหน้าห้องเรียนเมื่อพบว่าตอนนี้มีผู้หญิงกลุ่มหนึ่งกำลังยืนมุงอยู่หน้าห้องซึ่งคงไม่พ้นกลุ่มของคิมดาซม
น่าแปลกที่วันนี้ยัยพวกนั้นมาแต่เช้า รวมถึงเพื่อนในกลุ่มซึ่งมักจะมาสายกว่านี้ราว ๆ ยี่สิบนาทีก็เข้าไปรวมอยู่ด้วย แบคฮีตรงไปทางโต๊ะของเซฮุนที่อยู่ฝั่งขวาของห้องเรียน ท่ามกลางความสนใจของคนเหล่านั้นซึ่งมองมาด้วยสายตาที่เด็กอนุบาลก็รู้ว่าไม่ได้ส่งไปในแง่ดี
แม้แต่เพื่อนอีกสามคนที่อยู่กลุ่มเดียวกัน
วางกระเป๋าของเซฮุนลงแล้วกลับไปนั่งโต๊ะตัวเอง จังหวะนั้นก็ได้สบตากับคิมดาซมที่คงพร้อมจะฉีกอกเธอได้ทุกเมื่อ ก็พอเข้าใจอยู่... ผู้หญิงคนนั้นดันมาชอบเซฮุนในช่วงเวลาที่หมอนั่นนึกอยากจะชอบเธอ และการอยู่ห้องเดียวกันก็ทำให้ตกเป็นเป้าสายตาได้ง่าย ๆ ไม่แปลกถ้าคิมดาซมจะอารมณ์เสียที่เห็นเธอถือกระเป๋าให้เซฮุน เหมือนไปตอกย้ำแบบไม่ตั้งใจว่าเราสองคนมาเรียนพร้อมกัน
แบคฮีนั่งบนเก้าอี้ติดริมหน้าต่าง หยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาซึ่งการตอบแชทของจงแดก็ยังคงเป็นสิ่งแรกที่ทำเหมือนกับทุกวัน ในเมื่อคนอยู่เยอะการเฟสไทม์หาเพื่อนคงไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก เพราะแบคฮีไม่อยากอธิบายว่า ‘เพื่อนก็คือเพื่อนไม่ใช่ผู้ชายที่คั่วอยู่’
เรามักจะเซลฟี่สด ๆ แลกรูปกัน ซึ่งในทีแรกแบคฮีก็ไม่ชอบ แต่พอจงแดบอกว่าคนเราควรยิ้มอย่างน้อยวันละครั้ง เด็กสาวจึงยอมตกลง ตอนนั้นเธอหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่เพราะรูปสีหน้าตลก ๆ ของจงแด ไม่ว่ายังไงเพื่อนคนนี้ก็ยังคงเรียกรอยยิ้มจากบยอนแบคฮีได้เสมอ เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่เด็กสาวให้คิมจงแดเป็นต้นไม้ต้นใหญ่ ๆ ของเธอ
“พวกเธอก็ไม่ได้อยากให้คิมมินซอกอยู่ในกลุ่มอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?”
“เรื่องนั้น...”
“ไม่เห็นต้องฝืนเลย ก็แค่เมิน ไม่พูดด้วย เท่านั้นนางก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว”
“มันไม่ร้ายแรงไปเหรอจูอึน...”
“หรือจะทนรำคาญนางไปเรื่อย ๆ ล่ะ?”
“...”
“ไม่เอาน่า... ก็แค่ถีบเศษที่ไม่จำเป็นออกจากกลุ่มเอง มันไม่ใช่เรื่องยากเลย ปีก่อนกลุ่มฉันก็เคลียร์คนออกไปเหมือนกัน แต่ถ้ามีปัญหาอะไรเดี๋ยวฉันจัดการให้”
“แต่...”
“ตกลงนะ?”
แม้จะไม่ได้ตั้งใจฟังแต่เสียงของคนพวกนั้นก็ชัดเจนดีเต็มสองหู แบคฮีพยักหน้าทักทายอันยูจินและอีกสองคนที่เดินกลับมานั่งที่พร้อมรอยยิ้มอย่างนึกสนุกหลังจากไปสอดเรื่องชาวบ้านมา
“บอกเลยว่าแซ่บแน่งานนี้”
“ก็ดี ห้องเราเงียบมานานเกินไปแล้ว เนอะแบคฮี” คิมพาดา เด็กสาวช่างประจบอันยูจินยิ้มพร้อมมองมาทางเธอ
“กลุ่มจินยองจะแบนมินซอกแหละ”
“แบน?”
“ใช่ เธอก็รู้นี่ว่าพวกกลุ่มเนิร์ดก็แอบชิงดีชิงเด่นกันอยู่ ถึงจะเป็นเพื่อนกันก็เถอะ เห็นเงียบ ๆ เด็กเรียน แต่ร้ายลึกนะจ๊ะ” พาดาเล่าพร้อมมองไปยังกลุ่มเด็กสาวหน้าห้อง
ก็พอรู้บ้างว่าในห้องมีกลุ่มเนิร์ดอยู่เจ็ดคน ซึ่งคิมมินซอกก็เป็นหนึ่งในนั้นและเรียนเก่งที่สุด ได้คะแนนมากที่สุด คนกลุ่มนั้นมีระบบความสัมพันธ์กันแบบแปลก ๆ เหมือนคบเพื่อผลประโยชน์แต่ก็อิจฉาคนที่ได้คะแนนมากที่สุด ไม่เว้นแม้แต่คิมมินซอกที่ดูเงียบ ๆ ก็ดูไม่อยากให้ใครชิงการเป็นที่หนึ่งไปเหมือนกัน
ในห้องเรียนมีทั้งกลุ่มเด็กเรียนแบบนั้น และพวกไม่สนใจอะไรสักอย่างอย่างกลุ่มของเซฮุน ไหนจะพวกคลั่งซ้อมกีฬาเป็นหลัก กับพวกมาเรียนเหมือนมาเล่นเพราะจำเป็นต้องมา รวมถึงพวกแต่งสวยนินทาคนอื่นไปวัน ๆ
ซึ่งกลุ่มของเธอคือแบบหลัง
“ก็จูอึนเพื่อนซี้ดาซมชอบอาจารย์ชานยอลอยู่นี่ แล้วช่วงนี้พวกนั้นดันไปเห็นว่ามินซอกเกาะติดอาจารย์อยู่บ่อย ๆ แถมเมื่อวานยังอ่อยในคาบว่ายน้ำด้วย แกล้งทำเป็นว่ายพลาดแล้วขอสอบอีกรอบ อาจารย์ก็อนุโลมเฉยเลย”
“อยากให้ท่าแต่ไม่เจียมตัว อ้วนก็อ้วน หน้าเป็นสิวด้วย แหวะ สกปรก”
แต่หล่อนก็ไม่ได้สวยกว่าคิมมินซอกเลยนะ
“คงอ่อยเด็กตามเคย แต่ก็ควรเลือกหน่อยปะ ไม่ใช่อ่อยไปทั่ว สงสารนางบ้าง ป่านนี้คงฝันไปไหนต่อไหนแล้ว”
“เป็นเพราะอาจารย์ใจดีกับทุกคนต่างหาก ห้ามว่าเทพบุตรของฉันนะ”
“จ้า นังองครักษ์พิทักษ์ผู้”
แบคฮีไม่ได้ร่วมนินทาครั้งนี้ด้วย แต่ก็ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งเพราะเธอรับรู้ทุกเรื่องที่ไม่แน่ใจว่าจำเป็นต้องรู้หรือไม่ คนตัวเล็กเลือกตอบแชทจงแดมากกว่าจะฟังเรื่องปัญหาโลกแตก แต่ก็ถูกสะกิดโดยคนข้าง ๆ
“เธอเองก็ระวังตัวไว้เถอะแบคฮี สักวันหนึ่งคิมดาซมอาจจะเอาจริงก็ได้” อันยูจินหันมาสบตากับเธอ
“หมายถึงโดนคว่ำบาตรหรือโดนรุมตบล่ะ?”
“อาจจะทั้งสองอย่างเลยก็ได้” ยูจินปั้นหน้าไร้เดียงสา
“ถ้าเธอสามคนกลัวคนพวกนั้นเลยถีบฉันออกจากกลุ่มก็ไม่เป็นไรนะ จะได้รู้ไว้ว่ากลัว” แบคฮียิ้มตาหยีก่อนจะหันไปเล่นสมาร์ทโฟนอีกครั้ง โดยไม่รู้ว่าอันยูจินกำลังมองอย่างเอาเรื่องจนคิมพาดาต้องจับแขนเอาไว้เพื่อบอกให้สงบสติอารมณ์
*
ไม่ถึงสิบนาทีคิมมินซอกก็มาถึง วันนี้เด็กผู้หญิงเจ้าเนื้อผมเผ้าฟูเหมือนไม่ได้หวีเดินเข้ามาในห้องท่ามกลางสายตารังเกียจของกลุ่มคนสวย แต่พอถึงที่ประจำก็ต้องชะงักเมื่อพบว่ามันว่างเปล่า และโต๊ะที่เคยตั้งอยู่ตรงนี้ได้ย้ายไปอยู่หน้าห้องข้าง ๆ โต๊ะอาจารย์แล้ว
มินซอกมองเพื่อนในกลุ่มที่แกล้งหลบตาทำเป็นไม่รับรู้การมาของเธอ มีเพียงเสียงหัวเราะคิกคักเท่านั้นที่เด็กสาวได้ยิน ครู่เดียวก็ตรงไปยังโต๊ะกับเก้าอี้เพื่อเอากลับมาวางที่เดิม แต่มันถูกละเลงด้วยชอล์กสีขาวและเต็มไปด้วยคำด่าทอ
‘กระแดะ’
‘ไปตายไป’
‘ไม่เจียมตัว อีอ้วน’
‘จะเตือนว่าระวังท้องก่อนเรียนจบก็ไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่าชาตินี้หล่อนจะมีโอกาสได้ผัวไหม’
‘ระวังตัวไว้’
‘อย่ามานั่งกับพวกเราอีก’
‘กลุ่มเราไม่ต้อนรับเธอแล้ว’
ประโยครุนแรงก่อนหน้าไม่ทำให้หน้าชาเท่าสองประโยคหลัง แบคฮีมองต้นเหตุเสียงหัวเราะของกลุ่มดาซมโดยมีจูอึนเป็นแม่งานในคราวนี้ รอยยิ้มสะใจของยัยนั่นคงกรีดแทงใจคนที่ถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวหน้าห้องโดยไม่มีใครเข้าไปช่วย
เธอมองเด็กผู้หญิงเจ้าเนื้อเอามือถูโต๊ะจนชอล์กคลุ้ง เพื่อนผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างหน้าจึงตะโกนด่าพร้อมปัดมือไล่ฝุ่นซึ่งกระจายอยู่บนอากาศ มินซอกโค้งหัวขอโทษก่อนจะมองไปยังจุดที่เคยวางโต๊ะ ทว่าตอนนี้มันถูกแทนที่โดยเพื่อนอีกคนในกลุ่มที่นั่งอยู่ข้างหลังสุด ที่ตรงนั้นครบหกคนแล้วแต่มันคงไม่เป็นไรถ้าหากว่ามินซอกจะย้ายไปนั่งข้างหลังแทน อย่างน้อยก็ยังดีกว่าการนั่งหลังสุดคนเดียว
เด็กสาวยกโต๊ะเข้าไป แต่ด้วยทางคับแคบบวกกับร่างกายท้วมของเธอจึงชนโต๊ะคนอื่นจนเคลื่อน มินซอกก้มหน้ารับคำก่นด่าและการกลั่นแกล้งด้วยวิธีขัดขาของเด็กผู้หญิงกลุ่มนั้นที่ไม่รู้ว่าเธอไปทำอะไรให้ถึงได้เป็นแบบนี้ เด็กสาวไม่กล้าห้อยกระเป๋าไว้กับเก้าอี้เพราะกลัวกลุ่มคิมจูอึนจะทำอะไรกับหนังสือของเธอ จึงได้แต่สะพายเอาไว้ตลอดเวลา
“ตลกอะ อีอ้วนเดินชนทุกอย่างเลย นางเป็นเดอะฮัลค์เหรอ ฮ่า ๆ”
“หน้านี่แห้งผากมากกกก”
“โคตรร้ายอะ ขนลุกเลย สงครามประสาทชัด ๆ”
“นี่ยังเบา ๆ นะ ฉันเคยเห็นแม่นั่นเอาจริงมาแล้วตอนมอต้น น่ากลัวเวอร์”
“เออ ยูจินจบมาจากที่เดียวกันกับกลุ่มดาซมนี่เนอะ?”
แบคฮีมองตามคนถูกแกล้งที่เดินกุมมือเปื้อนชอล์กออกไปข้างนอก ไม่ถึงห้านาทีก็เดินกลับมาพร้อมผ้าเช็ดหน้าชุบน้ำผืนเก่า ๆ มินซอกก้มหน้าก้มตาเช็ดโต๊ะและเก้าอี้ตนเองอย่างตั้งใจ โดยไม่มีเพื่อนในกลุ่มคนไหนคิดจะรวบรวมความกล้าหันมาปกป้องเลยสักคนเดียว
รวมถึงตัวเธอ... ที่เห็นการถูกกลั่นแกล้งแต่ก็เลือกเพิกเฉย
มันทำให้บยอนแบคฮีย้อนมองดูตัวเองว่าถ้าหากพ่อของเธอไม่ได้เป็นคนใหญ่คนโต ป่านนี้คงถูกกลั่นแกล้งด้วยวิธีที่ร้ายกาจกว่านั้นไปแล้ว แม้จะรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้อง แต่การยื่นขาเข้าไปยุ่งเรื่องของคนอื่นก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องทำ บยอนแบคฮีไม่ใช่ฮีโร่ เธอไม่จำเป็นต้องเป็นคนดีเพื่อสร้างปัญหา
คนอ่อนแอกลายเป็นเหยื่อทางอารมณ์ เด็กมัธยมอย่างพวกเราต่างรู้ดีที่สุด
*
หลายวันมานี้แบคฮีไม่ได้ไปกินข้าวในโรงอาหารกับเพื่อนเนื่องจากทนความวอแวของโอเซฮุนที่ทำให้เราทั้งคู่ตกเป็นขี้ปากไม่ไหว ใช่ว่าจะรังเกียจหมอนั่นหรอกนะ แต่อะไรที่มันชัดเจนโจ่งแจ้งมากเกินไปก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องดี
เซฮุนเป็นคนน่ารัก แต่พอเยอะเกินไปก็ทำให้ความน่ารักของหมอนั่นดร็อปลงไปโขเลย
อีกอย่างเธอเบื่อที่ต้องฟังเพื่อนนั่งนินทาคน ใครเป็นอะไรรู้หมดแต่จริงไม่จริงก็อีกเรื่อง ขอแค่ได้เล่าได้พูดต่อ บางครั้งก็ใส่สีตีไข่ให้เรื่องเข้มข้นเกินจริงขึ้นเพื่อให้เจ้าของเรื่องดูตกต่ำลง แต่สามคนนั้นคงไม่รู้ตัวว่าการทำแบบนั้นไม่ได้ทำให้ดูสูงขึ้นไปกว่าคนถูกนินทา
วันดีคืนดีเล่นกันเอง ใครไม่มาโรงเรียนวันนั้นแหละคือนรกบนดิน ทุกเรื่องที่เคยทำขัดหูขัดตาจะถูกยกขึ้นมาเป็นประเด็น แต่พอวันถัดมาก็ยิ้มดี๊ด๊าเหมือนว่ารักกันมาแต่ชาติปางไหนโดยไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจเลยสักนิด
ช่วงพักเที่ยงเธอจึงเฟดตัวหนีออกมาอยู่เงียบ ๆ ตามลำพังในท่ออาร์ซีพีหรือท่อคอนกรีตเสริมเหล็กวงกลมขนาดใหญ่กว่าตัวเธอ มันถูกทิ้งอยู่หลังตึกเพราะการสร้างบ่อน้ำของอาจารย์สอนเกษตรกรรมทำพลาด น้ำจึงซึมออกมาจนต้องเปลี่ยนเป็นอุปกรณ์อื่น ครั้นจะทิ้งก็เสียดายของ ทางโรงเรียนจึงเอามาตั้งไว้ที่นี่เผื่อว่าวันหนึ่งจะปิ๊งไอเดียเอามันไปทำประโยชน์อย่างอื่นได้
อย่างน้อยก็แบคฮีคนหนึ่งที่เห็นประโยชน์ของมัน ตรงนี้เงียบสงบไม่มีใคร เธอจะใช้เวลาอยู่ในท่อนี้จนกว่าจะหมดคาบเที่ยง
*
( ตกลงกูบินกลับเดือนหน้านะ กะจะเที่ยวเล่นก่อนสักสามสี่วันแล้วค่อยลากคอมึงไปเดินหาชุดหล่อ ๆ ไปงานเลี้ยงรุ่น )
“กะเอาแบบไหน เจ้าชายดิสนีย์ดีไหม?”
( ส้นตีนเถอะ ระดับอู๋อี้ฝานใส่กางเกงสแลคกับเชิ้ตขาวตัวเดียวเจ้าชายดิสนีย์ก็ลาหมาบวชแล้ว )
“เออ หล่อคนเดียวในโลกแล้วมึงอะ”
( ไม่ได้หรอก เลือกชุดไม่ดีเดี๋ยวโดนมึงแย่งซีน กลับไปคราวนี้กูแพลนไว้ว่าต้องได้แอ้มสักคน พวกที่ไม่ค่อยดูแลตัวเองตอนสมัยมัธยมนี่แหละ พอเรียนจบปุ๊บผอมสวยทั้งนั้น )
“ป่านนี้แต่งงานมีลูกมีผัวหมดแล้วมั้ง”
( ต้องพิสูจน์ )
ชายหนุ่มยิ้มขำ ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงวอร์มพลางมองไปยังท้องฟ้ากว้างที่สามารถมองเห็นกรุงโซลได้จนสุดสายตา ลมเย็นบนดาดฟ้ายังคงให้ความสดชื่นเหมือนกับทุกวัน มองก้อนเมฆบนนั้นแล้วถ่ายรูปมุมเดิมแต่ได้ภาพไม่เหมือนเดิม มองต้นไม้ และเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่พาตัวเองไปนั่งอยู่ในท่อคอนกรีตเสริมเหล็ก
( เงียบ มึงตายแล้วเหรอเพื่อน? )
“เออ ยังอยู่”
ชานยอลเท้าแขนลงบนขอบระเบียงดาดฟ้าขณะที่สายตายังคงมองเด็กผู้หญิงที่นั่งชันเข่าขึ้นและพูดกับหน้าจอมือถือ ดูเหมือนว่าเธอคงกำลังเฟสไทม์กับใครอยู่
( คราวก่อนมึงเล่าค้างไว้เรื่องนักเรียนคนนึง สรุปตอนนี้เป็นไงบ้าง? )
“คนไหนล่ะ?”
( โธ่ไอ้ฉิบหาย ทำเป็นฮอต คนนั้นไงที่บอกว่าเซี้ยว ๆ )
ชายหนุ่มหลุดขำเพราะคนที่กล่าวถึงจามออกมาจนต้องยกมือปิดปาก เด็กสาวถูจมูกก่อนจะหัวเราะกับหน้าจอโทรศัพท์ ซึ่งรอยยิ้มแบบที่ไม่เคยแสดงออกกับเขามันทำให้เกิดคำถามว่าใครกันที่ทำให้บยอนแบคฮีร่าเริงได้ขนาดนั้น
“ก็ไม่ไง ดื้อ เอาแต่ใจ แถมผ่านว่ายน้ำมอต้นมาได้ทั้งที่ว่ายน้ำไม่เป็น”
( สวยเปล่า )
“ถามทำไม?”
( จะได้ให้มึงติดต่อให้กูไง ช่างภาพไม่จำเป็นต้องพึ่งจรรยาบรรณกับเด็กนักเรียนเหมือนครูนะครับ )
“กลับไปเลียเลนส์หกล้านห้าของมึงเหอะ แค่นี้นะ กูจะไปสอนแล้ว”
( จะเก็บไว้กินเองก็บอก )
ชานยอลกดตัดสายทิ้งโดยไม่ปล่อยให้ไอ้หน้าม่อได้พล่ามอะไรอีก อู๋อี้ฝานคือเพื่อนสมัยเรียนมัธยมที่ยังสนิทกันจนถึงทุกวันนี้แม้ว่าชีวิตมหาลัยจะแยกย้ายกันไปเรียนคนละสาย แต่ด้วยความที่เป็นคนทำอะไรง่าย ๆ เราจึงยังติดต่อกันมาตลอดแม้ว่าตอนนี้มันจะไปใช้ชีวิตปักหลักอยู่นิวยอร์กก็ตาม แต่ก็มีแพลนกลับมาเกาหลีเดือนหน้าเพื่องานเลี้ยงรุ่น
ชายหนุ่มปลดล็อกหน้าจอพร้อมกดโทรออก เพียงครู่เดียวเด็กสาวที่เคลิ้มจะหลับก็ตื่นเพราะแรงสั่นสะเทือนของมือถือแต่เธอไม่ได้กดรับในทันที อาจจะสักราว ๆ เกือบหนึ่งนาทีที่บยอนแบคฮีใช้เวลาไปกับการคิด สุดท้ายเธอก็กดรับสาย
( นั่นใคร? )
“ทักทายซะเสียงแข็งเชียว”
( ฉันถามว่าใคร เอาเบอร์มาจากไหน? )
“เอามาจากเครื่องคุณครับ”
( เครื่องฉัน? เดี๋ยวนะ... )
ชายหนุ่มยิ้มขำกับท่าทางของคนตัวเล็กที่ยังคงนั่งชันเข่าอยู่ในท่อ มองจากตรงนี้ก็เห็นว่าบยอนแบคฮีขมวดคิ้วชักสีหน้าอย่างไม่สบอารมณ์แค่ไหน
( อาจารย์เหรอ? )
“ครับ ผมเอง”
เธอเงียบไปหลังจากได้ยินคำตอบ
“คืนแรกที่คุณยื่นโทรศัพท์ให้ผมโทรหาผู้ปกครองครับ”
( แล้วก็เลยยิงเข้าเบอร์ตัวเองน่ะเหรอ? )
“ก็แค่เผื่อไว้”
( เผื่ออะไรคะ? )
“เผื่อวันหนึ่งจะได้โทรหาคุณอย่างตอนนี้มั้งครับ”
( ... )
อาจารย์หนุ่มยังไม่ละสายตาจากเด็กสาวที่นั่งอยู่ในท่อคอนกรีตเสริมเหล็ก สีหน้าของแบคฮีเรียบเฉยแต่ก็ไม่ได้ส่งไปในทางเย็นชา ช่างเป็นเด็กที่หลากหลายอารมณ์จริง ๆ
“เขินเหรอครับ?”
( ตลก หนูกำลังหงุดหงิดอยู่ต่างหาก )
“หงุดหงิดค้างจากเมื่อวานหรือว่าหงุดหงิดที่ผมได้เบอร์คุณมาโดยที่ไม่ได้ขอครับ?”
( ก็ต้องอย่างหลังสิ หนูเป็นผู้หญิง ไม่ต้องปลดปล่อยให้ได้เหมือนผู้ชาย อาจารย์น่ะห่วงตัวเองเถอะ ตอนหนูออกไปแล้วคงไม่ได้ช่วยตัวเองสินะถึงได้เดินตามออกมาติด ๆ )
เด็กตัวแสบยังคงเถียงเพื่อเอาชนะ
“ถ้าทำอย่างนั้นก็ไม่ได้เห็นฉากหนังรักโรแมนติกของคุณกับคู่ขาสิครับ พลาดไปก็น่าเสียดายแย่”
( เหอะ มองด้วยเหรอ เห็นเมินอย่างกับหนูไม่มีตัวตน )
“เมินเพราะอยากรู้ว่าคุณสนใจหรือเปล่าน่ะครับ”
( ...อะไร )
“ตอนนี้ก็ได้คำตอบแล้วด้วย” อาจารย์หนุ่มยิ้มกับสีหน้าเลิกลั่กของเด็กสาว
( ตัวก็ตั้งใหญ่ เดินผ่านให้เห็นขนาดนั้นถ้าไม่ตาบอดก็คงมองเห็นอยู่แล้วหรือเปล่าคะ? )
“แต่มองผมทั้งที่อยู่กับเซฮุนแบบนั้นจะดีเหรอครับ สงสัยจะทำให้ค้างจริง ๆ”
( ต้องให้หนูพูดทวนอีกครั้งไหมว่าหนูแค่มองผ่าน ๆ หลงตัวเองจริง ทำเหมือนตัวเองเก่งมากจนหนูลืมไม่ลง )
“ไม่อยากท้าให้ลองเลยครับ แต่ถ้าอยากรู้ ผมก็แชร์โลเกชั่นบ้านให้ได้”
( แหม อาจารย์คะ เห็นยอมเล่นด้วยสองครั้งเลยคิดว่าหนูจะติดใจเหรอ เด็กผู้หญิงคนอื่น ๆ อาจจะตบตีกันแย่งอาจารย์ แต่หนูก็มีตัวเลือกเยอะแยะที่เอาใจเก่งและไม่ทำให้อารมณ์เสียเหมือนคนบางคน )
“หนูแบคฮีฮอตจังเลย”
ฮึ... หน้างอแล้ว
“ทำอะไรอยู่ครับตอนนี้?”
( นอนรอเซฮุนอยู่มั้งคะ )
“อา... พอนึกถึงเด็กคนนั้นแล้วก็ขนลุกแปลก ๆ ยังไงก็ไม่รู้สิ”
( จะหมายถึงเรื่องจูบเมื่อคืนหรือไง? )
“ประมาณนั้นครับ”
( ทำไม จะหาเรื่องว่าหนูอีกแล้วล่ะสิ อาจารย์ไม่รู้หรอกว่าเซฮุนอยากจูบหนูมากแค่ไหน )
“ก็พอดูออกอยู่ แต่มันไม่ใช่เรื่องนั้นน่ะครับ”
ชานยอลยังคงสนุกกับการแกล้งคนตัวเล็กผ่านทางเสียงโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ว่ากำลังถูกมองจากที่สูง มองกระโปรงสีกรมท่าเข้มซึ่งร่นลงจนเห็นต้นขาขาวและสีหน้าต่อต้านเล็ก ๆ แม้จะไม่รู้ว่าคนปลายสายอยู่ที่ไหน
“ผมรู้สึกเหมือนถูกเซฮุนใช้ปากให้ตอนเห็นเขาจูบกับคุณน่ะ”
( อาจารย์! )
“คราวนี้เป็นความผิดคุณที่เมื่อวานทำให้ผมรู้สึกดีด้วยปากจนเกินไป ไม่งั้นคงไม่ติดตาจนจินตนาการอย่างนั้น โอเซฮุนจะรู้ไหมนะว่าปากนุ่ม ๆ ที่กำลังจูบเคยทำอะไรมาก่อน อา... พูดแล้วปวดหนึบเลย เซ็กส์โฟนกันไหมครับหนูแบคฮีคนเก่ง?”
( เชิญทำไปคนเดียวเถอะ หนูถนัดทำตรง ๆ มากกว่าต้องจินตนาการอย่างคนจนตรอก ตอนนี้หนูรอเซฮุนอยู่ในห้องเก็บของ เรากำลังจะทำเรื่องสนุกกัน อาจารย์จะมาแอบฟังอีกก็ได้นะ )
“น่าตื่นเต้นจังเลยครับ ในที่แคบ ๆ แบบนั้นเสื้อสีขาวของคุณคงเปียกเหงื่อจนเห็นว่าวันนี้ใส่ยกทรงสีอะไร”
( ... )
“วันนี้ใส่ลูกไม้มาหรือเปล่านะ ชักอยากตามไปดูแล้วสิ”
( แค่ – นี้ – นะ )
ชายหนุ่มเสยผมขึ้นพลางมองเด็กสาวที่เดินออกมาจากท่อคอนกรีตเสริมเหล็กพร้อมบ่นอะไรสักอย่างที่เขาไม่ได้ยิน ตอนขมวดคิ้วอย่างขัดใจนั่นแหละที่น่ามองเป็นที่สุด วันนี้บยอนแบคฮีเด็กแก่แดดก็ยังโกหกไม่เนียนอีกแล้ว
*
คิมมินซอกโดนแกล้งหนักขึ้นทุกวัน โต๊ะตัวนั้นยังคงเลอะชอล์กจนต้องไปเอาผ้าขี้ริ้วมาเช็ดแทนที่จะใช้ผ้าเช็ดหน้าเหมือนครั้งแรก การโดนบอยคอตครั้งนี้อยู่ในสายตาเพื่อนทุกคนในห้อง มีทั้งคนที่สนใจจนเห็นเป็นเรื่องสนุกและคนที่คิดว่าไร้สาระแต่ก็เลี่ยงการรับรู้ไม่ได้
แบคฮีคือคนหนึ่งในกลุ่มหลัง เธอมองการถูกกลั่นแกล้งทุกวันตั้งแต่เอารองเท้ากับหนังสือเรียนไปซ่อนจนถึงการถูกเรียกไปคุยเพื่อคาดคั้นให้คิมมินซอกพูดให้ได้ว่าชอบอาจารย์ แม้ยัยนั่นจะปฏิเสธไปแล้วก็ตาม
โดยไม่ได้ต้องการความจริง แต่คนกลุ่มนั้นต้องการคำตอบที่ตรงกับใจ
แบคฮีหัดว่ายน้ำกับเซฮุนช่วงหลังเลิกเรียนและวันหยุดสุดสัปดาห์ เราไปสระว่ายน้ำที่มีคนเยอะ ๆ เพื่อให้เด็กสาวอุ่นใจแม้จะรู้ดีว่าถ้าหากเธอจมลงไปในน้ำก็คงมีเพียงโอเซฮุนเท่านั้นที่จะช่วยได้ แต่การอยู่กับคนมากมายในสถานที่ซึ่งเต็มไปด้วยความทรงจำร้าย ๆ มันก็ดีกว่าการอยู่ตามลำพังเป็นไหน ๆ
เธอไม่ได้เชื่อฟังอาจารย์ถึงได้หัดว่ายน้ำ แต่เป็นเพราะบยอนแบคฮีอยากเอาชนะความกลัวและอยากพิสูจน์ตัวเองให้เห็นว่าเด็กคนนี้ไม่ได้อ่อนแออย่างที่คิด แม้จะไม่ชอบกลิ่นคลอรีนแต่คนตัวเล็กก็ฝืนอยู่กับมันมาแล้วหลายวัน
เพราะกดเซฟเบอร์ไว้ไอดีไลน์ของอาจารย์จึงแอดเพื่อนให้โดยอัตโนมัติ รูปโปรไฟล์มองเห็นเพียงแผ่นหลังกว้างของผู้ชายหุ่นดีบนหาดทรายซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นต่างประเทศ ทำให้รู้ว่าคนนิสัยไม่ดีก็ติสม์เอาเรื่องเหมือนกัน
แบคฮียังคงแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นต่อไป แม้ว่าตอนนี้เธอจะเอาแต่มองรูปโปรไฟล์อาจารย์โดยไม่ยอมกดเข้าไปในห้องแชทเพื่อทักทาย ก็คาบว่ายน้ำอาทิตย์นี้อาจารย์แกล้งแซวเธอว่าสอนว่ายกรรเชียงไม่ถึงห้านาทีก็สอบผ่านเลย คนอะไรนิสัยไม่ดีจริง ๆ
“โทษทีนะมินซอก ฉันต้องรีบไปซ้อมบอลจริง ๆ ฝากทีนะ”
“อือ ไม่เป็นไร แทมินไปเถอะ”
“ขอบใจมาก”
สิ้นเสียงนักฟุตบอลทีมโรงเรียนภายในห้องก็ตกอยู่กับความเงียบ มินซอกมองแบคฮีซึ่งนั่งอยู่ที่เดิมและคาดว่าคงรอเซฮุนเล่นบาสกับเพื่อนเหมือนกับเมื่อวาน เราไม่เคยปริปากคุยกันสักคำ ซึ่งแบคฮีคงไม่อยากคุยกับเธอเหมือนพวกคนสวยในห้อง
“ช้าจังอีอ้วน”
“...!!!”
เด็กสาวร่างท้วมสะดุ้งสุดตัวเมื่อถังถูกเตะจนน้ำกระจายเต็มพื้นห้อง มินซอกเงยหน้าขึ้นมองกลุ่มเด็กสาวที่ตามราวีไม่เลิกโดยมีคิมจูอึนยืนอยู่ข้างหน้า
“มองไร อยากโดนตบอีกหรือไง?”
“...” มินซอกเบือนสายตาหลบไปอีกทาง ก่อนจะก้มลงเก็บถังขึ้นมาตั้งแล้วคว้าเอาไม้ถูพื้น ดาซมยืนกอดอกมองพลางหันไปทางศัตรูหัวใจที่นั่งอยู่ในห้องและกล้าที่จะสบตากับเธอราวกับว่าไม่กลัว
“มองอะไร?”
“นี่เล่นถามทุกคนที่มองหน้าพวกเธอเลยเหรอ?” แบคฮีเว้นจังหวะไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มให้กับเด็กสาวหน้าสวยหน้าห้อง “มองความสวยของเธอไงดาซม ตอบแบบนี้ได้ใช่ไหม?”
แม้ปากจะยิ้มแต่ดวงตาของบยอนแบคฮีกลับกำลังท้าทาย คิมจูอึนจึงเปลี่ยนเป้าหมายจากคิมมินซอกเป็นศัตรูหัวใจของเพื่อนสนิทแทน
“ก็ดี ดูไว้เผื่อว่าวันหนึ่งเจอแบบนี้แล้วจะได้รู้ว่าต้องทำยังไง?”
“หมายถึงฉันเตะถังน้ำตอนเธอถูพื้นอยู่น่ะเหรอ?” แบคฮีแสร้งขมวดคิ้วสงสัยก่อนจะยิ้มออกมา “บ้าน่า ฉันจะทำอะไรโง่ ๆ แบบนั้นได้ยังไง พวกเธอวางใจเถอะ”
“อีนี่...” จูอึนแค่นหัวเราะ ทุกสายตามองไปยังคนตัวเล็ก ซึ่งถ้าดาซมพูดมาคำเดียวคนอื่น ๆ ก็พร้อมจะเข้าไปจิกหัวนังนั่นมาตบ เพราะดาซมคือคนที่สามารถจัดการปัญหาทะเลาะเบาะแว้งได้ถ้าหากเรื่องถึงหูพ่อของแบคฮี
“อ้าว ยังอยู่กันอีกเหรอ?” ดาซมคว้าแขนจูอึนไว้ก่อนจะยิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าเซฮุนเดินเข้ามาในห้อง เด็กสาวจิกแขนเพื่อนจนนิ่วหน้าเจ็บเพียงเพราะเด็กหนุ่มเลือกเดินเข้าไปหาศัตรูหัวใจมากกว่าโต๊ะของตนเองซึ่งอยู่คนละฝั่ง
“จะกลับแล้วล่ะ”
“เห็นอยู่กันเยอะก็นึกว่าวันนี้เป็นเวรของพวกเธอซะอีก” เซฮุนยังคงไม่รู้ถึงสงครามของเด็กผู้หญิง
“เวรของมินซอกน่ะ” จูอึนตอบแทนเพื่อนสนิทของเธอ
“เมื่อวานก็ด้วยเหรอ?” เซฮุนเลิกคิ้วมองเด็กสาวกลุ่มนั้น ก่อนจะหยุดสายตาที่มินซอกซึ่งเลือกหันหลังให้กับเขา
“อื้ม นางอาสาเอง” ดาซมมองมือของเด็กหนุ่มที่เธอชอบ ซึ่งตอนนี้กำลังวางอยู่บนไหล่ของบยอนแบคฮี และภาพที่เห็นทำให้เธอหัวเสียจนไม่สามารถฝืนยิ้มได้นานไปกว่านี้อีกแล้ว “ฉันกลับก่อนนะ แล้วเจอกัน”
“อ่า โอเค อาดิโอส” (ลาก่อน ภาษาสเปน)
เด็กหนุ่มขี้เล่นยกมือขึ้นระดับหัวไหล่พลางโบกเบา ๆ ไล่หลังเด็กสาวหน้าสวยที่เดินกระแทกเท้าออกไปจนเพื่อนทั้งกลุ่มต้องรีบตาม สร้างความประหลาดใจให้กับเด็กผู้ชายที่เก่งแต่เรื่องจีบแต่ไม่ถนัดเรื่องเข้าใจ
“เป็นอะไรละนั่น”
“โรคของผู้หญิงน่ะ ไม่ต้องเก็บไปใส่ใจหรอก” แบคฮียิ้มพลางส่ายหน้าก่อนจะเก็บของใส่กระเป๋า “ฉันขอไปเข้าห้องน้ำแป๊บนึง”
“งั้นเดี๋ยวฉันช่วยมินซอกจัดโต๊ะรอ”
เด็กสาวเพียงไหวไหล่ เธอมองแผ่นหลังของคนกะล่อนที่บางครั้งก็ดูซื่อจนน่าเคาะกะโหลก มินซอกพยายามห้ามเซฮุนไม่ให้เข้าไปช่วย คาดว่ายัยนั่นคงกลัวโดนแกล้งหนักกว่าเดิมถ้าจะต้องเจอทั้งคิมจูอินและคิมดาซม
“ไม่เป็นไร... เซฮุนนั่งเฉย ๆ เถอะ เราทำเองได้...”
“เธอก็ถูพื้นไปสิ ฉันไม่ได้ไปยุ่งส่วนนั้นด้วยสักหน่อย”
“ขอร้องล่ะเซฮุน...”
มินซอกว่าด้วยสีหน้าเหยเก มองเด็กหนุ่มหน้าตาดีที่หยิบยื่นความช่วยเหลือมาให้โดยที่เธอไม่เต็มใจ เด็กสาวร่างท้วมถอนหายใจ พอมองไปทางหลังห้องก็พบว่าแบคฮีกำลังถือถังขยะออกไปด้วย
“...”
เธอถูพื้นห้องโดยมีโอเซฮุนมาคอยปั่นป่วน เพียงครู่เดียวแบคฮีก็กลับมาพร้อมถังขยะเปล่าและมันถูกวางไว้หลังห้องจุดเดิมก่อนจะออกไปอีกครั้ง ท่ามกลางเสียงเพลงที่เด็กหนุ่มเปิดผ่านโทรศัพท์มือถือ เด็กสาวร่างท้วมกำลังตกอยู่ในห้วงของความสงสัย
ผู้หญิงคนนั้นที่คล้ายว่าจะเหมือนคนอื่น... แต่ก็ไม่ใช่
CUT
(WELCOME TO MALINWORLD)
TBC
รักหนูอย่าลืมให้กำลังใจหนูนร๊ ตอนหน้าจะได้มาเร็ว ๆ แบบเน้
ความคิดเห็น