ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    蓮花, Liánhuā ; #ฟิคเหลียนฮวา | chanbaek kaihun

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ

    • อัปเดตล่าสุด 25 ก.ย. 60


    F
    a
    n
    t
    a
    s
    t
    i
    c

     

     

    บทนำ


     

     



    เสียงพ่อค้าตะโกนขายของประสานกันเสียจนแยกไม่ออกว่าดังมาจากร้านไหน แผงลอยหลากหลายวางเรียงกันล่อตาล่อใจชาวบ้านที่เดินผ่านหยิบจับเงินในถุงออกมาใช้จ่าย ฝีเท้าสุขุมย่างก้าวไปตามถนนเส้นเล็กอย่างใจเย็น วันนี้อากาศดีมากกว่าเมื่อวานเสียอีก

    ขโมย!!! ช่วยด้วย!!! จับหัวขโมยไว้ที!!!”

    เสียงดังมาจากด้านหลัง... จากจิตวิญญาณไหวพริบความฉลาดหลักแหลมแล้ว เขาก็นึกออกได้ทันทีเลยว่าต้องมาจากโรงเตี๊ยมเป็นแน่ ภายใต้หมวกฟางที่ปกปิดสายตา ชายหนุ่มยกยิ้มอย่างชอบใจก่อนจะยื่นแขนออกไปเพื่อหยุดโจรห้าร้อยทั้งที่ไม่หันไปมอง

    อั่ก!!!”


    ต้องไม่ได้มาแค่หนึ่ง


    อ๊าก!!!”

    หลังจากจัดการรายแรกจนหงาย เจ้าของร่างสูงก็หมุนตัวสองรอบก่อนจะตวัดปลายเท้าลากไปกับพื้นจนโจรรายที่สองม้วนตัวหลายตลบจนตกลงไปคลุกฝุ่น

    ถ... ถอยไปน่า! อย่าแส่หาเรื่อง!”

    โธ่... ช่างเป็นคำขู่ที่สั่นเครือเหมือนหมูเพิ่งคลอดลูกเสียจริง ท่ามกลางสายตาชาวบ้านที่มองมาอย่างหวาดหวั่นเมื่อเห็นมีดในมือโจรห้าร้อย ดวงตาขลาดเขลาเพ่งมองเจ้าของร่างสูงที่เคยไหวตัวอย่างคล่องแคล่วแม้ว่าจะสะพายสัมภาระไว้ข้างหลัง อีกทั้งยังจัดการไอ้สองตัวนั้นจนล้มง่าย ๆ ทั้งที่มีหมวกฟางปกปิดสายตา

    วางถุงเงินกับไหลง แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า

    เสียงทุ้มต่ำกล่าวอย่างใจเย็น คนฟังถึงกับเลือดขึ้นหน้าหลังจากได้ยินประโยคเมื่อครู่ เขามีมีดเป็นอาวุธ แต่ไอ้หมอนี่กลับขู่ทั้งที่มีเพียงมือเปล่างั้นหรือ จะอวดดีเกินไปแล้ว

    ข้าจะนับถึงสอง เพราะข้าไม่ชอบเลขสาม

    หุบปากน่า ข้าต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายเตือนเจ้า ยื่นขายื่นแขนเข้ามายุ่งแบบนี้คงอยากเหลือแค่วิญญาณไปสอบสินะ!”

    สายบู๊ด้วย บอกไว้เผื่อไม่รู้ ปลายนิ้วชี้ไปยังดาบคู่ใจที่อยู่ข้างเอว ข่มขู่โจรห้าร้อยด้วยคำพูดแทนที่จะก้าวเข้าไปสับมือกลางต้นคอให้หลับเข้าเฝ้าพระอินทร์

    เสียงกลืนน้ำลายดังกว่าเสียงไก่ร้องบนแผงขายของเสียอีก ชายหนุ่มหมวกฟางจิ๊ปากอย่างขัดใจที่อีกฝ่ายไม่ยอมทำตามจนทำให้เสียเวลา ปลายนิ้วยาวกระดิกสั่งให้ยอมจำนน มันคงดีกว่าถ้าตอนนี้จะมีเสียงปรบมือพร้อมคำเชยชมให้แก่ว่าที่จอหงวน


    หมายเหตุ: จอหงวน คือ การสอบเข้าเป็นข้าราชการ มีทั้งฝั่งบู๊และบุ๋น


    ฝันไปเถอะ!”


    เพล๊ง!!!


    ไอหยา!!!” ชาวบ้านที่อยู่รอบข้างต่างเบิกตากว้างอย่างตกใจเมื่อไหโบราณที่เคยตั้งโชว์ในโรงเตี๊ยมถูกเขวี้ยงอัดกำแพงจนแตกละเอียดคาตาก่อนโจรห้าร้อยจะใช้จังหวะนั้นวิ่งหนี แต่ชายหนุ่มที่ฝึกมาอย่างดีเพื่อสอบจอหงวน การไล่ตามโจรกระจอกเช่นนี้จึงเป็นเรื่องง่ายยิ่งนัก

    หมวกฟางถูกถอดออกจนเผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลา อวดโฉมจนสาวน้อยใหญ่หัวใจเต้นระส่ำหวั่นไหว ดวงตาคมเพ่งมองตัวต้นเหตุที่ริอาจเป็นภัยกับบ้านเมือง ก่อนจะเขวี้ยงหมวกฟางตามหลังจนกระแทกกับท้ายทอยอย่างจังจนไถลล้มไปข้างหน้า

    จับมันไว้!!!”

    ไอ้หัวขโมย!!!”

    ไม่ใช่ จับไอ้เจ้าของหมวกฟางนั่น มันยั่วโมโหจนโจรเขวี้ยงไหของข้าแตก!!!”

    เดี๋ยว... มันต้องไม่ใช่แบบนี้สิ ใจเย็น ๆ ก่อน ข้าคนดีไง ชายหนุ่มทาบมือกับหน้าอกตนพร้อมตบเบา ๆ สองทีเพื่อบอกให้รู้เจตจำนงว่าที่ทำไปทั้งหมดนั้นเพื่ออะไร

    จับมันไว้!!!”

    ข้าช่วยพวกเจ้าไว้นะ ข้าคือวีรบุรุษ -- เดี๋ยวก่อน!!!” พยายามอธิบายพร้อมยกมือปราม แต่ชาวบ้านทั้งสี่ก็ตรงเข้ามาหมายจะเอาเรื่องให้ได้ ชายหนุ่มเห็นท่าไม่ดีจึงหมุนตัววิ่งหนีพร้อมสัมภาระหนัก ๆ บนหลัง หลบรองเท้าเสี่ยวเอ้อจากโรงเตี๊ยมที่เขวี้ยงมาติด ๆ กันถึงสามข้างได้อย่างหวุดหงิด

     

    ให้ตาย! ทำดีไม่ได้ดี!

     

    หลังจากวิ่งพ้นประตูเมืองแล้วชายหนุ่มที่เคยยืนต่อสู้กับโจรทั้งสามได้อย่างสบาย ๆ ก็ต้องหยุดค้ำมือกับหัวเข่าเพื่อหอบหายใจ นัยน์ตาคมหันมองไปด้านหลังอีกครั้งเพื่อดูว่ายังมีคนสติฟั่นเฟือนวิ่งตามล่าเขาแทนที่จะเป็นโจรสามคนนั้นอยู่หรือไม่ และสุดท้ายก็ได้คำตอบเป็นความว่างเปล่า

    จะบ้าเรอะ! ผู่ชานเลี่ย ผู้นี้เคยยั่วโมโหใครเพื่อทำลายด้วยหรืออย่างไร ชาวบ้านขลาดเขลาเหล่านั้นคงไม่รู้จักวิธีหว่านล้อมเพื่อไล่ต้อนให้โจรจนมุมใช่ไหมถึงได้ตีโพยตีพายไม่รู้จักวีรบุรุษกับภัยบ้านเมือง เหอะ! ถึงว่า... ไม่ได้เป็นจอหงวนกันก็เพราะแบบนี้ไง

    แต่ไม่มีหมวกฟางแล้วก็ดีเหมือนกัน อันที่จริงก็อึดอัดอยู่ไม่น้อยที่ต้องสวมมันเพื่อทำให้ภายนอกดูน่าเกรงขาม ชายหนุ่มสูดอากาศบริสุทธิ์ยามเช้าเข้าปอดเอาฤกษ์เอาชัย เอาเถอะ อย่างน้อยโจรสามตัวนั้นก็ทำให้ผู่ชานเลี่ยได้ซ้อมมือก่อนถึงสนามจริง

    เสียงนกยามเช้าดังเจื้อยแจ้วจนทำให้ป่ารอบข้างไม่ดูสงบจนเกินไป อีกเพียงสามสิบลี้เท่านั้นก็จะถึงเมืองหลวงและนั่นหมายความว่าเขากำลังเดินเข้าใกล้ความจริงเข้าไปทุกที การสอบจอหงวนคือความฝันของชานเลี่ย แต่มันก็ขัดใจปู่ที่มักจะทำตาเขียวใส่พร้อมบอกว่า

     

    อย่าคิดที่จะสอบจอหงวนเด็ดขาด

     

    ไม่เข้าใจว่าทำไม เหตุใดปู่จึงขัดขวางนัก จริงอยู่ที่ภาพลักษณ์ภายนอกของการเป็นจอหงวนอาจจะดูฟู่ฟ่า มีหน้ามีตาเป็นที่รู้จัก แต่สิ่งที่ผู่ชานเลี่ยต้องการมันไม่ใช่สิ่งเหล่านั้น จุดประสงค์ของเขาล้วนแต่เป็นเพราะอยากใช้ความสามารถที่ตนมีทำหน้าที่ปกป้องบ้านเมือง

     

    และแน่นอนว่าการมาสอบครั้งนี้... ปู่ไม่รู้

     

    เดินทางข้ามเขาไปเพียงลูกเดียวก็หยุดพักเติมน้ำข้างริมธาร กวักน้ำล้างหน้าพร้อมตบท้ายทอยปุ ๆ เรียกเอาความสดชื่นก่อนจะเงยหน้ามองผาสูงซึ่งมีต้นไม้เขียวขจีประดับให้ความงดงาม เขายังพอมีเวลาเหลือเพราะเมื่อคืนตื่นเต้นจนแทบไม่ได้หลับนอน ส่งผลให้ต้องลุกขึ้นมาเตรียมตัวออกจากบ้านตั้งแต่เช้ามืด

    ชายหนุ่มคว้าเอาสัมภาระขึ้นสะพายหลังอีกครั้งเพื่อออกเดินทาง กระโดดก้าวข้ามผ่านก้อนหินเล็กใหญ่ด้วยทักษะที่คนทั่วไปทำไม่ได้ ทุกอย่างในวันนี้ดูดีไปหมดยกเว้นตอนโดนเสี่ยวเอ้อปารองเท้าใส่

    เสบียงระหว่างทางนั้นช่างเรียบง่าย ซึ่งนั่นก็คือหมั่นโถแข็ง ๆ หนึ่งก้อนที่ผู่ชานเลี่ยเคยยัดเข้าปากเคี้ยวแล้วกลืนลงคอได้โดยไม่ต้องฝืนใจ ชายหนุ่มเป็นคนอยู่ง่ายกินง่ายเลี้ยงง่ายเหมือนจิ้นฝู อาชาคู่ใจที่เขาเป็นคนช่วยปู่ทำคลอดเมื่อหลายปีก่อน

     

    ซวบ!

     

    ครั้นจะอ้าปากกัดหมั่นโถวคำแรกก็ต้องหยุดชะงักทันทีที่ได้ยินเสียงพงหญ้าขยับ มือข้างที่ว่างอยู่คว้าดาบเตรียมพร้อมถ้าหากว่ามีหมีป่าหรือเสือสักตัวออกมาหาเรื่องให้ถลกหนังไปขายพ่อค้าทำพรมให้เศรษฐีฟู่ฟ่า ภายในเสี้ยววินาทีอันสั้น ผู่ชานเลี่ยได้จินตนาการไปจนถึงตอนใช้มีดแล่หนังสัตว์แล้วหาที่ซ่อนไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว คาดว่าขากลับจากสอบคงได้แวะแบกมันเข้าเมืองได้ ถ้าเป็นเสือตัวใหญ่ ราคาคงทำให้ปู่ทึ่งในฝีมือเขาเป็นแน่

     

     ซวบ!

     

    มาเลยไอ้หนู... ริมฝีปากหยักยกยิ้มอย่างไม่กลัว ชายหนุ่มค่อย ๆ ชักปลายดาบออกมาจนได้ยินเสียงเสียดสีกับปลอก หากแต่สิ่งที่คลานออกมาจากพงหญ้ากลับไม่ใช่เสือหรือหมีป่าอย่างที่จินตนาการไว้ เมื่อเห็นร่างบุรุษนายหนึ่งทรุดตัวล้มลงอย่างหมดแรง

    อ... อึ่ก

    ร่างสั่นเทากำลังมองมาทางนี้พร้อมดวงตาที่กระพริบช้า ๆ ราวกับว่าอยากขอความช่วยเหลือ มือของชายหนุ่มยังคงจับด้ามดาบเอาไว้ขณะจ้องมองภาพตรงหน้า พินิจว่าเหตุใดชายที่แต่งกายดูดีเช่นนั้นจึงมาอยู่ที่แบบนี้ตามลำพังได้

    ช่วย...ริมฝีปากสั่นเครือขยับพูดจนแทบไม่ได้ยินเสียง พร้อมมืออาบเลือดที่เอื้อมมาตรงหน้า

    การเพิกเฉยเมื่อเห็นคนกำลังเดือดร้อนนั้นไม่ใช่วิสัยของผู่ชานเลี่ยเลยสักนิด แต่นั่นก็ต้องไม่ใช่ตอนที่มีสอบจอหงวนในอีกไม่กี่ชั่วยามข้างหน้า ชายหนุ่มหันซ้ายขวาอยู่ในที ก่อนจะรีบเข้าไปประคองร่างคนเจ็บขึ้นพร้อมสำรวจหาบาดแผลเพื่อหาต้นเหตุ

    เจ้าเป็นอะไร เหตุใดจึงบาดเจ็บเช่นนี้?

    ข... ข้า... ถูกทำร้าย... เสียงนั้นแหบพร่า ชานเลี่ยมองรอยขาดบนเครื่องแต่งกายที่ทำจากผ้าเนื้อดี ก่อนจะเห็นรอยแผลร้อนซึ่งถูกปิดด้วยผ้าเช็ดหน้าสีขาว จนลายปักดอกบัวสีชมพูอ่อนถูกเลือดสีดำกลบทับจนแทบไม่หลงเหลือความงาม

    เจ้าต้องพิษงั้นหรือ? คนถูกถามพยักหน้าอย่างเหนื่อยอ่อน ก่อนจะคว้าเสื้อเขาเอาไว้

    สมุนไพร...

    ...?

    สมุนไพร... ช่วย... ไปหาสมุนไพรป่าให้ข้าที... แค่ก!!”

    ชานเลี่ยถึงกับกุมขมับ กลอกตาล่อกแล่กกับการถูกไหว้วานซึ่งมาพร้อมเวลาสอบที่บีบเข้ามาทุกที เขาเป็นคนดีแต่นั่นก็ก่อนที่จะมีสอบจอหงวน แล้วในป่ารอบข้างก็กว้างใหญ่จนไม่รู้ว่าจะมีสมุนไพรซ่อนอยู่กี่ชนิด ชายหนุ่มจำได้ว่าเมื่อตอนย่ายังอยู่ ท่านมักจะเข้าป่าเพื่อหาสมุนไพรมาต้มแทนเหล้าในตอนที่อยากให้ปู่เลิกดื่ม แต่ก็นั่นแหละ...

     

    ตอนนั้นผู่ชานเลี่ยแอบไปล่ากระต่ายป่ากับเพื่อน

     

    ข้าก็อยากช่วยเจ้าหรอกนะ แต่ตอนนี้ข้าไม่ได้มีเวลามากถึงขนาดนั้น เอาเป็นว่าเดี๋ยวข้าจะช่วยประคองเจ้าไปนั่งพิงกับต้นไม้ต้นนั้น คาดว่าไม่เกินชั่วยามคงมีชาวบ้านนั่งรถม้าผ่าน

     

    หมั่บ!

     

    ...

    ชานเลี่ยหลุบสายตามองมือที่กำเสื้อเขาไว้แน่นราวกับอยากจะบอกโดยไม่ต้องพูดว่าข้าไม่เห็นด้วยกับวิธีของเจ้า ชายหนุ่มมองมือที่สั่นไปจนถึงริมฝีปาก ก่อนจะเห็นหยดน้ำใสที่ไหลออกมาจากดวงตาคู่นั้น

    ได้โปรดช่วยข้าสักครั้ง... แล้วข้าจะไม่ลืมบุญคุณเลย

    มันไม่ใช่เรื่องของบุญคุณน่ะสิ ข้าต้องไปสอบจอหงวน เขาพยายามอธิบายเหตุผล แต่อีกฝ่ายก็เอาแต่ส่ายศีรษะ เจ้าคงคิดว่าข้าฉลาดบุ๋นสินะ ไม่ คิดใหม่ได้เลย เพราะข้ากำลังจะไปสอบบู๊ ข้าจะเป็นทหารคอยปกป้องเมืองนี้ ไม่ใช่คนที่จะเปิดตำราศึกษาพืชพรรณธรรมชาติว่าสมุนไพรชนิดไหนขึ้นในป่า แค่คิดภาพตัวเองตอนเดินเข้าไปก็คงใช้เวลาเป็นวันแล้ว อีกอย่าง... ข้าก็ไม่รู้ด้วยว่าจะเจอสมุนไพรที่เจ้าต้องการหรือไม่

    และนั่นหมายความว่าต่อให้พยายามอย่างไรเจ้าก็ต้องตายอยู่ดี นี่แค่คิดในใจนะ ถ้าพูดออกไปตรง ๆ ผู่ชานเลี่ยก็คงดูเป็นคนใจม้ายส้ายระกำจนเกินไป

    ในป่าไผ่... มันมี... มีสมุนไพรสีเหลืองที่เกิดอยู่ใกล้ ๆ ตอไม้... ห... หน้าตามันเหมือนกลีบกล้วยไม้ดิน... พอได้มาแล้ว... ตำ... ให้มันแหลก... ได้โปรด... ข้าจะทนไม่ไหวแล้ว

     

    โธ่... แต่ข้าก็จะไปสอบไม่ทันแล้วเช่นกัน...

     

    ช่วยข้าด้วยเถิด... ท่านจอหงวน

    คำขอร้องปนตำแหน่งที่ยังไม่ได้รับทำให้คนฟังหัวใจฟูฟ่องขึ้นมาอย่างน่าประหลาด จากที่เคยอยากทิ้งให้อยู่กลางทางอยู่ ๆ ผู่ชานเลี่ยก็นึกอยากเป็นคนดีขึ้นมา แต่ก็แค่ครู่เดียวเท่านั้นชายหนุ่มก็ส่ายศีรษะไล่ความคิด เขาจะหลงไปกับคำอ้อนวอนเหล่านี้ไม่ได้ หากไปไม่ทันสอบโอกาสที่รอมานานก็ต้องเสียไปอย่างเปล่าประโยชน์

    แต่ใบหน้าซีดเผือดคล้ายจะหมดลมอยู่รอมร่อก็ทำให้สมองฝ่ายดีตะโกนทำงาน ว่าถ้าหากผู่ชานเลี่ยเพิกเฉยต่อประชาชนเช่นนี้แล้วในอนาคตจะเป็นจอหงวนที่ดีได้อย่างไร แต่ถ้าหากพลาดจนไปสอบไม่ทันการเป็นคนดีคราวนี้ก็ต้องยืดเวลาไปอีกสามปีเพื่อรอสอบอีกทีคราวหน้า และแน่นอนว่าเขาคงอดใจรอไม่ไหว

    ขอโทษด้วย

    ชายหนุ่มกัดฟันวางร่างคนเจ็บลงบนผืนหญ้าก่อนจะกระชับสัมภาระบนหลังแล้วก้าวไปข้างหน้าโดยไม่ลังเลใด ๆ อีก วันนี้ผู่ชานเลี่ยทำหน้าที่เกินสามัญชนมากไปแล้ว เขามีความสุขกับการได้ช่วยคนอื่น แต่ถ้าหากมันส่งถึงความทุกข์ของตนเองในภายภาคหน้ามันก็คงไม่เข้าท่าเช่นกัน

    ฝีเท้าย่ำก้าวไปอย่างเร่งรีบ เพ่งมองถนนลูกรังเบื้องหน้าพร้อมนึกไปถึงเป้าหมาย พยายามบอกตัวเองว่าเจ้าควรรู้สึกผิดหากไปสอบไม่ทัน ไม่ใช่เอาแต่โทษตัวเองเพราะรู้สึกผิดกับคนอื่น

    ไม่มีเสียงโอดครวญของคนเจ็บที่นอนอยู่ข้างหลัง ไม่แน่ใจว่าชายผู้นั้นไม่มีเรี่ยวแรงที่จะรั้งหรือว่าหมดสติไปแล้ว แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาควรเก็บมาใส่สมองมากนัก

     

    ช่วยด้วย...

     

    แววตาสิ้นหวังคลอไปด้วยหยดน้ำตายังคงติดอยู่ในหัว เสียงแหบพร่าที่เหมือนอยากบอกว่าเขาเป็นความหวังสุดท้ายที่จะต่อลมหายใจให้กับชายผู้นั้นได้ และคราบเลือดสีดำที่เกิดจากการต้องพิษ ซึ่งมีสิทธิ์ตายเร็วกว่าการเสียเลือดทั่วไปนั่นน่ะ...

     

    บ้าเอ๊ย!

     

    ชายหนุ่มหยุดฝีเท้าพร้อมกำหมัดแน่น หลับตาลงอย่างหัวเสียก่อนจะหมุนตัวเดินกลับไปยังจุดเดิมตรงที่มีร่างไร้เรี่ยวแรงนอนอยู่ คนตัวเล็กยังคงปรือตามองอย่างไร้จุดหมาย คาดว่าเจ้าตัวคงไม่มีเรี่ยวแรงมากพอที่จะส่งเสียงพูดใด ๆ จึงได้แต่กลืนน้ำลายที่แห้งเป็นผงอยู่ในคอ และการเลือกเดินกลับมา มันหมายความว่าผู่ชานเลี่ยต้องเข้าไปหาสมุนไพรในป่าให้กับชายผู้นี้

     

    สุดท้ายเลือดคนดีมันก็ทำงานเก่งเกินกว่าความฝันตนเอง

     

    เอาล่ะ แข็งใจหน่อย ชายหนุ่มประคองร่างปวกเปียกขึ้นเล็กน้อย สลับกับบาดแผลซึ่งตอนนี้อีกฝ่ายไม่มีเรี่ยวแรงมากพอที่จะกดผ้าเช็ดหน้าห้ามเลือดไว้ได้ด้วยตัวเองเขาจึงต้องทำแทน

    ...

    มันเป็นสมุนไพรสีเหลืองในป่าไผ่ที่หน้าตาเหมือนกลีบกล้วยไม้ดินใช่ไหม แล้วมีอะไรอีก?

    ...

    เดี๋ยว อย่าเพิ่งหลับ ข้าก็กลับมาแล้วไง อยู่ช่วยกันก่อน ชานเลี่ยตบแก้มขาวซีดเรียกสติ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะใช้เวลาไปกับการตัดสินใจนานเกินไป อีกฝ่ายจึงค่อย ๆ ปิดเปลือกตาลงไปทุกขณะ ให้ตาย!”

    ชายหนุ่มกวาดสายตาไปโดยรอบ เขาจำได้ว่าทางที่เดินผ่านมามีป่าไผ่อยู่ซึ่งห่างจากจุดนี้ไปราว ๆ สองลี้ และนั่นหมายความว่าผู่ชานเลี่ยจะต้องวิ่ง

    แข็งใจไว้ อย่าเพิ่งชิงตายไปก่อนล่ะ แล้วข้าจะรีบกลับมา

     

     

     

    TBC

     

     

    พีเรียดเรื่องแรกในชีวิต มีความกระเดิดแรง ประหม่าแรง ไม่รู้จะรอดไหม

    อาจจะเขียนไม่ดีเท่าเรื่องอื่น ไม่สนุกเท่าเรื่องอื่น ภาษาไม่สวยเท่าเรื่องอื่น

    แต่ถ้าไม่มีอะไรอ่านแล้ว ก็คิดซะว่าแวะมาอ่านฆ่าเวลารอเรื่องอื่นอัพได้น้ะ

     

    เริ้บ

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×