คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : CHAPTER 01 :: First Impression (ลงใหม่ อยู่ดีๆมันหาย TT)
CHAPTER 01
First Impression
โอเซฮุนไม่ใช่คนฉลาด ดังนั้นเขาจึงต้องพยายามมากกว่าคนอื่น
ยายบอกว่าทุกคนมีพรสวรรค์ติดตัวมาตั้งแต่เกิด
แต่ขึ้นอยู่กับว่าคน ๆ นั้นรู้สึกได้ถึงมันหรือไม่
เขาฟังเรื่องนี้เป็นครั้งแรกตอนแข่งวิ่งในงานโรงเรียนแล้วก็พบกับความพ่ายแพ้
ซึ่งคำพูดของยายก็ไม่ช่วยอะไรนัก
สำหรับเด็กอายุเก้าขวบที่รู้เพียงว่าการปลอบใจที่ดีที่สุดคือการย้อนเวลากลับไปวิ่งใหม่
ยายพูดประโยคนี้ซ้ำ ๆ จนเขาแทบจะท่องได้แล้ว
มันเป็นเหมือนการย้ำว่าโอเซฮุนก็แค่เด็กขี้แพ้ ที่เอาแต่ร้องไห้โยเยมาหายายเพราะสู้ใครไม่ได้
ต่างจากพี่สาวอีกสองคนที่เก่งการเรียนและกีฬา จนเด็กผู้ชายอย่างเขาต้องย้อนมองตัวเอง
‘หลานแค่ยังไม่รู้ว่าถนัดอะไร
มันจะมีสักกี่คนกันที่เก่งไปเสียทุกเรื่อง ถึงเซบยอลจะเรียนเก่ง
แต่เธอก็ปิดไฟนอนไม่ได้เพราะกลัวผี เซจองเล่นกีฬาได้ดี แต่เธอก็ทำอาหารไม่ได้เรื่อง...
แล้วทำไมถึงอิจฉาพี่ล่ะลูก หลานนอนปิดไฟได้ ไม่กลัวผี แถมยังทำอาหารอร่อยด้วย’
โอเซฮุนวัยสิบหกปีไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่
และคิดว่ายายก็คงปลอบใจผ่าน ๆ ไปเพื่อให้เรื่องมันจบเหมือนทุกครั้ง แต่หลังจากนั้นเขาก็เริ่มไปสนใจอย่างอื่นแทน
อะไรก็ได้ที่ไม่ต้องแข่งกับคนอื่น ซึ่งนั่นก็คือการเล่นอินเทอร์เน็ต
แล้วเจอเวปไซต์ดูดวงตามราศีและกรุ๊ปเลือด
ในทีแรกก็คิดว่ามันเพ้อเจ้อ
แต่พอเอามาเทียบกับตัวเองบ่อยครั้ง และเริ่มทายนิสัยคนอื่นจากกรุ๊ปเลือดได้แม่นจนอีกฝ่ายตกใจ
เขาจึงคิดว่านี่แหละ... พรสวรรค์ของโอเซฮุน
*
ชายหนุ่มวัยยี่สิบสี่ปีกำลังประหม่า
กับโต๊ะทำงานหน้าห้องซึ่งมันเป็นส่วนตัวกว่าแผนกอื่นที่ต้องนั่งหันหลังชนกันและมีแผงกั้นสูงเหนือศีรษะขึ้นมาเพียงคืบกว่า
ๆ เท่านั้น ใช่... วันนี้โอเซฮุนเพิ่งเริ่มทำงานวันแรก และเขามาก่อนเวลางานตั้งเกือบชั่วโมง
ซึ่งแน่นอนว่าเผื่อไว้ดีกว่ามาสายเป็นไหน ๆ
คนตัวผอมถูมือที่เย็นยะเยือกเพราะความตื่นเต้น
พรูลมหายใจออกทางริมฝีปากก่อนจะตรงดิ่งไปเข้าห้องน้ำเพื่อเช็กความเรียบร้อยของการแต่งตัว
เห็นป้าแม่บ้านบอกว่าเจ้านายจะเข้าบริษัทประมาณช่วงเก้าโมง
ดังนั้นการเป็นเลขาที่ดีก็ควรมีรอยยิ้มและใบหน้าเป็นมิตร แม้ว่าเขาจะขอบตาคล้ำเพราะนอนไปแค่สองชั่วโมง
เพราะถูกความตื่นเต้นเล่นงานก็ตาม
ให้ตาย... ใครจะข่มตาหลับได้บ้างถามจริง?
โอเซฮุนได้ทำงานเป็นเลขาซีอีโอบริษัท ‘มิดไนท์แกรนด์เพอร์ฟูมส์’
เชียวนะ แต่ก่อนน้ำหอมยี่ห้อนี้เคยเป็นที่ยอดนิยมสำหรับผู้ชายวัยกลางคน
แต่เพิ่งกลับมาตีตลาดแตกจนคู่แข่งรายอื่นต้องหงอยก็เมื่อสองปีที่แล้ว
โดยการเจาะตลาดกลุ่มผู้หญิงและวัยรุ่น ด้วยน้ำหอมกลิ่นอ่อน ๆ
ราวกับว่าเข้าไปอ่านใจผู้บริโภค
ซึ่งคนที่ทำให้บริษัทรุ่งเรืองได้ขนาดนี้จะเป็นใครไปไม่ได้
นอกจากซีอีโอคนใหม่ ซึ่งเป็นลูกชายคนโตในตระกูลผู้ดีเก่า
‘คิมจงอิน’
เรื่องจริงยิ่งกว่าละคร...
แน่นอนว่าที่รู้ขนาดนี้ก็เพราะศึกษาประวัติบริษัทที่จะเข้ามาทำงานอย่างถี่ถ้วนแล้ว
เขาเห็นรูปผู้ชายคนนั้นลงบนหน้าหนังสือพิมพ์กับคอลัมน์ในนิตยสารอยู่ครั้งสองครั้ง
ซึ่งหัวข้อนั้นก็ไม่พ้น
‘รู้สึกอย่างไรกับการเติบโตของบริษัทที่พุ่งขึ้นสูงด้วยฝีมือตนเอง?’
‘นักธุรกิจหน้าหล่อ
อีกทั้งยังหนุ่มยังแน่นอย่างนี้มีสเปกแบบไหน?’
‘เลขาสาวมักจะเป็นแรงใจให้อยากเข้าบริษัทเสมอ
เป็นแค่ข่าวลือหรือความจริง?’
ซึ่งคำตอบก็ไม่ต่างจากดาราที่ต้องคงคอนเซปคีพคูลเอาไว้
เซฮุนอ่านและคิดตามไปด้วย คาดว่าคิมจงอินคงเป็นคนกรุ๊ปเอที่บ้าคลั่งการเอาชนะแน่ ๆ
เขาเคยได้ยินมาเหมือนกันว่าเจ้านายรับแค่เลขาสาวสวยหุ่นดีเท่านั้น
แต่ไม่นานนักก็ต้องเปลี่ยนคนใหม่เพราะอยู่ ๆ เธอก็หายตัวไป
กระแสข่าวลือในอินเทอร์เน็ตมีหลายรูปแบบ
บางคอมเมนท์บอกว่าเจ้านายทำเลขาท้อง จึงให้ลาออกไปทำแท้ง หรือไม่ก็ไปแอบคลอดเงียบ
ๆ แต่ก็ยังมีคนออกมาแย้งว่าถ้าเป็นอย่างนั้นจริง
ป่านนี้ตระกูลคิมคงมีลูกหลานเยอะเป็นเผ่าพันธุ์ไปแล้ว
เพราะไม่ใช่เลขาสาวเพียงคนสองคน มันมากกว่านั้น
อีกอย่าง... ตระกูลคิมก็เป็นผู้ดีเก่าแก่
ถึงลูกชายคนโตจะดูเจ้าชู้แค่ไหน
แต่ผู้ชายคนนั้นก็ยังคงอยู่ในกรอบตามมาตรฐานคนดีเขาเป็นกัน
*
สิบเอ็ดโมงสี่สิบ
เจ้านายก็ยังไม่เข้าบริษัท
โอเซฮุนใช้เวลาเรียนรู้งานไปจนลืมวันลืมเวลา
กระทั่งรุ่นพี่แผนกอื่นเดินมาด้อม ๆ มอง ๆ แล้วชวนไปกินข้าวด้วยกันเขาถึงรู้ว่าถึงเวลาพักเที่ยงแล้ว
คนตัวผอมดันเก้าอี้เข้าไปอย่างเป็นระเบียบ
จัดแจงเอกสารบนโต๊ะที่ยังเคลียร์ไม่ถึงไหนและคิดว่าคงจมกับมันไปจนถึงห้าโมงเย็น
วันนี้เริ่มต้นกับเพื่อนร่วมงานได้ดี คนตัวผอมนั่งกินข้าวกับรุ่นพี่
ฟังบทสนทนาชีวิตประจำวันของคนวัยทำงาน ซึ่งมีทั้งละคร กีฬา
รวมไปถึงการนินทาแผนกอื่น... เอ่อ อันนี้หมายถึงคนที่เป็นผู้หญิงนะ
“เป็นไงบ้างเซฮุน ทำงานวันแรก
ราบรื่นดีไหม?” เจ้าของชื่อรีบเคี้ยวข้าวแล้วกลืน
เพื่อตอบคำถามพี่เยจินจากแผนกบัญชี
“ครับ ดีมากเลยครับ”
“แน่ล่ะ ก็บอสยังไม่เข้านี่นา”
“วันนี้วันที่เท่าไหร่นะ
สามหรือเปล่า?”
“เป็นงี้ทุกที ฉันไม่อยากพูดหรอกนะ
เดี๋ยวโดนไล่ออก”
“ก็ดีแล้วไง เซฮุนจะได้มีเวลาเรียนรู้งานสักหน่อย
ขืนมาวันนี้แล้วถูกเรียกเข้าไป ‘ดุ’ ...เดี๋ยวจะอยู่ได้ไม่นาน” เธอพูดกลั้วหัวเราะ
“พูดเป็นเล่นไป
เซฮุนไม่ใช่ไฮยีน่าพวกนั้นที่อยากได้ผัวเป็นประธานบริษัทจนตัวสั่น
เธอก็น่าจะรู้ว่าเหตุผลอะไรที่ทำให้คุณหญิงสั่งห้ามรับเลขาผู้หญิง”
“ทำไมเหรอครับ?” คนตัวผอมถามอย่างใคร่รู้ หรือว่าจะจริงอย่างที่เขาลือกันไว้
ว่าเจ้านายคั่วกับเลขาสาวจนเธอต้องลาออกไปทีละคน
“ตามนั้นแหละ คุณหญิง –
ฉันหมายถึงคุณแม่ของบอสน่ะ เธอไม่สบอารมณ์มากตอนรู้ว่าเลขาสาวต่ำต้อยไปอ่อยลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเธอถึงเตียง...” พี่โซราป้องปากพูด หันซ้ายขวาอยู่ในที
ราวกับกลัวว่าคนในแคนทีนจะได้ยินเข้า
“บางทีเห็นเรียกเข้าไปในห้องทำงานตั้งนานสองนาน
ฉันคิดว่าบนโต๊ะกว้าง ๆ นั่นก็อาจเป็นโลเกชั่นที่น่าตื่นตาตื่นใจ” พี่ยูมินเสริม
“พอมีเรื่องคาวบ่อย ๆ
คุณหญิงเลยต้องเผด็จการ และนายคือเลขาชายคนแรกของบอส ยินดีด้วยนะจ๊ะเซฮุน
อยู่กับพวกเราไปนาน ๆ นะ” พี่เยจินยิ้มพร้อมวางมือลงบนไหล่คนตัวผอม
“โห
เจ้านายก็แอบแบดบอยเหมือนกันนะครับเนี่ย นั่นนิสัยคนกรุ๊ปเอชัด ๆ” เซฮุนยิ้มแล้วหันไปสนใจกับมื้อเที่ยงอีกครั้ง
แม้จะอยากคุยให้นานกว่านี้สักแค่ไหน
แต่งานที่ต้องรับผิดชอบก็ยังคงรอเขากลับไปจัดการอยู่เหมือนกัน
“ฉันได้ยินฝ่ายการตลาดเม้าท์ว่ายัยคนก่อนโดนลากไปฆ่าล่ะ
สยองมาก”
“บ้าน่า นังพวกนั้นดูหนังสยองขวัญบ่อยเกินไปแล้ว
เจ้านายไม่ใช่ฆาตกรโรคจิตสักหน่อย คนที่เกิดมาบนกองเงินกองทอง
ใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย
จะบอกว่าฆ่าเลขาทุกคนเพื่อความสนุกก็มีแค่ในหนังเท่านั้นแหละย่ะ”
“ถึงจะเกิดในตระกูลเก่าแก่ แต่คุณจงอินก็เติบโตที่นิวออร์ลีนนะจ๊ะ”
พี่เยจินง่วนอยู่กับมือถือ
เพียงครู่เดียวเธอก็หันหน้าจอมาทางนี้ เผยให้เห็นภาพชายหนุ่มผิวแทนหุ่นกำยำที่พ้นเสื้อกล้ามสีดำออกมาให้สาว
ๆ ได้อ้าปากค้าง เธอเลื่อนให้ดูทีละรูป มีทั้งสมัยตอนเจ้านายเป็นเด็กมัธยม
ตอนเล่นบาสเกตบอลกับเพื่อน ตอนได้ถ้วยรางวัล และตอนพายเรือแคนู
เจ้านายดูมีอิสระ จนในหัวเริ่มตั้งคำถามว่าตระกูลคิมเข้มงวดจริง ๆ
หรือ?
*
เซฮุนกำลังเครียด
และคิดว่าอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้เขาต้องเป็นบ้าตายแน่ ๆ
เสียงเข็มวินาทียังเดินช้ากว่าปลายนิ้วชี้ที่เคาะลงบนโต๊ะ
คนตัวผอมรู้สึกเหมือนว่ากำลังถูกความกดดันเล่นงาน
เมื่อมีเอกสารเข้ามาตอนช่วงบ่ายและต้องให้เจ้านายเซ็นเพื่อทำสัญญาขายกับบริษัทอื่น
และตอนนี้เขาก็ยังโทรไม่ติด
ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปคงไม่ดีแน่
โอเซฮุนเพิ่งมาทำงานวันแรก โอเคไหม เขาไม่อยากโดนด่าถ้าบริษัทต้องพลาดอะไรไปทั้งที่เป็นความผิดของเจ้านายที่ไม่รู้ว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน
เป็นเพราะความกังวลจากคำบอกเล่าของรุ่นพี่ที่ว่าเจ้านายไม่เข้าบริษัทสองสามวันแล้ว
และถ้าพรุ่งนี้ไม่เข้าอีก เอกสารที่ต้องส่งพรุ่งนี้คงมีแค่ช่องเปล่า ๆ
แต่ไม่มีลายเซ็นเจ้านาย ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้น แน่นอนว่าความผิดมันคงมาตกอยู่กับเลขาคนใหม่
ที่ใคร ๆ อาจจะอยากตราหน้าว่าไม่รู้หน้าที่
เซฮุนออกไปถามรุ่นพี่ที่อยู่ทำโอที
จึงได้ข้อมูลมาว่าบ้านเจ้านายอยู่แถวบุกชอน
คนตัวผอมรีบคว้าเอกสารและสูทตัวนอกบนเก้าอี้ขึ้นมาพาดกับท่อนแขน พาขายาววิ่งไปกดลิฟต์ก่อนจะสตาร์ทรถที่พี่สาวคนโตดาวน์ให้สด
ๆ ร้อน ๆ เพื่อตรงไปยังบ้านเจ้านาย
‘คุณจงอินยังอยู่บ้านพักที่ช็อลลาใต้ค่ะ
มีธุระอะไรหรือเปล่าคะ?’
ช็อลลาใต้งั้นเหรอ?!
ต้องล้อกันเล่นแน่ ๆ
เซฮุนหยุดยืนอยู่ข้างรถคันใหม่
เสยผมดำขลับขึ้นแล้วค้างไว้กลางศีรษะ พลางกลอกตาไปมาระหว่างตบตีกับความคิดในหัว
ตลกแล้ว... เจ้านายคิดจะทดสอบเลขาคนใหม่ที่เพิ่งมาทำงานวันแรกหรือไง
ทำไมถึงยังอยู่ที่นั่น
คิมจงอินไม่คิดบ้างเหรอว่าตัวเองมีอำนาจในการเซ็นเอกสารแค่คนเดียวน่ะ
คนตัวผอมส่งข้อความหาพี่เยจิน
เพราะคิดว่าเธอน่าจะช่วยอะไรได้บ้าง เขาอยากรู้นักว่าอะไรที่ทำให้เจ้านายยังใจเย็น
จนได้รู้จากรุ่นพี่ฝ่ายบัญชีว่าบริษัทเรามีโรงงานอยู่ที่ช็อลลาใต้
บางทีเจ้านายอาจจะลงไปสำรวจความเรียบร้อยเหมือนที่เคยทำเป็นประจำเกือบทุกสัปดาห์
เซฮุนก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี
เรื่องแบบนี้คนอื่นก็สามารถทำแทนได้ไม่ใช่หรือไง
แต่หญิงสาวก็แนะนำให้ว่าถ้าอยากทำคะแนนเลขาดีเด่น
ก็ให้บากหน้านั่งบัสไปที่นั่นสักสี่ชั่วโมง
ซึ่งเขาไม่ได้คาดหวังเรื่องความประทับใจเลยสักนิด
ในหัวเซฮุนตอนนี้มีเพียงเรื่องถูกไล่ออก และเขาจะไม่ยอมเด็ดขาด
*
เพลงในรถเป็นตัวช่วยหลายอย่าง ทั้งทำให้ใจสงบลง
และฆ่าเวลาสี่ชั่วโมงที่สุดแสนจะยาวนานได้ สายตามองไปยังจีพีเอสบนคอนโซลรถ
เขาใส่การค้นหาตำแหน่งด้วยเบอร์โทรเจ้านายไป ซึ่งก็ขึ้นว่าอยู่ช็อลลาใต้จริง ๆ
กว่าจะมาถึงตัวเมืองก็ห้าทุ่มเศษ ๆ
แต่เป้าหมายยังต้องขับต่อไปอีกสักหน่อย พี่เซบยอลคงปลื้มที่เข็มไมล์รถที่เพิ่งใช้ขับไปทำงานวันแรกพุ่งขึ้นสูงอย่างน่าตกใจขนาดนี้ แต่มันคงดีกว่าถ้าจะไม่ให้เธอยุ่งกับรถสักสองอาทิตย์
เกือบสิบห้านาทีที่คนตัวผอมขับบนถนนแปดเลน
และอีกยี่สิบนาทีบนถนนสองเลน ซึ่งรอบข้างรายล้อมไปด้วยป่าไม้ทึบ
เซฮุนคิดว่าถ้าให้เจ้านายเซ็นเสร็จ
แล้วแนะนำตัวสักหน่อยก็น่าจะกลับถึงบ้านประมาณตีสี่ครึ่ง ซึ่งคงไม่มีเวลาทำอะไรมากไปกว่าอาบน้ำแต่งตัว
เตรียมไปทำงานต่อ
หักพวงมาลัยเลี้ยวขวาตามเสียงจีพีเอสบอก
จากที่เคยวิ่งบนถนนก็เปลี่ยนเป็นทางลูกรัง รอบข้างมืดสนิท
มีเพียงแสงไฟหน้ารถเท่านั้นที่ให้ความสว่างในพื้นที่แห่งนี้
เซฮุนไม่คิดว่าบ้านพักของตระกูลคิมจะอยู่ในป่าลึก
มันเกินกว่าที่จินตนาการไปสักหน่อย แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ค่อย ๆ
ประคองพวงมาลัยขับไปบนเส้นทางนี้ และคาดหวังว่าจะเจอคฤหาสน์สุดหรูเด่นสง่า พร้อมชาร้อน
ๆ ต้อนรับเลขาดีเด่นที่ถ่อหน้ามาไกล
“...!!!”
แต่ไวเท่าความคิด เท้าที่เคยเหยียบแต่คันเร่งเปลี่ยนเป็นเหยียบเบรกกะกะทันหันที่เห็นว่ามีตัวอะไรสักอย่างวิ่งผ่านไฟหน้ารถไป
เงาที่เคลื่อนไหวเร็วกว่ากวางป่าทำให้เขาหยุดใช้เวลาคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“เกือบไปแล้วไหมล่ะ” เซฮุนรู้สึกโชคดีที่ดูดวงมาก่อน ‘คนราศีเมษห้ามขับรถเร็ว
เสี่ยงอุบัติเหตุ’ และนั่นก็เห็นผลเร็วเกินห้ามใจจริง
ๆ
มันคงไม่ใช่เรื่องรื่นหูสักเท่าไหร่ถ้ากลับโซลไปตัวเปล่า
พร้อมบอกพี่สาวว่าเกิดอะไรขึ้นกับรถส่วนหน้าที่บุบลง จนต้องโทรเรียกประกัน ดังนั้น
เซฮุนจึงยกความดีความชอบนี้ให้กับดวงรายวัน
ชายหนุ่มตัวผอมหลุดออกจากความคิดหลังจากรู้สึกได้ว่ากำลังถูกมองอยู่
และพอหันไปทางด้านซ้ายก็พบกับดวงตาสีเขียวคู่หนึ่งซึ่งหลบอยู่หลังพุ่มไม้สูงราว ๆ ช่วงเอว เขาควรเข้าเกียร์แล้วออกรถอีกครั้ง
เซฮุนไม่อยากตั้งคำถามให้ตัวเองกับสิ่งที่ดูไม่ออกว่าคือตัวอะไร
“...!!!”
เพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้นหลังจากตัดสินใจ เขาก็เซไปทางด้านขวาเพราะอยู่
ๆ ประตูรถฝั่งคนขับก็ถูกโจมตีด้วยอะไรบางอย่าง
บางอย่างที่มันแข็งแรงมากจนทำให้ประตูบุบเข้ามาชนกับเอวได้
“อะ... อา”
เซฮุนนิ่วหน้าเจ็บ ค่อย ๆ
เงยหน้าเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น เขาเบิกตากว้างอย่างตกใจทันทีที่เห็นว่าเจ้าของดวงตาสีเขียวเมื่อครู่กำลังเดินออกมาจากพงหญ้า
พร้อมร่างกายที่ดูออกว่าเป็นหมา แต่มันตัวใหญ่กว่าพันธุ์ไจแอนท์ อลาสกัน
มาลามิวท์เสียอีก
ราวกับว่าคำอุทานถูกกลืนลงคอไปหมด เซฮุนค่อย ๆ ถอยกระทั่งแผ่นหลังชนกับประตูรถที่บุบไปเพราะแรงกระแทก
เขายังคงมองเจ้าของดวงตาสีเขียวคู่นั้นที่กำลังก้าวเข้ามาอย่างใจเย็น จนได้ยินเสียงบางอย่าง...
ที่เหมือนว่าอยู่ใกล้หูแค่นี้
“พระเจ้า!!!”
เซฮุนผละตัวออกแต่ก็ไม่พ้นที่นั่งเพราะถูกสายเข็มขัดนิรภัยรั้งไว้
ภาพที่อยู่เบื้องหน้าจนเหมือนว่าห่างกันเพียงช่วงหายใจอยู่อีกฝั่งด้านประตูคนขับนั้นทำเอาแทบลมจับ
มืออันสั่นเทารีบปลดเข็มขัดนิรภัยออกแล้วควานหาสมาร์ทโฟนที่วางอยู่บนเบาะข้าง ๆ
กดโทรเก้าหนึ่งหนึ่งอย่างลนลานพร้อมเงยหน้าขึ้น
แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรรถก็เซไปอีกครั้งเพราะแรงกระแทก สมาร์ทโฟนขนาดเหมาะมือตกไปอยู่ใต้ส่วนวางเท้าที่นั่งข้างคนขับ
เซฮุนเงยหน้าขึ้นมองดวงตาสีเหลืองของตัวที่อยู่ฝั่งประตูบุบ
ก่อนจะนิ่วหน้าเพราะรถถูกกระแทกอีกครั้ง
“ช่วยด้วย!!
ใครก็ได้!! ผมถูกโจมตี!!!”
คนตัวผอมตะโกน
เขาได้แต่หวังว่าตำรวจจะรับสายถ้าโทรศัพท์ที่ตกลงไปบนช่องวางเท้าไม่ดับไปเสียก่อน แต่ดูเหมือนว่าพวกข้างนอกจะรู้
จึงชนรถแรงกว่าเดิม เซฮุนรู้สึกเหมือนกำลังถูกเขย่า
...ในป่าทึบตอนเที่ยงคืนบนถนนลูกรังแบบนี้คงยากที่จะให้ใครมาช่วย
แม้ว่าจะกลัวจนตัวสั่น แต่เซฮุนก็พยายามตั้งสติแล้วบิดกุญแจเพื่อดับรถลง
จนบรรยากาศโดยรอบมืดมนกลืนกันไปหมด หมาพวกนั้นอาจจะสัญชาติญาณดีและมองเห็นได้ในตอนกลางคืน
แต่ถ้าจะเปิดไฟเพื่อเรียกฝูงมันมาก็คงแย่กว่านี้แน่
เขารีบปีนข้ามไปเบาะหลังอย่างทุลักทุเล
หันซ้ายขวาเพื่อรอดูท่าทีก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อได้ยินเสียงอะไรบางอย่างดังตุบอยู่บนหลังคา
ก่อนจะตามมาด้วยเสียงฝีเท้าเหยียบย่ำจนไปหยุดอยู่ตรงฝากระโปรงรถด้านหน้า
แสงจากดวงจันทร์อาบป่าไม้และถนนเส้นนี้จนทำให้พอมองเห็นได้บ้างเมื่อสายตาเริ่มปรับเข้ากับความมืดได้
เซฮุนเลียริมฝีปากที่กำลังสั่นเทา
กำมือแน่นมองสัตว์ร้ายบนกระโปรงรถที่แหงนหน้าขึ้นพร้อมส่งเสียงหอน
โดยมีอีกสองตัวเดินไปหยุดอยู่ด้านหน้าของรถ และหอนตามตัวแรก
ห... หมาป่าเหรอ?
เซฮุนไม่ได้ต้องการคำตอบนัก
ตอนนี้สิ่งที่เขาควรทำมากที่สุดคือตัดสินใจว่าจะตายที่นี่ หรือหาจังหวะหนีตอนที่ยังมีโอกาสอยู่
เขากัดฟันแน่น แต่ไหนแต่ไรโอเซฮุนก็ไม่ใช่คนมีความกล้านัก
แล้วก็ไม่ใช่พวกนักวิ่งทีมชาติด้วย ความหลังสมัยมัธยมยังคงฝังใจ ซึ่งถ้าเขาจะวิ่งแก้ตัวล่ะก็...
นี่คงเป็นโอกาสที่ดีเลยทีเดียว
เพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้นที่ใช้เวลาไปกับการเตรียมใจ
เขาเปิดประตูด้านหลังออก
พร้อมวิ่งเข้าป่ามืดไปด้วยความเร็วทั้งหมดที่ผู้ชายชื่อโอเซฮุนพึงจะมีได้
แต่มันไม่ง่ายอย่างที่คิด ความจริงเขาก็ไม่คิดว่าจะมีอะไรง่ายในสถานการณ์แบบนี้
เมื่อสายตามันหันไปเห็นว่ามีใครนึกอยากวิ่งแข่งด้วย ซึ่งคงไม่พ้นเจ้าของดวงตาสีเขียวเหลืองเมื่อครู่
พวกมันวิ่งจี้ตูดเขามาติด ๆ เซฮุนเคยดูหนังมานักต่อนัก
และเขารู้ว่าพวกหมาป่าวิ่งเร็วมากกว่ามนุษย์หลายเท่า แต่การรู้อย่างนั้น
ก็ไม่ได้ทำให้คนตัวผอมนึกท้อจนหยุดยืนหอบหายใจแล้วขอเวลานอก
ขายาวยังคงวิ่งไปข้างหน้าอย่างทุลักทุเล
เซซ้ายเซชวาชนกับกิ่งไม้ใบหญ้า สะดุดก้อนหินสารพัดอุปสรรคที่มองไม่เห็น
แต่เขาไม่อยากตาย! สัตว์ร้ายเหล่านั้นคงไม่ได้วิ่งตามมาเพื่อให้เขาลูบหัวแน่
สามารถรู้ได้ง่าย ๆ จากประตูรถฝั่งคนขับที่ถูกกระแทกจนบุบลง
“อา!”
ร่างของเซฮุนถูกชนจนล้มกลิ้งไปกับผืนหญ้า
เขารู้สึกปวดแสบตรงช่วงหลังและคิดว่าตอนนี้เชิ้ตสีฟ้าอาจจะเปื้อนไปด้วยเลือดและฝุ่นดินบนหญ้า
คนตัวผอมพยายามคลานหนีเข้าหาความมืดมิดโดยไม่รู้ว่าเบื้องหน้าจะมีอะไรน่ากลัวกว่านี้หรือไม่
แต่การไปจากที่นี่... ตรงที่มีแต่เสียงขู่คำรามในลำคอของพวกหมาบ้า
มันก็คงดีกว่าเป็นไหน ๆ
“ไม่... ต้องไม่ใช่แบบนี้”
เซฮุนหอบหายใจ ทั้งเจ็บแสบตรงช่วงหลังและเหนื่อยจากการวิ่งหนีเอาชีวิตรอด
เขาเพิ่งใช้ชีวิตมาได้แค่ยี่สิบสี่ปี
มันยังไม่คุ้มที่แม่ทนเจ็บคลอดเขามาเลยด้วยซ้ำ แม่ไม่ได้ให้โอเซฮุนเติบโตมาเพื่อถูกหมากัดตายในป่าในช็อลลาใต้
เพียงเพราะว่าเขาเป็นเลขาที่ดี
ร่างของเหยื่อผู้น่าสงสารถูกเขี่ยให้หงายตัวขึ้น
ตอนนี้สิ่งที่เซฮุนมองเห็นคือพระจันทร์เต็มดวง ซึ่งมีต้นไม้สูงทำให้ภาพนี้สวยขึ้น
เขาไม่ใช่คนใส่ใจกับเรื่องท้องฟ้านัก นี่คงเป็นครั้งแรกและอาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้มอง
กระทั่งเงาของสัตว์ร้ายย่างกรายเข้ามากลบทับความสวยงามของมัน
ดวงตาสีเขียวนั้นดุร้าย
มันมองเขาพร้อมโชว์ฟันคมราวกับว่าอยากฉีกร่างเหยื่อออกเป็นชิ้น ๆ
เซฮุนกลืนน้ำลายลงอย่างฝืดคอ ปรือตามองมัจรุราชเบื้องหน้า จนปาฏิหาริย์ได้เกิดขึ้นกับเขา
“กรรรรรรรรซ์!!!”
ร่างของหมาตาสีเหลืองกระเด็นออกไป
และตามด้วยตาสีเขียว เสียงต่อสู้กันอยู่ห่างออกไปจากตรงนี้น่าจะราว ๆ ห้าเมตร
แต่เซฮุนรู้สึกเหมือนว่ามันอยู่ข้างหูแค่นี้
เขาหันไปมองภาพของหมาทั้งสามตัวที่เคยวิ่งไล่ตามเอาชีวิต แต่บัดนี้มันกลับร้องหงิง
ๆ พร้อมก้มหัวต่อหน้าหมาอีกตัวซึ่งขนาดใหญ่กว่า
ตัวนั้นมีขนสีดำขลับ...
เงาวาววับสวยงามยามอาบแสงจากดวงจันทร์ สิ้นเสียงการต่อสู้แล้ว
ตอนนี้สิ่งที่เซฮุนได้ยินมีอย่างเดียวคือเสียงหัวใจของตนเอง
ที่มันเคยเต้นแรงและแผ่วลงหลังจากปลงยอมรับความตาย
หมาตาทั้งสองสีวิ่งหนีเข้าป่าไปแล้ว...
ตอนนี้เหลือเพียงเจ้าของร่างใหญ่ขนสีดำขลับที่ยืนอยู่ตรงนั้น
ไม่รู้เลยว่ามันเข้ามาช่วยเขา หรือแค่อยากแย่งเหยื่อจากหมาตัวอื่นกันแน่ เซฮุนไม่รู้ชะตาชีวิตตัวเองเลยด้วยซ้ำ
ปลอดภัย? หรือกำลังจะตาย? เรื่องนั้นคนที่จะตอบได้อาจเป็นเจ้าของดวงตาสีแดงคู่นั้น
ที่มัน... กำลังมองเขา...
“อย่า...”
เสียงของเซฮุนแผ่วเบาตอนร้องขอชีวิตกับสัตว์ร้ายที่คงฟังไม่รู้เรื่อง
เขาสบตากับเจ้าของดวงตาคู่นั้น ซึ่งมันอาจเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ แต่สำหรับมนุษย์ที่ใกล้พบความตาย
มันจึงกลายเป็นความยาวนานอย่างไร้สิ้นสุด
หมาป่าสามตัวที่พังรถและพร้อมใจกันไล่ล่าเขา
คงไม่น่าตกใจเท่าภาพตรงหน้าที่ตากำลังมองเห็นในตอนนี้
เซฮุนเบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง เมื่ออยู่ ๆ
เจ้าของดวงตาสีแดงเมื่อครู่ก็ค่อย ๆ กลายร่าง
เจ้าของขนสีดำได้เปลี่ยนเป็นมนุษย์ซึ่งมีรูปร่างไร้ที่ติ
ดวงตาคู่นั้นค่อย ๆ ปิดลง พร้อมใบหน้าคมที่เงยขึ้นอาบแสงจากดวงจันทร์ ตามด้วยมือทั้งสองข้างที่สางเข้ากับกลุ่มผมแล้วค้างไว้กลางศีรษะ
ผู้ชายร่างเปลือยเปล่ายังคงอิ่มเอมอยู่กับสิ่งนั้น ก่อนจะมองมายังเขาด้วยดวงตาที่เปลี่ยนสี
...แต่แววตากลับไม่ต่างไปจากเมื่อครู่เลย
“จ... เจ้านาย”
TBC
มาสร้างจักรวาลกับหนูไหมคะออนนี่
ความคิดเห็น