ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC B.A.P] BrotherCODE [LoBang]

    ลำดับตอนที่ #6 : [OS] Heart //Maybe....Bangzel (???)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 219
      1
      13 ส.ค. 57

    [OS] Heart 




    [OS] Heart 

    Pairing : BangZel.....ละมั้ง

    Rating : PG-13

    Genre : Drama??

    Author : Amoeba





                 ภายในห้องโถงสีเงินขนาดใหญ่มีเพียงโต๊ะทำงานกับกองเอกสารมากมายที่เรียงไว้อย่างเป็นระเบียบเท่านั้นที่กั้นขวางระหว่างหญิงวัยกลางคนที่นั่งไขว้ห้างอยู่ทางฝั่งโต๊ะ กับ ชายหนุ่มร่างผอมสูงหน้าตาดุเข้มที่ถึงแม้เขาจะดูผอมไปบ้าง
    แต่ร่างกายกลับเต็มไปด้วยกล้ามเนื้ออย่างคนสุขภาพดีนั่นทำให้เห็นว่าร่างกายถูกฝึกฝนมาอย่างดีแค่ไหน

    “นักรบแห่งดาวเคราะห์B124AP224”หญิงสาวผู้นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานเงาวับนั้นพูดขึ้น ซึ่งก็... เห็นๆก็คงรู้กันอยู่ว่ามีตำแหน่งค่อนค่างสูง

    “ครับ”ชายหนุ่มตอบด้วยน้ำเสียงทุ้มสายตาสบมองกับหญิงสาวไม่วางตา

    “คุณคงรู้ใช่ไหม่ว่าดาวของเรากำลังประสบปัญหาพลังงานขาดแคลน และปัญหานี้กำลังเริ่มลุกลามขึ้นเรื่อยๆ”


                 ชายหนุ่มปล่อยให้ความเงียบเป็นคำตอบ เรื่องนี้ไม่ว่าจะอยู่ส่วนไหนของจักรวาลถ้าเป็นชาวมาโทคงจะรู้ดี.....ปัญหานี้กำลังสร้างความหวาดหวั่นให้กับผู้อยู่อาศัยของดาวB124AP224เป็นอย่างมาก ถึงแม้จะมีบางคนไม่ได้สนใจปัญหานี้นักแต่ถ้าหากปัญหานี้ได้ลุกลามต่อไปเรื่อยๆสุดท้ายหายนะของดาวเคราะห์นี้ก็คงจะมาถึงในไม่ช้า

    “ทางทีมสำรวจของทางเราได้ค้นพบดาวเคราะห์สีน้ำเงินที่ตำแหน่งกาแล็กซี่ทางช้างเผือกใกล้กลับระบบสุริยะพิเศษ Gliese 876 ว่ามีพลังงานที่เราต้องการ แต่เรายังอาจรู้ได้ว่าสิ่งมีชีวิตที่อยู่บนดาวดวงนั้นเป็นอย่างไรแน่ชัด”ผู้นำหญิงวัยกลางคนพูดต่อ


                 แล้วก็มีหญิงสาวผมสีออกม่วงหน้าตาน่ารักเดินเข้ามาในห้อง เธอนำเอกสารใหม่มาวางไว้ข้างๆผู้บัญชาการดาวเคราะห์แล้วหยุดยืนอยู่ข้างโต๊ะ  หันมาสบตากับชายหนุ่มพ่อนที่เธอจะส่งยิ้มให้กับเขาอย่างเป็นมิตร เขาจึงคลี่ยิ้มบางๆกลับไป

    “เราต้องการให้คุณไปสำรวจดาวดวงนั้น แฝงตัว กลมกลืนกับประชากรชาวมนุษย์ ศึกษาข้อมูลความคิดความอ่าน ค่านิยมเพื่อเป็นข้อมูลเพ่ิมเติม หลังจากเราได้ข้อมูลเพียงพอแล้วเราจะส่งกำลังสนับสนุนไป”

     
                  เมื่อจบการชี้แจ้งหญิงสาวผู้มาใหม่ก็แย้งขึ้นทันที

    “แม่ค่ะ แม่จะให้หมอนี่ไปที่ดาวอื่นคนเดียวอย่างนั้นเหรอคะ”

    “ฮโยซองนี่เป็นความตั้งใจของแม่ และที่สำคัญ ยงกุกเองก็ยินดีที่จะรับภารกิจนี้”ผู้บัญชาการดาวเคราะห์พูดเสียงเรียบ

    “ย๊า ยงกุกนายจะไปคนเดียวจริงๆเหรอ อย่างน้อยลากเจ้าฮิมชานไปด้วยก็ได้นี่!?”

    “คนเยอะเกินไปมันเสี่ยงต่อการถูกจับได้ ให้ฉันไปคนเดียวจะปลอดภัยกว่า เราไม่รู้ว่าพวกมนุษย์เป็นอย่างไร”ยงกุกพูดตอกย้ำการตัดสินใจของตน ถึงแม้ส่วนลึกในใจจะกำลังร้องท้วงอย่างแผ่วเบาก็ตาม.......


    “ฮโยซอง อีกไม่นานลูกจะต้องมาเป็นผู้บัญชาการดาวเคราะห์คนใหม่แทนแม่ ลูกสมควรจะไปจัดการงานเอกสารส่วนของตัวเองได้แล้ว”ผู้เป็นแม่ออกปากไล่หญิงสาวออกไปเพื่อเรียกความเป็นส่วนตัวกลับมาอีกครั้ง

    “แต่...”หญิงสาวเงียบไปเมื่อสบสายตากับแม่ของตนก่อนจะยอมออกไปจากห้องอย่างฉุนเฉียว



                     ยามเมื่อเหลือเพียงสองคนความเงียบก็กลับเข้าครอบคลุมอีกครั้ง

    “ยงกุก...เรา ไว้ใจนายได้ใช่ไหม”เสียงของหญิงสาวเคร่งเครียดขึ้น

    “ด้วยชีวิต”ชายหนุ่มพูดก่อนจะทำท่าวันทยาหัตถ์ให้ผู้บัญชาการ

    .?
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .

                  เสียงร้องเตือนของสัญญาณอิเล็กทรอนิกดังกังวานไปทั่วห้องแล็บ เป็นเสียงแบบที่ไม่ว่าใครฟังก็คงคิดออกว่าเป็นเสียงเปิดเครื่องมืออิเล็กทรอนิกอะไรสักอย่าง    ในห้องที่มีเครื่องมือกลไกต่างๆมากมายเกลื่อนกลาด ที่มุมห้องมีที่ร่างของชายหนุ่มร่างสูงถูกเชื่อมต่อกับวงจรขนาดใหญ่รอบๆข้าง      
                   เขาเขายืนนิ่ง หลับตา ไม่มีการขยับเขยื่อน....แม้แต่การขยับขึ้นลงของหน้าอกจากการหายใจก็ไม่มี....

    “เอาล่ะ....ถึงเวลาแล้ว”ยงกุกขยับคอไปมาจนเกิดเสียงดังกรอบแกรบของกระดูกที่ลั่นร่างผอมสูงค่อยๆปลดสายไฟ สายยูเอสบี และสายเชื่อมต่อต่างๆออกจากร่างกายของอีกคนที่ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น


                  รอยที่เคยเป็นที่เชื่อมต่อกับสายไฟต่างๆค่อยๆหายไปเหมือนกับร่างกายนั้นกำลังรักษาตัวเอง....จะว่านี่เป็นเครื่องจักรก็ไม่ใช่ หุ่นยนตร์ก็ไม่เชิง เป็นสิ่งมีชีวิตที่เกิดจากการใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เป็นสิ่งมีชีวิตชีวจักรกลที่แปลกประหลาด


    “เปิดระบบชีวิตได้”เสียงทุ้มออกคำสั่ง



                  ร่างที่เคยยืนหลับตานิ่งสงบค่อยๆลืมตาขึ้นมา กระพริบตาสองสามครั้งก่อนจะเริ่มขยับร่างกาย

    ......ดูเป็นธรรมชาติราวกับเป็นสิ่งมีชีวิตมาตั้งแต่แรก.......

    “อรุณสวัสดิ์”

    “อรุณสวัสดิ์”

    “รู้ไหมว่าฉันเป็นใคร”

    “คุณเป็นคนที่สร้างผมขึ้นมาครับ”แม้เสียงที่ตอบกลับมาจะเป็นธรรมชาติสักแค่ไหน แต่ก็กลับไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึก.....

    “ไม่มีระบบอะไรบอกพร่องตรงไหนนะ”

    “ไม่มีปัญหาอะไรครับ”

    “เอาล่ะ....ฉันมีชื่อเท่ๆไว้ให้นายด้วยนะ Zelo”ว่าแล้วก็ฉีกยิ้มให้กับ”สิ่ง”ที่ยืนอยู่ตรงหน้า


                    กาลครั้งหนึ่งไม่นานนัก...ชายคนหนึ่งได้สร้างเครื่องกลขึ้นมา... จะเรียกเครื่องกลก็ไม่เชิง จะเรียกหุ่นยนตร์ก็ไม่ใช่ จะเรียกว่าเป็นสิ่งมีชีวิตเลยก็แปลกปาก สิ่งมีชิีวิตที่หายากยิ่งกว่าอื่นใดในจักรวาล....สิ่งมีชีวิตชีวจักรกล ด้วยการสร้างสิ่งมีชีวิตจากที่ไม่มีอะไรด้วยเทคโนโลยีชั้นสูงจนเกิดมาเป็นสิ่งมีชีวิตชีวจักรกลในครั้งนั้น.....ถือได้ว่าเป็นปาฏิหาริย์


    “เซโล่ดูสิ หนังเรื่องน้ีพวกมนุษย์ทำได้ดีมากเลยนะ เอฟเฟ็กอย่างกับของจริงแหนะ”ยงกุกพูดพร้อมกับชี้ไปที่หน้าจอโทรทัศน์ .....อย่าถามว่าเอาเงินที่ไหนไปซื้อโทรทัศน์รุ่นใหม่ล่าสุดมา.....แน่นอนเอามาจากงบการยึดครองโลกนั่นแหละ แล้วตอนสร้างเซโล่ล่ะ........ก็เหมือนกัน.....บังยงกุกก็มีคลังการเงินให้ผลาญเล่นอยู่ที่เดียวนั่นแหละ


                    เซโล่นั่งอยู่อย่างนั้น มองตามที่ยงกุกชี้......แค่มอง....ประมวลผล....แต่ไม่เข้าใจการตอบสนอง


    “ดนตรีHip-Hopของพวกมนุษย์นี่ดีจริงๆ ฉันชอบมันซะแล้วสิ”ยงกุกพูดขณะที่เปิดเพลงฟังจากคอมพิวเตอร์ผ่านโปรแกรมบราวเซอร์ชื่อyoutube


                    หูของเซโล่ฟัง คลื่นเสียงส่งจังหวะและท่วงทำนองสู่โสตประสาท ประมวลผล....แต่...........ไม่เข้าใจว่าจะตอบสนองอย่างไร




                     วันเวลาเลยผ่านไปอย่างไม่มีทางหวนกลับ การทดลองยังไม่สำเร็จสมบูรณ์........หุ่นยนต์ไม่สิ....สิ่งมีชีวิตจักรกลยังคงไม่มีความรู้สึก

    “พี่ยงกุกครับ มีสัญญาณติดต่อมาจากดาวB124AP224ครับ”เสียงเรียบๆของเซโล่ดังขึ้นเรียกยงกุกออกจากภวังหน้าหน้าจอคอม

    “ห๊ะ...อะ อืม อีกแปบฉันจะออกไป”ยงกุกพูดพลางบิดร่างกายที่เมื่อยขบเพื่อคลายความปวดเมื่อยจากการทำงาน ร่างของชายหนุ่มลุกขึ้นจากเก้าอี้ทำงานก่อนที่จะ..... 

    “!!!!” ทุกอย่างในสายตาดับวูบพร้อมกับความปวดหนึบชาไปทั่วตัวโจมตียงกุกจนทรุดลงกับพื้น

    “.....อีกแล้วงั้นเหรอ........”เจ้าของเสียงทุ่มพึมพัมขณะที่พยามตั้งสติ


                 เสียงฝีเท้าสม่ำเสมอเดินกลับเข้ามาให้ห้องของเขาอีกครั้ง ยงกุกเงยหน้ามองต้นเสียงอย่างยากลำบาก เซโล่เดินกลับเข้ามาเพื่อเรียกเขาอีกครั้งเป็นแน่ 

    “พี่ครับสัญญาณถี่ขึ้นอีกแล้วถ้าไม่รีบเดี๋ยวก็ถูกโกรธหรอกครับ”เซโล่พูดด้วยน้ำเสียงคงเดิม 

                  ความรู้สึกของร่างที่แทบจะยืนไม่ไหวอยู่แล้วตอนนี้ยิ่งกว่าถูกเข็มพันเล่มทิ่งแทง ไม่ใช่เพราะความเจ็บป่วยทางร่างกาย.........แต่เป็นจิตใจ คนที่ตอนนี้ใกล้ชิดที่สุดกลับไม่มีความรู้สึกสนใจใยดีมีแต่เพียงสายตาใสไร้ความรู้สึกจ้องมองเขาอย่างพินิจ ประมาวลผล น้ำเสียงที่เรียบเฉยไร้ความห่วงใย...จะตัดพ้ออย่างน้อยใจก้ไม่อาจโทษใครได้ในเมื่อไม่ใช้ความผิดของเซโล่.....แต่เป็นความผิดของเขาเอง

    “เกิดอาการหน้ามืดเหรอครับพี่ นั่นเป็นเพราะช่วงนี้พี่กินอาหารน้อยเกินไป ดัดชนีมวลการของพี่เริ่มจะลดต่ำกว่าเกณท์แล้วน่ะครับ ถึงจะมีกล้ามเนื้อก็เถอะครับ”คำพูดวินิจไฉตามข้อมูลแรกเริ่มที่เคยบรรจุไว้ในสมองกลั่นกรองออกมาอธิบายให้คนสร้างตนเองฟังก่อนจะช่วยพยุงร่างนั้นขึ้น

    “เข้าใจแล้วน่า”ยงกุกพูดเสียงอ่อยในขณะที่เดินตามการพยุงของเซโล่ไปจนถึงมอนิเตอร์ 


                   ร่างผอมผละออกจากร่างสูงของเซโล่เดินไปที่หน้าจอมอนิเตอร์มือเรียวกดตอบรับสัญญาณติดต่อ เสียงสัญญาณดังขึ้นอีกรอบก่อนจะฉายภาพผู้ชายสี่คนอยู่บนหน้าจอ

    “อ๊ะ ตอบรับแล้วๆ”

    “สวัสดีแดฮยอน”ยงกุกหัวเราะเมื่อโดนทักแบบนั้น

    “หวัดดีฮะพี่ยงกุก”

    “งายยยยยย ยงกุก”

    “เออ ฮิมชาน”ยงกุกฉีกยิ้มกว้าง แล้วหัวเราะท่าทางของคนในหน้าจอ


                  เซโล่มองยงกุกสลับกับคนในหน้าจอ....สิ่งที่เรียกว่ารอยยิ้ม เซโล่รู้จักนะ...................

                  มันถูกบรรจุให้หลังจากเซโล่”ลืมตา”ตื่นขึ้นมา ตอนที่พี่ยงกุกเอาหนังสือจิตวิทยาทางอารมณ์ความรู้สึกของมนุษย์กลับมาหลังจากออกไปห้องสมุดของมนุษย์ รอยยิ้มแสดงถึงความดีใจ ยินดี สนุกสนาน เซโล่เคยเห็นพี่ยงกุกยิ้มหลายๆครั้ง จากที่อยู่ในระบบความจำของเขานั้น......รอยยิ้มของพี่ยงกุกค่อยๆเปลี่ยนไปเรื่อยๆ นานๆเข้าตั้งแต่เซโล่ลืมตาตื่นจนถึงตอนนี้ มันเปลี่ยนไป...เซโล่เองก็ไม่เข้าใจว่ามันเปลี่ยนไปได้อย่างไร หากแต่ระบบประมวลผลในส่วนลึกบอกว่ามันไม่ใช่สิ่งดี ดังนั้นการที่เซโล่เห็นรอยยิ้มของพี่ยงกุกที่เหมือนกับรอยยิ้มแรกที่เขาเห็นตอนลืมตาตื่น ทำให้เซโล่สนใจมาก

    “เจ้านี่น่ะเหรอ Zelo ผลงานของนาย ทั้งที่ไม่ใช่นักวิทยาศาสตร์สักหน่อย”ฮิมชานหันมามองร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างๆยงกุก

    “อืม อย่างน้อยฉันก็มีความรู้ทางวิทยาศาสตร์ล่ะน่า ถึงจะไม่ได้เข้าขั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญ”

    “แล้วพี่ใช้งบที่ไหนสร้างครับ.....”ยองแจผู้ชายตัวเล็กที่ยืนอยู่ข้างๆแดฮยอนพูดขึ้นมา

    “เห้ย อย่าแย่งพูดดิว่ะ ฉันคุยอยู่น่ะเว้ยยย”ฮิมชานหันไปตะเบงเสียงใสยองแจแต่เจ้าตัวหาสนใจไม่

    “พี่รู้ไหมเนี่ยว่างบประมาณมีเอาไว้ทำอะไร ยึดครองโลกน่ะครับ ยึดครองโลก! พี่เอางบประมาณไปสร้างเจ้านี่เนี่ยนะ คำว่าพอประมาณน่ะรู้จักไหม”

    ยงกุกยักไหล่อย่างไม่สนใจ

    “ดูมันทำท่ากวนประสาท”

    “แล้วจงออบล่ะ?”ถามขึ้นเปลี่ยนประเด็นอย่ารวดเร็ว

    “อ้อ ยืนอยู่ข้างๆเนี่ยแหละไม่ได้เข้าหน้ากล้อง เห้ยย จงออบออกมาทักทายยงกุกดิ๊”ฮิมชานดึงแขนเด็กหนุ่มตาตี่อีกคนเข้ามาในเฟรม

    “หวัดดีฮะพี่ยงกุก”

    “เออ หวัดดี”ยงกุกหัวเราะร่าเมื่อเห็นจงออบเซทับคนอื่นเพราะแรงดึงของฮิมชาน


                 เซโล่ไม่ได้เห็นพี่ยงกุกยิ้มกับหัวเราะแบบนี้มานานแล้ว.....ทำไมกับคนพวกนี้พี่ยงกุกถึงยิ้มให้หัวเราะให้ล่ะ...ทำไมเดี๋ยวนี้พี่ยงกุกไม่หัวเราะให้เซโล่ ไม่ยิ้มเหมือนตอนนี้ให้เขา    ทำไมตอนนี้มีแต่รอยยิ้มแปลกๆที่ดูเหมือนอยากร้องไห้มากกว่ายิ้มให้เขาล่ะ


                 แต่ว่าคนอื่นก็ยิ้มก็หัวเราะให้พี่ยงกุกเหมือนกัน....หรือเพราะเขายิ้มให้พี่ยงกุกไม่ได้เพราะเขาหัวเราะพร้อมกับพี่ยงกุกไม่ได้หรือเปล่า......

    “ว่าแต่นายน่ะ”ฮิมชานเปลี่ยนน้ำเสียงทำให้ยงกุกชะงัก

    “ถ้าโถมหนักๆเข้าอาการจะไม่กำเริบเหรอ”

                   ร่างผอมชะงัก คิ้มเข้มขมวดเข้าหากันนิดหน่อยก่อนจะเปลี่ยนเป็นรอยยิ้ม รอยยิ้มที่พี่ยงกุกชอบยิ้มใส่เซโล่นั่นแหละ 'รอยยิ้มที่เหมือนอยากร้องไห้มากกว่า'

    “อืม ไม่เป็นไรหรอก”

    “อีกไม่นานเราก็จะตามไปสมทบแล้วรอหน่อยล่ะ”

    “เข้าใจแล้วน่า”

    “อย่าหักโหมมากนักล่ะพวกฉันไม่อยากพานายแบบเป็นศพกลับมาเข้าใจ๋?”ฮิมชานพูดแบบทีเล่นทีจริงแต่แฝงไปด้วยความเป็นห่วงเพื่อน

    “...........................”

    “ตอนนี้พี่กำลังทำอะไรควบคู่กับการเก็บข้อมูลพวกมนุษย์ใช่ไหม”ยองแจเจ้าคนสมองดีหรี่ตามองแล้วถามอย่างจับผิด

    “อืม กำลังสร้าง หัวใจ ให้เซโล่”


                    เซโล่เลิกคิ้วขึ้น หัวใจ อวัยวะที่สำคัญในร่างกายของสิ่งมีชีวิตที่คอยสูบฉีดเลือดไปหล่อเลี้ยงอวัยวะอื่นของร่างกาย แน่นอนว่าด้วยวิทยาการที่สร้างเขาขึ้นทำให้เขามีทุกอย่างเหมือนกับสิ่งมีชีวิตแน่นอนว่าเขามีหัวใจสูบฉีดโลหิตเช่นกัน ในเมื่อเขามีหัวใจอยู่แล้วทำไมพี่ยงกุกถึงต้องสร้างขึ้นมาให้เขาอีกล่ะ

    “พี่ก็รู้นี่ว่ามันเกินความสามารถ...”

    “แต่ก็คุ้มที่จะลอง”

    “อย่างนั้นมันหักโหมเกินไปน่ะพี่”จงออบพูดขึ้นบ้าง

    “พี่ไม่เป็นไร เห็นไหมยังฟิตอยู่เลย”ยงกุกยิ้มแล้วเบ่งกล้ามแขนให้คนในมอนิเตอร์ดู แขนที่มีกล้ามเรียวๆจนเรียกได้ว่าแห้งนั่นแหละ

    “พี่ดูแห้งกว่าเดิมตั้งเยอะ กินข้าวซะบ้างสิ”แดฮยอนว่าบ้าง

    “เออน่าาาา ถ้าสร้างหัวใจให้เซโล่ได้ เซโล่จะมีความรู้สึกและเข้าใจความรู้สึกของสิ่งมีชีวิตจริงๆ”


                  หมายความว่าเขาจะยิ้มได้.....เข้าใจว่าตอนไหนถึงอยากยิ้ม ตอนไหนถึงจะหัวเราะ ตอนไหนถึงอยากร้องไห้เหมือนที่พี่ยงกุกเป็นใช่ไหม เขาจะเหมือนพี่ยงกุก พี่ยงกุกจะยิ้มเหมือนเดิมให้เขาใช่ไหม......

                  จู่ๆเหมือนอาการวูบจะเข้าเล่นงานบังยงกุกอีกครั้งร่างสูงเข่าอ่อนแทบทรุดแต่ยังดีที่คว้าไหล่ร่างสูงของเซโล่พยุงตัวเอาไว้ได้

    “นี่นาย......”ฮิมชานขมวดคิ้วหน้าเครียด

    “ฉันไม่เป็นไรน่า เดี๋ยวจะกินข้าวละ บาย”ยงกุกรีบตัดสัญญาณติดต่อทันที แต่เพียงแค่ไม่กี่วินาทีสัญญาณติดต่อก็ดังขึ้นถี่ๆอีกครั้ง บังยงกุกปิดเสียงสัญญาณปล่อยให้หน้าจอมอนิเตอร์ขึ้นการแจ้งเตือนให้รับสัญญาณต่อไป

    “พี่ยงกุก”เสียงเรียบๆของเซโล่ดังทำลายความเงียบ

    “หืม”

    “ผมอยากได้หัวใจผมอยากยิ้มไปพร้อมๆกับพี่ยงกุก”เซโล่พูดพลางมองตายงกุก

    “เข้าใจแล้ว จะรีบทำให้สำเร็จน่ะ”.....พี่ยงกุกยิ้มให้เขาเหมือนสมัยก่อนอีกครั้ง เป็นรอยยิ้มที่สดใส....


    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .

                    วันเวลาเลยผ่านไปอย่างไม่มีหวนกลับ.....แล้วก็ถูกทิ้งให้อยู่เพียงลำพัง



                     เซโล่มองประตูห้องของยงกุกที่เปิดอ้า ภาพตอนที่เขาเดินเข้าไปในห้องเพื่อปลุกเจ้าของห้องให้ออกมากินข้าวแต่กลับพบร่างของเจ้าของห้องล้มนอนนิ่งอยู่ที่พื้นห้อง.......เขายังจำลมหายใจที่ติดขัดจนแทบจะหยุดหายใจนั่นได้ได้ นัยน์ตาพร่าเลือนของยงกุก..... ทุกอย่างยังคงหมุนวนอยู่ในหัวของเซโล่


                      ร่างสูงเดินเข้าไปในห้องนั้นมือหนาเปิดสวิตท์ไฟขึ้นเปิดวงจรไฟฟ้าของเครื่องคอมพิวเตอร์ขึ้น สายตามองสายไฟและสายเชื่อมต่อข้อมูลขณะที่ทำการเชื่อมต่อวงจรของคอมพิวเตอร์เข้ากับตัวเอง
    บนหน้าจอมอนิเตอร์ค่อยๆมีตัวหนังสือขึ้นสลับกับแถบดาวโหลด จนกระทั่งการดาวโหลดเสร็จสิ้น บนหน้าจอเหลือเพียงแค่คำว่า Start 


                           อยากรู้ว่าสิ่งที่ยงกุกทำให้กับเขา...จนถึงวินาทีสุดท้าย...มันคืออะไรกัน...สิ่งที่เรียกว่า  'หัวใจ'



             'เซโล่...โปรแกรมนี้ยังไม่เสร็จสมบูริณ์นะ ร่างกายของนายอาจจะรับมันไม่ไหว ฉันจะรีบทำให้มันเสถียรก่อนที่ฉันจะ.........'



                       นิ้วกดปุ่มเริ่มต้นการดาวน์โหลดโปรแกรมเข้ามาติดตั้งในร่างกายชีวจักรกล จาก1%ไปจนถึง100% ร่างสูงกระตุกวูบ มือหนารีบกระชากสายเชื่อมต่อข้อมูลออกจากการเชื่อมต่อ

                       เป็นครั้งแรกที่เซโล่รับรู้ถึงสิ่งรอบตัวจริงๆโดยไม่อ้างอิงข้อมูลในสมองมาเป็นเหตผล เป็นครั้งแรกที่รับรู้ถึงลมหายใจของตัวเองที่เข้าออก เป็นครั้งแรกที่รับรู้ว่าห้องนี้เหน็บหนาวแค่ไหน เป็นครั้งแรกที่รู้สึกถึงหัวใจที่เต้น
    เป็นครั้งแรกที่....ร้องไห้....



                     สายตาพร่าเลือนเพราะม่านน้ำตาเหลือบมองไปรอบๆห้องที่เจ้าของจากไปแล้ว ภาพต่างๆที่เคยทำร่วมกันฉายซ้ำขึ้นมาในหัว


    ‘เซโล่ดูสิ หนังเรื่องน้ีพวกมนุษย์ทำได้ดีมากเลยนะ เอฟเฟ็คอย่างกับของจริงแหนะ”ยงกุกพูดพร้อมกับชี้ไปที่หน้าจอโทรทัศน์ 

    ‘ผมว่าผมชอบอีกเรื่องมากกว่านะ’

    ‘เหรอ งั้นดูเรื่องนั้นหลังเรื่องนี้จบมะ’

    ‘เอาสิครับ’


    ถ้าผมพูดกับพี่แบบนั้น พี่จะยิ้มให้ผมอีกใช่ไหม.....เราคงได้หัวเราะและลุ้นกับตัวเอกในหนังด้วยกัน....


    ‘ดนตรีHip-Hopของพวกมนุษย์นี่ดีจริงๆ ฉันชอบมันซะแล้วสิ’ยงกุกพูดขณะที่เปิดเพลงฟังจากคอมพิวเตอร์ผ่านโปรแกรมบราวเซอร์ชื่อyoutube

    ‘ผมก็ชอบครับ บีทเพลงนี้เจ๋งดีนะ’

                    ถ้าเราได้พูดคุยกันมากกว่านี้ พี่จะหัวเราะอย่างมีความสุขกว่านี้ไหม พี่จะไม่ทำหน้าเหมือนอยากร้องไห้เวลาผมเฉยชาใส่พี่ใช่ไหม....



    ‘ชื่อเซโล่มาจากชื่อเทพเจ้ากรีกตามความเชื่อของพวกมนุษย์Zelus เป็นเทพเจ้าแห่งชัยชนะน่ะ เป็นไงชื่อที่ฉันตั้งให้เท่ใช่ม้าาา’

    ‘พี่บอกว่าผมกับพี่เหมือนครอบครัวเดียวกันใช่ไหมครับ’

    ‘ใช่สิ ไม่มีนายอยู่ที่โลกมนุษย์นี่คงน่าเบื่อแล้วก็เหงาจะตาย’

    ‘งั้นทำไมผมไม่มีชื่อแบบพี่บ้างละ’

    ‘หื้ม’

    ‘พี่ยังชื่อบังยงกุกเลย ผมก็ต้องชื่อบังเซโล่ดิ’

    ‘ตลกล่ะ อย่ามาลามปาม ฮะๆๆๆ’

    ...... ถ้าผมทำตัวเหมือนครอบครัวให้พี่ได้จริงๆก็็ดีสิ....





    ในวันที่ยงกุกอาการเริ่มทรุดตอนนั้น.....


    ‘พี่ยงกุกครับ มีสัญญาณติดต่อมาจากดะ พี่!!!!!’


     

    .........ถ้าตอนนั้นผมทำอะไรได้บ้าง แค่แสดงความเป็นห่วงให้พี่เห็นได้ก็ยังดี.......


    แต่ผมทำอะไรไม่ได้เลย.... ในตอนนั้นผมทำอะไรไม่ได้เลย แค่แสดงความเป็นห่วง...ผมยังทำไมไม่ได้...ตอนนั้น.........



     

    ผมมันไร้ค่า....แค่เป็นห่วงใครสักคนยังทำไม่ได้......

     

    พึ่งจะได้รับรู้สาเหตุที่ตัวผมถูกสร้างขึ้นมา........เพราะว่าการอยู่ตัวคนเดียวมัน......โศกเศร้า...เหงา....เจ็บปวด




                      ร่างสูงรู้สึกเจ็บเสียดที่หัวใจ ร่างกายสั่นเทิ่มไปหมด มือที่ยันโต๊ะอยู่เลื่อไปกดปุ่มหนึ่งเข้าหน้าจอมอนิเตอร์เปลี่ยนเป็นรูปเคลื่อนไหวของยงกุก.......มันคือวีดีโอนั่นเอง

    ‘บันทึกปฏิบัติการยึดครองโลกภาคสำรวจ วันที่wx วันนี้ได้ค้นพบว่ากลุ่มเด็กสาวชาวมนุษย์มีแนวโน้มจะยอมโอนอ่อนและทำตามมนุษ์ผู้ชายที่หน้าตาดี เป็นการค้นพบที่สังเกตุมาสามวัน วันนี้อาการกำเริบเล็กน้อย..............................’

    ยิ่งเห็นภาพของยงกุกเซโล่ก็ยิ่งรู้สึกเจ็บปวด ความรู้สึกผิดและความเสียใจกดทับร่างกายจนแทบแหลก

    ‘เซโล่บอกว่าอยากได้หัวใจ.....เขาอยากได้มัน เขาอยากยิ้มไปพร้อมกับผม ผมจะรีบพัฒนาโปรแกรมหัวใจให้เสร็จ หลังจากนั้นเขาจะมีความรู้สึกเหมือนเราทุกๆคน’

     

    ถ้าหัวใจมันหนักอึ้งขนาดนี้....พี่ทนได้ยังไงครับ ทำไมพี่ถึงทนอยู่กับผมที่ไร้หัวใจได้........

    ความหนักอึ้งของหัวใจ ความโศกเศร้า พี่ทนได้ยังไงครับ....

    ผมขอโทษ.......




                    มือหนากดปุ่มบันทึกวีดีโอใหม่

    “พี่ยงกุกครับ....ผมขอโทษ ขอโทษที่ก่อนหน้านี้ผมทำอะไรไม่ได้เลย ........”ร่างสูงเอาแขนเสื้อเช็ดขอบน้ำตาก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นยิ้ม รอยยิ้มแรกที่เขาได้ยิ้ม ยิ้มจากหัวใจที่พึ่งรับรู้ถึงความอบอุ่นที่คนๆหนึ่งเพียรมอบให้มาตลอด

    “ขอบคุณนะครับที่สร้างผมขึ้นมา....ขอบคุณที่คอยดูแลกัน....ขอบคุณที่เป็นห่วงผม....ถึงผมจะไม่เคยเห็นค่ามันเลย ขอบคุณมากนะครับ พี่เห็นไหมผมเข้าใจ’หัวใจ’แล้วนะครับ พี่ไม่ได้ทำอะไรผิดพลาดหรอกครับ.....”สายตาหลุบต่ำลงแวบหนึ่งก่อนจะเงยขึ้นมามองกล้องบันทึกของคอมพิวเตอร์อีกครั้ง

    ถ้าหากผมได้เจอพี่อีกครั้งเรามายิ้มด้วยกันนะครับ ผมอยากเห็นรอยยิ้มของพี่เพราะฉะนั้น.......อย่าร้องไห้นะครับ ผมอยากจะใช้เวลาอยู่ด้วยกันกับพี่อีก....”เซโล่ยิ้มจากก้นบึ้งหัวใจ

    “ผมระ...พี่..น..”เสียงของร่างสูงขาดหายไป สายตากระตุกวูบก่อนที่ร่างกายจะหยุดชะงักฟุบลงแน่นิ่งตรงนั้น....








    It was exactly a miracle.

    The robot that obtained “Heart” kept speaking.

    He said all of feelings.

    But the miracle lasted only moment.

    The “Heart” was far too big for him.

    Unable to withstand that weight,the machine shorted.

    And was never to move again.

    However,his face was filled with smile,he looked like an angel.


    แน่นอนว่านี่คือปาฏิหาริย์อย่างแท้จริง

    หุ่นยนต์เมื่อได้รับหัวใจไปได้พูดทุกอย่างออกมา

    เขาพูดความรู้สึกทั้งหมดที่มีออกมาอย่างไม่มีสิ้นสุด

    หากแต่ปาฏิหาริย์นั้นเกิดเพียงชั่วครู่....

    ร่างกายที่เป็นเครื่องจักรไม่อาจทนแบกรับความหนักอึ้งของหัวใจได้.........

    จนกระทั่งไม่อาจเคลื่อนไหวได้อีก......

    แต่ถึงกระนั้นใบหน้าของเขาก็ยังคงเต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม ราวกับว่าเป็นภาพของเทวดา...

    แม้ว่าฟันเฟืองแห่งกาลเวลาจะหยุดไปแล้วก็ตาม......


    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .







    And in the another side.........



                  ยงกุกรู้สึกตัวลืมตาตื่นขึ้นมาพบตัวเองนอนอยู่ในห้องสีขาวปลอด กลิ่นยาอบอวลไปทั่วห้อง คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเล็กน้อย รู้สึกคอแห้งเป็นผงจนต้องลุกลงจากเตียงไปยังโตีะที่วางของกินกับเหยือกน้ำเอาไว้ ก่อนที่จะมีเสียงเปิดประตูขึ้น

    “ตื่นแล้วหรอยงกุก ใช้ไม่ได้เลยนะแก อุส่าห์เตือนแล้วแท้ๆว่าอาการมันจะกำเริบน่ะ”ฮิมชานเดินเข้ามาพร้อมอาหารและขนมนมเนยอีกหลายอย่าง

    “ย๊าาาาาา เจ้าบ้ายงกุกกลับไปนอนที่เดิมเลยนะ”หญิงสาวนามฮโยซองเดินตามเข้ามาพร้อมรีบจัดแจงจับเขากลับไปนั่งที่เตียง

                 เจ้าของร่างผอมขมวดคิ้วประมวลผลในสมองที่กำลังมึนงงมองไปรอบๆห้อง และมองออกไปยังวิวนอกหน้าตา วิวที่เขาไม่ได้เห็นมาสักพักแล้ว วิวที่ชวนคิดถึง....

    “ที่นี่คือดาวมาโท?”

    “ก็ใช่นะสิเจ้าบ้า”

    “เกิด..อะไรขึ้น....”

    “เพราะว่าฉันรู้ว่าแกต้องหักโหมชัวร์ แถมไม่ยอมรับสัญญาณติดต่อเลย ก็เลยตัดสินใจไปหาแกที่โลก แล้วก็เจอแกสภาพเกือบปางตาย กับไอ้หนูเซโล่ที่ยืนเอ๋ออยู่ ก็เลยรีบพาแกกลับมารักษาที่นี่ ถ้าช้าอีกนิดรู้ไหมว่าอาจจะถึงชีวิตนะ แกนี่มัน......”

    ยังไม่ทันที่ฮิมชานจะบ่นจบ ชื่อของคนอืีกคนหนึ่งก็ทำให้ยงกุกลุกพรวดขึ้นอีก

    “แล้วเซโล่ล่ะ!?”

    “ไม่ได้มาด้วยตอนนั้นมันฉุกละหุกมาก แล้วไอ้เด็กนั่นมันก็ยืนอย่างกับหุ่นก็เลยไม่ได้ตามมา วงจรช็อตรึเปล่า”

    ร่างผอมลุกขึ้นจากเตียงอีกรอบแต่ก็ถูกเพื่อนหนึ่งหญิงหนึ่งชายกดลงให้นอนลงกับเตียงอีกครั้ง

    “จะไปไหนมิทราบ”?

    “ต้องกลับไปโลก ปล่อยให้เจ้านั่นอยู่คนเดียวไม่ได้”พูดพลางเงยหน้ามองเพื่อนทั้งสอง


                       ฮิมชานสบตาเจ้าของหางตาชี้ๆที่ดูเหมือนจะดุแต่ที่จริงแล้วจิตใจดีจนไม่น่าจะเป็นยอดนักฆ่าแห่งดาวมาโทได้ ติดตรงนิสัยห่ามๆ หัวดื้อนี่แหละที่ไม่ว่าจะอย่างไรก็เข้ากับลุคจนต้องยอม

    “ใจเย็นๆ รักษาตัวให้หายก่อน หลังจากนั้นเราจะกลับไปโลกกัน”

    “?”ยงกุกมองหน้าฮโยซองสลับกับฮิมชาน

    “เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นฉันก็เลยขอเร่งแม่ให้พวกฮิมชานตามไปประจำการที่โลกกับนายด้วย ปล่อยให้อยู่คนเดียวเดี๋ยวก็ทำอะไรเกินตัวอีก”

    “อะ...อืม”

    “ดีใจละซี้ยยยยยย”ฮิมชานหัวเราะ

    “ไม่ใช่เว้ยยยยยย”ปากก็พูดไปแต่ก็ยิ้มร่าออกมาอย่างเห็นได้ชัด

    ................รอหน่อยนะเซโล่เดี๋ยวจะกลับไปหา.......................




    ส่งท้าย


    “โห้ ทำไมฐานถึงได้ฝุ่นเขรอะขนาดนี้วะ เจ้าเด็กเซโล่ไม่ได้ทำความสะอาดให้ตลอดเหรอ”ฮิมชานมองไปรอบๆฐานปฏิบัติการยึดครองโลกที่มีฝุ่นเริ่มจับตามเครื่องใช้ต่างๆ

    “แต่ก็ใหญ่โตใช้ได้นะฮะ”แดฮยอนพูดบ้างพลาดเริ่มเดินสำรวจรอบๆ

    “แล้วเซโล่อยู่ไหนละครับพี่ เดี๋ยวผมจะจัดการเรื่องโปรแกรมที่ไม่สมบูรณ์นั่นให้”ยองแจพูด

                  ยงกุกพยักหน้ารับ ยองแจเป็นสมองของทีมเป็นคนที่ฉลาดที่สุดแน่นอนว่าปัญหาการสร้างหัวใจให้เซโล่ของยงกุกไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับยองแจ แต่ว่า...เซโล่หายไปไหนกัน? 
                   ยงกุกเดินเข้าไปในห้องของตัวเองแล้วก็ต้องชะงักเมื่อเห็นร่างสูงของเซโล่ฟุบอยู่กับคอมพิวเตอร์หลักแล้วร่างผอมก็ต้องขมวดคิ้ว ฝุ่นในห้องนี้ก็ไม่ต่างกับที่อื่น....และที่สำคัญคือฝุ่นมีแม้กระทั่งบนตัวเซโล่..ซึ่งนั่นหมายความว่าเซโล่ไม่ได้ขยับตัวไปไหนมานานแล้ว

    “เซโล่”ยงกุกเขย่าไหล่เจ้าเด็กยักษ์แต่ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง สายตาเหลือบไปมองเมนคอมพิวเตอร์ของตนที่ขึ้นสัญลักษณ์การโอนถ่ายข้อมูลทำให้ยงกุกเบิกตากว้าง

             เซโล่...ติดตั้งโปรแกรมให้ตัวเอง?แต่โปรแกรมยังไม่สมบูรณ์นี่.....ร่างกายของเซโล่เองก็ยังไม่สเถียร ......หรือว่า.......

                     ยงกุกเหลือบมองที่หน้าจอคอมก่อนที่นิ้วเรียวจะรีบตรวจเช็คความผิดปกติของคอมพิวเตอร์และพบกับวีดีโอที่ไม่คุ้นเคย .....เราไม่ได้เป็นคนบรรทึกนี่..... ภาพที่เปิดขึ้นมาเป็นเซโล่....น้ำตา?.....เซโล่ร้องไห้?

                    ทุกคำพูด...ทุกน้ำเสียง ทุกอย่างถูกส่งผ่านจากวีดีโอมาสู่ยงกุกจนหมด ภาพรอยยิ้มของเซโล่สะท้อนผ่านม่านน้ำตาบางๆที่เริ่มเอ่อที่ขอบตาของยงกุก

    ‘ผมระ..พี่..น’ ยงกุกสะอึกเมื่อภาพอยู่ๆก็ถูกตัดไป มือรีบเช็ดขอบตาอย่างลวกๆก่อนจะตะโกนเรียกยองแจ

    “ยองแจ!!! เซโล่อยู่นี่ เหมือนว่าจะเกิดการโอเวอร์โหลดด้วยมาช่วยที”รีบจัดแจงให้เซโล่นอนในทางปกติ แล้วก็อดยิ้มไม่ได้เมื่อเห็นในหน้าของเซโล่ที่เปิ้อนรอยยิ้มแม้จะร่างกายจะหยุดทำงานไปแล้ว

    “ไหนครับ....”ยองแจเดินตามเข้าทันที....


    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .


                  เสียงสัญญาณการลืมตาของสิ่งมีชีวิตจักรกลดังขึ้นอีกครั้งก่อนที่เจ้าตัวจะลืมตาขึ้น เซโล่กระพริบตาสองสามครั้งก่อนจะมองไปรอบๆพบกับคนสี่ห้าคนยืนมองเขาอยู่ ข้อมูลในสมองประมวลผลทันทีว่าใครเป็นใคร .....มีทั้งผู้บัญชาการการยึดครองโลก คิมฮิมชาน  นินจาแดฮยอน นักวิทยาศาสตร์อัจริยะ ยูยองแจ หน่วยรบแนวหน้า มุนจงออบ
                  ก่อนสายตาจะมาหยุดที่ร่างผอมที่ยืนอยู่ใกล้เขาที่สุด.....นักฆ่าแห่งดาวมาโทบังยงกุก  ไม่มีคำพูดใดๆเซโล่ดันตัวลุกขึ้นรวบร่างผอมเข้ามากอดทันที.......รับรู้ได้ถึงไออุ่นจากร่างในอ้อมแขน......แรงสัมผัสของแขนที่กอดตอบ......รับรู้ได้ถึงลมหายใจของอีกฝ่าย รู้สึกอยากกอดไว้อย่างนี้ด้วยความกลัวที่อยู่ๆร่างตรงหน้าจะหายไป....แต่สุดท้ายก็ผละออกแล้วยิ้มให้อีกฝ่าย

    “พี่ยงกุกผอมไปแล้วนะครับ กินเยอะๆหน่อยสิ”พูดด้วยน้ำเสียงดุเล็กน้อย

    “เจ้าบ้า อย่ามาสั่งน่า ฮะๆๆๆๆ”ยงกุกหัวเราะร่าเมื่อคำทักทายแรกกลับเป็นประโยคเดิมๆที่เซโล่ชอบพูดเวลาเขาไม่ยอมกินข้าว.....แต่ตอนนี้...ความหมายมันกลับยิ่งอบอุ่นขึ้น ..... เพราะคำพูดเหล่านั้นออกมาจาก 'หัวใจ' ไม่ใช่ระบบสั่งการของหุ่นยนต์ที่เขาเป็นคนติดตั้ง

    “สรุปแล้วเซโล่ก็เป็นสมาชิกกองกำลังยึดครองโลกคนที่หกของเราสินะ?”

    “ก็แน่สิ”และจะเป็นตลอดไป....

    And the story was go on......
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .

    “พี่ยงกุกครับ”เด็กยักษ์เอาคางเกยไหล่พี่ที่นั่งเล่นเกมในไอแพดอยู่ ....ซึ่งแน่นอนว่าผลาญจากเงินงบประมาณการยึดครองโลก...

    “หืม?”

    “พี่ฮิมชาน ชื่อคิมฮิมชาน มุนจงออบ จองแดฮยอนกับยูยองแจ แล้วพี่ก็ชื่อบังยงกุก”

    “แล้วไง”พูดไปโดยไม่ได้หันมามองน้องสักนิด

    “แล้วทำไมผมถึงชื่อแค่เซโล่ล่ะ ไม่เห็นเหมือนคนอื่นอะ”

    “ก็เท่ดีออกไม่เหมือนดี”

    “ง่าาาา พี่อะ ตั้งชื่อเหมือนคนอื่นให้ผมด้วยสิ”

    “อืม........”ครางในลำคอไปอย่าใช้ความคิดขณะที่ดีดแองกรี้เบิร์ดไปด้วย

    “.......”

    “จุนฮง.......”

    “บังจุงฮงเหรอฮะ”หน้าที่เกยอยู่ที่ไหล่ขยับยุกยิ้กจนยงกุกต้องย่นคอหนีเล็กน้อย

    “ไม่เอา ไม่เห็นเข้า...อืม...ชเวจุนฮงเป็นไง?”

    “แต่พี่บอกว่าผมเหมือนครอบครัวเดียวกับพี่นี่ ทำไมสกุลผมไม่เหมือนพี่ล่ะ”

    “บ๊ะ ก็บอกว่ามันไม่เพราะ เอาชเวจุนฮงเนี่ยเพราะพริ้งสุดๆ”

    “งั้นพี่เปลี่ยนชื่อมาเป็น ชเวยงกุกไหมครับ เพราะเหมือนกันนะฮะ”

    “ไม่เอาว้อยยยยยย”ว่าแต่....น้องมันอยู่ใกล้ขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วไอ้มือที่อยู่ตรงเอวนี่อะร๋ายยยยยย

    ......
    ..
    .

    จบเถอะ 555555555






     
                 ฟิคคั่นชั่ววูบสุดๆค่ะ 55555555  ยกความดีความชอบให้เพลงญี่ปุ่นที่ชื่อ KOKORO เลย  ความหมายตรงตัวมาก  คือฟังเพลงนี้ละประกอบเอ็มคือร้องไห้ทุกรอบ ฮือออออ เนื้อหาของเพลงก็คือเรื่องของนักวิทยาศาสตร์กับหุ่นยนต์นี่แหละค่ะ   คือพอมาคิดถึงเวอร์ชั่นบีเอพีแล้วมันก้ลงตัวสุดๆไปเลย 555555   อันที่จริงแล้วเราวาดเป็นการ์ตูนเล่นๆไว้ด้วยแหละแต่ยังวาดไม่จบ ถถถถถถถถถถถ

    ยังไงก็คอมเม้นบ้างนะค่ะ  อยากรู้มากว่าคนที่อ่าน OS นี้รู้สึกยังไง เพราะเราก็พึ่งเคยแต่งค่อนไปทางดราม่าครั้งแรก ซึ่งมันก็ไม่ได้ดราม่าอะไรเลย555555    


    แล้วก็ฝากติดตาม ตัวเรื่องหลัก Brother code ต่อด้วยนะค่ะ  //กราบ


    ด้วยรัก

    อะมีบ้าเอง 


     

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×