© Tenpoints ! สายลมหนาวเเห่งฤดูท้ายปีพัดผ่าน บรรยากาศหนาวเหน็บ แสงสีเเละมีสเน่ห์ของเเดนกิมจิ จ้าวแห่งซีรี่ย์ที่ทำเอาคุณปู่คุณย่าติดกันทั้งบ้านทั้งเมือง ไหนจะนักร้องหนุ่มสาวเจ้าของ
บทเพลงชื่อดังที่เหล่าวัยรุ่นติดกันงอมเเงม เมื่อมาเห็นสถานที่จริงเเล้วปฎิเสธไม่ได้เลยว่าที่นี่สวยกว่าที่คาดเอาไว้เสียอีก...เเม้จะได้มาเพราะความฟลุ๊คก็เถอะนะ
"หนาวกว่าที่คิดแหะ"
คนตัวเล็กถูฝ่ามือทั้งสองเข้าด้วยกันหวังบรรเทาความเหน็บหนาวจากอากาศรอบกายที่เย็นยะเยือกปานจะเเช่เเข็งก่อนจะซุกไว้กับกระเป๋าเสื้อโคทตัวหนาสีหวานราคาเเพงของเธอ
ขาเรียวเล็กก้าวฉับๆท่ามกลางความทันสมัยใจกลางเมืองเช่นนี้ น่าแปลกที่ยิ่งดึกเท่าไร ยิ่งมีอะไรน่าตื่นตาตื่นใจมากขึ้นเรื่อยๆเเต่คงจะสนุกกว่านี้ถ้าได้มากับครอบครัวหรือเพื่อไม่ใช่มาลุยเดี่ยวเนื่องจากสอบชิงทุนติดเช่นนี้
ระหว่างกำลังเดินเตร็ดเตร่กลับโรงเเรมที่พักนั้นดันไปพบเข้ากับอันธพาลชายวัยรุ่นอายุราวสิบเจ็ดปีพยายามจะจี้ปล้นทรัพย์จากเธอ
"당신이 죽기 싫으면 돈을 보낼 수 있습니다."
(ส่งเงินมาถ้าไม่อยากตาย)
ถ้อยคำข่มขู่กระโชกโหกหากหลุดออกมาจากปากอันธพาลพร้อมทั้งมีดพกสั้น เธอพยายามถอยหนีเเต่สุดท้ายโดนต้อนจนชิดกำเเพง
"도움!"
(ช่วยด้วย!)
เธอดิ้นจนสุดเเรงให้พ้นจากการพันธนาการของอันธพาลหนุ่มเเละร้องขอความช่วยเหลือเเต่ดึกดื่นเเถมเปลี่ยวขนาดนี้จะมีคนผ่านมาไหม ภาวนาในใจให้มีใครสักคนช่วยเหลือ
"닥치고! 돈을 보낼 수 있습니다"
(หุบปาก!แล้วส่งเงินมา)
เเรงบีบอันหนักหน่วงทำเอาเเขนเล็กของเธอรู้สึกปวดร้าวไปหมด ยิ่งพยายามดิ้นยิ่งทำให้ชายหนุ่มออกแรงบีบต้นเเขนของเธอเเรงขึ้นไปอีก
พยายามขัดขืนสะบัดหนีจนกระทั่งโดนหมัดซัดเข้าบริเวณหน้าท้องของเธอ อันธพาลหนุ่มล้วงไปหยิบผ้าเช็ดหน้าสีขาวมาปิดปากเเละจมูกของเธอเอาไว้ก่อนที่ภาพทั้งหมดจะเริ่มพล่ามัวลง
" 그만!"
(หยุดนะ!)
เปลือกทั้งสองข้างหนักอึ้งเหลือเกินเเต่พยายามฝืนลืมขึ้นเห็นภาพใครบางคนวิ่งตรงมาทางนี้เเละทุกอย่างค่อยๆดับวูบลงไป...
.
.
.
กลิ่นหอมอ่อนลอยฟุ้งเเตะจมูกเธออย่างนุ่มนวล เปลือกตาทั้งสองของลืมขึ้นช้าๆทิ้งเวลาสักครู่ให้ดวงตาทั้งสองข้างปรับสภาพ
ภาพรอบกายค่อยๆชัดขึ้นเรื่อยๆ ผนังสีเขียวสลับกับดำเป็นลายทาง รูปภาพเเซ็กโซโฟนเเขวนเต็มผนังห้องเเสดงถึงรสนิยมเจ้าของห้องที่ค่อนข้างอารมณ์สุนทรีย์ไม่น้อย เเต่เดี๋ยวนะ...มาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน!
ลุกพรวดจากเตียง สอดส่ายสายตาไปรอบกายก่อนจะร้องกรี๊ดลั่นห้องเมื่อเห็นคนตัวสูง
ชุดคลุมอาบน้ำเดินออกมาจากห้องน้ำซึ่งทำเอาอีกคนสะดุ้งสุดตัวพลอยตกใจไปด้วย
"ตกใจหมดเลย ฟื้นเเล้วเหรอ"
ร่างที่ยืนอยู่หน้าห้องน้ำเมื่อครู่เดินดุ่มตรงมาที่เตียง อีกคนที่นั่งอยู่บนเตียงรีบยกมือขึ้นปิดตาตัวสั่นหงึก ท่าทางจะยังไม่หายผวา
"คุณๆ ลืมตาก่อน ใจเย็นๆ"
เสียงนุ่มๆเอ่ยปลอบในขณะที่กำลังสติเปิดเปิง บางอย่างทำให้เธอดึงสติกลับมาได้อีกครั้ง ค่อยๆลดมือที่ปิดตาอยู่ออกก่อนจะเอ่ยถามคนตรงหน้าด้วยน้ำเสียงหวั่นๆ
"ทำไมคุณ พูด?"
คิ้วบางขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย เรียกรอยยิ้มจากคนตรงหน้าเธอได้ดี
"เป็นคนไทยเเต่มาอยู่เกาหลี ชื่อแก้ว ยินดีที่ได้รู้จัก"
แก้วเเนะนำตัวกับเธออย่างเป็นมิตร ทำไมเขาถึงรู้ว่าเธอเป็นคนไทยน่ะเหรอ พาสปอร์ตในกระเป๋าสพายของคนตัวเล็กยังไงล่ะ
ชื่อฟางค่ะ ยินดีที่ไดรู้จักเช่นกัน ขอบคุณนะคะที่ช่วย"
พนมมือไหว้บุคคลตรงหน้าอย่างอ่อนน้อมเเต่ถูกอีกคนส่ายหัวพัลวันก่อนจะเอ่ย
น้ำเสียงอบอุ่น
"ไม่เป็นไรหรอก คนไทยต้องช่วยเหลือกันสิ"
"เเล้วถ้าฟางไม่ใช่คนไทยคุณเเก้วก็ไม่ช่วยฟาง ว่างั้น?"
ฟางถามอย่างใสซื่อก่อนจะระบายยิ้มออกมา แก้วหัวเราะก่อนจะส่ายหัวน้อยๆ
"เป็นใครแก้วก็ช่วยทั้งนั้นเเหละ"
ก่อนที่ภายในห้องจะปกคลุมไปด้วยเสียงหัวเราะของบุคคลทั้งสองคนกับมิตรภาพเล็กๆที่กำลังก่อตัวขึ้นช้าๆ
คืนนั้นหลังจากที่แก้วเเละฟางคุยกันจนพอหอมปากหอมคอเเล้ว เขาจึงขออนุญาติไปส่งฟางที่โรงเเรมเพื่อความปลอดภัย หลังจากนั้นมาทั้งสองได้พบปะกันมากยิ่งขึ้นเนื่องจากบังเอิญเรียนโรงเรียนมัธยมต้นชื่อดังในกรุงโซลที่เดียวกัน
"ห๊า! แก้วเนี่ยนะผู้หญิง"
"อืมสิ เเต่หน้าหล่อจนไม่อยากเชื่อใช่ไหมล่ะ"
"ไม่อยากจะเชื่อจริงๆด้วย"
ยังไม่หายช็อค เเก้วหัวเราะเบาๆก่อนจะเฉไฉเปลี่ยนเรื่องต่อเพื่อให้ฟางผ่อนคลายจากการช็อคสินิม่า
"ไปทานข้าวกันเถอะฟาง"
"อืมๆ หิวพอดีเลย วันนี้ทานจางจางเหมี่ยนกันนะ"
คนตัวเล็กมีท่าทางกระตือรือร้นมากเมื่อพูดถึงเรื่องอาหารก่อนจะฉุดมือเพื่อนตัวสูงที่นั่งข้างๆตรงไปที่ร้านบะหมี่ข้างโรงเีรียน...
"อิ่มจัง! ตังค์อยู่ครบ"
เอ่ยเสียงสดใสในขณะที่เดินนำหน้าคนตัวสูงที่เดินอย่างไร้เรี่ยวเเรงอยู่ข้างหลัง นึกเสียดายที่หลวมตัวไปเลี้ยงอาหารมื้อนี้เเต่ใครจะทนฟางอ้อนได้ล่ะ ก็นะ...ได้เห็นฟางยิ้มเขาก็มีความสุขเเม้จะกระเป๋าเเทบฉีกก็ตาม...
"มัธยมหรรษา"
พึมพัมขณะนั่งอ่านไดอารี่เล่มหนาในมือที่ค้นเจอในลังไม้เก่าคล้ายฟื้นความทรงจำในช่วงมัธยมศึกษาปีที่สอง ซึ่งตอนนี้ก็ได้โตเต็มตัวด้วยวัยสิบเเปดปีบริบูรณ์ในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ ยิ่งได้เห็นชื่อเธอคนนั้น
รักแรกของเขายิ่งทำให้หวนความเศร้าใจกลับมาอีกครั้งเมื่อนึกถึงวันที่ฟางบินกลับไทยโดยไม่บอกเขาสักคำ เเม้ตอนนั้นใจนึงจะนึกโกรธเเต่พอเอาเข้าจริงก็ร้องไห้จนได้...
เลื่อนมือไปหยิบกล่องสี่เหลี่ยมอีกกล่องที่วางไว้ข้างในลังไม้อีกกล่องขึ้นมาดู จากสีกล่องก็ทำให้รู้ได้เเล้วว่าผ่านเวลามานานนับห้าปี
เปิดฝากล่องออกช้าๆ เเต่โปสการ์ดนับร้อยใบล้นทะลักออกมาจากกล่องจนเจ้าตัวต้องค่อยๆเลือกหนึ่งในนั้นขึ้นมาเปิดอ่าน
โปสการ์ดใบนั้นถูกเขียนโดยลายมือเขาเช่นเดียวกันกับที่เหลือที่วางละเนละนาดเต็มพื้น เเตกต่างเพียงเรื่องราวที่บอกเล่าผ่านตัวหนังสือในสถานที่ต่างๆที่เขาไปเเต่จุดที่เหมือนกันทุกใบคือจะมีชื่อฟางอยู่ในนั้นเสมอ
ทุกวันนี้เขาก็ยังคงเขียนจนนับได้เป็นจำนวนมหาสารเหลือ จ่าหน้าซองเป็นชื่อฟางทุกฉบับเว้นก็เเต่ไม่เคยได้ส่งเลยสักฉบับ...
นั่งอ่านไปเรื่อยหลายต่อหลายฉบับ จนกระทั่งมาถึงฉบับที่ลงวันที่ที่เป็นวันเกิดของเขาเอง ฉบับที่ทำให้เจ็บเเปล๊บที่กลางใจ
22 / มิถุนายน / 2550
_วันนี้วันเกิดของแก้ว ผู้นี้นี่เองเเต่น่าเศร้าที่ปีนี้ไม่มีฟางอยู่ฉลองด้วย ไปไม่ลามาไหว้จริงๆเลย
เเต่ก็เถอะนะ ยังรักและคิดถึงไม่เคยเปลี่ยนเเม้จะผ่านไปได้ปีกว่าเเล้ว จริงๆเเล้วฟางน่าจะบอกแก้วสักคำ ฟางรู้ไหมเเก้วยังเขียนถึงฟางในไดอารี่ทุกๆวันของแก้ว รวมถึงวันนี้ด้วย :( _____
เฮ้อ...HBD to me
หลังจากนั่งอ่านทรมานใจตัวเองเรียบร้อยเเล้วจึงหยิบกระเป๋าสะพายหลังก่อนจะสวมรองเท้าออกไปเดินเล่นเหมือนช่วงวันเสาร์อาทิตย์ที่ไม่ได้ไปทำงาน งานของเขาส่วนใหญ่คือแฮคระบบ ก็เป็นเเฮคเกอร์นี่นา ไม่เห็นเเปลก ...
การเดินออกกำลังกายช่วงเย็นได้เริ่มต้นขึ้นก่อนจะจบลงหลังจากโหมกระหน่ำิ่วิ่งเเหลกลาน ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้สาธารณะก่อนสายตาจะพลันไปเห็นสาวหน้าหวานที่นั่งอยู่ข้างๆก่อนจะสะดุ้งสุดตัว อีกฝ่ายก็เช่นกันต่างฝ่ายต่างเรียกชื่อกันเเละกัน
"แก้ว/ฟาง"
"ฟางจริงๆด้วย มาได้ไงเนี่ย"
คนตัวสูงยิงคำถามใส่เธอเป็นคนเเรก ฟางยิ้มน้อยๆก่อนจะเอ่ยกับเขาเสียงเบาขณะ
มือเล็กหยิกแก้มทั้งสองข้างของเขาไปด้วย
"กลับมาหาคนหล่อของฟาง"
นั่นเรียกรอยยิ้มของแก้วที่นานๆทีจะได้เห็นเเต่ตอนนี้เขาคงไม่รู้สึกอะไรเเล้วก็สายตาเธอกำลังละลายหัวใจเขาอยู่น่ะสิ
เเละเเล้วปีนี้แก้วก็ได้ของขวัญที่เขาเคยเฝ้าฝันมาหลายปี เเม่สาวตาสวยของเขากลับมาเเล้ว เมื่อถามถึงสาเหตุที่เธอไปไม่ลาเขาในครั้งนั้นเพราะทางบ้านเธอเรียกกลับกระทันหันจนเวลาบีบรัดมากจนไม่ทันได้บอกเขา เเต่แก้วน่ะเหรอไม่ติดใจอะไรหรอก ขอเเค่มีเธออยู่ข้างๆ อายุสิบแปดปีบริบูรณ์นี้ก็มีความสุขที่สุดเเล้วล่ะ สาวน้อยหยุดเวลาด้วยสายตาของแก้ว...
__________________________________________________________________
เธอคือบุคคลที่หยุดเวลาด้วยสายตา ฮ่าๆ
จบไปอีกกหนึ่งฟิคสั้นที่กลั่นมาจากใจคร้าบ เม้นต์สักนิดจิตเเจ่มใสนะจ้ะ ^o^
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น