หยุดเวลาด้วยสายตา [ KF Short-Song Fic ] - หยุดเวลาด้วยสายตา [ KF Short-Song Fic ] นิยาย หยุดเวลาด้วยสายตา [ KF Short-Song Fic ] : Dek-D.com - Writer

    หยุดเวลาด้วยสายตา [ KF Short-Song Fic ]

    โดย Senior-m

    หยุดเวลาด้วยสายตา...!

    ผู้เข้าชมรวม

    1,483

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    1.48K

    ความคิดเห็น


    8

    คนติดตาม


    4
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  6 พ.ย. 54 / 17:12 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
      © Tenpoints ! 


    เหมือนว่าโลกทั้งใบไม่มีแรงโน้​มถ่วง ชั่วขณะนั้นไม่มีอะไรไม่ต้อง​ห่วง
    เธอทำให้ทุกๆอย่างไม่เคลื่อ​นไหว
    ฉันต้องหยุดมองเธออย่างไม่​มีเงื่อนไข
    เพียงแค่เสี้ยวนาทีแต่เป็นเ​วลาที่เนิ่นนาน you are the only one
    คือเธอเท่านั้นที่ต้องการ เธอเปลี่ยนทุกทฤษฎีให้เปลี่ยนไปตลอดกาล
    เธอหยุดเวลาด้วยสายตาเธอ เธอหยุดเวลา เธอหยุดเวลา ด้วยสายตา


                                                                                 หยุดเวลาด้วยสายตา : illslick

     



    ขอบพระคุณธีมจาก::
        
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
       © Tenpoints ! 

             

            สายลมหนาวเเห่งฤดูท้ายปีพัดผ่าน บรรยากาศหนาวเหน็บ แสงสีเเละมีสเน่ห์ของเเดนกิมจิ จ้าวแห่งซีรี่ย์ที่ทำเอาคุณปู่คุณย่าติดกันทั้งบ้านทั้งเมือง ไหนจะนักร้องหนุ่มสาวเจ้าของ
      บทเพลงชื่อดังที่เหล่าวัยรุ่นติดกันงอมเเงม เมื่อมาเห็นสถานที่จริงเเล้วปฎิเสธไม่ได้เลยว่าที่นี่สวยกว่าที่คาดเอาไว้เสียอีก...เเม้จะได้มาเพราะความฟลุ๊คก็เถอะนะ

             "หนาวกว่าที่คิดแหะ"

             คนตัวเล็กถูฝ่ามือทั้งสองเข้าด้วยกันหวังบรรเทาความเหน็บหนาวจากอากาศรอบกายที่เย็นยะเยือกปานจะเเช่เเข็งก่อนจะซุกไว้กับกระเป๋าเสื้อโคทตัวหนาสีหวานราคาเเพงของเธอ 

             ขาเรียวเล็กก้าวฉับๆท่ามกลางความทันสมัยใจกลางเมืองเช่นนี้ น่าแปลกที่ยิ่งดึกเท่าไร ยิ่งมีอะไรน่าตื่นตาตื่นใจมากขึ้นเรื่อยๆเเต่คงจะสนุกกว่านี้ถ้าได้มากับครอบครัวหรือเพื่อไม่ใช่มาลุยเดี่ยวเนื่องจากสอบชิงทุนติดเช่นนี้ 

              ระหว่างกำลังเดินเตร็ดเตร่กลับโรงเเรมที่พักนั้นดันไปพบเข้ากับอันธพาลชายวัยรุ่นอายุราวสิบเจ็ดปีพยายามจะจี้ปล้นทรัพย์จากเธอ 

              
      "당신이 죽기 싫으면 돈을 보낼 수 있습니다."
                               (ส่งเงินมาถ้าไม่อยากตาย)

              ถ้อยคำข่มขู่กระโชกโหกหากหลุดออกมาจากปากอันธพาลพร้อมทั้งมีดพกสั้น เธอพยายามถอยหนีเเต่สุดท้ายโดนต้อนจนชิดกำเเพง 

                "도움!"
              (ช่วยด้วย!)
             เธอดิ้นจนสุดเเรงให้พ้นจากการพันธนาการของอันธพาลหนุ่มเเละร้องขอความช่วยเหลือเเต่ดึกดื่นเเถมเปลี่ยวขนาดนี้จะมีคนผ่านมาไหม ภาวนาในใจให้มีใครสักคนช่วยเหลือ

                 "닥치고! 돈을 보낼 수 있습니다"
                        (หุบปาก!แล้วส่งเงินมา)

              เเรงบีบอันหนักหน่วงทำเอาเเขนเล็กของเธอรู้สึกปวดร้าวไปหมด ยิ่งพยายามดิ้นยิ่งทำให้ชายหนุ่มออกแรงบีบต้นเเขนของเธอเเรงขึ้นไปอีก 

               พยายามขัดขืนสะบัดหนีจนกระทั่งโดนหมัดซัดเข้าบริเวณหน้าท้องของเธอ อันธพาลหนุ่มล้วงไปหยิบผ้าเช็ดหน้าสีขาวมาปิดปากเเละจมูกของเธอเอาไว้ก่อนที่ภาพทั้งหมดจะเริ่มพล่ามัวลง 

                그만!"
                (หยุดนะ!)

                เปลือกทั้งสองข้างหนักอึ้งเหลือเกินเเต่พยายามฝืนลืมขึ้นเห็นภาพใครบางคนวิ่งตรงมาทางนี้เเละทุกอย่างค่อยๆดับวูบลงไป...

                                                                    
      .
                               .
                               .

           
      กลิ่นหอมอ่อนลอยฟุ้งเเตะจมูกเธออย่างนุ่มนวล เปลือกตาทั้งสองของลืมขึ้นช้าๆทิ้งเวลาสักครู่ให้ดวงตาทั้งสองข้างปรับสภาพ 

                   ภาพรอบกายค่อยๆชัดขึ้นเรื่อยๆ ผนังสีเขียวสลับกับดำเป็นลายทาง รูปภาพเเซ็กโซโฟนเเขวนเต็มผนังห้องเเสดงถึงรสนิยมเจ้าของห้องที่ค่อนข้างอารมณ์สุนทรีย์ไม่น้อย เเต่เดี๋ยวนะ...มาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน! 

                   ลุกพรวดจากเตียง สอดส่ายสายตาไปรอบกายก่อนจะร้องกรี๊ดลั่นห้องเมื่อเห็นคนตัวสูง
      ชุดคลุมอาบน้ำเดินออกมาจากห้องน้ำซึ่งทำเอาอีกคนสะดุ้งสุดตัวพลอยตกใจไปด้วย 

                   "ตกใจหมดเลย ฟื้นเเล้วเหรอ" 

                   ร่างที่ยืนอยู่หน้าห้องน้ำเมื่อครู่เดินดุ่มตรงมาที่เตียง อีกคนที่นั่งอยู่บนเตียงรีบยกมือขึ้นปิดตาตัวสั่นหงึก ท่าทางจะยังไม่หายผวา 

                   "คุณๆ ลืมตาก่อน ใจเย็นๆ"

                   เสียงนุ่มๆเอ่ยปลอบในขณะที่กำลังสติเปิดเปิง บางอย่างทำให้เธอดึงสติกลับมาได้อีกครั้ง ค่อยๆลดมือที่ปิดตาอยู่ออกก่อนจะเอ่ยถามคนตรงหน้าด้วยน้ำเสียงหวั่นๆ

                   "ทำไมคุณ พูด?" 
                  
                   คิ้วบางขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย เรียกรอยยิ้มจากคนตรงหน้าเธอได้ดี 

                  "เป็นคนไทยเเต่มาอยู่เกาหลี ชื่อแก้ว ยินดีที่ได้รู้จัก"

                   แก้วเเนะนำตัวกับเธออย่างเป็นมิตร ทำไมเขาถึงรู้ว่าเธอเป็นคนไทยน่ะเหรอ พาสปอร์ตในกระเป๋าสพายของคนตัวเล็กยังไงล่ะ 

                    ชื่อฟางค่ะ ยินดีที่ไดรู้จักเช่นกัน ขอบคุณนะคะที่ช่วย"

                    พนมมือไหว้บุคคลตรงหน้าอย่างอ่อนน้อมเเต่ถูกอีกคนส่ายหัวพัลวันก่อนจะเอ่ย
      น้ำเสียงอบอุ่น 

                    "ไม่เป็นไรหรอก คนไทยต้องช่วยเหลือกันสิ"

                    "เเล้วถ้าฟางไม่ใช่คนไทยคุณเเก้วก็ไม่ช่วยฟาง ว่างั้น?"

                    ฟางถามอย่างใสซื่อก่อนจะระบายยิ้มออกมา แก้วหัวเราะก่อนจะส่ายหัวน้อยๆ 

                    "เป็นใครแก้วก็ช่วยทั้งนั้นเเหละ" 

                    ก่อนที่ภายในห้องจะปกคลุมไปด้วยเสียงหัวเราะของบุคคลทั้งสองคนกับมิตรภาพเล็กๆที่กำลังก่อตัวขึ้นช้าๆ 

                    คืนนั้นหลังจากที่แก้วเเละฟางคุยกันจนพอหอมปากหอมคอเเล้ว เขาจึงขออนุญาติไปส่งฟางที่โรงเเรมเพื่อความปลอดภัย หลังจากนั้นมาทั้งสองได้พบปะกันมากยิ่งขึ้นเนื่องจากบังเอิญเรียนโรงเรียนมัธยมต้นชื่อดังในกรุงโซลที่เดียวกัน

                    "ห๊า! แก้วเนี่ยนะผู้หญิง"

                    "อืมสิ เเต่หน้าหล่อจนไม่อยากเชื่อใช่ไหมล่ะ"

                    "ไม่อยากจะเชื่อจริงๆด้วย" 

                    ยังไม่หายช็อค เเก้วหัวเราะเบาๆก่อนจะเฉไฉเปลี่ยนเรื่องต่อเพื่อให้ฟางผ่อนคลายจากการช็อคสินิม่า

                     "ไปทานข้าวกันเถอะฟาง"

                     "อืมๆ หิวพอดีเลย วันนี้ทานจางจางเหมี่ยนกันนะ"

                     คนตัวเล็กมีท่าทางกระตือรือร้นมากเมื่อพูดถึงเรื่องอาหารก่อนจะฉุดมือเพื่อนตัวสูงที่นั่งข้างๆตรงไปที่ร้านบะหมี่ข้างโรงเีรียน...


       
                    "อิ่มจัง! ตังค์อยู่ครบ"

                     เอ่ยเสียงสดใสในขณะที่เดินนำหน้าคนตัวสูงที่เดินอย่างไร้เรี่ยวเเรงอยู่ข้างหลัง นึกเสียดายที่หลวมตัวไปเลี้ยงอาหารมื้อนี้เเต่ใครจะทนฟางอ้อนได้ล่ะ ก็นะ...ได้เห็นฟางยิ้มเขาก็มีความสุขเเม้จะกระเป๋าเเทบฉีกก็ตาม...


                      "มัธยมหรรษา"

                      พึมพัมขณะนั่งอ่านไดอารี่เล่มหนาในมือที่ค้นเจอในลังไม้เก่าคล้ายฟื้นความทรงจำในช่วงมัธยมศึกษาปีที่สอง ซึ่งตอนนี้ก็ได้โตเต็มตัวด้วยวัยสิบเเปดปีบริบูรณ์ในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ ยิ่งได้เห็นชื่อเธอคนนั้น 

                      รักแรกของเขายิ่งทำให้หวนความเศร้าใจกลับมาอีกครั้งเมื่อนึกถึงวันที่ฟางบินกลับไทยโดยไม่บอกเขาสักคำ เเม้ตอนนั้นใจนึงจะนึกโกรธเเต่พอเอาเข้าจริงก็ร้องไห้จนได้...

                      เลื่อนมือไปหยิบกล่องสี่เหลี่ยมอีกกล่องที่วางไว้ข้างในลังไม้อีกกล่องขึ้นมาดู จากสีกล่องก็ทำให้รู้ได้เเล้วว่าผ่านเวลามานานนับห้าปี 

                      เปิดฝากล่องออกช้าๆ เเต่โปสการ์ดนับร้อยใบล้นทะลักออกมาจากกล่องจนเจ้าตัวต้องค่อยๆเลือกหนึ่งในนั้นขึ้นมาเปิดอ่าน 

                     โปสการ์ดใบนั้นถูกเขียนโดยลายมือเขาเช่นเดียวกันกับที่เหลือที่วางละเนละนาดเต็มพื้น เเตกต่างเพียงเรื่องราวที่บอกเล่าผ่านตัวหนังสือในสถานที่ต่างๆที่เขาไปเเต่จุดที่เหมือนกันทุกใบคือจะมีชื่อฟางอยู่ในนั้นเสมอ 

                     ทุกวันนี้เขาก็ยังคงเขียนจนนับได้เป็นจำนวนมหาสารเหลือ จ่าหน้าซองเป็นชื่อฟางทุกฉบับเว้นก็เเต่ไม่เคยได้ส่งเลยสักฉบับ... 

                     นั่งอ่านไปเรื่อยหลายต่อหลายฉบับ จนกระทั่งมาถึงฉบับที่ลงวันที่ที่เป็นวันเกิดของเขาเอง ฉบับที่ทำให้เจ็บเเปล๊บที่กลางใจ
       

      22 / มิถุนายน / 2550    

      _วันนี้วันเกิดของแก้ว ผู้นี้นี่เองเเต่น่าเศร้าที่ปีนี้ไม่มีฟางอยู่ฉลองด้วย ไปไม่ลามาไหว้จริงๆเลย
      เเต่ก็เถอะนะ ยังรักและคิดถึงไม่เคยเปลี่ยนเเม้จะผ่านไปได้ปีกว่าเเล้ว จริงๆเเล้วฟางน่าจะบอกแก้วสักคำ ฟางรู้ไหมเเก้วยังเขียนถึงฟางในไดอารี่ทุกๆวันของแก้ว รวมถึงวันนี้ด้วย  :( _____
       เฮ้อ...HBD to me
       

                       หลังจากนั่งอ่านทรมานใจตัวเองเรียบร้อยเเล้วจึงหยิบกระเป๋าสะพายหลังก่อนจะสวมรองเท้าออกไปเดินเล่นเหมือนช่วงวันเสาร์อาทิตย์ที่ไม่ได้ไปทำงาน งานของเขาส่วนใหญ่คือแฮคระบบ ก็เป็นเเฮคเกอร์นี่นา ไม่เห็นเเปลก ...

                       การเดินออกกำลังกายช่วงเย็นได้เริ่มต้นขึ้นก่อนจะจบลงหลังจากโหมกระหน่ำิ่วิ่งเเหลกลาน ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้สาธารณะก่อนสายตาจะพลันไปเห็นสาวหน้าหวานที่นั่งอยู่ข้างๆก่อนจะสะดุ้งสุดตัว อีกฝ่ายก็เช่นกันต่างฝ่ายต่างเรียกชื่อกันเเละกัน

                      "แก้ว/ฟาง"

                       "ฟางจริงๆด้วย มาได้ไงเนี่ย"

                      คนตัวสูงยิงคำถามใส่เธอเป็นคนเเรก ฟางยิ้มน้อยๆก่อนจะเอ่ยกับเขาเสียงเบาขณะ
      มือเล็กหยิกแก้มทั้งสองข้างของเขาไปด้วย

                      "กลับมาหาคนหล่อของฟาง" 

       
                     นั่นเรียกรอยยิ้มของแก้วที่นานๆทีจะได้เห็นเเต่ตอนนี้เขาคงไม่รู้สึกอะไรเเล้วก็สายตาเธอกำลังละลายหัวใจเขาอยู่น่ะสิ 

                       เเละเเล้วปีนี้แก้วก็ได้ของขวัญที่เขาเคยเฝ้าฝันมาหลายปี เเม่สาวตาสวยของเขากลับมาเเล้ว เมื่อถามถึงสาเหตุที่เธอไปไม่ลาเขาในครั้งนั้นเพราะทางบ้านเธอเรียกกลับกระทันหันจนเวลาบีบรัดมากจนไม่ทันได้บอกเขา เเต่แก้วน่ะเหรอไม่ติดใจอะไรหรอก ขอเเค่มีเธออยู่ข้างๆ อายุสิบแปดปีบริบูรณ์นี้ก็มีความสุขที่สุดเเล้วล่ะ สาวน้อยหยุดเวลาด้วยสายตาของแก้ว...

      __________________________________________________________________

      เธอคือบุคคลที่หยุดเวลาด้วยสายตา ฮ่าๆ 
      จบไปอีกกหนึ่งฟิคสั้นที่กลั่นมาจากใจคร้าบ เม้นต์สักนิดจิตเเจ่มใสนะจ้ะ ^o^




       



                     







               
             




      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×