ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (SF B1A4) :: Hey ! My Neighbor :: [GongYoung]

    ลำดับตอนที่ #4 : Chapter #4

    • อัปเดตล่าสุด 15 มี.ค. 58













    "พี่คะ"

     

     

     

     

    เสียงแหลมเล็กของเด็กสาวเอ่ยขึ้นเรียกรุ่นพี่ตัวผอมที่กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะม้าหินที่ประจำในทุกๆเช้า มือเรียวปิดหนังสือเล่มหนาลงดังปึก!จนรุ่นน้องแอบสะดุ้งก่อนจะมองรุ่นพี่อย่างหวั่นๆ ใบหน้าสวยเกินผู้ชายหันมามองตามเสียงเรียกที่อยู่ข้างหลัง ตาตี่ๆมองรุ่นน้องผู้หญิงม.ปลายปี1ตั้งแต่หัวจรดเท้า ก็เกิดความสงสัยว่าเด็กพวกนี้ก่อนมาโรงเรียนมันตกถังแป้งมาหรือเปล่าหน้าถึงได้ขาววอกแบบนี้ ถึงเขาจะเป็นผู้ชายก็จริงแต่ถ้าเจอแบบนี้เขาก็กลัวเหมือนกันนะ -__- หันไปนี่หัวใจแทบหยุดเต้นนึกว่าผีหลอกตอนเช้าแสกๆ

     

     

    "มีอะไร"

     

     

    "หนูสงสัยค่ะ" หนึ่งในแก๊งพาวเวอร์พัฟต์เกิร์ลพูดขึ้นอย่างฉะฉานะลางยืดอกขึ้นอย่างรวบรวมความกล้า เอ่อ ถามหน่อยเถอะ เขาน่ากลัวขนาดที่ว่าเด็กๆพวกนี้ต้องรวมพลังเลยหรือยังไง

     

     

    "พี่เป็นอะไรกับกงชานชิคคะ"

     

     

     

    ห่า

     

     

    ถามกูแบบนี้อีกละ 

     

     

     

    จองจินยองที่ได้ยินคำถามปุ๊บก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เล่นเอาอยากถอดปอดกับจมูกมาหายใจข้างนอกมากกก ตาเรียวกลอกไปมาร้อยแปดสิบตลบ อยากจะเอาหัวตัวเองทุ่มลงกับโต๊ะม้าหินนี่สักสามร้อยทีให้ตายตาโต๊ะแม่ง ให้กูเขียนป้ายแขวนคอเลยมั้ยว่ากูไม่ใช่แฟนมัน !!!!

     

     

     

     

    "อะไรที่ทำเธอคิดแบบนั้น"

     

     

     

    "ก็เห็นพี่ไปกลับกับกงชานตลอดเลยนี่คะ"

     

     

     

    "โถ่ น้องครับ ไม่รู้จักหรอ Save the earth น่ะ ลดโลกร้อนอะรู้จักมั้ย ทางเดียวกันกลับด้วยกันมันพิสดารเหนือธรรมชาติตรงไหนครับ"

     

     

     

    พูดก็พูดเถอะปากจะฉีดถึงใบหูบนอยู่แล้ว นี่เขามาเรียนนะเฟ้ยไม่ได้มานั่งตอบคำถามบ้าบอไร้สาระแบบนี้ ถามกันทุกวัน โคตรเหง้าเป็นใบสอบถามหรือยังไงวะ

     

     

     

    "งั้นพี่ก็ไม่ได้เป็นแฟนกันใช่มั้ยคะ" ยัยหน้าขาวที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าแก๊งนี้พูดขึ้นอย่างมีความหวัง แถมมีประกายวิ้งๆอยู่ในตาเล่นเอาเขาขนลุกซูซ่าปาทังก้าปาทังกี้เลยทีเดียว

     

     

    "เออครับ"

     


    "เห็นมั้ยแก ฉันบอกแล้วว่าชานนี่อะโสด >< "

     

     

    "เหอะ ถึงโสดเขาก็ไม่เอาพวกเธอหรอก"

     

     

     

     

    =[]= !!!

     

     

     

     

     

    แหมะ

     

     

     

     

     

    "ขนมปังแซนวิชไส้กรอกกับนมช็อกโกแลตได้แล้วครับ" 

     

     


                         ถุงพลาสติกสีใสที่ด้านในบรรจุด้วยห่อขนมปังและนมอีกหนึ่งกล่องวางลงบนโต๊ะโดยร่างสูงที่เป็นคนอาสาไปซื้อขนมให้กินในเกือบทุกๆเช้า กงชานหย่อนตัวนั่งลงที่เก้าอี้มาหินตัวถัดไปจากจินยองก่อนนั่งเท้าคางมองพี่ชายตัวเล็กที่กำลังอ่านหนังสือต่ออยู่เงียบๆ จนคนตัวเล็กรู้สึกอึดอัดเลยปิดหนังสือลงและหันไปพูดกับอีกฝ่ายที่นั่งมองหน้าเขาไม่เลิก

     


    "หน้าฉันหมือนจิ้งจกที่บ้านนายหรอครับจ้องอยู่ได้" 

     

     


    "ทำไมต้องจิ้งจก " กงชานถามกลับพลางส่งสีหน้าแบบไม่เข้าใจมาให้ประมาณว่ามันเกี่ยวอะไรกับจิ้งจกวะ 

     


    "อย่ากวน" 

     


    "เอ๊า" 

     


             ตอบทิ้งายไว้แค่นั้นก่อนจะเปิดหนังสือเล่มหนาเท่าบ้านแล้วอ่านต่อ ส่วนกงชานก็ไม่กล้านั่งจ้องแบบเมื้อกี้แล้วล่ะ จากจิ้งจกคงจะเปลี่ยนเป็นตุ๊กแกแทน -__-

     

     

     

     

    นี่ก็เป็นเวลาเกือบๆ 2 อาทิตย์แล้วที่ทั้งจินยองและกงชานได้เจอกัน เอ่อ ประมาณว่าได้รู้จักสนิทชิดเชื้อกว่าปกติทั่วๆไปน่ะนะ แต่ก็แค่นั้น ไม่ได้มีสัมพันธ์พิศวาสอะไรกันเกินไปกว่านี้ สำหรับจินยองน่ะ แต่กงชานดูเหมือนจะไม่ -__- พอมาคิดๆดูแล้วมันก็ไม่ได้เสียหายอะไรกับการที่มีเด็กเลวๆอย่างกงชานมารับมาส่งทุกวัน ทำนู่นนี่นั่นให้ ยอมทำทุกอย่างไม่ว่าจะให้ทำอะไร ไม่ว่าจะเป็นซื้อข้าว ถือของ กวาดพื้น เช็ดโต๊ะ ปีนต้นไม้ ขุดดิน สร้างบ้าน กงชานก็ทำให้หมด แม้ว่าเขาจะไม่รู้สึกอะไรกับเด็กคนนี้

     

     

     

    'ถ้านายอยากจะตามฉันจริงๆ ฉันมีกฏอยู่ 2 ข้อ ถ้านายโอเค ฉันก็โอเค แต่ถ้านายไม่ ก็เลิกยุ่งกันครับ'

    'ข้อหนึ่ง ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็แล้วแต่ ถ้าได้ก็คือได้'

     

    'แต่ถ้าไม่ .. ก็คือไม่..'

     

     

     

    'สอง ถ้าไปมีเรื่อง ก็ไม่ต้องมาเสนอหน้าให้เห็นอีก'

     

     

     

     

     

     

    ไม่น่าเชื่อว่านับตั้งแต่วันนั้นมากงชานก็ไม่เคยได้ไปเหยียบห้องปกครองอีกเลย ถึงมันจะเป็นเรื่องยากสำหรับเขาก็จริง แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาไม่เคยได้ลงไม้ลงมือกับใครเลยจากที่ต่อยกันทุกวัน แต่มันก็มีบ้างแหละนะที่กระทบกระทั้นกัน แต่ไม่ได้ตัดสินด้วยกำลังอย่างที่เขาเคยทำเวลามีเรื่อง ซึ่งนั่นก็ทำให้จินยองพอใจในระดับหนึ่ง อย่างน้อยเขาก็อยากจะดัดสันดานเด็กมันบ้าง

     

     

     

    "กงชาน"

     

     


    "ครับ?" 

     

     


    "นายสูบบุหรี่หรอ"

     

     

     

    จินยองหันไปมองหน้าน้องด้วยสีหน้าเคร่งเครียดหลังจากที่นั่งจมกลิ่นบุหรี่อ่อนๆในขณะที่อ่านหนังสือมาซักพักหนึ่ง ตอนแรกก็คิดว่าคงเป็นเด็กเปรตแถวๆนี้ที่เดินผ่านไปมาเพราะที่ตรงนี้มันค่อนข้างลับสายตาอาจารย์อยู่พอสมควร แต่เดินผ่านไปผ่านมาเยอะแล้วกลิ่นมันก็ยังติดจมูก เลยเกิดความสงสัยว่าบางทีอาจจะมาจากคนข้างๆเขาก็เป็นได้ ..

     

     

     

    "เอ่อ .." 

     

     


    "ตอบมา" 

     

     

     


    "ก็ .. นิดนึง"  กงชานตอบเสียงอ่อยๆก่อนจะยิ้มแหยๆให้จินยองที่ยิ้มไม่ออกเลยซักนิดพลางปั้นหน้าโหดชนิดที่ว่าสามารถระเบิดโรงเรียนให้สลายเป็นผุยผงได้ ก็จริงอยู่ที่จินยองไม่ได้ห้ามเรื่องบุหรี่สิ่งเสพติดอะไรพวกนี้ แต่เขาไม่รู้ว่าไอ้เด็กนี่มันสูบ!! ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยได้กลิ่นแบบนี้เลย

     

     

     

    "เอามา" 

     


    "?" 

     


    "เอาบุหรี่มา" มือเรียวแบไปตรงหน้าร่างสูงพลางคะยั้นคะยอขอสิ่งเสพนั้นจากรุ่นน้อง 

     


    "ผมพึ่งซื้อมาเองนะ"

     

     
    "
    ไอ้เวร อยากตายไวหรือไง" 

     


    "นิดเดียวเองนะครับ" 

     


    "งั้นก็ไม่ต้องมายุ่งกัน โอเค๊?" 

     


    "อ่ะๆๆ"

     

     

     

    กงชานล้วงหยิบบุหรี่จำนวนหนึ่งและไฟแช็กที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงส่งให้จินยองด้วยความจำใจ ถึงแม้จะเสพมันแต่ถ้าแลกกับการที่เขาไม่ได้อยู่กับจินยองนี่มันไม่คุ้มกันเลยซักนิด คนตัวเล็กเมื่อได้บุหรี่มาก็เดินเอามันไปทิ้งที่ถังขยะแถวๆนั้นแล้วเดินกลับมายังโต๊ะพลางส่งสายตาแบบตำหนิไปให้กงชาน

     

     

     

    "ห้ามอีกอย่างก็ทำอีกอย่าง คิดว่ามันดีมากหรือไง สูบไอ้พวกนั้นน่ะ"

     

     

     

    "ตั้งแต่เมื่อไหร่"

     

     

    "......"

     

     

    "กงชานชิค !"

     

     

    "ก็..สักพักนึง"

     

     

     

    ผัวะ!!!

     

     

    ฝ่ามือบางๆตบตีเข้าที่หัวของคนอายุน้อยกว่าที่นั่งเจี๋ยมเจี้ยมอยู่ที่เดิม กงชานร้องโอดครวญพลางยกมือขึ้นพยายามจะแกะมือของจินยองที่ทั้งตบทั้งตีทั้งรุมทึ้งหัวเขาอยู่ สภาพผมยับยู่ยี่ไม่ต่างอะไรกับฟัดกะหมา

     

     

    "ทีงี้น่ะร้อง ทีต่อยกับชาวบ้านทำเก่ง กากว่ะ"

     

     

    TT

     

     

    "โตจนจะมีเมียอยู่แล้วยังไม่รู้อีกว่ามันไม่ดี" 

     


    "เมียผมคือพี่ใช่มั้ยล่ะครับ:)"

     


    "ฝันอยู่หรือไง" 

     


    "ตอนนี้อะฝัน แต่อนาคตอ่ะ ไม่แน่"

     

     

    ไอ้ ....

     


    "อย่าสูบอีกนะ ฉันไม่ชอบ" 

     


    "อือ ผมขอโทษ"

     

     

     

     

    เหอะ ทีงี้ละเสียงอ่อย ไอ้ลูกหมาเอ๊ยย

     

     

     

    "คืนนี้พี่ว่างไหม" 

     


    "ทำไม" 

     


    "มีที่ๆหนึ่งที่ผมอยากพาพี่ไป" 

     


    "ที่ ?" 

     


    "ไปถึงเดี๋ยวก็รู้ ตกลงไปนะครับ" 

     

     


    "เออ ช่วงนี้ฉันก็เบื่อๆนะ ไปก็ไป" 

     

     

     

     

     

     

    "นั่นลูกจะไปไหนน่ะจินยอง"

     

     

     

    เสียงของสาววัยกลางคนทักท้วงขึ้นเมื่อเห็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเดินลงบันไดมาในชุดไพรเวทสบายๆดูทะมัดทะแทง เสื้อสเวตเตอร์สีเทาตัวโปรดกับกางเกงยีนส์ที่ชอบใส่ประจำทำให้ดูหล่อเหลาขึ้นกว่าเดิม ปกติแม่จะไม่ค่อยเห็นจินยองออกไปไหนดึกๆดื่นๆ แต่นี่โตแล้วก็ปล่อยๆมันบ้างแล้วกัน

     

     

     

     

     

    "ก็ไม่รู้เหมือนกันฮะ แต่ไปกับกงชานมัน" 

     


    "ฮั่นแน่ เดทกับลูกชายของคุณนายกงอยู่หรอ " 

     


    "เปล่าาาาาา" 

     


    "เสียงสูงเชียว ร้ายนะเรา" 

     


    "ไม่ใช่อย่างนั้นแม่ ! -0-" 

     


    "เอาเถอะๆฮ่าๆ แม่ไม่กวนล่ะ กลับดีๆนะลูก" 

     

     


    "ฮะ เดี๋ยวผมรีบกลับ"

    ตอบรับผู้เป็นแม่อย่างว่าง่ายก่อนจะเดินมาหยิบรองเท้าคอนเวิร์สหนังสีเลือดนกที่วางอยู่บนชั้นบริเวณหน้าบ้าน ขณะที่กำลังใส่อยู่นั่นเองรถมอเตอร์ไซต์คันใหญ่สีดำที่คุ้นตาก็มาจอดพอดี คนตัวสูงเอื้อมไปหยิบหมวกกันน็อคแล้วให้พี่ชายตัวเล็กที่กำลังเดินออกจากประตูบ้านมา 

     

     

     


    "นายคงไม่พาฉันไปฆ่าใช่มั้ย" จินยองถามพลางรับหมวกกันน็อคมาจากรุ่นน้อง กงชานไม่ตอบคำถามนั้นได้แต่หัวเราะใส่ หน้าเขาเหมือนหม่ำจ๊กมกหรือไง 

     

     


    "น่า เดี๋ยวพี่ไปถึงก็รู้" 

     

     

     

     

    รถมอเตอร์ไซต์บิ๊กไบค์คันใหญ่เคลื่อนตัวเข้ามาจอดในสถานที่แห่งหนึ่งที่เป็นลานกว้างสุดลูกหูลูกตาที่ไกลจากตัวเมืองอยู่พอสมควร เสียงของเครื่องยนต์ที่น่าจะมีมากกว่าหนึ่งรวมทั้งเสียงของคนหมู่มากดังก้องไปทั่วบริเวณจนคนตัวเล็กรีบถอดหมวกออกทันทีที่รถจอดสนิท เพื่อดูว่าที่นี่มันเป็นอะไรกันแน่

     

     

    "นายพาฉันมาสนามแข่งรถเนี่ยนะ" จินยองถามเมื่อลงจากรถลงมายืนบนพื้นหญ้าแห้งๆขณะเดียวกันกับที่กงชานถอดหมวกกันน็อคและลงมาจากรถเช่นเดียวกัน 

     

     


    "ผมพามาเปิดหูเปิดตา" กงชานพูดและเงียบไป ก่อนจะพูดขึ้นอีกครั้ง "มานี่สิ"

     

     

     

    ไม่รู้ว่าโดนมนต์หรืออะไรยังไงจู่ๆขาของเขาก็ก้าวตามคนตัวสูงนี่ไปซะอย่างนั้น ทั้งๆที่ในใจก็อยากจะกลับบ้านอยู่ก็เถอะ แต่ไหนๆก็มาแล้วมันคงไม่เสียหายอะไรหรอกมั้ง คิดซะว่าเป็นประสบการณ์

     

     

     

    "เฮ้ยทุกคน กงชานมาว่ะ" หนึ่งในกลุ่มของผู้คนที่ยืนติดขอบสนามคอนกรีตดังขึ้นท่ามกลางเสียงเครื่องยนต์ที่ขับประลองกันไปมา ทุกคนหันมามองกงชานพลางร้องดีใจประหนึ่งโอป้าขอแต่งงาน ก่อนที่ชายรูปร่างหน้าตาดีคนนึงที่เป็นคนเรียกจะเดินเข้ามาหา

     

     

     

     

    "ยังไม่ตายหรอวะมึง"

     

     


    "ตายเชี่ยไร กูสบายดี" ดูจากลักษณะท่าทางแล้วกงชานกับกลุ่มคนเหล่านี่ก็น่าจะสนิทกันมากอยู่ น่าแปลกที่คนในโรงเรียนไม่มีใครกล้าคบกับเขาแต่นอกโรงเรียนกลับมีเยอะอย่างประหลาด ซึ่งจินยองก็ยังงงๆอยู่เหมือนกัน

     

     

    "ก็นึกว่า ..." ชายคนนั้นพูดอย่างเจ้าเล่ห์พลางปรายตามาทางจินยองที่ยืนอยู่ข้างๆ "ติดเมียจนไม่มาหาพวกกูซะแล้ว"

     

     

     

    "เมียพ่อมึงดิ นี่รุ่นพี่ที่โรงเรียนกู" ตอบซะจินยองรู้สึกขอบคุณและซาบซึ้งในน้ำใจของกงชานมากที่ปฏิเสธเพื่อนมันไปแบบนั้น

     


    "งั้นพี่ก็คงเป็นพี่ที่พิเศษมากเลยสินะครับ เพราะไอ้ดำมันไม่เคยพาใครมาสนามเลย" จู่ๆรุ่นน้องคนนั้นก็หันมาพูดกับจินยองที่ยืนนิ่งประหนึ่งตะคริวรับประทานปาก เมื่อโดนถามแบบนั้นจะให้ตอบว่าไรดีล่ะ -__- 

     

     


    "จำเป็นด้วยหรอที่ต้องเป็นคนพิเศษบ้าบอไรนั่น" 

     


    "เป็นสิครับ กฏของที่นี่มีอยู่สองข้อ คือคนที่พามาต้องไม่ใช่เพื่อนพี่น้องแต่พิเศษกว่านั้น"

     

     

    "กับอีกข้อนึง คือมาคนเดียว"

     

     

    "ไอ้ฮันบินมึงพอได้ละ" กงชานที่ยืนนิ่งเงียบฟังฮันบินฝอยน้ำลายแตกฟองอยู่ก็รีบห้ามก่อนที่จะคุยกันนานกว่านี้ มีหวังต้องนั่งปูเสื่อแล้วจิบน้ำชาคุยกันยาว

     

     

    "อะไรของมึงเนี่ยย ฮ่าๆ ว่าแต่พี่ชื่ออะไรครับ ผมชื่อคิมฮันบิน" รุ่นน้องคนนั้นแนะนำตัวก่อนจะโค้งตัวให้หนึ่งที เด็กคนนี้ตัวเล็กกว่ากงชานก็จริงแต่ความหล่อคือกินกันไม่ลง

     

     

    "จองจินยอง"

     

     

     

    "พี่น่ารักดีว่ะ มิน่าละกงชานมันถึงหลงหัวปักหัวปำ"

     

     

    "เชี่ยห่าน เป็นโรคไรชอบล้อกู ไปหาพี่จินฮวานเลยไป"

     

     

     

    ร่างสูงโบกมือเป็นเชิงไล่เพื่อน ไม่นานผู้ชายผิวขาวตัวเล็กหน้าตาจิ้มลิ้มเกินผู้ชายก็เดินเข้ามาแล้วมาหยุดยืนอยู่ข้างๆฮันบิน พลางท่อนแขนแกร่งก็โอบคอคนตัวเล็กมาใกล้ๆก่อนจะจรดปลายจมูกลงบนแก้มเนียนใส

     

     

    "ย่าห์ ทำอะไรของนายน่ะฮะ ?! เอ่อ หวัดดีกงชาน^^;" 


    "หวัดดีครับพี่จินฮวาน" 

     


    "สบายดีมั้ย ไม่เห็นเข้ามาที่สนามเลย แล้วนี่ ... " พี่จินฮวานหยุดพูดก่อนจะชี้มาทางจินยองที่กำลังมึนงงอยู่ท่ามกลางพวกบุคคลประหลาดๆพวกนี้"ผมชื่อจองจินยองครับ เป็น.." 

     


    "เมียไอ้กงชานมัน" กลายเป็นเสียงของคิมฮันบินที่ตอบแทนซะงั้น เล่นเอากงชานอยากจะประทับฝ่าตีนขาวๆนี่ลงบนหน้าจริงๆ

     

     


    "ผม..ชื่อคิมจินฮวานนะ^^"


    "พี่จินอย่าไปเชื่อมัน มันกะล่อน" 

     


    "รู้แล้วน่า มันก็ปากแบบนี้แหละ ป่ะ เข้าไปข้างในกัน" เสียงเล็กๆของจินฮวานพูดพลางชักชวนให้เข้าไปที่สนาม จริงๆตรงนี้ก็ไม่ได้ไกลจากตัวสนามซักเท่าไหร่นักหรอก แต่ถ้าเข้าไปใกล้มันก็จะสนุกกว่าตรงนี้น่ะนะ

     

     

     


    "ใครแข่งอยู่วะ" 

     


    "พี่ซึงฮยอนกับมินโฮ เออเมื่อกี้มีเด็กใหม่มาแม่งแหกโค้งรถคว่ำไม่เป็นท่า หามส่งโรงบาลแทบไม่ทัน" 

     


    "แล้วเป็นไรมากปะวะ" 

     


    "เห็นไอ้ดงมันบอกว่าหัวแตก แขนหัก เออ แล้วรอบต่อไปมึงจะลงมั้ย หรือมาดูเฉยๆ" จู่ๆฮันบินก็หันมาถามกงชานเรื่องการแข่งเล่นเอาจินยองหันหน้าขวับมองร่างสูงที่ยืนนิ่งเงียบเหมือนใช้ความคิดอยู่ซักพักหนึ่ง ถามว่าเป็นห่วงมั้ยมันก็ไม่เชิงหรอกนะ แต่ถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาจะทำไงล่ะ!!

     

     

     


    "เออ" 

     


    "ถ้าไม่แข่งกูไม่มาหรอก"

     

     

     

    "กงชาน..." เสียงเรียกที่แผ่วเบาเผลอหลุดออกจากปากโดยที่เขาไม่รู้ตัว แต่ถึงยังไงกงชานก็คงไม่ได้ยินเพราะจากเสียงเครื่องยนต์และเสียงของผู้คนที่โห่ร้องดีใจกับผู้ชนะของการแข่งรอบสุดท้ายในประเภทแรกเสร็จ

     

     

    "เหยดดด ละของพนันมึงอะ มึงอย่าเอาขนมจากมาพนันอีกนะ กูละอายแทน" 

     


                     เป็นเรื่องปกติของสนามที่ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามถ้าจะลงแข่งต้องมีของเดิมพัน ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของ รถที่แข่ง เงิน แน่นอนว่าจำนวนต้องไม่ต่ำว่าหนึ่งล้านวอน และรวมถึงสิ่งที่ไม่สามารถประมาณค่าได้ คือ ..

     

     

     

    "วันนี้กูเอาใครมาล่ะ" 

     

     


    "มึงอย่าบอกนะว่าจะเอาพี่จินยองเป็นของเดิมพันแข่ง ?! " 

     

     


    "เออ"

     

     


    "เฮ้ยมึงบ้าป่ะเนี่ย"

     

     

     

     

     

     

    ฮันบินเบิกตากว้างพลางผลักไหล่แกร่งของคนตัวสูงกว่าเบาๆด้วยความประหลาดใจที่จู่ๆก็เอาคนที่ตัวเองพามาเป็นของเดิมพัน ซึ่งรู้กันดีอยู่แล้วว่าถ้าแพ้ ของเดิมพันก็ต้องตกเป็นของผู้ชนะโดยไร้ข้อกังหาใดๆทั้งสิ้น ผู้ชนะจะสั่งให้ทำอะไรก็ได้ หรือจะไม่สั่งอะไรเลยก็ได้เหมือนกัน เวลาที่ของพนันจะอยู่กับผู้ชนะนั้นก็แล้วแต่จะกำหนด แน่นอนว่าไม่ค่อยกล้ามีใครเอาคนมาเสี่ยงนักเท่าไหร่หรอก

     

     

     

     

    "กูไม่ได้บ้า กูพูดจริง" 

     


    "พี่เขาไม่ใช่สิ่งของนะมึง อย่าเลย" 

     

     


    "เออน่ากูไม่แพ้หรอก"

     

     

    "กงชาน .. ฉันไม่ตลกด้วยนะเว้ย!!!" คนตัวเล็กที่ยืนเงียบอยู่นานพูดขึ้น แต่เรียกว่าตะโกนใส่หน้าเขาเลยน่าจะเหมาะกว่า กงชานไม่ตอบคนเป็นพี่แต่หันมามองหน้าด้วยแววตาเรียบเฉย

     

     

     

    "มึงเคลียร์กับพี่เขาดีๆแล้วกัน" ฮันบินเห็นว่าท่าไม่ค่อยจะดีเลยขอเลี่ยงออกมาเพื่อให้เขาคุยตกลงกันก่อน จะได้ไม่ผิดใจกันทีหลัง เดี๋ยวจะทะเลาะกันเป็นเรื่องราวใหญ่โต

     

     

     

    "เห็นฉันเป็นสิ่งของหรอวะที่จะทำอะไรก็ได้" 

     


    "พี่ฟังผมก่อน" 

     


    "ฟังให้มันได้อะไรขึ้นมา" 

     


    "พี่จินยอง .." 

     


    "พาฉันกลับบ้านเดี๋ยวนี้เลยนะโว้ย" คนตัวเล็กเริ่มโวยวายเสียงดัง ก็แน่ล่ะ เจอแบบนี้ใครเขาจะยอมอยู่กันล่ะ เกิดกงชานแพ้ขึ้นมาแล้วผมจะเป็นยังไง ?! มีอะไรที่ทำให้เขามั่นใจหรอว่ากงชานจะชนะน่ะ 

     


    "ผมไม่แพ้หรอก พี่เชื่อใจผมดิ" 

     


    "อะไรทำให้แน่ใจขนาดนั้น ฮะ?!" 

     


    "พี่ไง" 

     


    "นี่ไม่ตลกเลยนะกงชาน นายไม่ชนะหรอก" 

     


    "ดูถูกผมจังนะ เคยเห็นผมแข่งหรือยังเถอะ" 

     


    "มันไม่ใช่แค่เรื่องนั้น ถ้าเป็นอะไรขึ้นมาจะทำยังไงล่ะวะ ฉันก็ไม่ใช่หมอ" พูดพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะยกแขนขึ้นมากอดอกพลางปรายตามองกงชานชิกที่ยืนยิ้มใส่เขา หน้าสิ่วหน้าขวานยังจะยิ้มอีก ประสาท

     

     


    "ที่แท้ก็ห่วงผมนี่เอง อ่า ทำไมพี่น่ารักงี้นะ" 

     


    "อย่าหลงตัวเองให้มันมากเลย" 

     


    "อยากให้ผมชนะมั้ยล่ะ" 

     


    "นายไม่ชนะหรอก" 

     


    "ชนะอยู่แล้ว" 

     


    "อย่างนายเนี่ยหรอจะชนะ เหอะ ถ้าชนะฉันยอมเป็นแฟนนายเลยเอ้า เฮ้ยๆ ปล่อยยยเลยๆ"

    จู่ๆท่อนแขนแกร่งก็คว้าเอาร่างบางมากอดแน่น เล่นเอาคนตัวเล็กดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมแขน พูดก็พูดเถอะอยากจะฟัดไอ้พี่หน้าสวยนี่ใจจะขาด แล้วเล่นมาท้าเขาแบบนั้นไม่ให้ชนะได้ยังไง! งานนี้ถึงไหนถึงกันเลยครับมึง !!

     

     

     

    "ผมแพ้ไม่ได้แล้วสิเนี่ย" 

     

     


    "ฉันพนันเลย นายแพ้" ถ้าจินยองไม่มั่นใจว่าเขาจะแพ้ขนาดนั้นก็คงไม่ยื่นข้อเสนอแสนหอมหวานนั่นมาให้เขาหรอกน่า จริงมั้ยล่ะ

     

     

    "รักษาสัญญาด้วยนะครับ:)" 

     


    "โอเค้"

     


    "เตรียมตัวเป็นแฟนผมได้เลย ที่รัก" 

     


    "ฝันไปเหอะน่า"

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×