คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Y o u r M i n i s t r a n t - CHAPTER 3 -
ทำไม ?
กงชานมาอยู่กับนักร้องดังอย่างจินยองได้ ?
คำถามมากมายวนเวียนอยู่ในหัวของซานดึลตอนนี้ทันที่ที่เห็นแฟนหนุ่มของตัวเองอยู่กับนักร้องดัง ดวงตากลมโตที่เคยสดใสกลับหม่นหมองลงทันที่ที่เห็นภาพตรงหน้า ตอนนี้เขาควรรู้สึกยังไง ... ดีใจ เสียใจ แปลกใจ หรือว่าอะไร ?
“พี่จินยองครับผมขอตัวก่อนนะ” กงชานเห็นว่าท่าไม่ดีเลยขอปลีกตัวออกมาจากจินยอง แล้วเดินมาจับมือซานดึลแล้วเดินออกมาข้างนอกตัวบริษัท
“พี่ซานดึล ...” กงชานจับมือคนรักแล้วพูดด้วยเสียงแผ่วอย่างสำนึกผิด เขาไม่ได้จะปกปิดซานดึลแต่แค่อยากให้รอเวลาเจอกันแล้วค่อยอธิบายไปเลยดีกว่า
เขาควรจะถามอะไรร่างสูงตรงหน้าดี ?
“ทำไมนายถึงอยู่กับจองจินยอง ...” ซานดึลตัดสินใจเอ่ยถามแล้วเงยหน้ามองคนรัก ดวงตากลมโตจ้องลึกเข้าไปในตาคมตรงหน้าอีกคู่ ดูว่าเขาจะตอบว่าอย่างไร ว่ากันว่า ... ปากน่ะสามารถโกหกได้ แต่ดวงตามันไม่สามารถ จริงมั้ย ?
“พี่ครับ อย่าตกใจนะ” กงชานมองตาคนน่ารักตรงหน้าก่อนจะระบายยิ้มออกมาบางๆ เขาอยากทำให้คนที่เขารักเชื่อใจว่าเขาไม่ได้โกหกใดๆทั้งสิ้น
“งานใหม่ที่ว่าก็คืองานนี้แหละครับ ผมทำงานเป็นผู้จัดการส่วนตัวให้พี่จินยอง”
“ หา ? O_____O ” ดวงตากลมเบิกกว้างทันที่ที่ได้ยินคำตอบ นี่มันอะไรกันเนี่ย ? แฟนเขาที่ไม่สนใจวงการบันเทิงอย่างเขาเนี่ยนะเป็นผู้จัดการให้นักร้อง ?!
“ครับ ฟังไม่ผิดหรอกครับ” กงชานยิ้มให้กับท่าทางที่น่ารักของแฟนเจ้าตัว
“แล้วนายมาเป็นได้ยังไงเนี่ย”
“พี่จำพี่ชินอูได้มั้ยละครับ ? พี่รหัสผมน่ะ จริงๆแล้ว ...เอ่อ...พี่รู้แล้วอย่าบอกใครนะครับ ถือว่าผมขอนะ” กงชานว่าพลางเกาะแขนคนรักแล้วอ้อน
“อือ -//////- อย่าอ้อนเซ่ไอ้ลูกหมา”
“จริงๆแล้วพี่ชินอูเขาเป็นลูกพี่ลูกน้องกับพี่จินยองน่ะครับ เรื่องนี้ผมว่าน่าจะไม่มีใครรู้ เพราะพี่ชินอูเขาไม่ได้ทำงานเกี่ยวกับทางด้านวงการบันเทิง”
“ลูกพี่ลูกน้อง ?”
“ครับ แล้วที่ผมทำงานนี้เพราะพี่ชินอูเขาขอร้องให้ผมช่วยน่ะ”
“อ้าวแล้วทำไมไม่เอาคนอื่นมาเป็นผู้จัดการแทนล่ะ ? เอาแฟนพี่ไปทำแล้วมันจะไหวมั้ยเนี่ย” ซานดึลพูดแล้วยิ้มออกมาบางๆ ร่างอวบยกมือขึ้นยีหัวหมาน้อยกงชานเบาๆ
เอ่อ....จะตอบไงดีล่ะ
จะให้ตอบว่าจินยองเขาอยากได้อย่างงี้งั้นหรอ -______-
“ก็พี่ชินอูเขาเห็นว่าผมหางานทำอยู่ ก็เลยเสนองานนี้มาให้เพราะตำแหน่งผู้จัดการส่วนตัวเขาว่างอยู่ อีกอย่างเป็นคนรู้จักกันด้วยน่ะครับคงไม่ยุ่งยางอะไรมาก”
อ่า .... สาบานเลยว่านี่เรื่องจริง 80% เลยนะครับ
อีก 20% คือจินยองบังคับเขามา
“อ่องั้นหรอ” ซานดึลพยักหน้ารับเบาๆ แต่เขาก็ยังไม่โล่งใจซะทีเดียว ผู้จัดการส่วนตัวนี่ต้องอยู่ด้วยตลอดเวลาไม่ใช่หรอ .... แล้วแฟนเขาก็เป็นผู้ชาย .. หล่อซะด้วยนะ (.///////. )
“นาย ... เอ่อ ... พี่เชื่อใจนายได้ใช่มั้ย” ซานดึลเงยหน้ามองอ้อนๆ ในแววตาดวงนั้นซ่อนไปด้วยความกลัว ความรักและความหึงหวง เขาสามารถเชื่อใจกงชานได้มั้ย
กงชานที่เห็นซานดึลพูดแบบนั้น เขาก็รู้เลยว่าหมายถึงอะไร กงชานยิ้มก่อนจะดึงตัวซานดึลมากอด โชคดีที่ตรงนี้ไม่มีคนเดินผ่าน เขาเลยกอดได้แบบไม่ต้องแคร์สายตาใคร มือหนาลูบลงบนหัวกลมของคนรัก กลิ่นหอมอ่อนๆของยาสระผมลอยขึ้นมาแตะจมูก ทำเอาเขาแทบละลายกับสัมผัสที่แสนหอมหวานนี่ ไม่บ่อยนักหรอกที่เขาจะทำอะไรแบบนี้ แต่ ณ เวลานี้เขาอยากให้คนที่รักเขาและคนที่เขารักเชื่อใจ
“พี่จำไว้เลยนะ ว่าผมมีแค่พี่คนเดียว คนเดียวจริงๆ”
แค่ประโยคเดียวก็ทำให้คนในอ้อมกอดเขินจนแทบตาย แก้มพองๆของซานดึลขึ้นสีระเรื่อ มือของเจ้าตัวทุบเข้าที่อกเกร่งของคนรักก่อนจะผละตัวออกมา กงชานหัวเราะเบาๆก่อนที่ซานดึลจะเหวใส่ ไม่ได้โกรธนะแต่เขินจนไม่รู้จะพูดอะไรต่างหาก เลยพาลใส่ซะเลย -////////-
“แล้วถ้าเขาถามว่าเราสองคนเป็นอะไรกันล่ะ” ซานดึลถามคำถามสุดท้ายกับกงชาน ทันทีที่กงชานได้ยินก็ยิ้มติดหัวเราะให้ความใสซื่อของซานดึล
“ก็แฟนไงครับ ทำไมจะบอกไม่ได้ ไม่เห็นต้องอายเลย”
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกก
ซานดึลอยากตาย
แฟนเขา ... T//////////////////T
“ว่าแต่พี่เหอะ ไหนเมื่อคืนบอกว่าไม่มีงานไงครับ” กงชานแกล้งทำหน้าดุใส่ซานดึล เมื่อคืนกลับบ้านไปก็โทร.หาซานดึลตามที่สัญญาไว้ ใช่ ... ซานดึลทำงานเป็นช่างถ่ายภาพให้นิตยสารชื่อดัง และรับงานถ่ายภาพนอกสตูดิโอด้วย
“อ่าาา ก็เจ้านายพี่พึ่งโทร.มาบอกเมื่อเช้าเนี่ยสิ ทำเอาแทบมาไม่ทันเลยนะ นี่ก็เป็นงานแรกด้วยมั้งที่ต้องมาคุยงานที่ค่ายใหญ่แบบนี้ เนี่ยตื่นเต้นไปหมดเลย แต่พอมารู้ว่านายเป็นผู้จัดการส่วนตัวให้จินยองนี่ก็ลดความตื่นเต้นลงได้นิดนึงแหละ –w- ” อย่างว่าแหละ ซานดึลเป็นคนกระตือรือร้น และตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา ทำให้เวลาทำงานใหญ่ๆก็จะตื่นเต้นเป็นเรื่องปกติ อีกอย่างเขาพึ่งมาทำงานนี้ได้ไม่นาน แรกๆก็ยังไม่ชินแต่เดี๋ยวต่อไปคงจะชินเอง
“ฮะๆ โอเคครับโอเค อ่าเราเข้าไปข้างในกันเถอะครับ เดี๋ยวงานจะเสร็จช้าเอา”
“อื้อ ^ ^” ซานดึลยิ้มอย่างสดใส ก่อนจะเดินแกะแขนแฟนเจ้าตัวเดินเข้าไปในตัวบริษัท จินยองที่นั่งอยู่ที่เดิมเงยหน้าขึ้นมาทันทีที่ได้ยินเสียงฝีเท้าของขาทั้งสองคู่ที่เดินมายืนอยู่ใกล้ แขนที่เกาะกันอยู่ของกงชานกับซานดึลทำให้จินยองถึงกับขมวดคิ้ว
สองคนนี้ ?
เป็นอะไรกัน ?
ซานดึลที่เห็นว่าจินยองมองแบบนั้นเลยเอามือที่เกาะกงชานอยู่ออก จินยองมองภาพนั้นอยู่ครู่นึงก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มให้ซานดึล อีกฝ่ายจึงยิ้มตอบไปตามมารยาท หน้าสวยได้แต่เก็บคำถามมากมายไว้ในใจ เอาไว้รอถามนอกเวลาตอนอยู่กับกงชานท่าจะดีกว่า
“เรามาคุยงานกันเลยมั้ย ?” จินยองเอ่ยพูดขึ้นมาก่อนที่บรรยากาศจะอึมครึมไปกว่านี้ ซานดึลนั่งลงบนโซฟาฝั่งซ้ายของจินยอง ส่วนร่างสูงอีกคนก็เดินไปนั่งที่เดิมที่นั่งอยู่ก่อนหน้านั้น มือของซานดึลหยิบแฟ้มรายละเอียดขึ้นมาก่อนจะส่งให้จินยองแล้วอธิบาย
“ผมขอแนะนำตัวอีกครั้งแล้วกันนะครับ ผมชื่ออี จองฮวาน หรือจะเรียกผมซานดึลก็ได้ จริงๆแล้วผมเป็นช่างภาพนะ แต่หัวหน้าผมเขาติดธุระด่วนน่ะครับ ส่วนเรื่องคอนเซปต์ผมก็ไม่ค่อยรู้รายละเอียดอะไรมากนะ ทางที่ดีคุณจินยองดูในแฟ้มที่ผมให้ไปเลยดีกว่า”
“อืมมมม เป็นแบบแนวฤดูใบไม้ร่วงใช่มั้ย ?” จินยองพูดพลางไล่สายตาเรียวไปตามเนื้อหาที่อยู่ในแฟ้ม ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นรูปชุดที่จะให้ใส่มากกว่า
“ครับ” ซานดึลตอบแล้วยิ้มบางๆ ดวงตากลมเหลือบมองไปที่กงชานที่ตอนนี้กำลังจ้องหน้าเขาอยู่ ... จ้องไม่พอแล้วยังยิ้มอีกแน่ะ -//////////-
“แล้วทำไมถึงเลือกผมมาถ่ายแบบงานนี้ล่ะ ?”
“อันนี้เจ้านายเขาไม่ได้บอกผมไว้แฮะ แค่บอกให้ผมเอารายละเอียดมาให้แล้วมาตกลงวันที่คุณจินยองสะดวกไปเฉยๆน่ะครับ” ซานดึลยิ้มแห้งๆให้จินยอง ร่างบางพยักหน้าแล้วทำเสียง ‘อ้ออ’ เบาๆ ก่อนจะหันไปบอกกงชานให้หยิบตารางงานมาให้
“อ่า... ฉันว่างอีกทีก็พรุ่งนี้เลย”
“จริงหรอครับ ?! จริงๆแล้วเจ้านายผมบอกว่าถ้าเป็นพรุ่งนี้ก็จะดีมากเพราะเขาว่างเต็มวัน”
“งั้นก็พรุ่งนี้แล้วกัน จะให้ฉันมากี่โมงล่ะ”
“ประมาณ 10 โมงก็ได้ครับ”
“งั้นก็โอเค ทางบริษัทนายเขามาคุยกับที่ค่ายเรื่องค่าใช้จ่ายอะไรพวกนี้แล้วใช่มั้ย เอ่อ ... ฉันหมายถึงเรื่องค่าตัวน่ะ จะได้ไม่มีปัญหาภายหลัง”
“ครับ น่าจะเรียบร้อยแล้ว”
“งั้นตกลงตามนี้”
จินยองพูดสรุปแล้วส่งแฟ้มรายละเอียดงานให้ซานดึล มือหนารับแฟ้มมาก่อนจะเก็บใส่กระเป๋างาน เมื่อเก็บเสร็จซานดึลก็เงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ร่างบางเบาๆ ซึ่งอีกฝ่ายก็ยิ้มตอบกลับมาเป็นมารยาท
“เอ่อ .... พี่จินยองครับ วันนี้หมดงานแล้วใช่มั้ย” กงชานที่นั่งเงียบอยู่นานพูดขึ้นมาหลังจากที่รอจินยองคุยงานเสร็จ
“อ่า ... ก็ว่างนะ”
ถ้าให้จินยองเดานะ .....
เขาต้องขออะไรแน่ๆเลย ....
“ผมขอไปกินข้าวกับซานดึลได้ไหม ?”
แต่ถึงตอนนี้ ... ถึงแม้จินยองไม่ต้องถาม ...
แต่เขาก็เริ่มรู้แล้วละ ....
ว่าเขาสองคนเป็นอะไรกัน ‘มาก’ กว่าคนรู้จัก
คนรู้ใจยังไงล่ะ ...
จู่ๆความรู้สึกน้อยใจก็เกิดขึ้นกับจินยองแปลกๆทั้งๆที่ไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อนในชีวิต ยกเว้นคนที่เขา ‘แคร์’ แต่แล้วตอนนี้มันเกิดขึ้นได้ยังไง ก็ในเมื่อตอนนี้เขาไม่ได้แคร์ใครอยู่เลยนี่นา แล้วความรู้สึกบ้าๆนี่มันเกิดขึ้นได้ยังไงกัน เขาละเกลียดจริงๆ .... ความงี่เง่าที่ไร้เหตุผลของเขา
จินยองสะบัดหัวเบาๆไล่ความคิดอันฟุ้งซ่านและไร้สาระนั้นออกไป ก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีหน้าปกติ ร่างบางชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งว่าจะให้เขาไปมั้ย ... เพราะก่อนหน้านั้นในหัวก็คิดอยู่แล้วว่าจะไปกินข้าวกัน ‘สองคน’ ... แต่ในเมื่อกงชานมีคนที่จะไปด้วยอยู่แล้ว ....
“อะ—อืม ได้สิ” ไม่ได้ ....
นี่สินะ ..
ที่เขาเรียกอาการปากไม่ตรงกับใจ
เมื่อกงชานเขาได้ยินคำตอบก็ยิ้มจนแก้มปริ แล้วเหลือบไปมองคนรักที่ตอนนี้ก็แอบอมยิ้มอยู่น้อยๆ นานเท่าไหร่แล้วที่เขาไม่ได้ไปไหนมาไหนด้วยกันเพราะงานที่ยุ่งของทั้งคู่ กงชานที่เห็นว่าวันนี้ไหนๆก็ว่างแล้ว ก็ถือโอกาสพาคนรักไปเดทด้วยซะเลย
“นี่ ... ฉันให้ไปก็จริง แต่นายต้องไปส่งฉันที่คอนโดก่อนนะ” ไหนๆจินยองก็ไม่อยากไปไหนอยู่แล้ว เลยให้อีกฝ่ายไปส่งที่คอนโด นอนพักผ่อนหย่อนใจอยู่ที่คอนโดเงียบๆ แล้วแต่งเพลงไปพลางๆ คงจะดีไม่น้อย เผลอๆมันอาจจะทำให้เขาหลุดพ้นความรู้สึกบ้าๆนี่ออกไปซะที
ขาทั้งสามคู่เดินออกมาจากลิฟต์เมื่อมาถึงชั้นลานจอดรถที่อยู่ใต้ดิน กงชานสาวขายาวๆของตนเดินมาที่รถ ก่อนจะใช้มือหยิบกุญแจรถออกมาปลดล็อค จากนั้นเจ้าตัวก็เดินไปเปิดประตูฝั่งคนขับแล้วเข้าไปนั่ง ตามด้วยซานดึลที่มานั่งเบาะข้างคนขับ กงชานเอี้ยวตัวเอาแฟ้มไปวางที่เบาะหลัง แต่ก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อคนหน้าสวยเจ้านายของเขายังไม่ขึ้นมาบนรถ เมื่อตาคมมองออกไปนอกรถก็เจอบุคคลเจ้าปัญหาที่พูดถึง ซึ่งตอนนี้ได้ยินพิงประตูรถอีกแล้วมองกงชานอย่างท้าทาย กงชานจึงได้แต่ถอดหายใจแล้วเปิดประตูรถเดินออกไป
"ทำไมพี่ไม่ขึ้นรถละครับ"
"ขี้เกียจเปิดประตู นายเป็นผู้จัดการฉันไม่ใช่หรอ ต้องเปิดให้ฉันสิ"
ผู้จัดการส่วนตัวครับ
ไม่ใช่ ...ทาสรับใช้
"ขอโทษนะครับผมเป็นผู้จัดการ ไม่ใช่คนใช้ .."
"นั่นมันก็เรื่องของนาย เปิดประตูให้ฉันได้รึยัง นี่ฉันยืนจนเหน็บจะกินขาแล้วนะโว้ย"
แล้วใครสั่งให้ยืน ...
แค่เปิดประตูแล้วขึ้นรถมาก็ได้นั่งแล้วป่ะ ..
"เฮ้อ " กงชานถอนหายใจออกมาเบาๆก่อนจะเปิดประตูหลังให้ร่างบางเข้ามานั่ง จินยองกระตุกยิ้มมุมปากให้กงชานก่อนจะขึ้นรถ ร่างสูงที่ทำอะไรไม่ได้เลยได้แต่ปิดประตูรถใส่หน้าจินยองแรงๆทำให้คนที่อยู่บนรถที่ว่านั่นแทบสะดุ้ง
คนอะไร .. ป่าเถื่อนเป็นบ้า
เมื่อเข้าสู่สภาวะปกติดีแล้ว กงชานจึงสตาร์ทเครื่องแล้วขับออกมาจากลานจอดรถและขับตรงไปยังคอนโด ก่อนหน้านี้จินยองได้พึมพัมบอกแล้วว่าอยู่เลยตึกไปไม่ไกลเท่าไหร่ ขับไปเรื่อยๆก็จะเห็นป้ายคอนโดเด่นชัดไม่ต้องกลัวว่าจะหลง และเจ้าตัวก็ยังเอาเบอร์ของตัวเองให้กงชานอีกด้วยเพราะพรุ่งนี้มาทำงานวันแรก ถ้าเลทหรือสายอะไรจะได้โทร.จิกสะดวก
กงชานค่อยๆขับรถชะลอความเร็วลงเมื่อถึงหน้าคอนโด เมื่อรถจอดสนิทกงชานเลยปลดล็อคประตูรถแล้วหันไปพูดกับร่างบางที่อยู่เบาะหลัง
"พรุ่งนี้ให้ผมมารับกี่โมงครับ"
"9โมงครึ่ง ห้ามเลท !!!! "
เอ่อ ..
บอกตัวเองดีกว่ามั้ย ...
"โอเคครับ แล้วเจอกันนะครับ" กงชานพูดตัดบทสนทนาไว้แค่นั้น ซึ่งทำให้จินยองแอบไม่พอใจเล็กน้อย อะไรกัน นี่มันไล่กันชัดๆ -____- คนตัวเล็กส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอเบาๆก่อนจะลงจากรถมา อดไม่ได้ที่จะหันไปมองรถของกงชานที่กำลังเคลื่อนตัวออกไปไกลจนลับตา
จินยองสาวเท้าเดินเข้ามาในบริเวณด้านหน้าคอนโดหรู มือเรียวหยิบคีย์การ์ดออกมาแตะที่เครื่องเซ็นเซอร์รักษาความปลอดภัยของคอนโด เนื่องจากคอนโดนี้เป็นที่พักของผู้มีชื่อเสียงหลายคนจึงต้องรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด
เมื่อจินยองเข้ามาแล้วจึงเดินตรงไปหน้าลิฟต์ โชคดีที่มาถึงแล้วลิฟต์เปิดว่างพอดี ร่างบางจึงรีบแทรกตัวเข้าไปในลิฟต์ก่อนที่มันจะปิดลงซะก่อน นิ้วของเจ้าตัวจรดลงกดชั้นหมายเลขของห้องตนเอง ไม่นานลิฟต์ก็มาถึงชั้นที่ว่าอย่างรวดเร็ว อย่างว่า ตอนกลางวันไม่ค่อยมีคนอยู่มานักเพราะออกไปทำงานกันหมด ไม่มีคนมาเดินเพ่นพ่านเหมือนคอนโดปกติ
เมื่อเดินมาถึงหน้าห้องตนเองมือเรียวเอาจึงคีย์การ์ดแตะเซ็นเซอร์ที่หน้าห้องของตัวเองจนเกิดเสียงติ๊ดอีกครั้ง จากนั้นเจ้าตัวก็เปิดประตูห้องเข้าไปแล้วหันไปล็อคตามเดิม ห้องของจินยองออกแบบโมเดิร์นผสมผสานกับแนววินเทจ สีฟ้าอ่อนๆตัดรับเข้ากับผนังและพื้นสีขาวนวลเหมือนสีเม็ดทรายขาวได้เป็นอย่างดี ให้ความรู้สึกถึงกลิ่นอายของทะเล ถึงเขาจะเป็นคนอารมณ์ร้ายขึ้นๆลงๆเอาแต่ใจไปบ้าง แต่เขาก็จะมีมุมน่ารักๆเหมือนกันนะ
ร่างบางถอดแจ๊กเก็ตตัวนอกของตัวเองทิ้งไว้บนโซฟาหนังสีฟ้าเข้ม ก่อนจะเดินไปเปิดมินิเธียร์เตอร์กลางห้องของตัวเอง เสียงเพลงโปรดดังขึ้นจนทำให้เจ้าของห้องระบายยิ้มออกมาบางๆบนใบหน้า จินยองสาวขาตัวเองมาที่ครัวในห้องของตนก่อนจะเปิดตู้เย็นหาดูว่ามีอะไรกินบ้าง ปกติเขาไม่ค่อยทำอาหารกินหรอก จะซื้อเป็นอาหารแช่แข็งกับของง่ายๆมากินมากกว่า ตาเรียวมองหาของที่อยากจะกินก่อนที่จะเอื้อมมือไปหยิบสปาเกตตี้ซอสครีมออกมา จินยองปิดตู้เย็นแล้วเดินมาตรงเคาท์เตอร์ครัวและแกะห่อของกินในมือก่อนที่จะหันไปเสียบปลั๊กไมโครเวฟแล้วเอาสปาเกตตี้ซอสครีมไปเวฟ
ระหว่างที่รอเวลาเสร็จจินยองก็เดินไปหยิบแมคบุ๊คของตัวเองในห้องของตัวเองก่อนจะเดินเอามาวางไว้บนโต๊ะกินข้าว เมื่อเสียงไมโครเวฟดังเป็นสัญญาณว่าเวฟเสร็จแล้วจึงเดินไปนำสปาเกตตี้ซอสครีมจัดใส่จานแล้วมานั่งกินพร้อมกับเล่นแมคบุ๊คคู่ใจไปด้วย
อยู่เงียบๆคนเดียวแบบนี้ ...
ก็ดีไปอีกแบบนะ .. :)
10 .00 P.M
"อืออ กงชาน ไม่เอาน่า พะ...พรุ่งนี้มีงานนะ "
เสียงหวานหูดังขึ้นอย่างห้ามปรามภายในห้องนอนของเจ้าตัว ทันทีที่ได้รับสัมผัสอันวาบหวามจากร่างสูงตรงหน้า จมูกโด่งฝังลงบนซอกคอยขาวเหมือนหมาป่าที่กำลังฟัดเหยื่อตัวน้อย เขาไม่ฟังเสียงทักท้วงของคนข้างบนที่กำลังอ่อนระทวยอยู่บนตักของเขา กงชานไล่จมูกของตัวเองจากซอกคอลงมาเรื่อยๆ ผ่านไหปลาร้า ลงมาถึงอกขาว กลิ่นหอมของคนตรงหน้ามันชักจะทำให้เข้าอดใจไม่ไหวเลยจับอีกฝ่ายให้นอนราบลงกับเตียงก่อนที่ตัวเองจะค่อยๆลงมาทาบทับ กงชานส่งสายตาอ้อนว้อนกับดวงตากลมสั่นระริกของคนใต้ร่าง
"ผมรักพี่นะ" คำพูดของกงชานนั้นทำให้พวงแก้มของซานดึลขึ้นสีระเรื่อ แต่ก่อนที่จะเอ่ยปากพูดอะไร ปากแดงๆช้ำๆที่ผ่านการกดจูบมาหลายครั้งก็ถูกปิดด้วยริมฝีปากของร่างสูงด้านบน จากอ่อนหวานก็เริ่มเปลี่ยนจังหวะเป็นร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ ลิ้นร้อนของกงชานรุกล้ำเข้าไปในโพรงปากอุ่นของคนน่ารัก ก่อนจะไล่ต้อนลิ้นเรียวเล็กที่คิดจะแกล้งหนี แต่สุดท้ายก็ทนแรงรุกของกงชานได้เลยต้องยอมศิโรราบ ปากหยักดูดดุนริมฝีปากของคนตัวเล็กจนบวมช้ำ ก่อนจะถอนริมฝีปากออกมา แต่ยังไม่ได้ที่ซานดึลจะได้หายใจหายคอ คนตัวสูงก็ใช้ริมฝีปากบดขยี้ลงบนปากบางอีกครั้ง
ซ้ำแล้ว..
ซ้ำเล่า ..
"อือ ..." ซานดึลส่งเสียงครางหวานหูเมื่อกงชานสอดมือเข้าไปในสาบเสื้อเชิ้ตสีขาวของเจ้าตัว นิ้วเรียวบดขยี้งบนยอดอกสีสวยจนอกขาวแอ่นรับสัมผัสที่อีกฝ่ายหยิบยื่นให้กับตน กงชานฝังริมฝีปากลงบนคอขาวก่อนจะประทับรอยสีกุหลาบแสดงความเป็นเจ้าของไว้เต็มลำคอระหงส์
กงชานค่อยๆถอนมืออกจากใต้สาบเสื้อของซานดึลช้าๆ ก่อนจะค่อยๆปลดกระดุมทีละเม็ด ทีละเม็ด .... จนถึงเม็ดสุดท้าย กงชานกระตุกยิ้มบางๆแล้วใช้สายตามองอีกฝ่ายอย่างเชยชม จนซานดึลได้แต่ขมวดคิ้วว่าจะมองอะไรนักหนา คนเขาเขินจะตายอยู่แล้ว ... จะทำอะไรก็ทำซักทีสิ ....
คนด้านบนไม่รอช้าทาบตัวลงมาอีกครั้งจนซานดึลรู้สึกได้ถึงความชื้นที่กำลังหยอกล้อเล่นอยู่บนเนินอกของเจ้าตัว ลิ้นของกงชานละเลียดชิมความหวานที่อยู่บนยอดอก ทั้งขบทั้งเม้มจนซานดึลเผลอส่งเสียงครางหวิวออกมาเบาๆ เจ้าตัวละลิ้นออกมาจากยอดอกหวานไล่ลงมาตามหน้าท้องจนซานดึลรู้สึกถึงแรงอารมณ์และปราถณาของทั้งสองคนที่พลุ่งพล่านไม่มีหยุดเปรียบเสมือนภูเขาไฟที่กำลังประทุอย่างรุนแรง แต่แล้วคนใต้ร่างก็ต้องสะดุ้งเบาๆอีกครั้งเมื่อมือหนาของร่างด้านบนกำลังจะปลดกางเกงของเขา ไม่นานซานดึลก็รู้สึกถึงความรู้สึกถึงความว่างเปล่าที่ช่วงล่าง แต่แล้วกงชานก็ยันตัวขึ้นมาทับซานดึลอีกครั้ง ร่างสูงมองคนรักของตนเองอย่างรักใคร่ นิ้วเรียวของเขาปาดม่านน้ำใสของซานดึลที่ออกมาด้วยความรู้สึกกระสันเสียวเบาๆ ก่อนจะจรดริมฝีปากลงบนหน้าผากของอีกฝ่ายเบาๆเพื่อปลอบประโลม
“ถ้าพี่ยังไม่พร้อม จะให้ผมหยุดก็ได้นะ ผมอยากให้ความรู้สึกนี้เป็นความรู้สึกที่ดีต่อทั้งสองฝ่าย ไม่ใช่ความรู้สึกของผมฝ่ายเดียวที่ไปบังคับพี่ให้รู้สึกแบบเดียวกับผม”
เขาให้ทำมาถึงขนาดนี้ ...
พึ่งจะมาถามหรอ ?!!
“ทำไมจะไม่พร้อมเล่า มาถึงขนาดนี้แล้วยังถามอีก!!” ซานดึลเหวใส่กงชานเบาๆก่อนจะใช้มือฟาดไปที่หัวไหล่ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นใช้มือทั้งสองข้างโอบคอร่างสูงให้โน้มต่ำลงมาก่อนจะจรดริมฝีปากของตัวเองให้แนบลงไปบนริมฝีปากของคนรักเบาๆ ก่อนจะละออกมา
“ถ้าพี่บอกขนาดนี้ .... อย่ามาโกรธผมทีหลังละกันนะครับ โทษฐานที่อาจจะทำพี่เจ็บเอวน่ะ J ”
7.30 A.M
แสงแดดอ่อนๆในยามเช้าทอดส่องเข้ามาในห้องนอนสีขาวสะอาดตากระทบลงบนเปลือกตาของคนที่นอนหลับพริ้มอยู่บนเตียง ตาคมค่อยๆลืมตาช้าๆก่อนจะกระพริบตาถี่ๆเพื่อปรับโฟกัสให้ตารับแสงได้ เขายกมือขึ้นมาขยี้ตาก่อนจะหันไปมองร่างในอ้อมกอดที่ตอนนี้นอนซุกอกเขาอยู่ กงชานยิ้มเบาๆให้กับซานดึลที่นอนหลับอยู่ในกอดของเขา กงชานปัดผมของซานดึลที่ลงมาปรกแก้มออกก่อนจะใช้จมูกโด่งของตัวเองจรดลงไปหอมแก้มคนรักเบาๆ
จะมีอะไรสุขใจไปกว่านี้อีกนะ ...
กงชานเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ที่วางไว้บนหัวเตียงเพื่อเช็คความเคลื่อนไหวว่ามีที่บ้านโทร.มาหาหรืออะไรไหม เพราะเขาได้เปิดระบบสั่นไว้ตั้งแต่ตอนที่เขาเข้าไปที่บริษัท เขาไม่อยากให้มีเสียงอะไรมารบกวนในขณะที่เขากำลังพบกับประธานบริษัท เพราะกลัวว่าจะเป็นการเสียมารยาท นิ้วเรียวสไลด์ปลดล็อคหน้าจอ ดวงตาคมเบิกกว้างทันทีที่ได้เห็นความผิดปกติและแปลกประหลาดอย่างรุนแรงเมื่อเห็นสิ่งที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์ในมือ
‘Missed Call ….
Jung Jinyoung 67 Missed Call’
TBC.
ความคิดเห็น