คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : Y o u r M i n i s t r a n t - CHAPTER 15 -
ปังๆ!!
"กงชาน"
ปังๆๆ
"ออกมาคุยกับฉันหน่อยได้มั้ย"
ผมยืนเคาะประตูห้องของกงชานมาร่วมเกือบครึ่งชั่วโมงได้แล้ว นี่มันจะทุ่มนึงแล้วกงชานยังไม่ออกมาจากห้องเลย พอออกจากบริษัทได้ก็เงียบไม่พูดไม่จา ถามอะไรก็แค่ อือ ครับ อืม ใครมันจะไปอยากจะเสวนาต่อกัน จนปัจจุบันนี้ผมก็ยังไม่รู้เลยว่ามันเป็นอะไรของมันกันแน่ เพราะตั้งแต่ถึงคอนโดมาก็เอาแต่หมกตัวในห้อง จนผมละความพยายามที่จะถามแล้วมาทำเพลงส่วนที่เหลือให้เสร็จ รู้สึกตัวอีกทีท้องฟ้าด้านนอกก็มืดสนิท พอออกมาจากห้องก็ยังไม่เห็นกงชาน ยังอยู่ในห้องเหมือนเดิม
"ย่าห์! ถ้านายไม่ออกมาฉันจะโกรธแล้วนะ" ให้ตายสิ ทำตัวอย่างกะเด็กมีปัญหาไปได้ หมกตัวอยู่ในห้องให้มันได้อะไรขึ้นมาวะ
"กง..!!"
ยังไม่ทันที่จะพูดชื่อจบ ประตูที่ผมกำลังจะยกมือขึ้นเคาะเป็นรอบที่ร้อยก็เปิดออกช้าๆ ตามด้วยร่างของกงชานที่ยืนก้มหน้าก้มตาอยู่หลังประตู ไม่นานก็ค่อยๆเงยหน้าขึ้นมา ดวงตาบวมแดงช้ำที่ดูก็รู้ว่าร้องไห้มา แถมบริเวณรอบดวงตาและข้างแก้มยังมีคราบน้ำตาอีก
ไอ้หล่อของผมหายไปไหน !!!
"นาย..โอเคมั้ย" ผมถามเขาคำตอบที่ได้กลับมาเป็นอ้อมกอดของกงชานแทน คนตัวสูงตรงหน้าไม่ตอบผม แต่กลับคว้าตัวผมเข้าไปกอด ท่อนแขนแกร่งกระชับกอดแน่น ใบหน้าของเขาวางอยู่บนศีรษะของผม ทำให้รู้สึกได้ว่าเขากำลัง ... อ่อนแอ
ใช่มั้ย ?
ผมยืนให้กงชานกอดอยู่หลายนาที ตัวผมก็กอดเขากลับไปเช่นกัน มือบางลูบแผ่นหลังกว้างเป็นเชิงปลอบ พร่ำบอกเขาว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวมันก็ผ่านไป ถึงแม้ว่าผมจะไม่รู้ว่าเขาเจอปัญหาหรือเจอเรื่องราวอะไรมาก็ตาม แต่นี่เป็นสิ่งที่ผมพอจะทำให้คนที่ผมรักได้ ณ เวลานี้
"เป็นอะไร บอกฉันได้มั้ย"
"ผม ... เลิกกับซานดึลแล้ว"
!!!!
คำตอบของกงชานทำให้ผมชะงักมือที่กำลังลูบปลอบเขาทันที ถามว่าผมตกใจมั้ย ก็ต้องตอบว่ามากอยู่ ผมไม่คิดว่าจะเลิกกันเร็วขนาดนี้ แต่ถ้าเป็นใครๆเห็นข่าวแบบนี้ก็ต้องเลิกกันทั้งนั้น .....
"เขาบอกเลิกผม"
ผมยังยืนนิ่งเงียบให้กงชานได้ระบายมันออกมา น้ำเสียงเริ่มสั่นเครือหน่อยๆเหมือนจะร้องไห้ออกมาอีกรอบ เสียงสูดหายใจเฮือกใหญ่ของกงชานทำให้รู้สึกได้ว่าเขากำลังกลั้นมันไว้อยู่
"ผมมันเลวใช่มั้ย"
"ทำไมถามแบบนั้น"
"ผมทำไม่ดีต่อเขา ผมปล่อยให้เขาเดินจากไปแบบไม่มีฉุดรั้ง สมองของผมมันสั่งให้ผมกลับไปทำสิ่งที่ถูก แต่ในใจผมมันตรงกันข้าม"
"ผมคิดถูกแล้วใช่มั้ยที่ปล่อยเขาให้ไปเจอสิ่งที่ดีๆ"
"ซานดึลบอกเลิกนายเองไม่ใช่หรอ"
"ถึงมันจะเจ็บทั้งคู่ แต่นั่นฉันก็คิดว่าเขาทำถูกแล้ว ปล่อยให้มันเจ็บไปครั้งเดียวจบดีกว่าให้มันยืดเยื้อ ครึ่งๆกลางๆอยู่แบบนี้"
"ฉันก็มีส่วนสำหรับเรื่องนี้เหมือนกัน ฉันเองก็ผิด แต่จะทำยังไงเมื่อฉันรักนายและนายก็รักฉัน.."
"เป็นไปไม่ได้หรอกกงชาน ที่เราจะรักใครสองคนได้พร้อมๆกัน ยังไงมันก็ต้องมีหนึ่งคนที่รักมากที่สุดอยู่ดี"
"ฉันก็เผื่อใจมาตลอด ว่าซักวันหนึ่งนายก็ต้องเลือก ว่าฉัน หรือ ซานดึล.."
ผมพูดยืดยาวระบายความคิดให้กงชานที่ยืนฟังอยู่เงียบๆ ผมรู้ว่ามันต้องมีวันใดวันนึงที่เขาต้องตัดสินใจว่าเขาจะเลือกใคร แต่ในเมื่ออีกคนนึงชิงบอกเลิกก่อน นั่นก็หมายความว่าเขาเลือกผม ? ใช่หรือเปล่า เพราะถ้าเขาเลือกซานดึลจริงๆ ก็คงกลับไปขอคืนดีแล้ว แต่นี่เขาไม่ยื้อไว้เลย .. จะด่าว่าผมเลวก็ได้นะโอเคผมยอมรับ แต่เรื่องความรักมันไม่เข้าใครออกใครหรอก ใครๆก็เห็นแก่ตัวเรื่องนี้กันทั้งนั้น จริงมั้ย ..
"อยากกลับไปหาเขามั้ย ..."
"ถามใจตัวเอง ว่าอยากกลับไปหรือเปล่า"
ผมพูดเสียงเรียบให้กงชานมันคิดทบทวน ผมก็หวั่นๆอยู่ในใจว่าเขาจะกลับไปมั้ย แต่ถึงคำตอบจะออกมายังไง ผมก็คงต้องยอมรับในการตัดสินใจของเขา ไม่มีทางที่จะคบใครสองคนพร้อมๆกันได้หรอก ...
"ผม ..."
"คิดให้ดีว่าสิ่งที่มีให้กับเขามันคือความรัก หรือ ความผูกพันที่มีให้กันตลอดระยะเวลาที่พวกนายคบกัน หรือแค่ความเคยชินกับการมีซานดึลอยู่เคียงข้าง พอเขาหายไปนายก็แค่เสียใจ.. "
“นายรักใครกันแน่ กงชาน"
ผมเงยหน้าขึ้นไปสบตากับเขา แววตาวูบไหวสั่นระริกของกงชานสบตากับผมเช่นกัน สองมืออุ่นๆของกงชานประคองเข้าที่ใบหน้าของผม นิ้วมือเกลี่ยสองข้างแก้มอย่างอ่อนโยน ใบหน้าหล่อๆโน้มเข้ามาก่อนที่จะประทับริมฝีปากลงบนกลีบปากของผมอย่างแผ่วเบา ผมหลับตาพริ้มดื่มด่ำกับรสจูบที่กงชานมอบให้ แขนสองข้างของผมยกขึ้นคล้องคอกงชานเพื่อหาที่ยืดเกาะ เราต่างผลัดกันจูบผลัดกันส่งต่อความหวานให้กันและกัน กลีบปากของผมถูกดูดดุนจนบวมช้ำแต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไร ปล่อยให้ความรู้สึกของเราทั้งสองเป็นตัวควบคุมจูบครั้งนี้ต่อไปเรื่อยๆ
จะผิดมั้ย
ถ้าเสียงหัวใจของผมมันบอกว่า ..
เขารักผม
"ผมรักพี่" เจ้าหมาน้อยกระซิบบอกรักผมด้วยน้ำเสียงแหบพร่าหลังจากถอนริมฝีปากออก
"อาจจะจริงที่พี่ว่า ผมอาจจะแค่ผูกพัน แค่เคยชิน กับการที่มีเขาอยู่ มันยากกับการที่จะตัดใครซักคนออกไปจากชีวิต ทั้งๆที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน วันนี้ เวลานี้ เราขาดสิ่งนั้นไป มันก็ยากที่จะทำใจ แม้ว่าเราจะเลิกกันแล้วก็ตาม"
“มันอาจจะยากซักหน่อยกับการที่จะทำใจ”
“แต่เวลา ... มันจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้นเอง” ผมพูดแล้วมองหน้ากงชานที่ทำหน้าเหมือนหมาหงอย มือบางของผมยกขึ้นขยี้หัวฟูๆนั่นโดยอัตโนมัติจนรอยยิ้มบางๆผุดขึ้นบนไปหน้า แต่เพียงแค่เสี้ยววินาทีเท่านั้น เจ้านั่นก็กลับมาทำหน้าหงอยเหมือนเดิม
“เดี๋ยวบาโรมันก็ดูแลซานดึลเองแหละน่า ไม่เป็นไรหรอก” ทั้งผมและกงชานก็รู้นะว่าบาโรมันคิดยังไงกับซานดึล หลงซะขนาดนั้นคงคอยตามประคบประหงมดูแลอย่างดีเลยล่ะมั้งนั่น อ้าว งี้บาโรมันก็รู้สิว่าผมคบกับกงชาน ?
เวรล่ะหฟส่ากหวกางงหกฟ นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน T _ T โอยขอให้เรื่องนี้รู้กันแค่ห้าคนเถอะ แค่นี้ผมก็เลวจะแย่แล้วครับ -____-
“หิวมั้ย” ผมถามกงชานพลางลูบผมหน้าม้าที่ลงมาปรกหน้าของกงชาน มันจะยาวมาถึงจมูกแล้วเนี่ย
“ก็นิดหน่อยครับ ในตู้เย็นมีอะไรบ้างผมจะไปทำ” กงชานพูดแล้วจะเดินไปตรงครัว แต่ผมกลับดึงตัวเขาไว้ก่อน
“ไปตัดผมมั้ย ผมยาวแล้วนะ”
“ไว้ก่อนก็ได้ มันยังไม่ยาวเท่าไหร่”
“ไม่ยาวบ้าอะไรล่ะ จะแยงรูจมูกนายอยู่แล้วเนี่ย” ผมว่าแล้วดึงปลายผมหน้าม้าลงมาแกล้งแยงเข้าไปในรูจมูกกงชาน จนคนตัวสูงนี่ทำท่าฟึดฟัดๆเหมือนที่หมาชอบทำ
“ดูสิ ใครทำลูกหมาพี่ร้องไห้เนี่ย”
“อย่าหยิกแก้มผมสิครับ”
“ไม่หยิกก็ได้ ไปเลยไปทำกับข้าวเลย หิวแล้ว” ผมดันหลังให้คนตัวสูงเดินเข้าไปในครัว กงชานเปิดก๊อกน้ำที่อ่างล้างจานแล้ว .. ล้างหน้า .. ล้างหน้าที่อ่างล่างจานเนี่ยนะ ?
“มีอะไรในตู้เย็นบ้างเนี่ย”
กงชานบ่นงึมงัมแล้วเปิดตู้เย็นที่อยู่ข้างๆดูว่ามีวัตถุดิบอะไรที่สามารถทำกินเป็นมื้อเย็นได้บ้าง ผมยืนกอดอกเอาตัวพิงเคาท์เตอร์มองกงชานที่ก้มๆเงยๆอยู่หน้าตู้เย็นหลายนาที ไม่นานกงชานก็หยิบกิมจิออกมา เนื้อหมูสไลด์ ต้นหอม ผักกาดขาว แครอท แตงกวา สาลี่แห้ง ...
“นี่จะทำเลี้ยงคนทั้งคอนโดเลยหรือไง”
“ก็ผมหิวนี่ อ่า พี่ไปหุงข้าวให้หน่อยสิครับ”
กงชานว่าแล้วหอบของทุกอย่างมาวางไว้บนเข้าเตอร์อีกฝั่ง หยิบเขียงมีดถ้วยชามอย่างชำนาญ ผมพยักหน้ารับเบาๆแล้วเดินเข้าไปหยิบหม้อหุงข้าวที่คว่ำๆอยู่ด้านในก่อนจะนำข้าวใส่ลงในหม้อ เปิดน้ำซาวข้าวรอบสองรอบแล้วใส่น้ำก่อนที่จะนำไปหุง เสร็จแล้วผมจึงเดินมายืนข้างๆกงชานที่หั่นผักอย่างขะมักเขม้น
“อยากลองทำมั้ยครับ”กงชานเงยหน้าขึ้นมาถามผม
“ไม่ล่ะ ขอยืนอยู่เฉยๆดีกว่า”
“ได้ไง พี่ก็ต้องทำกับข้าวกินเองมั่งสิครับ มาผมสอน” กงชานไม่รอให้ผมพูดจบกลับกระชากข้อมือผมลากไปจนมาอยู่ตรงตำแหน่งเดียวที่กงชานยืนอยู่ ร่างสูงให้ผมยืนข้างหน้าติดกับเคาท์เตอร์ส่วนเขาก็ไปยืนอยู่ข้างหลัง ซ้อนหลังผม -/////////-
“ผมจะสอนพี่หั่นผัก”
กงชานว่าพลางกระซิบข้างหูของผม โอยสยิวเป็นบ้า เอามีดมาแทงผมเยอะถ้าจะแนบชิดขนาดนี้ T _ T หลังของผมติดแนบกับลำตัวของกงชาน แขนแกร่งสองข้างโอบมาด้านหน้า ก่อนที่มือสองข้างนั้นจะจับเข้าที่มือของผมเป็นเชิงสอน คนอายุน้อยกว่าจับมือด้านซ้ายให้จับแครอทไว้ไม่ให้มันเคลื่อนไปไหน ส่วนอีกมือก็จับประคองมือของผมให้จับด้ามมีดขึ้นมา ใบหน้าของกงชานอยู่ใกล้กับข้างแก้มของผม มันใกล้กันจนแก้มของเราแนบติดกัน มันเหมือนกอดแล้วเอาคางเกยไหล่อยู่กลายๆเลยแฮะ (.///////.)
“หั่นแครอทมันมีหลายแบบ แบบแว่น แบบหั่นแท่ง แบบเป็นรูปหัวใจ ดอกไม้ ลูกเต๋า”
เสียงของกงชานพูดอธิบายอยู่ข้างๆหู มันนุ่มทุ้มมากจนผมอดไม่ได้ที่จะใจสั่น ส่วนมือสองข้างก็ยังประคองให้หั่นแครอทต่อไป กงชานจับมือผมบังคับให้หั่นแครอทออกเป็นสองซีก แล้วหั่นครึ่งอีกครั้งหนึ่ง ก่อนที่จะเริ่มหั่นเป็นแบบแท่ง
“แต่วันนี้ผมจะทำสลัดผักรวมกับหมูผัดกิมจิ เลยต้องหั่นเป็นแบบแท่ง”
“อื้อ”
“เสร็จแล้วครับ” แครอทสีส้มสดใสถูกหั่นเป็นแท่งเล็กๆจนหมดหัว เราสองคนกินแค่หัวเดียวก็คงพอ กงชานหยิบแครอททั้งหมดใส่ถ้วยที่เตรียมไว้แล้วหยิบแตงกวามาวางไว้บนเขียงต่อ
“ต่อไป หั่นแตงกวา” กงชานเข้ามาประคองมือผมอีกรอบ แล้วสอนผมหั่นแตงกวา ทุกชิ้นที่กงชานหั่นมันดูเพอร์เฟ็กต์ไปซะหมดเลย โอยโคตรพ่อบ้านอ่ะ ผมจะตายล่ะทำไมมีเสน่ห์ขนาดนี้นะ ..
“จ้องผมอีกแล้วนะ” เหมือนคนตัวสูงจะสังเกตเห็นว่าผมเผลอจ้องเขามากไปจึงรีบหันหน้ากลับมาที่เดิม
“พี่ลองหั่นเองสิครับ” กงชานเอามือที่ประคองออกจากมือของผมแล้วออกมายืนข้างๆ ทิ้งให้ผมจับมีดอยู่หน้าเคาท์เตอร์อย่างงงๆ กงชานหั่นไปได้ครึ่งลูกแล้ว ที่เหลือก็เอาไว้ให้ผมหั่น ผมจรดปลายมีดลงบนเนื้อน้องแตงกวาสีเขียวอย่างเงอะๆงะๆแล้วหั่นลงไป
ฉับ !!
=_______=
“หนาเป็นเมตรขนาดนี้พี่จะเอาไปให้หมากินหรอครับ....”
“เอ๊ะไอ้เด็กนี่ เดี๋ยวก็ฟันด้วยมีด”
“ถ้าเป็นพี่ฟันผมก็ยอม” กงชานพูดด้วยเสียงทะเล้นก่อนจะเอี้ยวตัวหลบทันในขณะที่ผมกำลังจะยกมีดขู่
“ไม่เอาไม่หั่นแล้ว มาหั่นเองเลย L!!! ”
ผ่านไปเกือบสองชั่วโมงสำหรับอาหารมื้อเย็นนี้ จริงๆถ้าให้กงชานทำคนเดียวแค่ชั่วโมงหรือครึ่งชั่วโมงก็เสร็จ แต่ติดอยู่ที่ว่ามันให้ผมทำนี่แหละ ทำถูกบ้างผิดบ้าง มันก็เลยนานอย่างงี้ สุดท้ายผมก็ต้องยอมหั่นผักหั่นนู่นนี่ต่อตามที่กงชานสั่ง นี่ใครเป็นเจ้านายใครเป็นลูกน้องกันแน่วะ = =
กงชานยกถ้วยยกชามทั้งหมดมาวางที่โต๊ะกินข้าวภายในห้องของผม ก่อนจะนั่งลงที่ฝั่งตรงข้าม แล้วหยิบช้อนกับตะเกียบส่งมาให้ผม
“พรุ่งนี้ไปตัดผมนะ”
“อ้าวพรุ่งนี้พี่ไม่ต้องเข้าห้องอัดหรอกหรอครับ”
“วันมะรืนก็ได้ ผมนายยาว” กงชานเงยหน้าขึ้นมามองผม แววตาหม่นๆนั่นทำให้ผมรู้ดีว่าเขาอาจจะนึกถึงใครคนนั้น ผมดูออกนะ ...
‘กงชานนนนนนน ตัดผมได้แล้วน้าาา’
น้ำเสียงอันสดใสดังขึ้นพร้อมกับร่างนุ่มๆที่สัมผัสเข้าที่แผ่นหลังของกงชาน ซานดึลเข้ามากอดทางด้านหลังของเขา ก่อนจะใช้ท่อนแขนโอบรอบคอของอีกฝ่ายไว้หนึ่งข้าง ส่วนอีกข้างหนึ่งก็ยกขึ้นลูบกลุ่มผมนุ่มของคนรักไปมา
‘ทำไมครับ ผมยาวไม่หล่องั้นหรอ’ กงชานพูดยิ้มๆแล้วละมือจากการบ้านของมัธยมปลายปีสุดท้าย ก่อนจะหันไปหาซานดึล จรดปลายจมูกลงบนแก้มใสเบาๆ เล่นเอาคนที่กอดอยู่ด้านหลังเขินม้วนจนอดไม่ได้ที่จะตีไหล่กว้างแก้เขินไปหนึ่งที
‘ถ้าเป็นนายทรงไหนก็หล่อทั้นนั้นแหละ (.////////.)’ คนน่ารักก้มหน้างุดซบลงบนลาดไหล่
‘พี่ซานดึล’
‘หืม’
‘อย่าทำตัวน่ารักมากได้มั้ยครับ’กงชานหยุดพูดไปซักพักนึงแล้วหันไปมองหน้าคนรักที่กำลังมองเขาตาแป๋ว เหมือนลูกเป็ดตัวน้อย
‘แค่นี้ผมก็หลงจะแย่แล้ว’
“กงชาน....”
“นายร้องไห้ทำไม”
ผมวางช้อนกับตะเกียบลงทันทีที่เห็นคนตรงหน้าที่จู่ๆก็ร้องไห้ออกมา น้ำตาที่ไหลรินช้าๆออกจากดวงตาคมของเขาทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะถามด้วยความเป็นห่วง ถึงกงชานจะนั่งก้มหน้าอยู่แต่ผมก็เห็นได้ว่าเขากำลังร้องไห้ แผ่นหลังอันสั่นเทาทำให้ผมต้องลุกจากเก้าอี้แล้วเดินไปทางฝั่งกงชาน สองแขนของผมคว้าตัวของเขาเข้ามากอดแล้วลูบกลุ่มผมนั่นเบาๆ เพื่อปลอบ
แต่ยิ่งปลอบเขาเท่าไหร่เขาก็ยิ่งร้องไห้หนักมากขึ้นเท่านั้น กงชานยกแขนขึ้นกอดเอวของผมแน่น ใบหน้าหล่อๆวางแนบอยู่บนบริเวณหน้าท้องของผมแล้วร้องไห้ออกมาอีกครั้ง ส่งผลให้น้ำตาผมไหลโดยไม่รู้ตัว ผมไม่อยากให้เขาเห็นว่าผมก็เสียใจไม่ต่างกันจึงเงยหน้าขึ้นเพื่อกลั้นมันไว้ไม่ให้ไหลออกมา ผมก็อ่อนแอไม่ต่างจากเขา ...
“ผมลืมเขาไม่ได้”
ความพยายามที่จะกลั้นน้ำตาของผมพังทลายลงทันทีหลังจากที่เขาเอ่ยประโยคนั้นออกมา น้ำตาเอ่อล้นออกมาจากดวงตาของผมช้าๆ ผมแทนเขาไม่ได้งั้นหรอ ...
“ผมรักพี่นะพี่จินยอง....แต่ผมยังลืมเขาไม่ได้”
“ยิ่งนายลืม นายก็ยิ่งกลับจำมันมากขึ้น”
“พี่ร้องไห้หรอ” กงชานเงยหน้าขึ้นมาถามผมทั้งน้ำตา ยากที่จะปฏิเสธว่าผมไม่ได้ร้องไห้ เพราะทั้งน้ำตาทั้งเสียงสะอื้นที่ผมไม่สามารถกลั้นมันเอาไว้ได้ มันยากจริงๆ ..
“ช่างมันเถอะ ฉันเห็นนายร้องก็เลยร้องตาม” ผมตอบปัดๆ
“ผมขอโทษ”
“เป็นฉันไม่ได้หรอ...”
“ฮึก ฉันแทนที่เขาไม่ได้งั้นหรอกงชาน ...”
“ให้ที่ตรงนั้น เป็นฉันแทนได้มั้ย”
ผมพูดก่อนที่จะค่อยๆย่อตัวลงจนใบหน้าอยู่ระดับเดียวกับคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ สองมือเปลี่ยนมาเป็นประคองใบหน้าหล่อๆนั่นอย่างแผ่วเบา นิ้วของผมเกลี่ยหยาดน้ำตาที่ไหล่จากดวงตาของเขาออกไป แต่ยิ่งปาดมันออกไปเท่าไหร่กงชานก็ยิ่งร้องไห้ น้ำตายังไหลรินออกมาเรื่อยๆ ไม่ต่างกันกับผมที่กำลังร้องไห้เช่นกัน
ไม่ว่าจะเป็นผม กงชาน หรือซานดึล ..... เราต่างก็เจ็บปวดไม่แพ้กัน
“ฉันไม่ได้จะให้นายลืม”
“แต่ช่วยเอาฉันไปแทนที่เขาได้มั้ย ให้คนที่นายคิดถึง เป็นแค่ฉันคนเดียว”
“แค่ฉัน...”
ผมใช้สองมือกุมใบหน้าของกงชานเอาไว้ ดวงตาทั้งสองคู่สอดประสานถึงแม้ว่าจะมีม่านน้ำตาบดบังอยู่ก็ตาม ผมเลื่อนใบหน้าไปใกล้ๆกงชานแล้วประกบริมฝีปากอันสั่นเทาจูบลงไปบนริมฝีปากของอีกฝ่าย หยาดน้ำตาของผมและกงชานต่างก็แทรกซึมตามแนวริมฝีปากจนรู้สึกถึงความเค็มของน้ำตาที่อยู่ทั่วโพรงปากอุ่นถึงกระนั้นก็ไม่สามารถทำให้ผมและกงชานผละออกจากกันได้ ผมขบเม้มไปตามกลีบปากสวยของอีกฝ่าย ก่อนจะค่อยๆสอดลิ้นเข้าไปช่วงชิงความหวานจากด้านใน กงชานนั่งนิ่งๆปล่อยให้ผมเป็นคนนำ ถึงแม้เราทั้งสองจะร้องไห้อยู่ทั้งๆที่ยังจูบกันอยู่ แต่มันก็ไม่ได้รู้สึกแย่จนเกินไป กลับยิ่งทำให้เราเชื่อมั่นในกันและกันว่าแม้จะเกิดปัญหาอะไรเราก็จะไม่ปล่อยมือกันไปไหนเด็ดขาด
เป็นเวลาเนิ่นนานที่ทั้
"อื้อ"
ผมส่งเสียงประท้วงในลำคอก่อนที่
"ผมให้พี่แทนที่เขาอยู่แล้วครั
"เพียงแต่ว่าเขายังไม่
"ผมขอเวลาหน่อยนะ.."
"อื้อ" ผมตอบพลางยิ้มบางๆให้ ยังไงผมก็ต้องเข้าใจและให้
"ยังไง...คนที่ผมรัก ก็คือพี่นะ.. พี่จินยอง"
ความคิดเห็น