คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : Y o u r M i n i s t r a n t - CHAPTER 14 -
~~~~~~
เสียงร้องจากโทรศัพท์ของกงชานร้องดังขึ้นอยู่บนโต๊ะสี่เหลี่ยมหน้าโซฟา ความเงียบเข้าปกคลุมทันทีเมื่อทุกคนเห็นชื่อที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอ ร่างสูงทำหน้าลำบากใจเล็กน้อยแต่ก็หยิบมันขึ้นมารับสายแต่โดยดี
"ครับ ท่านประธาน" กงชานกรอกเสียงอย่างสุภาพก่อนจะเงียบเสียงงเพื่อฟังสิ่งที่ท่านประธานพูด
"ครับ เข้าใจแล้วครับ" กงชานตัดสายแล้วกำโทรศัพท์ไว้ในมือ สีหน้าเคร่งเครียดแบบนี้แน่นอนเลยว่าท่านประท่านคงไม่พอใจเกี่ยวกับเรื่องนี้แน่ๆ ใบหน้าหล่อๆเงยขึ้นมามองหน้าทั้งจินยองและชินอู ก่อนจะพูดออกมา
"เก้าโมงท่านประท่านนัดให้ไปที่ห้องของท่านครับ"
เวลาผ่านไปเกือบๆชั่วโมงหลังจากที่วางสายจากท่านประธาน ทั้งสองคนจึงไปอาบน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อยเพื่อเตรียมที่จะไปบริษัทตามที่ท่านได้นัดหมายไว้ มือบางปิดประตูห้องแล้วเดินไปที่ลิฟต์พร้อมทั้งกงชานกับชินอูที่เดินตามกันมาติดๆ จินยองขยับแว่นกันแดดให้เข้าที่เข้าทางในขณะที่อยู่ในลิฟต์ เมื่อลิฟต์ลงมาถึงชั้นที่จอดรถแล้วกงชานจึงรีบไปประจำที่รถของตัวเองก่อนจะเปิดประตูด้านซ้ายเข้าไปนั่งประจำที่คนขับ ตามด้วยคนตัวเล็กที่เปิดประตูรถด้านขวาเข้ามานั่งข้างๆเขา แทนที่จะไปนั่งที่เบาะหลังแทน
"ทำไมไม่นั่งข้างหลังล่ะครับ" กงชานว่าพลางสตาร์ทรถ แล้วมองรถอีกคันซึ่งเป็นคันที่ชินอูขับมากำลังเคลื่อนตัวออกจากลานจอดรถแห่งนี้ เขาเลยขับตามออกไปทันที
"ฉัน...อยากนั่งข้างๆนาย" คนอายุมากกว่าพูดเสียงแผ่วๆ จนกงชานอดห่วงไม่ได้ว่าคนตัวเล็กจะคิดมากจึงเอามือขวามาจับมือของจินยองไว้แล้วบีบเบาๆเป็นเชิงปลอบใจ ส่วนมืออีกข้างก็ประคองพวงมาลัยด้วยมือข้างเดียว
"ผมไม่น่าพาพี่ไปเลย"
"แต่ไม่ใช่ความผิดของนายนี่หว่า"
"แต่ผมทำให้พี่เป็นข่าว !"
"ใจเย็นๆสิวะกงชาน ปัญหามันแก้ได้ เชื่อฉันสิ" คนตัวเล็กข้างๆพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น บ่งบอกว่าเราจะสามารถผ่านมันไปได้อย่างแน่นอน
~~~
เสียงของโทรศัพท์กงชานดังขึ้นมาอีกครั้งขณะขับรถอยู่บนถนน มือหนาหยิบมันขึ้นมาก่อนจะดูชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอ คนตัวสูงชั่งใจเล็กน้อยแล้วกดรับแล้วกรอกเสียงลงไป
"ครับพี่ซานดึล"
[ข่าวนั้นมันหมายความว่าไงกงชาน!]
"เดี๋ยวเราค่อยคุยกันได้มั้ยครับ ผมขับรถอยู่" น้ำเสียงเคร่งเครียดปนหงุดหงิดหน่อยๆส่งผลให้ปลายสายรู้สึกแย่ไม่ต่างกัน ทำไมเรื่องน่าปวดหัวมันต้องเกิดขึ้นระหว่างความรักของเขาทั้งสองด้วยนะ ...
[มาคุยกันให้รู้เรื่องเลยนะ กงชาน กง.!!] คนปลายสายเริ่มโวยวายแต่กงชานก็ตัดสายไปเสียก่อน ปากเรียวๆพรู่ผ่อนลมหายใจเป็นรอบที่ร้อยแล้วคนตัวเล็กที่นั่งอยู่เงียบๆจึงได้แต่ใช้มือแตะบนหัวไหล่กว้างแล้วออกแรงบีบเบาๆเหมือนตอนที่กงชานบีบมือเขา
"ถ้าคุณน้าถาม ก็บอกเขาไป ว่าเรา...ไม่ได้เป็นอะไรกัน รูปที่เห็นถึงจะทำจริงๆแต่ก็บริสุทธิ์ใจต่อกัน แค่นั้นเอง"
"แล้วรูปที่เราจูบ...."
"นายก็บอกว่าฝุ่นมันเข้าตาฉัน เลยดูให้ มันมืดมองไม่เห็น เลยต้องดูใกล้ๆ ก็แค่นั้น" จินยองพูดอธิบายยืดยาวแล้วหันมายิ้มบางๆให้กงชานที่พึ่งเอารถมาจอดที่บริษัทเมื่อไม่กี่นาทีมานี้
นี่สินะวงการมายา เราไม่รู้หรอกว่าเรื่องไหนคือเรื่องจริง
ล้วนแต่ใส่สีตีไข่เพื่อให้คนสนใจกันทั้งนั้น และหลอกให้เชื่อในสิ่งที่พูดมากที่สุด ...
ระหว่างทางที่กงชาน จินยอง และชินอูเดินเข้ามาในตัวตึกเพื่อเดินทางไปยังห้องของท่านประธานนั้นต่างก็มีสายตาที่จับจ้องมายังเขาตลอดทาง รวมถึงคำซุบซิบแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวนี้อย่างไม่ขาดปาก แต่จินยองก็หาได้สนใจเสียงนกเสียงกาพวกนี้ไม่ กลับเดินอย่างมาดมั่นหน้าเชิดหน่อยๆตามสไลต์ของจองจินยอง
ทั้งสามคนก้าวขาออกจากลิฟต์หลังจากที่พาพวกเขาขึ้นมาบนชั้นบนสุดของตึกซึ่งเป็นส่วนของท่านประธานและที่เก็บเอกสารสำคัญต่างๆ คนตัวเล็กเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าโต๊ะทำงานของเลขาชาพลางถอดแว่นกันแดดออก
"เอ่อพี่ครับ เรื่องข่าว..."
"อยากรู้ก็ตามเข้ามาสิ" จินยองว่าแล้วเอ่ยชวนอีกฝ่ายให้เข้าไปพบท่านประธานด้วยกัน ถึงไม่บอกบาโรก็ต้องเข้าไปอยู่แล้ว
มือบางยกขึ้นเคาะประตูกระจกฝ้าสองสามทีตามมารยาทแล้วผลักประตูเข้าไป ตามด้วยกงชาน ชินอู และเลขาชาที่เดินตามหลังมา บรรยากาศในห้องดูอึมครึมและเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด ท่านประธานเงยหน้าจากกองเอกสารแล้วมองมาที่พวกเขาอย่างเรียบเฉย
"แกเห็นข่าวแล้วสินะ จินยอง"
"คุณน้าเชื่อเรื่องสิ่งที่เขาพูดกันหรอครับ"
"ก็เพราะอย่างงี้ไง ฉันถึงเรียกพวกนายมา เอ้า อธิบายมามันเป็นยังไง" น้าชายของจินยองพูดอย่างใจเย็นเหมือนที่ชินอูเคยพูดกับพวกเขาก่อนหน้านี้ ยังดีที่ท่านประธานเป็นคนอารมณ์ดีและจิตใจดีอยู่พอสมควรจึงไม่ได้โวยวายอะไรมาก มักให้เหตุผลมาก่อนอารมณ์เสมอ
"คือ..."
"จินยองแกไม่ต้องพูด"ท่านประธานขัด "ฉันจะให้กงชานพูด อะ ว่ามา" ถึงกับงงทันทีเมื่อท่านประธานเปลี่ยนมาถามเขาแทน กงชานอึกอักเล็กน้อย ใบหน้าหล่อๆหันไปหาคนรักกับพี่รหัสคนสนิท สิ่งที่ได้กลับมาเป็นเพียงการพยักหน้าให้เบาๆเป็นเชิงให้กำลังใจเท่านั้น
"ครับ ในรูปเป็นผมกับพี่จินยองจริงๆ แต่ผมยืนยันเลยนะครับว่าผมกับเขาไม่ได้เป็นอะไรกัน เราแค่ไปเที่ยวกันเฉยๆ ส่วนเรื่องจับมือนั่น .. ผมกลัวเราหลงกันเลยจับมือเขาไว้" กงชานอธิบายยืดยาว ใบหน้าหล่อๆที่ดูจริงจังนั่นทำให้ท่านประธานเริ่มแน่ใจแล้วว่าเขาคงไม่ได้พูดโกหก
"ส่วนรูปที่เขาเขียนว่าจูบกันนั่น ฝุ่นแค่เข้าตาพี่จินยองครับ ผมเลยดูให้"
"เฮ้อเบื่อจริงๆไอ้พวกปาปารัซซี่ปัญญาอ่อน " จินยองสบถอย่างหัวเสีย
"แกว่าที่น้องแกพูดมันเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า ชินอู" ท่านประธานเปลี่ยนไปถามลูกชานตัวเองที่ยืนอยู่ข้างๆจินยองแทน หนุ่มแว่นเหลือบมองน้องชายเล็กน้อยก่อนจะตอบ
"จริงพ่อ เมื่อเช้าผมไปหามันที่ห้อง มันเล่าให้ผมฟังหมดแล้ว" ชินอูตอบคนเป็นพ่ออย่างฉะฉาน พลางนึกขอโทษในใจที่พูดโกหกเพื่อช่วยน้องชายตัวเอง
"เอาเป็นว่าฉันจะแก้ข่าวให้แล้วกัน เห็นแก่แกนะจินยอง คราวหลังก็ระวังด้วยจะทำอะไร เข้าใจมั้ย"
"ครับ" ทั้งกงชานและจินยองตอบรับด้วยน้ำเสียงสุภาพ รอยยิ้มบางๆปรากฏอยู่บนใบหน้าของทั้งสอง ก่อนจะรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ
"ส่วนแกก็เคลียร์เรื่องนักข่าวเองแล้วกันนะ ทางต้นสังกัดก็แค่แก้ข่าวลงในเว็บแค่นั้น"
"ครับผม ขอบคุณนะครับ"
"เอ้อ เกือบลืมเลย เมเนเจอร์รับงานแกเขาลาออกแล้วนะ"
"ครับ ??? พี่นัมกุกอ่ะหรอ?"
"อืม เขาบอกจะกลับไปอยู่กับแม่ที่ต่างจังหวัด"
"อ้าวทำไมเขาไม่โทร.บอกผมอ่ะ"
จินยองทำหน้าประหลาดใจที่จู่ๆผู้รับงานและผู้จัดตารางงานเขาลาออก เท่ากับว่าจินยองนั้นมีผู้จัดการสองคน ซึ่งคนแรกเป็นผู้รับงาน และผู้จัดตารางงานทั้งหมด ส่วนคนที่สองก็คือกงชาน เป็นผู้จัดการ 'ส่วนตัว' พูดง่ายๆก็คนคอยรับใช้นั่นแหละ คอยเตือนตารางงาน ขับรถให้ ทำอาหารให้ พาไปนู่นนี่บลาๆๆ ซึ่งจะไม่เกี่ยวข้องกับการรับงานทั้งหมด ปกติทั้งสองคนจะต้องประสานงานกันแต่พอดีช่วงนี้อยู่ในช่วงพักผ่อนเตรียมทำอัลบั้มใหม่เลยยังไม่มีงานมากนัก แถมยังมีแฟ้มตารางงานไว้อยู่แล้วด้วยเลยไม่ได้อะไรมาก
"เขาคงไม่อยากให้แกลำบากใจมั้ง" ท่านประธานพูดแล้วต่อสายเรียกใครบางคนให้ขึ้นมาที่ห้องนี้ ซึ่งจินยองก็จับใจความไม่ได้เหมือนกันว่าเป็นใคร
"เดี๋ยวเมเนฯคนใหม่จะขึ้นมา เราพึ่งรับเข้าทำงานเมื่อสองสามวันก่อนนี่เอง"
"อ้าว ทำไมมีใครบอกผมสักคนเลยล่ะฮะ -__-; "
"ก็รอแกมาบริษัทไงค่อยบอก"
ท่านประธานว่าก่อนจะก้มหน้าก้มตาเคลียร์กองเอกสารบนโต๊ะต่อ ไม่นานเสียงเคาะประตูของห้องก็ดังขึ้น พร้อมกับชายร่างสูงโปร่งที่จินยองไม่ค่อยคุ้นตาเดินเข้ามาในห้อง ใบหน้าหล่อๆตามแบบฉบับผู้ใหญ่วัยสามสิบต้นๆแต่ถึงยังไงใบหน้าก็ยังดูอ่อนกว่าวัยอยู่ดี เสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดตาตัดรับเข้ากับเนคไทและกางเกงสแลกสีดำได้อย่างลงตัวเหมาะกับชายผู้ชายคนนี้เป็นอย่างมาก
"ทำความรู้จักกับเขาสิจินยอง" คนตัวเล็กมองร่างสูงตรงหน้าอย่างพิจารณา ชายนิรนามยิ้มบางๆแล้วแนะนำตัวกับจินยองก่อน
"สวัสดีครับคุณจินยอง ผมเมเนเจอร์คนใหม่ คิม ซึงวอน ฝากตัวด้วยครับ^^"
"ครับ เช่นกัน " จินยองตอบแล้วยิ้มบางๆให้ตามมารยาท เห็นแล้วมันก็ไม่ชิน ยังไงเขาก็ชินกับคนเก่ามากกว่า :(
"แล้วนี่ .. ใช่คุณกงชานหรือเปล่าครับ ? "เขาพูดพลางผายมือมาทางกงชานที่ยืนอยู่ข้างๆกัน กงชานโค้งให้อีกฝ่ายเล็กน้อย ก่อนจะพูด
"ครับ ผมกงชานชิค เมเนฯส่วนตัวของจินยองครับ"
"รู้จักกันเอาไว้นะ ยังไงพวกนายก็ต้องทำงานร่วมกันอยู่ดี"
"คุณน้าครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวกลับก่อน.."
"อย่าพึ่งสิ ไปกินข้าวกับพี่เขาก่อน"
Jinyoung part
ผมนั่งส่งยิ้มเหยๆให้กับชายตรงหน้าอย่างไม่ค่อยเต็มใจนักหลังจากที่คุณน้าบังคับให้ผมและกงชานมาทานข้าวกับเมเนเจอร์คนใหม่ของผมที่ร้านอาหารญี่ปุ่นใกล้ๆกับบริษัท โชคดีหน่อยที่ร้านนี้มีแบบเป็นห้องอาหารด้วยเลยสามารถหลีกเลี่ยงพวกนักข่าวอะไรพวกนี้ได้อยู่ ถ้าต้นสังกัดผมแก้ข่าวแล้วก็คงไม่มีอะไรที่ต้องกังวลแล้ว
อาหารญี่ปุ่นมากมายถูกนำมาเสิร์ฟลงบนโต๊ะญี่ปุ่นขนาดกลาง เมื่อทุกอย่างเสิร์ฟครบหมดตามรายการอาหารที่สั่งไปแล้ว คุณซึงวอนจึงบอกพนักงานเป็นนัยๆว่าไม่ต้องเข้ามาแล้ว ก่อนจะหันมายิ้มให้กับผมและกงชานที่นั่งอยู่ข้างๆกัน
"ทานเลยครับคุณจินยอง ไม่ต้องเกรงใจ" คุณซึงวอนพูดพลางส่งยิ้มที่ดูแล้วอบอุ่นมาให้ ผมจึงได้แต่ตอบรับไปเงียบๆ สำหรับผมถ้าพึ่งรู้จักกับใครก็จะเงียบๆแบบนี้แหละครับ ยังไม่สนิทจะให้พูดเป็นต่อยหอยได้ยังไง
"ลองทานอันนี้สิครับ อร่อยนะ"
"เอ่อ ... " ผมไม่รู้จะทำตัวยังไงแล้วตอนนี้ T _ T จู่ๆคนตรงหน้าผมก็คีบเนื้อปลามาโกโร่ชิ้นโตมาใส่ไว้ในถ้วยของผม เลยได้แต่พยักหน้ารับไปเบาๆ ส่วนคนอายุน้อยกว่าข้างๆผมก็นั่งกินอย่างเงียบๆ สีหน้าที่เรียบเฉยผิดปกติทำให้ผมรู้สึกได้ว่าเขาคงไม่พอใจซักเท่าไหร่ อย่าบอกนะว่าเขาหึงผม .. ผมไม่ได้เข้าข้างตัวเองนะ !!-0-
นั่งกินนู่นกินนี่กันไปซักพัก จนอาหารบนโต๊ะเริ่มใกล้จะหมด ระหว่างมื้ออาหารเขาก็ชวนผมคุยเรื่องการทำงานเรื่อยเปื่อย จนมาถึงเรื่อง . .
"คุณจินยองมี...คนรักหรือเปล่าครับ"
ให้ตายเถอะโรบิ้นให้สิ้นเถอะโรเบิร์ต!!!! มาถามอะไรตอนนี้วะ .. ผมที่กำลังจะคีบไข่หวานเข้าปากถึงกับต้องชะงักมือทันที หันไปหากงชานที่กำลังยกแก้วชาเขียวขึ้นดื่มก็นิ่งไม่ต่างกัน
เรื่องนี้จะให้ใครรู้ได้ที่ไหนกันล่ะ !!!
"เอ่อ .. ยังครับ ยังไม่มี"
"แล้ว .. ไม่เหงาหรอครับ"
อย่าเสือกได้แมะ -___-
"ฮ่าๆ ไม่หรอกครับ ผมก็มีกงชาน จะไปเหงาได้ยังไง"
~~~~~~
เสียงโทรศัพท์ของกงชานดังขึ้นมาขัดบทสนธนา คนตัวสูงวางแก้วชาลงแล้วหยิบมันขึ้นมา ก่อนจะเงยหน้ามาพูดกับพวกผม
"เดี๋ยวผมมานะครับ" ว่าแล้วก็ลุกขึ้นเต็มความสูงแล้วเดินออกไปจากห้อง ทิ้งให้ผมกับคุณซึงวอนอยู่กันแค่สองคน น่าอึดอัดชะมัดเลย !!
---------------------------------------------------------------------------------------
"ใครโทรมาหรอ" ผมถามกงชานหลักจากที่เราสองคนทานอาหารกันเสร็จแล้วและกำลังจะกลับไปยังคอนโด ผมขึ้นรถมานั่งข้างๆกงชานและอีกคนก็เดินมานั่งฝั่งคนขับ
"ซานดึลน่ะ" กงชานตอบแล้วมองหน้าผมนิ่งๆ ก่อนจะหันไปอย่างเดิม แล้วสตาร์ทรถขับออกไปจากลานจอดรถแห่งนี้
ไม่มีบทสนธนาระหว่างผมและกงชาน มันอึดอัดจนผมไม่รู้จะพูดอะไรออกไปเลย T _ T พอนั่งไปสักพักก็พบว่าทางที่จะกลับคอนโดของผมมันไม่ใช่ทางนี้ แต่กงชานกลับขับมาอีกทางจนผมอดท้วงไม่ได้
"นายจะไปไหน"
"ไปสตู QU "
"จะไปหาซานดึล?"
"ครับ"
"ถ้าไปหาซานดึลก็ปล่อยฉันลง"
"แล้วทำไมผมต้องปล่อยพี่ลงด้วยล่ะครับ"
"ก็ฉันไม่อยากไป"
"แต่พี่ต้องไป "
"เพราะ?"
"เพราะผมเป็นห่วงพี่ ผมไม่อยากปล่อยพี่ไว้กับไอ้หมอนั่นคนเดียว"
น้ำเสียงอ่อนโยนที่เอ่ยออกมาจากปากของคนข้างๆผมทำให้ผมชะงักกึก อารมณ์ที่คุกกรุ่นค่อยๆหายไปจนมันเริ่มเย็นลง ผมมองใบหน้าด้านข้างของกงชานที่ขับรถไปตามทางเรื่อยๆก่อนที่จะพูดออกไป
"นายน่าจะบอกก่อน"
"บอกตอนไหนพี่ก็ต้องไปกับผมอยู่ดี"
"เหนื่อยมั้ย"
"ครับ ?"
"อยู่กับฉัน เหนื่อยใจหรือเปล่า" ผมถามคนข้างๆที่กำลังดับเครื่องยนต์หลังจากนำมาจอดที่สตูดิโอเรียบร้อยแล้ว กงชานไม่ตอบแต่กลับยิ้มให้ผมแทน
"ไว้รอถึงคอนโด ผมจะบอก"
"......"
"พี่รออยู่ที่นี่ได้ไหม"
"ฉันดูแลตัวเองได้น่า"
"แต่ผมเป็นห่วง..."
"เอ๊ะเจ้านี่ กลัวฉันหายหรือไง ไปๆไปเคลียร์กับซานดึลเลยไป" ผมไล่กงชานที่ส่งยิ้มทะเล้นมาให้ผม ก่อนที่จะลงจากรถไป ผมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่แล้วเอนหลังพิงเบาะ ทำไมอะไรๆมันวุ่นวายขนาดนี้นะ ...
Gongchan part
หลังจากที่ผมมาถึงที่สตูของพี่ซานดึลแล้วจึงรีบวิ่งเข้ามาในสตูดิโอ แน่นอนว่าคนในบริษัทบางคนคุ้นหน้าคุ้นตาผม ทั้งที่เคยเห็นก่อนหน้านี้และ .. จากในข่าว แน่นอนว่าผมมืดแปดด้านเลยจริงๆ ผมไม่น่าประมาทเลย ไม่งั้นคงไม่เกิดเรื่องแบบนี้ .. ผมกึ่งวิ่งกึ่งเดินมาตรงส่วนห้องทำงานที่พี่ซานดึลทำงานอยู่
ระหว่างทางผมเจอพี่ซูฮยอกที่พอเจอหน้าผมก็ถามเกี่ยวกับเรื่องข่าวปุ๊บ ซึ่งผมก็ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาที่ถูกเขียนลงในข่าว ก่อนจะถามหาพี่ซานดึลซึ่งคำตอบที่ได้มาก็คืออยู่ในห้องทำงาน แต่ยังไม่ทันที่จะถึงห้อง ร่างของพี่ซานดึลก็ยืนพิงอยู่ตรงกำแพงทางเดินที่อยู่หน้าห้องของพี่เขาพอดี
ผมสาวเท้าเข้าไปหาพี่เขาช้าๆจนมายืนอยู่ตรงหน้า ผมก้มมองคนที่ตัวเล็กกว่าผมแค่ไม่กี่คืบที่ยืนก้มหน้าก้มตาอยู่ มือหนาของผมจับคางมนให้เงยขึ้นมา ดวงตาที่สดใสบัดนี้กลับเต็มไปด้วยม่านน้ำตาที่เอ่อไหลออกมาไม่หยุด นัยต์ตาแดงก่ำที่ผ่านการร้องไห้มาซักพักมองหน้าผมอย่างผิดหวัง มือนุ่มของพี่ซานดึลจับมือของผมออกจากปลายคางมน จนผมเลิกคิ้วอย่างสงสัย
"กงชาน .. พี่ว่าเรา .."
"เลิกกันเถอะ .."
ตาของผมเบิกกว้างทันทีที่ได้ยินประโยคสุดท้ายของคนรักตรงหน้า คำพูดที่เอ่ยออกมาท่ามกลางเสียงสะอื้นไห้ทำให้ผมรู้ว่าคนตรงหน้านี้ก็เสียใจที่ต้องพูดประโยคนั้นออกมาไม่ได้ มือหนายกขึ้นมากุมหน้าตัวเองแล้วปล่อยโฮออกมายกใหญ่ พอผมจะคว้าตัวเขามากอด เขาก็ถอยหนี
"เราคงไปกันไม่ได้แล้วละกงชาน"
"แต่ผมรักพี่ ..."
"ไม่ .. นายไม่ได้รักฉัน"
"นายรักเขา .. นายรักจินยอง"
ซานดึลพูดพลางสะอื้นไม่หยุด ทั้งจมูกทั้งดวงตาแดงช้ำไปหมดจนกงชานรู้สึกแย่ เหมือนตกนรกทั้งเป็น เขาไม่ชอบเห็นซานดึลร้องไห้ และเขาจะโกรธมากๆถ้าคนที่ทำซานดึลร้องไห้ .. คือเขา แววตาสับสนและเป็นห่วงถูกส่งไปให้ซานดึล แค่เช็ดน้ำตา แค่กอดปลอบ ณ เวลานี้เขาก็ยังทำไม่ได้
"นานแค่ไหนแล้ว"
ใช่ว่าเขาจะไม่เข้าใจคำถามที่คนตรงหน้านี้ถาม กงชานเข้าใจมันดี และไม่อยากที่จะตอบ นึกแล้วก็เจ็บใจตัวเองที่ทำนิสัยเลวๆแบบนี้กับคนที่รักเขา และคนที่เขาเคยรักมาก
"นายเงียบทำไม!!!" เสียงของซานดึลตวาดใส่กงชานลั่น พร้อมน้ำตาที่ไหลรินลงมาอีกระลอก สะอึกสะอื้นไม่หยุดจนกงชานทนไม่ได้จึงคว้าเข้ามากอดแน่น แม้ว่าคนในอ้อมกอดนี้จะปฏิเสธอ้อมกอดนี้มากแค่ไหนก็ตาม
"ผมขอโทษ" เสียงแหบพร่ากระซิบอยู่บริเวณข้างหูของคนรัก น้ำหยาดใสๆเอ่อล้นออกมาจากดวงตาคมอย่างยากที่จะห้าม
เขาก็เสียใจไม่ต่างกัน ..
"เรื่องจริงใช่มั้ยกงชาน .."
"พวกนายคบกันใช่มั้ย"
"ผมขอโทษ "
"พูดเป็นแต่คำนี้หรือไง " คนตัวเล็กกว่าร้องไห้อยู่ในอ้อมกอดอย่างหนัก จนน้ำหูน้ำตาไหลเปรอะเปื้อนชุดของกงชานจนเปียกชื้น แต่ถึงกระนั้นคนตัวสูงก็ยังไม่คลายกอดจากซานดึล
"ผมผิดเอง ผมมันเลว"
"ใช่ !! นายมันเลว ฮึก แล้วฉันก็โง่ !!ที่รักคนเลวๆอย่างนาย.." มือหนากำมือแล้วทุบรัวเข้าที่อกกงชานอย่างอ่อนแรง แล้วสะอื้นไห้อย่างเสียใจไม่หยุด ยิ่งกอด ก็ยิ่งร้องมากขึ้นกว่าเดิม
"ฉันคงไว้ใจนายมากเกินไป .. ฮึก ใช่มั้ย นายถึงได้ทำร้ายฉันแบบนี้ .."
"ปล่อยฉัน กงชาน"
"ปล่อย !!" เสียงของซานดึลตวาดใส่คนที่กอดตนอยู่จนกงชานต้องยอมคลายกอดปล่อยคนตรงหน้าไป มือของซานดึลยกขึ้นปาดน้ำตาอย่างลวกๆ แล้วเงยหน้าขึ้นมาฝืนยิ้มให้กงชาน
"นายกลับไปหาคนที่นายรักเถอะ"
"ฉันรู้ดีว่าใจนายต้องการใคร กลับไปหาเขาซะ..."
แบบนี้ใช่มั้ย .. ที่เรียกว่ายิ้มทั้งน้ำตา
"ขอบคุณนะ สำหรับทุกอย่างที่ผ่านมา อย่างน้อยก็ทำให้ฉันรู้ว่าความรัก มันเป็นยังไง และถูกหลอก ฮึก มันเป็นยังไง"
"อย่าเสียเวลากับฉันเลย ไปหาคนที่นายรักเถอะ ... โชคดีนะ กงชาน"
ซานดึลพูดอย่างกลั้นสะอื้น ก่อนจะเดินชนไหล่ของร่างแล้วผลักประตูเข้าไปในห้องทำงานของตัวเอง ร่างหนาปิดประตูลงอย่างเบามือ หันหลังพิงประตูแล้วค่อยๆทรุดตัวลงนั่งที่พื้น ปล่อยให้ตัวเองร้องไห้กับสิ่งที่มันเกิดขึ้นในเวลานี้ให้เต็มที่ ถึงเก็บไว้มันก็ไม่มีประโยชน์ ร้องให้มันหมดๆไปกับผู้ชายคนนี้ คนที่เขารักมากที่สุด ..
ไม่มียื้อ
ไม่มีห้าม
ไม่มีแม้แต่ประโยคขอร้องที่ว่า 'กลับมาคบกันเถอะ'
ความสัมพันธ์ถูกอย่างมันจบสิ้นเหมือนแก้วที่แตกร้าวเป็นเสี่ยงๆ ยากที่จะประกอบให้ได้รูปร่างสวยงามดังเดิม ถึงจะพยายามยังไงสุดท้ายมันก็ยังมีรอยร้าวปรากฏอยู่ให้เห็น รอวันเวลาที่มันจะแตกเป็นเสี่ยงๆอีกครั้ง
มันเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว ..
เขากับกงชาน ก็เช่นกัน
ไม่รู้ว่าใครปล่อยใครให้เป็นอิสระกันแน่ ระหว่าง…
ซานดึลที่ปล่อยให้กงชานได้อยู่กับคนที่รัก หรือ กงชานปล่อยให้ซานดึลไปเจอสิ่งที่ดีกว่า
หรือ ต่างคนต่างปล่อย คืนอิสระให้กันและกัน
ไม่มีอีกแล้ว...คนที่เคยโทร.หาทุกวัน
ไม่มีอีกแล้ว...คนที่คอยห่วงตอนไม่สบาย
ไม่มีอีกแล้ว...คนที่คอยให้กำลังใจ
ไม่มีอีกแล้ว...คนที่คอยอยู่เคียงข้าง
ไม่มีอีกแล้ว...คนที่เคยนอนกอดเกือบทุกคืน
ไม่มีอีกแล้ว ... คนที่เคยบอกกับเขาว่า
รักที่สุด
ไม่มี ....
อีกด้านนึงทางฝั่งของกงชานที่ยังยืนอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน เสียงสะอื้นของซานดึลยังดังแว่วออกมาจากห้องให้ร่างสูงได้ยินอยู่เป็นระยะๆ กงชานกำหมัดแน่นพร้อมกับน้ำตาที่ไหลรินลงมาอาบแก้มอีกครา ใบหน้าหล่อก้มหน้าลงปล่อยให้น้ำตามันไหลลงกับพื้น ใช่ว่าเขาจะไม่เสียใจ สิ่งที่เขาทำมันเกินกว่าที่จะให้อภัยได้ เขาโกรธและเสียใจในสิ่งที่เขาทำลงไปอย่างมาก
แต่ทำไมทุกสิ่งอย่างมันไม่เป็นไปตามต้องการ ?
ในหัวสมองมันสั่งให้เขาเข้าไปกอด เข้าไปปลอบ เข้าไปขอคืนดีซะ เดินเข้าไปในห้องนั้นและคุกเข่าขอโทษ พร่ำบอกว่าเรากลับมาเป็นเหมือนเดิมได้มั้ย แต่หัวใจมันกลับสั่งให้เขายืนอยู่กับที่ .. มันก็ดีแล้วไม่ใช่หรอที่ปล่อยให้เขาไปเจอสิ่งที่ดีกว่า ? อย่างน้อยก็ไม่ต้องคอยเจ็บ คอยระแวงอยู่แบบนี้ว่าเขา ...แอบคบกับใครอีกคน
ผม ... ขอโทษ
คืนวันนั้น
ขวดแอลกอฮอล์มากมายถูกวางระเกะระกะอยู่บนพื้นห้องกระจายอยู่ทั่วบริเวณ จะเป็นฝีมือของใครเสียนอกจากซานดึลเจ้าของห้อง ที่หลังจากเลิกงานก็ซื้อโซจูกลับมาเกือบสิบกว่าขวด กะว่าจะกินให้ตายกันไปข้างนึงเลยยังไงอย่างงั้น มือหนาที่กำลังจะยกขวดโซจูขวดที่เจ็ดขึ้นดื่มกลับถูกขัดโดยผู้มาใหม่ที่จับเข้าที่ข้อมือของซานดึล คนน่ารักมองบาโรอย่างมึนๆก่อนจะโวยวายใส่
“มาห้ามทำไมวะ”
“นี่นายกินเยอะขนาดนี้เลยหรอ” บาโรที่ยังไม่ชินกับการเรียกซานดึลแบบใช้สรรพนามกูมึงถามขึ้นพลางมองไปรอบๆที่มีขวดสีเขียวกระจายอยู่ทั่วห้อง เมื่อก้มลงมองมาที่คนตรงหน้านี้อีกทีก็พบว่าเขาไม่ได้มีของกินหรือข้าวอะไรเลย กินแต่โซจูเพียงอย่างเดียว
“นายกินข้าวหรือยัง”
“ยังงงงงงง” ซานดึลตอบเสียงยานๆแล้วยกขวดในมือขึ้นดื่มอีกครั้ง แต่คราวนี้กลับถูกกระชากไปโดยฝีมืออีกคนที่มองมาทางเขาอย่างห่วงๆและโมโหในเวลาเดียวกัน
“อะไรของมึงวะบาโร กูจะกิน”
“กูไม่ให้กิน”
ว่าแล้วก็เดินเอาขวดนั้นไปถึงที่ถังขยะที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากตรงนี้แล้วเดินมาหาซานดึลที่สติสะตังไม่ค่อยจะอยู่กะร่องกะรอยซักเท่าไหร่ บาโรถอดสูทตัวนอกออกแล้ววางพาดไว้ตรงโซฟา ก่อนจะปลดกระดุมคอบนออกให้มันไม่อึดอัดมากเกินไปแล้วขยับเนคไทด์ให้เลื่อนลงมาเล็กน้อยแล้วนั่งขัดสมาธิลงตรงหน้าของคนน่ารักที่นั่งอยู่ตรงพื้นตั้งแต่แรก
“กูเสียใจว่ะทำไมกงชานทำกับกูแบบนี้”
คนเมาเริ่มพล่ามหลังจากที่บาโรนั่งลงตรงหน้าเขา อย่างน้อยเขาก็ได้ระบายความรู้สึกบ้าๆนี่ออกมาให้หมด หลังจากที่ซานดึลกลับมาถึงห้องก็ต่อสายหาเพื่อนรักอย่างชาบาโรทันที เมื่อบาโรเลิกงานแล้วจึงรีบบึ่งมาหาซานดึลที่ห้อง แต่ก็ไม่ลืมที่จะซื้อของกินติดไม้ติดมือมาด้วยเพราะกลัวเพื่อนที่เขาแอบรักนั้นจะหิว
“"ไม่ไหวแล้วว่ะบาโร ฮึก กูเจ็บจริงๆ สุดท้ายกูก็ต้องเป็นฝ่ายที่
"กูทำถูกแล้วใช่มั้ย"
เสียงของซานดึลบ่นพร่ำเพ้อ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไม่ให้น้ำตามั
"จินยองมีอะไรที่กูทำไม่ได้งั้
คนน่ารักว่าพลางหันหน้
สุดท้ายกงชานก็เลือกที่จะเลิกกั
"ทำไมต้องมาแย่งคนที่กูรั
"พอได้แล้วซานดึล!"
"ทำไมวะ มีสิทธิ์อะไรมาห้าม ไม่เป็นกูมึงไม่รู้หรอก ว่ามันเจ็บขนาดไหน!!"ซานดึลขึ้
"ทำไมกูจะไม่รู้ กูก็เจ็บไม่ต่างจากมึง!"
เขาไม่รู้ตัวเลยหรือไงนะ
ว่าคนๆนี้รักเขามากแค่ไหน
"กูก็เจ็บพอๆกับมึงนั่
.....
"กูชอบมึงซานดึล กูรักมึงจริงๆ มึงเป็นคนเดียวที่ทำให้กูรู้สึ
.....
"กูเป็นเพื่อนกับมึงไม่ได้
"กงชานก็เคยพูดแบบนี้..."
"แต่กูไม่ใช่กงชาน กูคือบาโร คือคนที่รักมึง แต่มึงไม่สนใจ!"
"แล้วยังไง ?! เดี๋ยวมึงก็ทิ้งกูไปแบบกงชานอีก !! ฮึก โลกนี้ไม่มีใครรักเราจริงๆหรอก"
"มีสิ ..."
"ก็กูนี่ไง..."
"ที่รักมึง"
ความคิดเห็น