ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (FIC B1A4) :: Y o u r M i n i s t r a n t :: [GONGYOUNG]

    ลำดับตอนที่ #12 : Y o u r M i n i s t r a n t - CHAPTER 11 -

    • อัปเดตล่าสุด 26 เม.ย. 57









                ความมืดมิดเข้าปกคลุมผืนนภากว้างหลังจากที่ดวงอาทิตย์ได้ลาลับขอบฟ้าไปหลายชั่วโมงแล้ว เหลือแต่ดวงจันทร์สีนวลที่มาแทนที่ แต่กลับถูกบดบังด้วยเมฆครึ้มก้อนใหญ่คล้ายว่าจะเป็นเมฆฝน ดวงดาวที่เคยระยิบระยับประดับอยู่บนแผ่นฟ้ากว้างบัดนี้กลับไร้ซึ่งแสงดาวใดๆ ลมเย็นๆพัดผ่านเข้ามาภายในห้องสี่เหลี่ยมหลังจากที่เจ้าของห้องเปิดหน้าต่างทิ้งไว้ ...

     


                คนที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าของห้องค่อยๆสาวเท้าเดินออกมาจากห้องนอน ดวงตาวาวใสกลับถูกบดบังไปด้วยม่านน้ำตาที่ไหลรินออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ เขายกมือขึ้นปาดน้ำตาลวกๆ ก่อนจะเดินหายไปหลังเคาท์เตอร์ครัว .. 

     


                แสงสว่างจากไฟถนนด้านนอกสาดส่องเข้ามากระทบกับวัตถุโลหะสีเงินปลายแหลมจนเกินเป็นเงาแสงสะท้อน เขายกมือขึ้นหยิบปลายด้ามมีดอย่างสั่นเทา พร้อมกับหยาดน้ำตาที่ไหลรินลงมาอีกครั้ง น้ำใสไหลลงมาอาบแก้มซ้ำรอยคราบน้ำตาเดิมที่ร้องออกมาก่อนหน้านี้ เขาครางสะอื้นด้วยเสียงอันสั่นเคลือในลำคอ 

     


    ฉันขอโทษ...

     


                ร่างนุ่มค่อยๆทิ้งตัวลงบนโซฟากลางห้อง มือเรียววางวัตถุแหลมคมในมือลงบนโต๊ะหน้าโซฟาอย่างแผ่วเบา ก่อนจะเอนหลังพิงผนักโซฟา หลับตาลงช้าๆปล่อยให้ความรู้สึกทั้งหมดมันถาโถมเข้ามาอย่างไม่คิดห้าม เหมือนกับน้ำตาที่ไหลริน


                เวลาล่วงเลยผ่านไปพักใหญ่ เขาลืมตาขึ้นมาพร้อมกับน้ำตาที่แห้งเหือดอยู่รอบดวงตาบวมช้ำและแก้มใส เขาเอื้อมมือลงหยิบกระดาษใต้โต๊ะตั้วนั้นขึ้นมาวาง นั่งมองปลายมีดที่นอนนิ่งอยู่บนโต๊ะด้วยสายตาเหม่อลอย แต่ใครจะรู้ว่าในสายตาคู่นั้น .. ซ่อนความรู้สึกอะไรอยู่บ้าง


    คนที่พรากความสุขของกูไป ..


    อย่าหวังเลยว่าหลังจากนี้


    มึงจะมีความสุข ..


    ไม่มีวัน ...

     


                เขายกมีดปลายแหลมคมเล่มนั้นขึ้นมา ใบมีดสีเงินสะท้อนใบหน้าของเขาลงบนมีดเล่มนั้น ก่อนจะแสยะยิ้มขึ้นมาอย่างสะใจ แขนซ้ายถูกยกขึ้นมาอย่างช้าๆก่อนจะกำมือแน่น ส่วนมืออีกข้างที่ถือมีดเล่มนั้นค่อยๆเลื่อนมาอยู่บนแขนซ้าย เขาเลื่อนตำแหน่งจากข้อมือมาเป็นท้องแทนประมาณ 2 นิ้ว แล้วค่อยๆจรดปลายมีดวางลงบนท้องแขนขาวนั่นอย่างใจเย็น ขยับให้ใบมีดวางอยู่ตำแหน่งนั้น และกดส่วนที่คมลงบนเนื้อขาว ขยับมือข้างที่ถือมีดบังคับให้มันกรีดลงบนท้องแขนเนียนนั่นช้าๆ ... ให้มันเจ็บปวดช้าๆ เหมือนกับหัวใจของเขาที่โดนหนามทิ่มแทงจนเจ็บไปทั้งใจ 

     


                รอยที่ถูกกรีดลึกมากพอสมควรแต่ไม่ถึงกับโดนเส้นเลือดจุดสำคัญ ของเหลวสีแดงสดค่อยๆซึมออกมาตามรอยแผลที่ถูกกรีด เขาวางมีดลงบนโต๊ะใกล้ๆกับแขนซ้าย และคว่ำแขนข้างนั้นลง ปล่อยให้โลหิตสีแดงสดไหลออกมาช้าๆ จนมันหยดลงใบมีดสีเงิน เขาแสยะยิ้มอย่างพอใจ และใช้นิ้วมืออีกข้างปาดเลือดสีแดงสดที่หยดลงบนมีดเรื่อยๆ เขียนลงบนกระดาษช้าๆ

     


                เวลาผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วโมงและแต่ดูเหมือนเลือดก็ยังไม่หยุดไหล โลหิตที่แดงสดหยดตามพื้นทุกจุดที่เขาก้าวเดินไปหยิบกล่องปฐมพยาบาล มือขวาที่สามารถใช้การได้ข้างเดียวหยิบยาทาแผลสดออกมาอย่างรีบร้อน เขาไม่รอช้ารีบเปิดมันแล้วราดลงบนปากผลสด ความแสบที่เขาได้รับหลังจากราดยาทำให้เขาส่งเสียงร้องออกมาอย่างห้ามไม่ได้ ก่อนจะรีบหยิบผ้าก็อตสิขาวออกมาพันหลายๆชั้นเพื่อให้เลือดหยุดไหล เนื่องจากปากแผลมีขนาดใหญ่เกินกว่าที่จะกดปาแผลให้มันหยุดไหลสนิทได้ วิธีที่พอทำได้ก็มีแค่ทางนี้

     


    เขายังไปโรงพยาบาลไม่ได้
    จนกว่ามันจะสำเร็จ


                เขาเดินโซซัดโซเซกลับมานั่งที่เดิม ด้วยความที่เสียเลือดมากในตอนที่กรีดจึงทำให้เขาอ่อนแรง กลิ่นคาวเลือดตลบอบอวนไปรอบตัวเขาจนเอียน จึงรีบพับกระดาษที่ถูกเขียนด้วยเลือดเป็นสามทบ และเก็บทุกอย่างใส่ลงในซองจอดหมายสีแดง เขาปิดผนึก ก่อนจะรีบสาวเท้าเดินเข้าห้องนอนไป 
    เขาวางจดหมายนั้นไว้บนหัวเตียงและรีบหยิบโทรศัพท์ที่อยู่ข้างกันขึ้นมากดส่งข้อความหาใครบางคน

     


    เช้าวันรุ่งขึ้น


                หญิงสาวผมสีดำขลับยาวมาถึงกลางหลัง พร้อมด้วยชุดฮู้ดสีเหลืองที่สามารถปิดบังใบหน้าได้สาวเท้าเดินมาถึงหน้าห้องที่เธอคุ้นเคย 'น้องสาว' ของเจ้าของห้องยกมือขึ้นเคาะห้องพี่ชายตามมารยาท แต่ไร้การตอบรับ จึงใช้คีย์การ์ดสำรองที่พี่ชายเธอให้มาเปิดเข้าไป เธอเดินเข้าไปในห้องไม่กี่ก้าวก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นคาวเลือดอ่อนๆ และหันไปเห็นหลักฐานที่อยู่บนโต๊ะหน้าโซฟากลางห้อง ถ้าถามว่ากลัวมั้ย... เธอไม่กลัวอะไรซักนิด

     


    เพราะพี่ชายกับน้องสาว


    ก็โรคจิตเหมือนๆกันนั่นแหละ :) 


                เธอถือวิสาสะเดินเข้าไปในห้องพี่ชาย ทอดมองเขาที่นอนคุดคู้อยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนา เธอเดินเข้าไปจับชีพชรของพี่ชายบริเวณลำคอ เพื่อให้แน่ใจว่าเขาคงไม่ตาย เมื่อแน่ใจว่าเขายังมีชีวิตอยู่จึงรีบหยิบมันและรีบกลับออกมา 

     


                หลังจากที่เธอได้นำจดหมายฉบับนั้นไปให้เป้าหมายหน้าหวานแล้วจึงรีบวิ่งออกมานอกงานทันทีที่ได้ให้เขาไปแล้ว เสียงเมสเซสดังขึ้นในขณะที่เธอกำลังนั่งอยู่บนรถไฟ KTX ที่มุ่งหน้าไปยังโซล โดยใช้เวลาเดินทางแค่ 2 ชั่วโมงเท่านั้นจาก 5 ชั่วโมง เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูข้อความ ซึ่งนั่นก็ทำให้เธอรีบร้อนรนเข้าไปใหญ่ เพราะพี่ชายของเธอกำลังจะทนพิษของบาดแผลไม่ไหว เมื่อรถจอดสนิทที่สถานีรถไฟโซลแล้วจึงรีบขับรถที่เธอจอดทิ้งไว้ที่สถานีมุ่งหน้าไปรับพี่ชายของเธอไปโรงพยาบาล

     


    'คุณช่วยกรอกข้อมูลของคนไข้ด้วยนะคะ' เธอพยักหน้าแล้วเขียนตามที่พยาบาลสาวสั่ง เมื่อเขียนเสร็จจึงยื่นแบบฟอร์มกลับคืนและเสียบปากกาลงที่เดิม


    'เอ่อคุณพยาบาลคะ'


    'คะ?'


    'พรุ่งนี้ตอนบ่ายๆช่วยโทรหาคนที่ชื่อกงชานในโทรศัพท์เขาด้วยนะคะ เขาสั่งฉันมาก่อนจะสลบไป" เธอพูด จริงๆเธอให้การกับพยาบาลว่าพี่ชายโดนกรีดข้อมือแทนที่จะบอกว่ากรีดข้อมือตัวเอง ตามที่ซานดึลสั่งหมดทุกอย่าง เธอยื่นโทรศัพท์ของซานดึลให้พยาบาล ก่อนจะเดินจากไป

     

     

     

    เข่าของร่างบางอ่อนลงทันทีหลังจากที่คนป่วยบนเตียงเล่าเรื่องและความจริงจนหมด เขามองหน้าซานดึลเช่นเดียวกับเขาที่นอนมองจินยองด้วยแววตาที่ไม่อาจคาดเดาอารมณ์ได้เลย

     


    ร้าย ...

     


    เขาไม่คิดมาก่อนว่าซานดึลจะทำเรื่องบ้าๆและสิ้นคิดแบบนี้ เห็นหน้าตาซื่อๆบวกกับใบหน้าน่ารักน่าเอ็นดูด้วยแล้ว เขายิ่งไม่อยากจะเชื่อเข้าไปใหญ่

     


    "คุณมันบ้า ..."


    "ใช่ เหมือนกับคุณที่หน้าด้านนั่นแหละ"


    "หยุดด่าผมซักที !!" 


    "ทำไม มันแทงใจหรอ รับความชั่วของตัวเองไม่ได้หรือไง"


    "ถึงจะชั่วแต่ผมก็ไม่โง่ถึงขั้นเอามีดกรีดแขนตัวเองหรอก"


    "ถึงมันจะเจ็บ แต่ผมก็เจ็บคนเดียวไม่ใช่หรือไง ! แต่คุณ ... คุณทำฉันเจ็บไปทั้งหัวใจ" ซานดึลตัดด้วยน้ำเสียงตัดเพ้อ


    "เหอะ สงสารกงชานนะที่มีแฟนโรคจิตแบบคุณ"


    "...!!!"


    "จริงๆถ้าเขาจะคบกับผม ก็เหมาะกันดีนะ คุณว่ามั้ย อีกอย่างคนปกติแบบเขาจะสู้กับโรคจิตแบบนายได้ยังไง ~"


    "หึ อย่าให้ผมพูดเรื่องของพ่อแม่คุณนะ" ทันทีที่ร่างบางได้ยินคำว่าแม่ของเขา ที่ออกมาจากปากของซานดึลจึงรีบเดินไปที่ตัวอีกฝ่ายแล้วกระชากคอเสื้อของโรคพยาบาลที่ซานดึลใส่อยู่ 


    "ทะ..ทำไม แม่ฉันทำไมวะ!!!" จินยองตะโกนใส่ร่างข้างใต้อย่างเดือดดาล


    "นั่นสิ แม่คุณทำไมน้า ~" 


    "ไอ้ซานดึล บอกมา!!" 


    "บอกให้โง่สิ" ซานดึลพูดอย่างไม่สะทกสะท้านถึงแม้จะเขาจะตกเป็นรองอยู่ตอนนี้ก็เถอะ


    "ไอ้ ..!!!" จินยองที่หมดความอดทนกำมือซ้ายแน่นแล้วยกขึ้นสูงหมายจะทำร้ายคนด้านล่าง ซานดึลที่รู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ใกล้เข้ามาจึงยกมือขวาขึ้นต่อยแก้มตัวเองแทนจนช้ำ 

     

     


    "พี่จินยอง !!!!!!!!" 


    อะไรบางอย่างที่เขารู้สึก


    ก็กงชานนี่ไง :) 

     


                ทั้งซานดึลและจินยองหันขวับไปมองร่างสูงที่ผลักประตูพรวดพราดเข้ามา ภาพตรงหน้าทำเขาแทบทรุด  แทบจะไม่เชื่อสายตาว่าจินยอง .. กำลังทำร้ายแฟนของเขา ..

     

    ทั้งๆที่มันไม่ใช่เลย !!

     

                ร่างบางมองหน้าคนป่วยที่นอนอยู่บนเตียงอย่างเคียดแค้น ซานดึลรู้ว่ากงชานกำลังจะผลักประตูเข้ามา พอดีกับจังหวะที่จินยองกำลังจะต่อยลงไปที่ใบหน้าหวานๆของคนใต้ร่าง แต่ซานดึลกลับใช้เล่ห์เหลี่ยมต่อยหน้าตัวเอง มันเลยดูเหมือนว่าเขาโดนจินยองต่อยไปโดยปริยาย


    เชื่อมั้ยว่ากงชานไม่มีวันเชื่อเขา

     


                คนตัวเล็กลดระดับแขนลงและคลายมือออกจากคอเสื้อของซานดึล และหันไปมองหน้าด้วยแววตาเรียบสนิท แต่ภายในหัวใจมันร้อนรุ่มจนจะตายอยู่แล้ว ...


                บรรยากาศในห้องนี้เงียบสนิทจนได้ยินแต่เสียงน้ำเกลือที่หยดลงมาและเสียงเครื่องปรับอากาศที่ดังอยู่เป็นระยะๆ จนซานดึลที่นอนอยู่ต้องแสร้งทำเป็นจับหน้าตัวเองและร้องเสียงโอดโอยออกมา ก่อนจะยกมือขึ้นกุมแก้มข้างขวา 


                ร่างสูงจึงรีบเข้าไปประคบประหงมทันที นับว่าเขาใจเย็นมากที่ไม่วิ่งมาต่อยหน้าเขา ได้แต่ยืนอยู่เงียบๆจนซานดึลต้องเรียกร้องความสนใจ ยิ่งจินยองเห็นภาพตรงหน้ามันก็ยิ่งหมั่นไส้


    ตอแหลสิ้นดี !!!


    "พี่จินยอง" ยังไม่ทันที่จินยองจะก้าวออกจากห้อง เสียงของร่างสูงก็ขัดขึ้นมาซะก่อน อดไม่ได้จริงๆที่จะไม่หันไปมอง ..


    เขาทำไม่ได้ ...

     


    "กลับไปก่อนเถอะครับ"


    "แล้วนาย ..."
    "ผมบอกให้กลับไปก่อนไง!!!" ไม่บอกเขาก็จะกลับอยู่แล้ว เวลานี้กงชานคงไม่อยากเห็นหน้าเขาเท่าไหร่หรอก ... เหอะ อยากรู้จริงๆว่าเจ้านั่นมันจะแถไปได้ซักกี่น้ำ

     

     

    "พี่ซานดึล"


    "หืมม ว่าไงชานนี่" 


    "พี่เรียกผมเหมือนหมาเลยนะ" กงชานว่าก่อนจะลุกขึ้นเดินไปสวมกอดคนรักที่นั่งดูทีวีอยู่บนเตียง


    "ก็นายเป็นหมาน้อยของพี่ไงครับ" ซานดึลพูดแล้วใช้มือขยี้กลุ่มผมนิ่มอย่างมันเขี้ยว


    "ผมจะกลับไปเอาเสื้อผ้าก่อน พี่รออยู่นี่นะ" 


    "อื้ม ^^ " คนน่ารักตอบอย่างยิ้มแย้ม จนร่างสูงอดไม่ได้ที่จะหอมแก้มนุ่มลงไปหนึ่งที


    "ขับรถดีๆนะ" ซานดึลบอกก่อนที่กงชานจะผละออกแล้วเดินออกไป

     

     

     

               

                มือหนาสอดคีย์การ์ดเข้าไปจนขึ้นเป็นไฟสีเขียวก่อนจะเปิดประตูเข้าไป แสงสว่างจากไฟที่เปิดอยู่ภายในห้องนั่งเล่นทำให้เขารู้ว่าจินยองอยู่ที่ห้อง ...


    ได้ยินชื่อนี้แล้วมันปวดใจจริงๆ


                จากที่ซานดึลเล่าให้ฟังมันก็ไม่ได้รุนแรงมากนักหรอก แค่เข้าใจผิดกันนิดหน่อย แต่ก็ยังโกรธอยู่ดีที่เจ้านายไปต่อยคนรักจนแก้มช้ำแบบนั้น

     


    "ทำไมนายมันโง่อย่างนี้นะ กงชานชิค"

     

                เสียงเล็กๆดังขัดขึ้นขณะที่กงชานกำลังจะเดินผ่านตัวโซฟาที่ตั้งอยู่ตรงกลางไปยังห้องของเขา จินยองเดินออกมาหลังเค้าท์เตอร์ครัวพร้อมกับถือแก้วน้ำเปล่าออกมา เสื้อฮู้ดของเขาที่ใส่เมื่อกลางวันถูกถอดทิ้งไว้ตรงโซฟา เหลือแต่เสื้อกล้ามสีดำกับกางเกงวอร์มสบายๆเท่านั้น


    "พี่ทำร้ายแฟนผมไม่พอยังมาด่าผมอีกหรอ" เขากล่าวเสียงเรียบ 


    "มันต่างหากทีทำร้ายตัวเอง!!"


    เหอะ


    สุดท้ายมันก็แถ


    "พี่อย่าพูดอะไรบ้าๆได้มั้ยครับ ผมก็เห็นอยู่ว่าพี่กำลัง.."

     

    "ต่อยซานดึล ? นายเห็นตอนฉันต่อยหรอ ! นายเห็นตอนที่มือฉันโดนหน้ามันหรือไง !!" จินยองสาวเท้ามาใกล้ๆกงชานด้วยความโมโห 

     

    "ฉัน ไม่ ได้ ทำ! มันต่อยตัวเองต่างหาก" 

     

    "แล้วพี่ซานดึลจะต่อยตัวเองทำไมครับ?!"


    "นี่ ฉันจะเล่าอะไรให้ฟังนะ ซานดึลมันไม่ได้โดนกรีดแขนหรอก มันกรีดแขนตัวเอง"


    "พี่เป็นบ้าไปแล้วหรือไง" กงชานพูดเสียงเย็น พยายามไม่มองหน้าคนตัวเล็กที่พยายามจะเถียงกับเขาอยู่


    "เออฉันบ้า ! บ้าไปแล้วจริงๆตอนมันเล่าความจริงให้ฟังน่ะ!" จินยองเงียบไปครู่หนึ่ง


    "นายฟังนะ! มันกรีดแขนเอาเลือดตัวเองเขียนจดหมายนั้นแล้วให้น้องสาวมันส่งมาให้ฉัน ได้ยินมั้ยว่า

    จดหมายนั้นเป็นของมัน"


    "พี่จะหาว่าซานดึลทำเรื่องแบบนั้นหรอ ?! เหอะ พี่นี่แถเก่งจริงๆ"

     

     


    ซ่า !


                ด้วยความโมโหและน้อยใจที่สุมอยู่ในอกจนมันทนไม่ไหวมันจึงระเบิดออกมา น้ำตารื้นขึ้นมาจนไม่สามารถสะกดกลั้นมันได้อีกต่อไป แก้วน้ำที่อยู่ในมือถูกยกขึ้นสาดใบหน้าหล่อจนเปียกชุ่ม ก่อนจะวางมันลงบนฟอนิเจอน์แถวๆนั้น กงชานยกมือขึ้นลูบใบหน้าตัวเองช้าๆก่อนจะจ้องใบหน้าหวาน


    "ใครกันแน่ที่แถ !!"


    "......"


    "ฟังฉันสิ"


    "แล้วทำไมผมต้องฟังพี่ ผมควรเชื่อพี่มากกว่าคนที่ผม.......รักงั้นหรอ..." 


    ใช่


    เขาไม่ใช่คนที่กงชานรัก

     


    "อยากจะเชื่อคำตอแหลของแฟนนายก็ตามใจ ฉันพูดความจริงก็ไม่ฟัง !!! ทีเรื่องอื่นน่ะฉลาด เรื่องนี้ละโง่ดักดาน" จินยองพูดกระแทกกระทั้นก่อนที่ข้อมือทั้งสองข้างจะถูกรวบโดยคนตรงหน้าอย่างรวดเร็ว

     


    "พี่ต้องการอะไรจากซานดึลกันแน่ ?! ซานดึลไปทำอะไรให้พี่ ?"


    "มันพูดถึงแม่ฉัน ฮึก ปล่อย!!!" ร่างบางพูดด้วยเสียงสะอื้น น้ำตาที่ไหลไม่ได้ทำให้กงชานปล่อยข้อมือเขาให้เป็นอิสระเลย ซ้ำยังบีบแรงขึ้นกว่าเดิม


    "แฟนนายมันเลว!!" 


    "หึ ถ้าพี่คิดว่าแฟนของผมเลว พี่คิดผิดแล้ว" กงชานพูดพลางจ้องเข้าไปในดวงตาของคนตัวเล็กที่เอ่อล้นไปด้วยน้ำตา 


    "เพราะผมก็เลวเหมือนกัน"

     

     

     

     

    "เฮ้ย จะทำอะไร ปล่อยฉันลงนะโว้ย !!! ปล่อยกู !!" จองจินยองทั้งทุบทั้งตีร่างสูงหลังจากที่โดนคนตรงหน้านี้อุ้มพาดบ่าหน้าตาเฉย ดิ้นขลุกขลักอยู่บนบ่าของกงชานชิคได้ซักพัก รู้ตัวอีกทีก็ลอยมาอยู่บนเตียงนอนภายในห้องตัวเองแล้ว


    "จะโวยวายทำไมครับ เก็บเสียงไว้ร้องกับผมคืนนี้ดีกว่ามั้ย!!" กงชานไม่พูดเปล่ายังโถมตัวเข้ามาคร่อมคนใต้ร่างไว้ ก่อนจะใช้มือทั้งสองข้างตรึงแขนของคนตัวเล็กไว้ทั้งซ้ายและขวาจนร้องเสียงหลง


    "เป็นบ้าขึ้นมาหรือไงกงชาน !!!" 


    "ใช่ บ้า บ้ามากด้วย เพราะใครล่ะถ้าไม่ใช่พี่"


    "ปล่อย อื้ออ"

     

                ดวงตาทั้งสองข้างเบิกโพลงทันทีที่ริมฝีปากหยาบทาบประกบลงมาพร้อมกับเสียงประท้วงที่ถูกกลืนหายไปกับจูบที่กงชานมอบให้เขาโดยที่เขาไม่เต็มใจซักนิด ริมฝีปากเล็กยังคงปิดสนิทแม้จะโดนอีกฝ่ายรุกแค่ไหนก็ตาม ยิ่งเป็นการกระทำป่าเถื่อนแบบนี้คงยากที่จะยอม ส่วนกงชานก็ทั้งดูดดุนกลีบปากเล็กให้ยอมเข้าไปด้านในแต่ไม่ได้ผล จึงเปลี่ยนมาใช้ปลายจมูกโด่งเลื่อนลงมาไซร้ซอกคอขาวอย่างรุนแรงแทน 

     


                ใบหน้าหล่อซุกไซร้บริเวณนั้นอยู่ซักพัก กลิ่นแชมพูที่คนสวยใช้ทำให้เขาเริ่มควบคุมตัวเองไม่อยู่จึงใช้ริมฝีปากร้อนทาบลงไปบริเวณลำคอแทน ทั้งดูดทั้งขบเม้มอย่างรุนแรงจนคนใต้ร่างน้ำตารื้นออกมาอีกครั้ง

     


    "ปล่อย .." ยิ่งพูดเหมือนยิ่งไม่ได้ผลไม่ว่าจะห้ามจะตอบโต้ยังไง ดูเหมือนเจ้าหมาป่าตัวนี้จะไม่ยอมรามือให้ลูกแกะตัวน้อยนี้หนีออกไปได้เลย 

     


                ขบเม้มซ้ำๆจนเกิดรอยแดงสีกุหลาบที่ดูน่าพอใจแล้วจึงถือโอกาสเลื่อนริมฝีปากขึ้นไปประกบจูบปากเล็กที่เผยอขึ้นอย่างรวดเร็ว ริมฝีปากร้อนบดเบียดลงไปอย่างรุนแรงจนเจ็บที่ปาก น้ำตาไหลอาบแก้มซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาก็ไม่เคยลดความรุนแรงลงเลย ซ้ำยังค่อยๆแรงขึ้นอีกด้วย


                เล่นกับกลีบปากนุ่มนิ่มจนพอใจแล้วจึงสอดลิ้นอุ่นเข้าไปหาความหวานด้านในโพรงปากเล็ก ทั้งหวานทั้งหอมจนไม่อาจหยุดได้ เมื่อลิ้นของคนด้านบนแตะเข้าของลิ้นนุ่มของอีกฝ่ายเลยไม่ปล่อยให้หนีไปไหนได้ ใช้แรงที่มีเกี่ยวตวัดลิ้นนั้นไว้จนคนตัวเล็กต้องเผยอปากเพราะขาดอากาศหายใจ แต่กงชานก็นังสนองความต้องการตัวเองต่อไปโดยการใช้ปากเขาทั้งดูดดุนเรียวเล็กราวกับเป็นของเล่นที่ถูกใจชิ้นนึง มือที่ตรึงแขนทั้งสองข้างของจินยองค่อยๆคลายออก ปล่อยให้เป็นอิสระเพราะรู้ว่าคงไม่มีแรงจะต่อต้านเขาแล้ว

     


                เมื่อเล่นลิ้นกับคนตัวเล็กจนพอใจจึงก้มลงจูบกลีบปากบางต่อ ขบเม้มทั้งกลีบปากล่างและบนจนเป็นสีแดงช้ำ จองจินยองนอนหลับตานิ่งปล่อยให้ทุกอย่างมันเป็นไปตามที่กงชานชิคต้องการ แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นอย่างที่คิดเมื่อมือหนาของอีกฝ่ายเริ่มเล่นซน ค่อยๆลูบบริเวณหน้าท้องเนียนและสอดมือเข้าไปใต้สาปเสื้อ ก่อนจะใช้มือหยอกล้อกับยอดอกสวย น้ำตาเอ่อล้นออกมาอีกครั้งด้วยความเจ็บใจที่ปล่อยให้ร่างกายโดนทำอะไรระยำแบบนี้ แต่ความต้องการบางอย่างมันช่างสวนทางการเหลือเกิน

     


    "กงชาน ฮึก อย่า .. อ๊าา"เสียงสะอื้นกับเสียงครางแบบนั้นชั่งขัดกันเสียจริงๆ ทำไมอะไรมันไม่ได้ดั่งใจแบบนี้นะจองจินยอง !!!

     

     "ร้องออกมาดังๆสิครับ" ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ ยิ่งกระทำให้จองจินยองรู้สึกแบบนั้นเข้าไปใหญ่ กงชานก้มลงสูดความหอมจากซอกคอขาวนั่นอีเครั้งส่วนมือก็ยังคลึงยอดอกสีหวานต่อไป


    "พอได้...แล้ว" ร่างบางยกมือขึ้นทันไหล่กว้างด้วยแรงอันน้อยนิด แต่ก็ไม่เป็นผล ... 


    เขาละเกลียดตัวเองจริงๆ

     

     

    Gongchan’s part

                ผมใช้ปลายจมูกไล้ซอกคอหอมกรุ่นของพี่จินยองซ้ำแล้วซ้ำเล่า ร่างกายคนตรงหน้านี่มั่นช่างยั่วยวนยากที่ผมจะหยุดมัน ถึงแม้ว่าคนใต้ร่างนี้จะพยายามขัดขืนผมขนาดไหนก็ตาม แต่ยังไงเขาก็ตัวเล็กกว่าผม :)


                ผมไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมผมถึงเป็นแบบนี้ ปกติผมไม่ใช่คนอารมณ์ร้อน แต่ถ้าผมโกรธหรือโมโหขึ้นมา แน่นอน ว่าผมค่อนข้างที่จะคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้เหมือนที่เป็นอยู่ตอนนี้


               

    คนสวยด้านล่างพยายามใช้ขาถีบผมอย่างแรงแต่ก็ไม่สามารถทำให้ผมละออกไปได้ ผมจึงใช้หน้าขากดขาของเขาไว้ทำให้ดิ้นไปไหนไม่ได้อีก ก่อนที่จะละใบหน้าออกมาจากซอกคอนั้น มือหนาของผมเลื่อนลงมาจับชายเสื้อกล้ามสีดำตัวบางและฉีกมันออกจนหลุดลุ่ย ตามมาด้วยเสียงสบถด่าของอีกฝ่าย

     


    "ทำบ้าอะไร!!!"

     

                 พี่จินยองด่าผมบ้าเป็นรอบที่ร้อยแล้ว ใช่ ผมบ้าผมคลั่งแบบนี้ก็เพราะใครละถ้าไม่ใช่เขา! ผมเลิกสนใจคำด่าทอของพี่จินยองแล้วเลื่อนมือทั้งสองข้างมาจับที่เอวบาง ลูบไล้วนผิวเนียนอย่างกระหาย ก่อนจะทาบริมฝีปากร้อนลงไปที่ยอดอกสีหวาน ใช้ลิ้นละเลียดชิมจนคนใต้ร่างครางกระเส่า


    "อื้อ กงชาน .... พอ "  เสียงร้องของคนตัวเล็กออกปากห้ามปรามผม ถึงจิตใจและความคิดของเขาจะพร่ำบอกให้ผมหยุด ผมพอ แต่ใครจะรู้ว่าจริงๆแล้วมันยากที่จะหยุด


    "ผมจะหยุดได้ยังไงกัน ในเมื่อร่างกายของพี่ ... มันต้องการผม!!" ผมก้มหน้าลงหมายจะกลืนกินยอดอกคู่สวยนั่นต่อ แต่เสียงเรียบของพี่จินยองก็ขัดขึ้นมาก่อน ซึ่งนั่นทำให้ผมต้องหยุดชะงักในทันที

     


    "นายทำอะไร .. คิดถึงพ่อแม่นายบ้างรึเปล่า !!" 


    "นายกำลังทำอะไรฉัน รู้ตัวมั่งมั้ย !!!"


    "นายคิดว่า ฮึก .. ข่มขืน .. ฉัน แล้วเรื่องมันจะจบหรือไง"


    "นายไม่โดนเองนายไม่รู้หรอกว่าคนถูกกระทำ จิตใจมันย่ำแย่ขนาดไหน!!" 

     

     


                ผมเลื่อนตัวขึ้นจนใบหน้าของผมมาอยู่ที่ระดับเดียวกับคนตัวเล็ก เขาจองมองผมด้วยสายตาที่แข็งกร้าว และผิดหวังเป็นอย่างมาก ผมไม่สังเกตุเลยว่าพี่จินยองร้องไห้หนักขนาดนี้ นิ้วมือของผมเลื่อนขึ้นเกลี่ยหยาดน้ำใสที่พรั่งพรูออกมา แต่กลับโดนมือของเขาปัดออกอย่างไร้เยื่อใย 


    "หายบ้าแล้วหรือไง ..." 


    "ผมขอโทษ" ผมเอ่ยเสียงแผ่วเบาอย่างสำนึกผิด ยิ่งผมเห็นสภาพใบหน้าสวยๆที่เต็มใบด้วยน้ำตากับรอยแดงๆจ้ำๆที่ผมฝากทิ้งไว้รอบลำคอและแผงออกของเขามันยิ่งทำให้ผมรู้สึกผิดและเกลียดตัวเองคิดมาทันที

     

    ผมทำร้ายคนที่ผมรัก .. 

     

    ไม่ใช่แค่ร่างกาย แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นมันคือความรู้สึกของเขา


    ใช่ ผมหลอกตัวเองมาตลอด

     


                ปิดบังความรู้สึกของตัวเองมาตลอดว่าภายในใจจริงๆแล้วผมต้องการใครกันแน่  ตอนที่ผมเป็นแค่เด็กนักเรียนมัธยมปลายธรรมดา ไม่มีอะไรมากกินเรียนนอนเล่นไปวันๆ จนวันนึงผมมาเจอกับเขา .. พี่ซานดึล คนที่ทำให้ผมตกหลุมรักทันทีที่แรกเห็น ด้วยความน่ารักและสดใสของตัวเขาทำให้ผมเริ่มจีบเขาและสานต่อความสัมพันธ์ของเราสองคนมาเรื่อยๆจนถึงตอนนี้ ผมแน่ใจมาตลอดว่าผมรักเขาคนเดียว

     


                แต่โชคชะตาก็เล่นตลกกับผม ทำให้ผมมาเจอกับรักแรก .... โดยบังเอิญ ตอนแรกผมก็จำพี่เขาไม่ได้หรอกเพราะพี่คนสวยที่ผมเจอในวันนั้นตอนนี้เขาดูมีเสน่ห์ขึ้นมาก เมื่อเราสองคนใกล้กันมากขึ้นๆ ผมก็เริ่มจำได้และความรู้สึกดีมันก็เริ่มเข้ามาแทนที่อย่างรวดเร็ว บางครั้งผมก็อยากจะเรียกมันว่าความรักด้วยซ้ำไป ถ้าไม่ติดว่ามีใครอีกคนอยู่ภายในหัวใจของผม และผมก็ยังรักเขา ผมรักเขามากจึงปิดบังความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเองต่อพี่จินยองแหละหลอกมันว่าแค่รู้สึกดี ยังไงคนที่นายรักก็คือซานดึลนะกงชานชิค

     


                ถึงผมจะรักพี่ซานดึลก็จริงแต่.. ทุกสิ่งที่ผมทำไปมันเหมือนทำไปตามความเคยชิน ความผูกพันที่มีให้กัน ยังไงเขาก็ยังอยู่ในฐานะคนรักที่ต้องคอยดูแลกันและกันพิเศษกว่าคนอื่นๆ 


    แต่ถ้าจะให้ผมเลิก ผมทำไม่ได้จริงๆ


    "ผม .. ผมขอโทษ พี่ให้อภัยผมได้มั้ย ผมผิดไปแล้วจริงๆ" 


    "ฉัน ... "


     

    "ฉันให้อภัยนาย ..... เพราะ..."

     

     

     

     


    "ฉันชอบนาย กงชานชิค" ผมก็เคยแอบหวังอยู่เหมือนกันว่าพี่จินยองเขาจะจำผมได้มั้ย ลูกหมาน้อยของเขาที่แอบขโมยจูบเขาไปตอนเด็กๆ ในเวลานี้มันกลับมาหาเจ้าของมันแล้ว  กลับมาหาคนที่มันรักแล้วนะ ...

     

    แต่ในที่สุด

     

     เขาก็จำลูกหมาของเขาได้ ..

     


                เกิดความเงียบขึ้นระหว่างผมและเขา ไม่มีบทสนทนาใดๆระหว่างกัน แต่จู่ๆมือบางของพี่จินยองก็ค่อยๆเลื่อนขึ้นมาสัมผัสใบหน้าของผมอย่างแผ่วเบา และกุมใบหน้าทั้งสองข้างของผมไว้ มองผมด้วยสายตาอ้อนว้อน ก่อนจะ..


    "จูบพี่หน่อยได้มั้ย"

     



    "จูบด้วยความรู้สึกของนาย" 

     

     


                จองจินยองไม่รอคำตอบจากปากกงชานชิค ใช้มือประคองใบหน้าหล่อๆของเขาให้โน้มลงมาและเป็นฝ่ายจูบก่อน ทั้งสองฝ่ายผลัดกันจูบอย่างโหยหาและด้วยความรู้สึกดีๆของทั้งกงชานและจินยองที่มีให้กันและกัน ทำให้จูบครั้งนี้มันต่างจากครั้งก่อนหน้านี้ที่ไม่ยินยอมและไม่เต็มใจนัก มันหวานหอมเกินที่จะหยุดซ้ำยังเข้าหากันมากขึ้นเรื่อยๆ กลีบปากเล็กขบเม้มริมฝีปากของอีกฝ่าย อย่างเชื่องช้าและอ่อนหวาน ลิ้นนุ่มตวัดเกี่ยวกันไม่รู้เบื่อเพราะติดใจในความหวานละมุนของรสจูบนี้ ราวกับถูกเคลือบไว้ด้วยคาราเมล แต่กลับหวานละมุนยิ่งกว่านั้น

     


    "อื้ม" คนหน้าสวยครางฮือในลำคอบ่งบอกถึงความพอใจเป็นอย่างมากในตอนนี้ และทั้งสองก็ยิ่งเข้าหากันเรื่อยๆตามความรู้สึกที่มันเพิ่มและชัดเจนขึ้นทุกครั้งที่ริมฝีปากของทั้งสองแตะกัน


    รับรู้หัวใจของกันและกัน


    ว่าเราทั้งสองนั้น คิดเช่นไร


    เหมือนกับหัวใจของทั้งสองที่เต้นรัวเป็นจังหวะเดียวกันนั่นแหละ

     


    "พี่จินยอง" กงชานเอ่ยถามคนใต้ร่างด้วยน้ำเสียงนุ่มละมุนต่างจากครั้งแรกหลังจากถอนจูบออก มือบางของจินยองยกขึ้นขยี้หัวลูกหมาตัวโตเบาๆก่อนจะยิ้มออกมาบางๆ


    "หมาน้อยของพี่ มันกลับมาหาพี่แล้วนะ" ร่างสูงพูดพลางยิ้มให้อีกฝ่ายที่ตอนนี้ดูเหมือนจะตกใจอยู่ไม่น้อยว่าจริงๆแล้วเขาก็คิดเหมือนกัน และยังจำเขาได้ 


    "หมาเจ้าเล่ห์" คนหน้าหวานพูดติดหัวเราะก่อนจะบีบจมูกอีกคนเบาๆด้วยความมันเขี้ยวและกงชานก็เอาคืนด้วยการจูบเขาอีกครั้ง


    อีกครั้ง และอีกครั้ง


    "ผมขอโทษ ที่ผมปิดบังความรู้สึกตัวเองมาตลอด"

     

     



    "และผมขอโทษ ที่ผมเผลอโมโหใส่พี่และทำร้ายพี่"


    "ไม่เป็นไรหรอก แต่อย่าทำแบบนี้อีกนะกงชาน" จินยองว่าเสียงดุ แต่ดูเจ้าหมาจะไม่กลัวเลยซ้ำยังขโมยหอมแก้มเขาอีก 


    "นายรักฉันหรือเปล่า"


    "ถามงี้จะให้ผมจูบอีกรอบมั้ย" กงชานว่าก่อนจะโน้มตัวลงมาจูบจริงๆ แต่จินยองก็ยกมือแตะปากเขาห้ามไว้ได้ทัน


    "แล้วไอ้ .. เอ่อ .. ซานดึลล่ะ"

     

                กงชานเงียบไป ถึงเวลาที่เขาต้องเลือกแล้วใช่มั้ย ว่าเขาต้องเลือกใคร แต่นั่นแหละ เขาเลือกไม่ได้ เขาไม่สามารถทำมันได้จริงๆ เขายอมไม่ได้หรอกหากฝ่ายใดฝ่ายนึงต้องเจ็บ ต้องเสียใจ ยอมรับว่าเขาโกรธและโมโหจินยองมากที่พูดแบบนั้นกับแฟนของเขา ในฐานะคนรักกันมันก็ต้องเชื่อใจกัน แต่เมื่อมาคิดดูดีๆแล้ว ... เขาก็ควรฟังความ 2 ข้าง .. ใช่มั้ย ?

     

                เอาจริงๆเขาก็ไม่เห็นตอนที่พี่จินยองเขาต่อยซานดึลหรอก แต่สถานการณ์ตอนนั้นมันเป็นอย่างนั้นเอง เขาจึงจำเป็นต้องเข้าข้างซานดึลไว้ก่อน เพราะยังไงเขาก็คือแฟน .. ของเขา ใช่ ซานดึลเป็นแฟนเขา .... และเขาก็ไม่อยากจะเชื่อด้วยว่าซานดึลจะกรีดแขนตัวเอง เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาซานดึลไม่ใช่คนแบบนั้นเลย ยิ่งทำให้เขาไม่เชื่อเข้าไปใหญ่ มีทางเดียวที่จะให้มันจบคือถามออกไปตรงๆ

     

    "ถ้านายลำบากใจ ก็กลับไปคบกับเขาเถอะ"จินยองพูดเสียงแผ่ว และหันหน้าหนีกงชาน ให้ตายสิ น้ำตามันไหลอีกแล้ว


    "แต่ผมก็รักพี่ .."


    "และนาย ฮึก ก็ยังรักเขาด้วย" ร่างบางพูดตัดพ้อและหันมามองหน้าอีกฝ่าย มือหนายกขึ้นปาดน้ำตาที่ไหลลงมาอาบแก้มใส จินยองก็ไม่ขัดขึ้นแต่อย่างใด ปล่อยให้เขาเช็ดน้ำตาบ้าๆที่ออกมานี่จนหายไปหมด

     


    "ใช่ผมรักเขา ..."

     

    "แล้วผมก็รักพี่ด้วย"

     

    ความลำบากใจทั้งหมดตกอยู่ที่ตัวกงชานชิค เขาไม่อยากทำร้ายจิตใจใครเลย ทำไมอะไรๆมันเป็นแบบนี้ ...

     

    "เราลองมาคบกันดูมั้ย" จินยองเอ่ยถาม ในขณะที่กงชานกำลังคิดไม่ตกว่าเขาจะเอายังไงกับชีวิตต่อไป
    "จะให้ผมเลิกกับ..."ยังไม่ทันที่จะพูดจบประโยค นิ้วเรียวของจินยองก็ทาบเข้าที่ปากของกงชานชิคเสียก่อนทำเอาใจเต้นไม่เป็นส่ำ


    "เลิกไม่ได้ก็ไม่ต้องเลิกสิ"


    "แต่ ..."


    "นายก็แค่คบฉันเพิ่มไปอีกคน ก็แค่นั้น" จินยองยักไหล่อย่างสบายๆ "ถึงจะเสียศักดิ์ศรีไปบ้าง แต่ก็ทำตามที่ใจอยากทำไม่ใช่หรอ"

     

    "แค่ 2 คน แค่เราสองคนเท่านั้น ที่รู้ว่า...."

     

     

     


     

     

    "เรารักกัน J"







    TBC.

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×