ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (FIC B1A4) :: Y o u r M i n i s t r a n t :: [GONGYOUNG]

    ลำดับตอนที่ #8 : Y o u r M i n i s t r a n t - CHAPTER 7-

    • อัปเดตล่าสุด 25 เม.ย. 57








    ในขณะเดียวกัน

    หนุ่มที่นั่งร่วมโต๊ะเห็นว่าท่าจะไม่ดีเลยลุกขึ้นหมายจะเดินตามซานดึลไป แต่มีเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นขัดซะก่อน


    "บาโร ?!" จังหวะเดียวกันที่จินยองหันมาทางด้านหลังพอดีทำให้เห็นบาโรที่กำลังลุกขึ้นและเดินไป เจ้าตัวหันมาก่อนจะทำหน้ามึนใส่


    "นายจะไปไหน"


    "เอ่อ .. " ไม่รู้ว่าสองข้างของเขามันขยับให้เดินมาอยู่ที่โต๊ะที่จินยองนั่งอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่รู้อีกทีเขาก็นั่งลงตรงหน้าคนสวยตรงนี้แล้ว


    "ตอบสิ"


    "ผมจะไปตามซานดึล .."


    "เรื่องของผัวเมีย อย่าไปยุ่งเลยน่า .. ว่าแต่นายเหอะ ไปรู้จักกับเขาตอนไหน"


    "ผมเจอเขาที่สตูฯQU" บาโรเงียบไปก่อนจะครุ่นคิดว่าจะพูดต่อดีไหม แต่กับจินยองคงไม่เอาไปบอกใครหรอกมั้งว่าเขาน่ะคิดยังไงกับซานดึล


    "ผมก็ไปหาเพื่อนผมนั่นแหละ แต่บังเอิญเจอเขา ..ผมเห็นว่าเขาน่ารักดีอะ เลย .. ชอบ.."


    "แต่เขามีแฟนแล้ว"


    "กงชานเขาก็มีแฟนแล้ว แต่พี่ทำไมถึง .. "


    "นายรู้ .." ดวงตาเล็กวูบไหวเล็กน้อยก่อนจะหลบตาอีกคน. ริมฝีปากบางเม้มเขาหากันเล็กน้อยอย่างครุ่นคิด

    ทำไมเขาถึงรู้ .. ทั้งๆที่เขาก็ไม่ได้แสดงอาการอะไรออกไปมาก...มั้ง ..เอาตรงๆเขาก็ไม่ได้ชอบมากอะไรขนาดนั้น ถึงขั้นหลงรักแบบหัวปักหัวปำมันก็ไม่ใช่เรื่อง 


    แล้วมันคืออะไรกันล่ะความรู้สึกแบบนี้ .. 


    "พี่เชื่อในรักแรกพบมั้ยครับ" บาโรพูดขึ้นเรียบๆก่อนจะบอกให้พนักงานแถวๆนั้น ย้ายเมนูอาหารที่เขาสั่งไว้ต่างๆมาที่โต๊ะนี้แทนเพราะดูท่าแล้วคงได้นั่งที่นี่ไปตลอด 


    "นายหมายความว่ายังไง"


    "ก็ตามที่พูด .. ซานดึลน่ะ"


    "นายหมายความว่าซานดึลอะไรนั่นเป็นรักแรกพบของนายทั้งๆที่มีเจ้าของเป็นตัวเป็นตนน่ะนะ? ตื่นได้แล้วมั้ง" ..


    ยิ่งพูดก็ยิ่งเข้าตัวเองยังไงไม่รู้แบบนี้ ใช่เขาควรจะเลิกฝันแล้วก็ตื่นซักที ..


    "ผมพูดจริงนะ ผมไม่เคยเจอใครแล้วรู้สึกจริงจังเท่าคนนี้เลย"


    ..


    "ตามหลักการแล้วถ้าเราลังเลกับอะไรมันมักจะไม่ใช่ แต่ถ้าเราไม่ลังเล ... มันคือสิ่งที่ใช่"


    ...


    "ถ้าตามความรู้สึกผม ซานดึลคือคนที่ผมไม่คิดที่จะลังเล"


    "ฉันว่านายอ่านนิยายมากไป ไม่มีหรอกของพรรค์นั้น"จินยองพูดเสียงเหนื่อยแล้วส่่ายหัวเบาๆก่อนจะยกมือขึ้นเรียกพนักงานให้มารับออร์ คนตัวเล็กสั่งอยู่สองสามอย่างก่อนที่พนักงานจะโค้งให้แล้วเดินจากไป


    สำหรับเขาแล้วความรักคือความลุ่มหลงและเสน่ห์หา ความรักที่อ่อนโยนบริสุทธิ์อะไรนั่นมันก็แค่นิทานหลอกเด็ก จะรักกันจนวันตายอะไรนั่นมันโครตจะไร้สาระ บางทีคนเราก็ใช้ความรักเป็นเครื่องมือสนองตัณหาตนเอง ..


    แต่สำหรับบาโรมันตรงกันข้าม เขามองว่าเรื่องความรักคือเรื่องละเอียดอ่อน เป็นเรื่องที่สวยงามและเชื่อในรักแรกพบ เขาพร้อมที่จะเสียสละทุกอย่างเพื่อความรัก ..


    "พี่เคยรักใครจริงจังบ้างมั้ยเนี่ย"


    "เท่าที่รู้จักกันมาเคยเห็นฉันคบกับใครมั้ยล่ะ"


    จินยองพูดแค่นั้นก่อนจะเงียบเสียงลง ตั้งแต่เขาเลยวัยมัธยมมา เรื่องความรักก็ไม่เคยเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเขาอีกเลย เป็นคนที่เฉยชาเรื่องความรักมากเลยก็ว่าได้ และมักจะมองความรักในแง่ลบมาตลอด มีความรักมันก็มีทุกข์ แล้วจะมีไปทำไมจริงมั้ย ? แต่ก็เริ่มมีบางอย่างแปลกไปตั้งแต่วันที่เขาได้บังเอิญเจอกับกงชานที่บ้านของเขาโดยลูกพี่ลูกน้องของเขาเอง จากที่ไม่เคยสนใจอะไรใครแต่เขากลับสนใจในตัวเด็กที่ชื่อกงชานชิคอย่างประหลาด ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาเขาก็เริ่มคิดมากและสับสนว่าความรู้สึกแบบนั้นมันคืออะไรกันแน่ เขาก็ยังสรุปไม่ได้เหมือนกัน ว่าความรู้สึกนี้มันจะเรียกว่า 'ชอบ' ได้หรือไม่ 


    เขาสับสน .. มากๆ 


    "พี่ชอบมันมากมั้ย ไอ้เด็กนั่นน่ะ" บาโรถามก่อนจะคีบต๊อกโบกีเข้าปาก


    "ฉันไม่รู้ .. เอาตรงๆนะบาโร ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าฉันรู้สึกยังไงกับมันกันแน่"


    "เฮ้อผมรู้ว่าพี่เป็นคนกล้าได้กล้าเสีย พี่คงไม่คิดจะแย่งใช่มั้ย .."


    "ถ้าแย่งแล้วจะทำไม" จินยองว่าอย่างไม่ใส่ใจก่อนจะหันไปสนใจอาหารตรงหน้าต่อ ถึงบาโรจะรู้ว่าจินยอง

    เป็นคนยังไงแต่ก็ไม่คิดว่าเขาจะแย่ง ..


    "พี่ก็รู้ว่ามันผิด"


    "ผิดแล้วยังไง ผิดกฏหมายหรือเปล่าล่ะ" 


    "ก็ไม่ .. แต่"


    "เงียบๆแล้วกินไปเถอะ ยิ่งพูดฉันยิ่งเครียด" 


    บาโรเงียบเสียงลงหลังจากที่ได้ยินคำประกาสิตจากคนตรงหน้า ควรสงบเสงี่ยมวาจาก่อนที่ระเบิดจะลงร้านซะก่อน ทั้งสองคนนั่งกินไปคุยไปสักพักจนอาหารเริ่มจะน้อยลงเรื่อยๆแต่ซานดึลกับกงชานก็ยังไม่กลับมาที่โต๊ะซักทีจนจินยองเริ่มเอะใจจึงหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหา.คุณผู้จัดการตัวดีที่ปล่อยให้เขารอมาร่วมชั่วโมงแล้ว


    [ฮัลโหลครับ]


    "นายอยู่ไหน"


    [ผมอยู่กับซานดึล]


    "ฉันถามว่านายอยู่ไหนไม่ได้ถามว่าอยู่กับใคร" 


    [ผมอยู่ร้านอาหารข้างๆอะ] 


    ประโยคคำตอบที่ออกมาจากปากกงชานทำให้เขาแทบลมจับ ที่ทั้งสองหายไปก็เพราะไปนั่งอยู่อีกร้านนี่เอง ทำไมไม่บอกกันก่อนวะ ... 


    "แล้วไปอยู่อีกร้านทำไม"


    [ซานดึลเขาไม่อยากกินร้านนั้น ผมเลยพาเขาออกมากินอีกร้านแทน แต่ผมคงไม่ย้อนไปร้านที่พี่อยู่แล้วแหละ ขอโทษนะที่ไม่ได้บอก]


    จินยองฟังคำตอบจากอีกคนแล้วกรอกตาเล็กๆไปมาอย่างเบื่อหน่าย อะไรก็ซานดึลจนเขาชักจะรำคาญไอ้เด็กหน้าเป็ดคนนี้แล้ว จะด่าออกไปก็เกรงว่าจะทุเรศเกินไปที่จู่ๆไปด่าแฟนของเขาแบบนั้น เดี๋ยวผิดใจกันขึ้นมาแล้วจะยุ่ง เลยต้องจำใจบอกไปว่าไม่เป็นอะไร 


    [อีกอย่างคืนนี้ผมคงไม่ได้กลับไปนอนที่นั่น ไว้พรุ่งนี้เช้าผมเข้าไปรับแล้วกัน] 


    "เออ ตามใจ" คนสวยกระแทกเสียงกรอกใส่โทรศัพท์ก่อนจะกดวางสายแล้วเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกง มือบางยกแก้วที่บรรจุแอลกอฮอล์ขึ้นกระดกเข้าปากจนหมดแก้ว จนคนฝั่งตรงกันข้ามต้องมองอย่างฉงนใจ อดไม่ได้ที่จะท้วงห้าม


    "เบาๆหน่อยก็ได้พี่เหล้าอะ" แต่ดูเหมือนจินยองจะไม่ได้ฟังที่บาโรพูดเลยแม้แต่น้อย มือเล็กๆยังคงรินเหล้าใส่แก้วแล้วยกดื่มเรื่อยๆ จนหน้าขาวๆเริ่มมีสีแดงระเรื่อจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่เจ้าตัวดื่มไปมากพอสมควร จนอีกคนเห็นว่าท่าไม่ดีแล้วจึงดึงแก้วในมือจินยองออกแล้วมองหน้าอีกฝ่ายที่ดูเหมือนสติเริ่มไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว


    พูดง่ายๆก็เมานั่นแหละ ..


    "ผมว่าพี่เมาแล้วว่ะ"


    "ใครเมาาา" 


    "แค่กงชานเห็นแฟนเขาสำคัญกว่าก็เฮิร์ทซะละ"


    "อย่าา . . พูดชื่อมัน .. ให้ฉันได้ยินอีก"


    "....."


    "ฉัน เกลียด มัน" 


    "....."


    "มันเป็นใครวะจู่ๆก็มาทำให้ฉันเป็นแบบนี้"


    เสียงเล็กๆปนพูดไม่รู้เรื่องหน่อยๆตัดพ้อขึ้นมาถึงผู้จัดการหนุ่มกงชานชิค หรือคนที่ทำให้จินยองคนที่แข็งกระด้างในเรื่องรักๆใคร่ๆตัดพ้อขึ้นมาอย่างกะคนละคน


    "ฉันไม่อยากเห็นมันของใคร .."

     

    "แบบนี้มันเรียกว่าอะไรวะบาโร"

     

    จินยองพูดแค่นั้นก่อนหัวเล็กๆนั่นจะฟุบหน้าลงไปกับแขนตัวเองที่วางอยู่บนโต๊ะ จนบาโรงงไปเล็กน้อยเพราะตั้งแต่รู้จักกันมาจินยองไม่เคยเป็นแบบนี้ให้เห็นเลย ถึงจะเมามากขนาดไหนก็ไม่เคยฟุบหน้าลงไปกับโต๊ะแบบนี้ .. บาโรถอนหายใจออกมาก่อนจะเรียกพนักงานมาเช็คบิล เมื่อชำระค่าบิลค่าอะไรเสร็จสรรพแล้วจึงค่อยๆช้อนแขนเล็กๆของคนอายุมากกว่าขึ้นมาให้คล้องคอตนเองก่อนจะพยุงคนตัวเล็กให้ลุกขึ้นแล้วเดินออกจากบริเวณตัวร้านอย่างทุลักทุเล

     

     เมื่อเดินมาถึงตัวรถที่จอดไว้จึงล้วงเข้าไปหยิบกุญแจในกระเป๋ากางเกงก่อนจะกดปลดล็อครถ บาโรใช้แขนซ้ายพยุงคนที่เมาไม่ได้สติแล้วใช่มือขวาเปิดประตูด้านหลังแล้วยัดคนตัวเล็กเข้าไปในรถก่อนจะปิดประตูแล้วเดินอ้อมมายังฝั่งคนขับและสตาร์ทรถออกไป


    "พาฉันกลับบ้าน" เสียงที่ดูไร้เรี่ยวแรงของจินยองดังขึ้นขณะที่บาโรขับรถโชคดีที่จินยองบอกก่อนที่เขาจะขับไปทางคอนโดจึงสามารถขับมาทางที่ไปบ้านของเขาได้ 


    แขนแกร่งสองข้างของบาโรอุ้มร่างบางที่หลับสนิทหลังจากที่พูดบอกเขาให้มาส่งที่บ้านเดินขึ้นบันไดมาเรื่อยๆจนเดินมาหยุดที่หน้าห้องของเจ้าตัว ก่อนที่ลุงฮวางจะเปิดประตูห้องให้บาโรได้เข้าไป เขากล่าวขอบคุณก่อนจะเดินเข้าไปในห้องแล้ววางคนที่หลับอยู่ในอ้อมแขนลงบนเตียงสีขาวนุ่ม มือหนาหยิบผ้าห่มที่อยู่ปลายเตียงมาห่มให้เจ้าของห้องแล้วเดินไปเปิดแอร์ก่อนที่จะปิดไฟแล้วเดินออกมานอกห้องและปิดประตู 


    "ฝากบอกพี่ชินอูด้วยนะครับว่าจินยองกลับมานอนที่นี่" ด้วยความที่ทำงานกับครอบครัวนี้มานานจึงไม่แปลกเลยที่เขาจะรู้จักคนในบ้านอยู่มากพอสมควร เรียกได้ว่าเข้าออกได้ตามสบายอย่างกะคนในบ้าน บาโรคุยกับพ่อบ้านฮวางอยู่สองสามประโยคก่อนจะลาและขับรถกลับบ้านของตัวเอง 

     


    7.30 A.M

    เสียงร้องจากโทรศัพท์เครื่องหรูบ่งบอกว่ามีคนโทรเข้ามาดังขึ้นอยู่บนหัวเตียงทำให้ร่างสูงต้องใช้มือขวานหาโทรศัพท์เพราะตายังไม่สามารถลืมขึ้นมาได้ในทันที 


    "ฮัลโหลครับ"ร่างสูงกรอกเสียงงัวเงียลงไปในโทรศัพท์ก่อนที่จะสะดุ้งตื่นขึ้นมาทันทีที่ได้ยินเสียงจากปลายสาย


    [เอ่อกงชานขอโทษที่พี่โทรมากวนตอนเช้า]


    "เฮ้ยไม่เป็นไรครับพี่ชินอู ผมตื่นแล้วพอดี" ด้วยความที่เกรงใจรุ่นพี่ไม่อยากให้ต้องกังวลว่าโทร มากวนเลยบอกไปอย่างนั้น


    [เอ่อ. . นายรู้ใช่มั้ยว่าจินยองกลับมานอนที่บ้าน]


    "ครับ?!"


    [เห็นลุงฮวางบอกว่าเมามากจนบาโรต้องมาส่ง]


    "......"


    [ไหนๆก็ไหนๆแล้วพี่ฝากนายมาดูแลมันหน่อยได้มั้ย พี่มีงานเช้าว่ะ]


    "ได้ครับ เดี๋ยวผมรีบไป"

     

    เพราะเห็นว่าเป็นพี่ชายที่ตนเคารพเลยไม่กล้าปฏิเสธเลยตอบรับไปแบบไม่ต้องคิด ยังไงเขาก็ต้องไปหาจองจินยองอยู่แล้วในฐานะผู้จัดการส่วนตัว หลังจากที่ตกลงกับชินอูเรียบร้อยแล้วว่าจะไปดูจินยองแทนพี่ชายของเขาจึงลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัว  หลังจากที่กงชานอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงเดินไปหาคนน่ารักที่นอนหลับพริ้มอยู่บนเตียง แก้มกลมๆโผล่พ้นผ้าห่มมาเล็กน้อยร่างสูงจึงอดไม่ได้ที่จะจรดปลายจมูกลงบนแก้มนุ่มน่าฟัดนั่น


    "ผมไปก่อนนะครับ" พูดกับคนรักก่อนที่จะก้มลงจูบหน้าผากมนของอีกฝ่ายเบาๆแล้วเดินออกมานอกห้อง ขายาวๆสาวไปยังลานจอดรถแล้วสตาร์ทรถออกไปยังที่หมาย


    "มาแล้วหรอคุณผู้จัดการ" ยังไม่ทันที่จะเดินเข้าไปในตัวบ้านก็บังเอิญเจอกับประธานบริษัทที่กำลังจะออกไปทำงานซะก่อน กงชานที่ดูตกใจเล็กน้อยจึงพูดอรุณสวัสดิ์อย่างตะกุกตะกัก บวกกับกลัวจะโดนดุเรื่องไม่ดูแลหลานรักที่ปล่อยให้เมากลับบ้านมาด้วย


    "ฝากดูแลเจ้าจินยองมันด้วยแล้วกันนะ ฉันไม่ถือว่าเป็นความผิดนายหรอก มันต่างหากที่ไม่รู้ลิมิตตัวเอง" ท่านประธานตบบ่าชานชิคเล็กน้อยเป็นเชิงให้กำลังใจก่อนที่จะเดินไปที่รถเพื่อออกไปทำงานที่บริษัท แผ่นหลังกว้างโค้งลงเล็กน้อยเพื่อทำความเคารพแล้วเดินตามลุงฮวางเข้าบ้านไป 


    ขายาวก้าวขึ้นบันไดไปทีละขั้นก่อนที่จะพาขาของตัวเองมาหยุดที่หน้าห้องของจองจินยอง ร่างสูงยกมือขึ้นเคาะประตูตามมารยาทแต่ก็ไร้ซึ้งเสียงตอบรับใดๆด้านในจนกงชานจึงถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไป
    กงชานสาวขาของตัวเองมายังเตียงสีขาวขนาดใหญ่กลางห้องมองดูร่างที่ขดคู้อยู่ใต้ผ้าห่ม ตาเรียวเล็กหลับตาพริ้มราวกับเด็กน้อยไร้เดียงสาไม่มีพิษสงใดๆ แต่อย่าให้ตื่นขึ้นมาแล้วกัน

     

    พี่จินยองเสียงทุ้มนุ่มเอ่ยเรื่องชื่อคนบนเตียงเบาๆเหมือนวันแรกที่เขาเข้ามาปลุกร่างบางในห้องนี้ แต่ครั้งนี้กลับแปลกไป ไม่ใช่ว่าจองจินยองลืมตาขึ้นมา แต่กลับเป็นเสียงครางฮือที่ดังหวิวขึ้นมาจากใต้ผ้าห่มจนกงชานเอะใจจึงค่อยๆเลิกผ้าห่มบนคนตัวเล็กออก

     

    หนาว ..คนใต้ผ้าห่มพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่าก่อนที่จะค่อยๆเอาแขนขึ้นมากอดไหล่ตัวเองไว้ในท่าที่นอนตะแคง ร่างบางสั่นเทาด้วยความหนาวจากแอร์ที่เปิดทั้งไว้ตั้งแต่เมื่อคืนตอนที่เขาเข้ามานอนในห้อง กงชานหันซ้ายหันขวามองหารีโมทแอร์ก่อนจะเจอมันอยู่ตรงผนังใต้แอร์ ร่างสูงไม่รอช้ารีบเดินไปปิดแอร์แล้วเปิดหน้าต่างเพื่อระบายอากาศแล้วเดินมาหาคนตัวเล็กที่นอนสั่นอยู่บนเตียง

     

    พี่ไม่สบาย ? มือหนาลากเก้าอี้ที่อยู่แถวๆนั้นมานั่งข้างเตียงก่อนจะพูดกับเจ้าของห้องที่ค่อยๆลืมตาขึ้นมา แต่ด้วยความรู้สึกที่หนังอึ้งบริเวณเปลือกตาทำให้เขาลืมตาได้อย่างยากลำบาก

     

    นาย ... มาทำไมเจ้าของห้องใช้แรงอันน้อยนิดที่มีพูดออกปากไล่คนตรงหน้า ซีดจนจะเป็นไก่ต้มแต่ก็ยังอวดดีไล่คนที่มาดูแลให้ออกไป และดูเหมือนกงชานจะไม่สนใจเลยใช้มืออุ่นทาบลงบนหน้าผากของคนที่นอนป่วยอยู่บนเตียงเบาๆ สัมผัสอุ่นๆที่ทาบอยู่บนหน้าผากของเจ้าตัวทำให้จินยองนอนนิ่งไม่ขัดขืนทั้งๆที่ให้หัวมันอยากจะปัดมือเขาออกไปไกลๆ

     

    แต่หัวใจของเขามันไม่ฟังเลยน่ะสิ ...

    พี่ไม่สบายจริงๆด้วยกงชานละมือออกมาก่อนจะใช้ท่อนแขนเท้าลงบนเตียงแล้วมองหน้าคนสวยที่ตอนนี้ซีดจนสีผิวทั้งหน้าเป็นสีเดียวกัน

    แค่นี้ไม่ตายหรอก

     

    ยาอยู่ไหน

     

    ทำไมฉันต้องบอก

     

    ผมถามว่ายาอยู่ไหนกงชานทำเสียงดุจนคนป่วยสะดุ้ง สุดท้ายก็ต้องยอมบอกไปอยู่ดีกว่ายาอยู่ที่ไหน เขาลุกขึ้นไปเดินหายาตามที่คนหน้าสวยบอกก่อนจะเดินกลับมาพร้อมยา 2-3 อย่างในมือแล้วเอามาวางไว้ที่หัวเตียง จากนั้นก็เดินหายเข้าไปในห้องน้ำ จองจินยองมองตามร่างสูงที่หายไปในห้องน้ำอย่างงงๆอยู่บนเตียง ไม่นานกงชานก็เดินออกมาพร้อมผ้าขนหนูสีขาวชุบน้ำในมือ

     

    ผมจะลงไปหาข้าวให้ ระหว่างนี้พี่ก็เช็ดตัวไปแล้วกันกงชานวางผ้าขนหนูชุบน้ำหมาดๆไว้ข้างตัวคนป่วยแล้วเดินหายลงไปข้างล่าง ตาเรียวเล็กมองผู้จัดการของตัวเองที่เดินหายไปจนลับตาแล้ว หันมองผ้าขนหนูที่วางอยู่ไม่ไกลมือเขา

     

    เขาจะรู้ตัวมั้ยนะว่าเขากำลังยิ้ม ...

     

    ร่างบางลืมตาขึ้นมาหลังจากที่เผลอหลับไปซักพักหลังจากเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จด้วยความเหนื่อยอ่อนและรู้สึกหนักๆบริเวณเปลือกตาจึงหลับตาระหว่างรอกงชานที่ไปเตรียมอาหารให้เขา ไม่นานประตูห้องก็เปิดออกพร้อมร่างสูงที่ถือถาดสแตนเลตที่มีชามและแก้วน้ำวางอยู่ข้างๆกัน กงชานเดินเข้ามาใกล้ๆจินยองก่อนจะวางถาดอาหารลงบนโต๊ะข้างๆหัวเตียงที่ว่างอยู่

    Gongchan part
    "นายทำข้าวต้มเอง ? " เขาถามผมก่อนจะค่อยๆยันตัวขึ้นมาพิงกับหัวเตียง


    "เปล่าครับ แม่บ้านน่ะ" ผมตอบก่อนจะยกชามข้าวต้มและยื่นให้พี่จินยอง คนป่วยมองหน้าผมนิ่งๆ ก่อนจะพูดออกมา


    "ป้อน"


    "ฮะ?!"


    "ป้อนหน่อย"


    "นี่พี่ไม่สบายหรือเป็นง่อยกันแน่" ผมพูดแล้วถอนหายใจก่อนจะนั่งลงข้างคนป่วยที่ยิ้มมุมปากราวกับผู้กุมชัยชนะ อาจจะจริงที่ซานดึลบอกว่าเขาชอบผม แต่ผมไม่ได้ชอบเขาซักหน่อย เลยสามารถทำอะไรๆได้โดยไม่ตะขิดตะขวงใจเช่นป้อนข้าวเขาเป็นต้น ถึงแม้ผมอาจจะเคยหวั่นไหวบ้างไปบางที ..

     

    นั่นแหละ แค่บางที ....


    ผมตักข้าวต้มขึ้นมาช้อนนึงก่อนจะเป่าเบาๆให้หายร้อนก่อนจะยื่นช้อนไปจ่อปากคนตรงหน้า พี่จินยองมองหน้าผมแวบนึงแล้วอ้าปากงับช้อนอย่างว่าง่าย 

     


    "พี่น่าจะไม่สบายไปตลอดนะครับ หูผมโล่งขึ้นเยอะเลย"

     

    "หยาบคาย"พี่จินยองว่าผมพลางส่งสายตาจิกๆมาให้  


    กลัวตายล่ะ -__- 


    "พี่กินเองไม่ได้รึไง" ผมถามไปงั้นแต่ในมือก็ยังใช้ช้อนตักให้ข้ามต้มป้อนให้เขา พี่จินยองมองหน้าผมแต่ก็ไม่ตอบ พอเคี้ยวเสร็จก็อ้าปากรอผมป้อนเหมือนลูกอ้าปากรออาหารจากแม่ยังไงยังงั้น ผมเลยได้แต่ถอนหายใจแล้วป้อนข้าวต้มให้เจ้านายตัวแสบต่อไปเรื่อยๆจนหมดถ้วย


    "ไม่กินยาได้มั้ย" พี่จินยองถามผมขณะที่ผมกำลังหยิบเม็ดยา 2 เม็ดขึ้นมา ผมปรายตามองคนตัวเล็กนี่กำลังส่งสายตาเว้าวอนแบบจิกๆ(?)ส่งมาให้ 


    "ผมไม่ใจอ่อนหรอกนะ"


    "นะ"


    "ไม่"


    "น๊าาา"


    "กินเข้าไปไม่ตายหรอกน่า" พูดแล้วก็เอายายัดใส่มือบาง พี่จินยองมองผมอย่างเคียดแค้นราวกับผมไปฆ่าคนในครอบครัวเขายังไงอย่างงั้นก่อนจะค่อยๆยันตัวขึ้นพิงหัวเตียงแล้วเอายาเข้าปากและคว้าแก้วน้ำที่ผมดื่มอยู่ในมือไปกิน เจ้าตัวยื่นแก้วในมือมาให้อย่างรวดเร็วจนผมเกือบรับไม่ทันก่อนจะเลื่อนตัวลงนอนเหมือนเดิม


    "จะไปไหนก็ไป" 


    "-__-;"


    "ไปสิฉันจะนอน"


    "ขอบคุณซักคำไม่มี"


    "ชาติหน้า" 


    "ทวงบุญคุณผิดคนจริงๆ" ผมบ่นกระปอดกระแปดก่อนจะเดินออกมานอกห้อง ก็ในเมื่อเจ้าของห้องไล่ออกมาผมจะไปหน้าด้านอยู่ได้ยังไง


    ร่างบางโผล่หัวยุ่งๆของตัวเองออกมาจากกองผ้ามองคนตัวสูงที่กำลังเปิดประตูห้องของตัวเองแล้วเดินหายออกไป เขาละอยากตบปากตัวเองจริงๆที่ไปไล่เด็กบ้านั่น อยากให้เขาอยู่แต่ไปไล่เขากลับไปซะงั้น


    ปากหรือกรรไกรวะจองจินยอง ...


    คิดไปก็ยิ่งปวดหัว นอนดีกว่า ..

     


    Jinyoung part


    เวลาผ่านไปหลายชั่วโมงจนเกือบค่อนวันหลังจากที่จินยองหลับไป ดวงตาเรียวเล็กค่อยๆลืมขึ้นมาก่อนจะค่อยๆกระะพริบตาที่หนักอึ้งจากพิษไข้เพื่อให้ปรับรับเข้ากับแสงที่ส่องผ่านม่านเข้ามา ก่อนที่จะรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ติดอยู่บนบริเวณหน้าผาก ผมเอื้อมมือขึ้นไปจับๆดูจึงรู้ว่านั่นเป็นเจลลดไข้  ...


    คำถามผุดขึ้นมาในหัวว่าใครเอาแผ่นเจลสีฟ้านี่มาแปะให้ก่อนที่จะค่อยๆขยับตัวลุกขึ้นพิงหัวเตียง แต่สายตาก็เหลือบไปเห็นคนที่ผมพึ่งไล่ไปเมื่อเช้าเอาแขนรองหัวตัวเองแล้วฝุบหน้าลงกับเตียงอยู่ข้างๆผม

     
    กงชาน ? 


    นาย .. ? 


    ผมนั่งมองคนที่ฝุบหน้าอยู่ข้างๆเขาด้วยแววตาสับสนว่าจริงๆแล้วผมรู้สึกอย่างไรกับคนๆนี้กันแน่ ผมตอบไม่ได้จริงๆว่าความรู้สึกนี้มันคืออะไรมันเรียกว่าอะไร เพราะที่ผ่านมาผมไม่เคยรู้สึกอะไรกับใครแบบนี้มาก่อน ... 


    ผมเอื้อมมือไปหาคนตรงหน้าหมายจะลูบกลุ่มผมสีดำเข้มนั่น แต่ก็ต้องชักมือกลับเมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมาก่อน 


    "พี่ตื่นแล้วหรอ" กงชานพูดด้วยน้ำเสียงงัวเงียก่อนที่จะนั่งเหมือนปกติแล้วบิดขี้เกียจสองสามที


    "อือ" ผมตอบไปแต่ใจจริงก็อยากจะถามว่าใช่เขาหรือเปล่าที่เอาแผ่นเจลลดไข้นี่มาแปะให้เขา ..


    "อ้อ เจลลดไข้ผมซื้อมาเอง" แต่ไม่ทันที่ได้ถาม ร่างสูงตรงหน้าก็ตอบขึ้นมาก่อนอย่างรู้งาน

     

    นายอย่าทำดีกับฉันมากจะได้มั้ย ..


    อย่าทำให้ฉันสับสนไปมากกว่านี้เลย ..


    เพราะฉันยังไม่พร้อมที่จะรู้สึกดีๆกับใคร...

     

    "เอ่อ ...


    ขอบใจ .. นะ..."


    "นึกว่าจะได้ยินชาติหน้าซะแล้ว"กงชานว่าก่อนจะกระตุกยิ้มมุมมาก ผมละเกลียดจริงๆไอ้ยิ้มมุมมากแบบนี้ คิดว่าหล่อมากหรือไง .. 


    แล้วใจผมสั่นทำบ้าอะไรวะ ////


    "พี่ดีขึ้นบ้างมั้ยเนี่ย" 


    "ก็ดี ... " 


    ดีกว่าตอนผมเห็นเขาเดินจากไปเมื่อเช้านั่นแหละ 


    "หิวไรป่ะผมซื้อรามยอนมาให้ อยู่ในครัว"


    "นาย...ไปไหนมา?"


    "ก็..ตอนแรกผมก็ว่าจะไปหาซานดึล แต่เขางานยุ่งทั้งวัน ผมเลยไปหาไรกินแถวๆนี้ ระหว่างทางผมผ่านร้านขายยาจึงซื้อแผ่นเจลลดไข้มาให้พี่แล้วก็ซื้อรามยอนติดมือมาด้วย ร้านนี้อร่อยมากเลยนะ"

     

    ไอ้บ้าเอ๊ยย


    เขินแก้มจะแตกแล้วเนี่ย /// โว้ยย

     

    "ไม่ต้องทำขนาดนั้นก็ได้มั้ง" ผมพูดเรียบๆแต่ในใจจริงนี่อยากจะเข้าไปกอดใจจะขาด นี่ผมชอบมันจริงหรอเนี่ย... ?


    "ก็ผมเป็นผู้จัดการพี่อะผมก็ต้องดูแลพี่สิ" 


    ตัดเหลือแค่ ผมต้องดูแลพี่ได้ป่ะวะ ...


    "หิวแล้ว" ผมพูดบอกกงชานที่เอาแต่เอามือเท้าคางมองหน้าผมอยู่นั่น เจ้าตัวพยักหน้าหงิกหงักแล้วลุกเดินออกจากห้องไป ผมค่อยๆพยุงร่างอันไร้เรี่ยวแรงของตัวเองลุกไปเข้าห้องน้ำ แต่ก็ยังดีกว่าตอนเช้าที่แทบจะยกแทนไม่ได้เลยน่ะนะ


    หลังจากที่ทำธุระเสร็จแล้วผมจึงพาร่างอันห่อเหี่ยวอย่างกะผีตายซากเดินออกมาจากห้องน้ำประจวบเหมาะกับที่กงชานยกชามรามยอนชามใหญ่มาให้ผมพอดี


    "ลุกได้แล้วผมก็ไม่ต้องป้อนแล้วสิ"


    "ทำไม อยากป้อนรึไง"


    "ผมพูดตอนไหนน่ะ ฮ่าๆๆ โอ้ยเจ็บ" ร่างสูงร้องโอดโอยแล้วยกมือขึ้นกุมหัวหลังจากผมหยิบตะเกียบฟาดลงไปบนหัวสองสามทีแรงๆก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนเตียง


    "อ้าว มานั่งกินที่โต๊ะดิ" กงชานว่าก่อนจะวางถ้วยรามยอนลงบนโต๊ะแก้วกลมที่มีเก้าอี้ 2 ตัววางเป็นชุดอยู่ภายในห้อง ผมจึงเดินไปนั่งอย่างว่าง่าย ไม่อยากจะเรื่องมากคือหิวจะตายแล้ว ผมนั่งลงตรงฝั่งตรงข้ามกงชานก่อนจะใช้ตะเกียบคีบรามยอนแล้วเอาเข้าปาก


    "ไม่กินหรอ" ผมเงยหน้าถามกงชานที่เอาแต่นั่งจ้องหน้าผมอีกแล้ว -__- จ้องขนาดนี้จะไปกินได้ยังไง
    "ผมกินมาแล้ว" กงชานว่าก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดรับสายเพราะมีคนโทร.เข้ามาพอดี
    ซานดึลอีกสินะ ..


    "ครับพี่ชินอู"


    อ้าว ..


    ไม่ใช่แฮะ .. ไอ้พี่บ้า -__-;


    "ครับผมอยู่กับพี่จินยอง" ตาคมๆเหลือบมองผมก่อนจะตอบปลายสาย คำถามคงเป็นนายอยู่กับไอ้จินยองหรือเปล่าแน่ๆ


    "เดี๋ยวพี่รอแปปนะ" จู่ๆมือของคนตรงหน้าผมก็เอื้อมมือมาใช้หลังมือแตะแก้มผมเบาๆเหมือนวัดไข้ เล่นเอาผมใจกระตุกวูบ


    "ตัวไม่ร้อนแล้วครับ"


    "ครับผมแล้วเจอกันครับพี่" กงชานกดวางสายแล้ววางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะแล้วนั่งจ้องผมต่อ 


    "ถ้าให้เดาไอ้พี่ชินอูมันโทร.บอกนายให้มาหาฉันใช่มั้ย"


    "ปิ๊งป่อง"


    "ป่องป้าแกสิ"


    จู่ๆผมก็หงุกหงิดขึ้นมาซะงั้น นี่ถ้าพี่ชายผมไม่โทร.บอกไอ้ลูกหมานี่ ผมก็นอนแห้งเหี่ยวจมไข้ตายอยู่ในห้องนี่แหละ ใช่ว่าพ่อบ้านจะไม่มาดูดำดูดีอะไรหรอกนะ แค่เอายาเอาข้าวมาวางแหมะให้ผมแล้วเขาก็ไป 


    "ประจำเดือนพี่ยังไม่หมดอีกหรอ" 


    "มีที่ไหนกันเล่า" กวนประสาทจริงๆเดี๋ยวก็สาดด้วยรามยอนซะหรอก เอาให้หน้าหล่อๆนี่เสียโฉมไปเลย หึ่ย


    "วันเสาร์นี้พี่มีแฟนมีตติ้งที่ปูซาน"


    "ฉันหายทันน่า"


    "เดี๋ยวพี่ชินอูก็กลับแล้วล่ะวันนี้บอกเลิกงานเร็ว" 


    "อ้อ เย็นนี้กลับคอนโดฯนะ"


    "พี่ไม่รอให้หายดีก่อนรึไง" 


    "พรุ่งนี้ฉันจะเข้าตึก" ผมว่าก่อนจะวางตะเกียบไว้บนขอบชาม กงชานที่เห็นว่าผมกินเสร็จจึงเอายาและแก้วน้ำมาให้เหมือนเดิม ผมรับมาก่่อนจะกินแล้ววางแก้วน้ำไว้บนโต๊ะ


    "ฉันจะเขียนเพลงต่อ" ใช่ว่าอาชีพนักร้องจะสบาย แต่ผมรักในสิ่งที่ผมทำเลยดูเหมือนเป็นเรื่องปกติที่ทำงานไปด้วยในขณะที่ไม่สบาย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องหนักหนาอะไรเลย เว้นเสียแต่จะกินไม่ได้นอนไม่หลับกระสับกระส่ายขาหักแขนหักหัวฟาดพื้นอัลไซเมอร์แดกอะไรแบบนั้น -__-;;


    "ผมเห็นในตารางงานพี่คัมแบคปลายปี"


    "อือ"


    "พี่รักแฟนคลับป่ะ" 


    "ถามบ้าๆ รักสิรักมากด้วย ถ้าไม่มีพวกเขาฉันจะมีวันนี้ได้ยังไง"


    "แล้วพี่รักผมป่ะ"


    "...!!!" 


    "ผมล้อเล่น" กงชานพูดติดตลกก่อนจะเอาถ้วยชามรามไหที่วางอยู่บนโต๊ะลงไปเก็บข้างล่าง ทิ้งให้ผมตกใจกับคำถามนั่นอยู่เพียงคนเดียว ผมนั่งนิ่งอยู่ซักพักก่อนจะเคลื่อนย้ายตัวเองไปนั่งอยู่ตรงโซฟา หยิบรีโมทขึ้นมากดเปิดทีวีดูไปเรื่อยเปื่อย ไม่นานกงชานก็เปิดประตูเข้ามาพร้อมจานผลไม้ในมือ ..


    "ผมลืมบอกว่าผมซื้อแอปเปิ้ลมาฝากด้วย" กงชานว่าก่อนจะเดินมาหาผมที่โซฟาแล้ววางจานแอปเปิ้ลไว้ตรงหน้าผมและทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ

     

    บอกว่าอย่าทำดีกับฉันมากไง ////

     

    กินดิอร่อยนะกงชานว่าก่อนจะหยิบแอบเปิ้ลในจานส่งมาให้ผมหนึ่งชิ้น ถ้าเขายังอยู่กับผมแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ พนันได้เลยว่าไม่นานผมต้องรักไอ้เด็กบ้านี่แน่ .....

     

    ถ้าให้ผมต้องเลือก ระหว่างตัดใจ กับ ไปต่อ ...

     

    จะผิดมั้ยถ้าผมเลือกที่จะไปต่อ .... ตามความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อเขาที่มันเริ่มจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ....

     

     

    เฮ้ไอ้น้องชายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

     

    ประตูห้องบานใหญ่เปิดขึ้นพร้อมกับเสียงของพี่ชายที่เดินอาดๆเข้ามาในห้องอย่างคุ้นชิน ตามด้วยผู้หญิงหน้าตาน่ารักเดินตามเข้ามาพร้อมกระเช้าผลไม้ที่ถูกตกแต่งด้วยริบบิ้นสีสันสดใสอย่างสวยงาม

     

    อ้าวพี่ฮเยยอน สวัสดีครับ ผมทักทายก่อนจะโค้งให้เธอเล็กน้อย พี่ฮเยยอนเป็นว่าที่พี่สะใภ้ผมเองครับ หรือเรียกอีกอย่างคือเป็นแฟนของพี่ชินอูนั่นแหละ ไม่รู้ไปหาแฟนน่ารักๆนี่มาจากไหน ไม่หามาเผื่อน้องมั่ง - -;

     

    สวัสดีจ้าพี่ฮเยยอนตอบมาอย่างคุ้นเคยเพราะพี่ชินอูมักพาพี่เขามาทานข้าวกับคุณน้าบ่อยๆ ผมได้ยินมาว่าอีกไม่กี่ปีข้างหน้าก็น่าจะสละโสดแล้ว

     

    "อ่ะนี่ พี่ซื้อมาฝาก เห็นชินอูมันบอกว่าไม่สบาย" ว่าที่พี่สะใภ้ของผมว่าก่อนจะยื่นกระเช้าผลไม้มาให้ผม แต่ยังไม่ทันที่จะเอื้อมมือไปรับ คนข้างๆผมรับมาแทนแล้ววางลงบนโต๊ะ


    "แกมีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ยจินยอง"


    "แฟนเฟินอะไรกัน รุ่นน้องฉันเอง ผู้จัดการไอ้จินยองมัน"


    "เอ่อสวัสดีครับ ผมกงชานชิกเรียกว่ากงชานก็ได้ครับ"


    "พี่ชื่อคิมฮเยยอน แฟนไอ้หมีมันน่ะ " พี่ฮเยฮยอนว่าก่อนจะก้มงมองนาฬิกาข้อมือ ก่อนจะขอตัวลาเพราะมีธุระ พี่ชินอูจึงอาสาเดินไปส่งหน้าบ้านเพราะคงขับรถมาคนละคัน ทิ้งให้ผมกับกงชานอยู่กันสองต่อสองตามเดิมเหมือนตอนแรก 


    "พี่ ..." คนข้างๆส่งเสียงเรียกผม แต่ผมก็ไม่ได้หันไปมองเพราะตายังจับจ้องไปที่จอทีวีที่กำลังฉายหนังที่เป็นเรื่องโปรดของผม ผมไม่ได้ดูนานแล้วก็จริงแต่มันก็ยังสนุกทุกครั้งที่ดู


    "พี่จินยอง" 


    "เรียกทำไมเล่า" 


    "หันหน้ามาหน่อย" คนตัวสูงข้างๆพูดไม่พอยังถือวิสาสะจับปลายคางผมให้หันหน้าไปหาเขา สัมผัสอุ่นๆที่สัมผัสใต้คางทำให้ใบหน้าผมร้อนผ่าวขึ้นมาเสียดื้อๆ


    "พี่ไม่รู้สึกบ้างหรอ"


    "ฮะ....? รู้สึก ? รู้สึกอะไร" ผมทำหน้าเหวอๆใส่เขาเพราะประโยคที่เขาพูดกับผมเมื่อครู่


    "ผมว่าผมหน้าคล้ายๆพี่"


    ตรงไหนวะ ... 


    "จริงๆนะถ้าผมตาตี่กว่านี้ เขาว่าคนหน้าเหมือนกันจะเป็นเนื้อคู่กัน" 


    "จะสื่ออะไร เอามือออกไปได้แล้ว" ผมฉุนใส่ก่อนจะปัดมืออีกคนทิ้งแล้วหันมาดูหนังต่อ แต่ในสมองผมกลับไม่ได้มีเรื่องของหนังอยู่ในหัวเลย ผมไม่ชอบก็จริงที่มันมาอะไรๆกับผม มันคงไม่คิดอะไร แต่ผมมันชักหวั่นไหวขึ้นเรื่อยๆ จากศูนย์ถ้าให้ผมประมาณตอนนี้คงซัก 10 จากเต็ม 100 ...


    และแน่นอนถ้ามันถึง 100 เมื่อไหร่


    ผมไม่ปล่อยเขาแน่ 

     


    "ครับพี่ซานดึล" กงชานที่นั่งอยู่เงียบๆจู่ๆก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับสาย ทันทีที่รู้ว่าปลายสายเป็นใครเขาก็รีบรับแล้วลุกขึ้นเดินไปคุยกับแฟนตรงระเบียงห้อง ผมได้แต่มองอีกฝ่ายด้วยหางตาก่อนจะเอาหมอนอิงขึ้นมากอดแล้วดูหนังต่อไปเรื่อยๆก่อนจะเผลอหลับไปในที่สุด

     


     

     

    Do you believe in destiny ?

     

    คุณเชื่อในพรมลิขิตมั้ย ?

     

    ใช่ ... ฉันเชื่อ

     

     

     

    "พี่คนสวยชื่ออะไรหรอ" เด็กตัวเล็กๆนัยน์ตาสีดำสนิทเงยหน้ามองคนที่น่าจะอายุมากกว่าด้วยสายตาวิบวับราวกับลูกหมาตัวน้อย คนถูกถามที่กำลังนั่งก่อทรายอยู่ด้วยกันชะงักมือแล้วหยิบเสียมพลาสติกสีแดงที่เอาไว้เล่นก่อทรายตีแขนเด็กอีกคนเบาๆ


    "พี่คนสวยใจร้าย" เด็กที่ว่านั่นแกล้งเบะปากก่อนจะพังทรายที่นั่งก่อด้วยกันมาจนพังไม่นานก็ถูกน้ำทะเลซัดไปจนหมด ยิ่งทำให้คนอายุมากกว่าโมโหขึ้นไปอีก


    "พี่คนสวยอย่าตีกงชานนะ!!" เด็กคนนั้นรีบเอาแขนขึ้นมาบังเหนือตัวเองเพราะกลัวคนตรงหน้าจะโมโหจนทุบตีตน 


    "นี่ไอ้ลูกหมา" เสียงเล็กๆพูดขึ้นก่อนจะเดินไปนั่งยองๆตรงหน้าเด็กคนนั้น แล้วจับแขนที่ยกขึ้นมาบังออก ตาเรียวจ้องเข้าไปในดวงตาวาวใสเด็กคนนี้


    หล่อไม่เบาเลยแหะ ...


    "กงชานไม่ใช่ลูกหมา" เด็กน้อยพูดก่อนจะยู่ปาก จนคนสวยต้องคลี่ยิ้มน้อยๆให้กับความน่ารักของเด็กตรงหน้า ดูดีๆก็โมโหไม่ลง


    "ลูกหมาของพี่จินยองไง" 


    "พี่คนสวยชื่อจินยองหรอ" 


    "อือ จองจินยอง อีกอย่างฉันเป็นผู้ชายอย่าเรียกพี่คนสวยอีกนะ" จินยองเอ็ดเด็กตรงหน้าที่ส่งยิ้มสดใสมาให้


    "กงชานชอบพี่จินยองจัง" เด็กที่ชื่อกงชานพูดอย่างเริงร่าก่อนจะโถมตัวเข้าไปกอดพี่คนสวยจนเสียหลักล้มลงไปนอนแนบกับผืนทรายชุ่ม และพยายามจะดันเด็กตัวเล็กออกแต่ก็ไม่เป็นผล กลับกอดเจ้าตัวแน่นกว่าเดิม นี่ถ้าไม่ใช่เด็ก 5 ขวบกับ 7 ขวบมานอนกอดกันริมทะเลแบบนี้มีหวังโดนแหงๆ


    "ลุกออกไปซักทีพี่หนักนะ"


    "จุ๊บก่อน"


    "หา ?????" 


    ไอ้เด็กห้าขวบมันรู้จักจุ๊บด้วยหรอ !! 


    "จุ๊บก่อนแล้วกงชานจะลุก"


    "เอ่อ ..."


    "เร็วๆสิฮะ!" เด็กตัวน้อยกระตุกชายเสื้อเร่งคนที่นอนแผ่หลาอยู่ด้านล่าง จินยองเลยยอมๆทำไปถ้าขืนโดนทับงี้คือเหน็บแดกแน่ๆ คนสวยจึงยกหัวตัวเองขึ้นมาเพื่อจะจุ๊บเด็กบ้ากงชาน แต่ถูกมือเล็กๆกดหน้าผากลงไปนอนแผ่อยู่เหมือนเดิม


    "ผมจุ๊บเองดีกว่า" คนตัวเล็กกว่ายิ้มแป้นก่อนจะโน้มหน้าลงไปแล้วประกบริมฝีปากนิ่มๆลงบนริมฝีปากซีดๆของคนด้านล่าง จินยองตกใจเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร ปล่อยให้ริมฝีปากตัวเองโดนจุ๊บอยู่นิ่งๆ เพราะคิดว่าแค่เด็กคงไม่มีพิษภัยอะไร แต่เขาคิดผิดเมื่อเด็กเจ้าเล่ห์ด้านบนเริ่มขยับริมฝีปากไปมาวาดอยู่บนกลีบปากซีดที่ปิดสนิท มือผอมพยามจะผลักออกแต่ไม่เป็นผล ซ้ำยังถูกตรึงข้อมือทั้งสองข้างโดยไอ้เด็กนี่ต่างหาก



    "อื้อ..." จองจินยองร้องอู้อี้ในลำคอทันทีที่เผลอปล่อยปากตัวเองให้ลิ้นนุ่มเข้ามาหยอกล้อด้านใน กลีบปากซีดถูกขบดึงจนเป็นสีแดงช้ำ แถมฟันของเด็กนี่ยังโดนปากตัวเองจนห้อเลือดอีกต่างหาก  ... ลิ้นอุ่นๆของเจ้าเด็กน้อยกงชานชิกไล่จับลิ้นเล็กของอีกฝ่ายที่กำลังหนี แต่แล้วก็หนีไม่รอดยอมให้อีกฝ่ายเข้ามาเกี่ยวพันในที่สุด 


    "อื้ออ" จินยองประท้วงในลำคอเป็นครั้งสุดท้ายเพราะแทบจะหมดลมหายใจ จนกงชานต้องยอมถอนริมฝีปากออกมาอย่างอ้อยอิง


    "ไอ้ลูกหมาไหนบอกแค่จุ๊บไง!" จินยองผลักคนข้างบนออกจนกระทบกับน้ำทะเลที่ซัดขึ้นฝั่งพอดีก่อนจะตวาดเสียงดัง แล้วปาดริมฝีปากออกลวกๆจนอีกฝ่ายรู้สึกผิด ..


    "กง .. กงชานขอโทษ" 


    "เด็กบ้าเอ๊ยย"


    "อย่าโกรธกงชานนะฮะ" 


    "เจ้าเล่ห์จริงๆไอ้เด็กนี่"


    "กง .. กงชานชอบพี่จินยอง" 


    ......


    "พี่จินยองชอบกงชานมั้ย"


    อะ อะ อะไรนะ ?!?!


    "แต่งงานกับกงชานนะ"


    ไอ้เด็กแก่แดด ไอ้เด็กเจ้าเล่ห์ ไอ้ ไอ้ ..


    "อย่าเพ้อเจ้อน่ะ เรายังเด็กนะ"


    "เป็นเด็กแล้วรักใครไม่ได้หรอฮะ"


    "=[]=" < อ้าปากพะงาบๆ


    "งั้น ... ไว้ถ้ากงชานโตแล้ว กงชานจะขอพี่จินยองแต่งงาน"


    จับไอ้เด็กนี่ถ่วงน้ำกูจะโดนจับมั้ยฟร้าคค โยนให้เต่าทะเลแดกแม่ม 


    "วันนี้วันที่เท่าไหร่ฮะ"


    "เอ่อ ... 23 เมษาฯ ..  " 


    "พี่อายุเท่าไหร่ฮะ ผมอายุ 5 ขวบ"


    "เอ่อ .. 7 ขวบ" 


    "งั้นอีก 20 ปี ผมอายุ 25 พี่ก็อายุ 27 แล้วใช่มั้ยฮะ ถ้าถึงตอนนั้น ผมจะขอพี่คนสวยแต่งงาน" 


    .....


    "ที่นี่ ...วันนี้ ... สัญญากับผมนะฮะ" กงชานชิกยื่นนิ้วก้อยเล็กๆไปตรงหน้าสวยอีกคน สายตาอันมุ่งมั่นของเด็ก 5 ขวบ ทำเอาจินยองลังเล ถ้าปฏิเสธคงทะเลแตก  แต่มันก็แค่คำพูดของเด็กตัวเล็กๆ จึงยื่นมือไปเกี่ยวก้อยแล้วเอานิ้วโป้งแตะเป็นเชิงสัญญา


    "อื้อสัญญา^^"




    TBC.

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×