คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : Y o u r M i n i s t r a n t - CHAPTER 6 -
ร่างอวบเดินเข้าสตูดิโอมาหลังจากที่พึ่งวางสายของกงชานไป ไม่นานก็ได้ยินเสียงฮยอกซูตะโกนบอกให้ไปคัดรูปที่พึ่งถ่ายมาวันนี้ ซานดึลตะโกนตอบรับกลับไปก่อนจะเดินไปยังห้องทำงานของตัวเองที่พึ่งเอากล้องไปเก็บก่อนที่จะไปกินข้าว
“ลมอะไรหอบมึงมาวะไอ้ซอนอู” เสียงพี่ฮยอกซูเหมือนจะเอ่ยทักคนรู้จักอยู่ด้านนอก จนซานดึลอดไม่ได้ที่จะไม่เดินออกไปดูว่าเป็นใคร
นี่ไม่อยากจะยุ่งเรื่องชาวบ้านเลย ... จริงๆนะ ....
“ลมเพ ลมพัด โบกสะบัดพัดมาไวๆ ถุ้ยยยยยยย” คนหัวสีซ่าหริ่มหรือคนที่ถูกเรียกว่าซอนอูตอบกลับไปอย่างสนิทสนม คงจะเป็นเพื่อนพี่ฮยอกซูเขาละมั้ง ... แต่ทำไมหน้าคุ้นๆ เหมือนเคยเจอที่ไหนมาก่อน
“ก็แวะออกมากินข้าว แต่ผ่านมาแถวๆนี้แลยแวะมาหามึง คิดถึง จุ๊บจุ๊บ” ซอนอูพูดก่อนจะทำปากจู๋ๆใส่หน้าฮยอกซูอย่างกวนตีนก่อนที่จะฟาดแข้งลงไปบนขาอีกฝ่าย
“จุ๊บพ่อง”
“เกี่ยวไรกับพ่อกู”
“พ่อมึงเป็นชู้กับแม่กู”
“ไอ่สัสต่อยมั้ย”
55555555555555555555555555555555555555555555555555555555555
แล้วก็เกิดเสียงหัวเราะลั่นสตูดิโอ ซานดึลส่ายหัวน้อยๆก่อนจะก้าวขาเดินกลับไป ก็ไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจเลยนี่หว่า ... เออจนป่านนี้อีจองฮวานก็ยังคิดไม่ออกว่าเคยเจอไอ้หัวซาหริ่มนี่ที่ไหน
“เห้ยมึงๆ ไอ้หัวกลมๆนั่นใช่ลูกน้องมึงที่เจอคราวก่อนป่ะวะ ที่มึงไปติดต่อเรื่องถ่ายแบบที่บริษัทกูวันก่อนนู้นอะ”
ยังไม่ทันที่ซานดึลจะก้าวเท้าเดินกลับไป เจ้าคนหัวสีซ่าหริ่มก็หันมาทางนี้แล้วก็ยกนิ้วขึ้นชี้มาทางเขา ซานดึลทำหน้าเหวอเล็กน้อยที่มีคนสังเกตเห็น จึงทำเนียนเป็นไม่รู้เรื่องก่อนที่จะเดินกลับไปทางห้องทำงานเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
อ๋อ เขาจำได้แล้วว่าเคยเห็นที่ไหน .. ที่บริษัท WME ตอนเขาไปติดต่องานกับพี่ฮยอกซูยังไงล่ะ
ว่าแล้วเชียว ...
“เออใช่ ทำไมวะ”
“ก็เปล่า ดูชัดๆแล้วน่ารักดี ... – เขาชื่ออะไรวะ”
“อีจองฮวาน เรียกซานดึลก็ได้”
“น้องซานดึลครับ!!” ชาซอนอูตะโกนไล่หลังเรียกซานดึล จนคนถูกเรียกต้องหยุดกึกแล้วหันหน้ามายิ้มแห้งๆให้
เรียกทำหอยไรวะ ..
“พี่ชื่อชาซอนอูนะ เรียกว่าบาโรก็ได้”
“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ”
“ครับ” ซานดึลตอบรับกลับไปก่อนจะโค้งตัวให้แล้วรีบเดินเข้าห้องทำงานไปเรียบร้อย ทำให้ไม่ได้ยินเสียงของ 2 คนที่กำลังคุยกันอยู่ด้านนอก
“น่ารักว่ะแม่ง”
“อะไรมึงไม่ต้องมาม่อน้องกูเลย น้องเขามีแฟนแล้วโว้ย กงชานผู้จัดการจินยองอ่ะมึงน่าจะรู้จักนะ”
“อ๋อคนนั้นน่ะนะ ? เหอะกูสนที่ไหน มีก็มีไปดิ”
“มึงจะแย่งหรือไง”
“แย่งเหี้.ยไร กูไม่เลวขนาดนั้นว่ะมึง อยู่ห่างๆอย่างห่วงๆเคยได้ยินป่ะวะ”
“เออๆตามใจมึง กลับไปได้แล้วไป กูจะทำงาน”
“เออเดี๋ยวตอนเย็นกูแวะมา ว่าจะชวนน้องเขาไปดินเนอร์”
“ดินเนอร์เชี่ยไร แฟนเขาก็มีแล้วเขาจะไปแดกกับมึงทำห่าไร เพ้อแล้วมึง”
“ถึงจะเพ้อก็เพ้อรักมึง”
“ถุ้ยยยยยยยยยยยยยยยย”
17.45 P.M
“กงชานนนนนนนนน”
“ว่างมั้ยไปกินข้าวเย็นกัน พี่รออยู่ที่สตูน้า”
“อ้าว ... ไม่ว่างหรอกหรอ ...”
“นี่ถ้าไม่โทร.ไปพี่ก็ไม่รู้อะไรเลยงั้นสิ”
“แปลกเนอะ แฟนตัวเองคบกันมาตั้งนาน ไม่มีหรอกจะย้ายมาอยู่ด้วยกันเนี่ย ไม่มีเลย แล้วนี่เป็นใครไม่รู้มาสั่งให้ไปอยู่ด้วยกัน คิดว่าพี่จะน้อยใจป่ะวะ ...”
“อะไรก็งานๆ เฮ้ออออ .... พี่เชื่อใจนายพี่ไว้ใจนายแต่พี่ไม่ไว้ใจเขาว่ะ ..”
“ก็คนมันรักป่ะวะ มันหวงปะมันรักปะ ถ้าพี่ย้ายไปอยู่กับใครนายจะหวงไหม ? เห็นป่ะนายก็หวง”
“สุดท้ายพี่ก็ต้องยอมนายใช่มั้ย .... งั้นนายก็ช่วยทำให้พี่เชื่อใจแล้วกันว่านายกับเขาไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกันมากกว่าคนร่วมงาน”
“ไม่ต้องมาหยอดเลยยยยย L เฮ้อ พี่เชื่อใจนายนะกงชาน ...”
“อื้อตามสบาย พี่ว่าจะออกไปกินข้าวกับที่ทำงานอะ อย่าลืมกินข้าวนะครับไอ้แสบ”
ติ๊ด
ซานดึลกดวางสายแล้วปาโทรศัพท์ลงเบาะโซฟาข้างๆก่อนจะทิ้งตัวนั่งด้วยความเบื่อหน่าย แก้มป่องๆพองขึ้นก่อนจะผ่อนลมออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า กี่ครั้งแล้วที่โดนกงชานปฏิเสธเพราะเรื่องงาน อะไรๆก็งาน บางทีเขาก็อยากมีเวลาส่วนตัวกับคนรักของเขาบ้างมันผิดมากเลยหรือไง ตาที่สุกใสราวกับลูกแมวตอนนี้ได้หม่นหมองลงอย่างเห็นได้ชัดก่อนจะรู้สึกถึงอะไรร้อนๆรอบขอบตา ใบหน้ากลมจึงเงยหน้าขึ้นและพยายามกลั้นน้ำตาไว้ไม่ให้ไหล เขาไม่อยากให้ใครต่อใครมาถามว่าเป็นอะไรจึงปรับสีหน้าให้เป็นปกติแล้วหยิบมือถือข้างๆตัวและสะพายกระเป๋าออกมา
คนน่ารักเดินก้มหน้ามาตลอดทางเดินตั้งแต่ห้องมาจนถึงบริเวณห้องโถงของสตูดิโอ แต่ก็ต้องชะงักกึกเพราะรู้สึกเหมือนมีคนมายืนอยู่ตรงหน้าเขา จึงหยุดฝีเท้าก่อนที่จะเดินชนฝ่าย
“เดินก้มหน้าทำไม” ซานดึลค่อยๆเงยหน้าขึ้นตามเสียงทักก่อนจะพบว่าคนตรงหน้านั้นไม่ใช่ใครที่ไหน ไอ้ชาซอนอูหัวซ่าหริ่มที่เจอเมื่อตอนบ่ายยังไงล่ะ
“เรื่องของผม ขอทางหน่อยครับ” ซานดึลเดินเลี่ยงไปอีกทาง แต่บาโรก็ไม่ยอมปล่อยให้คนตรงหน้าหนีไปไหนเลยเขยิบตาม ซานดึลจึงเขยิบมาอีกทาง แต่ไม่วายไอ้หัวซ่าหริ่มก็ขยับตามอีก
“ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรอครับ”
“อ้าวนี่คนหรอ ..”
“นึกว่านางฟ้า”
ไอเหี้ยยยยยยยยยยยยยยย เสี่ยวแดกกกกกกกกก ฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ
“ไปเสี่ยวไกลๆไป”
“พูดกับพี่ไม่เพราะเลย”
“เรามีแม่คนเดียวกันหรอครับ ไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย”
“ไอ้ห่าบาโร มึงอย่าไปแกล้งน้องเขาดิวะ” จู่ๆเสียงฮยอกซูก็ดังขึ้นขัด ซานดึลเห็นว่าได้จังหวะหนีแล้วจึงเดินเลี่ยงออกมาไปหาฮยอกซู คุยกับคนแบบนั้นแล้วมันน่าโมโหชะมัด ยิ่งอารมณ์เสียอยู่
“เป็นไรหน้ามุ่ยมาเลยมึง”
“ไม่มีไรหรอกพี่” ซานดึลตอบปัดๆ แต่ก็ดูเหมือนว่าจะปกปิดความจริงต่อหัวหน้าที่ควบตำแหน่งรุ่นพี่ที่จบจากมหาลัยเดียวกันไม่ได้เลยซักนิด จำเป็นต้องบอกความจริง ก็ดีเหมือนกัน หาที่ระบาย
“เฮ้อ ก็กงชานดิพี่ มันต้องย้ายไปอยู่กับจินยงจินยองไรนั่นน่ะ เห็นบอกว่าเรื่องงาน”
“เอ้า มันก็ถูกแล้วนี่หว่า ผู้จัดการกับนักร้องก็ต้องอยู่ที่เดียวกันดิ”
“ผมหวงว่ะ”
“เอาน่า” ฮยอกซูพูดพลางตบไหล่ซานดึลเบาๆเป็นเชิงปลอบใจ “ยังไงหัวใจมันก็หยุดอยู่ที่มึงแล้วมึงไม่ต้องกังวลอะไรมากมายหรอก”
“หัวใจใครหยุดที่ใครไม่รู้ แต่หัวใจกูหยุดที่น้องซานดึลครับ J ”
=_________________________=
“ไปตายให้หนอนแดกไปบาโร มึงนี่มาเสี่ยวตลอด”
“ไปทำงานไปมึงอะ เดี๋ยวกูพาน้องเขาไปกินข้าวเอง” บาโรว่าก่อนจะสาวเท้าเข้ามาหาซานดึลก่อนที่จะแยกแขนขึ้นโอบไหล่ คนถูกโอบมองด้วยสายตาขวางก่อนจะหยิบแขนบาโรออก
“น้องมันบอกมึงตอนไหนวะว่าจะไปกับมึง มึงนี่มโนตลอด”
“งั้นกูถามเลยแล้วกัน น้องซานดึลคนน่ารักครับไปกินข้าวด้วยกันมั้ย ♥”
“ไม่”
“ไม่หิวหรอ”
“ไม่”
“ไม่หิวจริงๆหรอ”
“หิว แต่ไม่อยากไปกับพี่อะครับจบปะ”
“ไปเซ้าซี้มันอยู่ได้เดี๋ยวก็โดนแฟนมันต่อยหน้าให้หรอก เขาก็ไปกับแฟนเขาดิ”
“วันนี้กงชานไม่ได้มาด้วย” ซานดึลตอบเสียงเรียบแล้วโค้งให้ฮยอกซูเป็นเชิงว่าลาก่อนที่จะกระชับกระเป๋าที่หัวไหล่ให้ดีแล้วเดินผลักประตูเดินออกไปนอกสตูฯ
“เฮ้ยซานดึล รอก่อนสิ” ถึงเจ้าตัวจะได้ยินเสียงของไอ้หัวซ่าหริ่มตะโกนไล่หลังมาแต่ก็ไม่ได้หันไปสนใจอะไรยังเดินต่อไปถามทางเรื่อยๆ คนอะไรเซ้าซี้ชะมัด
“ไปกินข้าวด้วยกันมั้ย”
“เฮ้อ” คืนปฏิเสธไปก็โดนเซ้าซี้อยู่อย่างนี้ พอไปด้วยก็หาว่าจะให้ความหวังอีก ดูๆแล้วน่าจะชอบเขาอยู่พอตัวเลยมั้งนั่น
“อยากจะให้ผมไปมากใช่ป่ะ”
“ถูกต้องนะครับ”
“เฮ้อ ไปก็ไป จ่ายให้ด้วย- -”
"งั้นรอตรงนี้นะเดี๋ยวไปเอารถก่อน" ชาซอนอูตอบอย่างกระตือรือร้นก่อนจะวิ่งหายไปในลานจอดรถข้างๆสตูฯ ซานดึลจึงพยักหน้าแทนคำตอบก่อนจะยืนรออย่างเซ็งๆ
หรือจะชิ่งดีวะ ..
ไม่ดีมั้ง จะเป็นการเสียน้ำใจเปล่าๆ ..
ครืน ..
เสียงล้อรถเคลื่อนตัวมาอยู้ข้างๆซานดึลก่อนคนที่ทำหน้าที่ขับจะลงรถมาแล้วมาเปิดประตูให้ ตาตี่เบิกกว้างขึ้นอย่างงงๆก่อนจะหันหน้าไปหาอีกฝ่ายแบบว่าอยากได้คำตอบ
"ก็อยากเปิดให้"
เหอะ
วิถีเพลย์บอย ทำไมเขาจะไม่รู้ ..
"คราวหลังไม่ต้องนะครับ เดี๋ยวเปิดเอง" ซานดึลตอบก่อนที่จะก้าวขึ้นรถ แทบจะไม่ต้องขยับตัวก็มานั่งสบายๆอยู่บนรถอย่างเสร็จสรรพ
"ทำขนาดนี้ทำไมไม่อุ้มขึ้นรถเลยละครับ" ซานดึลพูดประชดประชันอย่างจิกกันก่อนจะไปหยิบเข็มขัดนิรภัยมาคาด นั่งรถใครก็ไม่รู้ปลอดภัยไว้ก่อน
"อยากให้อุ้มก็ไม่บอก"
"เพ้อเจ้อว่ะ"
บาโรหัวเราะน้อยๆก่อนจะขับเคลื่อนตัวรถออกไป คนที่นั่งข้างคนขับหรี่ตามองเจ้าของหัวสีรุ้งเล็กน้อยจนบาโรรู้สึกได้ว่าถูกมองเลยหันไปมองหน้าอีกฝ่ายบ้าง แต่ซานดึลก็ไม่หลบตาหรือหันหน้าหนีเลยแม้แต่น้อย
"ชอบผมหรอ"
"อือ ชอบ"
"ผมมีแฟนแล้ว ขอโทษด้วย คราวหลังก็ไม่ต้องมายุ่งกับผมอีก"
"มีแล้วยังไง จำเป็นต้องเลิกชอบหรอ"
"หน้านี่ฉาบยางมะตอยทับด้วยปูซีเมนต์หรอครับ หึ"
"ปากคอเราะร้ายจริงๆ"
แหงล่ะ *ยักไหล่*
"นี่จะพาผมไปกินข้าวที่ไหนเนี่ย"
"เดี๋ยวก็รู้"
บาโรตอบแค่นั้นทำให้ซานดึลไม่อยากจะเซ้าซี้ไรต่อ ถ้าถามว่าทำไมถึงไว้ใจคนแปลกหน้ายอมมาด้วยอะไรทำนองนี้ก็เพราะว่าเป็นเพื่อนพี่คนสนิท .. ถ้าทำอะไรไม่ดีต่อเขารับรองว่าพี่ฮยอกซูเอาตายแน่ :)
ซานดึลเผลองีบหลับไปซักพักก่อนจะตื่นมาเมื่อรู้สึกแรงสะกิดตรงแขน ตาตี่ๆกระพริบปรับโฟกัสให้รับเข้ากับแสงไฟที่ประดับประดาอยู่ภายในร้าน จะว่าหรูก็คงไม่ใช่ เป็นแค่ร้านอาหารเกาหลีที่ประยุกต์เข้ากับแนวตะวันตกเล็กน้อย ตัวร้านทำด้วยไม้เป็นส่วนใหญ่ ให้บรรยากาศสบายๆแบบพื้นเมือง เขาชอบร้านแบบนี้มาดว่าร้านหรูๆที่มีเพรชพลอยโคมไฟแชนเดอร์เลียห่าเหวไรระย้าเต็มไปหมด จะกินทีก็ต้องสำรวม ต้องค่อยๆกิน ค่อยๆตัก กว่าจะแดกเสร็จก็ปาไป 5 ชม. บางทีมีไวโอลินมาสีให้ฟังข้างๆ คือกูจะแดกข้าวไม่ได้มาดูคนเล่นไวโอลิน
มันไม่ใช่แนว ..
"จองไว้หรือเปล่าครับ" พนักงานเอ่ยถามเราสองคนทันทีที่ก้าวเข้าไปในริเวณร้าน โชคดีที่เวลานี้เป็นเวลาที่ร้านพึ่งเปิด (ดูจากป้ายหน้าร้าน) คนเลยยังบางตาอยู่มาก
"เปล่าครับ" บาโรตอบก่อนส่งยิ้มให้พนักงาน เขามองมาทางพวกเรายิ้มๆเหมือนมีเลศนัยก่อนที่จะผายมือเชิญให้เราเข้าไปนั่งด้านใน
"ทางร้านเรามีห้องอาคารและคาราโอเกะบริการด้วยนะครับ ถ้าอยากเปลี่ยนบรรยากาศก็..บอกผมได้เลย" พนักงานคนนั้นว่าก่อนที่จะเดินจากไปหลังจากที่มาส่งเราที่โต๊ะแล้ว
เดี๋ยวนะ ..
คิดเขาต้องคิดว่าผมกับไอ้ซอนอูนี่มีสัมพันธ์สวาทกันแน่ๆ .. ฟรัคคค
"อยากเปลี่ยนบรรยากาศมั้ยที่รัก"
แล้วไอ้บ้านี่ก็รับมุขด้วยไง ..
ไอ้ห่าอยากจะบ้าตายโว้ยยย
"รีบๆสั่งรีบๆกินจะได้รีบกลับ เหนื่อย อยากพักผ่อน"
ซานดึลว่าอย่างหัวเสียก่อนจะเปิดเมนูที่วางอยู่บนโต๊ะอาหาร จากที่หน้าบูดเป็นตูดหมึกเปลี่ยนเป็นใบหน้าสดใสมีรอยยิ้มบางๆผุดบนใบหน้าทันทีที่เห็นอาหาร ..
"อ่า น่ากินไปหมดเลย"
"ผมสั่งได้กี่อย่างอะ"
"อยากกินอะไรก็สั่งสิครับ"
"งั้นไม่เกรงใจนะ. . เอ่อ น้องครับ รับออร์เดอร์หน่อย" ซานดึลเม้มปากอย่างลังเลก่อนจะตัดสินใจเรียกพนักงานมารับออร์เดอร์ จนบาโรรู้สึกถึงแรงกระตุกบนคิ้วข้างขวา ..
เป็นลางสังหรณ์ เมื่อตอนวันลอยกระทง #ถุ้ยย
"รับอะไรดีคะ"
"เอาอันนี้ครับ อันนี้ อันนี้ แล้วก็อันนี้ด้วย อ๊ะอันนี้ก็น่ากิน เอาอันนี้ด้วยครับ"
เชี่ยแม่ง ..
ตลกแดกล่ะ ...
ซื้อไปเลี้ยงคนทั้งหมู่บ้านไงวะ ..
"เอ่อ... ผมขอไม่สั่งแล้วกันครับ เอาแค่ข้าวสวย 2 ที่พอ"
"ค่ะ ไม่ทราบว่าจะทานเครื่องดื่มอะไรคะ"
"ผมอยากกินโซจูว่ะ"
"ไม่ได้"
"งั้นผมกลับ "
"เอาโซจูขวดนึงครับแล้วก็ขอน้ำเป๊ปซี่ครับ - - " ทันทีที่ซานดึลทำท่าจะลุกขึ้นเดินกลับไปจริงๆบาโรจึงรีบสั่งออกไปตามใจคุณนายเขาเดี๋ยวโดนขัดใจแล้วจะเสียโอกาสเปล่าๆ
"ค่ะขอทวนออร์เดอร์นะคะ มี ...." ทั้งซานดึลและบาโรพยักหน้าก่อนจะฟังพนักงานทวนออร์เดอร์ เมื่อเธอทวนเสร็จจึงเดินหายเข้าไปบริเวณด้านใน
เวลาผ่านไปสักพัก
"อาหารได้รับครบถ้วนนะคะ" พนักงานสาวคนเดิมเอ่ยหลังจากที่อาหารจานสุดท้ายถูกเสิร์ฟลงบนโต๊ะ บาโรยิ้มและโค้งให้เธอเล็กน้อยก่อนเธอจะเดินจากไป แค่ชั่วขณะเท่านั้นที่บาโรเงยหน้าขึ้นมา สายตาก็เหลือบไปเห็นบุคคลปริศนา 2 คนที่โครตจะคุ้นหน้าคุ้นตา กำลังเดินเข้ามายังร้านอาหารแห่งนี้ และเดินตรงมาทางนี้ ..
ยิ่งใกล้ ยิ่งชัด ..
ชัดเลย ..
กงชานกับจองจินยอง ...
โชคดีที่ซานดึลนั่งคนละฝั่งกับเขาจึงกลายเป็นว่านั่งหันหลังให้ 2 คนนั้น แล้วยิ่งกินอาหารตรงหน้าด้วยท่าทางหิวโหย สิ่งรอบๆตัวเขาจึงกลายเป็นธาตุอากาศไปโดยปริยาย ..
ถ้าถามว่ารู้ได้ยังไงว่าเป็นจินยอง .. ลักษณะท่าทางแบบนั้นเขาเห็นอยู่ทุกวันจนชิน
ตามาหลายปีจำไม่ได้ก็แปลกแล้ว ถึงจินยองจะดังก็จริง แต่แค่ใส่วิกผมยาวประบ่าไว้ด้านใน ใส่หมวกไหมพรม ใส่แว่น ใส่เชิ้ตกับเดฟแค่นี้คนก็จำไม่ได้แล้วเพราะจินยองไม่ชอบแต่งตัวเรียบๆแบบนี้ นางชอบอะไรที่อลังการดาวล้านดวงขนเฟอร์ขนหมีขนหมาอะไรของเขานู่น .. ก็ไม่แปลกที่คนจะจำไม่ได้
แล้วก็ไม่แปลกอีกเช่นกันว่าทำไมจึงมาร้านนี้ เพราะร้านนี้ที่บริษัทชอบมานั่งกินกันบ่อยๆ ส่วนใหญ่เวลามาก็จะเปิดห้องอาหารห้องใหญ่ไปเลย เรียกว่าเป็นร้านประจำเลยก็ว่าได้ ส่วนเขาเองนานๆก็มาครั้งน่ะนะ ... ส่วนจินยองนี่มาประจำ ...
แต่ที่แปลกก็คือจินยองมากับผู้จัดการคนใหม่กงชานชิคหรือแฟนของคนที่กำลังเขมือบคิมบับตรงหน้าเขา
บาโรมองสองคนนั้นที่กำลังจะนั่งลงที่โต๊ะที่พนักงานพามา มันอยู่เยื้องๆไปทางขวาของบาโรเล็กน้อย จองจินยองนั่งลงฝั่งเดียวกับเขา ส่วนกงชานชิก ... นั่งหันมาฝั่งเขาเต็มๆ และเหมือน 2 คนนั้นเหมือนจะไม่ได้สังเกตุเห็นด้วยว่าโต๊ะทางนี้มีใครนั่งอยู่เพราะนั่งอ่านเมนูสบายใจเฉิบ ....
เออ... ได้ยินซานดึลพูดว่ากงชานไม่ว่างไม่ใช่หรอวะ ..
“พี่มองอะไรครับ” ซานดึลเงยหน้าขึ้นมาถามบาโรเพราะสังเกตเห็นว่าคนตรงหน้ายังไม่ได้เอาอะไรเข้าปากเลย ซานดึลไม่รอคำตอบจากคนตรงหน้าจึงหันไปมองตามสายตาที่บาโรมองตรงไป
ฉิบหายแล้ว .......
“ไหนบอกไม่ว่างไงวะ!”
เคร้ง !
ซานดึลกระแทกช้อนส้อมลงเสียงดัง โชคดีที่ร้านนี้เปิดเพลงค่อนข้างดังอยู่ โต๊ะรอบข้างจึงไม่ค่อยได้ยินเสียงและไม่ใส่ใจอะไรนัก ใบหน้าที่ดูสดใสเมื่อกี้เปลี่ยนไปเป็นเหมือนคนละคน
“เฮ้ยนายจะลุกไปไหน ใจเย็นๆดิ” บาโรรีบยื่นมือมาฉุดแขนคนตรงหน้าให้นั่งลง แต่ก็ไม่เป็นผล มันถูกสะบัดออกอย่างไม่ใยดี
“ลุกไปหาผัว ขอโทษนะครับ เดี๋ยวผมมา” ซานดึลคลี่ยิ้มบางๆให้บาโรที่นั่งเหวออยู่บนโต๊ะ ฉิบหายละจะห้ามก็ห้ามไม่ได้ มีมวยแล้วไงงานนี้
ซานดึลลุกออกจากโต๊ะไปในทันทีพร้อมๆกับพยายามทำอารมณ์ให้สงบลง ปกติเขาเป็นคนไม่ค่อยโมโหอะไรง่ายๆ แต่ครั้งนี้มันไม่ไหวจริงๆ แก้มป่องๆพ่นลมออกมาอย่างใจเย็นที่สุดแล้ว ก่อนจะเดินไปหยุดหน้าโต๊ะตัวนั้น ... โต๊ะที่ 2 คนกำลังนั่งคุยกันอย่างมีความสุข ... คนที่นั่งอยู่ตรงนั้นควรเป็นเขาสิ ...
“มีความสุขกันเหลือเกินนะ …”
“พี่ซานดึล?!!”
ทันทีที่กงชานเงยหน้าขึ้นมาจากที่มีรอยยิ้มระบายอยู่บนหน้าตอนนี้กลับซีดเผือดอย่างเห็นได้ชัด ตาคมเบิกกว้างขึ้นเมื่อเห็นแฟนเขายืนอยู่ตรงนี้ .... ทำให้รู้ว่าวันนี้เขาพลาด พลาดมากๆ ...
“ไหนบอกไม่ว่างไง แล้วนี่คืออะไร” คนน่ารักพยายามคุมอารมณ์ให้เป็นปกติก่อนจะยกแขนขึ้นกอดอกแล้วมองหน้าแฟนตัวดี รอฟังคำแก้ตัวโง่ๆที่ออกมาจากปาก
คนที่เขาเชื่อใจที่สุด
คนที่เขาไว้ใจที่สุด
ทำร้ายเขาแบบนี้หรอ ?
“พี่ฟังผมก่อน”
“จะให้ฟังอะไรอีกวะ หลักฐานมันก็คาตา!”
“มันไม่ใช่แบบที่พี่คิด ..”
“แล้วมันแบบไหนกันล่ะ!!”
ตอนนี้สถานการณ์มันเริ่มบานปลายขึ้นเรื่อยๆจนคนทั้งร้านเริ่มหันมามองดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในที่แห่งนี้ จะว่าเสือกก็ไม่ได้เพราะก็นั่งกินอยู่แล้วมามีเรื่องกันเองนี่หว่า ...
กงชานที่เห็นว่าเริ่มจะท่าไม่ดีแล้วจึงลุกขึ้นแล้วลากซานดึลออกมาจากบริเวณร้านมายังลานจอดรถที่ไม่มีคนมากเท่าในร้านนั้น เมื่อไกลจากตัวร้านพอสมควรแล้วซานดึลจึงสะบัดข้อมือออกอย่างแรง
“ผมไม่เคยเห็นพี่โมโหขนาดนี้เลย” กงชานว่าอย่างใจเย็น ทอดมองดูอีกคนที่หน้าเริ่มขึ้นสีแดงก่ำด้วยความโกรธ น้อยใจ แล้วก็อีกหลายๆอย่างที่มันประเดประดังเข้ามารวมกันไปหมดในหัวเขาตอนนี้
“นายอธิบายอะไรก็พูดมา”
“ตอนที่พี่โทร.มาอ่ะ ผมไม่ว่างจริงๆนะตอนนั้น เพราะผมกำลังเก็บของอยู่” กงชานพยามอธิบายความจริงแต่ซานดึลจะเชื่อไหมนั่นอีกเรื่อง ไว้ค่อยเคลียร์
“............”
“ผมเลยตอบพี่ไปว่าไม่ว่าง เพราะอีกนานกว่าผมจะจัดเสร็จผมไม่อยากให้พี่รอเลยบอกไปแบบนั้น ให้พี่ไปหาอะไรกินก่อน”
“……….”
“กว่าผมจะจัดเสร็จก็นี่แหละ ค่ำมืดแล้ว ทั้งผมและพี่จินยองก็หิว เลยออกมาหาอะไรกิน ไม่คิดว่าจะมาเจอพี่ที่นี่”
“มันหมายความว่ายังไงไม่คิดจะเจอ?!!!”
“ก็ไม่รู้ว่าพี่จะกินร้านนี้ไง พี่ก็ว่าแต่ผม พี่นึกว่าผมไม่เห็นหรอว่าพี่มากับใคร ? ”
“หึ มันก็แฟร์แล้วไม่ใช่หรือไง ทำไม ทีนายยังมากับคนอื่นได้ แล้วฉันจะมากับคนอื่นไม่ได้หรือไง”
“พี่ใจเย็นๆสิครับ” กงชานพยายามทำตัวให้เย็นที่สุดเพื่อดับความร้อนในตัวซานดึลที่ร้อนขึ้นเรื่อยๆ และดูเหมือนว่าจะสงบลงยากด้วยซ้ำ กงชานจึงสาวเท้าเข้าไปหาก่อนที่จะดึงแขนซานดึลให้เข้ามาหาตนและสวมกอด แต่ก็ถูกแรงคนตัวเล็กกว่าผลักออกไป
“ฉันใจเย็นมานานแล้วกงชาน” ซานดึลว่าก่อนที่จะรู้สึกถึงความร้อนผ่าวๆรอบดวงตา คราวนี้ถ้าเขาจะร้อง ก็ร้องออกมาให้หมด ระบายมันออกมา
“ผมขอโทษ ... สิ่งที่พี่เห็นในวันนี้มันคงทำให้พี่ไม่เชื่อใจผม”
“.....”
“แต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมพูดมันคือความจริง ผมไม่เคยโกหกพี่เลยแม้แต่น้อย”
“.....”
“พี่ก็รู้ดีว่าผมเป็นคนยังไง พี่ลองมองตาผมสิ ยังคิดว่าผมโกหกอีกมั้ย”
ถึงกงชานจะพูดแบบนั้นแต่ซานดึลก็ไม่ได้เงยหน้ามามองแต่อย่างใด ได้แค่ก้มหน้าแล้วส่ายหัวไปมา เมื่อได้จังหวะกงชานจึงเข้าไปสวมกอดคนรักอีกครั้ง ดูเหมือนซานดึลจะเย็นลงบ้างแล้วเพราะไม่มีท่าทีจะขัดขืนใดๆ มือหนาลูบกลุ่มผมนุ่มเบาๆอย่างปลอบโยนก่อนที่คนในอ้อมกอดจะปล่อยโฮออกมา
“พี่บอกผมเองว่าความรักคือการเชื่อใจไว้ใจซึ่งกันและกัน ขนาดผมเห็นว่าพี่มากับใครผมยังไม่โวยวายขนาดนี้เลย”
“........”
“เพราะผมเชื่อใจพี่ไง ยังไงพี่ก็รักผมคนเดียว คนเดียวเท่านั้น”
“นายแน่ใจได้ยังไง ฮึก ว่านายจะรักฉันแค่คนเดียว”
“แล้วพี่แน่ใจได้ยังไงละครับว่าผมจะไม่รักพี่แค่คนเดียว”
“ฮึก นายมันคนโง่ ไม่รู้ตัวเองเลยด้วยซ้ำว่ามีอะไรกำลังจะเกิดขึ้นกับนาย”
“….”
“ฉันถึงได้หวงนายขนาดนี้ไง!! นายดูไม่ออกหรอ ฮึก สายตาจินยองที่มองนายน่ะ มันแทบจะกลืนกินนายไปทั้งตัวแล้ว”
กงชานสะดุดกึกเล็กน้อยทันทีที่ได้ยินประโยคหลังที่ออกมาจากปากซานดึล ไม่จริงน่า ... เขาไม่ได้คิดถึงเรื่องพรรค์นี้เลยด้วยซ้ำ ...
“ก็ผมไม่ได้คิดอะไรนี่”
“นายไม่คิดแต่อีกฝ่ายเขาคิดนี่!!! นายจะให้ฉันทำยังไง ฉันถึงบอกไงว่าฉันไม่ไว้ใจเขา”
“………..”
“ยิ่งนายใกล้ชิดกันมากเท่าไหร่ ฮึก ฉันยิ่งเจ็บมากเท่านั้น”
“มันชิดแค่กาย ส่วนใจน่ะ.... สักเศษเสี้ยวเขาก็ไม่มีวันได้จากผมหรอก เพราะมันอยู่ที่พี่ .... พี่ซานดึล”
“เชื่อใจผมเถอะนะ....”
“ไม่...ฮึก”
“ไม่เชื่อใจผม?”
“เปล่า ...” ซานดึลสะอื้นเบาๆก่อนจะผลักตัวเองออกจากกงชาน “ฉันจะไม่ยอมทำให้นายทำงานนี้อีกต่อไปแล้ว!”
“พี่ว่าไงนะ ?!”
“ไปลาออก …. เดี๋ยวนี้”
“พี่ครับ พี่อย่างี่เง่าได้มั้ย”
“ถ้านายยังรักฉัน .. นายก็ไปลาออก”
“พี่อย่าเอาเรื่องงานกับเรื่องนี้มาเกี่ยวกันดิ”
“งานอะฉันหาให้นายได้ แค่ไปลาออกมันจะไปยากอะไร”
“ผมขอร้องนะพี่ พี่ชินอูเขาเป็นพี่ที่ดีกับผมมากๆพี่ก็รู้ แต่ผมไม่เคยตอบแทนอะไรเขาเลย แล้วนี่เป็นสิ่งแรกและสิ่งเดียวที่เขาจะขอกับผม ให้ผมทำงานต่อเถอะนะครับ”
“ถ้ารักพี่ชินอูอะไรนั่นมากกว่าฉันก็ไปคบกันเลยไป”
“พี่ซานดึล!!! พี่ไม่เคยงี่เง่าขนาดนี้เลยนะ”
“แล้วเป็นเพราะใครล่ะถ้าไม่ใช่ไอ้หน้าสวยนั่น!!”
“ก็ถ้าผมไม่เล่นด้วยมันจะมีอะไรล่ะ ?! เขาจะทำอะไรผมได้ ? พี่เชื่อใจกันหน่อยสิคัรบ!!”
“...........”
“ผมขอร้อง ... ถ้าพี่รักผม พี่ต้องเข้าใจผมนะ ให้ผมทำงานนี้ต่อนะครับ”
“ผมสัญญา...”
“ว่าจะไม่ทำให้พี่ต้องเสียใจ”
“นายให้สัญญากับพี่ได้มั้ยล่ะ ว่าเรื่องนี้จะเป็นเรื่องสุดท้ายที่ทำให้ฉันเสียใจ”
“สัญญาด้วยเกียรติของลูกผู้ชาย”
…..
“ผมสัญญาว่าจะไม่ทำให้พี่เสียใจอีกเป็นครั้งที่สอง”
……
“และผมสัญญา ว่าจะรักพี่คนเดียวตลอดไป”
คุณเคยได้ยินไหม ? ...
คำว่า “รักตลอดไป”น่ะ ....
มันไม่มีอยู่จริง
TBC.
ความคิดเห็น