คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ํY o u r M i n i s t r a n t - CHAPTER 5 -
"ไปทำงานกันดีกว๋าเดี๋ยวจะสายเอานะ^^" จินยองคลี่ยิ้มเย็นๆให้กงชานที่ยืนนิ่งเป็นรูปปั้นอยู่ที่เดิมก่อนจะเดินเลี่ยงออกมาที่ประตู
เมื่อกี้มันอะไร ...
กงชานยืนคิดในใจอย่างสับสนเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ .. ถึงเขาจะมีแฟนอยู่แล้วเป็นตัวเป็นตนแต่ก็ต้องยอมรับเลยว่าร่างบางๆหน้าสวยๆกับกลิ่นหอมๆที่เขาได้สัมผัสมันทำให้เขาใจเต้นอยู่ไม่ใช่น้อย .แค่หวั่นไหวละมั้ง .. เป็นเรื่องปกติที่เวลาใกล้ใครที่มีสเน่ห์มากๆมันก็หวั่นไหวเป็นธรรมดาไม่ใช่หรอ ..
ยังไงเขาก็รักซานดึลคนเดียวอยู่แล้ว
คนตัวสูงสะบัดหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่านนั้นออกไป ก่อนจะได้ยินเสียงเจ้านายตัวแสบของเขายืนแว้ดๆอยู่หน้าห้อง กงชานชิกเลยรีบสาวเท้าเดินออกไปก่อนที่จะมีปัญหา ..
"นึกว่าจะอยู่เป็นผีเฝ้าห้องซะแล้ว เหอะ" จินยองแขวะเล็กน้อยก่อนจะล็อคห้องแล้วเดินนำกงชานออกมายังบริเวณหน้าลิฟต์ นิ้วเรียวยาวกดลงปุ่มลูกศรหัวคว่ำเบาๆจนขึ้นสีส้ม ไม่นานประตูลิฟต์ก็เปิดออก ขาเล็กก้าวเข้าไปในลิฟต์ก่อนแล้วตามด้วยกงชานที่สาวขายาวๆตามมา
"เมื่อกี้น่ะ. .." จู่ๆเสียงเล็กๆก็เอ่ยปากพูดขึ้นมา เรียกความสนใจจากกงชานที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตามองพื้นให้เงยหน้าขึ้นมามองอีกฝ่ายได้ ตาคมมองจินยองอย่างสนอกสนใจว่าจะพูดเรื่องนั้นหรือเปล่า
"นายโอบเอวฉันทำไมหรอ.."
ติ๊ง !
โอยไอ้ลิฟต์บ้านี่ !! เดี๋ยวพ่อก็พังซะหรอก !!! ฮึ่ย
นับว่าเป็นโชคดีของกงชานที่ลิฟต์ลงมาถึงชั้นล่างพอดีทำให้ไม่ต้องตอบคำถามอันตรายนั่นจากจินยอง เพราะอย่างน้อยหน้าลิฟต์ก็ยังมีคนอยู่จะให้พูดก็ดูว่าจะไม่ใช่เรื่อง
แต่เป็นโชคร้ายของจินยองที่เอ่ยถามไปแต่เสียงลิฟต์มาขัดซะก่อน ปากบางส่งเสียงฮึดฮัดเล็กน้อยในลำคอก่อนจะเดินออกมานอกลิฟต์ตามกงชานที่เดินนำไปก่อนแล้ว แต่กงชานก็ยังออกไปไม่ได้อยู่ดีเพราะคีย์การ์ดที่อยู่ที่จินยอง
"ไว้มีคีย์การ์ดค่อยเดินนำแล้วกัน" จินยองเอ่ยก่อนจะหยิบคีย์การ์ดออกมาเปิด เพราะที่นี่เป็นคอนโดใจกลางเมือง จะเข้าจะออกระบบความปลอดภัยก็ต้องมาเป็นอันดับหนึ่งอยู่แล้ว
"รอนานมั้ย" เมื่อกงชานเดินมาถึงบริเวณลานจอดรถก็เดินตรงดิ่งไปคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแฟนเจ้าตัวก่อนที่ซานดึลจะเงยหน้าขึ้นมายิ้มแล้วส่ายหัวให้
"ไม่นานหรอก" ซานดึลตอบก่อนที่จะลุกขึ้นเพื่อไปขึ้นรถ แต่เหลือบไปเห็นจินยองที่ยืนอยู่ด้านหลังกงชานไม่มากจึงโค้งทักทายแล้วส่งยิ้มให้บางๆ ซึ่งอีกฝ่ายก็ทำเหมือนเดิมเช่นกัน
กงชานปลดล็อครถแล้วเดินอ้อมไปยังฝั่งขวามือเพื่อเปิดประตูให้ซานดึลเข้าไปนั่งแล้วตามด้วยเจ้านายของเขาที่ยืนรออยู่ก่อนที่จะเดินมาฝั่งคนขับแล้วเปิดประตูเข้าไปนั่งและสตาร์ทเครื่องขับออกไป
"ขอโทษนะครับคุณซานดึลที่ปล่อยให้รอ" เสียงของจินยองเอ่ยขึ้นมาทำลายความเงียบนี่น่าอึดอัดนี้อีกครั้ง ซานดึลจึงหันไปยิ้มให้น้อยๆก่อนที่จะตอบ
"ไม่เป็นไรหรอกครับ"
"ผมขอโทษจริงๆนะที่เอาตัวชานชิกไปช่วยหาน่ะ ปกติผมเป็นคนหาของไม่ค่อยเจอน่ะ"
"ครับผมไม่ซีเรียสหรอก ของหายถ้าหาไม่เจอก็ต้องให้คนช่วยหาสิ ถูกต้องมั้ยละครับ ?"
"ถูกครับ ฮะๆ แล้วถ้ายิ่งเป็นของสำคัญที่หายไปนี่ยิ่งแย่"
หึ ....
ถ้าของสำคัญ 'หายไป'
จะรู้สึกยังไงนะ :)
"ผมคงเสียใจมากแน่ๆถ้าซักวันมันหายไป"
"งั้นก็ต้องรักษามันไว้ดีๆก่อนที่มันจะ 'หาย' นะครับ"
จินยองพูดถึงท้ายด้วยประโยคที่ทำให้ซานดึลถึงกับชะงักเล็กน้อยก่อนที่จะมองหน้าจินยองที่ส่งยิ้มจริงใจมาให้
ซะที่ไหนกัน ..
แกล้งยิ้มจริงใจไปอย่างนั้นแหละ :)
เมื่อซานดึลเห็นอย่างนั้นแล้วก็ไม่ได้เอะใจอะไรต่อจึงยิ้มกลับไปแล้วหันหน้ามาตามเดิม .. คนซื่อๆแบบซานดึลไม่คิดอะไรให้มันมากมายอยู่แล้ว
แต่ก็อดสงสัยไม่ได้จริงๆแฮะ ..
ว่าจะเน้นคำว่า 'หาย' ทำไมกัน ..
"นี่นายขับนายรู้หรอว่าสตูฯมันอยู่ไหน" จินยองเลี่ยงประเด็นเรื่องของหายก่อนจะเปลี่ยนมาถามกงชานที่ขับรถอยู่เงียบๆมาซักพัก
"ก็ที่ทำงานแฟนผม ทำไมจะไม่รู้"
กงชานตอบอย่างกวนๆบุคคลที่นั่งอยู่ด้านเบาะหลังก่อนจะค่อยๆชะลอรถเพราะสัญญาณเปลี่ยนเป็นไฟสีแดง
"อย่ากวนตีน"
"เป็นคนดังทำไมพูดไม่เพราะเลยล่ะครับ แล้วอีกอย่างผมกวนตรงไหน" กงชานคุยผ่านกระจกผ่านไปยังเบาะหลัง หน้าสวยๆมุ่ยเล็กน้อยก่อนจะผ่อนลมออกมา
"เรื่องของฉัน ขับรถไปเถอะน่า”
“คร้าบๆ”
เมื่อสัญญาณเปลี่ยนเป็นไฟเขียว มือหนาจึงหักพวงมาลัยแล้วขับไปทางเส้นทางที่คุ้นตา ไม่นานยานพาหนะสี่ล้อได้เคลื่อนตัวมาอยู่หน้าสตูดิโอขนาดใหญ่ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสตูดิโอของนิตยสารชื่อดังก่อนที่ซานดึลจะยื่นบัตรพนักงานส่งให้กงชานเพื่อเป็นบัตรผ่านเข้าไปจอดรถ
ร่างสูงนำรถเข้ามาจอดในลานจอดรถข้างสตูดิโอก่อนจะดับเครื่องยนต์แล้วเปิดประตูรถลงมาด้านนอกแล้วเดินอ้อมไปอีกฝั่งเพื่อไปเป็นประตูให้เจ้านายเจ้าปัญหา จินยองก้าวขาลงมาจากรถก่อนจะโยนกระเป๋าสะพายใบเล็กๆที่หยิบติดมือมาให้กงชานถือ เจ้าตัวรับมาอย่างงงๆก่อนที่จินยองจะเอ่ยพูดเบาเป็นเชิงว่า’ฝากหน่อยไม่ได้หรือไง’
เมื่อลงจากรถกันมาหมดแล้ว ซานดึลจึงพาร่างอวบๆของตัวเองเดินนำทั้งสองเข้ามายังภายในสตูดิโอที่ใช้ในการถ่ายแบบในวันนี้ ภายในเป็นเหมือนตึกบริษัทกว้างๆทั่วๆไปก่อนจะแยกเป็นห้องสตูดิโอถ่ายรูปย่อยๆอีกที ส่วนในตัวตึกถูกสร้างขึ้นด้วยหินอ่อนสีเรียบๆแต่ถูกตกแต่งด้วยฟอร์นิเจอร์สีขาวและสีดำสลับกันไปตามผนังและทางเดินด้านข้าง รวมถึงรูปคนดังที่มีชื่อเสียงมากมายที่มาถ่ายนิตยสารของบริษัทนี้ที่ถูกอัดกรอบสวยงามติดไว้ตามผนังข้างทางเดินไปยังห้องสตูดิโอ
“อ้าวจองฮวาน มากันแล้วหรอ” ทันที่ที่ซานดึลผลักประตูสตูดิโอเข้าไป เสียงของฮยอกซูเจ้านายของเขาดังขึ้นทักทายด้วยเสียงอันสดใสและเป็นมิตรเช่นเคย เขาสาวเท้ายาวๆมาหาจองจินยองตัวเด่นของงานวันนี้ก่อนที่จะเอ่ยทักทาย
“สวัสดีครับคุณจองจินยอง”
“ครับสวัสดีครับ” จินยองตอบพร้อมกับโค้งคำนับเล็กน้อยก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มให้บางๆ
“รู้สึกเป็นเกียรติมากครับที่ได้ร่วมงานกับนักร้องดังอย่างคุณ ฮ่าๆ ยังไงก็ฝากตัวด้วยนะครับ” ฮยอกซูโค้งให้จินยองเล็กน้อยอีกหนึ่งทีก่อนที่จะยื่นมือไปเช็คแฮนด์อีกฝ่าย
“ครับ ผมก็ฝากตัวด้วยเหมือนกัน” จินยองตอบยิ้มๆก่อนที่จะเช็คแฮนด์อีกฝ่ายเช่นกัน
“ยังไงผมก็ต้องขอโทษด้วยนะครับที่ไม่ได้ไปคุยงานเองเมื่อวาน ผมงานยุ่งจริงๆ เลยส่งเจ้าซานดึลไปแทน”
“ครับไม่เป็นไร ^^ ”
“งั้นเริ่มงานกันเลยนะครับ ฮันจี! พาจินยองไปดูชุดที เราจะเริ่มงานกันแล้วนะ”
ฮยอกซูตะโกนเรียกสไตล์ลิสท์ที่อยู่อีกฝั่งนึงของสตูดิโอออกมา ไม่นานก็ปรากฏร่างผู้หญิงคนนึงที่ดูท่าทางทะมัดทะแมงเดินออกมา เธอโค้งให้จินยองเล็กน้อยก่อนจะยิ้มให้ แล้วผายมือไปทางที่เธอพึ่งเดินออกมาเพื่อให้นายแบบในวันนี้เดินตามเธอไปเปลี่ยนชุด เมื่อจินยองเดินหายเข้าไปในส่วนของห้องแต่งตัวแล้ว ฮยอกซูจึงหันมาทักทายกงชานตามประสาคนรู้จักในฐานะแฟนของลูกน้องกับหัวหน้าของแฟน
“ไงมึง ตามซานดึลมาทำงานงั้นหรอ”
“เอ่อ .... ก็ทำนองนั้นพี่”
“ผู้ชายติดแฟน หายากนะมึง” ฮยอกซูว่าแซวๆซานดึลก่อนที่จะเดินไปหยิบกล้องถ่ายภาพตัวประจำของซานดึลก่อนที่จะยื่นให้เจ้าตัว
“พี่เอาให้ผมทำไมอะ”
“งานวันนี้ กูให้มึงถ่าย” ฮยอกซูตอบยิ้มๆผิดกับซานดึลที่เกือบจำทำกล้องตัวหลายแสนร่วง กว่าจะมีได้นี่ไม่ใช่ง่ายๆ ต้องทำงานเป็นผู้ช่วยอยู่ในนี้ตั้งนาน กว่าจะขึ้นมาถึงขั้นนี้ได้ก็ผ่านอะไรๆมาหลายขุมอยู่
“เห้ยทำไมไม่บอกกันก่อนละพี่ ผมจะได้เตรียมตัว”
“กูเชื่อในฝีมือมึงไอ้เป็ดอ้วน มึงต้องทำได้” ฮยอกซูตบบ่าซานดึลเบาๆเป็นกำลังใจก่อนจะรีบเดินเลี่ยงออกมาเพราะกลัวว่ากล้องในมือเจ้าเป็ดอ้วนมันจะลอยมากระทบใบหน้าหล่อๆของเขาเสียโฉมซะก่อนน่ะสิ
“พี่ฮยอกซูเขาว่าพี่อ้วนอะกงชาน T _ T” เจ้าตัวหันไปฟ้องแฟนที่ยืนนิ่งเงียบด้วยน้ำเสียงออดอ้อนที่กงชานฟังแล้วใจมันวูบไหวทุกที ออกจะน่ารักซะขนาดนี้ ... จับฟัดกลางสตูฯเลยดีมะ ...
“ก็พี่อ้วนจริงๆนี่” กงชานตอบขำๆก่อนจะเอื้อมมือไปขยุ้มกลุ่มผมนุ่มๆของซานดึลเบาๆ ซานดึลฉีกยิ้มกว้างก่อนจะเขย่งปลายเท้าขึ้นจรดจมูกลงบนแก้มของแฟนหนุ่มเบาๆ จนใบหน้าของกงชานขึ้นสีแดงระเรื่อ
เคร้ง !
“เอ่อ ... ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ” จู่ๆก็มีเสียงเหมือนอะไรบางอย่างตกพื้นดังขึ้นตรงแถวๆห้องแต่งตัว ก่อนหน้านั้นจองจินยองเดินออกมาจากห้องแต่งตัวตามปกติ แต่สายตาก็ดันเห็นคู่รักกำลังอี๋อ๋อกันกลางสตูดิโอน่ะสิ มันน่าหมั่นไส้จนเจ้าตัวเผลอเดินเตะขาตั้งกล้องเก่าๆล้มลงจนเกิดเสียงลั่น
เห็นแล้วหงุดหงิด !
“อ้อไม่เป็นไรครับ ขาตั้งกล้องตัวนั้นมันไม่ได้ใช้แล้วน่ะ” ฮยอกซูพูดอย่างใจดีนั่นก็ทำให้จองจินยองต้องปรับอารมณ์ให้เข้าที่เข้าทางก่อนจะส่งยิ้มให้แล้วเดินไปข้างหน้าฉากมัสลินที่ถูกเตรียมไว้ให้ตามที่ฮยอกซูบอก
ฉากนั้นถูกตกแต่งด้วยต้นไม้ที่มีใบไม้สีส้มเป็นประปราย ส่วนด้านล่างของพื้นประกอบด้วยเศษใบไม้เต็มบริเวณเพื่อทำให้ดูเหมือนเป็นใบไม้ที่พึ่งร่วงโรยจากต้น ส่วนตรงกลางมีก้อนหินสีเทาขนาดใหญ่เพื่อให้นายแบบได้โพสต์ท่าสวยๆกันตามสบาย ส่วนชุดของจินยองนั้นเป็นเสื้อสเวตเตอร์ไหมพรมสีขาวบริเวณคอถูกพันด้วยผ้าพันคอสีแดงตัดรับเข้ากับสีผิวและสีเสื้อได้ดูดีไม่น้อย ท่อนล่างถูกสวมด้วยกางเกงยีนส์ซีดๆใส่กับรองเท้าผ้าใบคอนเวิร์ส ใบหน้าถูกแต่งแต้มบางๆพอให้ดูมีสีไม่ซีดเกินไป ส่วนบริเวณขอบตาถูกวาดด้วยอายไลน์เนอร์เพียงเล็กน้อย ปากเล็กๆถูกฉาบทับบางๆด้วยลิปติกสีอ่อนๆ
นี่ผู้ชายหรือผู้หญิงกันแน่วะ ... นี่เป็นสิ่งที่คนทั้งสตูดิโอแห่งนี้คิดและเห็นด้วย
“เอาละซานดึล เต็มที่นะ” ฮยอกซูพูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินไปนั่งที่หน้าจอมอนิเตอร์ เพื่อดูผลงานที่ลูกน้องคนเก่งจะถ่ายออกมาให้ได้ดูในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้
“คุณจินยองพร้อมนะครับ” ซานดึลเดินไปประจำที่หลังจากที่ตรวจเช็คกล้องในมือเสร็จ ก่อนที่จะเอ่ยถามจินยองที่นั่งลงบนก้อนหินเรียบร้อยแล้ว แต่เจ้าตัวไม่ได้ตอบอะไรมาได้แต่พยักหน้าเล็กน้อยแล้วมองมายังกล้อง
อย่างน้อยเขาก็ไม่เอาเรื่องงานมาเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวหรอกน่า ..
แชะ แชะ แชะ
เสียงกดชัตเตอร์ดังขึ้นพร้อมกับแสงแฟลชจากรีเฟล็กซ์ทั้งสองข้างฉากสว่างวาบขึ้นสาดลงบนลงบนตัวของจองจินยองที่กำลังขยับท่าทางให้ซานดึลถ่ายรูปอย่างมืออาชีพ จนซานดึลแทบจะไม่ต้องบอกให้เขาขยับตัวหรืออะไรใดๆทั้งสิ้นเลย ขาเรียวนั่งไขว้กันบนก้อนหินก่อนจะวางมือขวาลงบนที่ว่างด้านข้างของตนเอง ใบหน้าขยับเอียงไปทางด้านซ้ายก่อนจะเชิดขึ้นเล็กน้อยแล้วส่งสายตาเรียวๆจิกมาทางกล้อง ซานดึลจึงยกกล้องขึ้นถ่ายภาพสวยๆอีกครั้ง
เวลาล่วงเลยผ่านไปจนถึงประมาณบ่ายๆของวัน เมื่อจินยองถ่ายชุดสุดท้ายจบ ทีมงานคนอื่นๆในสตูดิโอก็ลุกขึ้นปรบมือกันเกรียวกราวเพื่อชื่นชมในความสามารถทั้งของจินยองและซานดึลแล้วกล่าวขอบคุณที่ทำให้งานนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี จินยองเดินมารวมตัวกับทีมงานคนอื่นๆที่เอ่ยปากชมกันไม่ขาดจนจินยองต้องยิ้มออกมาอย่างเปิดเผยและยกมือขึ้นเกาหัวแก้เก้อ
“ชมกันเกินไปแล้วนะครับ ฮ่าๆๆๆ”
“ไม่หรอก คุณน่ะมืออาชีพจริงๆ” ฮยอกซูตบบ่าจินยองเบาๆสองสามทีก่อนจะหันมากอดคอคุณลูกน้องที่แสดงฝีมือเทียบเท่ามืออาชีพให้ชมกันในวันนี้
“ฉันบอกแล้วว่านายทำได้ไอ้เป็ดอ้วน”
“เลิกชมกันได้แล้วพี่ ไปกินข้าวกันเหอะหิวจะแย่แล้ว” ซานดึลว่าพลางลูบท้องตัวเองไปมา จนทีมงานส่งเสียงแบบเบื่อหน่ายออกมาอย่างแซวๆว่ายังไงคนๆนี้อะไรก็ไม่สำคัญเท่าของกินก่อนจะเดินแยกย้ายกันไปเก็บของ จินยองที่เห็นว่าหมดหน้าที่แล้วจึงเดินไปเข้าไปเปลี่ยนชุดด้านในตามเดิม
“มึงไปเก็บกล้องไปจะได้ไปกินข้าว เดี๋ยวกลับมาค่อยมาคัดรูปกันอีกที” ฮยอกซูไล่ให้ซานดึลไปเก็บกล้องก่อนที่ร่างอวบจะพยักหน้ากลมๆแล้วเดินหายไปยังห้องทำงานประจำก่อนตัวเอง ไม่นานก็เดินออกมาพร้อมกับจินยองที่เปลี่ยนชุดเสร็จ
“เหงามั้ยครับไอ้คุณแฟน ไปกินข้าวกันเรายังไม่ได้กินข้าวแต่เช้าเลยนะ” ซานดึลว่าพลางฉุดมือแฟนเจ้าตัวที่นั่งเปื่อยจะหลับแหล่ไม่หลับแหล่ให้ลุกขึ้น กงชานฉีกยิ้มหน่อยๆก่อนจะยืนขึ้นเต็มสูงแต่ก็ไม่ลืมที่จะหยิบกระเป๋าของเจ้านายติดมือมาด้วย เดี๋ยวลืมแล้วจะมีปัญหา = =
“คุณจินยองจะไปไหนต่อมั้ยครับ ถ้าไม่มีงานก็ไปกินข้าวด้วยกันก็ได้” ซานดึลที่เห็นจินยองยืนเงียบอยู่ก็เลยเอ่ยปากชวนขึ้น เจ้าตัวเงยหน้าขึ้นมายิ้มบางๆก่อนจะส่ายหน้า
ไม่อยากไป
ไม่มีอารมณ์ ...
“ไม่หิวหรือไงข้าวอะ ไอเดทหรอ ลดความอ้วนหรือไงครับ” กงชานพูดจิกกัดจนอีกฝ่ายแทบอยากจะตบหน้าหล่อๆนั่นซักฉาดสองฉาด ถ้าไม่ติดว่าเกรงใจสถานที่และ”แฟน” ที่ยืนคุมอยู่ๆข้างๆน่ะนะ
“แล้วนี่คุณจินยองกับกงชานไปสนิทกันตอนไหน ดูสนิทกันดีนะ ตอนเช้าก็เห็นเข้ามาด้วยกัน ..” ฮยอกซูเอ่ยถามด้วยความสงสัยที่ผุดขึ้นมา นักร้องดังข้างฟ้าไปสนิทกับคนธรรมดาได้ยังไง แต่ยังไม่ทันที่กงชานจะได้ตอบ เสียงแหลมๆก็ตอบขึ้นมาแทนซะก่อน
“อ๋อ เขาเป็นผู้จัดการส่วนตัวผมน่ะครับ”
“อ้าวไหนบอกตามซานดึลมาทำงาน เฮ้โกหกกันนี่หว่าไอ้หล่อ” ฮยอกซูผลักหัวกงชานสองสามทีเบาๆ หารู้มั้ยว่าตัวเองน่ะหาเรื่องให้กงชานซะแล้ว .... ดูจากสายตาของจองจินยองที่มองมาทางกงชานก็น่าจะพอเดาได้ว่าจะเป็นยังไงต่อไป
“เฮ้ผมหิวแล้วนะ” ซานดึลท้วงขึ้นก่อนจะเกาะแขนกงชานแน่นแล้วเอาหัวซบลงบนไหล่กว้างของกงชานอย่างออดอ้อน จินยองมองภาพนั้นด้วยสายตาที่เรียบเฉยราวกับสายน้ำที่ไร้การเคลื่อนไหว ไม่รู้ว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ รู้แค่ว่าไม่อยากจะเห็นภาพสองคนนี้หวานใส่กัน มันอารมณ์เสีย ..
“เออกงชาน ฉันลืมไปว่าต้องกลับไปที่บริษัทน่ะ ขับรถไปส่งหน่อย”
“เอ่อ...”กงชานสตั๊นไป3วิก่อนจะก้มลงมองแฟนตัวเองด้วยสายตาอาลัย ซานดึลเงยหน้ามองกงชานก่อนจะคลายท่อนแขนออก
“นายไปกับเขาเถอะ ฉันไปกับพี่ฮยอกซูก็ได้^^” ซานดึลพูดแล้วยิ้มอย่างสดใส แต่กงชานรู้ดีว่าภายใต้รอยยิ้มนั้นปกปิดความผิดหวังข้างในดวงตามากขนาดไหน
ถ้าถามว่าเขาน้อยใจมั้ย ... มันก็มีบ้าง
แต่ก็ต้องทำงาน ... จะให้ทำยังไงได้ L
“พี่จินยอง พี่ซูฮยอกครับ ออกไปรอด้านนอกก่อนได้มั้ย ... คือผมมีเรื่องจะคุยกับซานดึลแค่ .. 2 คน”
“มาไม้นี่ตลอดแหละพวกมึง จะจูบกันก็บอก”
ฮิ้วววววววววว
แล้วก็มีเสียงฮิ้วมาตามระเบียบ
“ไปครับกันเถอะครับคุณจินยอง ปล่อยให้ไอ้สองตัวนี้มันอยู่ด้วยกันไปก่อน” ฮยอกซูพูดพลางลากตัวจองจินยองออกมาด้านนอก ลากซะขนาดนี้ก็ต้องจำใจเดินออกมาทั้งๆที่ไม่สบอารมณ์นั่นแหละ...
แต่จะอยู่เป็นก้างขวางคอก็ใช่เรื่อง ....
“จะจูบอีกหรือไง” ซานดึลเงยหน้าถามก่อนจะพองแก้มป่องๆของตัวเอง
“ทำไม ไม่ให้ผมจูบหรอ”
“แล้วเมื่อคืนไม่พอหรือไงเล่า -//////- ”
“ก็มันคิดถึงนี่นา” กงชานว่าพลางสวมกอดแฟนของตัวเอง ซานดึลจึงยกท่อนแขนขึ้นกอดตอบ จมูกโด่งๆไล้ตามพวงแก้มเนียนของซานดึล ไล่ลงมาจนถึงริมฝีปาก ก่อนจะทาบริมฝีปากของตัวเองลงไปอย่างแผ่วเบาแล้วละออก
“ผมรักพี่นะ ขอโทษนะครับที่ไปกินข้าวด้วยไม่ได้ ไว้วันหลังผมนัดพี่อีกทีแล้วกัน”
“อื้อพี่เข้าใจ คิดมากเด็กบ๊อง”
“เมื่อคืนไม่เห็นว่าผมงี้ละ ..โอ้ย ตีผมทำไมเนี่ย” กงชานส่งเสียงโอยครวญทันทีที่เจอฝ่ามือบวมอรหันต์ฟาดลงไปที่ไหล่แรงๆ
“หยุดเลยครับคุณแฟน ถ้าพูดอีกเดี๋ยวเอาฟันเฉาะหน้าให้”
“อะไรนะผมเป็นคนแรกของพี่งั้นหรอ” กงชานพูดแซวติดหัวเราะก่อนจะวิ่งหนีออกมาก่อน เดี๋ยวโดนฟันเฉาะหน้าจริงๆแล้วจะเป็นเรื่อง
ฟันหรือจอบขุดมันก็ไม่รู้ ถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถ
“ไอ้กงชานนนนนนนนนนนนน แกตายยยยยยยยยยยยยยย”
ปึง!!
“ไปกินรังแตนที่ไหนมาครับคุณพี่จองจินยอง”
“อย่ามายุ่ง”
“แล้วเป็นอะไรจู่ๆก็ขึ้นรถเอง ปิดประตูรถซะดังลั่น”
“เรื่องของฉัน”
“ประจำเตือนมาไม่ปกติหรือไง”
“บ้านป้าแกสิ”
“เอ้า คนถามดีๆป่ะวะครับ”
“ไม่อยากตอบ เบื่อ ไม่มีอารมณ์ เข้าใจยัง”
“ไม่เข้าใจ”
“เออเรื่องของมึง”
“แล้วนี่โมโหอะไรมาเนี่ยพี่ ขึ้นกูมึงด้วยเว้ยเฮ้ย”
“แล้วนายจะอยากรู้ไปทำไม สนใจกันด้วยหรือไง”
หือ ....
อะไรของพี่เขาวะ
“ผมว่าพี่พูดไม่รู้เรื่องแล้วล่ะ อาจจะเมาแสงเฟลชในสตูฯ โอเค้ ไว้พี่อารมณ์เย็นขึ้นค่อยมาคุยกับผมแล้วกัน”
กงชานพูดถึงท้ายไว้แค่นั้นก่อนจะสตาร์ทรถออกไปจากสตู ไม่อยากจะเสวนาต่อกับคนพูดไม่รู้เรื่องๆ ขึ้นรถมาจู่ๆก็ปิดประตูปึงปังโมโหใส่ ถามอะไรก็ไม่ตอบ แถมด่าอีก จะบอกว่าตามอารมณ์พี่แกไม่ทันจริงๆนี่ผู้ชายหรือผู้หญิงวัยมีประจำเดือนกันแน่ อารมณ์ขึ้นๆลงๆ แถมขึ้นกูมึงด้วย เออเชื่อเขาเลย
ทนไม่ได้ก็ต้องทนวะ ไม่งั้นจะเอาไรแดก ...
เดี๋ยวก็ชินเว้ยกงชานชิก ...
“นายมากับฉันเดี๋ยวนี้”
ทันทีที่ถึงบริษัท มือเล็กๆของจองจินยองก็ขว้ามับเข้าที่ข้อมือของอีกฝ่าย ถึงตัวจะเล็กแต่แรงก็ไม่ได้เล็กตามจนกงชานที่สูงกว่ายังต้องเซไปตามแรงนั้น ขาของจินยองก้าวฉับๆไปยังหน้าลิฟต์ก่อนจะกดปุ่มลูกศรหัวขึ้น แต่ก็ยังไม่ปล่อยข้อมือคนตัวสูงให้หนีไปไหนได้
“พี่เป็นอะไรของพี่เนี่ย” กงชานเอ่ยถามขณะที่ทั้งสองคนเข้ามาในลิฟต์เรียบร้อยแล้ว ร่างบางไม่ตอบแต่กลับยืนพังผนังลิฟต์แล้วยกแขนขึ้นกอดอก แม้แต่หน้ากงชานชิกตอนนี้เขาก็ยังไม่อยากจะมอง คนตัวเล็กพยายามปรับอารมณ์ให้เป็นปกติเพราะกลัวว่าถ้าออกไปเจอใครๆเดี๋ยวจะถามเซ้าซี้เอาเปล่าๆ มันน่ารำคาญ ..
“ฉันไม่รู้” จินยองตอบเสียงเนือยๆ จนอีกฝ่ายไม่กล้าจะต่อปากต่อคำอะไรต่อ จึงยืนนิ่งเงียบรอคนตรงหน้าพูดระบายออกมา
“ฉันแค่รู้สึกหงุดหงิด”
“เฮ้อช่างมันเถอะ” สุดท้ายก็พูดตัดบทจบแค่นั้นพร้อมกับยกมือขึ้นโบกปัดๆทำนองว่าอย่าไปใส่ใจ
“นี่ห้องทำงานพี่หรอ”
ใช่แล้ว ...
จินยองลากคุณผู้จัดการมาในห้องทำงานของเขา ที่ใช้ทำเพลงเขียนเพลงอัดเพลงเป็นที่ประจำ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรเวลาที่หงุดหงิดหรืออารมณ์ไม่ดี เขาจะคลุกตัวอยู่ในห้องนี้เสมอๆ มันช่วยทำให้เขารู้สึกคลายเครียดและผ่อนคลายมากขึ้นเป็นกอง เสียงดนตรีมันทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมาก เขาอยู่ไม่ได้ถ้าปราศจากเสียงเพลง นับว่ามันเป็นปัจจัยที่ 5 ของเขาเลยก็ว่าได้
จินยองปล่อยให้กงชานเดินสำรวจห้องนี้ไปตามอำเภอใจ ก่อนที่จะนั่งลงบนโซฟาบุหนังสีดำขนาดกลางภายในห้อง ด้านหน้าโซฟามีโต๊ะแก้วตัวเล็กๆพร้อมด้วยสมุดโน้ต 3-4 เล่มวางทับๆกันอยู่ แขนเล็กเอื้อมมือไปหยิบกีต้าร์ตัวโปรดก่อนจะควานหาสมุดโน้ตที่มีเพลงที่แต่งค้างไว้เมื่อสองสามวันก่อนออกมา ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มออกมาทันที่ทีควานหาสมุดโน้ตเล่มนั้นเจอ แล้วเปิดไปยังหน้าที่แต่งเพลงค้างไว้
นิ้วเรียวดีดลงไปบนสายกีต้าร์จนเกิดเสียงเพลงเบาๆ ก่อนที่จินยองจะขับร้องเพลงที่ตัวเองแต่งไว้ก่อนหน้านี้ออกมา เรียกความสนใจจากร่างสูงที่กำลังวุ่นวายกับมิกเซอร์แผงใหญ่ให้หันมองอีกฝ่ายที่กำลังบรรเลงเพลงอยู่บนโซฟาได้ทันที
“มองอะไร” ร่างบางเงยหน้าขึ้นมาสบตากับกงชานที่กำลังมองเขาเล่นกีต้าร์อยู่เพลินๆ ไม่รู้ตัวเลยว่าโดนแอบมองตั้งแต่ตอนไหน ...
“เพราะดีนะ”
“เพลงน่ะ”
“หยุดเล่นทำไมครับ เล่นต่อสิ”
“ผมอยากฟัง”
ตึกตัก ...ตึกตัก ...
“ยะ..ยังแต่งไม่จบ”
จินยองเอ้ยแกเป็นบ้าอะไรวะ
เขินทำห่าไรเขาก็แค่ชม ...
แล้วทำไมคนอื่นชมไม่เห็นเขินเลยวะ ....
“ให้ผมช่วยแต่งเปล่า ตอนมัธยมนี่ผมเป็นนักร้องโรงเรียนเลยนะ”
เอิ่ม .... เป็นคอรัสทำไมไม่บอกเขาไปละกงชาน
นักร้องหรอ แม่งไม่ใช่ละ 555555555555555555555555555555555555555555
กงชานพูดอย่างกระตือรือร้นก่อนที่จะปล่อยแผงมิกเซอร์ให้อยู่ความเคว้งคว้างและโดดเดี่ยว เจ้าตัวรีบกุลีกุจอเข้ามานั่งข้างๆจินยองก่อนที่จะเขยิบเข้าไปใกล้ๆก่อนที่จะเอื้อมมือไปหยิบสมุดโน้ตเล่มนั้นขึ้นมา
“เฮ้ยเอาคืนมา” จองจินยองเป็นพวกประเภทที่ว่าไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับสมุดเพลงเท่าไหร่ ยิ่งเป็นคนที่พึ่งรู้จักกันไม่นานยิ่งไม่อยากให้มายุ่ง มันไม่ได้มีแค่เนื้อเพลงน่ะสิ วันๆเขาเบื่อๆมันก็จะกลายเป็นไดอารี่ขนาดย่อมไปเลย
“อะไรขอดูนิดดูหน่อยก็ไม่ได้ ผมเป็นผู้จัดการพี่นะ” กงชานยืดแขนชูขึ้นสุดแขนจนจินยองที่ตัวเล็กกว่าไม่สามารถเอื้อมมือขึ้นไปหยิบสมุดคืนได้ พอจะคว้าได้ทีกงชานก็เปลี่ยนข้างที ขยับซ้ายขวาทีทำให้คว้าไม่ได้เลย
“เอามาดิวะ เดี๋ยวพ่อก็เอากีต้าร์ฟาดให้” จินยองหยิบกีต้าร์ขึ้นมาทำท่าจะทุ่มใส่หัวคนตรงหน้าแต่ดูเหมือนว่ากงชานไม่มีท่าทีจะกลัวเลยซักนิด จึงต้องจำใจวางกีต้าร์ลงเบาๆเพราะไม่อยากให้มันมาพังเพราะเรื่องบ้าๆพรรค์นี้ มันดูไร้เหตุผลเกินไปหน่อยกับการที่แลกกับกีต้าร์ตัวหลายหมื่น
“เพื่อนเล่นหรือไงวะ” จินยองยังไม่ลดละความพยามยามที่จะเอาสมุดโน้ตคืนเลยโถมร่างตัวเองลงไปบนตัวของกงชานชิกเต็มแรงก่อนจะตะเกียกตะกายไปคว้าสมุดโน้ตที่อยู่สุดมือของร่างสูง
คนห่าไรโครตสูง …
แดกเสาไฟฟ้าแทนข้าวหรือไง
“โอ้ยพี่เจ็บบบบบบบบบ” คนอายุน้อยร้องโอดครวญขึ้นมาทันทีที่เข่าแหลมๆที่มีแต่กระดูกของอีกฝ่ายกดลงไปบนหน้าขาจนต้องส่งเสียงร้องแห่งความเจ็บปวดออกมา เมื่อจินยองเห็นว่าได้โอกาสจึงรีบชกชิงสมุดโน้ตคืนมาได้ยังทันถ่วงที ก่อนที่จะเคลื่อนย้ายตัวลงมานั่งข้างๆอีกฝ่ายตามปกติ
“อารมณ์ดีแล้วหรือไง”
“ก็ดีขึ้นตั้งแต่เข้าห้องนี่มานั้นแหละ”
“แล้วเมื่อบ่ายพี่เป็นอะไร”
“ก็ไม่มีอะไรนี่ แค่หิวข้าว”
เออว่ะ ..
ข้าว ...
กูยังไม่ได้แดก ....
ซู๊ดดดดดดดดดดด
(=__=)
“อองอะไออ๊ะ”
“(=__=)?”
“อั๊นอ๋ามอ้าอองอะไอ”
“พี่ว่าพี่เคี้ยวให้หมดก่อนแล้วค่อยพูดดีกว่ามั้ยครับ..” กงชานมองคนสวยตรงหน้าที่โซ้ยรามยอนด้วยสายตาละเหี่ยใจ นี่นับว่าเขาโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่ที่ได้เห็นภาพลักษณ์ของนักร้องดังข้างฟ้าในมุมแปลกๆพิสดาร อะไรแบบนี้ ... พูดไปเส้นก็ร่วงจากปากไปมืออีกข้างก็คีบเส้นส่วนอีกข้างก็ชี้หน้าเขา ถถถถถถถถถถถ
“ฉันถามว่ามองอะไร” จินยองเคี้ยวรามยอนในปากจนหมดก่อนที่จะยกมือขึ้นปาดเช็ดมุมปากลวกๆแล้วพูดกับกงชานที่กำลังกินรามยอนอยู่เงียบๆ ใบหน้าหล่อๆเงยหน้าขึ้นมามองคนตรงหน้าก่อนจะสังเกตุว่ามีเส้นรามยอนเล็กๆติดอยู่มุมปากของอีกฝ่าย เขาขำเล็กน้อยแล้ววางถ้วยรามยอนลงก่อนที่จะชี้มุมปากตัวเอง
“ปากพี่เลอะอะ”
“เฮ้ยตรงไหน” ตาตี่ๆเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยก่อนจะรีบยกมือจับมีมุมปากตัวเอง
“ตรงนั้นไงพี่”
“ไหนวะ”
เชื่อแล้วว่าจินยองเป็นคนหาอะไรไม่คนเจอจริงๆ ... ร่างสูงผ่อนลมเล็กน้อยก่อนจะเอื้อมมือไปแตะมุมปากบางๆของคนตรงหน้าแล้วใช้นิ้วโป้งลูบเอาเศษเส้นรามยอนออกไป ก่อนจะก้มหน้ากินรามยอนของตัวเองต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“เอ่อ .. ขอบใจนะ”
นั่นไง...ไปไม่ถูกเลย
อารมณ์โกรธอารมณ์เหวี่ยงก่อนหน้านี้มันหายไปหนายยยยยยยยยยยยย T v T
‘This time is over 왜 나를 떠나요 목숨보다 더 널 사랑했는데’ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบที่ปกคลุมอยู่ภายในห้องนี้ กงชานที่พึ่งกินรามยอนเสร็จพอดีจีงวางตะเกียบลงบนปากถ้วยก่อนจะหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงออกมา ปากสวยคลี่ยิ้มเล็กน้อยก่อนจะกดรับสายแล้วกรอกเสียงลงไป
“ครับพี่ซานดึล”
[กินข้าวรึยางงงง]
“กินแล้วครับ เป็นไงกินอะไรไปบ้างเนี่ย”
[เยอะแยะเลย ทั้งคิมบับกิมจิชิเกไก่ทอดรามยอนไอศกรีมขนมปังกรอบ]
“ฉัน...เอารามยอนไปทิ้งนะ”
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร เวลาที่กงชานคุยกับซานดึลหรือเวลาที่ทั้งสองอยู่ด้วยกัน เขาไม่อยากที่จะยุ่งและรับรู้อะไรทั้งนั้น อาจจะรำคาญหรือหมั่นไส้ก็ไม่อาจแน่ใจได้ รู้แค่ว่าไม่อยากอยู่ตรงนี้ ..………….
“โหกินเยอะขนาดนั้นอ้วนตาย นี่พองจนตัวจะระเบิดแล้วนะพี่”
[เหอะ อ้วนแล้วรักมั้ยเล่า]
“คร้าบๆ อ้วนก็รักครับ”
[แล้วนี่นายอยู่ไหนน่ะ]
“ผม..เอ่อ ... อยู่ที่บริษัทอะพี่”
[อ่างั้นหรอ เฮ้ยพี่ถึงสตูแล้วไว้ค่อยคุยกันนะ ยังทำงานไม่เสร็จเลย]
“ครับตั้งใจทำงานนะเป็ดอ้วนพอง ฮ่าๆๆๆๆๆ บายครับ"
“ไง แฟนโทรมาหรอ” จองจินยองเดินเข้ามาในห้องหลังจากที่ออกไปทิ้งถ้วยรามยอนด้านนอกแล้วเอ่ยแซวกงชานที่พึ่งวางสายจากแฟนหนุ่มไปเมื่อกี้
“ก็ทำนองนั้นครับ”
“รักกันดีเนอะ ...”
“อิจฉาผมอะดิ๊” กงชานพูดติดตลกพร้อมกับเอาศอกตัวเองกระทุ้งซี่โครงแห้งๆคนข้างๆเบา
ใครบอกแกว่าฉันอิจฉาแกวะ ...
อิจฉาซานดึลต่างหากโว้ยย
แม่งอยากได้ว่ะ L
“เออ ... นายว่าจะดีมั้ยถ้าให้นายย้ายมาอยู่กับฉัน”
“อะไรนะ ?”
“ย้าย – มา –อยู่- กับ –ฉัน”
“ผมเป็นผัวพี่หรือไง ทำไมผมต้องอยู่กับพี่อะ”
“ไอ้เด็กเวรนี่ นายเป็นผู้จัดการฉันป่ะวะ ไปทำงานก็ต้องไปรับไปส่งฉัน จะได้ไม่ต้องเทียวไปเทียวมาไง จากบ้านนายมาคอนโดฉันแล้วก็มาบริษัทเนี่ยนะ ขากลับนายก็ต้องส่งฉันแล้วกลับมาที่บ้านเนี่ยนะ แล้วตื่นเช้ามานายก็ต้องมา..”
“สรุปคือผมต้องมาอยู่กับพี่ให้ได้เลยใช่มั้ย =__=”
ถูกต้อง J
“เออ”
“พี่จะไม่ปล้ำผมแน่นะ”
“ห่า นอนคนละห้องโว้ย”
ถึงจะอยากนอนห้องเดียวกันก็เถอะ #เดี๋ยวมึง ..
“เอางั้นก็ได้ครับ ประหยัดน้ำมันดี มันก็จริงอย่างที่พี่ว่ามานั่นแหละ”
“ก็ดี งั้นสักห้าโมงนายไปส่งฉันที่คอนโดแล้วกันเดี๋ยวเก็บห้องไว้ให้”
แล้วฉันจะรอนะ กงชานชิค J
TBC.
ความคิดเห็น