คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : Y o u r M i n i s t r a n t - CHAPTER 12 -
Girl I'm in love with you baby
And I want you to know
That I'm hooked on your body
And I'm tryna be yours
สาวน้อย ฉันหลงรักเธอเข้าแล้ว
และฉันอยากให้เธอรู้ไว้นะ
ว่าฉันติดใจในเรือนร่างของเธอ
และฉันพยายามจะเป็นคนของเธอ
We out the door We in the car
She under my shirt I'm under her bra
She said take it if you want it
Then we made love till the first site of morning
So we did it, grind it, get it, got it
Ooh, ooh, ooh baby
She said do it till my body don't move baby
Ooh baby
เราออกไปนอกประตู เข้าไปในรถ
เธออยู่ในเสื้อของฉัน ฉันอยู่ในบราของเธอ
เธอบอกว่าเอามันไปได้เลย ถ้าฉันต้องการ
แล้วเราก็มีอะไรกันจนเช้า
แล้วเราก็ทำมันไป จนเสร็จ ได้กัน ได้ไปแล้ว
ที่รัก เธอบอกว่าทำมันจนกว่าเธอจะขยับไม่ได้เลย
โอ้ววว ที่รัก
"ย่าห์ ชานชิค เบาเสียงเพลงหน่อยไม่ได้หรือไง"
เสียงเล็กๆหวีดขึ้นมาพร้อมประตูห้องนอนสีไม้โอ๊คที่เปิดออก ก่อนหน้านี้เขาใส่เฮดโฟนนั่งอยู่ในส่วนของโฮมสตูดิโอเล็กๆอยู่ภายในห้องนอนและพยายามที่จะแต่งเพลงต่อ แต่เสียงเพลงที่คนอายุน้อยกว่ามันดังทะลุเข้ามาในโซนประสาทจนเขาไม่สามารถที่จะทำงานต่อได้
จองจินยองที่อยู่ในชุดสบายๆของวันหยุดเดินมาหาร่างสูงที่กำลังเคลียร์ทำความสะอาดสิ่งต่างๆอยู่หลังเคาท์เตอร์ครัว มือบางตีลงไปที่ไหล่หนาเป็นเชิงดุ แต่ก็ใช่ว่าเขาจะกลัวคนตัวเล็กง้องแง้งตรงหน้านี้ซะเมื่อไหร่ กลับวางมือจากจานชามที่ล้างอยู่ภายในอ่างแล้วเปลี่ยนมาสวมกอดเอวบางไว้หลวมๆ
"นี่ มันเลอะอยู่นะ"ว่าแล้วก็ใช้กำปั้นทุบลงไปที่ลาดไหล่กว้างอีกครั้ง ถลึงตาตี่ๆใส่ให้ดูน่ากลัวเข้าไว้ กลับกันมันก็ไม่เห็นจะน่ากลัวอย่างที่เขาคิด แถมยังดูตลกจนเขาหลุดขำออกมาอีกต่างหาก
"ขำอะไร"
"ทำตัวเป็นผู้หญิงขี้บ่นไปได้"
ร่างสูงว่าก่อนจะยกมือขึ้นหยิกปลายจมูกเล็กด้วยความหมั่นเขี้ยวร่างบางตรงหน้า จินยองย่นจมูกใส่อย่างเขาอย่างน่ารัก จนอีกฝ่ายเห็นแล้วมันอดใจไม่ค่อยได้จึงโน้มหน้าเข้าไปหาคนตัวเล็กและประทับริมฝีปากนุ่มลงไปตรงมุมปากเบาๆก่อนจะรีบละออกมาแล้วยืนยิ้มโชว์เขี้ยวทั้งสองข้าง
"มากไปแล้วๆ-///////-" มือบางยกขึ้นผลักหัวทุยๆของคนตัวสูงกว่า2-3ครั้ง ได้ทีเอาใหญ่เลยนะ !
"เขินก็บอกมาเถอะครับ"
"ไม่ได้เขิน!"
"นี่แหละเขิน~"
"ก็บอกว่าไม่ใช่ไง!"
"อ่า พี่ทำตัวแบบนี้อีกแล้ว L "
"อะไร ฉันทำอะไร"
"ก็ทำตัวน่ารักอยู่นี่ไงฮะ~"
"ไปเลยๆๆ ล้างจานไปเลยไป -///-"
จองจินยองออกปากไล่ร่างสูงแก้เขิน แก้มใสขึ้นสีแดงระเรื่อเป็นลูกตำลึงสุก แต่ก็ยังปากไม่ตรงกับใจบอกว่าไม่ได้เขินอะไรซักหน่อย ~ ถ้าไม่ได้เขินแล้วหน้าแดงทำไมกันนะ กงชานหัวเราะคิกคักแล้วปล่อยเอวบางของอีกฝ่ายให้เป็นอิสระแล้วหันไปล้างจานในอ่างต่อให้เสร็จ จินยองเลยเดินออกมาจากหลังเคาท์เตอร์ครัวมายังมินิโฮมเทียเตอร์ที่ส่งเสียงเพลงดังจนเขาไม่มีสมาธิ เมื่อกดหยุดเล่นเพลงเสียงนุ่มทุ้มก็โวยวายดังออกมาจากครัว
"พี่ปิดทำไมครับ"
"ก็ฉันบอกว่ามันเสียงดังไง ฉันทำงานอยู่"
"บู้ ! =3="
"เด็กบ้าเอ๊ย - - "
เวลาล่วงเลยผ่านพ้นไปประมาณเกือบๆสามอาทิตย์แล้วหลังจากเกิดเรื่องวุ่นวายในเหตุการณ์คราวนั้น กงชานชิคไม่ได้ให้คำตอบจินยองในทันทีแต่กลับขอเวลาคิดทบทวนดูก่อน ซึ่งจินยองก็ไม่ได้ปฏิเสธหรือโวยวายอะไร แต่กลับรออย่างเงียบๆ กงชานเก็บเสื้อผ้าชุดสองชุดแล้วกลับไปที่โรงพยาบาลตามที่บอกกับคนรักของเขาว่าจะกลับมาเมื่อไปถึงเขาจึงตรงเข้าไปถามซานดึลทันทีว่าเรื้องที่เกิดขึ้นทั้งหมดมันเป็นมายังไง ใช่เขาหรือเปล่าที่ทำเรื่องบ้าๆแบบนั้น ตอนแรกก็ทำท่าว่าจะไม่ตอบแต่พอโดนรุกหนักๆก็จำเป็นต้องบอกความจริงไปโดยปริยาย เมื่อเขาได้ยินเรื่องจริงทั้งหมดจากปากของคนรักเขาเองก็ถึงกับเข่าอ่อน แทบไม่อยากจะเชื่อว่าจะเป็นซานดึลจริงๆที่ทำ ทำเอาตัวเขาเงียบพูดอะไรไม่ออกไปพักใหญ่ๆเลยทีเดียว และเขาก็รู้สึกผิดต่อเจ้านายหน้าหวานของเขาด้วยที่ไปโมโหใส่และทำร้ายเขาแบบนั้น โดยที่ไม่ได้คิดไตร่ตรองเลยว่าทั้งหมดที่เขาพูดมานั้นเป็นเรื่องจริง... กลับเชื่อใจคนรักตัวเองมากกว่า
แต่ความเชื่อใจและไว้ใจนี่แหละ
ที่ย้อนมาทำร้ายตัวเขาเอง
'ฉันขอโทษ' ซานดึลพร่ำบอกคำขอโทษขอโพยเป็นพันๆครั้งต่อหน้ากงชานที่นั่งมองเขานิ่ง จะว่าโกรธก็โกรธ แต่จะให้ทำยังไงได้ในเมื่อซานดึลเป็นคนที่เขารัก
และจินยอง .. ก็เป็นคนที่เขารักเช่นกัน
ทำไมเรื่องน่าปวดหัวนี่ต้องมาเกิดกับเขาด้วย การเป็นคนกลางมันเป็นอะไรที่น่าอึดอัดจริงๆ จะเข้าข้างฝ่ายใดฝ่่ายหนึ่งแค่ข้างเดียวก็ไม่ได้เพราะทั้งสองคนเป็นคนที่เขารักและรู้สึกดีๆด้วย
ถ้าเขาเลือกได้
อยากจะที่ไม่เจอหน้าใครคนใดคนหนึ่งเลย
เรื่องพรรค์นี้มันคงไม่เกิด
หลังจากที่กงชานนั่งปิดปากเงียบอยู่บนโซฟาบุหนังภายในห้องผู้ป่วยมาร่วมชั่วโมงแล้วจึงลุกไปหาคนรักที่นอนน้ำตาซึมอยู่บนเตียง เขาสวมกอดร่างนุ่มนิ่มอย่างแผ่วเบา พลางลูบผมเป็นเชิงปลอบ
'ครั้งนี้ผมจะไม่โกรธ แต่ถ้าครั้งต่อไปพี่ทำอีก ผมคงต้อง...'
'พี่จะไม่ทำอีกแล้ว พี่สัญญา แต่นายอย่าจากพี่ไปนะ' ซานดึลพูดเสียงเครือสะอื้น แขนสองข้างโอบกอดตอบคนรักแน่นแล้วร้องไห้โฮออกมา จิตใจของซานดึลบอบบางมาก แต่ถ้ามีเรื่องอะไรกระทบกระเทือนจิตใจอย่างรุนแรง ก็สามารถทำอะไรสิ้นคิดได้ง่ายๆเลย
เขาคิดว่าเขาเข้าใจซานดึลมากพอแล้ว แต่กลับไม่ใช่อย่างที่คิด มีอะไรๆที่ต้องเขาใจในตัวคนน่ารักตรงนี้อีกเยอะ จากเหตุการณ์ครั้งนี้ ...
'อื้อ ผมจะไม่ทิ้งพี่ไปไหนทั้งนั้นแหละ'
แต่ใครจะรู้ว่าตัวเขาเองนี่แหละ ที่ทำให้ซานดึลต้องเป็นแบบนั้น โดยที่เขาไม่รู้ตัว ...
และการที่เขารับปากคนรักไปแบบนั้น
ตัวเขาเองก็ไม่รู้หรอกว่าเขาจะรักษาสัญญานั้นได้นานแค่ไหน ...
พอสองสามวันหลังจากนั้น ทางโรงพยาบาลก็อนุญาตให้ซานดึลกลับไปพักรักษาตัวที่บ้านได้เพราะแผลนั้นเริ่มสมานตัวและเริ่มหายดีแล้ว เพียงแค่ต้องทานยาให้หลังไปอีกหนึ่งอาทิตย์ และต้องมาตามที่หมอนัดเพื่อดูอาการของบาดแผลที่ถูกเย็บปิดปากแผลเอาไว้ แน่นอนว่าทางพี่ฮยอกซูและทาง QU รู้เรื่องที่ช่างกล้องคนเก่งเข้าโรงพยาบาล แต่อยู่ในช่วงที่งานรุมเร้าเลยไม่มีใครสามารถปลีกตัวไปเยี่ยมได้ ซึ่งซานดึลก็ไม่ได้อะไรอยู่แล้ว อีกประมาณ 1-2 อาทิตย์ก็คงกลับไปทำงานได้ปกติ
Jinyoung Part
สุดท้ายหมาน้อยของผม ก็กลับมาหาเจ้าของของมัน .... หึ
หลังจากที่เขาพาคนรักของเขากลับไปพักรักษาตัวที่บ้านเขาก็บึ่งรถมาหาผมที่อยู่คอนโดและกำลังจะออกไปที่บริษัท ผมเปิดประตูออกไป ก็เจอกงชานที่กำลังวิ่งมาหาผมที่กำลังออกห้องพอดี เขามองหน้าผมแว๊บนึงแล้วจับแขนผมลากกลับเข้ามาในห้อง หลังจากที่เขากลับไปหาซานดึลที่โรงพยาบาลวันนั้น เขาก็ไม่กลับเข้ามาอีกเลย ทิ้งให้ผมอยู่คนเดียว เลยถือโอกาสที่อยู่คนเดียวนี่แหละแต่งเพลงที่เหลือจนครบหมดทั้งและกำลังจะเอาเดโม่ไปให้พี่PDที่ทำงานร่วมอัลบั้มกับผม แต่ก็เจอกับกงชานเข้าซะก่อน
'นายมาก็ดี ..'
หมับ
ยังไม่ทันที่ผมจะพูดจบประโยค ร่างบางๆของผมก็ถูกดึงโดยร่างสูงตรงหน้าและ ปลิวมาอยู่ในอ้อมกอดของเขา ท่อนแขนของกงชานกอดผมอย่างแนบแน่นและมันรู้สึกอบอุ่นในหัวใจอย่างประหลาด
'นาย ...' ผมเรียกเขาด้วยเสียงอู้อี้ในลำคอเพราะเขากอดผมอยู่ กลิ่นหอมๆของเขาเริ่มทำให้ผมควบคุมสติตัวเองไม่ค่อยอยู่ซักเท่าไหร่ ผมยกแขนขึ้นกอดตอบร่างสูงช้าๆแล้วค่อยๆซุกใบหน้าตัวเองลงกับแผงอก ผมได้ยินนะ
เสียงหัวใจของเขา ..
เหมือนกับเสียงหัวใจของผมเลย
'คบกับผมนะ'
'..!!!'
'นะครับ' เสียงนุ่มทุ้มของกงชานดังอยู่ข้างหูของผม จนหัวใจผมวูบไหวไปกับคำพูดนั้น มือหนาสัมผัสลงบนผมนุ่มของผมเบาๆไปมา ส่งผลให้น้ำตาผมรื้นออกมาอย่างไม่รู้ตัว
ความรู้สึกมันเหมือนกับการที่เรารักใครซักคนมากๆ อยากคบกับเขา อยากดูแล อยากอยู่ข้างๆเขา แล้ววันนึงเขามาสารภาพกับเราว่าเขาก็รู้สึกเหมือนกัน
ผมปาดน้ำตาออกอย่างลวกๆเพื่อไม่ให้เขาจับได้ว่าผมแอบร้องไห้อยู่ในอ้อมกอดของเขา
ผมชอบเขา
ผมชอบเขาสุดๆเลย
ไม่สนว่าเขาจะมีใครอยู่แล้ว ไม่สนว่าเขาจะรักใครอีกคน
ไม่สนว่าเขาแคร์ใครอีกคน
สนแค่ว่า เรารักกัน มันก็คงมากพอ
'อื้อ'
ผมเดินกลับเข้ามาในห้องนอนอีกครั้ง แล้วเดินไปนั่งตรงส่วนโฮมสตูดิโอของห้อง ที่เอาไว้ทำเพลงก่อนจะเอาไปเข้าห้องอัดที่บริษัท ผมหยิบเฮดโฟนขึ้นมาใส่ตามเดิมและทำเพลงต่อให้สมบูรณ์ในส่วนที่เหลือ พี่ PD ที่บริษัทบอกผมว่ามีส่วนที่ต้องแก้ไขแค่ไม่กี่จุด ผมเลยเอามันกลับมาแก้ที่บ้าน ไม่จำเป็นต้องไปบริษัททุกวัน ผมหยิบกีต้าร์ตัวโปรดที่วางอยู่ข้างๆกันขึ้นมา ก่อนจะเสียบสายนู่นนี่ต่อเข้าLine in แล้วเริ่มแก้งานต่อ
ผมนั่งง่วนกับการลงโน๊ตตัวนั้นเขียนโน๊ตตัวนี้ลงในสมุดเขียนเพลงแล้วดีดนิ้วลงบนกีต้าร์ ดีดไปดีดมาซักพักผมก็รู้สึกเหมือนมีคนกอดหมับเข้าที่ลำตัวของผม ก่อนจะใช้หัวยุ่งๆนั่นซุกเข้ามาที่ลำคอราวกับจะอ้อน
"ชานนี่อ่า พี่ทำงานอยู่นะ"
นับวันๆลูกหมาตัวนี้มันก็ชักปีนเกลียวขึ้นทุกวันๆ กอดมั่งล่ะ หอมมั่งล่ะ เอ่อ ....มันจุ๊บผมด้วย T///////T นี่สินะที่เขาว่าเล่นกับหมา หมาเลียปาก แต่ไอ้ตัวนี้มันกัดปากผมด้วยอะ - ^ - !! ... บางครั้งมันก็มากไปจนผมดุกงชานไปหลายที แต่มันก็ไม่เคยฟังซักทีจนเหนื่อยที่จะดุจะว่า ปล่อยให้มันทำตามอำเภอใจไปอย่างนั้น
อืม ... แต่ผมก็ชอบอยู่ดีอะ-//////-
แต่เวลางานนี่ขอยกเว้น .... งานก็คืองานเว้ย
"ผมเหงานี่ฮะ~(.__. )" กงชานว่าแล้วทำเสียงอ้อนแง้วๆที่ผมได้ยินทีไรก็ใจอ่อนยวบยาบทุกที แพ้ทางเจ้าตัวโตนี่ตลอดเลย -/////- ! กงชานกอดผมจากด้านหลังไว้หลวมๆแล้วจับผมโยกไปมา กอดไว้ซักพักก็เริ่มเล่นซน เอามือสอดเข้ามาใต้เสื้อผมซะงั้น !!!
สยิวเป็นบ้าเลย T////////T
"นี่ พอเลยๆ หยุดเลยเจ้าบ้า!!" ผมจับมือกงชานออกไปจากใต้เสื้อคอกลมบางๆที่ผมใส่ทันที ก่อนที่มันจะคึกไปกว่านี้ -__- ผมเซฟไลฟ์เพลงที่แก้เสร็จไปแล้วเกือบครึ่งแล้ววางกีต้าร์ลงไว้ที่เดิม เฮดโฟนสีขาวทุกถอดออกแล้ววางไว้ข้างๆกับคีย์บอร์ด แล้วหมุนเก้าอี้หันหลังกลับไปหากงชานที่นั่งอยู่ตรงริมเตียงของผม เขามองผมแล้วยิ้มกว้าง อ่า ยิ้มแบบนี้ .... -//////-
"มานี่สิครับ" กงชานพูดแล้วตบเตียงปุๆตรงข้างๆเขาเหมือนจะให้ผมเดินไปนั่งข้างๆด้วย ผมเลิกคิ้วขึ้นแล้วลุกเดินมาหาคนรักของผม แต่ไม่ทันที่จะหย่อนตัวลงนั่ง แขนผมก็ถูกกระชากจนตัวปลิวไปนั่งอยู่บนขาขวาขอกงชานซะแล้วอ่า T/////T
แขนยาวๆสวมกอดเอวผมไว้เพียงหลวมๆ ผมที่นั่งอยู่บนขากงชานเอี้ยวตัวหันหน้าหาเขาเล็กน้อย ซึ่งตอนแรกผมนั่งหันข้างให้เขาน่ะนะ
"ตัวพี่หอมจัง" จมูกโด่งๆฟัดลงบนต้นแขนของผมเบาๆแล้วพิงใบหน้าหล่อๆไว้ตรงนั้น นี่เขาไม่คิดว่าผมจะเขินบ้างเลยรึไงนะ T////T กงชานเงยหน้ามองผมตาแป๋ว แขนสองข้างของผมยกขึ้นคล้องคอร่างสูงโดยอัตโนมัติ
"คืนนี้พี่ว่างมั้ย" เขาว่าพลางกระชับกอดเอวผมให้ตัวผมเข้าไปใกล้และกอดแน่นขึ้นกว่าเดิม
"ก็....ว่างนะ ทำไมหรอ" ผมเลิกคิ้วถามเขากลับ แต่กงชานไม่ตอบได้แต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไม่ยอมตอบผมซักที เป็นบ้ารึไง -////-
"จะไม่บอกใช่มั้ย - ^ - "
"จูบก่อนสิครับแล้วจะบอก"
ผัวะ!!
ไม่รอช้าผมใช้มือยกขึ้นฟาดหัวไอ้เด็กหื่นด้วยความไวแสง แต่ก็ใช่ว่าจะสำนึกนี่นะ โดนผมตบหัวไปขนาดนั้นก็ยังยิ้มโชว์เขี้ยวอยู่ได้ -__-////
"ดูพูดจาเข้า"
"วันนี้เรายังไม่ได้จูบกันเลยนะครับ"
ย่าห์ !!! T//////////T
ฟาดๆๆๆ
เปลี่ยนจากฟาดหัวเป็นฟาดไหล่แทนแรงๆสี่ห้าที จะฟาดหัวก็กลัวว่าจะสมองเสื่อมขึ้นมาซะก่อน -__-; แต่ลงโทษกี่ทีๆมันนก็ไม่เคยจะจำเล้ยย เรื่องแบบนี้จะทำตามอำเภอใจไม่ได้นะ T////T
ไม่ใช่ว่าผมจะไม่ชอบจูบของมันนะ กลับกัน .. ผมโครตชอบเลย (.////.) อ่า น่าอายจัง เวลาผมจูบกับเขานี่สติผมหลุดลอยไปไหนไม่รู้ เขาเป็นคนที่จูบเก่งมากคนนึงเลยแหละ..โอยผมพูดอะไรเนี่ยยยยยย แต่เวลาผมโดนมันจูบทีไรก็เกือบจะเสียตัวทุกที !!
อย่างเมื่อวันก่อนผมนั่งเล่นนอนเล่นอยู่บนโซฟา กงชานเดินมานั่งลงข้างๆผมและคว้าผมไปกอดเล่น ซึ่งผมก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร (.///.) ซักพักเจ้าหมานี่ก็เริ่มอยู่ไม่สุข หอมมั่งล่ะะจูบมั่งล่ะ รู้สึกตัวอีกทีหลังผมก็แนบลงกับเตียงแล้วอ่ะ ผมตั้งสติได้ทันจึงรีบดันตัวเขาออกและแกล้งโกรธมันไปครึ่งวันแน่ะ สุดท้ายมันก็มาง้อผมจนได้ ~
และถ้ามันทำอีกผมก็จะโกรธมันอีก - ^ -
"เจ้าเล่ห์นักนะ" ผมว่าเขาแล้วยกมือขึ้นหยิกหูกางๆของเขาไปทีสองที หมั่นไส้ -__-
"งั้นผมก็ไม่บอก" กงชานว่าแล้วจะหิ้วตัวผมลงจากตักเหมือนจะลุกขึ้นหนีผม ผมจึงใช้ท่อนแขนที่โอบคอบคอเขาอยู่กดไหล่กงชานไว้ ทำให้ลุกไม่ได้ ~
"บอกฉันมานะชานชิค -___-"
"จูบก่อนสิฮะ~"
“นี่นายเป็นโรคขาดจูบไม่ได้หรือไงกัน”
“ครับ โดยเฉพาะกับพี่น่ะ ผมขาดไม่ได้เลย”
"เว่อร์น่ะ (.////.)" ผมก้มหน้างุด "นี่สรุปจะไม่บอกใช่มั้ย"
"ก็บอกให้จูบผมก่อนไง นะครับ แค่จูบเอง" กงชานว่าพลางส่งสายตาวิบวับที่แลดูใสซื่อเหมือนลูกหมามาให้ ใครเห็นเป็นต้องระทวยแล้วใจอ่อนทุกราย รวมถึงผมด้วย แต่ใครจะรู้ล่ะ สายตาแบบนี้นี่แหละร้ายสุดๆ !!
"แค่จูบนะ"
"ครับ^^"
มือทั้งสองข้างของร่างบางเปลี่ยนมากุมประคองใบหน้าของกงชานไว้ก่อนจะโน้มหน้าไปใกล้ๆแล้วเอียงคอประทับริมฝีปากลงไปเบาๆ ตาเรียวหลับตาพริ้มเช่นเดียวกับคนใต้ร่างของเขาที่กอดรัดเอวบางไว้ ก่อนจะกระชับกอดให้แนบชิดกันมากกว่าเดิม กลีบปากของคนตัวเล็กขบเม้มกลีบปากของอีกฝ่ายแล้วบดเบียดปากหวานลงไปช้าๆ ขยับริมฝีปากตามอย่างที่ใจต้องการไปซักพักก็รู้สึกถึงแรงรุกของกงชานชิคที่เริ่มจะเล่นซนกับปากหวานๆนี่ซะแล้ว มือขวาของกงชานถูกยกขึ้นมาประคองหน้าจินยองไว้มั่นแล้วค่อยๆสอดลิ้นอุ่นเข้าไปในโพรงปากหวาน จินยองเผยอริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยเพื่อให้ลิ้นร้อนเข้าไปชิมความหวานจากด้านใน ความหวานหอมที่ต่างฝ่ายต่างก็ชอบมันโดยที่ไม่รู้สึกเบื่อ กลับชอบมากขึ้นและเข้าหากันมากขึ้นราวกับเป็นสิ่งเสพติดที่ไม่สามารถจะเลิกได้ง่ายๆ
ลิ้นนุ่มของทั้งสองเกี่ยวรัดกันอย่างหนักหน่วงและเร่าร้อนอย่างไม่มีใครยอมใคร ลิ้นเล็กๆเกี่ยวรัดลิ้นหนาของอีกฝ่ายอย่างรุนแรงก่อนจะค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นนุ่มนวลแล้วเริ่มหนักหน่วงขึ้นมาอีกครั้ง มือเล็กที่ประคองใบหน้าหล่อๆไว้กลับแปรเปลี่ยนมาขยุ้มคอเสื้อของร่างสูงโดยอัติโนมัติ
"อืออ" เสียงครางหวิวในลำคอของทั้งสองที่บ่งบอกถึงความพอใจเป็นอย่างมากดังขึ้นมาพร้อมๆกันราวกับมีอารมณ์และความรู้สึกเหมือนเป็นหนึ่งเดียวกัน
ทั้งสองพลัดกันจูบพลัดกันช่วงชิงความหวานของกันและกันมาซักพัก จู่ๆร่างของกงชานชิคก็ค่อยๆแนบลงกับเตียง ตาคมเบิกโพลงขึ้นมาก็พบว่าคนตัวเล็กที่นั่งอยู่บนตักเขานี่แหละเป็นคนดันร่างเขาลงมาในขณะที่ยังจูบกันอยู่
คนตัวเล็กดันตัวกงชานแนบลงกับเตียงแล้วก็ตามมาขึ้นคร่อมร่างสูงไว้อย่างรวดเร็ว น่าแปลกที่คราวนี้จินยองเกิดรุกเองขึ้นมา ปกติพอกงชานทำท่าจะรุกเขานิดหน่อยนี่ต้องดุด่ายาวแล้ว ซึ่งกงชานชิคก็แปลกใจเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้ขัดขืนอะไรปล่อยให้คนตัวเล็กทำมันต่อ เขาก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าร่างบางตรงหน้าที่ขึ้นชื่อว่าเป็นนักร้องดังมันจะเด็ดขนาดไหน
ปากบางค่อยๆถอนจูบออกมาแล้วเงยหน้าขึ้นมองกงชานชิคที่กำลังเคลิ้มได้ที่ ริมฝีปากบวมแดงช้ำที่ถูกจูบมานานรวมถึงสายตายั่วๆของจินยองที่ส่งมาให้มันทำให้เขาแทบจะบ้าตาย
อดทนไว้กงชานชิค..
อดทนไว้ ......
จินยองส่งสายตาราวกับเชื้อเชิญให้อีกฝ่ายพลางใช้มือบางลูบวนหน้าอกแกร่งที่ถูกปกปิดด้วยผ้าไปมา จนกงชานต้องกัดริมฝีปากตัวเองเพื่อสะกดกลั้นมันเอาไว้ ความอดทนที่จากตอนแรกมีเต็มร้อยกลับเหลือแค่ไม่ถึงห้าเปอร์เซนต์เท่านั้น กลิ่นหอมๆของกายด้านบนรวมถึงท่าทางของจินยองมันทำเขาแทบจะคลั่งตายอยู่แล้ว!!
"พี่จะออนท็อปหรือไง"กงชานถามด้วยเสียงยียวน คนตัวเล็กทิ้งตัวนั่งลงบริเวณเอวของกงชาน จนอีกฝ่ายถึงกับสะดุ้งเฮือก
ตรงนั้น .. มัน ..
จินยองไม่ตอบอะไรได้แต่ทำหน้าตาใสซื่อใส่แล้วเอียงคอไปมา ให้ตายสิ น่าขย้ำชะมัดเลยโว้ยยย TOT!!!
คนตัวเล็กมองหน้ากงชานด้วยสายตายั่วยวน ก่อนจะขยับเข้าไปใกล้ๆแล้วโน้มตัวเข้าไปจูบอีกครั้ง กลีบปากบางขยับปากเล็กน้อยแล้วดูดดึงปากล่างของกงชานเอาไว้แล้วขบเม้มเล่นก่อนที่จะสอดลิ้นเล็กๆเข้าไปหาอีกฝ่าย พลัดกันจูบแลกความหวานจากกันและกัน
มือบางที่เคยแนบอยู่บนหน้าอกของร่างสูงกลับเลื่อนต่ำลงมาเรื่อยๆบริเวณหน้าท้อง ลูบไล้วนด้านนอกซักพักแล้วค่อยๆสอดมือเข้าไปด้านใน ลูบหน้าท้องแกร่งช้าๆให้อีกฝ่ายสยิวเล่น ~
อดทนไว้กงชาน
อดทน...
อดทน ...
อดทน ...
ไม่ทนแล้วโว้ยยย
ความอดทนเส้นสุดท้ายขาดผึงทันที กงชานประคองใบหน้าคนตัวเล็กไว้แล้วจูบตอยกลับไปอย่างเร่าร้อนเหมือนอารมณ์ของตัวเองที่ครุกกรุ่น พลัดกันจูบอยู่ซักพักกงชานจึงเลื่อนมือลงต่ำแล้วค่อยๆสอดมือเข้าไปด้านในเสื้อของจินยองบริเวณเอวบางๆ
เพียะ!!!!!
เหมือนร่างทั้งร่างถูกฉุดกลับลงไปในเหวลึกขณะที่ปีนขึ้นมาได้จนเกือบจะรอดตายอยู่แล้ว จินยองรีบถอนจูบออกอย่างรวดเร็วและใช้มือตีแขนของกงชานที่กำลังลูบวนบนหน้าท้องตัวเองจนเกิดเสียงดังลั่น ก่อนจะรีบลุกขึ้นแล้วลงมายืนบนพื้น กอดอกมองหน้ากงชานที่กำลังนอนเคลิ้มได้ที่ (?)
"ลูกหมาหลงกลฉันซะแล้ว :P"
"ฮะ ?!" กงชานที่นอนงงเป็นไก่ตาแตกค่อยๆยันตัวขึ้นนั่งแล้วมองหน้าผมที่กลั้นขำอยู่
"อ่อยนิดอ่อยหน่อยอารมณ์ก็แตกกระเจิงซะแล้ว"
"นี่พี่แกล้งผมหรอ ..?"
"แกล้งอะไรกัน ฉันทดสอบนายอยู่ต่างหาก"
"ทดสอบอะไร-___-"ว่าแล้วก็ยกเกาหัวแกรกๆอย่างไม่เข้าใจ
"ความอดทนของนายไง"
ให้ตายเถอะ กงชานอยากจะวิ่งออกไปแล้วกระโดดหน้าต่างให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย -__-
ผมมองสีหน้าซีดๆของกงชานแล้วระเบิดหัวเราะออกมาดังๆหลังจากที่กลั้นขำอยู่นาน โอ้ยดูหน้ามันสิครับ ตลกชะมัด ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้เลยอะ 555555555555555555555555555555555555555555
"ตลกมากมั้ยครับ" กงชานถามผมเสียงเย็นจนผมยอมเงียบเสียงหัวเราะลงแต่โดยดี เข้ามองหน้าผมนิ่งๆ นิ่งมากจนผมไม่กล้าพูดอะไรออกไปเลย กลัวนะโว้ย แง T _ T
"ความรู้สึกของผมมันน่าขำหรอ" เขาลุกขึ้นแล้วเดินย่างสามขุมมาหาผม เท้าของผมถอยหลังอัติโนมัติจนหลังผมแนบชิดกับกำแพงห้อง
อ่า ผมโดนต้อนจนมุม T _ T
สองแขนของกงชานยกขึ้นเท้ากับกำแพงไว้ทำให้ผมขยับตัวไปไหนไม่ได้ ใบหน้าหล่อๆที่ใครเห็นเป็นต้องหวั่นไหวค่อยๆโน้มลงมาหาจนผมรู้สึกถึงลมหายใจหุ่นๆที่รดอยู่บนหน้าผากของผม
"ทีอย่างงี้ละกลัว เมื่อกี้ทำผมไม่เห็นกลัวเลย" มือหนาจับคางผมเชยขึ้นมาให้สบตากับเขา แว๊บเดียวที่สายตาเราประสานกันทำเอาหัวใจผมเต้นโครมครามไม่หยุด ตาคมมองลึกเข้ามาที่ดวงตาสั่นระริกของผม ก่อนจะค่อยๆใช้สายตาไล่ลงมามองแก้มใส ริมฝีปาก ลำคอ และต่ำลงมาเรื่อยๆ...
"พี่ไม่รู้หรอ"
"รู้อะไร .__."
"ร่างกายพี่น่ะมันน่า....." เขาเงียบไปพักนึงก่อนจะใช้สายตาเจ้าเล่ห์ๆของเขาไล่ไปตามทุกส่วนของร่างกายผมอย่าง..หื่นๆ
"น่าจับขย้ำมากเลย"เขาว่าพลางเข้ามากระซิบที่ข้างหูจนผมรู้สึกหวิวๆ
"จะ..จะไปรู้ได้ยังไง"
"ถ้าพี่ทำแบบนั้นอีก ผมจะไม่ปล่อยแล้วนะครับ" กงชานเปลี่ยนจากแขนที่เท้ากำแพงอยู่ลดลงมาสวมกอดที่เอวผมแทน พลางใช้หน้าผากของเขาแตะที่หน้าผากของผมเบาๆ (.////.)
"จะทำอะไรไอ้ลูกหมา" ผมดันหน้าผากกลับไปอย่างกวนๆ
"ก็...."เขาหยุดพูดแล้วมองหน้าผม ก่อนจะกระตุกยิ้มขึ้นมุมปาก "เดินไม่ได้ซักสองวันดีมั้ย :)"
"ลองทำสิ จะกัดหูนายให้ตายไปเลย"ผมแยกเขี้ยวขู่
"กัดเลยครับ กัดปากด้วยก็ได้ โอ้ย" ผมไม่รอให้เขาพูดจบประโยคเลยต่อยท้องเขาไปหนึ่งที
"เพ้อเจ้อ " ถึงผมจะว่าเขายังไงก็ไม่เคยโกรธเพราะเขารู้ว่าคงด่าเล่นๆ กลับกันเขายังกอดผมแน่นยิ่งกว่าเดิมซะอีก -///-
"นี่ บอกฉันมาได้แล้วว่าคืนนี้มีอะไร"
"ไปเดทกันนะครับ" กงชานคลายกอดออกแล้วมองหน้าผม ก่อนจะเอามือผมไปจับทั้งสองข้าง ผมได้แต่ยืนนิ่งๆมองหน้าเขา เขินจนทำอะไรไม่ถูก -///-
"พี่คิดว่าพี่เขินเป็นคนเดียวหรือไง" กงชานพูดเสียงแผ่วก่อนจะแกล้งเสมองไปทางอื่น แก้มของเขาขึ้นสีแดงระเรื่อจางๆ เฮ้ยเขาเขิน ไอ้ลูกหมาเขินน !! -0-
"พี่จะไปมั้ยเนี่ย"เขาหันมาพูดกับผมอีกครั้งด้วยใบหน้าเคอะเขินก่อนจะยกมือขึ้นเกาต้นคอตัวเองเบาๆ
"อื้อ ไปสิ^^"
ตกเย็น
"เลิกงานหรือยังฮะ"
"ว่างหรือเปล่า"
"มาหาผมที่ห้องหน่อยได้ไหม"
"อื้อ เหงา (.___.)"
คนน่ารักกดวางสายก่อนจะวางโทรศัพท์ไว้ข้างๆตัวแล้วหยิบไอแพดคู่ใจที่วางอยู่ข้างๆกันขึ้นมากดดูนู่นนี่นั่นไปเรื่อยแก้เหงา ก่อนหน้านี้กงชานโทรมาบอกเขาว่ามีงานด่วนต้องพาจองจินยองอะไรนั่นไปอัดรายการเลยแวะเข้ามาหาไม่ได้ ทั้งๆที่ตอนเช้าก็บอกว่าไม่มีงานอยู่แล้วเชียว แต่ช่างเถอะ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ไม่เชื่อคนรักแล้วจะไปเชื่อใครล่ะ :( ตอนนี้ซานดึลกลับไปทำงานได้ตามปกติแล้วเพราะแผลเริ่มที่จะสมานตัวและกลับมาเป็นปกติ เหลือแค่อาทิตย์หน้าเท่านั้นที่ต้องไปโรงพยาบาลตามที่หมอนัดเป็นครั้งสุดท้าย และแน่นอนว่าคนที่พาเขาไปหาหมอก็คือกงชาน เฮ้อ เขาไม่น่าทำอะไรสิ้นคิดแบบนั้นเลย :(
~~
นั่งดูนู่นดูนี่ในจอสี่เหลี่ยมเครื่องบางไปซักพักก็ได้ยินเสียงกริ่งที่ดังขึ้นจึงลุกขึ้นไปดูว่าเป็นคนที่เขาพึ่งโทร.หาเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนหรือเปล่า เมื่อจอขนาดเล็กด้านในห้องฉายภาพของเขาคนนั้นซานดึลจึงรีบเปิดประตูให้ทันที
"มาแล้วหรอฮะ"
"พี่บาโร"
ซานดึลเอ่ยทักผู้มาใหม่ด้วยน้ำเสียงสดใส จะว่าไปเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขากับเจ้าบาโรหัวสีสายไหมอยุธยานี่ไปรู้จักสนิทชิดเชื้อกันตั้งแต่ตอนไหน หรือพอเจอบ่อยๆเข้าก็เริ่มสนิทๆขึ้นมาซะเอง
พอเลขาชารู้จากเพื่อนซี้ของเขาว่าซานดึลเข้าโรงพยาบาลเพราะเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยจึงรีบบึ่งมาที่สตูฯ QU ทันที แล้วถามนู่นนี่นั่นราวกับมีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นซะงั้น
'ใครทำอะไรน้องซานดึลของพี่ T - T'
'เจ็บตรงไหน ปวดตรงไหนมั้ยครับ'
'ฮืออ พี่ขอโทษ พี่ดูแลน้องซานดึลไม่ดีพอ'
'หลังจากนี้กระผมชาซอนอูจะขอดูแลน้องเองนะครับT _ T'
ในเมื่อเจ้าตัวเสนอเองว่าอยากดูแลอย่างนู้นอย่างนี้ เขาก็ไม่อยากจะขัดศรัทธา ดีซะอีกมีคนมาดูแลเพิ่มขึ้นมาอีกคนนอกจากกงชาน เวลาเหงาหรือมีเรื่องให้ช่วยเขาก็บอกให้โทร.หาเขาได้ตลอด ซึ่งมันก็เป็นประโยชน์ต่อตัวเขาเองอ่ะนะ
แต่ที่เขาแปลกใจก็คือกงชานรู้เรื่องนี้ รู้ว่าบาโรชอบเขา จากปากของซานดึลเอง ตอนแรกก็กลัวๆว่าจะโดนด่ามั้ยเพราะเห็นเคยห่วงเคยหวง แต่กลับไม่ว่าอะไรซักคำแถมยังเห็นดีเห็นงามด้วยซะอีก -0-;;
'อ๋อ พี่บาโรอ่ะหรอครับ อืมม ก็ดีนะจะได้มีคนดูแลพี่เพิ่มอีกคนนอกจากผม '
เรียกได้ว่าซานดึลทั้งเงิบทั้งงงไปพักใหญ่ ปกติเขาก็ต้องโวยวายโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยงแล้ว แต่ทำไม .. เขากลับนิ่งเฉย และเมื่อถามว่าทำไมถึงไม่ห้ามล่ะไม่โมโหล่ะ เขาก็ตอบกลับมาว่า
'ผมเชื่อใจพี่'
แค่นั่นแหละซานดึลก็พอจะโล่งใจไปอีกเปราะว่ากงชานก็ยังรักเขาอยู่
"ยืนคิดอะไรอยู่ซานดึล" เสียงทุ้มๆของคนตรงหน้าเรียกสติของคนน่ารักให้กลับคืน ซานดึลหัวเราะแห้งๆก่อนจะตอบปัดๆไปว่าไม่มีอะไรหรอก และลากเข้ามาในห้อง
"กินอะไรหรือยัง พี่ซื้อพิซซ่ามาฝากก *0*" ถุงใส่พิซซ่าถาดกลางถูกยกขึ้นตรงหน้าซานดึล คนน่ารักยิ้มแก้มปริก่อนจะวิ่งหายเข้าไปในครัว หยิบจานช้อนส้อมสำหรับสองคนมาให้พร้อมแล้วเอามาวางลงบนโต๊ะ
ยิ่งเขาเข้าใกล้ซานดึลมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเผลอใจไปรักมากขึ้นเท่านั้น ถึงแม้จะรู้ว่าเขาคงไม่มีทางหันมอง แต่เขาเชื่อว่าซักวันนึง ถ้าซานดึลไม่เหลือใคร ก็ยังมีเขาพร้อมที่จะอยู่เคียงข้างเสมอ
"อร่อยจัง" ซานดึลพูดด้วยน้ำเสียงดีใจอย่างขั้นสุดหลังจากที่กัดพิซซ่าเข้าไปคำแรก ใบหน้ายิ้มแย้มที่ปรากฏบนหน้าคนน่ารักนี่ยิ่งทให้ซอนอูหวั่นไหวเข้าไปใหญ่
"ถามอะไรหน่อยสิ"ซานดึลที่กำลังตักสปาเกตตี้ซอสครีมอยู่พูดถามคนตรงหน้า
"หืม"
"พี่เกิดปีอะไร"
"1992 อ่ะ ทำไมหรอ*0*" ทำไมต้องส่งสายตาวิ้งวับแบบนั้นมาด้วยนะ -__-
"กล้ามากนะ ให้เรียกว่าพี่เนี่ย"
"ฮะ ?!"
"ฉันเกิดปีเดียวกับนาย!!"
กริบ ...
"กล้าดียังไงมาเรียกฉันว่าน้องฮะ ?!โอย แล้วฉันก็เรียกนายว่าพี่มาตั้งนาน น่าขำจริงๆ"
"กะ...ก็ฉันเห็นนายหน้าเด็กอะ T _ Tเห็นว่าเป็นรุ่นน้องฮยอกซูด้วย ก็เลย ..."
"งั้นนายก็คงหน้าแก่สินะ-__- เออนี่ อายุเท่าฉันแล้วไปเป็นเพื่อนพี่ฮยอกซูได้ยังไง"
"ก็เพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว เรียกกูมึงจนติดเป็นนิสัย"
"งั้นฉันกับนายนี่พอจะเรียกกูมึงได้ป่ะ"
"แค่กๆ อะไรนะ" บาโรที่กำลังกระดกโซจูอยู่สำลักน้ำขึ้นมา ก่อนจะมองหน้าซานดึลที่นั่งทำตาแป๋วปากเป็ดๆส่งมาให้
"ก็จะได้สนิทมากกว่านี้ไง" ซานดึลว่าพลางเข้ามากอดคอบาโรที่นั่งตัวแข็งทื่อเป็นขอนไม้อยู่
ซะ...ซานดึลกอดคอเขา TOT!!!
"โอเคมั้ยบาโร" คนน่ารักถามย้ำแล้วล็อคคออีกฝ่ายมาใกล้ๆจนกลิ่นหอมแบบเด็กๆของเจ้าตัวลอยมาทักทายประสาทสัมผัสของบาโร
โฮรวว
น่าจับฟัดมากก T___T
"อะ..อะโอเค"
"หลังจากนี้มึงเป็นเพื่อนสนิทกูแล้วนะบาโร"
ทำไมคนน่ารักมักฮาร์ดคอร์ ...
"อะ...เออ"
บาโรตอบแล้วหัวเราะแห้งๆให้ คนแก้มป่องยกยิ้มกว้างอย่างพอใจแล้วหยิบแก้วโซจูของตัวเองมายกขึ้นดื่มแล้วส่งให้บาโร
"ดื่มสิ"
"??"
"ดื่มสาบานไงเจ้ากระรอก" ซานดึลพูดแถมตั้งฉายาให้ บาโรรับแก้วมาจากซานดึลแล้วยกมันขึ้นดื่ม
"นายกับฉัน ไม่สิ กูกับมึงจะเป็นเพื่อนกัน .. ตลอดไป" ซานดึลพูดอย่างมุ่งมั่น แล้วหันมายิ้มให้บาโร ก่อนจะยกนิ้วก้อยยื่นมาตรงหน้า
"สัญญาได้มั้ย ว่าจะเป็นเพื่อนกันตลอดไป"
เพื่อนกัน ..งั้นหรอ
"สัญญาสิซอนอู" ซานดึลเร้า
แล้วถ้าเขาผิดสัญญาล่ะ
ซานดึลจะโกรธเขามั้ย
"แล้วถ้าฉันผิดสัญญาล่ะ .. นายจะโกรธมั้ย" บาโรตัดสินใจเอ่ยถามไปตรงๆ
เขาทำไม่ได้หรอก
ที่จะให้เป็นแค่เพื่อน ...
เพื่อนที่ไหนเขาแอบรักเพื่อนกัน ..
ทันทีที่ซานดึลได้ยินคำถามนั้น จากใบหน้าที่ยิ้มแย้มกลับสลดลงอย่างเห็นได้ชัด เอาแต่ก้มหน้างุดไม่มองหน้าเขาเลย
"กะ..กูแค่ถามเฉยๆน่าา อย่าคิดมากเลย" บาโรเอื้อมมือไปจับบ่าซานดึลเบาๆเป็นเชิงปลอบ หน้ากลมๆเงยขึ้นมามองหน้าบาโร แล้วพูดออกมา
"มึงไม่ผิดสัญญาหรอก กูเชื่อใจมึง" พูดจบก็ชูนิ้วก้อยขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อเห็นบาโรเอาแต่มองหน้าเขาจึงทำหน้างอนๆแล้วพูดเป็นเชิงว่าจะไม่สัญญาจริงๆหรอ L
สุดท้ายบาโรก็ตัดสินใจเกี่ยวก้อยสัญญากับอีกฝ่ายไป ส่วนเรื่องนั้นค่อยเอาไว้คิดทีหลัง ..
"อือ กูสัญญา"
การที่เราให้สัญญากับใครไป แล้วรู้ว่ามันทำไม่ได้ แต่มันก็ต้องทำ เพื่อให้อีกฝ่ายเชื่อใจ
แต่ในขณะเดียวกัน มันก็เป็นสิ่งที่ทำลายความเชื่อใจชั้นดี
มือหนาจับผ้าห่มให้คลุมมาถึงแค่กลางหน้าอกของซานดึล ที่ก่อนหน้านี้เริ่มเมาหน่อยๆแล้ว บาโรจึงจับซานดึลขึ้นเตียง (?) แล้วนั่งเฝ้าอีกฝ่ายจนหลับสนิท เขาจึงห่มผ้าให้แล้วนั่งมองใบหน้ากลมๆแก้มป่องๆที่เขาหลงรักในความน่ารักนี่ตั้งแต่แรกเห็น แก้มใสขึ้นสีแดงจางๆจากฤทธิ์โซจูที่ดื่มไป อดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือขึ้นไปลูบแก้มนิ่มนั่นอย่างแผ่วเบา
เราเป็นเพื่อนกัน ...
ใช่ . . เพื่อน
เพื่อนแค่ในนาม แต่ไม่ใช่ในความรู้สึก
บาโรนั่งมองซานดึลนอนหลับอย่างไม่รู้เบื่อ หรือเพราะนี่คงเป็นแค่ทางเดียวที่เขาสามารถมองซานดึลได้โดยไม่ต้องแอบ ไม่ต้องเขิน และไม่ต้องปิดบังความรู้สึก ถึงแม้เขาจะเคยบอกว่าชอบ แต่ดูเหมือนคนๆนี้จะไม่ใส่ใจ และคงลืมมันไปนานแล้ว
เขาควรจะทำอย่างไร ?
แอบรักเพื่อนที่เขาคิดกับเราแค่เพื่อน และมีเจ้าของอยู่แล้ว
แต่การอยู่เคียงข้างและดูแลกันแบบนี้ มันคงจะดีกว่าการตัดใจแล้วถอยห่าง อย่างน้อยเขาก็สามารถใกล้ชิด
กันได้ โดยมีคำว่า 'เพื่อน' นั้น เป็นตัวเชื่อม
เขาแอบหวังว่าซักวัน .. ใช่ ซักวัน
ซานดึลจะหันมองมาทางเขาที่อยู่ตรงนี้บ้าง
แค่หนึ่งนาที มันก็พอแล้วสำหรับคนอย่างเขา
นิ้วมือของบาโรลูบแก้มเนียนใสไปมาก่อนจะระบายยิ้มออกมาบางๆ แต่สายตาก็พลันหยุดอยู่ที่ริมฝีปากอิ่มสีแดงสด นั่นยิ่งทำให้ใจสั่นเข้าไปใหญ่
‘ คิดอะไรอยู่วะบาโร ‘
เขาย้ำเตือนสติตัวเองแต่ดูเหมือนหัวใจมันจะไม่เคยฟัง ลมหายใจที่สม่ำเสมอทำให้เขาแน่ใจว่าคนบนเตียงนี้หลับสนิทดีแล้ว จึงค่อยๆโน้มหน้าเข้าไปใกล้ๆจนรู้สึกถึงลมหายใจของอีกฝ่าย ยิ่งใกล้ก็ยิ่งหวั่นไหว .. ไม่รอช้าจึงทาบริมฝีปากตัวเองลงไปบนกลีบปากอวบอิ่มคู่นั้นอย่างแผ่วเบาพร้อมกับเสียงหัวใจของเขาที่เต้นรัวราวกับจะระเบิดออกมา
ขอโทษนะ
แต่กูคิดกับมึงแค่เพื่อนไม่ได้จริงๆ
I don't want to be your best friend
I only want to be your lover
When will this end?
If I told you that I want to be in your life?
If you could be the woman in mine
ฉันไม่อยากเป็นแค่น้องชาย
ไม่อยากเป็นแค่เพื่อนสนิท
ฉันแค่อยากเป็นคนรักของเธอ
มันจะลงเอยเมื่อไร
ถ้าฉันบอกเธอไปว่าฉันอยากอยู่ในใจเธอ
และเธอจะเป็นคนเดียวในใจ
ความคิดเห็น